ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    BTS | Mischief Managed [KOOKV ft. YOONMIN, NAMJIN] #บทฮวอย

    ลำดับตอนที่ #7 : Chapter 04: ความจริงในห้องนั่งเล่นรวมของกริฟฟินดอร์

    • อัปเดตล่าสุด 12 ก.ย. 59


    Mischief Managed 4



                  คาบวิชาปรุงยาขั้นสูงของปีห้าเป็นคาบที่ฮัฟเฟิลพัฟเรียนร่วมกับกริฟฟินดอร์ เพื่อนในกลุ่มของแทฮยองเรียนวิชานี้ด้วยกันทุกคน พวกเขาเลยมีกันอยู่ห้าคนคือ แทฮยอง จีมิน ยองแจ ยูคยอม และซองแจ

                  คือมันก็ดีแหละ แต่จำนวนสมาชิกแม่งเป็นเลขคี่ไง

                  แล้ววิชาปรุงยาที่อาจารย์ปาร์คให้นักเรียนทำงานเป็นคู่ๆมันก็เลยต้องมีเศษเลยมาคนหนึ่งไง

                  แทฮยองมองยูคยอมกับซองแจที่นั่งข้างกันข้างหลังโพสิชั่นเดิมกับตอนเรียนวิชาแปลงร่างเป๊ะ เป็นการขีดทิ้งไปเลยว่าสองคนนี้คงจะทำงานด้วยกันนั่นแหละ ก็เหลือจีมิน แทฮยอง กับยองแจ ซึ่งตอนแรกแทฮยองก็คิดว่าตัวเองเซฟอยู่นะ เพราะตัวเขาเองก็นั่งคั่นกลางระหว่างสองคนนั้น ถ้าให้จับคู่จีมินกับยองแจก็คงจะมาจับแย่งกันจะคู่กับแทฮยองที่นั่งตรงกลางให้มีตัวเลือกแบบสวยๆไงเนอะ..

                  ...แล้วทำไมอยู่ๆพวกมันถึงแม่งกระโดดข้ามหลังแทฮยองไปจับมือกันขึ้นมาได้วะ...?

                  สัส

                  “เกลียดพวกแกทุกคนมาก” แทฮยองบ่นใส่กลุ่มเพื่อนที่ยิ้มหวานกลับมาน่าเกลียด นอกจากพวกเขาแล้วแทฮยองก็เห็นว่ามีพวกผู้หญิงจากบ้านฮัพเฟิลพัฟมาเรียนวิชานี้ด้วยอีกสองสามคน เดี๋ยวเขาจะไปคู่กับอารึมหรือมินจีก็ได้ละมั้ง...

                  “แทฮยอง ทุกคนมีคู่หมดแล้ว เรามาคู่กันไหม?”

                  แหม โพล่มาได้จังหวะแบบนี้ให้ทายว่าใคร?

                  จอน จองกุกไงจะใครละ

                  ถึงจุดนี้แทฮยองก็ไม่ค่อยแปลกใจและ เขารู้สึกว่าจอน จองกุกนี่จะมาวนเวียนแถวตัวเองมาตั้งแต่ไหนแต่ไรแล้วล่ะ น่าจะเริ่มขึ้นมาตอนปีสามมั้ง? สงสัยจะลงเรียนวิชาคล้ายๆกันเลยเจอกันบ่อย แล้วหมอนี่ก็เหมือนจะเข้ามาคุยแขวะและแสยะยิ้มใส่เขาวิชาละประโยคสองประโยคบ่อยๆด้วย

                  “มีคู่หมดแล้ว?” แทฮยองทวนงงๆ เพราะเมื่อกี้ตอนที่หันไปมองรอบๆจะหาคนมาทำงานคู่เขาเหมือนจะได้ยินหวัง แจ็กสันแห่งกริฟฟินดอร์ตะโกนว่า...

                  “สัสจองกุก! แล้วกูล่ะเฮ้ย กูไม่มีคู่นะครับมึงงง!!

                  ..นั่นแหละ แทฮยองว่ามันก็ชัดเจนนะ

                  “แจ็กสันดูจะอยากคู่กับนายนะ เดี๋ยวฉันไปคู่กับมินจีก็ได้ อารึมกับเยรินคู่กันแล้วเหมือนมินจีจะยังไม่มีคู่” แทฮยองเสนอขึ้นมา จองกุกดูหงุดหงิดแปลกๆ เข้ายกมือเสยผมสีดำขึ้นจนมันยุ่งแล้วก็หันไปอีกทาง

                  “มินจี! เธอคู่กับแจ็กสันหน่อยได้ไหม? พอดีเพื่อนฉันยังไม่มีคู่เหมือนกัน”

                  ดะ... เดี๋ยวสิเฮ้ย

                  “แทฮยอง คนอื่นเขาคู่กันหมดแล้ว เรามาคู่กันไหม?”

                  “...”

                  เออ กูยอมใจมึงจริงๆจอน จองกุก...

     

                  สุดท้ายก็ต้องคู่กับจอน จองกุกไปตามระเบียบ แทฮยองทิ้งโต๊ะตัวที่นั่งอยู่ก่อนหน้านี้ไปให้ยองแจกับจีมินใช้ ส่วนตัวเองก็ไปที่โต๊ะข้างๆกับจองกุก กลายเป็นว่าตอนนี้เรียงกันมีแทฮยองกับจองกุกอยู่โต๊ะตรงกลาง ทางด้านซ้ายมีคู่ยองแจกับจีมิน เหนือสองคนนั้นไปแถวหนึ่งก็เป็นโต๊ะของยูคยอมและซองแจ พอแพนกล้องไปทางด้านขวาของแทฮยองกับจองกุกแล้วก็เป็นโต๊ะของแจ็กสันกับมินจี เพื่อนร่วมห้องคนอื่นๆก็กระจัดกระจายกันไปอีกที

                  งานของวันนี้คือให้ปรุงยากล่อมประสาท เป็นยาที่ใช้อย่างขว้างขวางในการแพทย์ แทฮยองเองก็เคยได้ยินซอกจินฮยองพูดว่าถ้าฝันร้ายก็ให้ลองไปหายากล่อมประสาทที่ห้องพยาบาลดู ถึงจะชื่อยากล่อมประสาทดูน่ากลัวแต่ว่าในโลกเวทมนตร์นี่มันก็แค่ช่วยให้จิตใจโอนอ่อนแล้วรู้สึกผ่อนคลายเท่านั้น แทฮยองเคยอ่านเจอว่าถ้ามีปัญหาในการนอนหลับก็สามารถใช้แทนยานอนหลับได้ด้วย

                  ขั้นตอนในการปรุงไม่เยอะมากแต่ก็ดุยุ่งยาก แทฮยองมุ่นคิ้วให้กับตำราตรงหน้า

                  “นี่จอน จองกุก นายมาคู่กับฉันนี่ฉันขอโทษล่วงหน้าเลยแล้วกันนะ เกรดนายโดนฉุดลงดิ่งแน่” พูดออกตัวไปแห้งๆแล้วจอน จองกุกก็หัวเราะ ดวงตาสีเข้มหันมามองยิ้มๆแต่มันดูเกรงๆกว่าทุกที

                  “ฉันว่าแทฮยองให้เครดิทตัวเองน้อยไป ถ้าลงเรียนวิชาปรุงยาขั้นสูงได้ก็แปลว่าเกรดต้องถึงไม่ใช่เหรอ? แค่นี้ก็รู้แล้วว่าแทฮยองเก่ง”

                  “ฉันก็แค่คาบเส้นลงเรียนได้เท่านั้นแหละ” นึกถึงเกรดคราวนั้นแล้วแทฮยองก็ยิ้มเก้อๆ ยังสงสัยไม่หายว่าอาจารย์ปาร์คลงผิดหรือเปล่า มือสีน้ำผึ้งรับเมล็ดเนรึมที่จองกุกจับบีบคั้นน้ำออกแล้วมาหั่นต่อให้หนาประมาณชิ้นละสองเซนติเมตร

                  “นายไม่ชอบวิชานี้สินะ?”

                  “อือ ก็ไม่เชิงว่าไม่ชอบ แต่ฉันไม่ค่อยถนัด... พอเรียนแล้วมันติดๆไม่ค่อยเก็ตก็เลยพาลขยาดไปหมด”

                  “เหรอ? แต่วิชานี้ฉันถนัดนะ...” จองกุกพูดช้าๆเหมือนกำลังพยายามคิดและเรียบเรียงคำพูด “ถ้าแทฮยองไม่เข้าใจตรงไหนบางทีฉันอาจจะพอช่วยได้”

                  ถ้าเป็นปกติแทฮยองคงคิดว่ามันอวดเก่ง แต่พอมาวันนี้แล้วจอน จองกุกที่เหมือนจะเกรงๆแล้วก็คิดอะไรกับตัวเองเยอะแยะไปหมดดูงุ่นง่านใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัวนี่...

                  “...ขอบใจ”

                 

    เป็นบ้าอะไรของมัน?

    พอทำงานด้วยกันไปสักพักแล้วแทฮยองก็ค่อนข้างมั่นใจแล้วว่าวันนี้จอน จองกุกมันแปลกประหลาดกว่าเดิม ปกติแล้วจองกุกจะชอบเข้ามาชวนเขาคุย พูดจากวนประสาทนิดๆอวดดีหน่อยๆตามภาษามันนั่นแหละ วันนี้ไม่ใช่ว่ามันไม่พูดนะ จากที่เห็นตอนจองกุกเข้ามาขอคู่กับแทฮยองก็เห็นๆกันแล้วว่ามันไม่ใช่ว่าหมอนั่นไม่พูด แต่พอพูดแล้วมันก็พูดด้วยน้ำเสียงกระด้างๆประหลาดหรือไม่ก็คิดเยอะจนพูดช้า

    เหมือนหงุดหงิดอะไรมา...

    แต่ก็คงไม่ใช่เรื่องของแทฮยองที่จะต้องไปสนใจหรือเปล่าวะ? ทำงานด้วยกันแค่สองสามชั่วโมงเอง เดี๋ยวพอเสร็จแล้วก็ให้มันกลับไประบายใส่เพื่อนของตัวเองไปแล้วกัน

    แทฮยองพยักหน้ากับตัวเอง เขาแค่ต้องทำงานในส่วนของตัวเองให้ดีเท่านั้นนี่นา ถึงจองกุกจะดูอารมณ์ไม่ดีแต่ในเมื่อมันไม่ได้มีผลอะไรกับการปรุงยาที่ทำอยู่เขาก็จะทำเป็นไม่รู้ไม่เห็นแล้วกันนะ แทฮยองชะงักมือที่กำลังสับหญ้าเพรสลี่ย์อยู่ เพราะว่าสับจำนวนมากพวกน้ำเขียวๆที่ซึมออกมาจากตัวหญ้าก็เลยเปื้อนมาโดนแขนเสื้อเชิร์ทสีขาวที่เป็นยูนิฟอร์มของโรงเรียนด้วย เขาวางมีดลงแล้วพับแขนเสื้อขึ้นทั้งสองข้าง พอพับข้างซ้ายเสร็จแล้วกำลังจะเปลี่ยนไปพับข้างขวาอยู่ๆมือขาวจัดของคนข้างๆก็เข้ามาจับแขนหมับจนแทฮยองสะดุ้ง

    “รอยอะไร?”

    “จ...จองกุก..?” แทฮยองลองเรียกชื่อคนจากกริฟฟินดอร์อย่างไม่เข้าใจ ดวงตาสีเข้มแข็งกร้าวตวัดมามองวาวๆในแบบที่ทำให้แทฮยองกลืนน้ำลายเอื้อก เสียงนุ่มของอีกฝ่ายที่ดูจะกดลงต่ำกว่าปกติย้ำถามอีกครั้ง

    “นี่มันรอยอะไร? ใครเป็นคนทำ?” จองกุกเลิกแขนเสื้อข้างขวาของเขาให้ขึ้นไปมากกว่าเดิมจนเห็นรอยปื้นสีแดงบนแขนเนียน แทฮยองโคลงหัว ไม่เห็นจะจำได้ว่าตัวเองจะไปได้รอยแบบนี้มาตั้งแต่เมื่อไร จะว่าไปแล้วดูๆไปมันก็เหมือนกับรอย...

    “...รอยมือใคร?”

    เออ นั่นแหละ มาเป็นง่ามนิ้วเลยไง

    แทฮยองเบิกตากว้าง จะว่าไปแล้วไอ้คนที่มาบีบแขนเขาจนน่าจะขึ้นรอยได้มันก็มีแต่

    “บยอน แบคฮยอน...?”

    เออ ก็ถูกอีก แทฮยองเผลอพยักหน้าเออออตามอีกฝ่ายก่อนที่จะหันพรวดขึ้นมองจอน จองกุกอย่างประหลาดใจ

    “แล้วนายมารู้ได้ยังไงว่าแบคฮยองมาจับแขนฉัน?”

    จอน จองกุกชะงัก ใบหน้าหล่อเหลาดูกลืนไม่เข้าคายไม่ออกเหมือนคนเผลอกินของบูดเข้าไป เขาถอนหายใจอีกครั้ง

    “ฉันบังเอิญเห็นแทฮยองกับแบคฮยอนฮยองก่อนที่จะมาเข้าเรียน”

    “บังเอิญเห็น?” แทฮยองทวน มันเป็นทางตันสุดทางเดินเลยไม่ใช่หรือไงวะ? คนละทางกับห้องเรียนวิชาปรุงยาเลยด้วย ไอ้จองกุกมันจะ “บังเอิญ” เดินไปเจอได้ยังไง...

    เอ๊ะ แต่ว่านะ... จอน จองกุกมันก็หน้าตาดี แค่สาวๆฮัฟเฟิลพัฟก็พากันไปกรี้ดทั้งหอแล้ว ขนาดยองแจกับจีมินนี่ยังเคยชมเลยว่าหมอนี่มันหล่อ ไอ้ที่เขานัดเจอกับแบคฮยองมันก็เป็นที่ที่คู่รักใช้งุ้งงิ้งกันด้วย ไอ้จองกุกมันจะพาสาวไปคริคริอุอิก็คงไม่แปลกปะ?

    แทฮยองพยักหน้าเข้าใจ เขาเอามือข้างที่ไม่ได้ถูกไอ้จองกุกจับแขนไว้ยกขึ้นตบไหล่หนาปุๆ

    อ้อ... ไอ้ที่หงุดหงิดๆนี่คือเพราะไม่ได้แอ้มสินะ...

    แหมะ แล้วนี่ไหล่หรือก้อนอิฐ?

    “ขอโทษนะ ฉันไม่รู้ ถ้าวันไหนนายจะใช้ทางตันตรงนั้นทำอะไรแล้วฉันกับแบคฮยองดันอยู่ตรงนั้นนายไม่ต้องเกรงใจนะ มาสะกิดบอกก็ได้ เดี๋ยวฉันจะลากแบคฮยองออกไปเอง”

    “ห๊ะ??”

    “อือๆ ไม่ต้องเขินหรอก จะว่าไปก็เห็นไอ้ซองแจกับเคนฮยองโม้ว่าไปใช้ทางตันตรงนั้นบ่อยๆ ทำเลมันดีมากเลยเหรอวะ? ถึงจะลับตาคนแต่ก็เป็นที่สาธารณะนะ” ท่อนหลังๆแทฮยองพึมพำกับตัวเองอย่างครุ่นคิด ไม่ทันได้สังเกตใบหน้าที่ทั้งงงทั้งเหวอของคนข้างๆ จองกุกกระพริบตาปริบ ใบหน้าที่ทั้งหล่อและน่ารักครุ่นคิดตามคำพูดของแทฮยองแล้วข้างแก้มขาวก็ชักจะขึ้นสีจัด

    “ด.. เดี๋ยวสิ มันไม่ใช่แบบนั้น..”

    “แต่ก็พูดไปเหอะ แบคฮยองนี่บ้าพลังชะมัด ตัวพอๆกันแท้ๆแต่ทำไมแรงเยอะจังเลยนะ” เพราะมัวแต่ตกใจในสิ่งที่แทฮยองกล่าวหาจองกุกเลยเผลอคลายมือที่จับแขนอีกฝ่ายไว้จนแทฮยองชักแขนกลับมาคลำๆตามรอยฝ่ามือของรุ่นพี่ดู ดูไปก็บ่นกับตัวเองหงุงหงิงไป

    “หรือเพราะตัวเราขึ้นรอยง่าย? น่าเบื่อชะมัด แบคฮยองบ้าก็ชอบเล่นแรงๆแล้วทำรอยเต็มไปหมดด้วยสิ...” แทฮยองกลับไปสับหญ้าเพรสลี่ย์บนโต๊ะอีกครั้ง พอเสร็จเรียบร้อยแล้วก็หันเอาตาลูกหมาแป๋วๆนั่นมาทางจองกุกที่ยังอ้าปากพะงาบๆแบบไม่รู้จะทำยังไงกับชีวิตดี

    “จองกุก สับหญ้าเสร็จแล้วต้องทำไงต่ออะ?”


                                                            ..........................  30% .........................


                   คิม แทฮยองแม่งต้องเป็นคนที่ซื่อบื้อที่สุดในโลกแน่ๆ

                  เพราะจองกุกก็ไม่ได้คิดว่าเขาซุ่มเงียบหรือเนียนอะไรขนาดนั้นนะ ที่หาเรื่องคุยด้วยบ่อยๆ ที่ชอบแอบมองเรื่อยๆ ทั้งเสนอตัวอยากจะช่วยทำการบ้านหรือติวแบบนี้มันยังไม่ชัดเจนอีกหรือไงว่าจอน จองกุก “ชอบ” คิม แทฮยอง?

                  ชอบมากๆมาสองปีแล้วด้วย

                  พวกกริฟฟินดอร์รู้กันหมด จองกุกค่อนข้างมั่นใจ เขาไม่ได้บอกใครกับปากแต่เพราะสนิทกันและอยู่ด้วยกันตลอดพวกนั้นก็เลยจับผิดกันได้

                  บางทีจองกุกก็โทษตัวเองนะที่ดันหลวมตัวไปสนิทกับพวกคนปากมากแบบแจ็กสัน แบมแบม โฮซอกฮยอง แล้วก็สองคู่หูชานแบค พอรู้กันคนหนึ่งก็แม่งรู้ทั้งกลุ่ม แล้วพอรู้ทั้งกลุ่มไอ้โทรโข่งเดินได้ห้าคนนั้นก็เอาไปพูดเสียจนจองกุกมั่นใจว่าแม้แต่ปลาหมึกยักษ์ในทะเลสาบของฮอกวอตส์ก็คงได้ยิน

                  ก็ยังดีที่ถึงจะรู้กันหมดแต่มันก็ยังจำกัดอยู่ว่ารู้กันหมดภายในบ้านกริฟฟินดอร์... แทฮยองและเพื่อนๆสนิทกลุ่มนั่นยังไม่รู้อะไร ดูๆไปแล้วเพื่อนบ้านอื่นๆก็ไม่น่าจะรู้ ถึงจองกุกจะมีความรู้สึกว่าซอกจินฮยอง อี้ชิงฮยอง จงแดฮยอง แล้วก็เคนฮยองจากฮัฟเฟิลพัฟชอบมองเขาแปลกๆก็เถอะ เวลาเขามองผ่านๆไปทางโต๊ะของฝ่ายนั้นเพื่อที่จะมองหาแทฮยองก็เหมือนว่ารุ่นพี่ปีหกกลุ่มนั้นจะยิ้มกันยังไงๆชอบกล

                  น่าจะฝีมือไอ้พวกพี่ชานแบคเนี่ยแหละ

                  พูดถึงบยอน แบคฮยอนแล้วจองกุกก็อดที่จะหงุดหงิดขึ้นมาอีกไม่ได้ ทั้งๆที่แบคฮยอนก็รู้อยู่แล้วว่าเขาชอบแทฮยอง ทั้งๆที่รู้เรื่องทุกอย่างมาตลอดแท้ๆ

                  แล้วไอ้เมื่อเช้าที่แบคฮยอนกอดแทฮยองไว้นั่นคืออะไร? แล้วที่บอกว่าไม่ได้เป็นแค่รุ่นพี่รุ่นน้องกันล่ะ?

                  จองกุกเห็นตั้งแต่ตอนที่แบตเตอร์ของกริฟฟินดอร์ชะเง้อมองหาใครบางคนแล้ว ตอนแรกก็ไม่ได้เอะใจอะไร จองกุกคิดเอาเองว่าแสบๆและขี้แกล้งอย่างแบคฮยอนก็คงมองหาเหยื่อรายใหม่หรืออะไรเทือกนั้นนั่นแหละ แต่เพราะสายตาเจ้ากรรมของตัวเองดันชอบตกไปแถวๆแทฮยองอยู่เรื่อยจองกุกก็เลยเห็นว่าคนสวยจากบ้านฮัฟเฟิลพัฟกำลังมองแบคฮยอนอยู่

                  ไม่ใช่การมองผ่านๆ แต่เป็นการมองเหมือนรออยากจะให้แบคฮยอนสังเกตเห็น

                  จองกุกมุ่นคิ้ว ขนมปังในมือถูกลืมเลือนไปโดยสิ้นเชิงเมื่อแบคฮยอนที่ตอนนี้มองเห็นแทฮยองแล้วพยักหน้ากลับไปให้อีกฝ่ายพร้อมกับรอยยิ้มเล็กๆ

                  แล้วแทฮยองก็ยิ้มตอบ

                  เป็นรอยยิ้มสี่เหลี่ยมน่ารักๆที่จองกุกชอบนักหนา รอยยิ้มที่เขามักจะเห็นแทฮยองมอบให้เพื่อนในกลุ่มกับรุ่นพี่คนสนิท เวลาดีใจมากๆแทฮยองก็จะยิ้มแบบนี้ ดวงตาใสๆใต้แพขนตาหนาที่พวกผู้หญิงเคยบ่นว่าน่าเสียดายที่เป็นของผู้ชายจะหยีลงน่าเอ็นดู

                  จองกุกอยากจะให้แทฮยองยิ้มให้เขาแบบนั้นบ้าง แต่ไม่ว่าจะพยายามแค่ไหนมันก็เหมือนว่าแทฮยองจะรำคาญเขานิดๆ ชอบเดินหนีหรือไม่ก็บอกปัด แล้วก็ชอบเบ้ปากใส่อยู่เรื่อย (ซึ่งคิดๆดูแล้วมันก็ไม่ใช่ว่าไม่ดีนะ เพราะเวลาปากนิ่มๆนั่นยื่นออกมาอย่างไม่พอใจหรือเจ้าตัวเผลอพองลมที่แก้มเหมือนเด็กสามขวบแล้วจองกุกก็คิดว่ามันโคตรน่าหมั่นเขี้ยว อ่า... นึกแล้วก็อยากจะลองกัดดูเหมือนกันแหะ(?))

                  แต่ประเด็นก็คือว่า ทำไมแทฮยองถึงยิ้มง่ายๆแบบนั้นให้ไอ้รุ่นพี่บ้าๆของจองกุกกันนะ?

                  จองกุกตัดสินใจเดินตามแทฮยองออกไปเมื่อคนตัวเล็กนั่นทานอาหารเช้าเสร็จ จองกุกชักจะเริ่มกระวนกระวายเมื่อแทฮยองเดินลิ่วๆไปทางทางที่เขาจำได้ว่าเคยได้ยินแจ็กสัน โฮซอก และชานแบคพล่ามถึงว่าเป็นจุดที่พวกนักเรียนใช้พลอดรักกัน... ตัวเขาเองก็เคยไปใช้อยู่ครั้งสองครั้งแต่ก็ไม่ได้ไปทำอะไรเลยเถิดขนาดนั้น แล้วตั้งแต่ที่ชอบแทฮยองหัวปักหัวปำนี่ก็ไม่มีอารมณ์จะไปอะไรกับใครที่ไหนด้วย...

                  แล้วนี่แทฮยองจะนอกใจจองกุกตั้งแต่ตอนยังไม่ได้คบกันเลยเหรอวะ??

                  จองกุกหลบอยู่ตรงหัวมุมทางเดิน มันใกล้พอที่จะมองเห็นแทฮยองกับแบคฮยอนจากข้างหลังเสาต้นใหญ่นี่แต่ก็ไกลเกินกว่าที่จะได้ยินอะไร ฟันขาวขบกันแน่นจนได้ยินเสียงกรอดเมื่อบยอน แบคฮยอนใช้มือของตัวเองลูบหัวคนสวยชาวฮัฟเฟิลพัฟของจองกุก

                  นี่มันอะไรวะเนี่ย? สองคนนี้สนิทกันถึงขึ้นลูบหัวเล่นกันถึงเนื้อถึงตัวตั้งแต่เมื่อไร?

                  เพราะแทฮยองหันหลังให้เขาอยู่จองกุกเลยมองไม่เห็นสีหน้าของอีกฝ่าย เห็นแต่หน้าตากวนประสาทที่จะหล่อก็แม่งไม่หล่อจะสวยก็แม่งไม่สวยของบยอน แบคฮยอนเจ้าเติม จองกุกสับขาถ่ายน้ำหนักไปมา จากเสาต้นนี้ไปอีกต้นที่ใกล้กว่ามันก็นิดเดียว... ถ้าวิ่งไปถึงก็น่าจะได้ยิน

                  จองกุกหยิบไม้กายสิทธิ์ของตัวเองออกมา ชี้ที่รองเท้าแล้วร่ายเวทมนตร์กลบเสียงให้ไม่ได้ยินเสียงเวลาวิ่งหรือเดิน เขาหาจังหวะที่แบคฮยอนก้มลงสนใจรุ่นน้องตัวเล็กแล้วก็วิ่งไปหลบหลังเสาต้นถัดไป

                  “....เด็กน้อยของฮยองเนี่ยแหละ มาโปะๆเร็วๆ”

                  เป็นไงล่ะ หลังเสาต้นนี้ล่ะได้ยินชัดเชียว

                  แต่เดี๋ยว... เดี๋ยวนะมึง...

                  เด็กน้อยของมึงนี่ใคร?

                  แล้วโปะๆเหรอ? โปะๆเร็วๆพ่องงงงงงงงงง <<เสียงกรีดร้องจากหัวใจของจอนจองกุก

                  หลังจากนั้นแล้ว... มันก็เป็นอย่างที่พวกคุณคิดนั่นแหละ

                  หัวใจที่เต็มไปด้วยความรักบริสุทธิ์ผุดผ่องเหมือนหน้าตาของจอน จองกุกถูกเหยียบย่ำอย่างไม่มีชิ้นดีเมื่อคนสวยที่เขามองมาเกือบสองปี ทำตีเนียน และคอยกันท่าจากผู้หลายๆผู้ที่ไม่มีจิตใจอันบริสุทธิ์เหมือนตัวจองกุกเอง (คิม มินแจ หลายรอบแล้วนะมึงอะ ปาร์ค โบกอมด้วย เดี๋ยวมึงเจอกูแน่ *ชี้นิ้วรัวๆ*) เขย่งตัวขึ้นโน้มใบหน้าเข้าหาแก้มสากๆของบยอน แบคฮยอนเฉย จองกุกทาบมือไว้กับหน้าอก

                  ฮึก.... มันแม่งเหมือนโดนแทงข้างหลังทะลุถึงหัวใจสัสๆ

                  จองกุกมองรุ่นพี่ปีหกที่เขาคิดมาเสมอว่าถึงจะแม่งเชื่อถือไม่ได้ เป็นคนไม่ดี แถมหน้าตาก็ไม่หล่อเหลาเหมือนตัวเขาเองแต่ก็ไม่มีวันหักหลังกันได้อย่างเลือดเย็นแบบนี้ด้วยความผิดหวัง เห็นสองแขนผอมๆของบยอน แบคฮยอนกอดรั้งแทฮยองเข้าอกตัวเองแล้วก็ยิ่งช้ำใจ

    “นี่เด็กน้อย เมื่อไรเราจะเปิดตัวกันล่ะ? ทำไมไม่บอกคนอื่นๆสักทีว่าเราเป็นอะไรกัน?” แบคฮยอนพูดขึ้น จองกุกที่กำลังซับน้ำตาตกในของตัวเองเงี่ยหูฟัง

                  “อะไรของแบคฮยองเนี่ย? ต้องมีเปิดตัวด้วยเหรอ? มันก็ไม่ใช่ความลับสักหน่อยนี่นา พวกจีมินนี่กับยองแจ แล้วก็ซอกจินฮยองก็รู้อยู่ คนอื่นๆเขาไม่ได้ถามแทแทก็เลยไม่ได้พูดอะไรก็เท่านั้น”

                  อ้อ... กูผิดเองสินะที่ไม่เคยถาม...

                  เฮ้ยมันไม่ใช่ปะวะ? ก็เล่นทำตัวหลบๆซ่อนๆกันมาแบบนี้ขนาดจองกุกแอบมองมาปีกว่าๆยังเพิ่งจะรู้เลยว่ามีซัมติงกัน! คนไม่รู้ไม่เห็นแล้วเขาจะเอาอะไรมาถามครับคนสวย ตอบบบบบ

                  “...นั่นสินะ มันไม่ใช่ความลับ แต่พอคนส่วนใหญ่ไม่รู้มันก็น่าหงุดหงิดแปลกๆนะ ฮยองอยากจะตะโกนบอกทุกคนจังเลย...”

                  ใช่... จองกุกเผลอพยักหน้าเออออตาม ถ้าเป็นเขาเขาก็อยากบอกปะวะ? ถ้าเขาเป็นแฟนคิม แทฮยองขึ้นมาจองกุกมั่นใจว่าเขาคงเก็บเป็นความลับไม่ได้หรอก ถ้าไม่เผลอโม้อวดชาวบ้านเขาไปอย่างๆน้อยๆจองกุกก็มั่นใจว่าตัวเองน่าจะอดใจไม่ไหวแล้วทำรอยทิ้งเอาไว้...

                  ห๊ะ? รอยอะไรเหรอ? จะมาถามอะไรตอนนี้วะ เงียบหน่อยได้ไหมล่ะคุณ? จองกุกกำลังแอบฟังคนเขาคุยกันอยู่ไม่เห็นหรือไง!

                  อยู่ๆจองกุกก็รู้สึกเหมือนว่าบรรยากาศรอบข้างมันเย็นเยียบ ไม่รู้ว่าคิดไปเองหรือเปล่าแต่มันเหมือนกับว่าแบคคฮยอนฮยองมองมาทางเขา...

                  “...ว่าฮยองกับแทแทอาไม่ได้เป็นแค่รุ่นพี่รุ่นน้องในโรงเรียน”

                  เออ ก็จุกเบา

     

                  แบคฮยอนมีอะไรดีวะ? จอน จองกุกคิดงึมงำกับตัวเองขณะเดินดุ่มๆกลับขึ้นหอคอยของกริฟฟินดอร์หลังจากที่เรียนวิชาปรุงยาเสร็จ เรียนก็รู้เรื่องบ้างไม่รู้เรื่องบ้างเพราะยังติดใจเรื่องแทฮยองกับไอ้รุ่นพี่บ้านั่นไม่หาย ดีนะที่สูตรปรุงยาสำหรับวันนี้ไม่ได้ยุ่งยากเท่าไรก็เลยพอทำๆไปได้

                  หอกริฟฟินดอร์ของฮอกวอตส์สาขาสกอตแลนด์อยู่หลังรูปภาพของแฟตเลดี้ หรือสุภาพสตรีร่างท้วม ของสาขาที่เกาหลีนี่ก็คล้ายๆกันแหละ คืออยู่หลังภาพวาดเหมือนกันแต่ว่าผู้รักษาประตูทางเข้าของที่นี่คือ สุภาพสตรีสีทอง เป็นหญิงสาวสวยงามที่ถูกวาดออกมาในชุดฮันบกสีทอง ในรูปวาดของเธอจะมีฉากหลังเป็นทะเลสาบของฮอกวอตส์ เป็นที่คาดการณ์และบอกเล่าต่อๆกันมาว่าสุภาพสตรีสีทองเป็นลูกสาวของอาจารย์ใหญ่คนหนึ่งของฮอกวอตส์ในอดีต เธออยู่บ้านกริฟฟินดอร์และรูปของเธอก็ถูกวาดไว้ในวันที่จบการศึกษา

                  “จองกุกกี้ หน้าบูดมาเชียว ทำไมกลับหอมาคนเดียวล่ะ?” สุภาพสตรีสีทองเอ่ยปากถาม เป็นที่รู้ๆกันในหมู่ชาวกริฟฟินดอร์ว่ารูปภาพรูปนี้จะพูดมากเป็นพิเศษ ถึงจะดีที่ไม่ถือตัวเหมือนรูปภาพคนใหญ่คนโตคนอื่นๆแต่เจ้แกก็ขี้สงสัยและชอบสอดรู้สอดเห็นเรื่องของชาวบ้านไม่เบา

                  “ยุ่งน่านูน่า” จองกุกพึมพำ “ซังนัมจา”

                  บอกรหัสผ่านไปแล้วแต่สุภาพสตรีสีทองก็ยังขมวดคิ้วไม่ยอมเปิดประตูให้ผ่านไปง่ายๆ

                  “อะไรยะ คนเขาอุตส่าห์เป็นห่วง นายนี่ไม่น่ารักเอาเสียเลย” เธอส่งเสียงจิ๊จ๊ะ “แบมแบมแอบบอกนูน่ามาว่านายมีเรียนกับคนสวยของฮัฟเฟิลพัฟเช้านี้ไม่ใช่เหรอ? ได้เรียนด้วยกันทั้งทีแล้วทำไมทำหน้าแบบนั้นล่ะ? เขาไม่ยอมคุยด้วยอีกหรือไง?”

                  บอกแล้วใช่ไหมล่ะว่าพวกกริฟฟินดอร์เพื่อนๆจองกุกน่ะปากมาก... ขนาดรูปภาพเขายังรู้เลยให้ตาย

                  “เรื่องของผมนะนูน่า” จองกุกถอนหายใจ “ซังนัมจา”

                  “จองกุกกี้อ่า”

                  “ซังนัมจา ซังนัมจา ซังนัมจา”

                  “เข้าใจแล้วย่ะ ฮึ่ยยย” สุภาพสตรีสีทองถึงกับขบฟัน เธอเหวี่ยงกรอบรูปของตัวเองออกแรงๆเป็นการประชด จองกุกเสยผมขึ้นแล้วถอนหายใจอีกครั้ง

                  “ขอบคุณครับนูน่า”

                  “ย่ะ”

                  โดนงอนอีกแล้ว... จองกุกนึกอ่อนใจแต่ก็ขี้เกียจจะง้อนูน่าพูดมากคนนั้น ขายาวๆก้าวผ่านช่องหลังรูปภาพ ในห้องนั่งเล่นของกริฟฟินดอร์เหมือนว่าพวกปีหกและเพื่อนๆในกลุ่มของจองกุก(ลบแจ็กสันที่ทำหม้อในวิชาปรุงยาไหม้และต้องอยู่ขัดหม้อหลังเลือกเรียน)จะยังอยู่กันครบ

                  หืมม์... จะว่าไปแล้วแบคฮยอนฮยองก็ไม่อยู่นี่นา..

                  แต่ก็ดีเหมือนกัน อย่างไรเสียตอนนี้จองกุกก็ไม่อยากจะเจอไอ้รุ่นพี่บ้าคนนั้นเท่าไร

                  ซีกเกอร์ของกริฟฟินดอร์นั่งลงตรงพื้นข้างแบมแบมที่กำลังคุยกับนาอึน สาวปีห้าที่มีอยู่น้อยนิดในบ้านกริฟฟินดอร์ จองกุกเอนหลังพิงขาของโฮซอกฮยองไว้ ตัวเองก็ยืดขาจัดที่ให้สบายๆ แบมแบมที่เห็นเขามานั่งข้างๆขยับมาใกล้แล้วเอียงคอพิงไหล่เขา

                  “เชี่ยแบม หนัก”

                  “หนักหัวมึงไม่ได้หนักหัวกูนี่”

                  “ไอ้ที่หนักก็หัวมึงนั่นแหละ สัส”

                  แบมแบมเบ้ปากแต่ก็ยังไม่ยอมขยับออก นึกย้อนถึงตอนจอน จองกุกเพื่อนรักมันคุยกับหนึ่งในสามนางฟ้าบ้านฮัพเฟิลพัฟแล้วก็หมั่นไส้

                  ทีคุยกับคิม แทฮยองนะ แทฮยองอย่างนั้น ฉันอย่างนี้ พูดจาดูเหมือนได้รับการอบรมสั่งสอนมาก พอก้าวเข้ามาในหอแล้วเจอหน้ากูเท่านั้นแหละ มาทั้งสัตว์ธรรมดาและสัตว์วิเศษ...

                  มีความลำเอียงนะกับจอน จองกุก

                  “เออน่า แปปหนึ่ง ไหล่มึงพอดีหัวกูเลย” แบมแบมว่า หัวทุยๆนั่นคลอเคลียไปมาให้จองกุกปล่อยเลยตามเลย “กูขอพักสายตาแปปเหอะ โคตรเหนื่อย”

                  “เหนื่อยอะไรแต่หัววันวะ? เพิ่งจะเรียนมาคาบเดียวเอง”

                  ในจำนวนกลุ่มเพื่อนสนิทปีห้าของเขา จองกุกกับแจ็กสันลงเรียนวิชาปรุงยาขั้นสูง ส่วนแบมแบมกับนาอึนแยกไปเรียนสมุนไพรศาสตร์ขั้นสูง มีเยรินเพื่อนสนิทนาอึนอีกคนที่แหวกแนวกว่าเพื่อนแล้วเรียนพยากรณ์ศาสตร์

                  “ไม่ใช่เรื่องเรียน กูเจอคนที่ไม่อยากจะเจอพอดีก็เท่านั้น”

                  “คนที่ไม่อยากจะเจอ?” จองกุกทวน เขาหันไปมองนาอึนเป็นเชิงถามซึ่งหญิงสาวก็ตอบกลับมายิ้มๆ

                  “คิดตามสิวะจองกุก คนที่ไอ้แบมมีเรื่องด้วยก็มีไม่กี่คนหรอก ก็มีแจบอม จูเนียร์ แล้วก็...”

                  ลากเสียงฟังดูมีความหมายแบบนี้แล้วจองกุกก็บางอ้อ

                  “มาร์ค ต้วนงั้นสิ?”

                  แบมแบมหลับตาลงแล้วซุกใบหน้ากับหัวไหล่จองกุก มันพยักหน้าน้อยๆ

                  “เป็นอะไรวะ? นึกว่าเจอแล้วจะดีใจ มึงชอบมาร์คฮยองของเรเวนคลอไม่ใช่เหรอ?”

                  นาอึนหัวเราะ เป็นการหัวเราะเหมือนว่าเธอรู้อะไรดีๆที่จองกุกไม่รู้

                  “ไอ้ชอบก็ชอบ แต่ไอ้แบมมันไม่ค่อยชอบไอยูเท่าไร นายก็รู้นี่จองกุก”

                  “ไอยู? จะบอกว่าเจอไอยูกับมาร์คฮยองแล้วหึงขึ้นมาหรือไง?”

                  “ก็ไม่เชิง.... ช่างแม่งเหอะ ก็แค่ผู้หญิงกวนประสาท” แบมแบมพึมพำ “แค่เบื่อที่ต้องรบรากับผู้หญิง ตอนนั้นนาอึนก็แม่งไม่อยู่กูเลยต้องรับหน้าคนเดียว โคตรรู้สึกเหมือนรังแกผู้หญิง”

                  “เอ้า ฉันผิดเหรอที่ปวดฉี่ขึ้นมา?” นาอึนแว้วถาม “ยุคสมัยมันเปลี่ยนไปแล้วย่ะ เดี๋ยวนี้ผู้หญิงร้ายกาจจะตาย ยิ่งกับยัยไอยูด้วยแล้วฉันสังหรณ์ใจแปลกๆ กอซซิบที่เขาลือๆกันในหมู่ผู้หญิงมันไม่เบาเลยนะ”

                  จองกุกยิ้มขำ เขานึกถึงเด็กผู้หญิงปีสี่บ้านเรเวนคลอที่ชื่อไอยูแล้วก็โคลงหัว

                  “ตัวแค่นั้นจะร้ายสักแค่ไหนกันเชียว? เขาสวยเลยมีคนอิจฉากุข่าวลือประหลาดๆมากกว่ามั้ง”

                  “ก็ไม่รู้สินะ” เยริน สาวปีห้าเพื่อนสนิทของนาอึนที่นั่งทำการบ้านเงียบๆอยู่หน้าเตาผิงกับรุ่นพี่จงอินพูดขึ้นเบาๆ “ฉันก็พอได้ยินมาบ้าง ก็เชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่งนั่นแหละ แต่ฉันว่านายน่ะฟังหูไว้หูก็ดีนะจองกุก”

                  “ฉัน?”

                  “อื้อ เพราะพอเจอหน้ากันทีไรยัยเด็กคนนั้นก็มักจะถามถึงนายอยู่ตลอดเลยไงล่ะ ไม่น่าสงสัยเหรอ?”

                  “เหอะ มันน่าสงสัยตรงไหนวะ? ก็ถามถึงเพราะปลื้มไม่ใช่เหรอ?” ปาร์ค ชานยอลที่กำลังเล่นหมากรุกเวทมนตร์กับโฮซอกบนโซพาสีเลือดหมูพูดขัดขึ้นมา “ไอ้จองกุกก็มีคนมาปลื้มเยอะแยะ จะมีน้องไอยูเพิ่มมาอีกคนก็คงไม่แปลก”

                  เยรินมุ่นคิ้ว เธอหันไปมองนาอึนที่ไหวไหล่กลับมาแล้วก็ตัดสินใจหันกลับไปทำการบ้านต่อบ้าง บรรยากาศในห้องนั่งเล่นกริฟฟินดอร์ชักจะดูขุ่นมัวแปลกๆจนโฮซอกต้องรีบเปลี่ยนเรื่อง

                  “แต่ว่านะ มึงจะลองขอความเห็นสาวๆไหมล่ะชานยอล? เรื่องเดทมึงอะ”

                  ชานยอลกลอกตา แต่ก่อนที่จะได้โต้อะไรกลับไปแบมแบมที่ยังเอียงหัวพิงจองกุกอยู่ก็เบิกตาโพล่ง นาอึนหันขวับ

                  “ต๊ายย นี่ชานยอลลี่โอปป้าจะมีเดทเหรอ?”

                  “กับสาวที่ไหนวะฮยอง? นี่ผมเห็นฮยองโซโลนลี่มานานจนนึกว่าจะได้กับแบคฮยอนฮยองแล้วนะเนี่ย” แบมแบมหัวเราะ ชานยอลเม้มปากพร้อมกับแก้มที่ซับสีเลือดลามไปถึงใบหู

                  เฮ้ยเฮ้ยเฮ้ย...

                  “เขินอะไรวะฮยอง? หรือว่า...” แบมแบมเริ่มจะขำไม่ออก ชานยอลเอามือปิดหน้าแล้วงึมงำๆอะไรกับตัวเอง

                  “3fjglso#$%@”

                  “สลัดครับชานยอล กูนั่งอยู่ไกลกูแปลไม่ออก” จงอินส่งเสียงร้องบอก โฮซอกที่นั่งอยู่ใกล้ชานยอลที่สุดหัวเราะร่วน

                  “กูแปลให้ มันบอกว่า เออ ก็ไอ้แบคฮยอนนั่นแหละที่ได้กับกู ชัดไหมล่ะพวกมึง?”

                  ชัด... เสียงโห่แซวดังขึ้นรอบห้องแต่จองกุกกลับแซวรุ่นพี่คนสนิทไม่ออก

                  แบคฮยอน... คนชื่อแบคฮยอนที่สนิทกับชานยอลนี่มีกี่คนกันวะ?

                  เชี่ย.. นี่ไอ้รุ่นพี่แบคฮยอนแม่งควบสองเลยเหรอ? แล้วสรุปพี่แม่งรุกหรือรับวะ? หรือสลับกัน? รุกให้แทฮยองคนสวยแล้วรับให้ไอ้พี่ชานยอล? นี่มึงไม่หรรษาไปหน่อยเหรอ?

                  ใจของจองกุกเต้นรัว ความเป็นกริฟฟินดอร์ที่พกความกล้าหาญอยู่ในตัวทำให้เขาเอ่ยปากถามว่า

                  “ชานยอลฮยอง แต่แบคฮยอนฮยองมีแฟนแล้วไม่ใช่เหรอ?”

                  ชานยอลที่กำลังเอามืออุดปากโฮซอกอยู่ขมวดคิ้วหากันเป็นปม ใบหน้ายังแดงอยู่แต่ก็ดูครุ่นคิดขึ้นมา

                  “แฟนมันก็กูเนี่ยแหละ”

                  “ไม่ใช่ฮยองสิวะ... แบคฮยอนฮยองเขาไม่ได้คบกับคนอื่นอยู่เหรอ?”

                  “คบกับคนอื่นเชี่ยไร? มึงก็เห็นว่ากูกับแบคฮยอนตัวติดกันขนาดนี้ ถ้าแม่งยังสามารถไปควงคนอื่นได้อีกนี่ก็คงต้องใช้เครื่องย้อนเวลาแล้ว นี่มึงถามเหี้ยอะไรวะจองกุก?” ชานยอลถามกลับ ดูท่าจะไม่รู้เรื่องจริงๆจนจองกุกชักจะไม่กล้าพูดอะไรต่อ จอง โฮซอกดันมือเพื่อนออกจากปากตัวเอง

                  “นี่มึงไปเห็นอะไรมาหรือเปล่าวะจองกุก? เล่นพูดซะเป็นตุเป็นตะ”

                  “ก็นะ...” จองกุกอ้ำอึ้ง “เห็นแทฮยองกับแบคฮยอนฮยองว่ะฮยอง”

                  “เดี๋ยวนะ แทฮยองไหนวะ? คิม แทฮยองมึงน่ะเหรอ?” แบมแบมถึงกับยกหัวขึ้นจากไหล่กว้างๆของจองกุกมายกมือเคลียร์ ซีกเกอร์ของกริฟฟินดอร์ถอนหายใจ

                  “ไม่น่าใช่แทฮยองกูแล้วมั้ง...”

                  “เดี๋ยวนะสัส คือกูงงมาก” จากตอนแรกที่ปาร์ค ชานยอลกลัวเมียหมาดๆที่เพิ่งจะขอคบได้สองวันมีชู้จนหน้าเครียดตอนนี้ใบหน้าหล่อๆนั่นแสดงความเอ๋อเหรอออกมาอย่างเห็นได้ชัด “มึงเห็นแทฮยองกับแบคฮยอนกูแล้วยังไงต่อ?”

                  “ก็... แทฮยองกอดรุ่นพี่ แล้วก็หอมแก้มกัน...”

                  “เออๆ แล้วหลังจากนั้นล่ะ? ไหนชู้เมียกูที่มึงว่า?”

                  “อ่าว ไอ้ที่กอดที่กดปากลงแก้มนี่ยังไม่เรียกชู้อีกเหรอวะ?” คราวนี้จองกุกก็ชักจะงงเองยังไงชอบกล เห็นขนาดนี้ถ้าชานยอลไม่มองว่าเป็นชู้แล้วมันต้องเห็นขนาดไหนถึงจะใช่วะ? จกุกงงมาก

                  “เชี่ย กูเข้าใจแล้ว” แล้วแบมแบมก็หัวเราะ มือเล็กๆยกขึ้นตบเข่าตัวเองดังฉาด “ฮยอง จองกุกมันนึกว่าแบคฮยอนฮยองเป็นชู้กับคิม แทฮยองว่ะ”

                  ห้องนั่งเล่นของกริฟฟินดอร์เข้าสู่สภาวะกริบโดยสมบูรณ์ก่อนที่โฮซอกจะหัวเราะพรืดออกมาคนแรก ชานยอลสบถ

                  “ไอ้ห่า มึงผีมากจองกุก ทำกูตกใจหมด” ชานยอลด่า ตัวบิชอปของกระดานหมากรุกถูกปามาทางจองกุกที่เอี้ยวตัวหลบ

                  “...มันไม่ใช่เหรอ?” เขาถามงงๆ ตัวบิชอปเวทมนตร์กุมหัวตัวเองโอตโอย ชานยอลทำหน้าเหม็นเบื่อแรง

                  “ใช่ห่าอะไรล่ะ? เด็กคนนั้นมันน้องเมียกูครับจองกุก! คิม แทฮยองเป็นน้องชายของบยอน แบคฮยอน ศึกษาให้ดีก่อนเสี้ยมด้วย กูขอ!!”

     


    Talk 2:

    ตอนนี้อยู่ต่างประเทศค่ะ บังเอิญเที่ยวอยู่แล้วไวไฟที่พักไม่ค่อยแข็งแรงเท่าไร ไม่ค่อยเอื้ออำนวยในการลงฟิค ขอโทษด้วยนะคะ

    อีกเรื่องกับการคัมแบคของบังทันและหนังสั้น

    อะไรของบิ้กฮิตคะคุณณณณณณณ???

    คือตอนเรามาเป็นอาร์มี่ก็ไม่เห็นบฮ.จะบอกว่าต้องมีใจรักในปริศนาและการสืบคดีมากขนาดนี้ อิตอนTrilogyของ Prologue- I Need U - RUN - Young Forever (อ่าว สี่แล้วนี่ ไม่ใช่ทรีโลจี้แล้วแหะ) ก็ว่าใช้หัวไปเยอะแล้วนะ (จนถึงตอนนี้ก็ยังไม่สามารถพูดได้เต็มปากเลยด้วยว่ามันเกิดอะไรขึ้น 55555) แต่นี่เจอ WINGS ไปสองตอนบับ...

    งง!! งงมาก!!

    คือก็คิดเอาเองแบบเป็นตุเป็นตะว่าเฮ้ย หรือว่ามันต่อจาก HYYH ที่จองกุกโดนรถชนปะ เหมือนน้องตายแล้วพอตื่นมาเลยมี flashback ได้ยินเสียงแก้วแตก เสียงรถชน มีปีกเพราะเป็นเทวดาไรงี้ แล้วก็นึกถึงฮยองคนอื่นๆที่ตอนนี้ก็ไม่รู้ว่าไปอยู่กันตรงไหน แบบนี้หรือเปล่านะ?

    แล้วก็เจอของจีมกับ LIES แล้วก็พบว่า โอเค ไม่ใช่แล้วล่ะแกกก 5555555

    ล่าสุดเห็นในทวิตว่าที่นัมจุนนาเรทมาจากหนังสือเรื่อง เดเมี่ยน มีภาพประกอบอีกว่านัมจุนอ่านหนังสือเรื่องนี้มาตั้งแต่ตอน I Need You คือแบบ ยอมใจอะ เตรียมกันมานานแล้วสินะ ไอ้ที่ไปส่องๆกราฟฟิติที่พ่นสีเป็นตัว OMN ตามกำแพงในเอ็มวีนี่คือเรามโนไปเองคนเดียวสินะ คือไม่ช่วยอะไรเลยสินะ โอเค ยอมใจค่ะ ไม่เดาแล้วค่ะ พอค่ะ

    ตอนเริ่มเป็นอาร์มี่เราเข้าใจว่าแค่รักบังทันอย่างเดียวก็เป็นได้ ไม่เห็นบฮ.จะบอกเลยว่าต้องมีความรู้ความเข้าใจในวรรณกรรมเช่นนี้ ไม่เห็นบฮ.จบอกเลยว่าต้องสามารถมองเห็นความจริงที่มีเพียงหนึ่งเดียวได้ ไม่เห็นบฮ.จะบอกเลยว่าเลเวลความเป็นนักสืบต้องมีให้เทียบเท่าโคนัน

    คุณ! หลอก! ดาวววว!!! *กรีดร้อง*

    แต่ก็นั่นแหละ เราจะไปทำอะไรได้ ก็รอดูหนังสั้นตัวต่อไปสิคะ 555555

    ก็ดูดี พูดมาทั้งหมดไม่ได้มีส่วนไหนเกี่ยวข้องกับฟิคเลย 5555 เอาเป็นว่าถึงจุดนี้ก็รู้แล้วเนอะว่าแทแทกับแบคฮยอนเป็นอะไรกัน เคลียร์ไปเรื่องหนึ่งนะคะ 

    ขอบคุณมากๆสำหรับคอมเม้นนะคะทุกคนน ไม่ต้องห่วงนะคะ ความเป็นตัวประกอบ ความนกของจองกุกจะค่อยๆหมดไปตามกาลเวลาค่ะ 555555 

    แล้วเจอกันพร้อมกับตอนต่อไปนะคะ รอแปปหนึ่งตามความสตรองของไวไฟที่พักนะคะนะ 5555555



    Talk 1: แทแทเอ้ย.... คือเอ็นดูอะ 5555555555
    จองกุกนกมาก 555555 เห็นคอมเม้นสงสารจองกุกเยอะ ไม่ต้องห่วงนะคะ พอเวลามาถึงกำไรก็คือกำไรค่ะ ใครลงทุนอะไรไว้เดี๋ยวกำไรมันก็ตามมาเอง ชื่อเรื่องเด่นหราว่ากุกวีขนาดนี้การลงทุนไม่มีความเสี่ยงเลยด้วย 55555 
    เอามาสามสิบเปอร์เซ็นก่อนแล้วตัดฉากผัวะไปที่ห้องนั่งเล่นรวมของกริฟฟินดอร์ทีเดียว จะได้รู้เรื่องแทแทกับแบคฮยองของน้องแล้วค่ะ รอนิดหนึ่งนะคะนะะ

    ขอบคุณสำหรับคอมเม้นนะคะ ชอบมากก มีกระแสความปั่นป่วนเพราะบยอน แบคฮยอนอย่างยิ่งใหญ่อะ 5555 

    แล้วเจอกันเร็วๆนี้กับอีกเจ็ดสิบเปอร์เซ็นที่เหลือนะคะ กอดดด

                


    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×