ตอนที่ 62 : ตอนที่ ๕๙ ตงฮองเฮา
ตอนที่ ๕๙ ตงฮองเฮา
เมื่อตงฮองเฮาส่งเชิญเทียบมาเป็นทางการขนาดนี้ข้าคงจะปฏิเสธไม่ได้แล้ว หากจะปฏิเสธย่อมปฏิเสธได้แต่มันไม่คุ้มกับผลเสียที่จะตามมา ถ้าปฏิเสธไปนั่นเท่ากับว่าข้าหักหน้าราชวงศ์ ตำแหน่งของท่านพ่อในยามนี้ค่อนข้างสุ่มเสี่ยง ไม่ดีแน่หากข้าผู้เป็นบุตรชายจะแข็งข้อต่อราชวงศ์อย่างเปิดเผย โอนอ่อนลดความรุนแรงของความขัดแย้งน่าจะดีกว่า แถมอีกฝ่ายยังแสดงเจตนาไม่ชัดเจน บางทีพวกเขาอาจจะต้องการความช่วยเหลือจริงๆ ไม่มีอะไรแอบแฝงก็เป็นไปได้
ข้าครุ่นคิดอย่างใจเย็น
คำเชิญของตงฮองเฮามิใช่เรื่องที่ข้ากังวล ที่ข้ากังวลอยู่คือการรักษาตงฮองเฮา
พลังรักษามันรักษาได้แค่บาดแผล ข้อนี้คนที่อยู่สายพลังรักษาน่าจะรู้ดีอยู่แล้ว แต่เพราะเรื่องกุหน้าตายของฉินอ๋องต่างหากที่กำลังสร้างปัญหาให้แก่ข้า ไปรักษาโรคประหลาดกับหมอเทวดาและเรียนรู้วิชามาเล็กน้อย... คำว่าเล็กน้อยคนเหล่านั้นคงตีความว่าข้าถ่อมตัว เอาเข้าจริงๆ ข้ามิใช่หมอ จะให้มารักษาโรคภัยไข้เจ็บสารพัดได้อย่างไร
จะให้ข้ารักษาโรค โธ่เอ๊ย แค่ตรวจโรคข้ายังไม่รู้เรื่องเลย จะให้ข้ามขั้นไปรักษาโรคนี่ออกจะเกินไปหน่อยกระมัง หากพลังเยว่ตี้รักษาได้จริงข้าคงไม่ต้องนอนซมอยู่บนเตียงสองสามวันแบบนั้นหรอก พลังเยว่ตี้ไม่อาจทำอะไรที่ละเอียดซับซ้อนเช่นการรักษาโรคได้หรอกนะ
‘จงหาย’ เดี๋ยวกลายเป็นหายไปจากโลกเลยน่ะสิ!
ปัญหาก็คือข้าไม่ใช่หมอ ตรวจหาสาเหตุหรือจ่ายยาไม่เป็น ต่อให้ใช้พลังอาณาเขตเยว่ตี้รักษาแต่ไม่นานมันก็กลับมาเป็นอีกเหมือนเดิม พลังเยว่ตี้ดูเหมือนจะทำได้ทุกอย่างก็จริง แต่มัน ‘เหมือน’ ไม่ใช่ทำทุกอย่างได้จริงๆ สามารถลบสิ่งที่มีอยู่แต่ไม่สามารถสร้างสิ่งใดๆ จากความว่างเปล่าได้
ข้าจะมั่วอย่างไรให้รอดปลอดภัย? หากมั่วจนโดนจับได้จะถูกตัดหัวหรือไม่นะ?
คงเป็นกรรมตามสนองที่โกหกชาวบ้านเอาไว้ แม้ว่าใบหน้าของข้าจะสงบเยือกเย็นแต่ท้องกลับปวดจี๊ดๆ ความกังวลสะสมมาทั้งวันกำลังโจมตีท้องของข้าอย่างหนักหน่วง ยิ่งคิดก็คิดปวดหัว
「ถิงเอ๋อร์ นี่เจ้าไม่กังวลเลยหรือ?」ท่านแม่ลอยทะลุกำแพงห้องเข้ามาร้องถามเสียงแหลม ใบหน้างดงามของนางบิดเบี้ยวอย่างไม่อยากจะเชื่อสายตา เมื่อเห็นข้ากำลังนั่งปักลวดลายของชุดอยู่ในห้องนั่งเล่น ข้าเพียงชะงักไปแวบหนึ่งแล้วก้มหน้าก้มตาปักผ้าต่อ เลือกจะพูดกับมารดาทางในใจแทน เพราะในห้องมีเด็กรับใช้ที่เปลี่ยนธูปเวลาและจุดเทียนให้แสงสว่าง ถ้าข้าพูดออกไปมีหวังถูกมองเป็นคนบ้าอย่างแน่นอน
“ท่านแม่ ข้ากังวลจะตายอยู่แล้ว”
ท่านแม่ลอยมานั่งเก้าอี้ถัดจากข้าพร้อมกันนั้นก็กลอกตามองมาแวบหนึ่ง สีหน้าเอือมๆ พยักหน้าพูดเชิงประชดประชันน้ำเสียงหมั่นไส้ชัดเจน
「ดูเจ้ากังวลมากจริงๆ」
“โธ่ ท่านแม่ อย่าดูแต่ภายนอกสิขอรับ ข้ากังวลใจจริงๆ เพียงแต่ไม่แสดงออกมาเท่านั้น หากข้าแสดงออกมาต้องมีคนสงสัยคอยจับผิดอยู่เป็นแน่ แล้วจากนั้นพวกเขาจะสืบรู้ว่าแท้จริงข้าเป็นเพียงหมอเถื่อน มีหวังตอนนั้นทั้งข้า ท่านพ่อและฉินอ๋องจะต้องเดือดร้อนไปตามๆ กันแน่ ข้าแสดงออกอย่างเยือกเย็นแล้วค่อยๆ คิดแก้ไขไปดีกว่าจะตื่นตูมให้เสียเรื่อง”
พอข้าอธิบายไปยาวเหยียด ท่านแม่ก็มองข้าราวกับไม่เคยเห็นมาก่อน สีหน้าดูไม่ได้เลย ไม่รู้ว่าอยากจะร้องไห้หรือดีใจกันแน่ นางพยายามกล้ำกลืนอารมณ์อันหลากหลายแล้วยิ้มออก สีหน้าสดใสกว่าตอนที่ปรากฏตัวในตอนแรกมากนัก พยักหน้าหงึกหงักพอใจข้าจนตาเป็นประกาย
「ดีๆ เช่นนี้สิถึงจะสมกับเป็นลูกข้า ปัญหาแค่นี้จะมัวแต่กลัวจนตัวสั่นได้อย่างไร พรุ่งนี้แม่จะไปกับเจ้าด้วยเพื่อจะได้ช่วยเหลือในกรณีที่เกิดเรื่องขึ้น พ่อของเจ้าจะไปส่งถึงหน้าวังหลังและจะรอจนกว่าเจ้าจะกลับมา เจ้าเพิ่งจะหายไข้อย่าได้กังวลมากเกินไปนัก ต่อให้ฟ้าถล่มลงมาก็ยังมีแม่กับพ่อของเจ้าที่จะยืนค้ำฟ้าให้」
ข้ายิ้มออกมาพร้อมกับพยักหน้า ความรู้สึกตื้นตันล้นออกมาจากอก อบอุ่นจนร้อนผ่าว ข้าแอบเขินเล็กน้อย ไม่ชินจริงๆ เพราะชีวิตที่แล้วไม่มีแบบนี้เลยสักครั้ง ข้าในชีวิตที่แล้วความอบอุ่นและการช่วยเหลืออย่างไร้เงื่อนไขจากบิดามารดานั้นเป็นสิ่งที่ขาดแคลนมากที่สุด
「ยิ้มอันใด ไปกินข้าวได้แล้ว!」ท่านแม่เห็นข้ายิ้มกริ่มน่าหมั่นไส้ก็ฟาดมือใส่ แต่มันทะลุผ่านข้าไปเย็นเยือกจนขนลุกซู่ นางจิปากทำหน้าตึงๆ แก้เขิน กระแทกเสียงสั่งแล้วลอยออกไปในทันที
รอยยิ้มบนใบหน้าของข้ายังไม่จางหายแม้อีกฝ่ายจะหายไปแล้วก็ตาม เด็กรับใช้เดินก้มตัวเดินผ่านหน้าข้านั้นเหลือบมองมาด้วยความสงสัย ข้ามองตอบกลับไปพร้อมกับยกยิ้มบางๆ ให้ เขาเบิกตาหน้าแดงซ่านรีบสาวเท้าออกไปอย่างรวดเร็ว ไม่รู้ว่าอายหรือกลัวกันแน่ ข้ากลับมาสงบราบเรียบเช่นเดิม วางของในมือเรียกจื่อลู่มาเก็บอุปกรณ์เย็บปัก จากนั้นก็ลุกเดินไปยังเรือนใหญ่เพื่อกินข้าวเย็น มีชิงลู่เดินติดตามหลังมาติดๆ
ระหว่างที่พวกเรากินข้าวบรรยากาศอึดอัดอย่างยิ่ง ย่าน้อยพยายามชวนคนนู้นคนนี้พูดคุยสร้างบรรยากาศที่ดี ฮูหยินสามยังคงอ่อนหวานเรียบร้อยตอบรับย่าน้อยเป็นอย่างดี ส่วนท่านพ่อนิ่งเฉยไม่ใส่ใจสิ่งใดเหมือนเดิม เซี่ยเหยียนเหว่ยนั้นจ้องข้าอย่างจะกินเลือดกินเนื้อ เคียดแค้นอะไรเช่นนั้น ปริมาณข้าวแต่ละมื้อที่ข้ากินเข้าไปนั้นน้อยมากหลังจากกลับมาอยู่ที่สกุลเซี่ย โดยเฉพาะมื้อนี้ยิ่งน้อยเป็นพิเศษ
เมื่อทุกคนอิ่มท่านพ่อก็คุยนัดแนะเข้าวังไปเข้าเฝ้าตงฮองเฮาในวันพรุ่งนี้ ระหว่างคุยฮูหยินสามแอบชำเลืองตามามองเล็กน้อย เซี่ยเหยียนเหว่ยจ้องข้าอย่างดุร้าย ไม่คิดจะปิดบังความอิจฉาท่วมท้นนั้นเลยสักนิด ข้าที่ถูกจ้องรู้สึกคันหยุกหยิกทั้งตัวแล้ว พอคุยเสร็จท่านพ่อก็ผละจากไปอย่างรวดเร็วเช่นเดิม ตามมาด้วยข้าที่ล่ำลาท่านย่าน้อยแล้วรีบถลาออกไปจากสายตาที่กะจะแผดเผากันเป็นเถ้าถ่าน หากเปลี่ยนตัวได้ข้าจะโยนให้เซี่ยเหยียนเหว่ยอย่างเต็มใจเลยละ
พอพ้นออกมาข้าก็ถอนหายใจโล่งอก เดินกลับมายังเรือนหงเหมย อาบน้ำเตรียมตัวเข้านอน จื่อลู่และชิงลู่ออกไปหลังจากข้าเอนตัวนอนบนเตียงแล้ว ทันทีที่ประตูห้องปิดลงสนิทข้าก็เด้งตัวลุกขึ้นมา ก้าวลงจากเตียงย่องไปสังเกตทั้งสองหนุ่มหยก พวกเขานั่งคุยกันไม่ไกลจากหน้าห้องนอนของข้า เรื่องที่พูดไม่พ้นเรื่องที่ข้าจะไปรักษาตงฮองเฮา ให้ตายเถิด พวกเขายกย่องชื่นชมข้าเสียเลิศลอย ข้าได้ยินยังรู้สึกอายตัวม้วนเลย พวกเขาช่างเป็นเด็กน้อยที่ใสซื่ออะไรเช่นนี้!
ลอบมองจนแน่ใจว่าทั้งสองจะไม่เข้ามายุ่งกับห้องนอนข้าก็สร้างอาณาเขต เดินเข้าไปในนั้นเพื่อเคลื่อนย้ายตัวไปยังอาณาเขตที่อยู่วังหย่งเฮ่า ชั่วอึดใจข้าก็มาอยู่ที่ห้องนอนของฉินอ๋อง มีอาการวิงเวียนเล็กน้อยแต่ก็ไม่ได้รุนแรงมาก สักพักหนึ่งก็หายดีเป็นปกติ
ข้ามองไปรอบๆ ไม่เห็นเงาตัวเจ้าของห้อง สงสัยจะยังทำงานอยู่กระมัง เจ้าแมวยิ่งเป็นพวกอยู่ดึกบ้าทำงานเสียด้วย ในชีวิตที่แล้วเขาทำงานสามวันสามคืนไม่หลับไม่นอนก็ยังมี ที่แย่ไปกว่านั้น พอไปเตือนคนหัวดื้อก็มองตาขว้างไล่ออกมาอย่างไม่ไว้หน้ากันเลยสักนิด ข้ากลายเป็นที่หัวเราะเยาะของคนในวังหย่งเฮ่าไปสามวันสามคืน จากนั้นมาข้าก็ไม่เคยยุ่งเกี่ยวหรือพูดถึงเรื่องงานของเขาอีกเลย เข็ดขยาดและจำขึ้นใจ
ข้าเดินสำรวจห้องเล็กน้อยแล้ววกมานั่งขัดสมาธิหลับตารวบรวมลมปราณที่เตียง นั่งดึงพลังจากหินจันทรามาปรับเป็นลมปราณภายในตัว ช่วงนี้พลังเริ่มขึ้นอย่างเชื่องช้า ยิ่งขั้นสูงก็ยิ่งทะลวงขั้นได้ยากตามไปด้วย ตอนนี้ข้าอยู่ในขั้นหกช่วงต้นแล้ว ใช้เวลาอีกระยะหนึ่งคงจะขยับไปยังช่วงกลางได้ ถือว่าเป็นการเลื่อนขั้นที่รวดเร็วจนน่าตกใจ อายุเท่านี้กลับสำเร็จถึงขั้นหกแล้วถือว่าเป็นอัจฉริยะมีพรสวรรค์อย่างยิ่ง ในสายตาคนภายนอกล่ะนะ แต่ข้ารู้แก่ใจดีว่าตนเองใช้ของโกง!
นานนับชั่วยามแต่ก็ยังไม่เห็นวี่แววว่าเจ้าของห้องจะกลับมา ข้าลืมตาจ้องมองไปที่หน้าประตูห้องรอคอยจนกระทั่งเปลือกตาเริ่มหย่อน ดึกขนาดนี้แล้วเขาไปไหนกันนะ วันนี้เจ้าแมวไม่ได้ไปหาข้าที่จวนเพราะเขาต้องไปค่ายทหารจัดการ ข้าเข้าใจดี โล่งใจด้วยซ้ำที่ไม่ต้องมานั่งอึดอัดใต้แรงกดดันของท่านพ่อกับฉินอ๋อง รอแล้วรอเล่าจากนั่งข้าก็เปลี่ยนเป็นนอนแทน กระทั่งผล็อยหลับไปยามใดก็ไม่รู้สึกตัวเลย
ในความมืดอันเลือนรางข้ารู้สึกได้ถึงการเคลื่อนไหวที่เข้ามาใกล้เรื่อยๆ ข้าตื่นจากการหลับแสนสบาย การฝึกฝนทำให้ประสาทสัมผัสของข้าฉับไวยิ่งขึ้น แม้จะเป็นการเคลื่อนไหวเล็กน้อยข้าก็ยังรับรู้ได้ ฝีเท้าเงียบเชียบราวเจ้าแห่งราตรีเยื้องย่างตรงมาที่เตียง ไม่ต้องเดาให้ปวดหัวก็รู้ว่าเป็นใคร ข้ายันตัวลุกขึ้นหันไปมองฉินอ๋องที่กำลังสอดตัวเข้ามาในผ้าห่ม
“นี่มันกี่โมงกี่ยามแล้ว?” ข้าตั้งคำถามออกไปเพื่อถามถึงเวลา ไม่รู้ว่าเผลอหลับไปนานแค่ไหนแล้ว น้ำเสียงของข้าติดจะงัวเงียเล็กน้อยจึงฟังคล้ายคนอารมณ์เสีย คนถูกถามชะงักตัววูบหันมามองข้า ใบหน้านิ่งเรียบของเขาดูเย็นชา
ข้ากะพริบตาปริบๆ งุนงงกับการตอบสนองของเจ้าแมว อันใดกัน? ข้าอยากรู้ว่ายามใดแล้วแต่เหตุใดต้องมองเช่นนั้นด้วย ไม่นานข้าก็เข้าใจว่าเขาเป็นอะไร หน้าของข้าร้อนวูบกำลังอ้าปากแก้ตัว แต่ฉินอ๋องชิงพูดมาเสียก่อน
“ฟังคล้ายภรรยาหึงหวงที่สามีกลับบ้านดึกดื่น”
“ข้าไม่ได้หมายความเช่นนั้น ท่านอย่าเข้าใจผิด ข้าแค่ถามเวลาเฉยๆ” ข้ารีบร้อนแก้ตัว ไม่อยากให้เขาเข้าใจผิดว่าข้าใจแคบคิดระแวงหึงหวง ข้าเข้าใจว่าเขาไปทำงาน ไม่ได้คิดเป็นอื่นไกลเลยจริงๆ ฉินอ๋องจ้องมองข้าด้วยสีหน้าแววตาที่คาดเดายากว่ากำลังคิดสิ่งใดอยู่ ยิ่งหันหลังให้แสงเช่นนี้ยิ่งทำให้มองไม่เห็นใบหน้าที่อยู่ในความมืดของเขา ดวงตาคมจ้องมองนิ่งเงียบทำเอาใจคอข้าไม่ดี ฉินอ๋องยังคงใช้ความเงียบกดดัน
ก่อนที่ข้าจะสติแตกเขาก็ดันเอนตัวนอนลงลงใช้มือเท้าศีรษะนอนตะแคงด้วยท่าทางเกียจคร้าน เขาโพล่งประโยคชวนเข้าใจผิดแบบไม่อธิบายหน้าอธิบายหลัง
“ข้าไปย่องเบาเข้าห้องสตรีมา”
หะ!?
มิใช่ตกใจคำพูดแต่ตกใจคนพูดแทน สีหน้าแววตานิ่งทื่อ ตอนแรกข้าก็ตกใจแต่ไม่นานหลังจากครุ่นคิดข้าก็ยิ้มออกมาเล็กน้อยแล้วถามกลับอย่างใจเย็น
“แล้วเป็นอย่างไร?”
เจ้าแมวชำเลืองขึ้นมามองข้าแวบหนึ่ง ข้าก็แจกยิ้มสดใสให้ เจ้าแมวเหมือนจะหงุดหงิดไม่พอใจ เขาทำเสียงขึ้นจมูกแล้วยกตัวมานอนตักของข้า ข้ายืดตัวขึ้นก้มมองเจ้าแมวตัวโตคว้ามือของข้าไปขบเล่น ข้าก็ยอมให้เขาขบจนพอใจ
“ข้าเข้าไปห้องสตรีเจ้าไม่หึงบ้างเลยหรือไง?” เจ้าแมวพาลพึมพำต่อว่าหลังจากขบมือของข้าอยู่นาน ข้าแอบหัวเราะคนที่พยายามทำให้ผู้อื่นหึงหวงตนเอง ดูเอาเถิด เจ้าแมวตัวนี้! ข้าขยับมือไปบีบใบหน้าหล่อคมคายแล้วพูดพลางอมยิ้มไปด้วย
“ข้าหึงก็ได้ บอกมาสิ สตรีนางนั้นคือผู้ใดกัน? ถึงขนาดทำให้ฉินอ๋องผู้ยิ่งใหญ่ลักลอบเข้าห้องได้เช่นนี้”
“เจ้าไม่จริงใจเอาซะเลย” ฉินอ๋องปัดมือข้าออกจากหน้าของเขา พ่นลมหายใจออกมาด้วยความขุ่นเคือง เสียงทุ้มต่ำพึมพำในลำคอฟังเหมือนโมโหปนน้อยใจ
ที่ข้าไม่คิดมากเป็นเพราะใจเย็นและมีสติมากพอ เจ้าแมวแสนน่ารักของข้าไม่น่าจะทำตัวเป็นแมวขโมยกับผู้ใดอีก และข้าพอคาดเดาได้ว่าเขาไปที่ใดมาจึงไม่หัวร้อนเข้าใจผิดไปก่อน ครั้งนี้เขาแกล้งข้าไม่สำเร็จก็ทำเป็นอารมณ์เสียหงุดหงิดใส่ หึๆ จะแกล้งข้ามันไม่ง่ายๆ เช่นนั้นหรอก
ข้ากำลังเพลิดเพลินกับชัยชนะในครั้งนี้ก่อนจะชะงักตัวก้มมองคนนอนตัก ข้าพูดอะไรไม่ออก เจ้าแมวทำหน้านิ่งไม่รู้ไม่ชี้ใดๆ แต่มือของเขานั้นปลดสายรัดเอวของข้าไปแล้ว รวดเร็วชั่วอึดใจจริงๆ แม้แต่ข้ายังไม่รู้ตัวจนกระทั่งรู้สึกถึงปลายนิ้วไต่ไปตามผิวกาย ข้าถอนหายใจ จับมือของเขาไว้แล้วพูดสีหน้าจริงจังเป็นงานเป็นการ
“ท่านไปห้องตงฮองเฮาแล้วเป็นอย่างไรบ้าง?”
ฉินอ๋องพลิกตัวลุกขึ้นนั่ง มือของเขาที่ข้าจับไว้ก็หลุดไป ใบหน้าคมสันแผ่ไอเคร่งขรึมจริงจังออกมา มือหนายกขึ้นมาลูบไล้หน้าของข้าพลางเอ่ยด้วยน้ำเสียงเยือกเย็น
“ตงฮองเฮานั้นเป็นโรคหัวใจมาตั้งแต่กำเนิด แต่ด้วยอำนาจตระกูลตงจึงทำให้นางได้ตำแหน่งฮองเฮาไป ร่างกายของนางอ่อนแออยู่แล้วพอคลอดบุตรชายก็ยิ่งอ่อนแอลงไปอีก แม้ได้โอสถวิเศษเพียงใดก็มิอาจจะรักษาโรคตั้งแต่กำเนิดได้ ยังไม่นับว่าตงฮองเฮานั้นอยู่ที่วังหลังซึ่งเจ้าน่าจะรู้ว่ามันเป็นสถานที่เช่นไร”
“หากเป็นโรคตั้งแต่กำเนิดคงจะรักษาอะไรไม่ได้” ข้าพยักหน้าพึมพำพลางครุ่นคิดอย่างตั้งอกตั้งใจ แล้วเหตุใดฉินอ๋องถึงได้ขยับหน้าเข้ามาใกล้จนลมหายใจอุ่นๆ รดกันเช่นนี้เล่า แล้วยังดวงหน้าหล่อเหลาคล้ายกับกำลังยิ้มแต่มองอีกครั้งก็ไม่มียิ้มนั้นอีก ปลายนิ้วแข็งกระด้างยังคงลูบไล้ตามใบหน้าของข้าเชื่องช้า แลยั่วเย้าหน่อยๆ ข้าสมาธิไขว้เขว พยายามแข็งใจสู้เจ้าแมวยั่วเต็มที่
“เปล่า ที่นางล้มป่วยในตอนนี้เป็นเพราะพิษในตัวรุมเร้าต่างหาก”
“พิษงะ...งั้นหรือ?”
ทำไมเสียงแหบแตกพร่าเช่นนั้นเล่า? ใจของข้ากระตุกวาบ ตัวแข็งทื่อเมื่อริมฝีปากได้รูปสวยค่อยๆ ขยับเข้ามาโลมเลียหยอกล้อติ่งหู ข้ากำลังพูดก็ตะกุกตะกักกลางคันในทันที บ้าจริง! จงใจกลั่นแกล้งผู้อื่นจริงๆ ด้วย
ข้าจับใบหูที่โดนเจ้าแมวหยอก เม้มปากคิดจะต่อว่าอีกฝ่ายที่เอาแต่เล่นก่อกวนสมาธิผู้อื่น ยังไม่ทันจะได้เอ่ยปากตัวของข้ากลับถูกเขาผลักหงายหลัง เจ้าแมววายร้ายกระโจนคร่อมอย่างรวดเร็ว เส้นผมนุ่มสีดำสนิทค่อยๆ ลื่นหล่นมาคลอเคลียใบหน้าของข้า แววตาคมเข้มพร้อมล่าเหยื่อ ข้าเผลอร้องออกมาอย่างลืมตัว ฉินอ๋องใช้มือปิดปากข้าแล้วยกนิ้วทาบริมฝีปากส่งเสียงชู่เบาๆ เสียงสากระคายเอ่ยเตือน ตบท้ายด้วยยกมุมปากขึ้นยิ้ม
“อย่าเอ็ดไป”
มันดูร้ายกาจยิ่ง!
ข้าเหมือนโดนอุ้งเล็บเจ้าแมวข่วนใจเบาๆ หัวใจมันดิ้นพล่านอย่างบ้าคลั่ง เล่นเช่นนี้โกงกันชัดๆ ข้าจะต่อต้านฉินอ๋องที่ดูหล่อเหลาเร้าใจขนาดนี้ได้อย่างไร คืนนั้นข้าแทบจะละลายอยู่ในอ้อมกอดร้อนแรงของเจ้าแมว
พอรุ่งเช้าฉินอ๋องก็ปลุกข้างัวเงียตื่นขึ้นมา ข้าหย่อนเท้าลงจากเตียงเดินโซเซสร้างอาณาเขตแล้วเดินเข้าไปในนั้นเพื่อเคลื่อนย้ายตัวกลับไปจวนสกุลเซี่ย ข้าทำทั้งหมดนั้นทั้งที่หลับตาอยู่ ได้ยินเสียงเตือนของเจ้าแมวลอยตามหลังมาด้วย ข้าขยี้ตาปลงอาณาเขตยืนมึนๆ อยู่กลางห้อง ตอนนั้นเองชิงลู่ก็เปิดประตูห้องนอนเข้ามายิ้มเจิดจ้าส่องตา
“นายน้อยอรุณสวัสดิ์ขอรับ”
“อืม” ข้าพยักหน้ายิ้มนิดๆ ให้แก่ชิงลู่ที่ยกอ่างล้างหน้ามาตั้งไว้บนโต๊ะ ข้าเดินไปล้างหน้าให้ตื่นเต็มตา สลัดความงัวเงียออกไป พอได้ล้างหน้าก็ทำให้ข้าสดชื่นตื่นเต็มตามากขึ้น จากนั้นข้าก็ใช้สมุนไพรแปรงฟันแล้วใช้น้ำอุ่นบ้วนปาก ตามด้วยจิบน้ำบ๊วยเปรี้ยวพอดีปลุกสมองให้ตื่นเต็มที่
“นายน้อย หลังจากรับประทานมื้อเช้าแล้วข้าน้อยจะเตรียมชุดเข้าเฝ้ารอนะขอรับ วันนี้นายน้อยจะต้องดูดีที่สุด”
“ไม่ต้องหรอกน่า แต่งปกตินั่นแหละ” ข้าปฏิเสธไปเสียงนุ่มพร้อมกับอมยิ้มขบขันกับสองหนุ่มหยก ข้าลุกขึ้นเปลี่ยนชุดเพื่อเดินออกไปฝึกซ้อมกับไป๋หู่ที่น่าจะรออยู่ลานหน้าเรือนอยู่แล้ว จากนั้นถึงกลับมาอาบน้ำอาบท่าเตรียมตัวไปกินข้าวที่เรือนใหญ่ที่เดิม
เวลาเดินไปอย่างรวดเร็วจนกระทั่งข้ากำลังนั่งอยู่ในรถม้ามุ่งหน้าสู่วังหลวง ตอนที่ข้าถอนหายใจเป็นจังหวะเดียวกับที่ท่านพ่อหันมามองพอดี ท่านพ่อมองข้าเงียบๆ โดยไม่พูดอะไร แต่ข้ารู้ว่าเขาเองก็กังวลไม่แพ้กันดังนั้นข้าจึงส่งยิ้มไปให้เพื่อให้ท่านพ่อสบายใจขึ้นมาบ้าง
“หวังว่าที่ตำหนักของฮองเฮาจะมีขนมอร่อยๆ ให้กินนะขอรับ”
“เจ้าคิดจะกินอย่างเดียวหรือไร?” ท่านพ่อพ่นลมถอนหายใจออกมาด้วยใบหน้าเอือมระอาก่อนจะพูดน้ำเสียงราบเรียบ เหมือนจะดุจริงจังแต่ทว่าข้ารู้ว่าเขาแค่พูดไปอย่างนั้น
ท่านพ่อที่อยู่ในชุดขุนนางสีดำลวดลายนกกระเรียนสัญลักษณ์ขุนนางขั้นหนึ่งเดินมาส่งข้าที่หน้าประตูเข้าวังหลัง เพราะว่าวังหลังนั้นเป็นเขตหวงห้าม ห้ามบุรุษเข้าไปวังหลังนอกเสียจากได้รับอนุญาต ยกตัวอย่างเช่นข้าในวันนี้อย่างไรเล่า ส่วนท่านพ่อนั้นอยากจะเข้าไปตามแต่ไม่ได้รับอนุญาตและท่านพ่อต้องไปทำงาน
วันนี้ข้าพาจื่อลู่มาแทนเพราะอีกฝ่ายสงบเสงี่ยมกว่าชิงลู่ เข้ามาในวังที่เป็นที่อันตรายเช่นนี้ควรจะระวังตัวมากกว่าปกติ ท่านพ่อพูดกับข้าอยู่สองสามประโยคพร้อมเหลือบมองท่านแม่ที่พยักหน้าหงึกหงัก จากนั้นพวกเราก็ยืนรอจนกว่าขันทีของตงฮองเฮามารับข้า ข้าพยักหน้าให้แก่ท่านพ่อแล้วเดินตามขันทีผู้นั้นไป ท่านพ่อมองข้าเดินเข้าไปจนลับตาถึงหันหลังเดินจากไป ข้าหันกลับมาเมื่อท่านพ่อเดินจากไปมองสำรวจรอบข้างเล็กน้อย แล้วมองไปยังขันทีที่เดินนำหน้าพวกเรา เขายังดูหนุ่มอยู่เลย หน้าตาดูดีทีเดียว เท่าที่เดินผ่านตามาข้าไม่เห็นขันทีอายุมากเกินสามสิบเลยด้วยซ้ำ
ใช้เวลาเล็กน้อยข้าก็มาถึงตำหนักของตงฮองเฮา หัวใจที่สงบนิ่งเริ่มเต้นแรงขึ้น ข้าหายใจเข้าออกระงับความตื่นเต้น มองท่านแม่ก็ล่องลอยตามมาติดๆ ขันทีคนนั้นหันมาเอ่ยกับข้าอย่างนบน้อม เชิญข้าที่หยุดนิ่งอยู่หน้าตำหนักให้รีบเข้าไป ข้าหันไปพยักหน้าให้แก่จื่อลู่ให้เดินตามเข้ามา
ข้าถูกเชิญมานั่งรออยู่ห้องโถงรับแขกที่ตกแต่งอย่างราบง่ายอย่างยิ่ง แทบไม่อยากเชื่อว่าที่นี้จะเป็นตำหนักของตงฮองเฮา ถ้าหากการตกแต่งที่อยู่อาศัยสะท้อนตัวตนของเจ้าของ ตงฮองเฮาผู้นี้ต้องเป็นคนเรียบง่ายสินะ
เรานั่งรออยู่ไม่นานก็มีนางกำนัลคนสนิทของตงฮองเฮาเดินเข้ามากล่าวทักทาย จากนั้นก็เข้าเรื่องเชิญข้าที่จิบน้ำชาไปได้ครึ่งถ้วยไปยังห้องของตงฮองเฮา ข้าตอบรับนางอย่างเชื่องช้าก่อนจะลุกขึ้นเดินตามไป จื่อลู่จะเดินตามมาแต่นางกำนัลคนนั้นก็ห้ามเขาไว้ ข้าชำเลืองมองคนติดตามของตนเองก่อนจะพยักหน้าให้อีกฝ่าย จื่อลู่จึงโค้งตัวลงไม่ได้ตามข้าเข้าไปด้วย ข้าเดินผ่านม่านไข่มุกชั้นแล้วชั้นเล่าจนกระทั่งทะลุมาถึงห้องกว้างที่มีเตียงนอนขนาดใหญ่โดดเด่น ตกแต่งด้วยสีขาวเป็นหลัก ข้าวาดสายตามองทั่วห้องรอบหนึ่งแล้วกลับมามองนางกำนัลคนเดิมที่ก้มหน้าผายมือเข้าไปในห้อง
“เชิญเจ้าค่ะคุณชายเซี่ย”
ข้าเดินเข้าไปข้างในห้องที่มีอากาศร้อนมากกว่าที่อื่นราวกับมีเตาไฟอยู่เป็นนับสิบเตา สายตาของข้าจ้องมองไปยังเตียงที่ตกแต่งผ้าม่านสีขาวลายลวดดอกหมู่ตาน ราบเรียบแต่มีระดับ ข้าค่อยๆ เดินไม่รีบไม่เร่งจนกระทั่งมาถึงเตียง หลุบดวงตามองต่ำแล้วทำความเคารพสตรีผู้มีตำแหน่งสูงที่สุดในแคว้นฉิง
“ถวายบังคมฮองเฮาพ่ะย่ะค่ะ กระหม่อมเซี่ยจิ้งถิง บุตรชายอำมาตย์เซี่ย”
ข้าหมอบโขกศีรษะค้างนิ่งอยู่เนิ่นนานก็ยังไม่มีเสียงใดตอบรับ เอ๊ะ ทำไมตงฮองเฮาถึงยังไม่พูดอันใดเสียที หรือว่าข้าจะทำอะไรผิดหรือนางไม่พอใจอะไรข้าหรืออย่างไร? ข้าเริ่มเหงื่อไหลพราก ด้วยอุณหภูมิที่สูงกว่าปกติในห้องนี้และความกังวลที่กัดกร่อนจิตใจของข้าที่พยายามสงบนิ่ง เนิ่นนานจนข้าเกือบจะเหน็บรับประทาน นางกำนัลที่นำทางมาก็เปิดปากบอก
“หลังดื่มโอสถฮองเฮาก็ได้หลับไปแล้วเจ้าค่ะคุณชายเซี่ย”
ก็แล้วทำไมไม่บอก!?
ข้าค่อยๆ พยุงตัวเองลุกขึ้นแล้วหันไปเอ่ยขอบคุณนางกำนัล ซึ่งยืนมองข้าคุกเข่าอยู่ตั้งนานถึงจะบอกออกมา จงใจกลั่นแกล้งกันเป็นแน่ แต่ข้าก็ไม่ได้แสดงท่าทีไม่พอใจออกไป รักษามาดสงบราบเรียบเอาไว้ หันมาทอดสายตาไปยังร่างของสตรีที่ครองตำแหน่งสูงสุดในแคว้นฉิงที่นอนหลับตาอยู่บนเตียงเบื้องหน้า
นางมีรูปร่างเล็ก ดวงหน้าขาวซีดนั้นนับได้ว่าเป็นสาวงามผู้หนึ่ง แต่หากเปรียบเทียบกับความงามหวานซึ้งแทบล่มบ้านล่มเมืองของหวงกุ้ยเฟย พระมารดาของฉินอ๋องล่ะก็... ตงฮองเฮากลายเป็นคนธรรมดาไปเลย
“คุณชายเซี่ย เชิญเริ่มรักษาเถิดเจ้าค่ะ” นางกำนัลคนสนิทของตงฮองเฮาเอ่ยเร่งข้าเสียงเรียบ ข้าที่กำลังยืนพิจารณารูปลักษณ์ของตงฮองเฮาอยู่ก็หันไปมองนางแล้วเอ่ยรับเสียงราบเรียบมากกว่า
“ข้ากำลังตรวจด้วยสายตาอยู่ หากไม่เป็นการรบกวนเจ้าช่วยออกไปก่อนได้หรือไม่?”
นางมองข้านิ่ง ไม่มีท่าทีตอบรับใดๆ
ให้ตายเถิด ข้าจะทำอย่างไรดี?
ตงฮองเฮาล้มป่วยเพราะพิษในตัวรุมเร้าจนสุขภาพทรุดหนัก ในร่างของนางเต็มไปด้วยพิษที่หลากหลาย ในโชคร้ายยังมีโชคดีแฝงอยู่ ผลของพิษทั้งหลายนั้นออกฤทธิ์ขัดแย้งกันทำให้นางไม่ตาย แต่ฤทธิ์ของพิษนั้นทำให้นางล้มป่วยหนักเช่นนี้
สิ่งที่ทำให้หมอหลวงทั้งหลายกุมขมับ มิใช่แค่เรื่องพิษหลากชนิด แต่เป็นการรักษาพิษที่หลากหลายในร่างที่ยากเย็นยิ่งกว่า ยกตัวอย่างเช่นหากใช้สมุนไพรแก้พิษชนิดหนึ่ง มันอาจจะแก้พิษหนึ่งอย่างแต่ไปกระตุ้นพิษอีกอย่างให้กำเริบก็เป็นได้ เป็นเรื่องที่ยุ่งยากและซับซ้อนยิ่ง กระทั่งหัวหน้าหมอหลวงเฉินยังต้องส่ายหน้า ตามคำบอกเล่าของรองหัวหน้าองครักษ์เฉินผู้ลักลอบเข้ามาตรวจอาการตงฮองเฮาพร้อมกับเจ้าแมว
ตอนนี้ข้ารู้ต้นเหตุการล้มป่วยของตงฮองเฮาแล้ว การรักษานั้นมิใช่ปัญหาแต่อย่างใด ด้วยพลังเยว่ตี้ของข้าทำได้ง่ายดายยิ่ง เพียงแต่มีอุปสรรคเดียวที่ข้าจะต้องกำจัดออกไปเสียก่อน มิใช่อื่นไกลแต่เป็นนางกำนัลคนสนิทที่ยืนจดจ้องมองราวกับเทพอารักษ์ของตงฮองเฮาผู้นี้น่ะสิ! ขั้นตอนการรักษาของข้าไม่อาจให้พวกเขาเห็นได้ มิเช่นนั้นเรื่องที่ปิดบังเอาไว้จะแตกโพละเอาเสียง่ายๆ ข้าพยายามคิดแผนไล่นางออกไปจนหัวร้อนไปหมด
ข้าปรึกษาเจ้าแมวเรื่องนี้มาแล้ว เขายิ้มมองหน้าข้านิ่งๆ ใช้นิ้วจิ้มกลางหน้าผากของข้าพร้อมกับตอบมาสั้นๆ ว่า
‘ใช้หน้าตาเจ้าสิ’
หน้าตาข้าอย่างนั้นรึ!? ช่างเป็นคำตอบที่ไร้สาระอะไรเช่นนี้ ไม่ช่วยอะไรเลย!
หลังจากถูกปฏิเสธด้วยการเมินเฉยข้าก็เดินไปตรงหน้านางกำนัลผู้นั้น นางน่าจะอายุเพียงสิบเจ็ดสิบแปด หน้าตาสวยหวาน คงจะเป็นคุณหนูของตระกูลผู้ดีสักตระกูลกระมัง พอข้าเดินมาหยุดตรงหน้า นางก็มองมาด้วยสายตาระแวงระวัง ข้าถอนหายใจแล้วยกยิ้มบางพร้อมกับเอ่ยขอร้องนางน้ำเสียงจนใจอย่างยิ่ง
“พี่สาวคนงามท่านนี้ ข้าต้องใช้สมาธิในการรักษา หากมีคนจ้องอยู่เช่นนี้คงจะเริ่มรักษามิได้ พี่สาว เห็นแก่ตงฮองเฮาด้วยเถิด หากไม่รีบรักษาเกรงว่าร่างกายของตงฮองเฮาจะต้านทานไม่ไหว”
ข้าตัดสินใจงัดท่าไม้ตายก้นหีบออกมาใช้ จ้องมองนางด้วยดวงตาใสซื่อที่เปล่งประกายแววอ้อนวอนเป็นลูกหมาน้อยเต็มที่
“นะพี่สาว นะ~ ขอร้องละ!”
นางกำนัลผู้นั้นชะงักไปวูบหนึ่ง ข้าเห็นว่ามันได้ผลก็รีบฉวยโอกาสตอกตะปูให้หนักด้วยการยิ้มออกมา ใบหน้าของนางแดงก่ำในทันที แววตาคล้ายจะเหม่อลอย เมื่อได้โอกาสข้าก็รีบดันนางออกจากห้องอย่างรวดเร็ว สร้างอาณาเขตครอบคลุมทั่วห้องแล้วสั่งกักขังเพื่อไม่ให้ใครเข้ามาในห้องนี้ได้อีก ตามด้วยคำสั่งปกปิดเสียงและภาพภายในอาณาเขต เมื่อแน่ใจว่าปลอดภัยข้าก็เดินกลับมาจ้องมองตงฮองเฮาที่นอนหน้าขาวซีดราวกับกระดาษ
“หวังว่าจะได้ผล” ข้าถอนหายใจพึมพำเหมือนภาวนาให้วิธีนี้ได้ผล จะได้รอดพ้นจากที่แห่งนี้อย่างปลอดภัย ท่านแม่ที่เงียบอยู่นานก็เอ่ยย้ำด้วยใบหน้าจริงจัง
「มันต้องได้ผล!」
ขอบคุณท่านผู้อ่านที่คอยสนับสนุนให้กำลังใจกัน อบอุ่น แม้หิมะอ๋องแมวยังต้องละลาย โว๊ะเวอร์!
ไม่ได้ว่าท่านผู้อ่านงกนะคะ 555555 เข้าใจค่ะ บางคนอาจจะไม่ชอบระบบที่มันยุ่งยาก
แต่บางคำของใครบางคนมันก็เกินไปหน่อย อารมณ์จ้อยในเลยมา ขออภัยจริงๆ
สรุปว่าไม่ติดเหรียญในเว็บนะคะ แต่จะทำอีบุ๊คในMebแยกเป็นเล่มเล็กๆ แทน
น่าจะเป็นสายกลางที่ทุกคนโอเคกันเนอะ~ ถ้าไม่ถามก่อนคงไม่ได้ไอเดียเจ๋งๆ นี้ ขอบคุณมากจ้า
ในส่วนรวมเล่มจะทำกับสำนักพิมพ์ก่อนค่ะ เพราะถ้าทำเองตอนนี้คงจะยังไม่ไหว อยู่ในขั้นกำลังพิจารณาสำนักพิมพ์อยู่
และจะทำอีบุ๊คแน่นอน! จะเลือกสำนักพิมพ์ที่ทำอีบุ๊คในเงื่อนไขที่จะพิจารณาด้วย //ดูเลือกมาก 555
ปล. ขอให้จบแค่นี้นะคะ ท่านผู้อ่านอย่าดราม่ากันเลย คนแต่งกังวลใจพานจะแต่งไม่ออก
ขอบคุณสำหรับข้อแนะนำและการให้กำลังใจของทุกคนน่า~
นานๆ ทีจะได้มาตอบ
จะมีใส่ภาพแมวไปในท้ายตอนของเล่มไหมคะ รูปที่ใช้ในนี้ใช้ไม่ได้เพราะติดลิขสิทธิ์ แต่ถ้าจ้างวาดใหม่ให้เป็นหน้าแมวทำอารมณ์นั้นๆ ก็ได้อยู่นะคะ วาดเป็นแค่ลายเส้นขาวดำไม่ลงสี แต่ก็เข้าใจค่ะว่างบเพิ่มบานแน่นวล คาดว่าทำจริงไม่ได้แต่อยากลองเสนอค่ะ
+ รูปมีมแมวตอนแรกกะจะวาดเป็นรูปแมวเลียนแบบอารมณ์ช่วงนั้นๆ เพราะรูปที่ใช้นั้นติดลิขสิทธิ์แน่นอน
แต่พอคิดแล้วราคามันต้องสูงตามแน่ๆ ในส่วนนี้ทุกคนคิดว่าทำยังไงดีคะ?
อ๋องแมวหันไปมองเวลาก่อนเดินออกจากห้อง กลางคืนมองเวลายังไงคะ ยุคนั้นมีนาฬิกาแล้วหรือคะ
+ มีนาฬิกาค่ะ แต่จะเป็นเทียบเวลาเอง เช่น ใช้ธูป ใช้เทียน และนาฬิกาน้ำค่ะ ท่านอ๋องรวยใช้นาฬิกาแบบลูกตุ้มซับซ้อนได้ 5555
ตอนพิเศษนี่คือด่อนที่จิ้งถิงจะตายใช่ป่าวแต่อยากรู้ว่าหลังจิ้งถิงตายจะเป็นยังไง
+ ตอนพิเศษในเล่มที่คิดไว้คือเรื่องราวจากตอนที่สามไปจนหลังถิงถิงตายในมุมมองของท่านอ๋องค่ะ ยาวแน่
อยากได้รวมเล่มอ่ะ อยากให้ออกทันงานสัปดาห์หนังสือปีหน้าจัง เพราะนี่ไม่สะดวกรับทางไปรฯอ่ะดิ ฮรืออออ T^T
+ จะพยายามมมมมม
แจ้งราคาล่วงน่าด้วยน่ะไรต์ เปิ่นหวางจะงดหวยเก็บตังค์รออออออ อย่าทำให้ช้ำใจเพาะเกบตังไม่ทัน มิอ่าวววววว
+ แน่นอนค่ะ จะเตือนล่วงหน้าน่า ถ้าไม่ลืม //อ้าวววววว
ความโรแมนติกนี้... อันนี้คือชาติก่อนของจิ้งถิงสินะคะ
+ ใช่ค่ะ
ลองเสนอ everY หรือ Onederwhy ไม่ก็ Bakerybook หรือจะ Sense book ก็ไม่เลวนะคะ รอซื้อแมวหยิ่งกับปลาน้อย
+ สำนักพิมพ์ Onederwhy กับ Bakerybook ติดต่อมาแล้วค่ะ กำลังพิจารณาอยู่ ส่วน everY นั้นเห็นว่า บก.กำลังพิจารณาไม่รู้ว่าผ่านไหม แต่ Sense book ไม่มีอะ
เชียร์นาบูค่ะ ปกสวย55 เรารออ่านตอนที่จิ้งถิงตายมาตลอดเลย อยากรู้ว่าเกิดอะไรขึ้น5555
+ นาบูไม่ได้ติดต่อมาค่ะ
สรุปคือจะมีตอนฮ่องเต้แย่งท่านพ่อมั้ยคะเนี่ย ถ้ามีพร้อมหาเหรียญมาเซ่นแน่นอน
+ มีค่ะ ทำเป็นอีบุ๊คmeb
ขอบคุณความคิดเห็นของทุกท่านตัวโตๆ จ้า!
นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ

เราว่าการออกแบบปกจะสวยกว่าทาง everY นะคะ
เราว่าการออกแบบปกจะสวยกว่าทาง everY นะคะ
รักท่านแม่จอมป่วนด้วย ฮ่าๆๆๆ
//สำนักพิมพ์นี้หาง่ายดี คึคึ