ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    โรงเรียนมหาเวทย์ ซาเลเทียร์

    ลำดับตอนที่ #3 : บทที่สอง : โรงเรียนแปลกประหลาด 1

    • อัปเดตล่าสุด 16 ส.ค. 54



    ตลอดการเดินทางไปสู้รัฐหลวงไกอา ราฟานอนหลับตลอดเวลา ในฐานะของนักฆ่าถือว่าไม่ระวังตัวจนน่าเอือมระอา อันที่จริงแล้วราฟาไม่เคยคุ้นกับการเดินทางแบบปกติสักเท่าไหร่ เพราะตระกูลเอลฟาใหญ่โตและมีอำนาจพอจะหาเกทเวย์มาใช้ส่วนตัวได้ ซึ่งไอ้เกทเวย์ที่ว่าสามารถใช้เดินทางข้ามรัฐได้สบายๆแต่ราคามันแพง ส่วนมากจะพบเห็นเกทเวย์ได้จากบ้านเศรษฐีหรือในราชสำนักเท่านั้น


    อะไรที่ไม่จำเป็นก็ไม่ต้องรู้ อะไรที่จำเป็นถึงจะได้รู้ นั่นเป็นคำพูดติดปากของเอลิน่า หญิงหม้ายผู้ครองตำแหน่งเจ้าบ้านของตระกูลนักฆ่า มารดาบุญธรรมของราฟา


     " ถึงรัฐหลวงแล้ว ตื่นได้เถอะ "


    ราฟาค่อยๆยันกายขึ้นมาก่อนจะอ้าปากกว้างด้วยความตกตะลึง บ้านเมืองสวยงามถนนที่ปูด้วยอิฐทนแรงกระแทก บรรยากาศภายในรัฐหลวงดูมีเสน่ห์อย่างน่าประหลาด ผู้คนมากหน้าหลายตาเดินควักไขว่เต็มไปหมด มันดูแตกต่างจากรัฐเล็กๆอย่างนอร์ทเทิร์น อย่างน้อยๆก็ไม่มีพวกนักฆ่าฝีมือกระจอกเดินระรานคนทั่วไปละ!


    " อีกสิบนาทีจะเริ่มการรับสมัคร ข้าว่าเจ้ารีบไปจะดีกว่านะ "


    ราฟาเดินต๊อกๆตามคำบอกของยูเฟเรียไปยังโต๊ะลงทะเบียนซึ่งมันก็อยู่หน้าประตูโรงเรียนพอดี สาวสวยในชุดยูนิฟอร์มดำกำลังจดข้อมูลลงแผ่นกระดาษเก่าๆแผ่นหนึ่ง มีเด็กรุ่นราวคราวเดียวกับเขาอยู่เต็มไปหมด ต่างคนต่างจับกลุ่มพูดคุยเกี่ยวกับการทดสอบดังลั่น


    " มาสมัครครับ "


    " ขอดูจดหมายเชิญด้วยค่ะ " ราฟายื่นจดหมายให้


    " ราฟาเอล เอลฟานะค่ะ กรุณารออยู่แถวนี้ อีกประมาณสิบห้านาทีจะเริ่มการทดสอบค่ะ "


    ราฟาเลือกมุมสงบๆที่ไม่ต้องได้ยินเสียงนกกระจอกแตกรัง ข้างน้ำพุหน้าโรงเรียนเป็นตัวเลือกที่เหมาะสมที่สุด ขณะที่กำลังเดินเอื่อยๆอยู่นั่นเขาก็มีอันต้องหงายหลังเมื่อจู่ๆก็ชนเข้ากับเขตอาคมสีเทาจางๆที่แทบจะมองไม่เห็นปกคลุมอยู่ทั่วร่างชายหนุ่มในชุดคลุมสีดำที่จู่ๆก็เดินตัดหน้าเขา


     " หาเรื่องกันเรอะไอ้บ้านี่! "


    ชายหนุ่มไม่รอฟังเขาด่าแน่ ราฟาได้แต่ฮึดฮัดเพราะรู้สึกตัวอีกทีเจ้าบ้านั่นก็กลืนหายไปกับฝูงชนเสียแล้ว เขาสบถสาบานกับตัวเองว่าถ้าเจออีกครั้งจะคิดบัญชีอย่างสาสม ราฟาฮึดฮัดอยู่ในใจก่อนจะเปลี่ยนมายิ้มแย้มให้ทันทีที่รุ่นพี่สาวคนสวยตรงโต๊ะรับสมัครหันมายิ้มปลอบ


    แตรสัญญาณดังขึ้น ทุกเสียงเงียบลงในทันทีเตรียมพร้อมเข้ารับการทดสอบ รุ่นพี่สาวเจ้าของเรือนผมยาวสีน้ำตาล ดวงตาสีเขียวมรกตลุกขึ้นจากที่นั่ง เธอยิ้มให้กำลังใจเป็นครั้งสุดท้ายก่อนจะโบกมือเบาๆ วูบเดียวเหล่าผู้เข้ารับการทดสอบก็หายไปจากบริเวณนั้น เสียงอื้ออึงจากเหล่าผู้ปกครองดังแว่วถึงอำนาจของรุ่นพี่สาวผู้นั้น..


     

    " หะ หายใจไม่ออก "

    " ข้าจะแบนแล้ว ช่วยด้วย! "

    " กริ๊ด อย่ามาถูกตัวข้านะ "


     

     ถ้าจะให้ราฟาอธิบายถึงสถานการณ์ตรงหน้า ก็คงต้องบอกว่ามันเหมือนกับเอาปลามายัดๆใส่ในกระชังแคบๆหลายแสนตัวนั่นแหละ เหล่าผู้เข้ารับการทดสอบถูกโยนลงมาในห้องหนึ่งจนกองทับกันไม่ต่างอะไรกับปลาเน่าแลดูน่าขำเสียงกรีดร้องโวยวายและโอดครวญดังขึ้นไปทั่วแต่ไม่นานนักมันก็หายไป เพราะเริ่มมีคนหายไปจากในห้องเยอะมากขึ้นเรื่อยๆ ไม่นานนักในห้องก็เหลือนร.แค่ไม่กี่ร้อยคนและเริ่มยืนบนพื้นได้เสียที


    " เวทตรวจจับพลังเวทย์ "


    เสียงใครบางคนดังขึ้นทำให้เสียงพูดคุยเริ่มดังเซ็งแซ่ เวทตรวจจับถือเป็นเวทพื้นฐานและดูเหมือนมันจะคัดเอาเฉพาะคนที่มีพลังเวทย์พอเท่านั้น ราฟาเหม่อลอยดูสถานการณ์พร้อมสร้างภาพลักษณ์เป็นไอ้หนุ่มสุดเฉื่อย จืดจางและไม่มีใครสนใจได้อย่างดีเยี่ยม จนกระทั่งมีคนสองคนก้าวเข้ามาในชีวิตเขา


    " สวัสดี ข้าเรนอย ซีบอร์น จากออเฟียส "


    เด็กหนุ่มผมยาวสีเขียวมัดเป็นปมเคียงไหล่ยิ้มแย้มอย่างอารมณ์ดี ดวงตาสีน้ำเงินที่บดบังด้วยแว่นสายตาฉายแววแห่งความทรงภูมิและรอบรู้ และมองทุกอย่างด้วยสายตาที่เป็นกลาง ถ้าหมอนี่ไม่ใช่นักปราชญ์ข้าจะยอมให้ถีบเลย  เขาเคียงคู่มากับเด็กหนุ่มตัวสูงท่าทางขี้เล่น ผมสีแดงตั้งชี้โด่เด่ไม่เป็นทรงแต่ก็ทำให้ร่างนั้นดูหล่อเหลาขึ้นมาเอาการ


    " ส่วนข้าชื่อ เฟลมมินอส ซีนอนจากเซาท์เซส "


    " ข้าราฟาเอล เอลฟา จากนอร์ทเทิร์น "


    พวกข้าคุยกันหลายเรื่องและดูเหมือนเราจะคุยถูกคอกันง่ายๆเสียด้วย เรนอยเป็นจอมปราชญ์เขามีข้อมูลเรื่องการสอบกับเรื่องของซาเลเทียร์ที่ข้าไม่เคยรู้มากมาย ส่วนเฟลมเป็นจอมโจรแม้เขาจะบอกว่าไม่ขโมยกระเป๋าเงินข้าหรอก แต่เห็นแววตาเจ้าเล่ห์แล้วก็ยากจะเชื่อนัก


    " ถึงเจ้าจะอยากขโมยก็ขโมยของๆข้าไม่ได้หรอก! "


    " โฮ่..เจ้าคิดว่าประสาทสัมผัสเจ้าไวกว่ามือข้ารึไง "


    " แน่นอน! และที่สำคัญ..ทั้งเนื้อทั้งตัวข้ามีแต่มีดสั้นดูสิเจ้าจะโมยกระเป๋าเงินข้ายังไง "


    เท่านั้นแหละเฟลมก็ทำการประทุษร้ายหัวข้าจนเกิดเป็นทรงผมนำเทรนด์ใหม่ล่าสุดทันที เจ้าเห็นข้าหล่อกว่าเลยอิจฉาละสิ ถึงได้คิดหาทางตัดกำลังข้าแต่ถึงหัวข้าจะยุ่งข้าก็ยังหล่ออยู่ดีนั่นแหละ และที่สำคัญเรื่องกระเป๋าเงินไม่มีเป็นเรื่องจริง แล้วข้าจะกินจะอยู่ยังไงละเนี่ย (โถ่เว้ย!)


    " เหม็นสาบพวกคาวเลือดจริงๆ "


    ข้าเหลือบมองเด็กหนุ่มด้านหลังข้าที่พูดประโยคเมื่อตะกี้ออกมา ดูจากโหงวเฮ้งแล้ว (อย่าถามว่าข้าไม่ฝึกดูโหงวเฮ้งจากไหน เจ้าไม่อยากรู้หรอกเชื่อข้าสิ) เด็กหนุ่มคนนั้นคงเป็นพวกชนชั้นสูง ยิ่งท่าทางหยิ่งๆเชิดๆไม่เห็นหัวใครนี่ยิ่งทำให้ข้าแน่ใจ นักฆ่าที่ดีจะไม่ทำตัวเด่น ข้าเลือกที่จะเงียบแต่เพื่อนใหม่ของข้านี่สิ..


    " เหม็นสาบพวกงอมืองอเท้าเกาะพ่อแม่กินว่ะ "


    " บังอาจ! กล้าต่อปากต่อคำกับข้าเจ้าชายอิตเลียสแห่งนามิเบียเชียวรึ "


    เจ้าหนุ่มผู้สูงศักดิ์โกรธหน้าดำหน้าแดง ตัวสั่นอย่างกับลูกนกก่อนจะเรียกคทาแสนสวยราคาสุดแพงออกมา อืม..มันใช่รุ่นที่ใช้ขนของฟีนิกซ์มาเป็นแกนกลางรึเปล่านะ ถ้าข้าจำไม่ผิดสัญลักษณ์ปีกค้างคาวข้างเดียวมันเป็นสัญลักษณ์ของตระกูลเอลฟานี่นา.. มันใช่ของห่วยๆที่เอลิน่าสร้างมาหากินกำไรจากผู้สูงศักดิ์รึเปล่านะ..


    " เจ้าไม่ได้ตายดีแน่เจ้าพวกชั้นต่ำ! "


    ไอเวทพสุธาก่อตัวขึ้นดูเหมือนว่าเจ้าชายผู้สูงศักดิ์คนนี้จะเป็นผู้ใช้เวทพสุธา (แต่ดันมาซื้อคทาเน้นธาตุไฟเจ้าบ้ารึเปล่าเนี่ย) เหมือนเพื่อนใหม่ทั้งสองของข้าจะรู้ดีว่าข้าไม่อยากทำตัวเด่น พวกเขาก้าวเข้ามาขวางข้ากับเจ้าชายนั่น เรนอยขยับยิ้มสุภาพรอบๆกายมีไอเวทธาตุน้ำเข้มข้นจนขนาดข้ายังตกใจ ขนาดยังไม่ได้เรียกคทายังขนาดนี้เชียวเรอะ!


    " เจ้าชายอิตเลียสเพคะ อย่าลดตัวลงไปประมือด้วยให้เสียเวลาเลย! "


    ผู้สูงศักดิ์อีกคนค่อยๆเยื้องกายเข้ามาใกล้เจ้าชายอิตเลียส จีบปากจีบคอพลางใช้ดวงตาโตที่แลดูเหมือนผีตุ๊กตามองพวกข้าอย่างเหยียดหยามเต็มที่ ใบหน้าที่ติดจะสวยแต่งเติมด้วยเครื่องสำอางจนหนาเตอะ และฉีดน้ำหอมฟุ้งจนข้าอยากจะอ้วก นางเป็นผู้หญิงแบบที่ข้าเกลียดที่สุดคือพวกรักสวยรักงามจนไร้สติ

    " กับอีแค่ไพร่ชั้นต่ำสองสามคน ไม่แน่ว่าบางทีพวกมันอาจจะอยากได้ทรัพย์สมบัติเลยแกล้งทำเป็นโมโหก็เป็นได้ "


    สีหน้าเจ้าชายอิตเลียสดูผ่อนคลายลง แล้วเริ่มกราดมองพวกข้าทีละคนอย่างเหยียดหยาม เฟลมเดือดขึ้นมาทันทีเขาทำท่าจะวิ่งเข้าไปอัดผู้สูงศักดิ์ทั้งสองให้กระเด็น ข้าเองที่ใจเย็นมาตลอดยังอดไม่ได้ที่จะโมโหขึ้นมา หน้าสวยๆนั่นถ้าข้าเลาะมันออกมาขายพวกโรคจิตที่ชอบสะสมจะได้เงินเท่าไหร่กันนะ ข้าคิดคิดพลางตบเท้าเบาๆเป็นจังหวะ


    " กับแค่พวกเจ้าหญิงเจ้าชายหางแถว ข้าไม่ลดตัวลงไปขโมยหรอกโว้ย! "


    เฟลมตะโกนขึ้นมาอย่างเดือดดาล ตอนแรกข้าคิดว่าเฟลมเป็นแค่หัวขโมยฝีมือสูงแต่หลังจากแอบมองการเคลื่อนไหว ของเท้าข้าก็ได้มารู้ว่าข้าคิดผิด เฟลมเป็นหัวขโมยระดับสูงยิ่งกว่าสูงเลยทีเดียว อาจเป็นระดับรองหัวหน้าสมาพันธ์จอมโจร ดูเหมือนว่าที่เซาท์เซสจะให้ความสำคัญกับตำแหน่งของหัวขโมยมาก เฟลมจะต้องมีตำแหน่งสูงแน่นอน


    " เจ้าไพร่ขี้ขโมย! ข้าน่ะคือเจ้าหญิงเอมิย่า รัชทายาทลำดับที่สามแห่งรัฐกรานาเดียเชียวนะ! "


    แม่คุณสาธยายความน่าขโมยของตัวเองออกมาเรื่อยๆ และดูเหมือนจะภาคภูมิใจกับมันเสียเอามากๆ เธอด่าเฟลมเสียหลายคำจนพ่อหัวขโมยคนเก่งเริ่มจะทนไม่ไหว ตัวสั่นกึกๆคล้ายจะพยายามระงับอารมณ์ ส่วนข้าน่ะหรือ? ข้าก็กำลังจะได้ที่แล้วละ นักฆ่าแต่ละคนจะมีจังหวะของตัวเองการตบเท้าเบาๆก็เป็นการเร่งจังหวะแบบหนึ่งที่ข้าชอบ


    " ซาเลเทียร์มีกฎบัญญัติชัดเจนว่าฐานะของทุกคนที่เรียนที่นี่ต้องเท่าเทียมกัน ท่านที่จะเข้าเรียนที่นี่ไม่ทราบหรือ? "


    อุก..วาจานี้ช่างเสียดแทงหัวใจยิ่งนักเพราะข้าเองก็ไม่รู้เหมือนกัน เจ้าหญิงเอมิย่าเริ่มโมโหบ้างแล้วใบหน้าของเธอแดงก่ำก่อนจะสบถด่าอย่างสุภาพแต่แฝงความเหยียดหยามเรนอยเต็มเปี่ยม เธอชักคทาสีฟ้าสวยราคาแพงอันเป็นผลิตภัณฑ์จากบ้านข้าอีกนั่นแหละ เอาธาตุน้ำที่ด้อยกว่ามากๆมาสู้เนี่ยนะช่างโง่เขลาเหลือเกิน!


    " ช่วยหยุดทีจะได้มั้ย.."


    เสียงเย็นยะเยือกที่แค่ได้ฟังก็อยากจะหาเสื้อกันหนาวมาคลุม มาจากคนที่ข้าจำได้ว่ากางเขตอาคมไว้รอบตัวจนข้าชนล้มกลิ้งหลายตลบ ชุดคลุมตลอดจนเสื้อผ้ารองเท้าและเส้นผมต่างก็เป็นสีดำทั้งหมด แต่มีแค่ดวงตาสีอำพันสวยเท่านั้นที่ทำให้ดูแตกต่างออกไป ผิวขาวซีดตัดกับสีดำบ่งบอกว่าเจ้านั่นมาจากรัฐไอซ์เซ่นวอล รัฐแห่งความหนาวเหน็บ


    " ถ้าพวกข้าไม่หยุดละ "


    เจ้าชายอิตเลียสพูดตะกุกตะกักดูเหมือนเจ้าดำ (ข้าก็เรียกซะเหมือนหมาเลย) นี่คงจะสูงศักดิ์มาก แต่ด้วยความหยิ่งหรืออะไรก็ช่างเลยทำให้ตอบออกไปแบบนั้น เจ้าดำจ้องเขม็งที่มือข้าไม่หยุดจนข้าต้องยอมยกมือยอมแพ้ ทำให้คนอื่นเห็นมีดสั้นของข้าเข้าหลายคนตาโตระริกระรี้จนแทบจะกระโจนเข้าใส่


    " จะ เจ้าไปเอามันมาจากไหน!? "


    เจ้าหญิงเอมิย่าแทบจะเข้ามากระชากคอข้าด้วยซ้ำ ถ้าไม่ติดว่าเจ้าดำยืนอยู่ตรงกลางระหว่างข้ากับพวกเธอ มีดสั้นของข้าเป็นของที่ใช้กันทั่วไปของในตระกูลแต่สำหรับพวกชนชั้นสูงหูเบาแล้วนี่เป็นของล้ำค่าเลยทีเดียว เจ้าดำมองมีดสั้นข้าจนเห็นว่าข้าเก็บมันไปแล้วจึงเลิกสนใจ ดูเหมือนว่าเจ้าดำจะไม่ใช่พวกชนชั้นสูงหูเบานะเนี่ย~


    " ....ท่านคงไม่อยากมีปัญหากับข้าหรอกใช่มั้ย.."


    เจ้าดำเอ่ยนิ่งๆแต่แฝงไปด้วยความกดดันที่เย็นยะเยือก (เวลาข้าเจอเจ้าดำ ข้าจะซื้อเสื้อกันหนาวแน่ๆ) เจ้าชายอิตเลียสสะดุ้งเฮือกรีบเก็บคทาพร้อมสะกิดเจ้าหญิงเอมิย่าให้รีบเก็บตาม พวกเขามองพวกข้าด้วยสายตาเหยียดยามสุดๆก่อนจะหันไปเอ่ยกับเจ้าดำด้วยน้ำเสียงประจบประแจง


    " ข้าจะถือว่าเห็นแก่หน้าท่านแล้วกัน เจ้าชายโซราเอเนสแห่งรัฐไอซ์เซ่นวอล "


    เจ้าดำหันมามองข้านิ่งๆ แม้เขาจะไม่พูดอะไรแต่แววตาก็เต็มไปด้วยคำขอโทษ ดูเหมือนว่าเรื่องที่ข้าล้มกลิ้งเพราะชนเขตอาคมจะทำให้เขาต้องยื่นมือเข้ามายุ่งเพื่อขอโทษข้า ..เป็นคนดีเหมือนกันนี่นา..


    " สวัสดีท่านเจ้าชายหวังว่าท่านคงจะไม่ถือตัวแบบเจ้าพวกเมื่อกี้หรอกนะ "


    ข้าเอ่ยยิ้มๆท่านเจ้าชายโซก็เพียงแค่จ้องตาข้า ดวงตาของเขาเต็มไปด้วยความสดใส เหมือนว่าตั้งแต่ที่ข้ามาเข้าเรียนที่นี่ก็ได้พบเพื่อนใหม่นิสัยประหลาดๆมากขึ้นเรื่อยๆ ขอไว้อาลัยตัวข้าที่แสนจะธรรมดามา ณ ที่นี้..หรือจริงๆข้าอาจจะเป็นคนที่ประหลาดที่สุดก็เป็นได้...     


     แล้วข้าก็ได้ประจักษ์ว่า โรงเรียนนี้ช่างแปลกประหลาดซะจริงๆ!


    การทดสอบรอบที่สองเริ่มขึ้นโดยที่พื้นที่พวกข้าเหยียบอยู่จนถึงเมื่อกี้ หายลับไปและส่งพวกผู้สมัครหล่นลงสู่ความมืดมิดด้านล่าง และพอทุกคนตั้งสติได้ก็รีบงัดเวทย์ลอยตัวขึ้นมาใช้กันยกใหญ่ ไอเวทหลากสีผุดขึ้นมาจนแทบจะแสบตา และเมื่อถึงพื้นก็ได้พบกับบุคลในชุดฟอร์มมีดำสนิทของรร.หลายสิบคนกำลังรออยู่..


    " การทดสอบรอบสอง จะว่าง่ายก็ง่ายจะว่ายากก็ยาก สิ่งที่พวกเจ้าจะได้ทำก็แค่ตีเจ้าวงล้อเวทย์นี่วิ่งอ้อมหลักไปพร้อมๆกับโจมตีอีกฝั่งให้ได้ก็พอ "


    รุ่นพี่คนหนึ่งที่มีผมสีม่วงเอ่ยยิ้มๆ ถึงแม้เขาจะทำตัวเหมือนกับว่าไร้ความสามารถจากไอเวทย์ที่เบาบางก็เถอะ แต่ถ้าสายตาข้าไม่ฝาฟาง ข้าก็ขอบอกว่ารุ่นพี่คนนี้ช่างให้ความรู้สึกพญาสิงค์ที่ปกครองเหล่าสรรพสัตว์ทั้งปวงจริงๆ รุ่นพี่โบกมือเบาๆทีหนึ่งวงล้อเวทย์และไม้สำหรับตีก็ปรากฏขึ้นข้างๆผู้เข้าสมัครทุกคน


    รุ่นพี่ที่เหลือแจกเข็มกลัดหมายเลขและแบ่งฝั่ง และนับว่าโชคดีที่เพื่อนใหม่ของข้าอยู่ฝั่งเดียวกันกับข้า ใช่ว่าข้าจะเป็นโรคติดเพื่อนหรอกนะ แต่เพราะเหล่าเพื่อนใหม่ดันมีพลังเวทย์สูงกว่าชาวบ้านกันหมด ขืนได้สู้กันก็หืดขึ้นคอน่ะสิ


    " วงล้อเวทย์อันนี้ ถ้าหากเราไม่ใส่ไอเวทย์ให้มากพอและสม่ำเสมอจะตีไม่ไป "


    เรนอยอธิบายให้พวกผู้ร่วมทีมฟังทั้งหมด หลายคนส่งเสียงโอดครวญขึ้นมาเพราะการใส่ไอเวทย์อย่างสม่ำเสมอเป็นเรื่องยาก และสำหรับข้าแล้วมันก็เป็นเรื่องยากเช่นกัน เพราะข้าถือคติว่าข้าคือนักฆ่าและนักฆ่าไม่จำเป็นต้องใช้เวทย์ช่วยในการฆ่า ทำให้เวทมนต์ของข้าก็แค่พอไปวัดไปวาได้


    " ไหวมั้ย?.."


    เจ้าดำไม่สิจากนี้ไปข้าจะเรียกเขาว่าโซ โซเอ่ยขึ้นเงียบๆและไม่รู้ทำไมเขาชอบมาอยู่หลังข้าโดยที่ข้าไม่ทันรู้ตัวทุกที ให้ตายเถอะศักดิ์ศรีของนักฆ่ากำลังจะถูกทำลายซะแล้วสิเนี่ย เพื่อนดำๆที่แสนดีของข้าแลดูเป็นห่วงข้าม๊ากมากจนข้าก็รู้สึกแปลกใจ ไม่ใช่ว่าเขาหวังอะไรจากข้าหรอกนะ (ขนลุกซู่)


    " พอไหวนะ ว่าแต่ทำไมดูเจ้าห่วงข้าจัง? "


    โซไม่ตอบแค่ยิ้มน้อยๆแต่ดูมีเลศนัยแบบสุดๆ (ข้าขนลุกรอบสอง) ยังไม่ทันที่ข้าจะได้ซักไซ้ไล่เลี่ยงอะไรต่อสัญญาณการทดสอบรอบที่สองก็ดังขึ้นเสียแล้ว คนแรกที่จะออกวิ่งคือเฟลมและอีกทีมคือเจ้าชายอิตเลียส ทำให้ข้าละสายตาจากโซหันมาชมอะไรสนุกๆแทน


    " นึกว่าใครเจ้าไพร่หัวขโมยนี่เอง "


    เจ้าชายอิตเลียสออกวิ่งพร้อมตีวงล้อให้เคลื่อนที่ไปเรื่อยๆ ด้วยความเร็วที่ค่อนข้างพอดีแม้ว่าบางทีวงล้อจะเบี้ยวไปมาก็ตามที เขายั่วยุเฟลมด้วยคำด่าแบบสุภาพที่ข้าคิดว่าเฟลมคงจะเกลียดแสนเกลียด โดยที่ไม่มีใครสังเกตเห็น เฟลมเพิ่มความเร็วในการวิ่งขึ้นเรื่อยๆที่ได้ฟังคำด่า


     " หมอนั่นเร็วเป็นบ้าเลย! "


    แค่ชั่วพริบตาเฟลมก็ไปโผล่ด้านหลังแล้วแผ่จิตสังหารรุนแรงออกมา ให้ตายเถอะ..มือข้าคันยิบๆอยากขว้างมีดสั้นออกไปเฉาะหัวเฟลมจริงๆ สัญชาติญาณของข้านี่ช่างนิสัยไม่ดีซะเหลือเกิน (ห๊ะ?) ข้าสังเกตเห็นคิ้วเรนอยกระตุกอยู่เป็นพักๆทำหน้าเหมือนสังหรณ์ใจว่าจะเกิดเรื่องไม่ดีเกิดขึ้น


    " ห้ามนะเฟลม! "


     เฟลมชะงักก่อนจะเลิกปล่อยจิตสังหารออกมา เขาวิ่งผ่านเจ้าชายอิตเลียสที่ขาแข้งอ่อนแล้วกลับมาส่งวงล้อเวทย์กับไม้ตีให้เรนอยเป็นรายต่อไป เรนอยรับมาพร้อมบ่นต่อไปอีกสองสามประโยคก่อนจะออกวิ่งด้วยความเร็วธรรมดาๆแต่สามารถคอนโทรลวงล้อเวทย์ได้อย่างสมบูรณ์แบบ เพื่อนข้านี่มันเก่งกันจริงๆ (ยืด)


    ข้ายืนดูเด็กหลายต่อหลายคนผ่านการทดสอบและไม่ผ่านการทดสอบมากมาย บางคนก็ร้องไห้ฟูมฟายบอกว่าไม่น่าพลาดกับเรื่องง่ายๆและปัญญาอ่อนแบบนี้เลย


    " ตาเจ้าแล้วละราฟา "


    ห๊ะ!? เร็วขนาดนี้เชียวเรอะ แต่บ่นไปก็ดูไม่ดีมีแต่ต้องทำเท่านั้นแหละนะ ข้าลองใส่เวทย์ลมที่ไม่ใช่ธาตุหลักกับธาตุรองลงไป อะไรนะ? พวกเจ้าไม่รู้จักธาตุหลักกับธาตุรองงั้นเหรอไปอยู่หลังเขาที่ไหนมาละเนี่ย เอาละๆข้าจะอธิบายให้พวกเจ้าฟังแล้วกัน ในโลกนี้ประกอบด้วยแปดธาตุทุกๆคนจะเกิดมาพร้อมธาตุหลักหนึ่งและธาตุรองอีกหนึ่ง


    ธาตุรองจะเป็นธาตุที่พวกเจ้าจะเผลอใช้บ่อยๆโดยไม่รู้ตัว ส่วนธาตุหลักอย่างข้ามีธาตุหลักคือไฟ ดังนั้นต่อให้ข้าฝึกธาตุอื่นๆมากแค่ไหน เวทย์ธาตุไฟก็จะยังรุนแรงกว่าชนิดหลายขุมอยู่ดีไงละ กลับมาดูการทดสอบของข้ากันต่อ ข้าจงใจใส่ธาตุที่ข้าไม่ค่อยใช้ลงไป รั่วชั่วยังไงข้าก็เป็นนักฆ่านะ จะมาเผยฝีมือต่อหน้าคนเยอะๆไปทำแป๊ะอะไรละ


    " เลิกตบตากันได้แล้วละน่า " เฟลมพูดติดหัวเราะกับวงล้อเวทย์ของข้าที่กลิ้งอย่างเอื่อยๆไปข้างหน้าแถมยังเป๋ไปเป๋มา ในขณะที่อีกทีมหนึ่งปัดวงล้อมาด้วยความเร็วสูง แล้วกำลังเงื้อไม้ตีใส่ข้าให้ตายเถอะนี่ข้าเหมือนวงล้อเวทย์ตรงไหนกันนะ  



    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×