ลำดับตอนที่ #2
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #2 : Part 1 พี่เลี้ยง...ปาร์ค
Writer : GroupBee @ TVXQTIME
Couple: YooSu [YunJae,MinRic]
Genre : Romantic Comade
Part
1 พี่เลี้ยง...ปาร์ค
รถสีประตูพร้อมห้องโดยสารขนาดกว้างมีไว้รองรับโดยเฉพาะให้กับคุณหนูคิม จุนซูเพียงผู้เดียวได้ขับเคลื่อนเข้ามาในคฤหาสน์หลังใหญ่โตจะเรียกว่าราชวังก็คงไม่ผิดแปลกอะไร เหล่าแม่บ้านและสาวใช้ต่างวิ่งกันมาต้อนรับและขนสัมภาระต่างๆเข้าบ้าน ร่างเล็กเดินลงมาจากรถด้วยอารมณ์ที่ข่นมัวพร้อมกับเดินเข้าไปยังตัวบ้านชั้นล่างที่ปูด้วยพรมสีแดงทอดยาวไปยังห้องโถงใหญ่ที่มีผู้เป็นบิดานั่งรอลูกชายหัวแก้วหัวแหวนของตนอยู่พักใหญ่ๆแล้ว
“กลับมาแล้วหรอจุนซู?”เสียงของชายวัยกลางคนพูดขึ้นเมื่อเห็นจุนซูเดินเข้ามาพร้อมกับใบหน้าที่บูดบึ้ง
“ฮะ...คุณป๊า”พูดอย่างเหนื่อยหน่ายพร้อมกับทิ้งตัวลงนั้งข้างๆบิดาของตนเอง
“แล้วนี่เป็นอะไรทำไมของป๊าถึงดูไม่ร่าเริงเอาซะเลยล่ะของลูกคุณป๊าไม่ใช่คนแบบนี้สักหน่อยนี่...หืม”
“ก็จุนซูหงุดหงิดนี่ฮะ”
“หงุดหงิด...หงุดหงิดเรื่องอะไรจุนซู”
“ก็วันนี้จุนซูไปซื้อของกับแจจุงที่ห้างของคุณอาเพื่อนคุณป๊านั่นแหล่ะฮะ แต่กลับไปเจอใครก็ไม่รู้มาเดินชนแถมแฟนเขานะก็ยังมาว่าจุนซูอีก พูดจาก็ไม่เข้าหูเอาซะเลย...แล้วทีนี้จุนซูก็ยอมไม่ได้ฮะจุนซูก็เลยไปทะ...”
“ไปทะเลาะกับเขาอย่างนั้นใช่มั้ย?”เพราะด้วยความที่รู้นิสัยของลูกตัวเองดีมันก็คงไม่แปลกนักที่คิม มินจุนจะคาดเดาเหตุการณ์ได้ถูกคนเป็นลูกก็เลยได้แต่พยักหน้ารับแทนคำตอบ
“จุนซู...ป๊าบอกแล้วใช่มั้ยว่าอย่าไปทะเลาะกับใครเขามันไม่เป็นผลดีต่อใครเลยลูกก็รู้ อะไรที่พอจะให้อภัยกันได้ลูกก็น่าจะทำแล้วอีกอย่างห้างที่ลูกไปก็เป็นห้างของคู่หมั่นลูกนะจุนซู...อย่าไปทำอะไรที่มันหน้าอายแบบนั้นอีกนะป๊าขอสั่งเลย...ห้ามเด็ดขาด”
“คุณป๊าอ่า...ก็ได้ฮะแค่ที่นั่นที่เดียวใช่มั้ยฮะ...คริคริ”น้ำเสียงขี้เล่นของจุนซูไม่ได้ทำให้ผู้เป็นพ่อยิ้มตามได้เหมือนครั้งก่อนๆ อีกไม่นานจุนซูก็ต้องมีคู่หมั่นและก็แต่งงานในที่สุดขืนยังทำตัวเป็นเด็กเอาแต่ใจแบบนี้แล้วเมื่อไหร่จะโตกันล่ะ
“จุนซู...นี่ป๊าไม่ได้พูดเล่นเลยนะ แล้วถ้าเรื่องที่ลูกไปทะเละไรนั่นมันเกิดไปเข้าหูผู้ใหญ่ทางนั้นเข้ามันจะดูไม่ดีกับลูกนะ”
“ช่างเขาสิฮะ...จุนซูไม่แคร์เพราะจุนซูก้ไม่ได้อยากจะหมั่นหรืออยากแต่งงานกับคนตระกลูนั้นอยู่แล้วต่อให้คุณป๊าจะทำยังไง จะบังคับจุนซูยังไงจุนซูก็ไม่มีทางยอมเด็ดขาดเพราะขาดเพราะจุนซูไม่ได้รักเขา”
“แต่ลูกยังไม่เคยเห็นเขาเลยนะทำไมถึงรีบพูดตัดสินอะไรไปก่อนแบบนี้ล่ะ”มินจุนถึงกับกุมขมับกับปัญหาที่ยาวเป็นลูกโซ่เรื่องนี้ไม่ว่าจะทำยังไงจุนซูก็ไม่มีทางยอมสินะ...
“คุณป๊าฮะจุนซูว่าเราพูดเรื่องนี้กันมามากแล้วนะฮะแล้วคุณป๊าก็น่าจะรู้ดีที่สุดด้วยว่าถ้าคุณป๊ายังบังคับจุนซูแบบนี้อยู่บ่อยๆ...แล้วถ้าจุนซูเกิดเบื่อแล้วหนีออกจากบ้านขึ้นมาอย่ามาว่าจุนซูไม่เตือนไม่ได้นะฮะ...คุณป๊า”กดเสียงให้ต่ำเน้นย้ำให้แน่ชัดว่าไม่ว่าจะยังไงเจ้าตัวก็จะไม่มีทางยอมเด็ดขาด คำขู่ของจุนซูทำให้ผู้เป็นพ่อต้องรีบล้มเลิกคำพูดต่างๆนานๆที่ตั้งใจจะยกมาเกลี้ยกล่อมลูกชายหัวดื้ออย่างคิม จุนซูและครั้งนี้ก็เป็นอีกครั้งที่เขาทำไม่สำเร็จ
“จุนซูลูกห้ามพูกแบบนี้อีกนะ...ก็ได้ป๊าจะไม่บังคับลูกแล้วก็ได้ถ้าลูกไม่ต้องการแบบนั้นป๊าก็คงต้องปล่อยให้มันเป็นไปตามความต้องการของลูก”เสียงที่ดูสิ้นหวังของมินจุนไม่ได้เข้าไปอยู่ในโสตประสาทของคิม จุนซูเลยแม้แต่น้อย
“คุณป๊าฮะจุนซูว่าเราพูดเรื่องนี้กันมามากแล้วนะฮะแล้วคุณป๊าก็น่าจะรู้ดีที่สุดด้วยว่าถ้าคุณป๊ายังบังคับจุนซูแบบนี้อยู่บ่อยๆ...แล้วถ้าจุนซูเกิดเบื่อแล้วหนีออกจากบ้านขึ้นมาอย่ามาว่าจุนซูไม่เตือนไม่ได้นะฮะ...คุณป๊า”กดเสียงให้ต่ำเน้นย้ำให้แน่ชัดว่าไม่ว่าจะยังไงเจ้าตัวก็จะไม่มีทางยอมเด็ดขาด คำขู่ของจุนซูทำให้ผู้เป็นพ่อต้องรีบล้มเลิกคำพูดต่างๆนานๆที่ตั้งใจจะยกมาเกลี้ยกล่อมลูกชายหัวดื้ออย่างคิม จุนซูและครั้งนี้ก็เป็นอีกครั้งที่เขาทำไม่สำเร็จ
“จุนซูลูกห้ามพูกแบบนี้อีกนะ...ก็ได้ป๊าจะไม่บังคับลูกแล้วก็ได้ถ้าลูกไม่ต้องการแบบนั้นป๊าก็คงต้องปล่อยให้มันเป็นไปตามความต้องการของลูก”เสียงที่ดูสิ้นหวังของมินจุนไม่ได้เข้าไปอยู่ในโสตประสาทของคิม จุนซูเลยแม้แต่น้อย
“ใช่ฮะ...ปล่อยมันไปตามธรรมชาติ...ฮ่าฮา”พูดด้วยน้ำเสียงอย่างผู้ชนะร่างอวบยื่นใบหน้าเข้าไปพร้อมกับหอมแก้มคุณป๊าที่ตนแสนจะรักนักรักหนาซะฟอดใหญ่จากนั้นก็เดินร้องเพลงขึ้นไปยังห้องนอนข้างบนอย่างอารมณ์ดี มันก็แน่อยู่แล้วไม่มีใครกล้าขัดใจจุนซูคนนี้เลยสักคนแม้กระทั่งคุณป๊าของจุนซูเองก็ตาม เมื่อจุนซูเดินขึ้นไปยังห้องของตนเองเป็นที่เรียบร้อยแล้วคนเป็นพ่อก็ถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่พร้อมกับหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาต่อสายถึงใครบางคน...ถึงใครบางคน
~ก๊อก ก๊อก ก๊อก~
“คุยกับใครอยู่หรอฮะพี่มิค...ม๊าเรียกไปทานข้าวแล้ว”เสียงหวานของยูฮวานที่วิ่งขึ้นมาตามพี่ชายสุดที่รักด้วยตัวเองเอ่ยขึ้น
“อืม...พี่ขอคุยธุระอีกแป๊ปนะ”
“ฮะ”รับคำเสร็จก็ปิดประตูให้พี่ชายตามเดิม
“ครับ...ผมเข้าใจแล้วครับแล้วคุณอา”เมื่อการสนทนาทางโทรศัพท์จบลงฝ่ามือหนากดตัดสายร่างสูงลงมายังชั้นล่างที่ตอนนี้มีอาหารชั้นเลิศจากฝีมือของผู้เป็นแม่ได้จัดเตรียมไว้ให้เรียบร้อยแล้วเหลือเพียงแต่เจ้าตัวเท่านั้นแหล่ะที่จะลงมาทาน
“มาแล้วหรอลูก...ยูชอน”
“ครับม๊า”
“ริคหิวแล้วนะ”ฟังจากน้ำเสียงของปาร์คคนน้องแล้วก็คงจะหิวจริงๆสินะ
“อ่า...พี่ขอโทษ”
“อ่า...พี่ขอโทษ”
“อ่า...ไม่เป็นไรฮะงั้นผมทานเลยนะฮะ”ว่าจบก็รีบจัดการกับอาหารตรงหน้าอย่างรวดเร็วบรรยากาศที่โต๊ะอาหารของตระกลูปาร์คช่างดูอบอุ่นซะเหลือเกิน เมื่อทานอาหารกันเสร็จแล้วทุกคนก็ย้ายกันมานั่งที่ห้องนั่งเล่น
“ป๊า ม๊าผมมีเรื่องจะคุยด้วยฮะ”เสียงทุ่มเอ่ยขึ้นด้วยใบหน้าที่เรียบเฉย
“ป๊า ม๊าผมมีเรื่องจะคุยด้วยฮะ”เสียงทุ่มเอ่ยขึ้นด้วยใบหน้าที่เรียบเฉย
“มีอะรหรอลูก”
“คืออย่างนี้ฮะป๊าพอดีว่าคคุณอาคิมต้องไปธุระที่ต่างประเทศและก็ยังไม่มีกำหนดว่าจะกลับเมื่อไหร่...คุณอาก็เลยมาขอร้องให้ผมไปอยู่เป็นเพื่อนจุนซูลูกของคุณอาน่ะฮะ”จะบอกไปตรงๆว่าจะไปดัดนิสัยเด็กขี้เอาตาใจก็จะดูกะไรอยู่พูดแบบนี้มันคงจะดูสวยงามกว่าเยอะเลยแต่จะว่าไปจุนซูกับเขาก็ไม่ได้เจอกันมาตั้งนานแล้วนานมากแล้วจริงๆ
“อืม...แล้วลูกว่ายังไงล่ะยูชอน”
“ก็...ครับคุณอาเป็นห่วงจุนซูมากน่ะฮะผมก็เลยรับปากว่าจะไปอยู่เป็นเพื่อน”
“อืม...แล้วลูกว่ายังไงล่ะยูชอน”
“ก็...ครับคุณอาเป็นห่วงจุนซูมากน่ะฮะผมก็เลยรับปากว่าจะไปอยู่เป็นเพื่อน”
“ดีแล้วล่ะยูชอนเพราะยังไงแล้วลูกกับจุนซูก็ต้องหมั่นกันอยู่ดีไปทำความรู้จักคุ้นเคยกันไว้แต่เนิ่นๆเวลาหมั่นกันแล้วจะได้ไม่เขินกันไงลูก”ปาร์ค นามีออกความเห็น
ผู้เป็นแม่ออกจะโล่งใจกับการที่ยูชอนไม่ได้ปฏิเสธหรือมีท่าทีไม่อยากจะคบกับหนูคิมจุนซูเพราะเขาเองก็ไม่สามารถเดาใจลูกชายคนนี้ได้ว่ายูชอนกำลังคิดหรือทำอะไรอยู่ ยูชอนลูกของเขาเป็นคนที่คาดเดาได้ยากไม่เพียงแต่จะคาดเดาอะไรไม่ได้แล้วก็ยังคงต้องรอเจ้าตัวพูดออกมาเองมากกว่าว่าชอบหรือไม่ชอบอะไร ต้องการหรือไม่ต้องการอะไรแต่ทำไมเรื่องนี้ยูชอนดูจะพูดง่ายแถมยังไม่คิดจะขัดอะไรเขาสักนิดคงจะปลงกับเรื่องแบบนี้แล้วล่ะมั้ง...เฮ้ย ลูกชายของเขาก็ออกจะหล่อ นี่ม๊าไม่ได้เข้าข้างตาลูกชายนะคะคุณผู้อ่านแต่ลูกชายของม๊าหน้าตาดีจริงๆนี่นา แต่ไอ้นิสัยเย็นชาจนคนที่อยู่ใกล้แทบจะกลายเป็นน้ำแข็งนี่สิมันหน้าหนักใจพรานให้ลูกของม๊าไม่มีแฟนไปซะอย่างนั้นก็ใครจะไปทนได้ล่ะจริงมั้ยรอยยิ้มของไอ้เจ้าลูกชายม๊ายังแทบจะไม่เคยได้เห็น ไม่สิๆม๊าไม่เคยจะได้เห็นเลยค่ะคุณผู้อ่านและม๊าก็หวังว่าการที่เจ้าลูกชายหัวแก้วหัวแหวนคนนี้จะย้ายไปอยู่กับหนูจุนซูมันคงจะพอที่จะทำให้ยูชอนลูกของม๊ากลายมาเป็นคนที่ร่าเริงได้บ้างนะคะ...เฮ้ย
“ฮือ...อย่างนี้ริคก็เหงาแย่เลยสิฮะ”น้องชายคนเล็กทำท่าทางออดอ้อนพี่ชายคนโต
“จะเหงาอะไรนายก็มีป๊ากับม๊าอยู่เป็นเพื่อนแล้วไง”มือหนาเอื้อมไปขยี้ผมนุ่มนิ่มของยูฮวานจนยุ่งไม่เป็นทรงแต่คนตัวเล็กหาได้สนใจไม่
“โถ่พี่มิค...มันไม่เหมือนกันนะฮะให้ริคแวะไปหาพี่ได้รึป่าวฮะ?”
“อืม...เอาไว้ให้อะไรมันลงตัวก่อนก็แล้วกันนะ”
“ก็ได้ฮะ”บทสนทนาของสองพี่น้องทำให้ผู้เป็นพ่อและแม่อดที่จะยิ้มกับการหยอกล้อกันเล่นนั้นไม่ได้ ถึงสองคนนี้จะดูรักกันดีแต่ก็ไม่ได้หมายความว่าจะสองพี่น้องจะไม่ทะเลาะกันเลยซะเมื่อไหร่ ยูชอนก็เป็นเจ้าแห่งการขี้แกล้งขี้แหย่ส่วน
ยูฮวานก็เป็นเจ้าแห่งการขี้โวยวายขี้ฟ้องแล้วทีนี้พอคนพี่ขี้แกล้งไม่อยู่คนน้องจอมโวยวายก็จะคงเหงาหูไปอีกนานเลย
“ก็ดีแล้วไง...เราจะได้ไม่ต้องมาฟ้องม๊าว่าพี่ชอบมาแกล้งน่ะ”
“แต่ม๊าฮะยังไงเราก็เป็นพี่น้องกันนะครับ”
“ก็ดีแล้วไง...เราจะได้ไม่ต้องมาฟ้องม๊าว่าพี่ชอบมาแกล้งน่ะ”
“แต่ม๊าฮะยังไงเราก็เป็นพี่น้องกันนะครับ”
“แต่ป๊าว่ายูฮวานคงไม่เหงาแล้วล่ะมั้งลูก”สายตาของผู้เป็นพ่อมองไปยังตำแหน่งของแขกผู้มาใหม่ ‘ชิม ชางมิน’
“อ๊ะ...ชางมินเจ้าเป็ดน้อยนายมาได้ยังไงไหนบอกว่าไม่ว่างไง”น้ำเสียงหวานแสดงความดีใจออกมาอย่างปิดไม่มิด
“สวัสดีครับคุณลุงคุณป้า...พี่...พี่ยูชอน”ร่างสูงโปร่งผิวสีน้ำผึ้งของชางมินเดินเข้ามาพร้อมกับกับการกล่าวทักทายผู้ใหญ่ในบ้านและที่ชางมินดูจะเกร็งและกลัวมากที่สุด...พี่ยูชอน
“นั่งก่อนสิลูก”ร่างโปร่งนั่งลงข้างๆยูฮวาน
“ก็ดีแล้วไม่ใช่หรอไงริคกี้นายจะได้มีเพื่อนตอนที่พี่ไม่อยู่น่ะ...หนิ!ชางมินนั่งให้มันห่างๆน้องชายชั้นหน่อยก็ได้ที่ออกจะกว้างไม่เห็นจะต้องนั่งชิดติดกันขนาดนี้เลย”การกระทำของชางมินที่ไม่ได้ตั้งใจจะไปกวนโทสะของยูชอนแต่คนเป็นพี่ก็อดที่จะหวงน้องชายสุดที่รักไม่ได้อยู่ดี
“อ่าพี่มิค...ริคกับชางมินก็นั่งติดกันแบบนี้ออกจะบ่อยไม่ต้องทำมาเป็นหวงผมเลยนะตัวเองนั่นแหล่ะจะไปไหนก็ไปเลยนะ”
“นี่...มะกี้นายยังอ้อนชั้นอยู่เลย...พอมีเพื่อนแล้วทำแบบนี้หรอปาร์ค ยูฮวาน!”
“ฮ่า..ไม่รู้ไม่ชี้”
“ชริ...ไปก็ได้ป๊า ม๊าผมไปแล้วนะฮะ”
“แล้วลูกเตรียมของแล้วหรอเดี๋ยวหม่าม๊าให้คนไปจัดกระเป๋าให้ลูกก่อนดีกว่า”
“ไม่เป็นไรครับผมจัดเสร็จเรียบร้อยแล้วผมขอตัวไปเอาของลงมาก่อนแล้วกัน”เพียงไม่นานยูชอนก็ลงมาพร้อมกับกระเป๋าสัมภาระที่จำเป็นก่อนจะหันไปกล่าวลาคุณปาร์คและคุณนายปาร์ค
“ไว้ผมจะโทรหานะครับ”ต่อจากนั้นก็หันกลับไปหาน้องชายตัวแสบ
“พี่ไปก่อนนะไอ้เด็กดื้อ”
“อ้า...พี่มิคมาว่าริคดื้อหรอ...ชริ”สะบัดใบหน้าขาวๆหันหนีไปอีกทาง
“โชคดีนะลูก”
“คร้าบ...ผมแค่ไปอยู่เป็นเพื่อนจุนซูนะฮะไม่ได้ไปรบสักหน่อย”
“เรานี่...”ร่างสูงลากกระเป๋ากำลังจะเดินออกไปแต่ก็จะได้เดนออกไปจริงๆก็ไม่ลืมที่จะหันกลับมากำชับกับชางมิน
“ระหว่างที่ชั้นไม่อยู่บ้านนายอย่างแม้แต่จะคิดที่จะทำอะไรน้องชายชั้นเด็ดขาดเลยนะชิม ชางมิน”สายตาที่ฉายแววเอาจริงของยูชอนอดที่จะทำให้คนที่ถูกเรียกชื่อนั้นเสียวสันหลังไม่ได้ ใบหน้าอันหล่อเหลาของชางมินพยักรับรู้กับคำพูดกึ่งคำขู่ของยูชอนก่อนที่เจ้าของคำสั่งจะออกเดินยังรถคู่ใจที่จอดรออยู่ที่หน้าบ้านแล้ว จุดหมายของยูชอนก็คือ
‘ คฤหาสน์ตระกลูคิม’
“ชางมินพี่เขาก็แค่พูดเล่นอย่าคิดมากเลยนะลูก”
“ครับคุณป้าผมรู้ฮะว่าพี่ยูชอนทั้งรักและก็เป็นห่วงริคกี้มากพอๆกับคุณลุงคุณป้านั่นแหล่ะฮะ”ประโยคที่พูดออกมาของชางมินล้วนแต่เป็นความจริงทั้งนั้นเขาไม่ได้แสแสร้งหรือพูดที่จะเอาใจใครทำให้คุณป๊าและคุณม๊าอดไม่ได้ที่จะเอ็นดูชางมินผู้ใสซื่อ>//<
“เข้าใจแบบนี้ก็ดีแล้วล่ะเดน้อย...เพราะต่อไปนายก็ต้องมาเป็นมาเป็นลูกเขยตระกลูนี้อยู่ดี...ฮ่า”คำพูดทีเล่นทีจริงของ
ยูฮวานทำให้ป๊าและม๊าที่นั่งฟังอยู่ถึงกับตกใจในคำพูดองลูกชายตัวเอง
“นี่คุณลูกรัก...ดูเราจะไวไฟไปรึป่าวเนี่ย...หื้ม!”
“ม๊าอ่า...ผมแค่ล้อเล่นนะฮะใช่มั้ยชางมิน”หันไปถามคนข้างๆที่ตอนนี้นั่งหน้าแดงเป็นลูกตำลึงสุกไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
“ดูสิ...ทำเอาชางมินของป๊าอายจนตัวจะม้วนได้อยู่แล้วเจ้าลูกชายคนนี้นี่...แล้วนี่ทานอะไรมารึยังเดี๋ยวป๊าให้คนเอาขนมมาให้ดีกว่านะ”
“เอ่อ...ครับขอบคุณครับ”ถึงแม้ว่าจะเขินอยู่ไม่น้อยแต่ชางมินก็หูพึ่งได้ทุกทีที่ได้ยินคำว่าขนม- -+ สองหญิงชายวัยกลางคนก็เดินออกไปปล่อยให้ลูกชายคนเล็กและชางมินได้นั่งเล่นพูดคุยกันตามภาษาวัยรุ่นเขาทั้งสองไม่อยากจะไปเป็นก้างขวางคอคู่มินริคเท่าไหร่นักหรอก
.
.
.
~ คฤหาสน์ตระกลูคิม ~
เสียงร้องโวยวายเอ็ดตะโลของจุนซูที่ถูกขัดใจนั้นทำให้เล่าแม่นม แม่บ้าน สาวใช้ไม่เว้นแม้กระทั่งคุณลุงคนขับรถแถมยังรวมไปถึงคนงานทำสวนวิ่งกันให้วุ่นเพราะร่างเล็กเอาแต่ร้องไห้ปาข้าวของไปทั่วเมื่อจุนซูกลับมาแล้วพบว่าผู้เป็นบิดาของตนได้บินไปต่างประเทศโดยที่ไม่บอกคนเป็นลูกอย่างเขาสักคำ ถามคุณแม่นมก็ตอบแต่ว่ามันเป็นธุระที่กะทันหันจริงๆ คุณป๊านะคุณป๊าถึงแม้ว่ามันจะกะทันหันก็จริงแต่ก็น่าจะโทรบอกจุนซูสักนิดแต่ป๊าของเขาก็คงจะรู้ทันอยู่ดีว่าถ้าขืนบอกก่อนล่ะก็จุนซูคนนี้ก็คงจะต้องปล่อยลูกอ้อนที่ยังไงคุณป๊าเห็นแล้วก็ต้องใจอ่อนและเปลี่ยนใจไม่บินไปต่างประเทศ หึ คุณป๊าเลยไปโดยไม่บอกจุนซูใช่มั้ยล่ะ? ทิ้งเอาไว้แค่จดหมายฉบับเล็กๆนี่มันยุคไหนแล้วฮะคุณป๊า! แต่ที่ทำให้จุนซูไม่พอใจมากกว่าที่เป็นอยู่ก็คือในลายลักษณ์อักษรที่ได้เขียนบอกไว้น่ะสิ คุณป๊าบอกว่าจะไปทำงานที่ต่างประเทศสักพัก เรื่องคู่หมั่นถ้าตัวเขาไม่ตกลงคุณป๊าก็จะไม่บังคับอะไรอีกแล้วแต่ระหว่างที่คุณป๊าไม่อยู่จะมีพี่เลี้ยงมาคอยดูแลจุนซูอย่างใกล้ชิดและพี่เลี้ยงคนนี้ก็จะมีอำนาจในการออกคำสั่งเท่าเทียมกับคุณป๊าอีกด้วย แทนที่จะเป็นตัวเขาแต่กับกลายมาเป็นพี่เลี้ยงอย่างนั้นหรอ? เป็นแค่พี่เลี้ยงแต่ทำไมถึงได้ดูใหญ่โตนักนะแค่คิดมันก็น่าหมั่นไส้แล้ว จุนซูมีคุณแม่นมคอยดูแลอยู่แล้วทำไมต้องมีพี่เลี้ยงมาคอยดูและอีกล่ะ กลับมาก่อนเถอะคุณป๊าจุนซูจะอาละวาดให้บ้านแตกเลย (แปะ แปะ แปะ) เมื่อไม่ได้อย่างใจและจุนซูเองก็รู้สึกหมดแรงกับการอาละวาดเมื่อครู่แล้วคนตัวเล็กก็เดินร้องไห้ขึ้นไปยังชั้นบนพร้อมกับปิดประตูซะเสียงดังลั่น(กลัวคนเค้าไม่รู้หรือไงว่าเทอปิดประตูน่ะ- -+) เวลาผ่านไปชั่วโมงแล้วชั่วโมงเล่าก็ไม่มีแววว่าจุนซูจะยอมย่างก้าวออกมาจากห้องเลยสักนิด คุณแม่นมก็อดที่จะเป็นห่วงไม่ได้หญิงชราค่อยๆเอาหูแนบกับประตูพร้อมกับเปล่งวาจาเกลี่ยกล่อมคุณผู้เอาแต่ใจให้ออกมาทานอาหารบ้างอะไรบ้างแต่ผลสุดท้ายคุณแม่นมก็ต้องเป็นฝ่ายยอมแพ้ไปซะเอง
~ ปรี๊น ~
เสียงแตรรถที่น้าประตูใหญ่ดังขึ้นเรียกให้เล่าคนดูแลกูรีกูจอวิ่งมาเปิด รถสปอรต์ออดี้สีดำขับเคลื่อนเข้ามายังลานน้ำพุและจอดลงยังหน้าคฤหาสน์หลังของตระกลูคิมพอดิบพอดี เรียวขายาวก้าวลงจากรถพร้อมกับร่างอันสูงโปร่งของตนเอง แม่บ้านประจำตระกลูเดินออกมาต้อนรับพร้อมกับช่วยยกของ
“สวัสดีค่ะคุณยูชอน มาค่ะเดี๋ยวดิชั้นช่วยยกค่ะ”
“เอ่อ...ไม่เป็นไรครับผมยกเองดีกว่า”
“แต่ว่า...”
“ไม่เป็นไรจริงๆครับ”
“งั้นเชิญคุณยูชอนเข้ามาก่อนค่ะเดี๋ยวดิฉันไปเอาน้ำมาเสริฟให้ คุณยูชอนรอคุณแม่นมสักครู่นะคะ”
“ครับ”รอเพียงไม่นานหญิงชราก็เดินเข้ามา
“สวัสดีคุณยูชอนคุณคือพี่เลี้ยงที่จะมาดูแลคุณหนูใช่มั้ยคะ”
“ครับ”
“คือว่า...พอคุณหนูรู้ว่าคุณคิม มินจุนไปต่างประเทศแล้วจะมีพี่เลี้ยงก็คือคุณมาดูแลแทนคุณหนูก็เลยอาละวาดตอนนี้นอนร้องไห้อยู่บนห้องน่ะค่ะ”คุณแม่นมพูดด้วยสีหน้าที่เป็นกังวลทำให้ว่าที่คู่หมั่นที่ตอนนี้ขอย้ายและเปลี่ยนฐานะมาเป็นพี่เลี้ยงชั่วคราวเพราะคำขอร้องของคุณอามินจุนอดที่จะสงสารคุณแม่นมไม่ได้เลยต้องเอ่ยปากอาสาจะไปช่วยพูดกับคุณหนูคิมให้แทน
“ไม่ต้องกังวลนะครับเดี๋ยวผมจะไปพูดให้เอง”
“ขอบคุณนะคะ...ห้องของคุณหนูอยู่ด้านซ้ายมือริมสุดค่ะ”เมื่อรู้ที่อยู่แล้วร่างโปร่งก็เดินขึ้นไปยังชั้นบนเลี้ยงซ้ายตามที่คุณแม่นมบอกและหยุดลงที่หน้าห้องของจุนซูที่มีป้ายชื่อประดับด้วยตัวอักษรสีฟ้าและปลาโลมาตัวเล็กติดเอียงอยู่ข้างๆ เสียงสะอื้นไห้บางๆของร่างเล็กรอยเข้าสู่ห้วงประสาตของยูชอนชายหนุ่มๆไม่รอช้าฝ่ามือหนายกขึ้นเคาะประตูตามมารยาทรออยู่สักพักแต่ก็ไม่มีเสียงตอบรับจากคนข้างใน
“ถ้าคุณไม่เปิดประตูผมจะเข้าไปแล้วนะครับ”ฝ่ามือหนาเอื้อมไปบิดลูกบิดแต่ก็ไม่สามารถเปิดเข้าไปได้เพราะมันล็อคจากข้างในแต่คุณอาได้ให้กุญแจสำรองไว้กับเขาแล้วยูชอนหยิบกุญแจขึ้นมาปลดล็อคและมาไม่รอช้าที่จะเข้าไป ร่างเล็กไม่ได้เอะใจกับผู้มาเยือนจุนซูยังคงซบหน้าลงกับหมอนนุ่มร่างโปร่งเดินเข้ามาหยุดตรงปลายเตียง ห้องนอนของจุนซูตกแต่งด้วยโทนสีฟ้าอ่อนดูสบายตาเตียงขนาดคิงไซร์ถูกจับจองพื้นที่ด้วยจำนวนตุ๊กตาตัวเล็กใหญ่ พลันคำพูดของคุณอาคิม มินจุนก็รอยเข้ามาในหู ‘อาไม่ค่อยมีเวลาให้กับจุนซุเท่าที่ควรแถมแม่ของเขาก็มาเสียไปตั้งแต่ตอนที่จุนซูยังเล็กๆจุนซูเลยกลายเป็นเด็กที่ขาดความรักถึงจะไม่มากแต่จุนซูก็กลายเป็นเด็กที่เอาแต่ใจไม่รับฟังความคิดของใคร อาอยากให้ยูชอนช่วยอาหน่อยที่อาเลือกที่จะไปต่างประเทศก็เพราะจุนซูจะได้ไม่มีตัวช่วยอากลัวว่าอาอาจจะให้อ่อนกับแก ถ้านิสัยของจุนซูเปลี่ยนไปในทางที่ดีกว่านี้สักนิดอาก็ดีใจมากแล้วและต่อจากนั้นถ้ายูชอนไม่ต้องการที่จะแต่งงานกับลูกของอา อาก็จะไม่บังคับยูชอนเลยสักนิด ตอนนี้จุนซูยังทำตัวเหมือนเด็กๆถ้าวันใดอาไม่ได้อยู่บนโลกใบนี้แล้วจุนซูจะต้องยืนด้วยตัวของเขาเอง อาฝากจุนซูไว้กับยูชอนด้วยนะ’ เมื่อจุนซูเริ่มรู้สึกถึงการจ้องมองจากใครบางคนข้างหลังศรีษะเล็กๆค่อยๆเงยขึ้นมารู้สึกไม่ชอบใจกับการที่ถูกจ้องมองแบบนี้แต่พอหันกลับไปมองแขกผู้มาเยือนทั้งจุนซูเองและยูชอนก็ต่างตกใจกับการเผชิญหน้าครั้งที่สองของกันและกัน จุนซูรีบเด้งตัวขึ้นมานั่งตัวตรงคนตัวเล็กตกใจไม่น้อยที่พบคู่กรณีมายืนอยู่ตรงปลายเตียงของเขาตอนนี้ เวลานี้ ยูชอนก็ไม่ต่างกันสักเท่าไหร่ตอนที่เจอจุนซูครั้งแรกก็รู้สึกคุ้นๆหน้าอยู่หลอกนะแต่นึกเท่าไหร่มันก็นึกไม่ออกยูชอนเคยเห็นจุนซูก็ตอนที่จุนซูยังเด็กเขาเจอกับจุนซูก่อนที่ตัวเขาจะย้ายไปเรียนที่ต่างประเทศไม่อยากจะเชื่อว่ายัยคุณหนูปากร้ายเอาแต่ใจเมื่อวันก่อนจะกลายมาเป็นว่าที่คู่หมั่นของเขาและตอนนี้ใครกันนะที่ถือไผ่เหนือกว่า...ได้เวลาดัดนิสัยแล้วล่ะคิม จุนซู เมื่อดึงสติของตนเองกลับมาได้มือบางรีบเช็ดน้ำตาก่อนจะลุกลงจากเตียงเรียวปากบางเอ่ยถามผู้บุกลุกในทันที
“นายเป็นใคร...เข้ามาที่นี่ได้ยังไง...นี่ใครอยู่ข้างล่างมาเอาตัวไอ้หัวขโมยนี่ออกไปที...ได้ยินที่ชั้นสั่งมั้ย”ตะโกนออกไปสุดเสียงแต่ก็ไม่มีวี่แววจากเหล่าแม่บ้านเลยสักนิด
“นาย...เข้า...มา...ที่...นี่..ได้ยังไง?”เน้นย้ำแต่ละคำให้คนที่ทำหน้าตากวนประสาทอย่างยูชอนเข้าใจแต่มันก็ไม่ได้ผลอยู่ดีร่างสูงทำราวกับไม่ได้ยินคำด่าว่าและใส่ร้ายนี้เลย
“ไม่ออกไปใช่มั้ย”หมุนตัวหยิบตุ๊กตามาปาใส่ยูชอนไม่หยั่งแต่ชายหนุ่มก็หลบและรับสิ่งของที่จุนซูปาใส่ตัวเขาได้ทุกทีไป เมื่อหมดแรงอาละวาดรอบที่เท่าไหร่แล้วก็ไม่รู้ของวันคนตัวเล็กทรุดลงกับพื้นและเริ่มร้องไห้อีกครั้งเมื่อสิ่งที่ตนคิดในวันนี้ไม่ได้เป็นไปอย่างใจที่ต้องการเลยสักนิดเดียวแต่ริมฝีปากอิ่มก็ยังไม่หยุดเรียกเหล่าบรรดาแม่บ้าน
“พวกคนใช้หายไปไหนกันหมดนะ...มาเอาตัวไอ้บ้านี้ออกไปที...ฮือ”
“ผมน่ะหรอเป็นไอ้บ้า?...ดูจะเป็นคุณซะมากกว่านะคุณหนูคิม จุนซู”
“นายรู้จักชื่อชั้นได้ยังไงไอ้โรคจิต”
“นายรู้จักชื่อชั้นได้ยังไงไอ้โรคจิต”
“เฮอะ!...คำก็ไอ้บ้าสองคำก็ไอ้โรคจิต...เธอมันยัยเด็กงี่เง่าเอาแต่ใจ!”คนตัวเล็กเมื่อโดนว่าแบบนี้ก็เริ่มจะอยากเอาชนะชายหนุ่มตรงหน้า นายคนนี้กล้าดียังไงมายืนด่าเขาแบบนี้มีหรอที่จุนซุจะยอมง่ายไม่มีทาง คนตัวเล็กลุกขึ้นยืนลืมความเจ็บปวดเมื่อครู่มือบางออกแรงผลักไปที่หน้าอกกว้างๆของยูชอนอย่างแรงแต่ชายหนุ่มเมื่อจะรู้ทันหักตัวหลบไว้ได้อย่างเฉียดฉิวแล้วคนที่ตั้งใจจะปองร้ายผู้อื่นอย่างจุนซูตอนนี้ก็ล้มไม่เป็นท่าลงไปกองกับพื้นซะแล้ว
“โอ้ย!”เสียงร้องที่บ่งบอกถึงความเจ็บปวดของจุนซูช่างฟังดูน่าสงสารยิ่งนักแต่สำหรับยูชอนแล้ว...ไม่เลยสักนิดเดียว‘สมน้ำหน้า’
“ผมจะบอกให้ก็ได้นะคิม จุนซู พี่เลี้ยงที่จะมาดูแลคุณก็คือผมปาร์ค ยูชอนคนนี้เอง”เมื่อสิ้นคำเฉลยของยูชอนจุนซูถึงกับพูดอะไรไม่ออกอ้าปากค้างด้วยความตกใจ พี่เลี้ยงที่คุณป๊าบอกก็คือคนที่เขาเกลียดขี้หน้ามากที่สุดนายคนนี้น่ะหรอ...ไม่มีทาง
“น้ำหน้าอย่างนายน่ะหรอจะมาเป็นพี่เลี้ยงชั้นอ่ะ ทนได้เรอะ!ที่รับงานนี้ก็เพราะเงินสินะ”คำดูถูกของจุนซูเหมือนเป็นการตบหน้ายูชอนอย่างแรง
“ก็คงงั้นมั้งคงต้องใช้เงินมาเป็นตัวล่อให้ผมมาดูแลคุณเพราะดูจากรูปการแล้วเนี่ยคงไม่มีใครเขารับงานนี้กันง่ายๆหรอถ้าไม่ใช่เพราะเงิน...ดีซะอีกนะเงินก็ดีแถมยังได้มาดัดนิสัยเสียๆของ...”
“นี่หยุดนะ!...นาย...มัยจะมากไปแล้วนะ”
“ไม่หรอกนะผมว่ากำลังดีเลยล่ะ”น้ำเสียงและสีหน้าของยูชอนยังคงเรียบเฉยไม่มีท่าทีที่จะโมโหหรือโกรธอะไรทั้งนั้นผิดกับจุนซูลิบลับคนตัวเล็กโกรธจหน้าแดงแต่ก็ไม่สามารถที่จะทำอะไรคนตรงหน้าได้เลย แต่จุนซุก็ยังไม่ล้มเลิกความคิดที่จะเอาชนะชายหนุ่มตรงหน้านี้หรอกนะ
“เอาอะไรมาวัด...แหวะ!...พี่เลี้ยงงั้นหรอมันก็แค่คนรับใช้ดีๆนี่เอง”
“แต่สำหรับผมพี้เลี้ยงก็คือพี่เลี้ยงไม่ใช่คนรับใช้!...แต่ก็นะเอาเถอะคุณจะเรียกผมหรือเห็นผมเป็นอะไรก็ได้ตามใจคุณเลยแต่สิ่งที่ผมต้องการคือ...คุณต้องทำตามที่ผมบอก...เข้าใจมั้ย!”ใบหน้าคมเลื่อนเข้าไปใกล้ใบหน้าหวานที่ติดจะแดงช้ำเพราะพึ่งผ่านการร้องไห้มาอย่างหนัก คนตัวเล็กเผลอไปสบกับดวงตามีเสน่ห์สีน้ำตาลเข้มของยูชอนเข้าเหมือนกับทุกอย่างหยุดนิ่งสองสายตาสบกันเนิ่นนาน ไม่มีใครฝ่ายไหนยอมละออกจากกันก่อน...แข่งจ้องตากันหรือไงนะ? แต่แล้วก็เป็นจุนซูที่เป็นฝ่ายยอมแพ้ไปซะเอง...ทำไมนายนี่มันค้างนานจังว่ะ? ชั้นสวยล่ะซี๊...ฮึฮึ(ก็นะ...จุนยังมีความเป็นเคะสูงอยู่ถึงจะไม่ชอบตาปาร์คสักเท่าไหร่แต่จุนเราก็อดคิดไม่ได้...เหอๆ)
“นี่...คุณเป็นอะไรรึป่าวจ้องหน้าผมอยู่ได้”ก็รู้หรอกนะว่าหน้าตาดีอ่ะไม่ต้องมองปาร์คนานขนาดนี้ก็ได้(นี่ก็พอกัน...ว่าแต่บทนี้เฮียต้องขรึมใช่มั้ย??)
“นี่...คุณเป็นอะไรรึป่าวจ้องหน้าผมอยู่ได้”ก็รู้หรอกนะว่าหน้าตาดีอ่ะไม่ต้องมองปาร์คนานขนาดนี้ก็ได้(นี่ก็พอกัน...ว่าแต่บทนี้เฮียต้องขรึมใช่มั้ย??)
“อย่าเอมาสกปรกของนายมาจับชั้นนะ”
“นึกว่าผมอยากโดนตัวคุณนักหรือไง”พูดพรางเอามือเช็ดกับกางเกงสแล็คของตัวเอง
“อร้าย...นาย...นาย”
“นี่เป็นผู้ชายอะไรร้องวี๊ดว้าย...เอ๊ะหรือว่าคุณจะเป็นเมะกัน?”
“นี่...หยุดพูดจาดูถูกคนอื่นเขาแบบนี้นะปาร์ค ยูชอน”เจ้าหน้าไก่นี่มองเราออทุกอย่างเลยหรือไงนะ...อันตรายแล้วจุนซู
“แล้วทีคุณล่ะเที่ยวพูดจาดูถูกคนเขาไปทั่วไม่เห็นคุณจะแคร์ใครเลยแล้วทำไมผมจะต้องแคร์ด้วยอ่ะ”
“นั่นมันเรื่องของชั้น”
“อ่าว...นี่มันก็เรื่องของผมเหมือนกัน!”
“นาย”
“นาย”
“นี่!”
“นี่”
“หยุดพูดตามเดี๋ยวนี้เลยนะ!”
“หยุดพูดตามเดี๋ยวนี้เลยนะ”
“อร้าย...!!!”
“อ่า...ท่านี้ผมคงทำตามคุณไม่ได้หรอกพอดีว่าผมเป็นเมะไม่ใช่เคะ...ทำไมล่ะครับจะร้องโวยวายไปทำกันก็ท่าทางที่ผมทำผมก็ทำตามคุณนั่นแหล่ะ...คุณยังไม่ชอบท่าทางตัวเองเลยใช่มั้ยล่า”
“ปาร์ค ยูชอน!”
“คิม จุนซู!”เหตุการณ์เริ่มที่จะมาคุขึ้นมาเรื่อยๆต่างคนก็ต่างจ้องกันไม่วางตามันไม่ใช่แค่การมองตากันเฉยแบบเอครู่แต่เป็นการจ้องตาที่ดุเดือดและไม่มีใครยอมใครแต่แล้วเหตุการณ์ก็ต้องยุติลงก่อนเมื่อเสียงของหญิงวัยชราได้เอ่ยเรียกให้คุณหนูไปรับประทานอาหารเพราะมันเย็นมากแล้ว
“เอ่อ...คุณหนูคะ...ป้าว่าคุณหนูลงไปทานข้าวดีกว่านะคะเดี๋ยวจะเป็นโรคกระเพาะกันพอดี”
“ดีเหมือนกันฮะ...จุนซูก็เริ่มหิวแล้วเหมือนกันรีบไปเถอะฮะคุณแม่นมอยู่แถวนี้แล้วจุนซูเหม็นสาบคนจนเดี๋ยวจะทานอาหารไม่ลงพอดี...ไปฮะ”สายตาดูถูกที่ยูชอนเกลียดมากที่สุดของจุนซูถูกส่งมาให้เจ้าตัวกี่ครั้งแล้วก็ไม่สามารถนับจำนวนได้มันเยอะมากเกินไป แต่ก็นะยังไงคุณหนูตัวแสบก็ยอมลงไปทานข้าวล่ะกัน...งานนี้ไม่ง่ายเลยนะยูชอน
เอาอีกแล้วดวงตาและรอยยิ้มที่มุมปากที่แสดงถึงรอยยิ้มเพียงเล็กน้อยเริ่มปรากฏขึ้นมาอีกแล้วแต่ยูชอนก็ยังไม่รู้ตัวอยู่ดีว่าตอนนี้ตัวเองกำลังยิ้มอยู่...มันตั้งแต่เมื่อไหร่กันนะที่รอยยิ้มจะปรากฏบนใบหน้าของคนที่เย็นชาอย่างเขามันเกิดขึ้นเมื่อไหร่กันนะ?...หรือว่ามันจะเกิดขึ้นตอนที่เขาพบกับจุนซู...ครั้งแรก0.o???
.
.
.
“อะ...โอ้ยแจจุงเบาๆหน่อยสิชั้นเจ็บนะ”
“ชริ...นี่แหน่ๆๆๆ”เสียงร้องบอกถึงความเจ็บปวดไม่ได้ทำให้แจจุงรู้สึกสงสารเจ้าหมีปากยื่นนี่เลยสักนิด ทำมาเป็นหวงเขาหาว่าเขาไปเป็นกิ๊กกับจุนซูบ้างล่ะแล้วดูที่ตัวเองทำสิ...มันน่า(น่าไรหว่าจุง...เอิ๊ก)
“ก็ชั้นแค่พาเขาไปซื้อของเฉยๆน้องเขาเขาไม่รู้จักนี่นา”แก้ตัวไปน้ำขุ่นๆ
“หรอแล้วไหนบอกว่าจะรีบกลับบ้านไงน้องนายไม่สบายไม่ใช่หรอแล้วไหงมาเดินเอ้อระเหยกับพวกชะนีนี่ได้ล่ะ”
“ก็บอกแล้วไงที่รักว่ามันเป็นแค่เรื่องบังเอิญ”
“ไม่ต้องมาแก้ตัวเลยนะถ้ายุนยังทำแบบนี้อีกล่ะก็แจจะไม่ว่าอะไรอีกแล้วนะแจเหนื่อยแล้วในเมื่อยุนมีได้แล้วทำไมแจจะมีบ้างไม่ได้”
“ก็บอกแล้วไงที่รักว่ามันเป็นแค่เรื่องบังเอิญ”
“ไม่ต้องมาแก้ตัวเลยนะถ้ายุนยังทำแบบนี้อีกล่ะก็แจจะไม่ว่าอะไรอีกแล้วนะแจเหนื่อยแล้วในเมื่อยุนมีได้แล้วทำไมแจจะมีบ้างไม่ได้”
“แจจุงน่านายขะ...”
“อ๋อ...ชั้นไม่ได้ขู่หรอกนะยุนโฮนายก็รู้ว่าชั้นอ่ะพูดจริงทำจริงเลยล่ะ...ขอบอกว่าคิมจุนซูน่ะมันแค่พื้นๆแล้วมันก็ไม่มีอะไรในกอไผ่อย่างที่นายคิดด้วย นี่นายไม่รู้เลยหรอจุนซูเขามีแฟนแล้ว ชั้นนะจะหาให้ดีกว่านายหลายเท่าเลย...คอยดูและกัน”หึ...มันต้องงัดไม้ตายออกมาฝาดกันซะบ้างใจดีไปหลายครั้งหลายคราแล้วง้อก็เหนื่อยแล้วต้องมาแบบโหดๆกันซะบ้างมิฉะนั้นไอ้หน้าหมีมันจะได้ใจไปใหญ่เป็นไงเป็นกัน ว่าแต่ขอโทษน้าจุนจังชั้นทำให้นายแปดเปื้อนอีกแล้ว...แล้วถ้าไอ้หมีมันเกิดติดใจอยากรู้ว่าแฟนแกเป็นใครแล้วชั้นจะไปหาใคร...แล้วชั้นจะทำยังไงละเนี่ย แจเอ๊ยแจปากแกนี่มันไปก่อนความคิดทุกทีสินะ
“แจจุง...เขาขอโทษน้า โอกาสยุนอีกสักครั้งนึงเถอะ...น้าพรีสได้โปรดสามีคนนี้จะไม่ทำอีกแล้วครับที่รัก ไม่ทำแล้วจริงๆ”ริมฝีปากยื่นๆของยุนโฮเบ้ออกบวกกับสีหน้าที่ดูจริงจังติดจะเศร้าๆอย่างที่ไม่เคยเป็น
“นายรู้สึกผิดแล้วใช่มั้ย?”ยุนโฮพยักหน้าขึ้นลงแทนคำตอบ ตอนนี้หมีหล่อๆอย่างผมสำนึกผิดแล้วล่ะแจจุงจ๋า...ฮือ
“งั้นก็ดี”ของยิ้มของผู้ชนะอย่างแจจุงแต่งแต้มอยู่เต็มใบหน้าหวานชวนมองนี้
“อ่า...เมียใครเนี่ยน่ารักน่าหม่ำที่สุขเลยคือนี้พี่ขะ...อะ...โอ้ย”ยังพูดไม่ทันจบประโยคดีฝ่ามือบางก็จัดการปิดคำพูดที่สื่อไปในทางลามกของเจ้าหมีโดยการกดย้ำลงไปที่แผลบวมช้ำที่เกิดชึ้นมาจากฝีมือของแจจุงนั่นเอง(อยากไปเดินลั่นล้ากับนังชะนีดีนักผมก็เลยโมโหใส่ไม่ยั้งมือเลยทีนี้- -+)
“นี่...ไอ้หมีเจ็บแล้วยังจะหื่นได้อยู่อีกหรอเดี๋ยวแม่ก็จับกดเองวะเลยนี่”
“จริงอ่ะ...มันก็น่าคิดเหมือนกันนะแจจุง...ฮ่า..โอ้ย!”
“นี่ชั้นประชดนายอยู่นะยุนโฮ...ฮึ้ย”
“อ่า...ที่รักจ๋าผัวขอโทษน้า...น้าๆๆๆ...จุ๊บๆๆๆ”
“อ่า...ที่รักจ๋าผัวขอโทษน้า...น้าๆๆๆ...จุ๊บๆๆๆ”
“คริคริ...อย่าสิยุนโฮมันจั๊กจี้นะ...ฮ่าฮา”คนตัวเล็กดิ้นไปมาในอ้อมกอดของคนขี้แกล้ง
“นี่...แจจุงนายบอกว่าเจ้าโลมาเพื่อนรักของนายมีแฟนแล้ว...จริงหรอ?ใครกันยุนรู้จักป่ะ”ตายล่ะหว่าไอ้หมีนี่ดันมาถามอะไรตอนนี้ว่ะแล้วแจจะทำยังไงล่ะครับท่านผู้อ่าน...ฮือ...การโกหกผลเสียมันเป็นอย่างนี้นี่เอง ติ๊กต่อกๆๆ ตอนนี้ยังคิดไม่ออกอ่ะไว้ค่อยบอกได้มั้ยเนี่ยจะเบี่ยงเบนความสนใจยังไงดีล่ะ ขืนมีพิรุธยุนโฮต้งจับได้แน่เลยว่าเขาโกหกมันเสียน่านะถ้าถูกับได้อ่ะอุส่าห์เล่นบทโหดซะแนบเนียนเลยกู
~ปริ๊ง~
“อุ๊บ”เรียวปากอวบอิ่มของแจจุงปิดประกบเรียวปากบางได้รูปของยุนโฮโดยที่ร่างสูงก็ยังไม่ทันได้ตั้งตัว คนตัวเล็กเร่งรสจูบให้เร่าร้อนมากยิ่งขึ้นมันคงจะทำให้ยุนโฮหยุดสงสัยและหันมาสนใจความเร่าร้อนของเขาแทนนะ เมื่อเริ่มขาดอากาศหายใจแจจุงที่เป็นฝ่ายเริ่มก็เป็นฝ่ายออกมาเองเช่นกัน
“ไหนบอกว่า...”
“จะทำต่อมั้ย?”เจ้าหมีพยักหน้ารับอย่างไม่รีรอแจจุงลุกเองแบบนี้ วันนี้คงมีทีเด็ดแน่ๆ...ฮ่า
“งั้นก็เลิกถามโน่นถามนี่ได้แล้วคืนนี้ชั้นจะออนท็อปเอง”ลงทุนไปมั้ยเนี่ยเมียจ๋าแต่โอ้แม่เจ้ามีมันอะไรกันนะ
ไม่รอช้าร่างสูงของยุนโฮก็ค่อยๆนอนไปกับเตียงโดยมีร่างบางที่แสนจะยั้วยวนคร่อมทับอยู่ข้างบนไม่ต้งบอกก้รู้ว่าอะไรจะเกดขึ้นหลังจากนี้ ปล.มันช่วยไม่ได้นี่ฮะก็ผมมันออกจะเซ็กซี่ขนาดนี้ วะฮิยะฮ่าฮา(ยืมหน่อยนะจุน) ยุนโฮก็ต้องหลงเป็นธรรมดา...ว่างั้นมั้ยฮะ>//<
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น