คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #2 : บทแรก มุ่งสู่รัฐหลวง
เปลวเพลิงโหมกระหน่ำแผดเผาทุกสรรพสิ่งอย่างไม่ปราณี เด็กชายผู้อับจนหนทางได้แต่นั่งคุดคู้กอดตัวเองเอาไว้สะอื้นไห้ ผิวกายเริ่มแสบร้อนจากไฟ ดวงตาก็ขุ่นมัวมองอะไรไม่เห็นนอกจากควัน
" ร้อน ข้าร้อน ใครก็ได้ช่วยข้าด้วย! " เด็กน้อยตะโกนขอความช่วยเหลือซ้ำแล้วซ้ำเล่า
" ข้ายังไม่อยากตาย ช่วยข้าด้วย.."
บทแรก มุ่งหน้าสู่รัฐหลวง....
" อ๊าก ช่วยด้วยไฟจะไหม้ข้าตายแล้ว! "
" ไฟบ้าไฟบออะไรของเจ้ายะ! " ส้นตีนขาวเนียนนุ่มของเด็กหญิงตัวเล็กฟาดลงท้องน้อยของเจ้าหนุ่มผมสีน้ำตาลอย่างแรงจนคนโดนถึงกับกระอักไอค่อกแค่ก
" เจ้าคิดจะฆ่าข้ารึไงเอลิน่า! " เจ้าหนุ่มรีบลุกขึ้นมาตั้งการ์ดมองเด็กหญิงร่างเล็กด้วยสายตาที่ไม่ไว้ใจอย่างแรง " เจ้านั่นแหละที่จะฆ่าข้า รู้ไหมว่าเดือนนี้เจ้าทำเด็กๆของข้าสะดุ้งกันจนหัวใจจะวายตายกันกี่รอบแล้วรู้มั้ย! " เด็กหญิงในชุดสีแดงสดชี้หน้าด่า เจ้าหล่อนมีใบหน้ากลมน่ารักผมบรอนซ์เป็นลอนสวยดูราวกับตุ๊กตาเลยก็ว่าได้
" ถ้าแค่นี้ยังตกใจก็เสียชาตินักฆ่าตระกูลเอลฟาแล้ว! " เจ้าหนุ่มเถียงอย่างไม่ลดละและสงครามเช้านี้ก็คงจะอีกยาวไกลถ้าหากบ่าวรับใช้เดินเข้ามาห้ามทัพกันเสียยกใหญ่ เสียงเอะอะโวยวายของบ้านหลังใหญ่ภายในป่าลึกของรัฐนอร์ทเทิร์นก็มันจะดังขึ้นเหมือนทุกคราหากไม่มีจดหมายฉบับหนึ่งถูกส่งมา..
" จดหมายจากซาเลเทียร์ถึงท่านราฟาขอรับ " ฉับพลันทุกเสียงก็เงียบลง ราฟาหยิบจดหมายสีทองเปิดออกดูท่ามกลางความเงียบที่แสนจะผิดปกตินั้น ลายมือตวัดสีทองสวยเป็นข้อความขอเชิญเข้าเรียนที่โรงเรียนมหาเวทย์ซาเลเทียร์อันเป็นโรงเรียนอันดับหนึ่งที่ได้รับการยอมรับจากราชารัฐหลวงทั้งสองรัฐ
ดินแดนแห่งนี้ถูกเรียกกันว่า แดนแห่งมนุษย์หรือเรียกสั้นว่าเอิร์ล ถูกแบ่งย่อยออกเป็นแต่ละรัฐอีกมากมายซึ่งแต่ละรัฐก็ถูกปกครองโดยกษัตริย์ แต่จุดศูนย์กลางนั้นจะอยู่ที่รัฐหลวงปกครองโดยมหาราชาลูซิเฟอร์ และดินแดนใกล้เคียงก็ถูกเรียกว่า แดนแห่งปีศาจหรือเคออส ถูกปกครองโดยมหาราชามิคาเอลลิสซ์ ทั้งสองดินแดนต่างเป็นมิตรต่อกันด้วยดี เพราะมหาราชาทั้งสองดินแดนเคยเรียนที่ซาเลเทียร์ด้วยกันเมื่อครั้งยังวัยเยาว์
" ท่านราฟาจะไปจริงๆเหรอขอรับ.." เหล่าข้ารับใช้อันเป็นคนในตระกูลเอ่ยเสียงอ่อย กระมิดกระเมี้ยนถามเหมือนกลัวว่าคำตอบของคำถามนี้จะทำให้นายน้อยของตระกูลผู้ที่ใครๆก็รัก จะต้องลาจากไปไกลถึงรัฐหลวงไกอาที่แสนห่างไกล บัดนี้ใจบ่าวมันแกว่งๆ
" ขนาดท่านพี่เองก็ยังไปที่นั่น ข้าคิดว่าที่นั่นจะทำให้ข้าเก่งขึ้นได้ "
เท่านั้นแหละ เหล่าบ่าวไพร่ก็น้ำตาแตกขึ้นมากันทันที หลายคนปล่อยโฮออกมาอย่างไม่มีอายแม้ว่าจะเป็น ชายอกสามศอกที่เป็นนักฆ่าก็ตาม ราฟาเลิ่กลั่กไม่รู้จะปลอบเหล่าบ่าวไพร่อย่างไรดี สุดท้ายก็ทำแค่ปล่อยให้ทุกคนร้องกันให้พอเท่านั้น เอลิน่าเจ้าบ้านตระกูลเอลฟากรอกตามองเหล่าบ่าวไพร่อย่างเบื่อหน่าย
" เอาล่ะ หยุดร้องไห้อย่างน่าสมเพชได้แล้ว เจ้าลูกโง่ต้องไปเตรียมตัวเก็บข้าวเก็บของ "
นางลากบุตรชายบุตรธรรมออกจากวงแล้วไปโยนไว้ที่กองเสื้อผ้าขนาดใหญ่ ที่เจ้าของห้องเอาแต่วางๆเอาไว้ไม่คิดจะเก็บเข้าตู้อย่างคนทั่วไป แล้วค่อยตะเพิดเหล่านักฆ่าบ่อน้ำตาตื้นออกจากห้องพร้อมปิดประตูเสียงดังสนั่นจนน่ากลัวว่าเพดานที่ทรุดโทรมจะพังลงมา ราฟาหยิบๆเอาของใช้ส่วนตัวโยนเข้าห้วงมิติเล็กๆอย่างไม่ใส่ใจเท่าไหร่นัก
การรีบออกเดินทางก็เป็นเรื่องที่สมควรมาก
รัฐย่อยนอร์ทเทิร์น เป็นรัฐที่อยู่เหนือสุดของแผ่นดินแต่กลับไม่หนาวเหน็บเท่ารัฐใกล้เคียงอย่างไอซ์เซ่นวอล รัฐนี้ไม่มีกษัตริย์หรือขุนนางใดๆปกครอง เป็นรัฐอิสระเล็กๆที่แสนสงบสุขแต่กลับมีสมาพันธ์นักฆ่าตั้งขึ้นที่นี่ แทนที่อาชญากรรมจะเกิดขึ้นจนชาชินกลับกลายเป็นว่าที่นี่เป็นรัฐที่ถูกกล่าวว่าเงียบสงบมากที่สุด
ระยะเวลาในการเดินทางไปรัฐหลวงไกอาใช้เวลาเดินก็สามสิบวัน ขี่ม้ายี่สิบวัน ใช้เวทเกทเวย์ก็สี่ชั่วโมง
" แม่ เกทเวย์พร้อมใช้รึยัง? "
" ยังชาร์จเวทไม่เต็มไปส่งอย่างมากก็ได้แค่รัฐอะโลนีเท่านั้นแหละ "
" แค่นั้นก็ได้อีกสิบนาทีเจอกันที่เกทเลย "
เอลิน่าเดินออกไปเตรียมเวทย์เคลื่อนย้ายให้อย่างไม่บ่นว่าอะไรมาก เหล่าบ่าวไพร่ก็ถูกไล่ออกไปจากห้องได้นานแล้ว ราฟาถอนหายใจสำรวจของสำคัญที่จะต้องเอาติดตัวไปด้วยอีกครั้ง จนแน่ใจแล้วกวาดตามองห้องที่อาศัยอยู่มาสิบห้าปีแล้วเดินจากไปราวกับว่าไร้ซึ่งความอาวรณ์
ประตูเวทย์สีขาวบริสุทธิ์เปิดออกกว้างราวกับจะเชื้อเชิญ เหล่าบ่าวไพร่มองส่งด้วยสายตาอาลัยหาดูราวกับหมาที่มองเจ้าของจากไปอย่างไงอย่างงั้น
" ฝากบอกพี่แกด้วยว่าให้กลับมาบ้านมั่ง แกเองก็กลับบ้านบ่อยๆด้วยล่ะ! "
" เข้าใจแล้ว "
เอลิน่ามองส่งลูกชายบุตรธรรมไปจนร่างของเขากลืนหายไปในประตูเวทย์ จดหมายที่จ่าหน้าซองถึงนางอีกซองทำให้นางลำบากใจที่จะปล่อยให้ลูกชายไป ความรู้สึกอึดอันใจที่ยากจะระบายให้ใครฟังกำลังเกาะกุมหัวใจ
จากนี้ไปเจ้าจะต้องเผชิญกับศึกหนักที่เจ้าคาดไม่ถึง..
" ขอให้องค์มเหสีทรงคุ้มครองเขาด้วยเถิด "
เกทเวย์ของที่บ้านเสีย นั่นเป็นความจริงข้อหนึ่งที่เขาเพิ่งจะได้รู้แทนที่มันจะส่งเขาลงที่รัฐอะโลนีที่ใกล้เคียงกับรัฐหลวง มันกลับส่งเขามาลงที่รัฐมารีนซึ่งห่างจากรัฐหลวงไปอีกสองรัฐเลยทีเดียว แผนที่ยับย่นสีน้ำตาลถูกคลี่ออกมาเขาลากนิ้วเป็นเส้นตรงจากรัฐมารีนไปถึงรัฐหลวงก่อนเขาจะตัดสินใจ..
เดินเป็นเส้นตรง!
ไม่ว่าจะผ่าน ณ แห่งหนใดเขาก็จะข้ามไปไม่ว่าจะกำแพงเมืองบ้านคนต้นไม้ลำธารใบหญ้าจะขวางทางเพียงใดก็ตาม ราฟายอมรับว่าตนเองเป็นพวกหลงทิศขั้นรุนแรงถึงขั้นแก้ไม่หาย การเดินตามถนนที่ไม่คุ้นเคยถือเป็นเรื่องโง่เง่า ทางแก้ที่ดีที่สุดแต่ลำเข็ญมากที่สุดคือต้องเดินเป็นเส้นตรง
" ลูกผู้ชายมันก็ต้องตรงไปข้างหน้าสิ! " คำแก้ตัวที่ดูเหมือนปลอบใจช่วยกระตุ้นให้เดินต่อไป เส้นทางอันสลับซับซ้อนบ้างก็มีแอ่งน้ำขนาดใหญ่บ้างก็เป็นทางน้ำ เป็นแม่น้ำเป็นบึงและอีกมากมาย มันทำให้คนที่ต้องเดินเป็นเส้นตรงอย่างราฟาเปียกปอนจนไม่มีอะไรให้เปียก
" แบบนี้อีกชาติหนึ่งก็ไม่ถึงรัฐหลวงแหงแซะ "
รัฐมารีนขึ้นชื่อเรื่องแม่น้ำ เป็นรัฐที่มีแม่น้ำมากมายหลายสายมาบรรจบกันที่เมืองนี้ พื้นที่กว่าครึ่งของเมืองล้วนอยู่ใต้แม่น้ำ ถือเป็นรัฐแห่งการท่องเที่ยวและการขนส่ง เพราะแม่น้ำทุกสายทั้งดินแดนล้วนมาบรรจบที่นี่ทั้งนั้น ราฟาไม่มีเวลามาชมนกชมไม้ไม่งั้นเวลาแค่หนึ่งอาทิตย์ก็ไม่ทำให้เขาถึงรัฐหลวงแน่
หลังจากที่เขาเดินเป็นเส้นตรงอยู่นานโขก็ได้มีเกวียนเทียมม้าแก่ๆวิ่งเข้ามาใกล้ คนขับผู้เป็นชายแก่ยิ้มแย้มให้เขาอย่างอารมณ์ดี
" เจ้าจะไปรัฐหลวงเพื่อสอบที่โรงเรียนซาเลเทียร์ใช่มั้ยพ่อหนุ่ม " ราฟาพยักหน้าหงึกงัก
" งั้นก็ไปกับลุงมั้ย พอดีลุงบรรทุกอาจารย์ของโรงเรียนเวทย์มาด้วยคนหนึ่งแล้วน่ะ "
ผ้าที่กั้นเกวียนอยู่ถูกคลี่ออก เผยให้เห็นชายหนุ่มผมยาวสลวยสีเงินมัดเป็นปมอยู่ข้างไหล่ ใบหน้าหล่อเหลากำลังแย้มยิ้มเหมือนกับว่าไม่เคยโกรธใครมาก่อนในชีวิตสักคน ชายหนุ่มกวักมือเรียกเหมือนต้องการให้ไปด้วยกัน
" ไปทางเดียวกันนี่นา เจ้าคงไม่อยากเดินข้ามรัฐสักเท่าไหร่ใช่มั้ย "
ราฟายิ้มแป้นกล่าวขอบคุณคุณลุงที่ขับเกวียนก่อนจะโดดขึ้นเกวียนไปอย่างยินดี อาจารย์หนุ่มผู้เป็นอาจารย์ของโรงเรียนมหาเวทย์ซาเลเทียร์ชวนคุยอย่างมีอัธยาศัย
" เจ้าจะมาสอบที่ซาเลเทียร์เหรอ ชื่ออะไรน่ะ? "
" ชื่อราฟาเอล..เอ่อ..ราฟาเอล เอลฟา จากรัฐนอร์ทเทิร์นครับ "
ราฟาลดเสียงตรงชื่อสกุลลงจนแทบจะเป็นกระซิบ ตระกูลนักฆ่าไม่ใช่สิ่งที่ดีนักและไม่สมควรคุยโอ้อวดอย่างยิ่ง มีคนหลายๆคนที่เคียดแค้นตระกูลของเขามากมาย แต่อาจารย์หนุ่มก็แค่พยักหน้าไม่ใส่ใจเท่าไหร่นัก นั่นทำให้ราฟาโล่งอกอุตส่าห์เจอคนที่คุยกันได้แล้ว จะให้เสียไปเพราะเรื่องชื่อตระกูลก็กระไรอยู่
" ข้าชื่อ ยูเฟเรีย รัสเวล จากรัฐยูโทเปีย เรียกว่ายูเฟก็ได้นะ ยินดีที่ได้รู้จัก " อาจารย์หนุ่มยิ้มจนตาหยีถึงปกติเขาจะตาหยีอยู่ตลอดเวลาก็ตามทีเถอะ
" ครับ..คือว่ารัฐยูโทเปียเป็นยังไงครับ ผมยังไม่เคยไปเลย " อันที่จริงต้องบอกว่ายังไม่เคยไปฆ่าคนของรัฐยูโทเปียถึงถิ่นเลยต่างหาก
" อืม..รัฐยูโทเปียเป็นรัฐที่เคร่งศาสนา มีแต่พวกนักบวชเดินกันให้วุ่นปกครองโดยพระสังฆราช ไม่ค่อยมีอะไรให้สนใจเท่าไหร่หรอกนะ "
ราฟาเบ้ปากเหมือนจะอ้วก พวกคนของรัฐยูโทเปียที่เคยกลายเป็นกองเนื้อเพราะมีดของเขา ไม่เห็นจะมีคนไหนภาวนาต่อพระเจ้าที่ตนนับถือยิ่งชีวิตสักคน มีแต่ร้องขอชีวิตอย่างน่าสมเพชไม่ก็ก่นด่าพระเจ้าที่ส่งมือสังหารมาเยือน ความรักศาสนาของตนเพียงเปลือกนอกทำให้เขาสะอิดสะเอียน
" ก็ไม่ทุกคนหรอกนะที่จะนับถือพระเจ้าแต่เพียงเปลือกนอก "
" และก็ไม่ทุกคนที่นับถือพระเจ้าอย่างจริงใจใช่มั้ยครับ "
ยูเฟเรียหัวเราะเบาๆเหมือนกับว่าไม่รู้สึกยินดียินร้ายกับคำพูดของเด็กที่จะมาเป็นลูกศิษย์ของเขาในอนาคต วาจาคมคายและช่างยอกย้อน อยากรู้เสียจริงว่าภายในใบหน้าใสซื่อนั่นจะซ่อนเขี้ยวเล็บอันแหลมคมไว้มากแค่ไหน ตนใคร่อยากจะชมฝีมือของเด็กคนนี้เสียเหลือเกิน
" จะถึงรัฐคริสติโน่แล้ว พวกท่านอยากพักบ้างรึเปล่า? " เสียงคุณลุงคนขับเกวียนดังขึ้น
" เธออยากจะพักสักหน่อยมั้ย? "
" ก็ดีครับ ผมชักจะหิวข้าวแล้วสิ "
ราฟาเดินเตร่ในรัฐที่ขึ้นชื่อเรื่องเหล้าและไวน์ เลือกเข้าร้านเหล้าที่โทรมที่สุดและร้างผู้คนมากที่สุด ชื่อเสียงใดไม่ห่วงจะห่วงก็แต่ทางโรงเรียนจะรู้แล้วไม่ให้เข้าเรียน ดังนั้นร้านเหล้าที่ร้างผู้คนย่อมเป็นตัวเลือกที่เหมาะที่สุดในเวลานี้ ราฟาเปิดประตูเข้าไป
ร้านเหล้าแห่งนี้ไม่ได้ร้างผู้คนอย่างที่เห็นภายนอก มีชายหนุ่มหน้าเหี้ยมนั่งกันอยู่ในร้านหน้าสลอน ภายในร้านตกแต่งแบบเรียบๆ มีหญิงแก่ร่างท้วมท่าทางใจดีประจำอยู่ที่เคาเตอร์กับเด็กสาวรุ่นราวคราวเดียวกับเขา สายตาจากชายหน้าเหี้ยมในร้านทุกคนจับจ้องมาที่เขา
" ป้าครับ ผมขอข้าวผัดกับนมแก้วหนึ่งครับ "
หญิงแก่ถอนหายใจเหมือนกับโล่งอก กุจีกุจอทำข้าวผัดอย่างรวดเร็ว ส่วนเด็กสาวคนนั้นรินนมใส่แก้วให้เขาแต่ดวงตาสีนิลคู่นั้นก็ยังจับจ้องมาที่เขาอย่างไม่ปิดบัง แววตาคาดหวังถูกส่งมาให้แต่ราฟาเลือกที่จะไม่สนใจ ยามนี้ปากท้องคือเรื่องสำคัญมากกว่าสายตาคาดหวังขอร้องจากผู้หญิง
เพล้ง!
ขวดเหล้าถูกปาออกมาจากโต๊ะที่มีชายหน้าเหี้ยมสามคนนั่งอยู่ พวกเขามีร่างกายแข็งแรงสูงใหญ่มีกล้ามเป็นมัดๆทุกคน และมันคงจะปาโดนหัวราฟาไปแล้วหากว่าเขาไม่ใช่นักฆ่า..นักฆ่าคือผู้ที่มีประสาทสัมผัสที่ไวกว่าคนทั่วไป ยิ่งคนของเอลฟาแล้วไม่ต้องพูดถึง ตระกูลนักฆ่าที่มีประวัติศาสตร์ยาวนานพอๆกับแดนมนุษย์ไม่ต้องบอกเลยว่าคุณภาพจะอยู่ในเกณฑ์ไหน
นักฆ่าที่ดีจะต้องไม่ทำตัวเด่น
ราฟาเลือกที่จะไม่ใส่ใจดื่มนมไปอย่างเฉยชา ดวงตาสีนิลของเด็กผู้หญิงผมสีฟ้าจับจ้องมาที่เขา สายตาที่แสดงถึงเป็นห่วงและทึ่งในฝีมือ ข้าวผัดฝีมือหญิงแก่ถูกวางไว้ตรงหน้า หญิงแก่ดูเป็นกังวลแต่กระนั้นก็ไม่ได้เอ่ยปากถามอะไรนัก เสียงหมั่นเขี้ยวเคี้ยวฟันดังมาจากทั่วร้าน แต่สำหรับราฟาแล้วมันช่างไพเราะเสนาะหูเสียจริง
เพล้ง! เพล้ง! เพล้ง! เพล้ง!
ขวดเหล้าอีกหลายขวดถูกปาเข้าใส่อย่างต่อเนื่อง แต่ราฟาก็ยังแสดงสเต็ปการหลบหลีกแบบขั้นเทพให้ได้ชม ใบหน้าเหวอๆจากคนในร้านทำให้ราฟารู้สึกเคลิบเคลิ้ม นั่นเป็นแค่ความโรคจิตส่วนตัวที่ถือเป็นงานอดิเรก
แม้นักฆ่าจะห้ามทำตัวเด่นก็ตาม หากแต่การทำตัวเด่นนั่นจะทำให้คนเหวอได้ก็ถือว่าคุ้มค่าที่จะทำละ..
" อย่ามากวนนะโว้ย ไอ้เด็กเวร " ชายคนหนึ่งสาวเท้าเข้ามาหาอย่างมุ่งหมายจะเอาเรื่อง การลงมือก่อนย่อมได้เปรียบเสมอ ราฟาซัดตะเกียบไม้สองอันออกไป ถึงจะเป็นแค่ตะเกียบไม้แต่มันกลับพุ่งทะลุขากางเกงของชายคนนั้นไปเสียบที่พื้นอิฐแข็งๆได้อย่างน่าประหลาดใจ
" มีธุระอะไรกับข้าหรือจ๊ะคุณพี่เบิ้มจ๋า? " ราฟาแกล้งเย้าหยอกด้วยน้ำเสียงหวานหูแต่ยั่วอารมณ์ ชายคนนั้นหน้าแดงก่ำด้วยความโมโหที่ถูกลูบคมจากเด็กหน้าละอ่อนคนนี้ ขวานเล่มโตที่คาดอยู่ที่เอวถูกขว้างออกมา หญิงแก่และเด็กสาวร้องเสียงหลง
" เอาไอ้นี่มาขว้างเล่นมันไม่ดีนา " ราฟาใช้ตะเกียบไม้คีบขวานเล่มโต สายตาของทุกคนต่างจับจ้องมาที่เด็กหนุ่มคนนี้เต็มไปด้วยความ อึ้ง ทึ่ง เสียว ราฟาคีบขวานไปวางไว้ข้างตัวราวกับที่คีบอยู่ไม่ใช่ขวานเหล็กเล่มใหญ่กว่าตัวเขาแต่เป็นแค่แมลงวันตัวหนึ่ง ร่างเพรียวลุกขึ้นยืนประจันหน้าพร้อมรังสีสังหารแบบนักฆ่ามืออาชีพ
ราวกับระฆังช่วยชีวิต อาจารย์หนุ่มยูเฟเรียเดินเข้ามาในร้านพลางสอดส่องหาอนาคตลูกศิษย์ ซึ่งตอนนี้เจ้าตัวดีกำลังกระโดดถอยหลังทำท่าราวกับโดนอัดกระแทกลอยละลิ่วเข้าห้องครัวไป ท่ามกลางความงุนงงของชายร่างบึกที่ยืนประจันหน้ากันตะกี้นี้
" โอ๊ย! โหดร้ายจริงๆ ข้าไม่ได้ไปทำอะไรให้สักหน่อย " เจ้าตัวดีตะโกนออกจากในครัว อาจารย์หนุ่มเบือนหน้าไปยังชายคนนั้นเหมือนจะถามว่าไปทำอะไรให้อนาคตลูกศิษย์ของเขากัน แม้ในใจจะนึกขำว่าชายร่างบึกนี่จะไปทำอะไรมันได้ น่ากลัวว่าแค่จิตสังหารตะกี้ก็ทำให้ชายคนนี้อ่อนปลวกเปียกไปเสียแล้ว
" ข้าเปล่านะ..จู่ๆมันก็ "
" โอ๊ยๆ หัวข้าเลือดไหลหมดแล้ว เจ็บจังเลย " เจ้าตัวดียังคงตะโกนออกมาเรื่อยๆราวกับว่าเจ็บจริงๆ ก่อนที่ยูเฟเรียจะเดินเข้าไปลากคออกมาเพราะนึกหมั่นไส้ ราฟาหัวเราะเบาๆอย่างอารมณ์ดีก่อนจะใช้สายตาเย็นเหยียบพร้อมด้วยรังสีอำมหิตไล่เหล่าชายฉกรรจ์หน้าเหี้ยมทั้งหลายจนตรเลิดหนีออกจากร้านไปเอง
" เลิกเล่นได้แล้วราฟาเอล ถึงเวลาที่เราต้องออกเดินทางต่อแล้ว "
" เอ่อ..ขอบคุณท่านนักเดินทางมากเลยนะเจ้าค่ะ "
หญิงแก่เอ่ยเสียงเบาใบหน้าของนางดูมีความสุขผิดกับเมื่อครู่อย่างเห็นได้ชัด เด็กสาวที่อยู่ข้างๆก็ยิ้มแฉ่งให้เช่นกัน ยูเฟเรียขมวดคิ้วเอ่ยถามทั้งสองถึงคำขอบคุณ ไม่รู้ว่าเจ้าตัวดีนี่ไปทำอะไรคนเขาถึงขอบคุณ
" เจ้าพวกนั้นเป็นแก๊งค์โจร ถ้าพวกท่านไม่เข้ามา มันต้องปล้นร้านข้าแน่ๆ " หญิงแก่มองเด็กสาวที่อยู่ข้างๆ
" ตัวข้าเองก็อายุมากแล้วไหนจะหลานสาวที่เป็นใบ้อีก "
และเมื่อนางหันหน้ากลับมามอง นักเดินทางทั้งสองก็ได้อันตธานไม่เสียแล้ว..บนโต๊ะปรากฏกระดาษที่เขียนตัวหนังสือหวัดๆเอาไว้ว่า..
' กินแล้วหนีจ้า! '
ความคิดเห็น