คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #123 : ตำนานสยองแห่งซานฟรานซิสโก้
ซานฟรานซิสโก เป็นนครที่สวยงามอีกเมืองหนึ่ง
ซึ่งนักท่องเที่ยวต้องแวะไปเยือนเมื่อมาถึงรัฐแคลิฟอร์เนีย
แสงสียามราตรีทำให้นครแห่งนี้มีชีวิตชีวา
เช่นเดียวกับมหานครอีกหลายๆ แห่งของสหรัฐ
ทว่าในคืนที่หมอกลงจัดคล้ายเงาภูตผีหลายคนอดหวนนึกไปถึง
ตำนานสยองของซานฟรานซิสโกขึ้นมาไม่ได้
ไม่ว่าจะเป็น ตำนาน...เรือผีสิง ตำนานฝีเท้าปีศาจ
และ เสียงโซ่ตรวน ที่ดังกึกก้องในคุกที่ไร้นักโทษ
ตำนานเหล่านี้เล่าขานกันมานานจนกลายเป็นตำนานคู่บ้านคู่เมือง
ของซานฟรานซิสโกไปแล้ว ใครอยากรู้ อ่านดูเลยจ้า!
ตำนาน...เรือผีสิง
สถานที่ท่องเที่ยวสำคัญที่สุดของซานฟรานซิสโกก็คือ
สะพานโกลเด้นเกท ซึ่งครั้งที่สร้างเสร็จใหม่ๆ ในปี ค.ศ.1937
เคยได้รับการยกย่องให้เป็น 1 ใน 7 สิ่งมหัศจรรย์ของโลก
ทุกวันนี้โกลเด้นเกทก็ยังเป็นสัญลักษณ์ที่เชิดหน้าชูตาของนครแห่งนี้
นอกเหนือจากการเป็นเส้นทางคมนาคมหลักในการเชื่อมต่อ
ซานฟรานซิสโกเข้ากับมารินเคาน์ตี้ ทางตอนเหนือ
โดยมีรถแล่นไปมาวันละไม่ต่ำกว่า 120,000 คัน
ทว่า การจราจรบนท้องน้ำเบื้องล่างใต้สะพานลงไปราว 220 ฟุต
กลับไม่ราบรื่นเหมือนการจราจรบนสะพาน เพราะช่องแคบโกลเด้นเกท
ซึ่งเชื่อมต่อระหว่างมหาสมุทรแปซิฟิก และอ่าวซานฟรานซิสโก
มีกระแสน้ำที่เชี่ยวกราก และแคบมากเพียง 1 ไมล์เท่านั้น
ซึ่งหมอกยังลงจัดมากจนทำให้เรืออับปางมากกว่า 100 ลำ
อันเนื่องมาจากการเปลี่ยนทิศทางลมและกระแสน้ำอย่างฉับพลัน
คนที่พำนักในย่านนั้นมักจะเห็นเรือสมัยโบราณแล่นไปมาจนต้อง
โทร.แจ้ง 911 อยู่เสมอ แต่เมื่อตำรวจมาถึงกลับไม่พบเรือประหลาด
เหล่านั้น ในปี 1942 ทหารเรือของเรือรบหลวงเคนนิสัน
ยืนยันว่าเห็น “เรือผีสิง” แล่นในช่องแคบในสภาพที่ผ้าใบขาดวิ่น
แต่กลับแล่นได้เร็วจนหายลับไปกับตา
คงไม่ได้ตาฝาดหรอกนะ!
ตำนาน...เหมืองปีศาจ
ในปี 1848 ซานฟรานซิสโกเป็นเพียงเมืองเล็กๆ
ที่มีคนอาศัยเพียง 800 คน แต่ในเมืองใกล้ๆ กันมีการค้นพบ
เหมืองทอง ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ เพียง 2 ปีให้หลัง
บรรดานักแสวงโชคแห่กันเข้ามาขุดทอง
และอพยพย้ายถิ่นมาอาศัยที่ซานฟรานซิสโกมากมาย
ถึง 25,000 คน บางส่วนของเมืองจึงเป็น สุสานเก่า
ซึ่งเมื่อมีการขยายเมืองในเวลาต่อมา สุสานบางแห่งก็ได้ถูกยกเลิกไป
ตำนาน...เหมืองปีศาจ เล่าว่า สุสานเก่าในเขตรัสเชียนฮิลล์
ซึ่งฝังศพกลาสีชาวรัสเซียในยุคแสวงโชค ได้ถูกย้ายออกไป
เพื่อใช้สร้างอาคารใหม่ๆ อาทิ สถาบันศิลปะ ซานฟรานซิสโก
ในปี 1926 หลังจากนั้นก็จะมีเหตุการณ์แปลกๆเกิดขึ้นในตึก
อาทิ มีเสียงฝีเท้าในยามค่ำคืนทั้งๆ ที่ไม่มีใครอยู่ในตึก
หรืออุปกรณ์ช่างจู่ๆ ก็หมุนได้เองโดยไม่มีใครไปเปิด
นักศึกษาบางคนเห็นแสงไฟประหลาดที่หอคอยของสถาบันทำให้โจษจันกันไปว่า...บางทีวิญญาณของกtลาสีที่ยังวนเวียนอยู่ในบริเวณนั้นอาจจะส่งสัญญาณเตือนให้รู้ว่า...อย่ามารบกวนพวกเขาอีก
ตำนาน...คุกหลอน
เกาะอัลคาทราซ เป็นเกาะร้างในอ่าวซานฟรานซิสโก
ซึ่งใช้เป็นคุกทหารก่อนจะกลายมาเป็นเรือนจำของซานฟรานซิสโก
ตั้งแต่ปี ค.ศ.1934 โดยมีระบบการควบคุมนักโทษที่รัดกุม
ยากแก่การหลบหนี อัล คาโปน เจ้าพ่อคนดังของอเมริกาก็ถูกส่งตัว
มาชดใช้กรรมที่คุกแห่งนี้นานถึง 29 ปี
แม้จะเป็นเรือนจำที่คุมเข้มที่สุด แต่นักโทษก็ยังไม่วายคิดหนี โดยกระโจนลงสู่สายน้ำที่เย็นยะเยือก และเชี่ยวกราก
ของอ่าวซานฟรานซิสโก หมายจะให้น้ำพัดพาตัวเองไปขึ้นฝั่ง
ทว่า ส่วนใหญ่ถ้าไม่ตายกลางน้ำมักจะถูกจับกุมได้ก่อนขึ้นฝั่งเสมอ
เกาะอัลคาทราซหมดสภาพการเป็นเรือนจำในปี 1963
แล้วพัฒนาพื้นที่ให้เป็นสวนสาธารณะ แต่นักท่องเที่ยวที่ไปเยือนเกาะนี้
มักจะได้ยินเสียงโซ่ตรวนดังแว่วๆ หรือได้ยินเสียงแบนโจ
ดังมาจากห้องคุมขัง เจ้าพ่ออัล คาโปน ในขณะที่หลายคนยืนยันว่า
เกิดอาการขนลุก เย็นสันหลังวาบขึ้นมาเฉยๆ เมื่อได้เห็นเงาวูบๆ วาบๆ และบริเวณที่ยืนอยู่ก็เย็นยะเยือกขึ้นมาแบบไม่มีปี่ไม่มีขลุ่ย
ตำนานเล่าขานเกี่ยวกับคุกหลอนที่อัลคาทราซได้ตอกย้ำความเชื่อ
ในเรื่องของชีวิตหลังความตาย...โดยเฉพาะการรับโทษทัณฑ์ในภพอื่นของอดีตนักโทษแห่งอัลคาทราซ
...ตายแล้วก็ยังต้องถูกจองจำแบบนี้...บางทีอาจเป็นอุทาหรณ์ให้คนชั่วคิดกลับตัวกลับใจเสียใหม่ก็เป็นได้
ความคิดเห็น