ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    *~* รวมเรื่องสั้น ชุด [LOVE D!@RY] *~*

    ลำดับตอนที่ #1 : ^o^ ~ มีน กะ โอ๋ ~ ^o^

    • อัปเดตล่าสุด 16 ธ.ค. 48




    แนะนำก่อน ^O^

    ------

    คือว่า เรื่องนี้เนี่ย เป็นเรื่องจริง 90% เพราะเราแต่งให้เพื่อนคนนึงเกี่ยวกับแฟนของมัน ซึ่งถ้าเรื่องนี้มันไม่สวยหรูเหมือนนิยายทั่วไปก็อย่าว่ากันน้า >O< แล้วก็เราเปลี่ยนชื่อตัวละครทั้งหมดเลย แต่ทุกคนมีอยู่จริงๆ นะ บะบาย อ่านให้สนุกล่ะ

    -------------





    กริ๊ง... กริ๊ง... กริ๊ง...

        

    ฉันเอื้อมมือไปกดนาฬิกาปลุกที่หัวเตียงให้มันเงียบลงซะ เฮ้อ...ง่วงจัง ไม่อยากไปโรงเรียนเลยให้ตายสิ แต่คิดไปก็เท่านั้นแหละ ยังไงก็ต้องไปโรงเรียนอยู่ดี



        ในที่สุดฉันก็ลุกขึ้นมาจากเตียงหลังจากที่นอนขี้เกียจอยู่นาน แล้วจัดการอาบน้ำแปรงฟันก่อนจะลงมากินข้าว

        หุหุ -.,- เช้านี้มีขนมจีนของโปรดฉันซะด้วย อย่างน้อยมันก็ทำให้เช้านี้ของฉันสดใสขึ้นมาบ้างแล้วล่ะ



        ฉันจัดการโซ้ยขนมจีนอย่างรวดเร็ว เพราะอีกเดี๋ยวรถโรงเรียนก็จะมารับ ขืนชักช้าฉันก็อดกินอ่ะดิ ท่านพี่ของฉันมันคงไม่ใจดีเก็บไว้ให้ฉันจนถึงตอนเย็นหรอก เดี๋ยวมันก็กินเองหมดอ่ะ



    ปิ๊น... ปิ๊น... ปิ๊น...

    นั่นไง รถโรงเรียนมาแล้ว ฉันยังกินไม่หมดเลย แต่ช่างมันเหอะ เดี๋ยวกลางวันนี้ค่อยซื้อขนมจีนกินที่โรงเรียนก็ได้



    ฉันคว้ากระเป๋าเดินไปขึ้นรถ แล้วนั่งหลับไปจนกระทั่งถึงโรงเรียน ทำไงได้ล่ะ ก็มันง่วงนี่น่าวันนี้ ขอหลับหน่อยเหอะ

    พอลงมาจากรถโรงเรียนแล้ว ฉันก็เดินต่อไปยังโรงอาหาร ไปที่โต๊ะประจำของกลุ่ม ซึ่งคนที่มาแล้วก็คงมีไม่กี่คนหรอก คงจะเป็นพวกยัยเอิน ยัยกิฟท์ แล้วก็ยัยปออ่ะ พวกนี้จะเป็นพวกที่มาเช้า



    อ้าว... O_o



    ฉันคิดผิดแฮะ ทำไมวันนี้อยู่กันครบอ่ะ มีทั้งบิว ผึ้ง ฝุ่น นัท แล้วก็วุ้นด้วย เหอๆๆ ไอ้พวกนี้มาเช้าได้สงสัยวันนี้ฝนตกชัวร์ๆ



    “เฮ้ย ทำไมพวกแกมาเช้าได้เนี่ย อย่าบอกนะว่าเพราะเมื่อคืนแกนอนโรงเรียนอ่ะ”

    ฉันทักพวกมันทันทีที่ถึงโต๊ะ



    “ไอ้บ้า พวกกรูมาส่งม.6ไปเข้าค่ายต่างหากเฟ้ย เนอะๆๆๆ”

    ยัยบิวตอบพร้อมหันไปพยักหน้ากับยัยเอิน



    “โหแกเอ๊ย ตอนเช้าอ่ะนะ กรูเจอพวกพี่เขาเกือบครบแนะ เสียดายไม่เจอพี่กรว่ะ”

    ยัยเอินพูดต่อจากยัยบิว ซึ่งพี่กรที่มันพูดถึงอ่ะ เป็นมือกลองของวงดนตรีโรงเรียน หล่อเช็ดเลยแหละจะบอกให้ -.,- ฉันเองยังแอบเหล่ๆ พี่กรอยู่เลยนะ ถ้าไม่ติดว่ายัยบิวกะยัยเอินมันกรี๊ดพี่เขา แล้วถ้าพี่เขายังไม่มีแฟนอยู่ล่ะก็ แม่จับเป็นแฟนไปแล้ว เหอๆๆ



    “นี่ไอ้บิว แล้วแกทิ้งพี่จิ๋วไปส่งพี่กรได้ไง เดี๋ยวถ้าพี่เค้าหนีไปมีคนอื่นอย่ามาร้องไห้นะยะ”

    ฉันเหน็บมันไป เพราะไอ้บิวเนี่ย มันมีแฟนอยู่แล้ว ชื่อจิ๋ว พี่เขาก็เป็นเพื่อนพี่กรนั่นแหละ



    “แหมไอ้โอ๋ กรูก็ส่งพี่จิ๋วก่อนอ่ะดิ แล้วค่อยแวบไปส่งพี่กร ^o^”

    ยัยบิวตอบมา

    ก่อนที่ฉันจะได้คุยอะไรมากไปกว่านี้ เสียงเพลงเตือนให้เข้าแถวก็ดังขึ้นพอดี ฉันเลยต้องแยกจากพวกยัยบิวไปเข้าเรียนตามห้องของแต่ละคน



    “เฮ้ย เย็นนี้เจอกันที่เดิมนะเว้ย”

    ยัยเอินตะโกนบอกไล่หลังมา ฉันก็ไม่รู้มันจะบอกหาพระแสงอะไร ก็มันรู้ๆกันอยู่แล้วนี่น่า ทำมาจนขึ้นปีที่ 3 แล้วเนี่ย

    เป็นเรื่องไม่ดีเอาซะเลย ที่พวกเรากลุ่มเดียวกันแต่ต้องเรียนแยกห้องอ่ะ จะเจอกันก็ได้แค่เช้า กลางวัน แล้วก็เย็นเท่านั้นเอง พวกยัยบิว นัท กิฟท์ได้อยู่ด้วยกัน ส่วนวุ้นอยู่คนเดียว แล้วยัยเอิน ผึ้ง ฝุ่นก็อยู่ห้องเดียวกัน ที่เหลือก็จะมีฉันกับยัยปอที่ได้อยู่ด้วยกัน



    “เช้านี้เรียนอะไรอ่ะ”

    ยัยปอถามฉัน



    “ไม่รู้ดิ”

    ฉันตอบไปยังงั้น



    มันก็รู้อยู่ว่าฉันไม่ค่อยจำตารางสอน แล้วมันจะถามไปเพื่ออะไรเหอะ -_-“



    หลังจากเข้าแถวเสร็จก็ขึ้นห้องไปรออาจารย์มาโฮมรูม พูดให้เข้าใจก็คือมารอฟังอาจารย์บ่นนั่นเอง

    ถ้าถามฉันว่าตอนนี้อยากพูดอะไรมากที่สุด ฉันตอบได้คำเดียวว่า น่าเบื่อ โอ๊ย น่าเบื่อที่สุดเลย อาจารย์สอนอะไรก็ไม่รู้ ยิ่งวิชาเลขนี่ไม่ต้องพูดถึงเลย ไม่มีอะไรซึมเข้าสมองฉันได้สักนิด



    ในที่สุดฉันก็นอนลงไปกับโต๊ะ ในหัวสมองฉันก็คิดไปเรื่อยเปื่อย คิดเรื่องอะไรบ้างก็ไม่รู้ แต่ที่แน่ๆ ไม่ได้คิดเกี่ยวกับเรื่องที่อาจารย์พูดอยู่แม้แต่น้อย



    อืม... จะว่าไปแล้วไอ้พวกเพื่อนๆฉันเนี่ย มันสามารถมากเลยนะ มีแฟนแล้วแต่เหล่คนอื่นได้อย่างไม่มีปัญหา นับถือขอรับ m(-_-)m อย่างไอ้บิวเนี่ยมันก็เหล่คนอื่นไปทั่วอ่ะ พี่จิ๋วก็ไม่เห็นว่าอะไรเลย แต่ฉันว่ามันคงไม่โง่พอที่จะบอกพี่จิ๋วต่างหาก แล้วอย่างไอ้เอินเนี่ย มันสามารถมาก ด้วยความที่มันน่ารักไง มันเลยเปลี่ยนแฟนยิ่งกว่าเปลี่ยนกางเกงในอีก เปลี่ยนจนนับไม่ถ้วนแล้วนะเนี่ย ส่วนไอ้นัทมันก็คู่กับเคน แต่นัทมันรักเดียวใจเดียว มันไม่ค่อยไปเหล่คนอื่นเหมือนไอ้สองตัวข้างบนหรอก -_-“ ส่วนที่เหลือก็รักๆเลิกๆ ขี้เกียจจำแล้วล่ะ



    แล้วฉันล่ะ...



    ฉันเคยมีแฟนมาหลายคน แต่ก็เลิกหมดเพราะเบื่อ ตอนนี้เลยยังว่างอยู่ แล้วก็ยังไม่มีใครที่ถูกใจด้วย ฉะนั้นในเมื่อยังไม่เจอคนที่ใช่ ฉันก็อยู่ไปยังงี้ดีกว่า แต่ไม่ใช่ว่าไม่ต้องการนะ ฉันเองก็อยากมีใครสักคนมาอยู่ข้างๆ คอยดูแลฉัน คอยห่วงฉัน อยากมีใครสักคนที่คอยให้กำลังใจฉันตอนที่ฉันอ่อนแอ แต่ในเมื่อตอนนี้มันไม่มีก็ไม่รู้จะทำยังไง



    และแล้วในที่สุดความทรมานก็ผ่านพ้นไปหลังจากที่ต้องทนเรียนมาตั้งนานหลายวิชา ตอนนี้ก็เลิกเรียนจนได้ พอดีวันนี้มีเรียนน้อยด้วย เย้!!!!! เลิกเรียนแล้ว ไปหาพวกยัยบิวแล้วไปซื้อขนมมากินกันดีกว่า โฮะๆๆๆ



    “เฮ้ย กรูกลับบ้านแล้วนะโอ๋ ฝากบอกไอ้บิวด้วย”

    ไอ้ปอพูดขึ้น ซึ่งมันจะเป็นยังงี้ทุกวัน เลิกเรียนปุ๊บกลับบ้านทันที สงสัยมันจะกลัวบ้านหายมาก มันเลยจะไม่ค่อยรู้ข่าวอะไรกับเค้าหรอก



    ฉันเดินไปที่หน้าห้องพวกไอ้เอิน ที่มันเลิกเรียนพร้อมกับฉัน แล้วกะว่าเดี๋ยวค่อยเดินไปหาไอ้บิวพร้อมๆกัน



    อ้าว...O_o นี่ฉันคิดผิดเป็นรอบที่สองของวันนี้แล้วนะเนี่ย

    กลุ่มฉันอยู่กันครบเลย



    “อ้าวไอ้โอ๋ แล้วไอ้ปอล่ะ มันกลับบ้านไปแล้วใช่มั้ย”

    ไอ้บิวถาม ฉันเลยพยักหน้าให้มัน ไอ้บิวก็พยักหน้ารับรู้ แต่ไม่พูดว่าอะไร



    “ไปหาขนมกินกันเหอะ มาครบแล้วนี่น่า”

    ไอ้นัทพูดขึ้น



    “ไปดิ วันนี้อยากกินไอติมอ่ะ มีใครเลี้ยงมั้ยเนี่ย”

    ไอ้กิฟท์พูด ทำให้ทุกคนปิดปากเงียบสนิท



    เหอๆ ความงกยังมาก่อนความรักเพื่อนเสมอ 555+



    พวกเราเดินไปหน้าโรงเรียน แล้วแยกกันไปซื้อขนมตามที่แต่ละคนอยากกิน ฉันซื้อลูกชิ้น ยำ ไอติม ไก่ทอด แล้วก็ชานมไข่มุกมาได้

    แล้วฉันก็มารวมกันที่หน้าประตู พวกนั้นก็มารออยู่ครบแล้วเช่นกัน



    “โหไอ้โอ๋ แกจะซื้อไปบริจาครึไงวะ ซื้อซะเยอะเลย รู้งี้กรูไม่น่าซื้อมาเลยอ่ะ มาแย่งแกกินดีกว่า”

    ไอ้วุ้นพูดขึ้น



    “ไม่ต้องเลย วันนี้กรูหิวเฟ้ย”

    ฉันตอบ



    พวกเราไปนั่งยัดขนมลงกระเพาะที่ใต้ต้นไม้ต้นประจำที่ริมสนามของเรากัน แล้วก็ทำในสิ่งที่พวกเราทำกันทุกวัน คือการแย่งขนมของเพื่อนกินนั่นเอง ต่างคนต่างแย่งกัน เฮฮากร๊ดกร๊าดกันใหญ่



    แต่ก็สนุกนะ ^o^



    และแล้วสงครามแย่งอาหารก็จบลง ต่างคนก็ต่างอิ่ม ตอนนี้เลยนั่งเม้าท์กัน พูดอีกอย่างก็คือนินทาคนอื่นนั่นแหละ แหล่งข่าวที่ใหญ่ที่สุดคงไม่พ้นไอ้บิวหรอก ใครรู้อะไรมาก็จัดการแฉออกมาให้หมด ไม่ว่าจะเรื่องเล็กขนาดมดหรือใหญ่ขนาดไหนก็ถูกบรรจุอยู่ในหัวสมองแล้วตอนนี้

    ฉันนั่งฟังไอ้บิวมันเล่าไปเรื่อยๆ แต่แล้วสายตาฉันก็ไปปะทะกับอะไรอย่างนึง...O_o



    กรี๊ดดดดดดดดด... หล่อมากกกกกกกกก



    ใครอ่ะ หล่อชะมัดเลย ท่าทางจะเป็นรุ่นน้องนะ แต่หล่อมากอ่ะ น้องคนนั้นกำลังวิ่งรอบสนามอยู่ ใส่เสื้อสีดำด้วย ไม่มีคำจำกัดความอะไรที่เหมาะกับน้องคนนั้นมากไปกว่าคำว่า หล่อ



    ตอนนี้ต่อให้พี่กรมาอยู่ตรงหน้าฉัน ฉันก็คงไม่รับรู้อะไรแล้ว เพราะสมาธิกับสายตามันถูกรุ่นน้องคนนั้นดึงไปทั้งหมด



    “เฮ้ยไอ้โอ๋ แกฟังอยู่รึเปล่า”

    เสียงไอ้บิวดังอยู่ข้างๆหู



    “เออ ฟังอยู่ๆ เล่าต่อดิ”

    ฉันตอบมันไป แต่สายตาก็ยังมองอยู่ที่น้องคนนั้น



    “เนี่ยนะแกฟังอยู่ กรูรู้สึกว่าแกจะไม่ได้รับรู้ในสิ่งที่กรูพูดเลยนะเว้ย จะบอกให้ว่าข่าวนี้ใหญ่นะยะ ถ้าไม่ฟังแล้วจะเสียใจ”

    ไอ้บิวพูด แต่ฉันก็ไม่ได้สนใจอะไร ยังมองน้องคนนั้นต่อไป



    >_< หล่อๆๆๆ ^o^ เท่ด้วย สุดยอดไปเลย อ๊ายๆๆๆๆ



    “แกคิดว่าไงกับเรื่องนี้วะโอ๋ แกว่าใครผิด” ไอ้บิวเขย่าแขนฉัน



    “กรูว่าหล่อ เอ๊ย ไม่รู้ดิ เท่ว่ะ เอ๊ยไม่ใช่ๆๆ กรูว่าน่ารักอ่ะ เอ๊ยยย” ฉันตอบอะไรออกไปเนี่ย บ้าที่สุด



    “ไอ้โอ๋” เสียงยัยเอินเรียกเบาๆ



    “หือ” ฉันตอบ แต่ตายังมองน้องคนนั้นอยู่



    “แกแน่ใจนะว่าแกสบายดี” ไอ้เอินถาม



    “เออ กรูสบายดี” ฉันพูดไป ก่อนจะละสายตามาทางพวกมัน “เฮ้ยพวกแกเห็นน้องคนนั้นป่ะ” ฉันชี้ให้พวกนั้นดู



    “เออเห็น น้องที่ใส่เสื้อสีดำๆป่ะ แล้วทำไมอ่ะ” ไอ้บิวตอบ



    “แกปิ๊งเหรอ” ไอ้เอินถามฉันมา



    ฉันไม่รู้จะตอบว่าไง เลยพยักหน้าให้มันไป ปรากฏว่าไอ้พวกนั้นกรี๊ดกร๊าดกันใหญ่



    “มาๆๆๆ ไอ้โอ๋ปิ๊งหนุ่มแล้วเว้ย ให้กรูช่วยไรแมะ” ไอ้บิวถาม



    “ถามให้หน่อยดิ ว่าน้องเขาเรียนอยู่ห้องไหนอ่ะ ชื่อไรด้วย” ฉันบอกมันไป



    “เอ่อ กรูขอโทษว่ะ คือ... กรูเพิ่งเห็นว่าพี่จิ๋วอยู่ฝั่งตรงข้ามอ่ะ กรูคงช่วยไม่ได้แล้วล่ะ” ไอ้บิวตอบ ฉันเลยหันไปดูตามที่มันบอก เห็นพี่จิ๋วนั่งจ้องไอ้บิวอยู่จริงๆด้วย



    “งั้นไอ้ฝุ่นก็ได้ ช่วยกรูหน่อยดิ นะๆๆๆๆ” ฉันเข้าไปเกาะแขนฝุ่น



    “เฮ้ย O_o ม่ายอ่ะ ไม่เอาด้วยหรอก” ไอ้ฝุ่นตอบ



    “นะๆๆ ช่วยเพื่อนแค่นี้ไม่ได้เหรอ”



    “กรูก็อายเป็นนะเฟ้ย แกเข้าไปถามน้องเขาเองดิ” ฝุ่นส่ายหน้า



    ฉันพยายามอยู่นานกว่าจะหว่านล้อมไอ้ฝุ่นให้มันคล้อยตามฉันได้ เหนื่อยนะเนี่ย



    ตอนนี้ไอ้ฝุ่นมันลุกขึ้นเดินไปริมสนาม รอน้องคนนั้นที่กำลังวิ่งมาทางนี้ พอน้องเขาวิ่งมาฉันเห็นไอ้ฝุ่นมันถามอะไรไม่รู้ น้องเขาก็หันหน้าตอบกลับมา แต่วิ่งไปด้วยตอบไปด้วยอ่ะนะ



    “ว่าไงไอ้ฝุ่น” ฉันถามมันทันทีที่มันเดินกลับมา



    ไอ้ฝุ่นส่ายหน้า “กรูฟังไม่รู้เรื่องว่ะ น้องเขาพูดอะไรไม่รู้ เล่นวิ่งไปตอบไปนี่น่า เอาไว้น้องเข้าวิ่งมารอบหน้าแล้วจะถามให้ใหม่ละกัน”



    “จ้าๆๆ ขอบใจนะจ๊ะคนสวย” ฉันเข้าไปกอดไอ้ฝุ่น



    “ไม่ต้องเลยไอ้โอ๋ ที่งี้ล่ะประจบนะ” ไอ้ฝุ่นตอบ



    และแล้วน้องเขาก็วิ่งมาอีกรอบ ไอ้ฝุ่นก็ลุกขึ้นไปใหม่ แล้วมันก็กลับมาพร้อมพูดแบบเดิม คือไม่รู้เรื่องเพราะน้องเขาวิ่งไปตอบไป

    คุณน้องสุดหล่อคะ ช่วยหยุดแล้วตอบพี่ดีๆได้มั้ยคะ ถ้าน้องหยุดวิ่งแล้วหันมาตอบดีๆคงไม่เสียเวลามากนักหรอกนะคะ -_-^^

    แต่ความพยายามของฉันยังไม่หมด ครั้งนี้เลยเปลี่ยนเป้าหมายไปถามน้องอีกคนที่วิ่งด้วยกันแทน



    “ไอ้นี่มันชื่อมีนครับ ^^” น้องอีกคนตะโกนมาซะดัง



    แล้วน้องก็ไม่บอกตั้งแต่เมื่อกี้ ให้ถามกันอยู่ได้ น้องตอบแทนซะตั้งแต่แรกก็สิ้นเรื่อง -_-^^



    อืม... ชื่อมีนงั้นเหรอ หน้าก็หล่อ ชื่อก็น่ารัก โหะๆๆ ^o^

    นี่เป็นครั้งแรก ฉันว่าถามแค่ชื่อก็คงพอมั้ง ไว้วันหลังค่อยสานต่อละกัน อย่างน้อยวันนี้ก็สุขใจแล้วล่ะ



    หลังจากนั้นเป็นเวลาประมาณหนึ่งอาทิตย์ ทุกๆวันของฉันก็หมดไปกับการมองน้องมีน แม้ว่าบางวันจะไม่เห็นก็ตาม อย่างน้อยฉันก็ตั้งความหวังว่าอีกเดี๋ยวน้องมีนก็ต้องมา

    และแล้วตอนนี้ฉันก็เริ่มจะถอดใจแล้วล่ะ มีนคงไม่ได้คู่กับฉันแน่นอน คงไม่มีทางเป็นไปได้สินะ



    “ไอ้โอ๋!!!!” เสียงไอ้บิวตะโกนใส่หูฉัน

    ยัยบ้า กลัวฉันหูไม่หนวกรึไง ตะโกนซะเต็มที่เลย



    “ไรเนี่ย ตะโกนซะขี้หูกรูกระเจิงหมดแล้วเนี่ย”



    “โทรศัพท์แกดังไม่รู้สึกบ้างรึไงเหอะ” ยัยบิวพูด



    ฉันหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาดูหน้าจอ คนที่โทรเข้ามาเป็นบุ๋ม บุ๋มเป็นเพื่อนต่างห้องของฉันเอง



    “โหล” ฉันกรอกเสียงลงไป



    “โอ๋เหรอ นี่กรูบุ๋มนะเฟ้ย” เสียงยัยบุ๋มพูดมา



    “เออ กรูรู้แล้ว ไม่งั้นก็ถามแล้วล่ะ ว่าเป็นใคร” ฉันตอบกลับไป



    “เอ๊ะไอ้นี่ กวนซะจริง ไม่เอาแล้วเว้ย ไม่คุยด้วยแล้ว”



    “อ้าว แล้วจะโทรมาทำไมล่ะจ๊ะ”



    ดูเหมือนว่าประโยคสุดท้ายที่ฉันพูดไปยัยบุ๋มจะไม่ได้ยินนะ เพราะฉันได้ยินเหมือนกับมันกำลังคุยอะไรกับใครสักคน แล้วยื่นโทรศัพท์ให้ไป



    “โอ๋เหรอ” มีเสียงพูดมาทางโทรศัพท์



    O_o??? ใครกันเนี่ย เสียงไม่คุ้นเลย แถมเป็นเสียงผู้ชายซะด้วย



    “เอ่อ... ใช่ โอ๋พูดอยู่ นั่นใครอ่ะ”



    “ลองทายดูสิ ว่าเราเป็นใคร^^” เสียงนั้นตอบกลับมา

    ถ้าฉันไม่ได้กำลังมองหามีนอยู่ล่ะก็ ฉันคงมีอารมณ์สนุกร่วมไปด้วยแน่นอน แต่ตอนนี้มันไม่ใช่ นายนี่กำลังทำให้ฉันเสียเวลาอยู่นะ -_-^^^



    “ไม่รู้ เพราะเราไม่ใช่ฝ่ายทะเบียนของโรงเรียน” ฉันตอบไป 555+ สะใจขอรับ



    “ง่ะ อารมณ์เสียอยู่เหรอ” เสียงเดิมถามกลับมา



    “เออ เพราะงั้นนายเป็นใคร มีอะไรก็รีบๆพูดมา ฉันจะได้ไปหามีน เอ๊ย ไปทำอย่างอื่นต่อ” ฉันพูดไป



    “เหรอ เราชื่อมีนไง คนที่โอ๋ให้ฝุ่นมาถามชื่ออ่ะ”



    “หา!!!!!!!!!!!!!!!” ฉันตะโกน

    นายว่าไงนะ ขออีกครั้งสิ นายคือมีนงั้นเหรอ



    “ไม่ต้องตะโกนก็ได้ จะตกใจทำไมเนี่ย^^”



    “นายคือมีนจริงๆเหรอ นายอย่ามาโกหกนะ ไม่ขำด้วยหรอก คนกำลังซีเรียสอยู่เข้าใจมั้ยเหอะ”



    “เอ๊า ไม่เชื่อซะงั้น โอ๋ลองเดินมามองที่อาคารเรียนสิ เราอยู่หน้าห้อง 9 อ่ะ ตรงชั้น 6 นะ” คนที่บอกว่าเป็นมีนพูด

    ฉันเลยลุกขึ้นจากพื้น แล้วเดินไปชะเง้อมองที่ชั้น 6 ตามที่นายนั่นบอก



    กรี๊ดดดดดด!!!!!!!! มีนจริงๆด้วย มีนตัวเป็นๆเลยอ่ะ >O< อยากจะกรี๊ดออกมาเป็นภาษาบรูไนเลย



    “มีน... มีนจริงๆด้วย” ฉันพูด



    “ก็ใช่น่ะสิ บอกตั้งแต่แรกแล้วนี่น่า”

    ฉันมองขึ้นไปที่ชั้น 6 อีกครั้ง เห็นยัยบุ๋มยืนโบกมืออยู่ข้างๆมีน

    บุ๋มเป็นอะไรกับมีนน่ะ แล้วทำไมขึ้นไปอยู่ด้วยกันสองต่อสองบนชั้น 6 อย่างนั้น อย่าบอกนะว่า...

    บุ๋มกับมีนเป็นแฟนกัน O_o!!!!



    “เอ่อ มีน บุ๋มเป็นอะไรกับมีนงั้นเหรอ” ฉันถาม



    “อ๋อ บุ๋มน่ะเหรอ เป็นแฟนมีนเอง” เสียงมีนตอบกลับมา



    “เหรอ...” ฉันพูดด้วยเสียงแผ่วเบา บุ๋มเป็นแฟนกับมีน บุ๋มกับมีน มีน... มีน...



    “ล้อเล่นน่ะ อย่าซีเรียสสิ” เสียงมีนพูด ฉันได้ยินเสียงไอ้บุ๋มหัวเราะลอดเข้ามาในสายด้วย

    ตลกกันจริงนะ ฉันไม่ขำด้วยหรอก -_-^^^



    “งั้นขอเบอร์โอ๋ได้มั้ย แล้วคืนนี้มีนจะโทรไปหา” มีนถาม



    “อ้าว... ก็ขอที่บุ๋มดิ มันก็มีอ่ะ”



    “เจ๊บุ๋มไม่ให้อ่ะ เจ๊บุ๋มบอกว่าให้มาขอโอ๋เอง”

    ฉันเลยบอกเบอร์ให้มีนไป ก่อนที่สายจะถูกตัดเพราะไอ้บุ๋มมันแย่งมือถือมันไปจากมีน



    ไอ้เพื่อนบ้า ฉันยังคุยกับมีนไม่เสร็จเลยนะ ทำงี้ได้ไงเนี่ย



    แต่ช่างเหอะ ยังไงมีนก็ได้เบอร์ฉันไปแล้วนี่น่า แถมมีนยังบอกเองด้วยว่าคืนนี้จะโทรมาหาอ่ะ กรี๊ด    ๆๆๆ สุขใจจังเลย โลกกลายเป็นสีชมพูขึ้นทันตา อาโหะๆๆๆ



    ฉันเดินกลับมาที่ใต้ต้นไม้ มองเพื่อนแต่ละคนอย่างงงๆ เพราะตอนนี้ยัยพวกนั้นมันมองฉันแบบแปลกๆ



    “โอ๋...” ไอ้เอินเรียกฉันด้วยเสียงเบามาก



    “ไรจ๊ะ ^o^”



    “แกถูกหวยเหรอ หรือว่าแกชนะรางวัลอะไรมา” ไอ้บิวพูดต่อ



    “หา แกพูดเรื่องอะไรเนี่ย ฉันไม่เข้าใจอ่ะ”



    “ก็ตอนแรกแกเหม่อๆ แล้วแกก็กรี๊ด แล้วก็ลุกเดินไปมองตึกเรียน แล้วแกก็ยิ้มกลับมาเนี่ย แกเป็นอะไรของแกเหอะ กรูยอมรับว่ากรูตามอารมณ์แกไม่ทันว่ะ” ไอ้เอินพูด



    ฉันเลยเล่าทุกอย่างให้ฟัง พวกนั้นก็ทำหน้ารับรู้



    “ไอ้โอ๋ กรูสงสารน้องเค้าว่ะ” ไอ้บิวพูด



    “ทำไมอ่ะ น้องเค้าเป็นอะไรเหรอ” ฉันถามด้วยความสงสัย



    “คือกรูสงสารน้องเค้าที่หลงผิดมาชอบคนอย่างแกอ่ะ น้องเค้าคงพิการทางสายตาแน่เลย” ไอ้บิวทำหน้าเห็นใจ



    “แหม... บ้าน่า น้องเค้ายังไม่ได้บอกสักคำว่าเค้าชอบกรู ^^” ฉันตอบ



    “ไอ้โอ๋ นี่แกอาการหนักแล้วนะเนี่ย เมื่อกี้กรูกัดเมิงนะเว้ย ประเด็นมันอยู่ที่ประโยคหลัง ไม่ใช่ข้างหน้า” เสียงไอ้บิวตะโกน

    เออเนอะ เมื่อกี้แกด่าฉันนี่หว่า เพิ่งนึกขึ้นได้นะเนี่ย



    “เออว่ะ เพิ่งนึกขึ้นได้” ฉันตอบมันไป



    “เฮ้ย!!!!! ปกติแกต้องวิ่งไล่กรูไม่ใช่เหรอ ต้องโกรธไม่ใช่เหรอ ไหงครั้งนี้ไร้สติแบบนี้วะ” ไอ้บิวจ้องหน้าฉันอย่างเอาเป็นเอาตาย



    หน้าฉันมีหวยงวดหน้าอยู่รึไงนะ จ้องได้จ้องดี -_-“



    “จ้องหาอะไรยะ หน้าฉันไม่มีพี่จิ๋วนะ ดังนั้นไม่ต้องมาจ้องเลย” ฉันผลักมันออกไปไกล



    “ตายแล้ว!!!!!!” ไอ้บิวแหกปากตะโกนลั่น “กรูลืมอ่ะว่านัดพี่จิ๋วไว้ ขอบใจนะเว้ยที่พูดถึง” แล้วไอ้บิวก็วิ่งออกไปทันที

    เย็นนี้ฉันเดินยิ้มเข้าบ้านเลยทีเดียว โหะๆๆ รอแป๊บนึงนะจ๊ะ เดี๋ยวจะไปอาบน้ำกินข้างเตรียมมารอรับโทรศัพท์แล้วล่ะ น้องมีนจ๋า...^o^



    ในที่สุดเสียงโทรศัพท์ฉันก็ดังขึ้น ฉันรีบซะจนเกือบทำโทรศัพท์ตกแน่ะ



    คืนนี้เราทั้งสองคนคุยกันนานมาก คุยกันจนต่างฝ่ายต่างแบตหมดเลยแหละ ต้องคุยไปชาร์จไป เราสองคนคุยกันได้ทุกๆเรื่อง ไม่ว่าจะเป็นเรื่องสัพเพเหระอะไรก็ตาม คุยกันน้ำไหลไฟดับเลยทีเดียว ฉันไม่เคยคิดมาก่อนเลยว่าเราสองคนจะมีอะไรคุยกันได้นานขนาดนี้ ยิ่งคุยยิ่งรู้สึกว่ามีนน่ารักมาก



    นี่ฉันต้องขอบคุณบรรดาค่ายโทรศัพท์นะเนี่ย ทีมีค่าโทรให้นาทีละ 25 สตางค์ ไม่งั้นล่ะก็กระเป๋าฉีกแน่นอน

    และแล้วฉันกับมีนก็วางโทรศัพท์ลงไปตอนราวๆตี 3 ฉันเพิ่งรับรู้นะเนี่ยว่าตอนนี้มันดึกมากแล้ว เดี๋ยวตี 5 ฉันก็ต้องตื่นแล้วอ่ะ มีหวังตื่นสายแน่เลย >_<



    “โอ๋!!!!! ตื่นได้แล้ว รีบอาบน้ำเลยนะ รถโรงเรียนไปแล้วรู้มั้ย จะนอนไปถึงไหนกัน!!!” นี่เป็นเสียงคุณพี่สุดที่รักของฉันเอง ตอนนี้มันกำลังลากฉันลุกออกมาจากที่นอน



    “ม่ายอาวววว... ขอนอนอีกหน่อยน้า... ยางม่ายตื่น...” ฉันงัวเงียๆตอบไป



    “ไอ้เด็กบ้า ตื่นได้แล้ว!!!!” ในที่สุดพี่ก็จับฉันโยนลงมาจากเตียง

    เจ็บเป็นเหมือนกันนะเฟ้ย T_T



    “เจ็บน้า โยนลงมาทำไมเนี่ย กำลังนอนสบายๆเลยนะ” ฉันปีนขึ้นเตียงไปอย่างเดิม



    “ฮึ่ยๆๆ มองนาฬิกาซะ แล้วจะรู้ว่าทำไม” พี่จับฉันให้มองไปทางนาฬิกา

    “แล้วไงล่ะ ก็แค่แปดโมงกว่าๆเอง ยังนอนได้อีกตั้งนาน”



    “ไม่รู้ด้วยแล้วเว้ย” พี่เดินปึงปังลงบันไดไป



    โธ่เอ๊ย มันก็แค่แปดโมงกว่าๆเอง ยังมีเวลาอีกตั้งเยอะ



    แปดโมงกว่าๆเอง



    O_o!!!!!!! แปดโมงกว่า!!!!!

        ซวยแล้ววววววว!!!!!!!



    ฉันกระเด้งออกมาจากเตียงทันที รีบอาบน้ำชนิดที่ว่าเร็วสุดขีด แล้ววิ่งลงบันไดมาหาพี่ที่นั่งหน้าหงิกอยู่



    “พี่สุดที่รักขา ไปส่งน้องที่โรงเรียนหน่อยน้า นะๆๆ”



    “หึ เพิ่งจะรับรู้รึไงว่ามันสายขนาดไหนแล้วเนี่ย” พี่พูด ก่อนจะเดินไปหยิบกุญแจรถ แล้วพาฉันไปส่งที่โรงเรียน



    ฉันใส่เกียร์สุนัขวิ่งขึ้นตึกเรียน 5 ชั้นรวด เพื่อไปเรียนให้ทัน



    “อะ...อาจารย์คะ...ชะ...ชลิตา...มาแล้วค่ะ” ฉันพูดพลางหอบไปด้วย



    ฉันก็เหนื่อยเป็นนะเฟ้ย ให้วิ่งมาตั้ง 5 ชั้น ถ้าไม่เหนื่อยก็หุ่นยนต์แล้วล่ะ



    อาจารย์มองลอดแว่นมาทางฉัน มันทำให้ฉันเสียวแว๊บๆ เลยทีเดียว



    “ชลิตา เธอมาสายนะ ฉันจะหักคะแนนเธอ”



    ฉันพยักหน้าให้อาจารย์อย่างแกนๆ จะหักหรือไม่หักก็ไม่มีผลอะไรอยู่ดี เพราะตอนนี้คะแนนฉันก็ไม่เหลือแล้วล่ะ ฉันไม่แคร์หรอกน่า



    แล้ววันนี้ทั้งวันของฉันก็หมดไปกับการนอนฟุบกับโต๊ะ และเหมือนทุกๆวันที่ผ่านไป คือไม่มีอะไรซึมเข้าสมองฉันมาแม้แต่น้อย ใจฉันตอนนี้ก็จดจ่ออยู่กับมีนคนเดียวแล้ว >_<



    คนไรอ่ะ น่ารักชะมัดเลย ทั้งหล่อ ทั้งเท่ แถมยังนิสัยดีอีก ยิ่งคุยก็ยิ่งรู้สึกว่ามีนน่ารัก ยิ่งคุยไปกลับไม่รู้สึกเลยว่ามีนเป็นรุ่นน้อง ยิ่งความคิดนี่ไม่ต้องพูดถึงเลย ความคิดในบางเรื่องของมีนดีกว่าฉันอีกด้วยซ้ำ เหอๆ



    “เฮ้ย!!! เลิกเรียนแล้วเว้ยยยย!!!!!!!” เสียงยัยปอตะโกนเข้าหูฉันดังลั่น

    ไอ้บ้า ตะโกนหาพระแสงของ้าวอะไรเนี่ย พูดดีๆก็ได้ยินเฟ้ย



    “โอ๊ยไอ้บ้า จะตะโกนหาสวรรค์วิมานอะไรเหอะ อยู่ห่างกันสองคืบเอง”



    “แกน่ะสิบ้า กรูแหกปากจนคอแห้งแล้วเนี่ย แกก็เอาแต่นั่งยิ้ม ทำยังกะมีนมาอยู่ตรงหน้างั้นแหละ” ยัยปอพูด ทำให้ฉันแอบสะดุ้งเหมือนกันนะ พูดซะตรงจุดเชียว -_-“



    แล้วคืนนี้ฉันก็มารอรับโทรศัพท์มีนเหมือนเคย แต่รอเท่าไหร่มีนก็ไม่โทรมาซะที อืม...อาจจะยุ่งอยู่ก็ได้ หรือไม่ก็ตังค์หมด 555+ ชัวร์เลย ตังค์หมดชัวร์ งั้นฉันเป็นฝ่ายโทรไปก็ได้ หุหุ -.,-



    “คร้าบบบบบ” เสียงมีนรับสาย



    “ไงจ๊ะ ยุ่งอยู่เหรอ”



    “อ๋อ เปล่า ไม่ได้ยุ่งหรอก ไม่มีอะไร แล้วนี่โทรมาทำไมเหรอ”



    “...”



    ทำไมต้องถามด้วยว่าโทรมาทำไม? นี่ฉันที่เป็นแฟนโทรหานายไม่ได้งั้นเหรอ



    ฉันอาจคิดมากไปเองก็ได้ ไม่มีอะไรหรอกน่า... ช่างมัน



    “อืม ไม่มีอะไรหรอก เราแค่อยากรู้น่ะว่าถึงบ้านยัง ไม่มีอะไรหรอก” ฉันตอบไปเรื่อยเปื่อย



    “งั้นแค่นี้นะ” มีนพูด แล้วตัดสายไป ทิ้งให้ฉันยืนถือหูโทรศัพท์ค้างไว้อยู่อย่างนั้น





    เรื่องระหว่างฉันกับมีนก็สดใสดี แม้ว่าฉันอาจจะคิดมากไปบ้างในบางครั้งและบางเรื่อง แต่มีนยังน่ารักได้ตลอดเวลา เรายังคุยกัน ส่งข้อความหากันแทบทุกวัน บางทีฉันก็โฉบไปหน้าห้องเรียนของมีนบ้าง หรือไม่ก็อาจจะไปนั่งดูมีนซ้อมวิ่งที่ริมสนาม และทุกอย่างมันคงดีกว่านี้ถ้าไม่มีเรื่องนี้ขึ้นมา



    พักหลังนี้ฉันเริ่มรู้สึกว่าเราคุยกันน้อยลง มีนเริ่มเปลี่ยนไป จากที่เคยโทรหาทุกวันก็ไม่โทร ฉันเองก็พยายามคิดในแง่ดีไว้ว่ามีนเองอาจจะเหนื่อยหรืออาจยุ่งมากก็ได้ ฉันพยายามหลบความจริงที่พยายามก่อตัวขึ้นมาอย่างช้าๆ หนีความจริงที่มันกำลังเข้าใกล้มาทุกที



    ความจริงที่ว่านั่นก็คือความรู้สึกที่ว่ามีนมีคนอื่น...



    ในที่สุดฉันเองก็ไม่ไหวแล้ว ความรู้สึกนี้มันมากเกินกว่าจะหลอกตัวเองได้อีกต่อไป



    ฉันไม่รู้จะทำยังไงเหมือนกันนะตอนนี้ เพราะพวกยัยบิวก็ไม่มีใครที่สนิทกับมีนเลย แล้วความคิดหนึ่งก็แล่นเข้ามา

    นี่ฉันลืมบุ๋มไปยังไงนะ บุ๋มสนิทกับมีนนี่น่า มีนบอกว่าบุ๋มเป็นรุ่นพี่ในรถที่มีนนับถือ



    ฉันกดโทรศัพท์หาบุ๋มทันที



    “โหล ว่าไง” เสียงบุ๋มรับสาย



    “บุ๋มเหรอ นี่โอ๋นะ”



    “รู้แล้ว ไม่งั้นก็ถามแล้วดิว่าเป็นใคร” บุ๋มตอบมากวนๆ ด้วยประโยคที่ฉันเคยใช้

    ถ้าเป็นเวลาปรกติฉันก็คงจะตอบมันกวนๆกลับนะ แต่ตอนนี้มันไม่ใช่ ตอนนี้ฉันไม่มีอารมณ์ที่จะมาสนุกด้วยหรอก



    “บุ๋ม กรูซีเรียสนะ”



    “...”



    “บุ๋ม...”



    “เรื่องมีนใช่มั้ย” บุ๋มถามเสียงแผ่ว

        ฉันเงียบไปอึดใจนึง ก่อนจะตอบออกมา “ใช่ เรื่องมีนนั่นแหละ”



    “...”



    “...”



    ตอนนี้ทั้งฉันทั้งบุ๋มก็ต่างเงียบ ไม่มีใครพูดอะไร มันทำให้ฉันยิ่งใจเสียเข้าไปใหญ่ เพราะมันหมายความว่ามันต้องมีเรื่องอะไรสักอย่างแน่นอน

    ตอนนี้มือฉันทั้งสั่น ทั้งเย็น หัวใจเต้นไม่เป็นจังหวะเลยทีเดียว รอแค่บุ๋มพูดออกมาเท่านั้นเอง ไม่ว่ามันจะเป็นอะไรฉันรับได้ทั้งนั้น ขออย่าง

    เดียวขอแค่ไม่ให้ตรงกับที่ฉันคิดว่า...



    มีนมีคนอื่นนอกจากฉัน...



    มีเสียงบุ๋มถอนหายใจส่งมาตามสาย ก่อนที่บุ๋มจะพูดออกมา “โอ๋ แกคบกับมีนมานานยัง”



    “ก็เกือบเดือนแล้วล่ะ ทำไมเหรอ”



    “...”



    “บุ๋ม บอกกรูมาเหอะ อย่าปิดเลย”



    “งั้นแกก็ฟังดีๆแล้วกัน” บุ๋มถอนหายใจ “แก้วมันชอบมีน และตอนนี้ที่มีนมันไม่ค่อยได้โทรหาแกก็เพราะมันมัวแต่คุยกับแก้วอยู่นั่นแหละ”

    แล้วบุ๋มก็พูดอะไรต่อไปอีกไม่รู้ ฉันรู้สึกได้แค่ว่ามันเหมือนทุกอย่างหยุดอยู่กับที่ เหมือนมีอะไรมาฟาดเข้าที่หัว มันมึน มันชาไปหมด เหมือนไม่อยากรับรู้อะไรอีกต่อไปแล้ว



    ฉันผิดตรงไหน หรือฉันไม่ดีตรงไหน ทำไมมีนต้องมีคนอื่นด้วย แล้วทำไมต้องเป็นแก้ว คนที่เป็นเพื่อนฉันมาก่อน ฉันไม่คิดเลยว่าแก้วจะทำมันได้ลง ถึงแม้ว่าฉันจะไม่ได้สนิทกับแก้วมากๆก็เถอะ แต่ฉันกับแก้วก็เป็นเพื่อนกัน เป็นคนรู้จักกัน



    ทำไมต้องเป็นแก้ว...



    แก้วทำมันลงได้ยังไง...



    แก้วแย่งแฟนเพื่อนได้ยังไง...



    ฉันวางโทรศัพท์ลงไปตอนไหนไม่รู้ รู้แค่ว่าอยู่ดีๆน้ำตามันก็ไหลทะลักลงมา แล้วฉันก็ไม่คิดจะปาดน้ำตาทิ้งด้วย ปล่อยมันอยู่อย่างนั้น จากตอนแรกแค่น้ำตาไหล ตอนนี้เริ่มมีเสียงสะอื้นขึ้นมา



    แล้วในที่สุด ฉันก็ร้องไห้โฮเหมือนกับคนบ้า ปล่อยความคิดให้มันเตลิดเปิดเปิง ร้องไห้อยู่อย่างนั้นจนหลับไป



    แล้วคืนนี้ฉันก็แทบไม่ได้นอน เพราะพอจะหลับตาลงทีไรก็มีแต่ภาพมีนวิ่งเข้ามาในหัว มีแต่ภาพความทรงจำของเราสองคนวิ่งวนซ้ำไปซ้ำมา ตามด้วยคำพูดต่างๆของมีน แล้วน้ำตาของฉันที่เริ่มแห้งก็ไหลลงมาอีก



    ฉันรู้สึกตัวอีกทีตอน 6 โมง ด้วยสภาพไร้ชีวิต



    ตอนนี้ฉันคงโทรมมากเลยใช่มั้ย ตาคงโบ๋แล้วก็ดำเหมือนหมีแพนด้าเลยล่ะสิ



    ฉันอาบน้ำจัดการตัวเอง แล้วมารอรถโรงเรียนโดยข้าวเช้าก็ไม่กิน พอถึงโรงเรียนก็ตรงไปที่โต๊ะ





    “ไงวะโอ๋ ทำไมวันนี้มาเช้าเนี่ย แก...เฮ้ยยยยย!!!!!!!!” ยัยบิวตะโกนดังลั่นเมื่อเห็นสภาพฉันใกล้ๆ



    “เป็นอะไรวะโอ๋ เฮ้ย ตอบกรูเด่ะ เฮ้ยๆๆ” ยัยเอินวิ่งเข้ามาเขย่าตัวฉัน เพราะฉันเอาแต่เงียบอย่างเดียว



    ไม่ใช่ว่าฉันไม่อยากเล่านะ ฉันอยากสิ อยากระบายเรื่องราวต่างๆ ให้ใครสักคนฟัง อยากจะเล่าเรื่องราวที่ฉันได้รับฟังมาให้ใครสักคนเข้าใจ แต่ฉันไม่สามารถเอ่ยอะไรออกไปได้ ทุกอย่างมันจุกอยุ่ที่คอทั้งหมด น้ำตาตอนนี้ก็ไม่เหลือให้ไหลแล้ว ฉันแสบตาไปหมด ไม่อยากจะทำอะไรทั้งนั้น



    “บิว...” ฉันพูดได้แค่นั้น แล้วมันก็เข้ามากอดฉันเอาไว้ ทำให้ฉันน้ำตาไหลลงมาทันทีเลยทีเดียว



    “ใจเย็นๆนะโอ๋ ไม่เป็นไรนะเว้ย ใจเย็นๆ” บิวพูดซ้ำไปซ้ำมา พลางกอดฉันเอาไว้



    แล้วฉันก็เล่าเรื่องทุกอย่างให้พวกยัยบิวฟัง ทั้งเรื่องความคิดของฉันที่คิดว่ามีนมีคนอื่น ทั้งเรื่องที่ได้ฟังมาจากบุ๋ม ฉันเล่าไปน้ำตาไหลไป

    ฉันยอมรับนะ ว่าไม่เคยจริงจังกับใครเท่ามีนมาก่อน มีนเป็นคนแรกที่ฉันรักมากขนาดนี้ จริงจังด้วยขนาดนี้ แต่สิ่งที่ฉันได้รับล่ะ มันหมายความว่ายังกัน



    “ใจเย็นๆโอ๋ ไม่ได้หมายความมีนมีคนอื่นซะหน่อย ที่มีนมีนคุยกับแก้ว มันก็อาจจะคุยไปตามมารยาทก็ได้ แกอย่าคิดมากไปเลยนะ” ยัยเอินตบหลังฉัน



    “เดี๋ยวพักกลางวันไปคุยกับมีนกันนะ เชื่อกรู กรูจะคุยกับมันเอง เอาให้เคลียร์เลย อย่าปล่อยไว้เด็ดขาด” ยัยบิวจับมือฉันเอาไว้



    ตั้งแต่คบกันมาขึ้นปีที่ 3 เนี่ย เพิ่งรู้สึกว่ามันเป็นเพื่อนที่ดีก็ตอนนี้น่ะแหละ -_-“





    แล้วพวกเราก็แยกย้ายกันไปเรียน ส่วนฉันจากเดิมที่ไม่เรียนอยู่แล้ว วันนี้เลยไม่เรียนเข้าไปใหญ่

    เมื่อไหร่จะถึงพักกลางวันซะทีนะ เร็วๆเข้าสิ



    ในที่สุดก็พักกลางวันแล้ว ฉันกับปอเดินไปหาพวกยัยบิวตรงที่ๆนัดกันไว้



    “แกกินข้าวกินปลาซะก่อน แล้วค่อยขึ้นไปหามีนที่ชั้น 6 กัน” ยัยบิวพูด พลางลากฉันไปหาอะไรกิน



    แต่ตอนนี้ฉันไม่ได้อยากกินอะไรซะหน่อยนี่น่า ฉันอยากรู้เรื่องทั้งหมดจากปากของมีนมากกว่า



    แล้วเจ้าพวกนั้นมันก็จัดการยัดอาหารมากมายเข้ากระเพาะของพวกมันไป อยากรู้จริงๆว่ากระเพาะของพวกมันทำมาด้วยอะไร ถึงกินได้เยอะ

    แยะขนาดนี้เนี่ย



    “ไปโอ๋ กรูพร้อมแล้วเว้ย” ยัยเอินหันมาพูด หลังจากที่มันจัดการขนมถ้วยที่ 7 เสร็จเรียบร้อย



    “นึกว่าจะกินถึงพรุ่งนี้ซะอีก -_-“ อดอยากมาจากไหนวะ” ฉันพูด



    “แหะๆๆ” พวกมันยิ้มแป้นหัวเราะให้ฉัน



    “เอ้า เสร็จแล้วก็อัญเชิญเจ้าค่ะ ให้ไวเลยนะเมิง -_-^” ฉันหันไปพูดกับพวกมันทั้งหมดที่นั่งอืดอยู่กลางโรงอาหาร



    พวกยัยบิวนำหน้าฉันขึ้นไปที่ชั้น 6 ที่ๆมีนเรียนอยู่ ป่านนี้มีนน่าจะขึ้นมาแล้วล่ะ



    ฉันเคยบอกใช่มั้ย ว่าฉันอยากรู้เรื่องจากปากมีนโดยเร็วที่สุด ตอนนี้ฉันขอถอนคำพูดละกัน



    ฉันยอมรับว่าฉันกลัว... กลัวในสิ่งที่กำลังจะเกิดขึ้นต่อจากนี้



    ฉันจะทำยังไงถ้ามีนเลือกแก้ว...



    “มีน!!! มานี่ดิ๊” เสียงยัยบิวเรียกมีนทำให้ฉันตื่นจากสิ่งที่กำลังคิดทีเดียว



    “มีนมาคุยกันหน่อยดีกว่า” ยัยเอินกับยัยบิวเดินเข้าไปหามีน ยัยบิวจับมือฉันจะดึงเข้าไปหามีนด้วยกัน แต่ฉันสะบัดมือมันออก ยัยบิวหันมามองหน้าฉันนิดนึง ก่อนจะพยักหน้าให้แล้วเดินไปหามีนกับยัยเอินสองคน



    ขอบคุณนะที่เข้าใจว่าฉันกลัวสิ่งที่มีนกำลังจะพูด ขอบคุณนะ



    ฉันเห็นยัยบิวเข้าไปคุยกับมีน แต่มีนเดินไปคุยไปแบบที่ชอบทำ แต่ยัยบิวก็เดินตามได้ไม่ลดละ จนหายไปคุยกันสักพัก แล้วยัยบิวกับยัยเอินก็กลับมา



    จากสีหน้าของยัยสองคนนี่แล้ว ฉันว่ามันคงไม่ใช่เรื่องดีเท่าไหร่หรอก ยัยสองคนนี่ทำหน้าหนักใจหน่อยๆ ฉันพยายามปลอบใจตัวเองให้เข้มแข็ง แล้วหันไปสบตากับยัยสองคนนี่



    “ไง ^^ มีนว่าไงบ้างอ่ะ”



    ยัยเอินกับยัยบิวหันไปสบตากัน



    “แกเล่าดิ” ยัยเอินพูด

    ยัยบิวสูดหายใจนิดนึง ก่อนจะพูดออกมา “คื%7อ...มีนมันบอกว่า...ฮ8า...”

    มันอึกอักอยู่อย่างนั้นจนฉันรำคาญ เลยตัดบทขึ้นไป



    “พูดๆมาเถอะน่า ฉันไม่เป็นไรหรอก”



    “ก็ได้ มีนมันบอกว่า มันอยากอยู่คนเดียว ส่วนเรื่องแก้วมันก็ไม่ตอบ มันบอกว่าแค่รู้จักกันเท่านั้น พอกรูถามมันว่าจะเอายังไงกับแก มันเงียบ แล้วก็เอาแต่พูดว่าอยากอยู่คนเดียว กรูก็ไม่รู้จะทำยังไงว่ะ” ยัยบิวเดินเข้ามาลูบหลังฉัน



    “อืม ไม่เป็นไรหรอก ฉันไม่เป็นอะไรซะหน่อย ^^;” ฉันฝืนยิ้มให้มันไป ทั้งที่ฉันอยากจะร้องไห้เต็มที

    หมายความว่ายังไงกันนะ ที่มีนบอกว่าอยากอยู่คนเดียว หมายความว่าฉันเข้าไปยุ่งเรื่องของมีนมากเกินไปงั้นเหรอ ฉันสาบานได้ว่าไม่เคยก้าวก่ายในชีวิตของมีนนะ แล้วเรื่องแก้วล่ะ แค่คนรู้จักเหรอ...



    “ไปเรียนต่อเถอะ ^^;” ฉันยิ้มให้พวกมัน แล้วเดินนำไปเรียน



    ตลอดคาบเรียนที่เหลือฉันนอนหลับเหมือนเคย นอนจนกระทั่งเลิกเรียน



    “เดี๋ยวกรูพาแกไปส่งพวกยัยบิวก่อนนะ แล้วเดี๋ยวกลับบ้านเลย” ยัยปอพูด



    “อืม” ฉันพยักหน้าให้มันไป



    แล้วเราสองคนก็เดินมาที่หน้าห้องเรียนยัยบิว แล้วยัยปอก็กลับบ้านไป พวกที่เหลือก็ไปซื้อขนมตามปกติ แต่สิ่งที่ฉันสังเกตได้ในวันนี้ว่ามันแปลกไปก็คือ เจ้าพวกนี้น่ะ ดูเหมือนว่าพยายามทำให้ฉันยิ้ม ทำให้ฉันหัวเราะ เพราะพวกมันคุยกันมากเกินกว่าปกติ แม้เรื่องตลกที่ไม่ค่อยขำมันก็ยังอุตส่าห์หัวเราะซะดังลั่น -_-“



    วันนี้ฉันซื้อขนมมานิดเดียวเอง ก็มันไม่ค่อยหิวนี่น่า แล้วพวกเราก็เดินไปนั่งใต้ต้นไม้ริมสนามที่ประจำของพวกเรากัน

    และระหว่างที่ฉันกำลังคุยกับยัยบิวที่นั่งตรงข้ามกับฉันอยู่นั่นเอง จู่ๆยัยบิวก็พยายามดึงฉันให้เข้าไปหา พลางหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาบอกว่ามีอะไรให้ดู



    “นี่ๆไอ้โอ๋ เมิงดูนี่เด่ะ นี่ๆดูๆ” มันชี้โทรศัพท์ให้ฉันดู พลางแอบเหลือบมองไปด้านหลังของฉัน



    “ไรวะ ก็แค่รูปพี่กรกับพี่จิ๋วไม่ใช่เรอะไง ก็เคยดูแล้วนี่น่า จะให้ดูทำไมอีกวะ”



    “เออน่าดูๆไปเหอะ ดีกว่าแกหันหลังนะ เอ๊ยยย ไม่ใช่ๆๆๆ” ยัยบิวมันพูดรัวเร็วมาก ฉันเลยหันหลังกลับไปดูที่ด้านหลังของฉัน



    O_o แก้วกับมีน...



    สองคนนั่นเดินคู่กันมา พลางหัวเราะต่อกระซิกกันอย่างสนุกสนาน คุยกันท่าทางสนุกมากเลย

    ฉันนิ่งไปพักนึง แล้วลุกเดินตามสองคนนั่นไปอย่างรวดเร็ว พวกยัยบิวรีบลุกเดินตามมาทันที



    “เฮ้ย รอด้วยเด้ ช้าๆหน่อยสิวะ” ยัยเอินตะโกนไล่หลังมา แต่ฉันไม่สนใจ สิ่งเดียวที่ฉันคิดตอนนี้ก็คือ ฉันต้องทำอะไรสักอย่างแล้ว ฉันจะไม่ยอมปล่อยให้เรื่องมันเป็นแบบนี้เด็ดขาด ฉันไม่ชอบให้เรื่องมันค้างๆคาๆอยู่แบบนี้



    “มีน!!!!!!” ฉันตะโกนเรียกสองคนนั่น ได้ผลแฮะ ทั้งแก้วและมีนหยุดเดินแล้วหันหลังกลับมามองทันที มีนหน้าเสียนิดหน่อย ส่วนแก้วน่ะเรอะ ยังทำหน้าไม่รู้เรื่องได้ดีมาก



    รอฉันชำระเรื่องมีนก่อนเถอะ แกไม่รอดแน่ยัยแก้ว คอยดูฤทธิ์ฉันคนนี้บ้างนะ



    “มีน เรามีเรื่องต้องคุยกันแล้วนะ”



    “อะไรเหรอ ไม่เห็นมีอะไรต้องคุยกันนี่น่า” มีนตอบออกมา

    ยังจะทำเป็นไม่รู้เรื่องอีกรึไง เห็นกันคาตาแบบนี้น่ะ



    “อะไรเหรอโอ๋ มีอะไรกับมีนงั้นเหรอจ๊ะ” เสียงยัยแก้วสอดขึ้นมา

    แกก็ด้วยนั่นแหละยัยชะนี แต่รอฉันเคลียร์กับมีนก่อนเถอะ แกตายแน่ไอ้ชะนี



    “หุบปากไปนะ อย่ามาจุ้นเรื่องของแฟนชาวบ้าน” ฉันตวาดแก้วไป



    “อะไรกันโอ๋ ทำไมไปว่าแก้วเค้าอย่างนั้นล่ะ อย่าพาลสิ” มีนหันมาว่าฉันด้วยสีหน้าไม่ชอบใจ



    “แตะไม่ได้รึไงเหอะ! ปกป้องกันเข้าไปนะ” ฉันตวาด



    “เอ่อโอ๋ ฉันว่าไปคุยกันทีอื่นดีกว่ามั้ย” ยัยบิวแทรกเข้ามาด้วยเสียงแผ่ว



    “ไม่ คุยกันตรงนี้แหละดีแล้ว” ฉันตอบยัยบิว แล้วหันมาหามีนต่อ “มีนจะเอายังไงกับเรื่องของเรา”



    “หมายความว่าไงล่ะ ก็มีนยืนยันอย่างที่มีนได้พูดไปเมื่อกลางวันนะ”



    “หมายความว่ามีนอยากอยู่คนเดียวงั้นเหรอ”



    “ใช่”



    “แล้วทำไมต้องมียัยนี่ด้วย ทำไมต้องเป็นมัน อยากอยู่คนเดียวไม่ใช่เหรอไง แล้วทำไมต้องมียัยนี่อยู่ข้างๆด้วย ทำไมล่ะ อธิบายมาสิ!! อธิบายมานะ!!” ฉันตะโกนออกไป น้ำตาเริ่มคลอ ตอนนี้เริ่มมีคนมามุงดูพวกเราแล้ว แต่ยัยบิวก็ตวาดไล่ไปทันที



    “เราไม่ได้ทำอะไรนะโอ๋ เราแค่รู้จักกับมีนเฉยๆ” ไอ้ชะนีแก้วพูดเสียงเล็กเสียงน้อยขึ้นมา ฉันล่ะอยากจะเอารองเท้ายัดปากแล้วกระทืบๆซ้ำจังเลย



    “บอกให้หุบปากไง อย่ายุ่งเรื่องของคนอื่น อย่าเสือก!!!”



    “โอ๋!!!” มีนตวาดฉันเสียงดัง



    “ทำไม จะทำไมเหอะ อยากยุ่งดีนักนี่”



    “โอ๋ อย่าไร้เหตุผลนะ”



    “งั้นอธิบายมาสิ เอาแค่เรื่องของยัยนี่ก่อนก็ได้” ฉันชี้ไปที่ยัยแก้ว



    “ก็แค่รู้จักกัน ไม่เห็นต้องพาลแบบนี้เลยนี่น่า ไม่มีอะไรจริงๆ”



    “แค่รู้จักเหรอ แล้วทำไมถึงได้เดินออเซาะมาขนาดนี้ ทำไมถึงเดินกินขนมด้วยกันมา นี่แค่รู้จักงั้นเหรอ แล้วถ้าสนิทกันมันจะขนาดไหนเหอะ!!!” ฉันตวาดใส่หน้าสองคนนี่ไป



    ทั้งแก้วและมีนเงียบ มีนก้มหน้าลง ส่วนยัยแก้วกลับยิ้มแบบเหยียดๆใส่ฉัน



    นี่แปลว่าแกรู้เรื่องทั้งหมดดี แต่ยังทำเป็นไร้เดียงสางั้นสิ พอใจรึยังล่ะอีชะนี



    “จะเอายังไง” ฉันถามมีนสั้นๆ



    “ไม่เห็นต้องเอายังไงเลย” มีนตอบมา



    “งั้นบอกเราว่าอยากอยู่คนเดียว แต่ก็ไปอยู่กับอีนี่ คบกับเราแต่ก็ปอยู่กับอีนี่เหรอ”



    “อยากเรียกแก้วอย่างนั้นนะ!!!” มีนตวาดใส่ฉันอีกรอบ



    ฉันสูดหายใจเข้าลึกๆ พยายามกลั้นน้ำตาเอาไว้ แต่ก็ไม่สามารถทำได้ ฉันเลยปล่อยให้น้ำตามันไหลลงมา ก่อนจะหันไปสบตามีน



    “มีน เราเลิกกันเถอะ” ฉันพูดทั้งน้ำตา แล้วเดินออกมาทันที ทิ้งให้มีนยืนอยู่ตรงนั้นกับแก้ว



    ยัยบิวพาฉันมาที่โรงอาหาร ฉันนิ่งเงียบไม่พูดอะไรทั้งนั้น น้ำตาที่ไหลอยู่เมื่อกี้ก็แห้งไปหมดแล้ว



    “โอ๋ ถ้าอยากร้องไห้ก็ร้องออกมาเถอะ อย่าเก็บไว้เลย” ยัยบิวพูดขึ้นด้วยเสียงเรียบๆ สีหน้าจริงจัง

    ฉันก้มหน้าลง แล้วน้ำตาก็ไหลลงมาทันที



    ฉันเป็นคนจบเรื่องทั้งหมดใช่มั้ย เรื่องทั้งหมดจบลงแล้ว ระหว่างฉันกับมีนคงไม่มีอะไรอีกต่อไป ฉันเป็นคนทำลายเรื่องของเราสองคนด้วยคำพูดเพียงคำเดียว ฉันบอกเลิกมีนเองแม้ว่าฉันไม่ได้อยากให้เราเลิกกันเลย แต่ยังไงซะฉันก็จะไม่ยอมอยู่โดยที่มีนมีคนอื่นหรอก จบซะได้ก็ดี ฉันเองก็โล่งใจไปนิดนึง แต่สิ่งที่มีเต็มหัวใจตอนนี้ก็คงเป็นความเจ็บปวดใช่มั้ย บางคนคงไม่รู้หรอกว่าการเลิกกันโดยที่อีกฝ่ายยังรักอยู่มันเสียใจแค่ไหน ฉันเองก็ไม่เคยรู้มาก่อน จนกระทั่งเมื่อกี้นี้เอง ฉันรู้แล้วล่ะว่าความรู้สึกของคนที่ฉันบอกเลิกไปมันเป็นยังไง มันเจ็บปวดขนาดไหน



    แต่ถ้ามีนเลิกกับฉันไปแล้วมีนมีความสุขกับแก้วได้... ฉันก็ยินดีนะ แม้ว่าฉันต้องแบกรับความเจ็บปวดทั้งหมดก็ตาม

    กว่าฉันจะทำใจได้ก็เย็นพอดูเหมือนกัน แต่ยัยบิวกับคนอื่นๆก็ส่งฉันขึ้นรถตู้จนได้



    ขอบคุณนะ...



    แล้วคืนนี้ทั้งคืน ฉันก็นอนหลับไปด้วยน้ำตา พอรุ่งเช้าฉันก็ลุกขึ้นด้วยสภาพไร้ชีวิตเป็นเช้าที่สอง พี่คงเข้าใจดีเลยไม่ถามอะไรมาก แล้วฉันก็ขึ้นไปหลับต่อบนรถตู้ โดยที่ยังไม่ได้กินข้าวเช้าเหมือนเดิม



    “นี่ๆมานี่ดิโอ๋” ยัยบิวกวักมือเรียกฉันเป็นการใหญ่เมื่อฉันไปถึงโต๊ะของพวกเรา



    “หือ มีไรอ่ะ ^^;” ฉันฝืนยิ้มให้พวกมัน



    “นี่ๆพรุ่งนี้พี่กรจะตีกลองในคอนเสิร์ตของโรงเรียนอ่ะ ไปดูกันนะนะๆๆๆ” ยัยบิวยิ้มหน้าบานเป็นกระด้งเลย พอรู้ว่าพี่กรจะตีกลองพรุ่งนี้ เหอๆๆ



    “เดี๋ยวก็โดนพี่ลินินตบหรอกแก ไปเชียร์แฟนชาวบ้านเค้าน่ะ”



    “แหม... ก็แค่ดูอ่ะ ไม่สึกหรอซะหน่อย พี่แกจะเก็บไว้คนเดียวรึไง คนหล่อๆต้องมีไว้แบ่งปันกันสิ” ยัยบิวพูด



    ดูความคิดมันนะ คิดเข้าไปได้ไงเนี่ย >_<



    “ไปเด่ะ ไม่พลาดเฟ้ย” นี่ฉันตอบเองแหละ แม้ว่าเมื่อกี้จะแอบว่ามันในใจก็เหอะ หุหุ -.,-



    แล้วพอพักกลางวันพวกเราก็รีบยัดของกินอย่างเอาเป็นเอาตาย แล้ววิ่งจู๊ดไปดูคอนเสิร์ตของโรงเรียนที่ลานว่าง



    “กรี๊ดดดดดด!!!! หล่อเช็ดเลยแก!!!!” เสียงยัยบิวกรี๊ดเอากรี๊ดเอาอยู่ข้างหูฉันเมื่อมันเห็นพี่กร

    แสบหูเฟ้ย ไอ้บ้า -_-^



    “พี่กร!!!!!” เสียงยัยเอินตะโกนเรียกพี่กร ทำเอาพี่ลินินที่ยืนอยู่ริมเวทีหันขวับมาทันที

    เหอๆ ไอ้เอินเอ๊ย เตรียมจองโลงได้แล้วล่ะ >_<



    แล้วสายตาของฉันก็ไปปะทะกับอะไรอย่างนึง ที่ทำให้ความสนุกลดลงไปทันที



    แก้วกับมีนอีกแล้ว แก้วกับมีนนั่งหัวเราะท่าทางสนุกอยู่ริมลานว่าง...



    ยัยบิวหันมาทางฉันทันทีเมื่อมันเห็นฉันเงียบไป แล้วมันก็คงกำลังมองในสิ่งที่ฉันมองอยู่ด้วย มันลากฉันกับคนอื่นๆออกมาจากงานคอนเสิร์ตทันที



    ภาพที่ฉันเห็นเมื่อกี้มันบาดตามากเลย น้ำตาของฉันกำลังจะไหลลงมาอีกแล้ว ฉันไม่เคยเสียน้ำตาให้ผู้ชายคนไหนมากเท่ามีน มีนเป็นคนแรกที่ทำให้ฉันหวั่นไหวได้มากอย่างนี้ แล้วทั้งๆที่ฉันรักมีนขนาดนี้ แต่ทำไมมีนยังเลือกแก้วล่ะ แม้ว่ามีนจะไม่ได้พูดออกมาตรงๆก็เถอะว่าเลือกแก้ว แต่สิ่งที่ทำมันแสดงให้เห็นขนาดนี้ ฉันก็คงไม่ต้องการคำอธิบายอะไรอีกแล้ว



    ฉันสะบัดมือออกจากยัยบิวที่กำลังพาฉันเดินไปฝั่งตรงข้ามกับสองคนนั่น ฉันเดินกลับไป แล้วเดินผ่านหน้าทั้งสองคนนั่นช้าๆ มองดูด้วยหางตา มีนเงียบไปทันที ส่วนแก้วก็ทำหน้าเหมือนไม่พอใจ



    แล้วฉันก็เดินตรงขึ้นห้องเรียนทันที



    จนเลิกเรียน ฉันก็กำลังจะไปหาพวกยัยบิว แต่มีเด็กม.1คนนึง เดินเอากระดาษมาให้ฉัน พลางบอกแค่ว่ามีคนฝากมาถึงฉัน

    ฉันแกะมันออกอ่านทันที ข้อความทีได้คือ  --อย่ามายุ่งกับมีนอีก ถ้ามีปัญหาก็เจอกันได้ที่ห้องฉันตอนนี้ ฉันรออยู่ เอาพวกบิวมาด้วยก็ได้—

    ไม่ต้องสงสัยเลยว่าเป็นใคร อีนังแก้วคนเดียวแน่นอน เท่านี้ยังไม่พอใจอีกเหรอ แกได้มีนไปแล้วนะ จะเอาอะไรอีก แต่เป็นยังงี้ก็ดีแล้ว ฉันล่ะอยากจะมีเรื่องกับอีนี่มากเลยล่ะ นึกว่าฉันไม่กล้ารึไง รู้จักฉันน้อยไปซะแล้ว



    ฉันกำจดหมายนั้นแน่น แล้วเดินไปหาพวกยัยบิวทันที พอส่งให้พวกนั้นอ่าน ไม่ต้องอธิบายเลยว่ายัยบิวทำหน้ายังไง แต่สิ่งที่รู้กันก็คือทุกคนเดินตรงไปที่ห้องของแก้วโดยที่ฉันยังไม่ได้พูดอะไรสักคำ



    สมกับเป็นเพื่อนกันจริงๆ คิดเหมือนฉันเด๊ะเลย



    “มาแล้วเหรอ” เสียงแก้วดังขึ้น ฉันล่ะเกลียดเสียงนี้จริงๆ เกลียดทุกอย่างของยัยนี่ แม้ว่าครั้งนึงเราเคยรู้จักกันก็ตามทีเถอะ



    “แล้วนึกว่าไม่กล้าเหรอไง -_-^^~” ยัยบิวตอบ

    ตอนนี้ยัยแก้วอยู๋คนเดียวในห้อง มีพวกฉันเก้าคนยืนล้อมอยู่



    “ฉันไม่ได้มีเรื่องกับเธอ ฉะนั้นถอยไป อย่ามายุ่งจะดีกว่า”



    “แกต้องการอะไรจากฉัน” ฉันถามขึ้น



    “ถามตรงจุดดีนี่ งั้นฉันไม่อ้อมค้อมล่ะนะ เธออย่ามายุ่งกับมีน อย่ามองมีน อย่าเข้าใกล้มีน ห้ามทำอะไรเกี่ยวกับมีนทั้งนั้น เพราะมีนเป็นของฉัน”



    “เธอบ้าไปแล้ว” ฉันพูดด้วยเสียงเรียบๆ “มีนเป็นคนนะ เธฮไม่มีสิทธิ์ที่จะหวงเขาขนาดนั้น ชีวิตเป็นของเขา ไม่ใช่ของเธอ จำไว้ด้วย”



    “แต่ฉันสั่งเธอ แล้วเธอก็ต้องทำด้วย”



    “ฉันไม่จำเป็นที่จะต้องฟังเธอ ไปกลับเถอะ” ฉันพูด ท้ายประโยคหันไปพูดกับพวกยัยบิว



    “คิดว่าจะไปง่ายๆงั้นเหรอ เรื่องของเรายังไม่จบซะหน่อย”



    “แล้วจะเอาอะไรอีกเหอะ ไม่มีอะไรต้องพูดกันอีกแล้ว” ฉันเริ่มเสียงดังขึ้น



    แล้วในเสี้ยววินาทีนั้นเอง แก้วฟาดมือเข้ามาที่หน้าฉันทันที



    “นี่สำหรับการที่ไม่ฟังคำสั่งฉัน”



    ฉันเอามือไปจับแก้มที่ถูกอีนี่ตบ มันแสบไปหมดเลย



    ไอ้บ้า แกมีสิทธิ์อะไรที่จะตบฉัน -_-^^



    ฉันหันไปตบคืนทันที แก้วเซไปหลายก้าวก่อนจะล้มลง พวกยัยบิวก็ไม่มีใครห้ามฉัน แต่ก็ไม่มีใครช่วยฉันอีกเหมือนกัน เพราะเหตุผลก็รู้ๆกันอยู่ กลุ่มฉันไม่ชอบการใช้หมาหมู่หรอก



    ยัยแก้วลุกขึ้นมาได้ และฟาดมือมาทางฉันอีก แต่ฉันปัดมือแล้วตบสวนกลับไปได้ ยัยแก้วล้มลงอีกรอบ ก่อนจะเริ่มร้องไห้



    โธ่ อ่อนอะไรขนาดนี้ ถูกตบสองทีร้องไห้ ทั้งๆที่เป็นคนท้าฉันแท้ๆ ให้ตายเถอะน่า



    ฉันมองแก้วอย่างสมเพช พวกยัยบิวก็เหมือนกัน แล้วพวกเราก็เดินออกมาจากห้องนั้นทันที



    นับตั้งแต่วันนั้นเป็นต้นมา แก้วก็ไม่มายุ่งกับฉันอีก มีนก็เหมือนกัน แม้ว่าเราจะเดินสวนกันบ่อยครั้ง แต่ก็จะทำเหมือนไม่เห็นกันและกัน แล้วฉันยังได้ข่าวมาอีกว่ามีนไม่ยุ่งกับแก้วแล้ว แต่เพราะอะไรฉันเองก็ไม่รู้หรอก และยังมีคนบอกเพิ่มมาอีกว่าแก้วโดนพี่ม.5 ซ้อมจนเกือบตาย เพราะไปท้าตบพี่เขาไว้



    น่าสมเพชจริงๆ

      

    และแม้ว่าหลายๆอย่างจะเปลี่ยนไป แต่สิ่งที่ไม่เปลี่ยนเลยคือความรู้สึกของฉันที่มีต่อมีน ฉันยังกล้ายอมรับว่ายังรักมีนอยู่ แม้ว่าไม่ได้รักเท่าเมื่อก่อนแล้วก็ตาม แต่ฉันยังรู้สึกดีๆกับมีน ยังห่วงมีน ฉันแน่ใจว่าจะเป็นอย่างนี้ตลอดไปแม้ว่าฉันจะมีคนอื่นก็ตาม และมีนยังคงเป็นส่วนนึงของหัวใจฉันตลอดไปไม่เปลี่ยนแปลง



    จะรักมีนตลอดไปนะ

    โอ๋
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×