ตอนที่ 37 : ตอนที่ ๓๖ แผลต้องสาป
ตอนที่ ๓๖ แผลต้องสาป
บางทีเพราะข้าทานอิ่มเกินไปถึงทำให้ท้องปั่นป่วน เช่นนั้นไปเดินเล่นย่อยอาหารเสียหน่อยคงจะหายกระมัง ข้าเดินออกไปจากงานเลี้ยงที่เต็มไปด้วยความยินดี ทอดน่องไปเรื่อยๆ ไม่มีจุดหมายจนกระทั่งไปถึงคอกม้าที่มีกลุ่มทหารกำลังมุงดูอะไรบางอย่างอยู่ ข้าเข้าไปดูอย่างสนใจแล้วก็ต้องเลิกคิ้วเมื่อเห็นทหารเหล่านั้นกำลังพยายามดึงเจ้าหมอกทมิฬเข้าไปในคอก แต่ทว่าเจ้าม้าเกเรกลับดิ้นสู้ดีดขาหน้าหลังไม่ให้ใครจับต้องมัน ทหารที่มีหน้าที่ดูแลม้าบ่นอย่างหัวเสีย
“เจ้าม้าบ้านี่! นับวันยิ่งฤทธิ์มากยิ่งนัก! ข้าจะไม่สนใจเจ้าแล้วเจ้าม้างี่เง่าเอ๊ย!” พูดเสร็จพวกเขาก็ทิ้งเจ้าหมอกทมิฬที่เชิดหน้าใส่ไม่สนใจ คนดูแลม้าเห็นท่าทางเช่นนั้นก็ยิ่งโมโหยกใหญ่เดินสะบัดหน้าหนีไปอีกทาง เหลือเพียงม้าเกเรอยู่ตามลำพัง ข้าขยับตัวเดินเข้าไปหามันที่สะบัดหางอย่างหงุดหงิด เจ้าหมอกทมิฬหยุดสะบัดหางแล้วหันศีรษะมามองข้า เจ้าม้าที่กำลังโมโหก็ส่งเสียงออกมาอย่างดีใจ มันวิ่งเหยาะเข้ามาหาข้าก้มตัวใช้หน้าผากดันข้าพลางเอ่ยต่อว่าตัดพ้อที่ทอดทิ้งมัน ข้ายิ้มขำแล้วเอ่ยปลอบพลางลูบม้าตามคอของมัน
“ข้าไม่ได้ทอดทิ้งเจ้า นี่ก็กลับมาหาแล้วมิใช่รึ?”
ข้าปีนขึ้นหลังเจ้าหมอกทมิฬแล้วพามันออกไปวิ่งเล่นตามลำพัง เจ้าหมอกทมิฬวิ่งอย่างคึกคักอยู่นาน อาจจะเป็นเพราะมันไม่ได้วิ่งมาหลายวันแล้วกระมัง กว่าที่เจ้าม้าสีดำจะพึงพอใจก็ดึกดื่นมากแล้วข้าพามันกลับไปที่คอกแล้วสั่งให้มันทำตัวดีๆ ไม่เช่นนั้นข้าจะไม่มาหามันอีก เจ้าหมอกทมิฬทำหน้าจ่อยก่อนจะส่งเสียงอ่อยๆ ตอบกลับมา ข้าเดินกลับไปยังที่พักของตนเอง เห็นงานเลี้ยงเลิกราไปแล้ว เหลือเพียงไม่กี่คนที่ยังสังสรรค์กันต่อ ข้าหันไปมองกระโจมแม่ทัพที่ยังสว่างอยู่แล้วหันตัวเดินไปยังที่พัก วันนี้ข้านอนเลยดีกว่า พักผ่อนๆ พรุ่งนี้มีงานให้ต้องทำอีกมาก!
การรบเกิดขึ้นทุกวันก็ย่อมมีคนบาดเจ็บมากทุกวันเช่นเดียวกัน ข้ายังคงรักษาคนบาดเจ็บเช่นเดิม ทุกคนในกระโจมรักษาต่างมีงานมากจนล้นมือ
「พวกมันพูดขนาดนั้นเจ้ายังจะรักษาพวกมันอยู่อีก! มิโกรธเคืองพวกมันบ้างหรืออย่างไร เฮ้อ!」
“ท่านแม่ คุณชายหมิงก็รักษาคนบาดเจ็บเช่นเดียวกัน หากพวกทหารจะเชื่อเช่นนั้นก็มิความผิดของพวกเขา ส่วนงานนี้ข้าอยาก ไม่ได้เกี่ยวว่าจะมีใครมาชื่นชมหรือถือเป็นบุญคุณ” ข้าตอบท่านแม่ออกไปพร้อมกับขบขันการหัวเสียของนาง ส่วนข้านั้นมิได้หงุดหงิดหรือรู้สึกอันใดแม้แต่น้อย ข้าอยากทำก็ทำ ผู้ใดจะคิดเช่นไรนั้นก็มิได้เกี่ยวอันใดกับข้าแม้แต่น้อย ข้าหันไปมองคุณชายหมิงที่ใช้พลังวิเศษของเขารักษาบาดแผลของพวกทหารจนหน้าซีดเหงื่อผุดเต็มหน้า แม้จะหน้าซีดและเหงื่อโซมเช่นนั้นก็ยังดูงดงามและสว่างไสว ข้านับถือเขาจริงๆ ไม่เพียงแค่คุณชายหมิง ทุกๆ คนมีส่วนช่วยกันอย่างขะมักเขม้นนั้นทำให้ข้าหันกลับมาทำหน้าที่ของตนเองต่อไปท่ามกลางเสียงถอนหายใจของมารดา
ข้าก้มมองบาดแผลบนตัวของทหารที่นอนเจ็บตรงหน้าด้วยความแปลกใจ บาดแผลของเขาแตกต่างจากคนอื่นที่ข้ารักษา แผลนี้ไม่คล้ายกับบาดแผลที่ได้รับอาวุธของมีคม มันกลับคล้ายบาดแผลที่ถูกสัตว์ตะกุยมาเสียมากกว่า เหตุใดบาดแผลของคนผู้นี้ถึงเป็นบาดแผลที่ได้มาจากสัตว์กันเล่า? ข้าขมวดคิ้วขบคิดก่อนจะหลุดภวังค์เมื่อได้ยินเสียงครางอย่างเจ็บปวดของคนบาดเจ็บร้องออกมา ข้ารีบลงมือรักษาเขา ทหารคนนั้นผ่อนลมหายใจอย่างผ่อนคลายก่อนจะลืมตามองมาที่ข้าพึมพำขอบคุณแล้วหลับตานอนหลับไป ข้าแย้มยิ้มตอบกลับแล้วเอ่ยปลอบประโลมให้เขานอนพักให้เต็มที่ ถึงแม้เขาจะมองไม่เห็นและไม่ได้ยินก็ตาม
อย่างน้อยๆ ข้าก็ได้รับคำขอบคุณ มันก็ไม่แย่ไปซะทุกอย่างหรอก
ข้ารักษาต่อไปเรื่อยๆ จนกระทั่งเกิดเสียงพึมพำและพูดคุยกันของพวกหมอดังขึ้นอีกด้านของกระโจม ข้าหันไปมองพวกเขาแล้วยกคิ้วอย่างสงสัย เกิดอันใดขึ้นอย่างนั้นรึ? เหตุใดหมอแต่ละคนถึงได้เดินไปรวมตัวอยู่ที่นั่นกันเล่า? และดูเหมือนทุกๆ คนที่เดินไปต่างมีสีหน้าแตกตื่นตกใจ ข้ารักษาคนเจ็บต่อแต่ทว่าก็เงี่ยหูฟังพวกเขาพูดคุยกันไปด้วย
“ท่านรองแม่ทัพสวินลี่บาดเจ็บหนัก หมอที่มีพลังรักษาก็ไม่อาจรักษาบาดแผลที่นางได้รับให้หายได้ นี่มันอะไรกัน? แผลที่นางได้รับประหลาดยิ่งนัก รักษามิได้ ยิ่งปล่อยนานไปคล้ายกับว่าแผลมันยิ่งลุกลามเลวร้ายมากยิ่งขึ้น ทำได้เพียงให้ยาและโปะสมุนไพรชะลออาการบาดเจ็บ แผลนั่นราวกับมีชีวิตเช่นนั้นแหละ” หมอที่กลับมาจากกระโจมรองแม่ทัพสวินลี่เอ่ยเล่าให้หัวหน้าของเขาฟังอย่างขัดข้องใจ หัวหน้าหมอได้ยินก็พยักหน้าอย่างเยือกเย็น สีหน้าของเขามีความกังวลเคลือบไว้บางๆ ก่อนจะหลุบตามองคนบาดเจ็บใกล้ตัวแล้วเอ่ยด้วยน้ำเสียงเป็นกังวล
“มิใช่แค่รองแม่ทัพสวินลี่ เจ้าสังเกตทหารเหล่านี้เถิด บาดแผลของพวกเขาเองก็มีลักษณะคล้ายกับของรองแม่ทัพสวินลี่ พลังรักษาไม่สามารถรักษาได้เช่นเดียวกัน ทำเพียงให้ยาระงับปวดและโปะสมุนไพรไว้หน้าแผล เมื่อวานนี้ยังมิได้เป็นเช่นนี้ มีสิ่งใดเกิดขึ้นในสนามรบกัน?”
“คุณชายหมิง ใช้พลังรักษาของท่านรักษาได้หรือไม่? พลังรักษาของท่านแตกต่างจากของพวกเราน่าจะมีผลต่างออกไป” หมออีกคนที่ยืนอยู่ตรงนั้นหันหน้าไปถามคุณชายหมิงที่นั่งพักหน้าซีดอ่อนล้า คุณชายหมิงเงยหน้าขึ้นแล้วส่ายหน้าไปมาอย่างเศร้าใจ เขาตอบด้วยน้ำเสียงอ่อนเพลียอย่างเห็นได้ชัด
“พลังของข้าทำได้เพียงชะลออาการลุกลามของบาดแผลเท่านั้น บางทีอาจจะเป็นเพราะข้าใช้พลังตั้งแต่เช้าจนแทบไม่เหลือพลังแล้วก็เป็นได้ ขอเวลาฟื้นพลังสักครู่เถิดเมื่อพลังคืนกลับมาข้าจะลองรักษาใหม่อีกครั้ง”
“งั้นท่านพักก่อนเถิด ตอนนี้สภาพของท่านแย่กว่าทหารที่ได้รับบาดเจ็บเสียอีก” หมอคนนั้นพยักหน้ามองคุณชายหมิงอย่างเป็นห่วง ก่อนจะเอ่ยบอกให้เขาพักพร้อมกับเรียกคนพาคุณชายหมิงไปนอนพักผ่อนดื่มน้ำทานข้าว
“เอาละ เรารักษาเท่าที่ทำได้ก่อน ระหว่างนั้นข้าจะหาวิธีรักษาเอง” หัวหน้าหมอเอ่ยสั่งลูกน้องของเขาพร้อมกับบอกคนอื่นๆ ในกระโจมด้วยน้ำเสียงและสีหน้าเคร่งเครียด
“ขอรับ!”
ข้าหันกลับมารักษาคนเจ็บต่อแต่ในใจนั้นครุ่นคิดเรื่องที่พวกเขาพูดกันอย่างประหลาดใจ บาดแผลที่มีชีวิต? พลังรักษาก็รักษามิได้ ซ้ำยังปล่อยไว้ก็จะลุกลาม ทำได้เพียงยับยั้งไม่ให้มันแพร่ขยายอย่างนั้นรึ? แต่เหตุใดข้าถึงไม่เจอบาดแผลเช่นนั้นกันเล่า? หรือว่าจะเป็นเพียงบางคนเท่านั้น ข้ารักษาพลางขบคิดเรื่องนี้ไปพลาง หัวหน้าหมอยังคงครุ่นคิดหาวิธีรักษาบาดแผลที่รักษาไม่ได้ ทหารวิ่งเข้าออกทั้งบอกข้อมูลและอาการบาดเจ็บของรองแม่ทัพสวินลี่ที่จากอาการคงตัวก็เริ่มจะย่ำแย่มากขึ้นเรื่อยๆ ข้าได้ฟังก็รู้สึกเป็นห่วงนางยิ่งนัก
จากที่ฟังทหารมารายงานสถานการณ์ในสนามรบ หลังจากที่รองแม่ทัพสวินลี่ได้รับบาดเจ็บจนต่อสู้ต่อมิได้ฝ่ายเราเหมือนจะเริ่มเพลี่ยงพล้ำ แต่ยังดีที่ได้ฉินอ๋องกู้สถานการณ์กลับคืนมาได้ พอมีท่านแม่ทัพเป็นผู้นำออกรบทหารที่กำลังหัวใจฝ่อก็มีกำลังใจสู้ศึกต่อ จนกระทั่งตะวันใกล้ตกฟากฝั่งทั้งสองฝ่ายพักรบ ต่างฝ่ายต่างให้เกียรติแก่กันเพื่อทำการเก็บศพและรักษาคนบาดเจ็บ ทหารแต่ละฝั่งได้พักผ่อนเอาแรงเพื่อฟาดฟันกันอีกครั้ง จนกว่าฝ่ายเราจะยึดเมืองแคว้นเหลียวได้หรือแคว้นเหลียวจะขับไล่ฝ่ายเราถอยร่นไปได้
“บาดแผลเหล่านี้เกิดจากพลังวิเศษของพวกแคว้นเหลียวอย่างนั้นรึ!?” หัวหน้าหมอเอ่ยถามให้แน่ใจเมื่อได้ยินทหารผู้นำข่าวจากสนามรบมาส่งต่อให้แก่เขากล่าวรายงาน หัวหน้าหมอหน้าซีดขณะที่ฟังทหารนายนั้นกล่าวรายงาน ข้าเอียงหูฟังมือก็รักษาคนบาดเจ็บ
“ขอรับ ท่านแม่ทัพเป็นผู้บอก บาดแผลพวกนี้เกิดจากอาวุธที่ถูกกำกับพลังวิเศษที่คล้ายคำสาป รักษาไม่ได้ ปล่อยไว้ก็จะแพร่ขยายจนเสียชีวินในที่สุด ไม่มีวิธีรักษา นอกเสียจากผู้สาปจะเป็นผู้ถอนฤทธิ์เองหรือผู้สาปตาย ดังนั้นท่านแม่ทัพจึงสั่งให้ท่านพยายามรักษาอาการให้คนเจ็บทรงตัวให้ได้นานที่สุด”
“ข้าเข้าใจแล้ว ท่านแม่ทัพเองก็กำลังพยายาม ข้าเองก็จะหาวิธียื้อคนบาดเจ็บให้ได้นานที่สุด จนกว่าท่านแม่ทัพจะสังหารคนที่สาปได้!” หัวหน้าหมอสูดลมหายใจรวบรวมพลังกายและใจลุกขึ้นมายืน หลังจากหมดเรี่ยวแรงกับการหาทางรักษาบาดแผลที่รักษาไม่ได้
ทหารนายนั้นลุกขึ้นขยับตัวไปกระซิบกระซาบอะไรข้างหูหัวหน้าหมอท่าทางลึกลับอย่างยิ่ง สีหน้าตกตะลึงจนซีดเผือดยิ่งกว่าฟังเรื่องบาดแผลต้องสาปของหัวหน้าหมอทำให้ข้ารู้สึกว่าต้องเรื่องใหญ่อะไรเกิดขึ้นแน่ หัวหน้าหมอพยักหน้าเข้าใจก่อนจะสั่งผู้ช่วยหยิบอุปกรณ์รักษาให้แก่เขาแล้วเดินออกไปด้วยท่าทางรีบร้อน พอมาถึงหน้ากระโจมรักษาก็เจอคุณชายหมิงที่มีสีหน้าดูดีขึ้นหลังจากไปนอนพักเอาแรง หัวหน้าหมอพูดอะไรบางอย่างกับเขาแล้วรีบลากอีกฝ่ายไปด้วย ข้าลุกขึ้นชะเง้อคอมองตามด้วยความอยากรู้อยากเห็น สังหรณ์ใจชอบกลว่าจะมีอะไรเกิดขึ้น?
รองแม่ทัพสวินลี่งั้นรึ? หรือว่าฉินอ๋อง!?
ข้ารีบรักษาคนเจ็บตรงหน้าแล้วเดินออกไปจากกระโจมรักษา ก่อนจะหยุดเท้าเมื่อคิดขึ้นมาได้ว่าจะตามไปแบบนี้ไม่ได้ ข้าหลบสายตาของผู้คนแล้วทำการกำบังตัวแล้วรีบวิ่งตามพวกเขาไป หัวหน้าหมอและคุณชายหมิงมีท่าทางร้อนรนสีหน้ามีความกังวลเป็นอย่างมาก พวกเขายืนอยู่กับทหารที่มาส่งข่าวที่หน้ากระโจมแห่งหนึ่งซึ่งมีทหารยืนเฝ้าเข้มงวด ในกระโจมมีเสียงของผู้คนถกเถียงกันสลับกับเสียงของฉินอ๋องทำให้ข้าทราบว่าพวกเขากำลังประชุมกันอยู่เป็นแน่ ผ่านไปครึ่งชั่วยามการประชุมท่าทางจะไม่จบลงง่ายๆ หัวหน้าหมอกับคุณชายหมิงยิ่งมีท่าทางที่ร้อนรนมากขึ้น มันทำให้ข้ารู้สึกแย่ตามไปด้วย เกิดอะไรขึ้นกัน? เหตุใดพวกเขาถึงมายืนอยู่ที่นี้ กำลังรออะไรอย่างนั้นรึ? ข้ามองไปรอบๆ ตัวทุกอย่างก็ปกติดี
ผ่านไปหนึ่งชั่วยามอันยาวนานกระโจมก็ถูกเปิดออกโดยรองแม่ทัพสวินหยาง เขารีบเดินหน้าเคร่งเครียดไปยังกระโจมที่พักของน้องสาว ข้ามิได้แปลกใจอันใด รู้สึกเป็นห่วงรองแม่ทัพสวินลี่เช่นเดียวกัน หัวหน้ากองคนอื่นๆ ต่างเดินออกมาด้วยสีหน้าคร่ำเครียดไม่แพ้รองแม่ทัพสวินหยาง และสุดท้ายก็คือท่านแม่ทัพที่เดินออกมาจากกระโจมด้วยใบหน้าเย็นชาน่ากลัว ข้ากลืนน้ำลายหวาดหวั่น มิเคยเห็นเขาทำหน้าน่ากลัวเช่นนี้มาก่อนเลย หรือว่าสถานการณ์ตอนนี้มันย่ำแย่มากงั้นรึ? ฉินอ๋องมองไปยังกระโจมของรองแม่ทัพสวินลี่ด้วยหางตาก่อนจะเดินไปยังกระโจมของตนเอง ท่าทางของเขาก็ดูปกติดีไม่เห็นจะมีอันใด แต่หัวหน้าหมอกับคุณชายหมิงที่พยายามทำหน้านิ่ง แต่ทว่าดวงตากลับมีร่องรอยความกังวลชัดเจนนั้นทำให้ข้าไม่สบายใจ ทั้งสองเดินตามท่านแม่ทัพเข้าไปในกระโจม ข้ายืนอยู่ที่เดิม เห็นอีกฝ่ายไม่เป็นอะไรก็ดีแล้ว บางทีข้าอาจจะไปดูรองแม่ทัพสวินลี่ก่อนแล้วค่อยไปกลับมาดูเจ้าแมว ทางรองแม่ทัพสวินลี่ดูจะน่าเป็นห่วงมากกว่า
ก่อนที่ข้าจะได้เข้าไปในกระโจมของรองแม่ทัพสวินลี่ก็ต้องชะงัก รองหัวหน้าองครักษ์เฉินยืนหน้าซีดสภาพไม่ต่างจากกระดาษเก่าๆ ที่หน้ากระโจมรองแม่ทัพสวินลี่ ท่าทางเขาอยากจะเข้าไปแต่ก็ไม่กล้า ยึกยักไปมาจนข้าชักจะรำคาญ ก่อนที่เขาจะได้เข้าไปในกระโจม รองแม่ทัพสวินหยางก็โผล่ออกมาเสียก่อน รองหัวหน้าองครักษ์เฉินตกใจเล็กน้อยแต่ไม่นานก็ตั้งสติได้แล้วเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงแหบแห้ง
“นางเป็นอย่างไรบ้าง?”
“ไม่แย่นัก ตอนนี้ลี่เอ๋อร์กำลังนอนพักผ่อน ข้าเข้าใจความรู้สึกของเจ้าแต่ตอนนี้นางอาการทรงตัวอยู่ ข้าว่าเจ้ารีบไปดูเจ้านายของตนเองเถิด เขาช่างดื้อรั้นยิ่งนัก” รองแม่ทัพสวินหยางตอบคำถามของอีกฝ่ายพลางพยักหน้าเข้าอกเข้าใจไปด้วย ก่อนจะพยักพเยิดหน้าไปยังทิศทางกระโจมแม่ทัพแล้วถอนหายใจกล่าวด้วยน้ำเสียงจนปัญญา รององครักษ์เฉินมีสีหน้าที่ดูดีขึ้นในพริบตาที่ได้ยินว่ารองแม่ทัพสวินลี่อาการไม่ย่ำแย่นัก ก่อนที่เขาจะทำหน้าเคร่งเครียดอีกครั้งแล้วขอตัวเดินเปลี่ยนทิศทางไปยังกระโจมแม่ทัพ ข้าได้ยินพวกเขาพูดก็ชาวาบไปทั้งตัว
ฉินอ๋องเป็นอะไรงั้นรึ? ข้าเห็นเขาก็ปกติดีอยู่นี่!
ข้าเดินตามหลังรองหัวหน้าองครักษ์เฉินเข้าไปในกระโจมแม่ทัพ พอเข้าไปก็ต้องนิ่วหน้า เหตุใดกลิ่นคาวเลือดถึงได้ฉุนจมูกไปทั่วเช่นนี้ แถมบนพื้นก็มีเลือดเจิ่งนองอยู่เต็มไปหมด ข้าเริ่มใจไม่ดีไม่กล้าหันไปมองเจ้าของกระโจมที่นั่งอยู่บนตั่ง ข้าเหลือบไปเห็นชุดเปื้อนเลือดที่ทิ้งกองไว้กับพื้น นี่มัน...เสื้อของฉินอ๋องงั้นรึ? เลือดบนเสื้อผ้านั่นเป็นเลือดของผู้อื่นใช่หรือไม่? ข้ากลั้นหายใจเม้มปากเงยหน้ามองไปที่เขาซึ่งนั่งหน้าเย็นชาไร้ความรู้สึก ในขณะที่หัวหน้าหมอและคุณชายหมิงกำลังพยายามทำความสะอาดบาดแผลให้เขา ข้าเบิกตากว้าง แผลบนร่างของเขาแทบจะทำให้ข้าเป็นลม! นี่มันเกิดอะไรขึ้น!? เหตุใดถึงได้รับบาดเจ็บมากมายจนเหวอะหวะเช่นนี้เล่า!?
คนมีบาดแผลสาหัสนั่งทำหน้าแข็งทื่อเหมือนไม่เจ็บไม่ปวด มีบางช่วงที่เขาขมวดคิ้วเล็กๆ แสดงความเจ็บออกมาเพียงชั่ววูบ หมอกับคุณชายหมิงช่วยกันทำความสะอาดห้ามเลือดที่ยังไม่ยอมหยุดเต็มความสามารถ ข้าทำเพียงยืนจ้องมองเขาด้วยดวงตาแดงก่ำ ผู้ใดบอกว่าจะดูแลตนเองเป็นอย่างดี? แล้วไยถึงบาดเจ็บสาหัสขนาดนี้! รองหัวหน้าองครักษ์เฉินหน้าซีดเมื่อเห็นบาดแผลของเจ้านาย ท่าทางของเขาเหมือนจะคาดไม่ถึงว่ามันจะเลวร้ายเพียงนี้ คนแซ่เฉินเอ่ยกับเจ้านายน้ำเสียงเคร่งเครียดปนความห่วงใย
“ท่านอ๋อง พรุ่งนี้ท่านอย่าออกไปนำทัพดีกว่านะขอรับ พักสักวันให้แผล...”
“ไม่ได้ เรายังไหวอยู่ สวินลี่ยังไม่ไหว มีเพียงเราที่จะนำทัพได้”
“ให้ผู้อื่นออกนำก่อนก็ได้นี่ขอรับ ไม่เห็นต้องรีบจบสงครามมากขนาดนี้...”
“พอแล้ว” ฉินอ๋องเอ่ยตัดคำทักท้วงของอีกฝ่ายด้วยน้ำเสียงแข็งกร้าว รองหัวหน้าองครักษ์เฉินถึงได้เงียบลง ข้าขมวดคิ้วมองคนดื้อดึงจะออกไปต่อสู้ทั้งที่ตนเองได้บาดเจ็บสาหัสเพียงนี้ พื้นกระโจมจะกลายเป็นทะเลเลือดอยู่แล้วแต่เขากลับไม่ใส่ใจจะออกไปรบให้ได้ ชื่นชอบสงครามมากจนตนเองจะไม่รอดอยู่แล้ว! โกหกกับข้าว่าจะดูแลตัวเองแต่กลับทำตรงกันข้ามกับที่พูดเอาไว้ ช่างเป็นคนไม่รักษาคำพูดเอาซะเลย
คุณชายหมิงไม่ทราบว่าซาบซึ้งท่านแม่ทัพที่แม้ตัวเจ็บปานตายก็ยังออกไปรบหรือเจ็บปวดแทนคนได้รับบาดเจ็บที่ทำหน้านิ่งเหมือนไม่มีอะไร ดวงตาสีน้ำตาลดวงนั้นคลอน้ำตาลอยู่ตลอดการรักษา ตรงกันข้ามข้ากลับยืนมองฉินอ๋องด้วยสายตาโมโห หาเรื่องตายเองนี่! จะสงสารไปทำไมกัน? ข้าอยากจะเข้าไปบิดหูคนดื้อเพ่งไม่ดูสภาพร่างกายอันยับเยินของตนเองยิ่งนัก แม้จะโกรธหรือโมโหแค่ไหนข้าก็รู้ดีว่าเจ้าแมวทำเพื่อสิ่งใด ข้าเข้าใจว่าเขาต้องการจบสงครามให้เร็วที่สุดเพื่อทุกๆ ฝ่ายจะได้ไม่สูญเสียไปมากกว่านี้ แต่ว่ามันจำเป็นต้องเสียสละตนเองเพียงนี้เลยงั้นหรือ?
หัวหน้าหมอและคุณชายหมิงพยายามใช้พลังวิเศษของพวกเขารักษาบาดแผลให้แก่ฉินอ๋อง แต่มันก็ไม่ได้ผลเลยแม้แต่น้อย พลังของคุณชายหมิงดีหน่อยที่ยังสามารถยับยั้งการลุกลามของบาดแผลได้ ทั้งสองทุ่มพลังรักษาจนเหงื่อไหลลงขมับ เพราะบาดแผลกว้างมากเกินไปทำให้พวกเขาหมดลมปราณอย่างรวดเร็ว คุณชายหมิงหายใจหอบแล้วเอ่ยเสียงค่อยอย่างเศร้าใจ
“ขออภัยจริงๆ ขอรับท่านแม่ทัพ ข้าขอพักฟื้นพลังสักครู่แล้วจะเร่งรักษาให้อีกครั้ง ไม่แน่ว่า...” พูดไปเพียงครึ่งเดียวเด็กหนุ่มที่หน้าซีดขาวเป็นกระดาษก็ยืนโซเซเหมือนจะเป็นลม หัวหน้าหมอที่อยู่ใกล้รีบคว้าตัวเขาไม่ให้ล้มลงหัวฟาดพื้น ฉินอ๋องพยักหน้าให้กับรองหัวหน้าองครักษ์เฉินที่ยืนนิ่งอยู่อีกด้าน คนโดนเรียกโดยการพยักหน้ารีบเดินมารับตัวคุณชายหมิงแล้วเอ่ยให้หมอรักษาเจ้านายของเขาต่อ หัวหน้าหมอมองคุณชายหมิงอย่างเป็นห่วง เขาพยักหน้าให้รองหัวหน้าองครักษ์เฉินส่งคุณชายหมิงให้แก่อีกฝ่ายแล้วหันกลับมารักษาบาดแผลแบบธรรมดาทั่วไปให้ฉินอ๋อง
ทหารรับใช้ช่วยกันพยุงฉินอ๋องไปนอนพักผ่อนที่เตียงหลังจากหมอรักษาบาดแผลเสร็จ หัวหน้าหมอรีบออกไปจากกระโจมเพื่อไปทำยารักษาอาการบาดเจ็บของคนสำคัญ ทั้งแม่ทัพและรองแม่ทัพที่นอนเจ็บอยู่บนเตียง ทหารรับใช้มองเจ้านายที่นอนนิ่งก็เดินออกไปจากกระโจมอย่างวางใจ พอทุกคนออกไปจากกระโจมคนนอนเจ็บก็ลืมตาขึ้นพยายามลุกจากเตียงแล้วเดินไปนั่งอ่านแผนที่ภูมิศาสตร์ของแคว้นเหลียว ข้าเห็นเช่นนั้นก็อยากจะประเคนหมัดให้แก่เจ้าแมวอย่างขัดเคืองใจ เจ็บขนาดนี้แล้วยังไม่ยอมพักผ่อนอีก เหตุใดต้องฝืนร่างกายตนเองถึงเพียงนี้!? ข้าอดทนไม่ไหวอีกต่อไป โบกมือสร้างอาณาเขตส่งไปครอบร่างของฉินอ๋องสั่ง ‘กัก’ ตามแล้ว ‘หลับ’ ทำให้คนที่กำลังปั้นหน้าเครียดอ่านแผนที่ในมือค่อยๆ หลับตาลง ร่างของเขาเอนร่วงจากตั่งนั่งข้าเดินเข้าไปรับร่างหนักๆ ของเขา รีบสั่งอาณาเขตให้ ‘เบา’ ถึงทำให้ข้าลากเขากลับมานอนบนเตียงได้
ข้านั่งลงข้างเตียงมองเจ้าแมวที่นอนหลับปุ๋ย สีหน้าดูสงบมากกว่าตอนตื่น ข้ามองหน้าของเขาอยู่สักพักก็หลุบตามองไปยังบาดแผลที่เขาได้รับ แขนและขาที่ไม่มีเกราะป้องกันสาหัสกว่าส่วนอื่นๆ เพราะมันค่อนข้างลึกและกว้าง โดยเฉพาะต้นขาขวาที่เหวอะหวะจนข้าไม่กล้ามอง ข้าไม่แน่ใจว่าพลังรักษาของอาณาเขตเยว่ตี้จะรักษาได้หรือไม่? แต่ข้าจะลองทำดู ข้าสร้างอาณาเขตขนาดใหญ่ครอบคลุมไปทั้งตัวของเขาแล้วออกคำสั่ง ‘รักษา’ ข้าเบิกตาอย่างตื่นเต้น บาดแผลของฉินอ๋องค่อยๆ หายดีจนเป็นปกติ มันสำเร็จ! ข้าปลงอาณาเขตแล้วกำลังจะคลี่ผ้าพันแผลออกเพื่อสำรวจ แต่พอข้าปลงอาณาเขตบาดแผลที่หายดีก็พลันกลับมาเช่นเดิมราวกับเป็นคำสาป ข้านิ่งอึ้งด้วยความตกใจ มองบาดแผลเหวอะหวะเหล่านั้นอย่างอับจน มิน่าเล่าขนาดหัวหน้าหมอและคุณชายหมิงช่วยกันรักษาก็ยังไม่สำเร็จ
ข้านั่งครุ่นคิดว่าจะช่วยเขาอย่างไรดีพร้อมๆ กับดูแลคนบาดเจ็บที่เริ่มมีอาการตัวร้อนเหงื่อไหลโซมกาย ข้าหาผ้าชุบน้ำอุ่นเช็ดตัวให้อีกเขา ท่าทางจะเริ่มมีไข้แล้วกระมัง ฉินอ๋องนอนไม่สนิทเริ่มกระสับกระส่าย ทั้งเจ็บบาดแผลทั้งเหมือนฝันร้าย ข้านั่งเฝ้าไม่ห่างพร้อมกับกุมมือขนาดใหญ่ของเขาเอาไว้ เอ่ยปลอบประโลมพลางลูบใบหน้าคล้ายเจ็บปวดของเขาอย่างเบามือ ฉินอ๋องสะลืมสะลือละเมออะไรบางอย่างออกมา มันทำให้ข้าน้ำตาลคลอเบ้า ข้าได้ยินเขาเรียกข้าและบอกว่าจะกลับไปหา มันยาวกว่านี้แต่ข้าฟังไม่รู้เรื่อง ข้าค่อยๆ บีบมือของเขาแน่น กระซิบตอบแม้อีกฝ่ายจะไม่ได้ยิน
“เจ้าแมวโง่ ข้ารอเจ้าได้ เหตุใดต้องฝืนตัวเองเช่นนี้ โง่จริงๆ”
ข้ามองเขาทรมานด้วยความเศร้าใจ พลังของข้าไม่สามารถช่วยได้จริงๆ งั้นรึ? เหตุใดมันถึงไร้ประโยชน์เช่นนี้!
「เฮ้อ ลูกแม่ เจ้าอย่าได้โทษตนเองเช่นนี้เลย พลังเยว่ตี้ทำได้ทุกอย่างตามที่ผู้ใช้เป็นคนสั่ง แต่มันต้องเป็นคำสั่งที่ถูกต้องและเหมาะสมด้วย เจ้าลองย้อนไปคิดถึงตอนที่เจ้าพยายามจะเคลื่อนย้ายทางไกล กว่าจะสำเร็จเจ้าต้องหาคำสั่งเหมาะสมนานเพียงใด? นี่ก็เช่นกัน เจ้ารักษาได้! เพียงแต่เจ้าออกคำสั่งไม่เหมาะสมเท่านั้น มันเป็นแผลต้องสาปก่อนจะรักษาต้องแก้คำสาปนั้นก่อนมิใช่รึ?」
ท่านแม่เอ่ยเตือนสติของข้าพร้อมกับสะกิดความคิดบางอย่างขึ้นมาด้วย นั่นสิ แผลต้องสาป ก่อนอื่นก็ต้องถอนคำสาปนั้นเสียก่อน เอ๊ะ แล้วจะถอนอย่างไรเล่า ข้าไม่รู้ว่ามันเป็นคำสาปอันใดน่ะสิ เดี๋ยวสิ ไม่ต้องรู้แต่ลบล้างคำสาปไปเลยก็น่าจะได้ หือ? ประเดี๋ยวก่อน ตอนที่ข้ารักษาให้พวกทหาร เพราะว่าต้องกำจัดลูกธนูกับเศษหินเศษดินออกจากบาดแผลป้องกันการอักเสบข้าจึงให้คำสั่ง ‘สลาย’ หรือว่า...!? ไม่ใช่ว่าข้าไม่เจอคนได้รับบาดแผลต้องสาป แต่เพราะว่าข้าสั่งอาณาเขตสลายคำสาปนั้นเลยทำให้รักษาบาดแผลได้อย่างนั้นรึ!? พอคิดได้ข้าก็ตื่นเต้นขึ้นมาทันที ก้มมองเขาอย่างดีใจที่มีทางรักษาเขาได้แล้ว
“เสวี่ย ข้าจะช่วยท่าน อดทนอีกหน่อย” ข้าก้มหน้ากระซิบบอกเขาจากนั้นก็จูบเบาๆ บนริมฝีปากร้อนผ่าวด้วยพิษไข้ของเจ้าแมว ข้าสร้างอาณาเขตครอบคลุมร่างของฉินอ๋องจากนั้นก็หลับตาตั้งสมาธิเพื่อออกคำสั่ง ข้าลืมตาขึ้นแล้วเอ่ยสั่งอาณาเขต ‘สลาย’ ตามแล้ว ‘รักษา’ เมื่อทำเสร็จข้าก็ปลดอาณาเขตรีบดูผล ผ่านไปสักพักบาดแผลที่หายดีแม้จะปลดอาณาเขตแล้วก็ยังเป็นปกติ ไม่ได้กลับไปมีบาดแผลเหมือนครั้งแรก ข้าถอนหายใจพร้อมกับทิ้งตัวซบร่างของเขาอย่างโล่งอก
“ข้าทำสำเร็จ เสวี่ย ท่านหายดีแล้ว” ข้าพึมพำกับเขาแล้วพลิกหน้าไปมองคนบาดเจ็บที่นอนนิ่งไม่มีท่าทางทรมานอีก ข้ายกตัวขึ้นยกมือทาบหน้าผากของเขาที่ไม่ร้อนเป็นกองเพลิงอีกต่อไป สงสัยคำสั่งรักษาเมื่อครู่จะช่วยรักษาพิษไข้ไปด้วย ข้ายิ้มกว้างออกมาอย่างดีใจที่สามารถช่วยเหลือเขาได้ รู้สึกภาคภูมิใจเล็กน้อยที่ทำสำเร็จ ต้องยกความดีความชอบให้แก่พลังเยว่ตี้และคำเตือนของท่านแม่ ข้านอนกอดเขาอยู่สักพักก็รู้สึกเหมือนอีกฝ่ายขยับตัวหยุกหยิก หน้าของเจ้าแมวที่ขมวดคิ้วนิ่วหน้าอย่างน่าเกลียดทำให้ข้าหลุดหัวเราะออกมา ไม่เคยเห็นสีหน้าเช่นนี้มาก่อนเลย เขากำลังฝันอะไรอยู่กันนะ?
ข้าขยับตัวขึ้นไปบนตัวของเขาแล้วเริ่มแกล้งเจ้าแมวที่ครางอือเหมือนกำลังโดนแกล้ง ข้ามองใบหน้าคับข้องใจของเขาแล้วหัวเราะอีกครั้ง ใช้ฝ่ามือลูบไล้ใบหน้าคมคายของเขาแล้วค่อยๆ ก้มหน้าประทับริมฝีปากลงเรียวปากแดงระเรื่อได้รูปของเขา ในใจของข้าคล้ายมีความรู้สึกบางอย่างที่ไม่ทราบแน่นอนผุดขึ้นมา เห็นเจ้าแมวนอนไร้พิษสงเช่นนี้แล้วมันคันไม้คันมือยิ่งนัก ข้าจะต้องเอาคืนเขาที่ชอบแกล้งหยอกข้าเล่นเป็นประจำ ทำราวกับข้าเป็นของเล่น ครั้งนี้แหละข้าจะเอาคืน
ข้าจะลวนลามเจ้า เจ้าแมว หึ!
ระหว่างแกล้งเขาข้าก็กินเต้าหู้เจ้าแมวอย่างสบายอกสบายใจ เป็นเต้าหู้ที่อร่อยยิ่ง หึๆ เจ้าแมวพยายามหลบหลีกการลวนลามของข้า แต่ไม่นานนักเขาก็เริ่มหันมาให้ความร่วมมือ กลายเป็นเต้าหู้ยินยอมพร้อมใจให้กิน ข้าแค่แกล้งจูบเบาๆ แต่เขากลับรั้งคอข้าไปจูบเสียดูดดื่มจนข้าแทบหายใจไม่ทัน พอผละออกมาข้าก็รีบเด้งตัวลุกหนีจากตัวของเขา นี่เขาหลับอยู่ใช่หรือไม่!? อาณาเขตคำสั่งของข้าก็ยังอยู่ดี เขาต้องหลับแน่นอน แต่เหตุใดข้าถึงรู้สึกว่าตนเองโดนลวนลามแทนที่จะเป็นข้าที่ลวนลามเขา? ข้านั่งมองเขาอย่างข้องใจจนกระทั่งเจ้าแมวหัวเราะออกมาแล้วกระตุกยิ้มมีเลศนัยชวนขนลุก
“อ่า~ หากเจ้าเต็มใจข้าก็ไม่เกี่ยงว่าเจ้ายังเด็กอยู่ จิ้งถิง ข้าอย่างไรก็ได้ หึๆ”
ข้าขนลุกเกรียวไปทั้งตัวเผลอตัวตบลงบนหน้าผากของเจ้าแมวลามกอย่างจัง นี่กำลังฝันบ้าบออันใดอยู่! ข้าพ่นลมหายใจไม่คิดจะเล่นอันใดกับเจ้าแมวลามกนี่อีกแล้ว ประกอบกับมีคนกำลังเข้ามาในกระโจม ข้าถึงรีบกำบังตัวแล้วปลงอาณาเขตคำสั่งที่ตัวฉินอ๋องออก จากนั้นก็ลุกขึ้นเดินอ้อมกระโจมไปอีกฝั่ง ทันเวลาที่คุณชายหมิงเปิดกระโจมเข้ามาพอดี ข้าถอนหายใจโล่งอก เฉียดฉิวเพียงอึดใจเดียวเท่านั้น คุณชายหมิงเดินไปดูอาการของฉินอ๋อง เจ้าแมวยังนอนเคลิ้มกับความฝันลามก ข้าคิ้วกระตุก อยากจะตบหัวแมวลามกให้ตื่นขึ้นมารับรู้ความจริงเสียจริง
ไม่เกี่ยงว่าเด็กอันใดกัน!? ในใจของเจ้าเป็นอย่างนั้นหรอกรึ? ข้าหลงนึกว่าเจ้าแมวทำตัวดีพยายามรอข้าอย่างบริสุทธิ์ใจ ที่แท้...หึ! ข้าถลึงตาใส่เจ้าแมวที่ยังทำเสียงน่าอับอายจนคุณชายหมิงที่กำลังก้มดูอาการต้องหน้าแดงด้วยความเขินอาย ข้าอดหมั่นไส้ไม่ได้จึงส่งอาณาเขตไปยังฉินอ๋องแล้วสั่งให้มันดึงเขาลุกขึ้น ฉินอ๋องเบิกตากว้างผวาตื่นขึ้นจนคุณชายหมิงที่กำลังเมียงมองคนหลับตกใจหงายหลังก้นจ้ำเบ้าลงกับพื้น ข้าหัวเราะขำกับภาพตลกตรงหน้า จากนั้นก็รีบกลั้นเสียงเมื่อมีคนเดินเข้ามาในกระโจม รู้สึกว่าตนเองซุกซนเกินไปแล้ว ข้ามองไปยังคนที่เข้ามาใหม่เป็นรองหัวหน้าองครักษ์เฉิน รองแม่ทัพสวินหยาง หัวหน้าหมอและผู้ช่วยของเขา ข้าขยับตัวถอยห่างแล้วค่อยเดินไปที่หน้ากระโจมเพื่อจะออกไป
ทุกคนเดินเข้ามาหาฉินอ๋องที่มีอาการเหลอหลาจากการตื่นกะทันหัน รองหัวหน้าองครักษ์เฉินเลิกคิ้วเมื่อเห็นบาดแผลบนร่างของเจ้านายหายไปหมดสิ้น เช่นเดียวกับหัวหน้าหมอและรองแม่ทัพสวินหยาง หัวหน้าหมอเข้าไปตรวจร่างกายของฉินอ๋องที่หายดีแล้วทำหน้าอึ้งพูดอะไรไม่ออก ก่อนจะค่อยๆ หันไปคนอื่นๆ ในกระโจมที่มีสีหน้าตื่นเต้นดีใจไม่ต่างกัน ข้ายิ้มออกมาอย่างภาคภูมิใจ ดูสีหน้าของพวกเขาสิ! พลังเยว่ตี้นี่มันดีจริงๆ แม้กระทั่งฉินอ๋องยังงุนงงที่นอนไประยะหนึ่งตื่นขึ้นมาบาดแผลก็หายดีแล้ว ทุกคนดีใจจนพูดอะไรไม่ออกไปพักใหญ่ ก่อนที่จะมีใครพูดอะไรนั้นคุณชายหมิงที่ล้มอยู่ก็ลุกยืนขึ้น หัวหน้าหมอหันไปเห็นเขาพอดีก็แย้มยิ้มอย่างเข้าใจพร้อมกับเอ่ยออกมาเสียงดังได้ยินทั่วกระโจม
“เป็นคุณชายหมิงเองงั้นรึที่รักษาท่านแม่ทัพ!”
รู้สึกว่าตอนที่แล้วคนอ่านจะเศร้าเสียใจโวยวายไปก่อนถิงถิงแล้ว
ถิงถิงสตรองค่ะ มิได้คิดหรือสะทกสะท้านอันใด
คนแต่งตื่นขึ้นมาถึงกับตกใจ เกิดอะไรขึ้นเนี่ยยยย ทำไมทุกคนกรีดร้อง ทำไมทุกคนแค้นเคืองฉันนนน~
หลังจากตื่นขึ้นมาก็อาบน้ำกินข้าวเสริมสวย(หือ!?)เสร็จก็มานั่งแต่งให้เลยนะ
ช่วงนี้งานเข้ารัวๆ ว่าจะกลับไปอยู่บ้านที่สัตหีบแต่คุณทวดสิ้นใจเลยจะกลับไปที่บ้านนครพนมเพื่อช่วยงาน
หากไม่ได้อัพก็ติดธุระนะจ้ะ! บอกไว้ก่อน
ปล. ท่าน InkFish ที่ต้องการส่ง FA ผู้แต่งส่งที่อยู่(?)ไปทางข้อความลับแล้วนะเจ้าคะ ขอบพระคุณค่ะ ปลื้มหลายยยยย!
ทิ้งท้ายความในใจของท่านอ๋องในตอนนี้ :::
นี่แค่ข้านอนฝันว่า...กับจิ้งถิงก็หายเป็นปกติแล้ว ถ้าข้า....มันจะขนาดไหนกันนะ//ทำหน้าคิดอย่างจริงจัง
ปล. ไม่ได้ดูไลฟ์ของพี่เอก โฮกกกกกกกก ดูย้อนหลังก็ได้ ชิ
ปล.2 เห็นคอมเม้นท์ตอนรอแล้วปวดท้องเหลือเกิน เพราะฉะนั้นพรุ่งนี้ไม่อัพน๊ะ//เสียงสู๊ง
ปล.3 เรื่องเพจนั้น...ไม่อยากให้เลย ถ้าจะหาย่อมเห็นแน่นอน ดังนั้น...
นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ

สุดท้ายก็ยกท่านอ๋องให้เค้าซะ เซง
ก็ว่าละล่ะ มันน่าโมโหหหหหหหหหหหหหหหหหหหหหหหหห 5555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555