นักเดินทาง ตะเกียงและแงจันทร์ - นักเดินทาง ตะเกียงและแงจันทร์ นิยาย นักเดินทาง ตะเกียงและแงจันทร์ : Dek-D.com - Writer

    นักเดินทาง ตะเกียงและแงจันทร์

    ฉันอาจเป็นเพียงตะเกียงดวงหนึ่ง ที่มีแสงเพียงน้อยนิด อาจจะไม่จำเป็นเลยในบางช่วง บางขณะที่พระจันทร์ทอแสงนวลกระจ่าง เธออาจจะทิ้งฉันไว้ข้างทางก้อเป็นได้

    ผู้เข้าชมรวม

    211

    ผู้เข้าชมเดือนนี้

    12

    ผู้เข้าชมรวม


    211

    ความคิดเห็น


    0

    คนติดตาม


    0
    หมวด :  รักดราม่า
    เรื่องสั้น
    อัปเดตล่าสุด :  27 ก.พ. 52 / 12:44 น.


    ข้อมูลเบื้องต้น
    ตั้งค่าการอ่าน

    ค่าเริ่มต้น

    • เลื่อนอัตโนมัติ

      ฉันอาจเป็นเพียงตะเกียงดวงหนึ่ง ที่มีแสงเพียงน้อยนิด อาจจะไม่จำเป็นเลยในบางช่วง บางขณะที่พระจันทร์ทอแสงนวลกระจ่าง เธออาจจะทิ้งฉันไว้ข้างทางก้อเป็นได้ หากเธอคิดว่าฉันไม่มีประโยชน์แม้แต่น้อย ฉันจึงเปรียบตะเกียง เป็นดั่ง ตัวฉัน... ส่วนเธอน่ะ เป็น นักเดินทางคนนึง... ส่วนเค้าคนนั้น เป็น พระจันทร์.... นักเดินทางคนหนึ่งกับตะเกียงดวงเก่า ตะเกียงที่ให้แสงสว่างในค่ำคืนที่มืดมิด ตะเกียงที่ให้ความอบอุ่นได้ เมื่อนักเดินทางผู้นั้นต้องการ
      ในค่ำคืนที่สายลมหนาวได้ผ่านพัดมาอีกครา การเดินทางของนักเดินทางผู้นั้นก้อมี ตะเกียงเป็นเพื่อนคู่ชีพ แสงเพียงน้อยนิดที่พอจะส่องทางได้เป็นระยะๆ ทำให้นักเดินทางผู้นั้นเริ่มไม่พอใจในสิ่งที่เค้ามีอยู่ เมื่อเค้ามีเพื่อนร่วมทาง เพื่อนร่วมทางก็ได้กล่าวว่า "จะใช้ตะเกียงดวงเก่านี้ไปทำไม ในเมื่อแสงจากพระจันทร์ออกจะสว่างถึงเพียงนี้" นักเดินทางผู้นั้นคิดได้ จึงทิ้งตะเกียงผู้น่าสงสารไว้ข้างทาง หลงเชื่อคำกล่าวของเพื่อนร่วมทาง ซึ่งเป็นเพียงแค่คนที่ผ่านมาแล้วก้อผ่านไป ค่ำคืนนั้น เป็นคำคืนที่ยาวนานสำหรับฉัน...
      ...             ตะเกียงผู้ถูกทอดทิ้งไว้ข้างทาง ก้อเค้าไม่สนใจแม้แต่น้อย กลับกัน เธอนักเดินทางที่กำลังหลงระเริง กับแสงจากพระจันทร์ที่ส่องแสงนวลกระจ่าง มันสวยงาม มันชวนฝัน นักเดินทางผู้นั้นจึงเดินทางไปเรื่อยๆ เพียงลำพังแค่สัมภาระ ไร้ตะเกียงดวงเก่า! เมื่อความมืดมิดแห่งค่ำคืนได้ผ่านพ้นไป แสงจันทร์ที่เคยกระจ่างยามค่ำคืนก้อเลือนหาย ดวงตะวันได้โผล่ขึ้นมารับอรุณบอกกับทุกคนที่อยู่ใต้ผืนฟ้าว่านี่คือ เช้าวันใหม่ ..............สายลมหนาว ผ่านพัดมาเยือนอีกคราผ่านพัด เป็นลมหนาวที่เย็นยะเยือก ตะเกียงดวงเก่าที่ถูกทอดทิ้ง

      บัดนี้ นักเดินทางอีกคนได้ผ่านมาพบจึงเก็บไว้เป็นสมบัติตน ตะเกียงจึงกลับกลายเป็น ของมีค่าอีกครั้ง มันได้ทำหน้าที่เช่นเดิม คือ ให้แสงสว่าง และความอบอุ่นไปพร้อมๆ กัน เมื่อตะวันลับฟ้าไปแล้ว ลำแสงสุดท้ายของวันเป็นสีส้ม เป็นแสงสว่างสุดท้ายของวันนี้ ค่ำคืนได้ย่างกรายเข้ามา สายลมหนาวก้อเริ่มพัดแรงขึ้นๆ ดวงจันทร์ที่เคยทอแสงกระจ่างกลับถูกหมอกเมฆบดบังจนสิ้น! ราวกับจะกลั่นแกล้งนักเดินทางคนเก่าที่เคยเป็นเจ้าของตะเกียง เค้าผู้นั้นไม่มีแม้แต่แสงไฟที่จะใช้ส่องทาง และเช่นกัน เค้าไม่มีแม้กระทั่งความอบอุ่น นักเดินทางหนาวสั่นจะเดินต่อก็กลัวหลงทาเค้าจึงย้อนกลับไปเอาตะเกียงดวงเก่าที่ได้ทิ้งไว้เมื่อคืนก่อน

      ลมหนาวได้ผ่านพัดมา ราวกับจะทรมานนักเดินทางผู้นั้น จนกระทั่งมาถึงจุดที่เขา ได้ทิ้งตะเกียงไว้ บัดนี้ตะเกียงดวงเก่าได้ สาปสูญไปแล้ว เค้านึกเสียดายจับใจ แม้จะเรียกร้องเพียงใดก้อมิได้กลับคืน จึงทำได้แต่เพียงนอนหนาว รอให้เมฆหมอกที่บดบังดวงจันทร์นั้นได้ผ่านเลยไป
      เวลาได้ผ่าน...เมฆหมอกได้เลือนหายไปแล้ว แสงจันทร์ได้กลับมาสดใสอีกครา ทำให้นักเดินทาง ผู้เหน็บหนาวอุ่นใจขึ้น แต่ดวงจันทร์ก้ออยู่ไกลเกินไป.......ไกลเกินที่จะทำให้นักเดินทางผู้เหน็บหนาวได้รับความอบอุ่น เคยมีคนกล่าวเอาไว้ว่า"เรามักจะไม่รู้ว่าสิ่งที่เราครอบครองนั้นดีเพียงไรมีคุณค่ากับเราเพียงใด เราจะรู้ก็ต่อเมื่อเราได้สูญเสียสิ่งนั้นไปแล้ว" เพราะฉะนั้นฉันจึงอยากให้ผู้ที่ใฝ่สูงทั้งหลายจงหันกลับมามองคนใกล้ตัว การชะเง้อมันเมื่อยกว่าการก้ม จริงไหม?

      ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

      loading
      กำลังโหลด...

      ความคิดเห็น

      ×