คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #3 : ∞ 8's ∞ ขบวนการกาโอเรนเจอร์ =[]=!
2
ขบวนการกาโอเรนเจอร์ =[]=!
โรงแรม P&P ชั้น 26 (VIP)
ที่นี่เป็นโรงแรมที่พ่อฉันเป็นเจ้าของอยู่ ชั้นหนึ่งจะเป็นชั้นอำนวยการ มีห้องอาหาร ประชาสัมพันธ์ อะไรต่างๆ เทือกนั้นแหละ ชั้นสองเป็นฟิตเน็ต ตั้งแต่ชั้นสามถึงชั้นที่ยี่สิบห้าก็จะเป็นห้องพัก ส่วนชั้นที่ยี่สิบหกที่ฉันยืนอยู่ตอนนี้ เป็นห้อง VIP ซึ่งกินพื้นที่ของชั้น 26 ทั้งชั้น
พ่อให้มีที่นี่ไว้ก็เพื่อรับรองแขกคนสำคัญ หรือบางทีก็เอาไว้เปลี่ยนบรรยากาศเวลาที่เบื่อบ้าน ครอบครัวของเราก็จะมาอยู่ที่นี่
ความจริงแล้วอยู่นี่ก็ไม่ต่างจากอยู่บ้านเท่าไหร่นัก เพราะมันมีลักษณะเป็นห้องชุด มีห้องครัว ห้องนั่งเล่น ห้องน้ำรวม ห้องนอน 4 ห้องในแต่ละห้องก็จะมีห้องน้ำในตัว ระเบียงก็กว้างมากๆ มากพอที่จะมีสระว่ายน้ำเล็กๆ ได้สระนึงเลยล่ะ
เห็นมั๊ยล่ะว่าอยู่ที่นี่น่ะสบายจะตายไป ถึงจะเล็กกว่าที่บ้าน แต่ฉันว่าดีกว่าอยู่บ้านล่ะนะ
ฉันยืนชี้นิ้วสั่งคนรถกับคนงานอีกสองคน ที่ขนข้าวของเล็กๆ น้อยๆ ของฉันขึ้นมาให้ ว่าให้วางอะไรไว้ตรงไหน พอเรียบร้อยก็กล่าวขอบใจพวกเขา ก่อนจะเดินไปชื่นชมกับที่อยู่ใหม่ที่แสนสุขของตัวเอง ลัลล๊า~
“เอ่อ คุณหนูครับ”
“หืม?”
“คุณท่านบอกว่าประมาณพรุ่งนี้เช้าบอดี้การ์ดจะมาถึง”
“พรุ่งนี้เลยหรอ น่าจะอีกสักสามวัน”
“=_=;;”
“เอาเถอะๆ ยังไงก็ขอบใจมากๆ แล้วกัน”
“ครับ”
พอบรรดาคนงานกลับไป ฉันก็เดินออกไปสูดอากาศรับไอเย็นของช่วงเวลาหัวค่ำ วันนี้ค่อนข้างเหนื่อย เพราะต้องรื้อของในห้องออกมาเก็บใส่กระเป๋าเยอะแยะ ฉันตั้งใจอยู่ที่นี่ค่อนข้างนาน เผลอๆ อาจจะอยู่จนเรียนจบไปเลยก็ได้
อยู่คนเดียวคงเงียบๆ เหงาๆ ถึงพรุ่งนี้จะมีบอดี้การ์ด แต่พวกนั้นก็ช่วยอะไรไม่ได้อยู่ดี ชิ! บอดี้การ์ดน่ะพูดเป็นซะที่ไหนเล่า =_=;; แต่ว่าไป... ฉันชวนยัยออมสินมาอยู่เป็นรูมเมทก็ได้นี่นา เราสนิทกันออกจะตาย พ่อแม่ยัยนั่นไม่ว่าอะไรหรอก
ฉันโทรหาออมสินแล้วชวนมาอยู่ด้วยกัน แต่ออมบอกว่าตอนนี้ยังไม่ว่างคุย ไว้พรุ่งนี้เรียนเสร็จแล้วจะมาหา เพื่อนฉันเรียนนิเทศปีหนึ่งแล้วนะ แต่ฉันยังเป็นเด็ก(จบ)มอหกง้องแง้งๆ อยู่เลย ก็แหม! ฉันยังไม่รู้จะเรียนอะไรดีนี่นา O-!
ฉันกินสลัดผักที่โทรสั่งจากข้างล่างให้เอาขึ้นมาให้ ก่อนจะอาบน้ำและเข้านอน
เช้าวันต่อมา
“นายจะทำอะไรกับมันน่ะสต็อป” เสียงโหวกเหวกโวยวายดังมาจากห้องนั่งเล่น ปลุกให้ฉันตื่นจากอาการงัวเงีย นั่นมันเสียงผู้ชายนี่! ใครกันที่กล้าเข้ามาในนี้
“เฉยๆ เหอะน่าสเต๊ป คอยดูซิว่าฉันจะเปิดมันได้มั๊ย” เสียงหนึ่งตอบกลับก่อนจะพยายามทำอะไรสักอย่างกับสิ่งของบางอย่าง พอไม่สำเร็จก็มีเสียงหัวเราะและโห่ดังขึ้น
ให้ตาย! มีแต่เสียงผู้ชาย ฉันคิดว่ามันต้องไม่ต่ำกว่า 5 คนแหงมๆ ไอ้พวกนี้จะมาทำอะไรฉันมั๊ยเนี่ย =[]=^ (เริ่มวิตกจริต)
“นายต้องกดที่สวิตช์ตัวนี้ต่างหากเล่า นี่ไง” ใครอีกคนพูดขึ้นก่อนจะเปิดทีวี คนอื่นๆ ร้อง ‘วาว’
เฮ้! โง่ขนาดเปิดทีวีไม่เป็นกันเลยหรอเนี่ย =_=;; เอาละ ถ้ามันโง่ขนาดเปิดทีวีไม่เป็น ก็น่ากลัวน้อยลงหน่อย ทีนี้ฉันก็แสดงความเป็นเจ้าของที่นี่ได้ใช่มั๊ย ฉันลุกขึ้นจากเตียงแล้วสูดหายใจเข้าลึกๆ ก่อนจะผลักประตูออกไปอย่างสง่าผ่าเผย
“พวกนายมาทะ... OoO” ยังไม่ทันที่จะพูดอะไรจบ เสียงของฉันก็ถูกกลืนหายไปกับอากาศพร้อมกับลูกกะตาที่โตขึ้นจากเดิม 3 เท่า
“Hello!”
พวกเขาทั้ง... เอ่อ 1 2 3 4 5 6 7 8 พวกเขาทั้งแปดคนทักขึ้นพร้อมกัน
พระเจ้าช่วยหมวยตกท่อ! บอกฉันสิว่าที่อยู่ตรงหน้านี่คือมนุษย์ธรรมดา ไม่ใช่ขบวนการกาโอเรนเจอร์ =[]=! ดูแต่ละคนสิ เสื้อคลุมหนังยาวถึงเข่า ที่หน้าอกนั้นติดเข็มกลัดรูปปีกอะไรสักอย่าง เสื้อคลุมบ้านี่มีทั้งสีดำ ชมพู น้ำเงิน เขียว ฟ้า ทอง บลอนด์เงิน แล้วก็สีส้ม ถึงแม้ข้างในจะใส่เสื้อกล้ามและกางเกงสีขาวเหมือนกันก็เหอะ แต่มันก็ดูหลากสีอยู่ดีนั่นล่ะน่า ก็ตั้ง 8 คนนี่ (แถมแต่ละคน หน้าตาดีขั้นเทพ -.-)
แฟชั่นใหม่หรือเปล่าเนี่ย?? =O=;;
O_O??? ฉันยังยืนมองเควกชั่นมาร์กที่ลอยไปลอยมาตรงหน้า ในขณะที่ขบวนการกาโอเรนเจอร์แย่งกันนั่งโซฟาแล้วดูทีวีจอยักษ์อย่างสบายอารมณ์
ได้ไง นี่บ้านฉันนะยะ - -^
ฉันเดินไปปิดทีวีแล้วยืนเท้าสะเอวอยู่ตรงนั้น
“นี่กาโอเรนเจอร์!! พวกนายเป็นใครกันห๊า!”
“ก็กาโอเรนเจอร์ไง เมื่อกี๊เธอเรียกงั้นน่ะ” อีตาชมพูว่า
“ไม่ใช่อย่างนั้น! ฉันหมายความว่าพวกนายเป็นใคร มาจากไหน แล้วมาทำอะไรที่นี่”
“เอาความจริงมั๊ยล่ะ” อีตาส้มพูดขึ้น เขากำลังพยายามแยกหมอนอิงรูปดาวสองดวงออกจากกัน เฮ้! มันเย็บติดกันอยู่นะ -_-;
“ไม่เอาน่าสตรอง เอางี้ ฉันจะแนะนำตัวกับเธอทีละคนแล้วกันนะ” นายน้ำเงิมปรามเขาก่อนจะหันมาพูดกับฉันอย่างเป็นมิตร
“ฉันสเต๊ป อินฟินิตี้เอสหมายเลขสาม” นายน้ำเงินเริ่มพูดก่อน พอแนะนำเสร็จก็ลุกขึ้นมายืนอยู่ตรงหน้าฉัน นายชื่อสเต๊ปงั้นเรอะ โอเค ว่าแต่ว่า ไอ้อินฟินิตี้เอสหมายเลขสามนี่มันคืออะไรอ่ะ ??
“I am Stop. Infinity s number 2” สีชมพูเดินมาอยู่ด้านขวาของสเต๊ปแล้วแนะนำตัว (ภาษาอังกฤษด้วย กระแดะเนอะ - -*)
“สตาร์ท หมายเลขหนึ่ง” สีดำ หน้าตาไม่เป็นมิตร เดินออกมาต่อที่ด้านขวาของสต๊อปอีกที
“ฉันสเตด เรียกว่าเซสก็ได้ หมายเลขสี่” สีทอง อีตานี่ยิ่งโคตรไม่เป็นมิตรเลย ดูหยิ่งๆ ยังไงชอบกล เขาเดินอย่างสง่า ออกมายืนที่ด้านซ้ายของสเต๊ปแล้วคนต่อๆ ไปก็ยืนต่อด้านซ้ายไปเรื่อยๆ
“สตรีม หมายเลขห้า” ตามด้วยสีบลอนด์ เขานิ่ง แต่ดูเป็นคนมีความคิด เก่ง ฉลาด
“สตรอม หมายเลขหก” สีฟ้า ดูโหดๆ แฮะ -.- แหงะ! ทำไมต้องจ้องฉันอย่างงั้นด้วยง่ะ T^T
“สตรอง หมายเลขเจ็ด” สีส้ม ท่าทางอีตานี่ดูเหมือนพวกนักมวยปล้ำมากมาย ฉันไม่ได้หมายถึงรูปร่างหรือหน้าตานะ - - *
“และกระผมสตอรี่ครับ หมายเลขแปด” สีเขียวอ่อน นายนี่น่ารักมากมายเลยง่ะ อาจเป็นเพราะเขาเป็นคนแรก( และสุดท้าย T.T )ที่พูดเพราะด้วยล่ะมั้ง
“สรุปว่าพวกเราคือ Infinity s เป็นเท... เอ่อ เป็นอะไรนะสตรีม” หมายเลขหนึ่งพูดขึ้น ก่อนจะหันไปถามหมายเลขห้า
“บอดี้การ์ด”
“เออใช่ นั่นแหละ! พวกเราคือบอดี้การ์ดของเธอ”
อินฟินิตี้เอส อืม ฉันคิดว่าคงเป็นชื่อกลุ่มของเขาล่ะมั้ง แต่เมื่อกี๊บอกว่าจะมาเป็นบอดี้การ์ดงั้นเรอะ พ่อฉันคิดอะไรอยู่เนี่ย = =^ สตาร์ท สต๊อป สเต๊ป สเตด(เซส) สตรีม สตรอม สตรอง สตอรี่ T[]T ม่ายยยยยย!!! นอกจากจะแต่งตัวประหลาดแล้วชื่อยังประหลาดเหมือนกันอีกงั้นหรอ พวกเขาคงไม่ใช่พี่น้องกันหรอก หน้าตาไม่เหมือนกันสักนิด แถมแต่ละคนก็ดูรุ่นราวคราวเดียวกันอีกต่างหาก ถ้าพวกเขามีแม่คนเดียวกัน อย่างเร็วสุดก็คงห่างกัน 1 ปี แล้วสตาร์ทกันสตอรี่ดูไม่น่าจะอายุห่างกันถึงแปดปีเลยนะ
“พะ พวกนายแน่ใจนะว่าพ่อฉันจ้างมาเป็นบอดี้การ์ดให้ฉันน่ะ”
“ก็ใช่น่ะสิยัยบื้อ เธอจะเลิกเอ๋อได้หรือยัง” ก๊าซซซ!!! นายสตาร์ท นอกจากจะหน้าไม่เป็นมิตรแล้ว นายยังปากคอเราะร้ายอีกเรอะ ไม่ได้การละ! รู้จักพีพพินน้อยไปซะแล้ว
“เป็นบอดี้การ์ด บอดี้การ์ดก็คือลูกจ้าง ฉันเป็นนายจ้าง ฉันมีสิทธิ์สั่งนายใช่มะ”
“ไม่ใช่”
“อีตาบ้าสตาร์ท ฉันไม่ได้ให้นายตอบ”
“ก็เธอถาม คำถามมีไว้เพื่อตอบ -_-”
“คำตอบที่ถูกต้องก็คือใช่! ฉันมีสิทธิ์สั่งพวกนาย!”
“ว่ามาสิ”
“ก่อนอื่นฉันขอสั่งให้พวกนาย...” เอ่อ อะไรดีฟะ ไม่ได้คิดไว้ก่อนซะด้วย -.-
“....”
“ให้พวกนายไป เอ่อ ไป เออใช่ ไปเปลี่ยนเสื้อผ้าซะ ฉันไม่ต้องการมีบอดี้การ์ดเป็นขบวนการกาโอเรนเจอร์!”
“....”
ทำไมพวกเขายังไม่ไปอีกล่ะ หูหนวกเรอะ - -*
“ทำไมยังยืนเฉยล่ะยะ”
“ก็ไม่รู้จะไปเปลี่ยนที่ไหน ไม่มีเสื้อผ้าด้วย -_-“
เวรของกรรม T^T มันเป็นบอดี้การ์ดภาษาอะไรวะเนี่ย ไม่สิ ความจริงต้องถามว่ามันเป็นคนปกติหรือเปล่าต่างหาก ดูชุดที่ใส่ ชื่อ ลักษณะท่าทาง แล้วนี่ยังไม่มีเสื้อผ้าเปลี่ยนอีกงั้นเรอะ
“โอเค โอเค๊ T-T”
“o_O”
ทำไมทุกคนต้องมองอย่างงั้นด้วยล่ะ ฉันแค่กำลังพยายามทึ้งหัวตัวเองเท่านั้นนะ T^T
“ไม่มีเสื้อผ้า หรือไม่ได้เอามาจากบ้าน”
“ถึงเอามา มันก็มีแต่ชุดอย่างนี้แหละน่า อะไรของเธอนักหนาเนี่ยห๊ะ - -^”
ให้ตายเหอะ! อยู่ที่บ้านพวกเขาก็ใส่ชุดแบบนี้งั้นเหรอเนี่ย Y-Y ปลงชะตากรรม ฉันต้องใช้ชีวิตอยู่กับกาโอเรนเจอร์จริงๆ สินะ
แต่ไม่ได้นะ! ฉันจะไม่ยอมออกไปไหนโดยที่พวกเขายังเป็นกาโอเรนเจอร์หลากสีแบบนี้หรอก
“ถ้างั้น เงินเดือนเดือนแรก พวกนายก็เอามาเป็นค่าเสื้อผ้าก็แล้วกัน โอเค๊”
“T^T ง่ะ”
“เดี๋ยวไว้ฉันจะไปซื้อมาให้ แต่ตอนนี้ห้ามออกไปไหนนะ” ความจริงฉันต้องบอกว่า ‘อย่าออกไปไหนด้วยสภาพแบบนี้นะ’ ต่างหากล่ะ
“รับทราบคร๊าบ คุณหนู”
พอฉันเดินกลับเข้ามาในห้องเพื่อที่จะอาบน้ำ อินฟิน (เอ่อ ขอเรียกอย่างนี้แล้วกัน) ก็กลับไปดูทีวีต่อ เฮ้! อย่ามาดูหนังโป๊ในบ้านฉันนะยะ - -^
20 นาทีผ่านไป...
เมื่ออาบน้ำและแต่งตัวเสร็จเรียบร้อย ฉันก็คว้ากระเป๋าสะพายที่เก็บของสำคัญๆ เอาไว้แล้วออกมานอกห้องทันที เชื่อฉันมั๊ย? อินฟินยังอยู่ที่เดิม ไม่มีใครขยับไปไหนหรือแม้แต่เปลี่ยนที่ =O=;; มันจะคลั่งไคล้อะไรกับทีวีนักหนาเนี่ย
แต่นั่นแหละดี พวกเขาจะได้ไม่ออกไปไหนยังไงล่ะ
“จะไปไหนน่ะ” สตาร์ทว่าพลางส่งสายตาคมกริบมาที่ฉัน
“ไปซื้อเสื้อผ้าให้พวกนายไง”
“ทำไมไม่เรียกเรา”
เรียกงั้นเรอะ นายคิดว่าฉันจะพกกาโอเรนเจอร์ไปเดินห้างงั้นสินะ =_=
“ก็ เอ่อ... ฉันเห็นพวกนายดูทีวีกันเพลินๆ เลยคิดว่าไปคนเดียวดีกว่า”
“ปล่อยไปเหอะสตาร์ท มันยังไม่ถึงเวลา...” สตรอมว่าพลางคว้าแขนของสตาร์ทเอาไว้ ‘ยังไม่ถึงเวลา’ หมายความว่าไง...
“เออๆ งั้นไปไหนก็ไปเหอะ รีบไปซี่ ไปไป๊!” อีตานี่! นึกอยากไล่ก็ไล่ บ้านฉันนะ บ้านช้านนนน!!!
ฉันเดินออกจากห้องไปแล้วลงลิฟต์มาที่ชั้นหนึ่ง ก่อนจะออกไปเรียกแท็กซี่หน้าโรงแรม ระหว่างทางฉันตรวจดูเงินในกระเป๋าแต่ปรากฏว่ามันเหลืออยู่แค่สามร้อยกว่าบาท ต้องซื้อเสื้อผ้าให้ผู้ชายตั้งแปดคนเชียวนะ เงินสามร้อย ซื้อกางเกงในยังไม่พอเล๊ย -..-
ฉันบอกน้าคนขับให้จอดแวะที่หน้าธนาคารแห่งหนึ่งก่อนจะลงไปที่ตู้เอทีเอ็ม กดเงินออกมาจำนวนหนึ่งแล้วหันหลังจะเดินกลับมาที่รถ
จู่ๆ... ลมก็พัดแรงจนฝุ่นเข้าตา ฉันพยายามขยี้ตาอย่างแรง แต่มันแสบมากจนน้ำตาไหล ฉันค่อยๆ ลืมตาขึ้นช้าๆ ทำไมทุกคนหยุดนิ่งเหมือนโดนสตั๊ฟฟ์ไว้อย่างงั้นล่ะ น้าคนขับรถอ้าปากค้าง ป้าขายกล้วยแขกหน้าธนาคารก็ค้างอยู่ในท่าคีบกล้วย...
ฟึบ~!
วัตถุแดงๆ บางอย่างลอยผ่านหน้าฉันไปทางขวา ฉันหันตามในทันที
มนุษย์(หรืออาจจะไม่ใช่)เพศชายผู้หนึ่งยืนอยู่ตรงหน้าฉัน ผมสีเลือดยาวถูกรวบไว้ด้วยสร้อยสีเงิน เผยให้เห็นใบหน้าขาวซีด จมูกโด่งเป็นสันสวยราวทำศัลยกรรม =O=;; เอาใหม่ๆ จมูกโด่งเป็นสันสวยราวเอาไม้บรรทัดมาทาบไว้ ริมฝีปากเหยียดยิ้มเช่นปีศาจ ดวงตาที่หลุบต่ำลงนั้นเบิกขึ้น ถึงได้รู้ว่ามันเป็น... สีแดง!!!
ทันทีที่จ้องมา ฉันผงะถอยหลัง มันก้าวตาม ฉันก็ถอยอีก... ทว่า! ชิดกำแพงแล้ว!! ปีศาจตรงหน้าหัวเราะอย่างบ้าคลั่งแล้วสาวเท้าเข้าหาฉันช้าๆ ฉันหลับตาปี๋แล้วก้มหน้าลง เสียงนั้นค่อยๆ หายไปพร้อมกับลมที่พัดแรง แทนที่ด้วยเสียงจ๊อกแจ๊กจอแจของผู้คน และอากาศที่ร้อนอบอ้าวของเมืองไทย
ฉันลืมตาขึ้นช้าๆ ทุกอย่างยังเหมือนเดิม ป้าขายกล้วยแขกก็ยังคีบกล้วยใส่ถุงกระดาษนั่นต่อไป น้าคนขับรถก็ยั่งนั่งแคะขี้มูกอยู่เหมือนเดิม นี่ฉันฝันไปงั้นหรอเนี่ย!!! ฝันบ้าฝันบออะไรกัน ทำไมแผ่นหลังยังชนอยู่กับกำแพง!! ทุกอย่างอยู่ที่เดิม แต่ทำไมฉันอยู่ตรงนี้!!
อยู่ดีๆ อารมณ์หลอนก็วกกลับเข้าสู่ระบบประสาทอีกครั้ง ฉันรีบวิ่งขึ้นรถแท็กซี่แล้วบอกให้คนขับรีบออกรถทันที ฉันไม่ได้ฝัน! ฉันเชื่ออย่างนั้น แล้วสิ่งที่ฉันเห็น สิ่งนั้นคืออะไร???
________________________
SFK.an
มาแว้วจ้าาา >O<
มากันแล้ววว เหล่าอินฟิน
ขอบคุณที่เข้ามาอ่านนะคะ ยังไงแสดงตัวด้วยก็ดีนะ ><
NoNgMiND'Z - มาอัพแล้วนะค้าา ขอบคุณค่ะ
ขอบคุณสำหรับการแอดเฟป 1 แฟน ตอนนี้
ทุกอย่างเป็นกำลังใจให้อย่างดีเลยค่ะ
__________
T B C >>>>>
ความคิดเห็น