ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    BTS | Mischief Managed [KOOKV ft. YOONMIN, NAMJIN] #บทฮวอย

    ลำดับตอนที่ #6 : Chapter 03: บยอน แบคฮยอน

    • อัปเดตล่าสุด 2 ก.ย. 59


    Mischief Managed 3

     


                  สลิธีรินมีแต่คนน่ากลัว

                  ใครๆก็คิดแบบนั้น

                  ก็จะให้คิดเป็นแบบอื่นได้ยังไงกันล่ะ ในเมื่อกับตันทีมควิดดิชของบ้านสลิธีรินอย่างคริสก็ชอบปั้นหน้าดุแล้วยังว้ากใส่ลูกทีมเสียงดังตลอดเวลา อิม แจบอมเองก็มีชื่อเรื่องความน่ากลัวเวลาโกรธ จำได้ว่าแบมแบมจากกริฟฟินดอร์เคยไปกระตุกหนวดเสือพี่แกเข้าทีหนึ่ง...

                  ...เอาเป็นว่าแล้วแบมแบมก็ไม่เคยทำให้พี่แกโกรธอีกเลยก็แล้วกัน

                  ปาร์ค จินยองหรือที่เรียกติดปากกันว่า จูเนียร์ เพราะดันชื่อซ้ำกับอาจารย์ปาร์ค จินยองแห่งวิชาปรุงยา (และยังเป็นอาจารย์ประจำบ้านสลิธีรินอีกด้วย) ดูเผินๆอาจจะน่ารักอยู่หรอก ดูคุณชายๆละมุนประหลาด แต่ใต้ความละมุนนั่นไอ้แบมแบมเจ้าเดิมที่ยังไม่สำนึกหลังจากคราวอิม แจบอมก็พาตัวเองไปลองของมาแล้ว

                  คงไม่มีใครรู้ว่าเกิดอะไรขึ้นนอกจากตัวแบมแบมกับจูเนียร์เอง แต่แบมแบมปีสาม(ในตอนนั้น)เดินกลับหอมาพร้อมกับรอยช้ำประหลาดที่ซอกคอกับแก้มยุ้ยๆที่แดงเถือก เอาเสียตกใจกันไปหมดเพราะ เฮ้ย ขนาดไปยั่วโมโหอิม แจบอมสุดโหดมาแล้วเด็กมันยังไร้รอยขีดข่วน แต่กับปาร์ค จินยองที่ยิ้มอ่อนๆ ดูเป็นห่วงเป็นใยเป็นออมม่านี่เด็กมันตัวเขียวกลับมาเลยเหรอวะ??

                  อีเห้... ปาร์ค จินยองลงไม้ลงมือกับเด็กปีสามเลยเหรอมึงงง???

                  ก็อย่างที่บอกว่าไม่มีใครรู้ว่าเกิดอะไรขึ้น... สิ่งเดียวที่แบมแบมฝากไว้หลังจากเหตุการณ์นั้นก็คือ:

                  “เชี่ย... เห็นอย่างนั้นกูนึกว่าแมว แม่งทำไมไม่บอกกูแต่แรกว่าเป็นเสือวะ?”

                  ก็นั่นแหละ มันจะหมายความว่าอะไรก็ไปคิดกันเอาเองแล้วกัน

                  อีกคนก็โอ เซฮุน รายนี้ตอนแรกก็ทำเอาทุกคนเกรงกันไปหมดเพราะหน้าแม่งโคตรนิ่ง คิ้วเข้มตาคมคือดูดุ๊ดุไง ปากก็เสีย อ้ามานี่ไม่เคยมีอะไรดีๆหลุดออกมาจากปากคุณชายแกเลย จีมินคิดว่าเขาโชคดีที่มีเพื่อนเป็นแทฮยอง เพราะไม่รู้อะไรยังไงอีกฝ่ายถึงได้ไปรู้จักสนิทสนมกับโอ เซฮุน ซีกเกอร์ของทีมควิดดิชของสลิธีรินได้ แต่ผลสุดท้ายแล้วมันก็เลยทำให้จีมินรู้ว่าโอ เซฮุนไม่ใช่คนแลวร้ายอะไร แค่พูดจากวนประสาทแต่ก็เป็นเพื่อนที่ดีคนหนึ่ง

                  สุดท้าย... ก็มิน ยุนกิ

                  “หน้าไปโดนอะไรมา?”

                  ในมุมมืดๆของห้องสมุด โทนเสียงต่ำของรุ่นพี่ปีหกบ้านสลิธีรินถามด้วยน้ำเสียงเรื่อยๆพร้อมกับมือขาวจัดที่เอื้อมมาแตะที่ข้างแก้มจีมินเบาๆ เขาส่ายหัว

                  “ไม่ได้เป็นอะไรครับ เผลอโดนวิคกี้ของไอ้แทข่วนเอาเฉยๆ”

                  มิน ยุนกิถอนหายใจ เขาหยิบไม่กายสิทธิ์ของตนเองออกมาจากเสื้อคลุมและจ่อมันตรงแถวข้างแก้มยุ้ยๆ

                  “เอพิสกี้”

                  การร่ายเวทมนตร์ของมิน ยุนกิเหมือนกับคำพูดและอุปนิสัยของเขาไม่มีผิด น้ำเสียงที่ใช้เป็นน้ำเสียงเฉื่อยๆติดจะขี้เกียจ ไม่ได้มีความสวยงามเป็นธรรมชาติเหมือนของจอน จองกุกหรือว่าแรงสะบัดที่ดูจะขี้เล่นซุกซนของคิม แทฮยอง

                  แต่พอไอเวทมนตร์ของมิน ยุนกิค่อยๆสมานรอยข่วนที่แก้มของจีมินจนรู้สึกทั้งร้อนทั้งหนาวตรงปากแผลแล้ว เขาคิดว่าเวทมนตร์ของมิน ยุนกิมันช่างอ่อนโยนเหลือเกิน

                  เหมือนคนร่ายจริงๆนั่นแหละ

                  “ก็แค่นี้” ยุนกิเก็บไม้กายสิทธิ์ของตัวลงกลับไปเมื่อแผลของจีมินปิดสนิท ปลายนิ้วกร้านไล่จับดูพวงแก้มทั้งสองข้างอีกทีให้เห็นว่าไม่มีอะไรอีกแล้ว

                  “คาถาง่ายๆแค่นี้ทำไม่เป็นหรือไง? ถ้ารอให้หายเองแล้วเป็นแผลเป็นจะทำยังไงฮะ?”

                  จีมินก้มหน้าลงเมื่อโดนดุ สายตาของอีกฝ่ายยังมองมาคาดคั้นจนต้องอุบอิบตอบ

                  “ก็... มันนิดเดียวนี่ครับยุนกิฮยอง...”

                  “นิดเดียวก็ไม่ได้ ให้ตายเถอะ...” ยุนกิผ่อนลมหายใจอย่างไม่สบอารมณ์นัก “ปกติหน้าก็โง่อยู่แล้ว มีแผลเป็นนี่จะดูโง่กว่าเดิมกี่เท่าไม่กลัวหรือไง?”

                  คือแค่ด่าอย่างเดียวจีมินก็กลัวหัวหดแล้ว นี่พี่ต้องมาตอกย้ำว่าหน้าจีมินโง่ด้วยเหรอ T_T

                  “เอ้า งั้นก็ไปกันเถอะ” พอด่าเสร็จพี่แกก็ลุกขึ้นเก็บหนังสือบนโต๊ะใส่กระเป๋าพรวดๆ จีมินมองตามเลิกลั่กแล้วเก็บของส่วนของตนเองบ้าง

                  “อ..เอ่อ จะไปตอนนี้เลยเหรอครับ?”

                  “ก็ใช่น่ะสิ ฉันอุตส่าห์เลือกนายด้วยตัวเองให้มาช่วยงานฉันเลยนะ คนโปรดของอาจารย์อี ถ้าไม่ใช้ให้คุ้มคงเสียดายแย่” กระเป๋าหนังเนื้อดีที่คงราคาแพงกว่าชุดทั้งชุดที่จีมินใส่อยู่ในตอนนี้ถูกโยนมาให้เชสเซอร์ของฮัพเฟิลพัฟรีบรับแทบไม่ทัน

                  “รีเพลกซ์ดีนี่ สมกับที่เป็นเชสเซอร์ ถือกระเป๋าแล้วก็ตามฉันมา”

                  จีมินขานรับ เขารีบเดินตามร่างของมิน ยุนกิไปที่หอคอยดูดาว ที่ที่พวกเขาจะร่วมมือกันทำงานโปรเจ็คพิเศษของยุนกิ การจำลองโครงสร้างและแพทเทิร์นของดวงดาวประกอบกับสัญลักษณ์เวทมนตร์ต่างๆบนท้องฟ้า เป็นโปรเจควิจัยส่วนตัวที่ยุนกิบอกว่าจะเริ่มทำตั้งแต่ตอนนี้ให้ทันการจบการศึกษาในชั้นปีที่เจ็ดของเขาในปีหน้า ทันที่จะสามารถใช้ประกอบการสมัครเข้าทำงานในกรมกองปริศนาของกระทรวงเวทมนตร์เกาหลีได้

                  ตอนแรกจีมินก็งงๆอยู่ที่ยุนกิเอ่ยปากเรียกเขาทั้งๆที่เจ้าตัวกับจีมินก็ไม่เคยพูดคุยกันมาก่อน (จีมินจำได้ว่าเคยพูดกับรุ่นพี่ตัวขาวคนนี้อยู่ครั้งเดียวตอนปีสอง เป็นคำว่า “ขอโทษครับ” หลังจากที่เผลอเดินไปชนยุนกิเท่า ใบหน้าของมิน ยุนกิในตอนนั้นดูไม่สบอารมณ์มากจนจีมินวิ่งหนีไปอย่างไวและหลบหน้าพี่เขาต่ออีกเป็นเวลาสองเดือน) แต่พอคุยกับซอกจินฮยองที่ได้เรียนดาราศาสตร์กับมิน ยุนกิแล้วซอกจินก็บอกว่ามันไม่น่าตกใจขนาดนั้นหรอก

                  “ดาราศาสตร์มันไม่ใช่วิชาที่คนจะให้ความสำคัญมากหรอกนะ เด็กที่ทั้งชอบและทำงานวิชานี้ได้ดีแบบจีมินจะถูกอาจารย์อีพูดถึงอยู่บ่อยๆก็ไม่แปลกหรอก คงเพราะอย่างนี้ยุนกิถึงได้ขอให้จีมินมาช่วยทำงานด้วย”

                  จีมินเองก็ยังไม่แน่ใจอยู่ดีว่าเขาจะดีพอที่จะช่วยรุ่นพี่ได้หรือเปล่า... แต่สุดท้ายแล้วจีมินก็รู้ว่าไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นเขาก็ดีใจที่มิน ยุนกิเลือกเขา

                  ได้เป็นคนที่เข้ามาใกล้ชิดจนได้เห็นด้านที่อ่อนโยนของมิน ยุนกิแบบนี้น่ะ จีมินดีใจจริงๆ

     


                  “เหี้ย! ไซเฟอร์กู!

                  ไม่ต้องหันไปมองแทฮยองก็รู้ทันทีว่าไอ้นกฮูกซุ่มซ่ามของนัมจุนอย่าง ไซเฟอร์ คงจะบินชนหน้าต่างอีกแล้ว เป็นเรื่องที่เกิดขึ้นบ่อยๆแทบจะทุกอาทิตย์ในเวลาอาหารเช้าที่พวกนกฮูกจะนำพัสดุมาส่งให้กับนักเรียน ร่างสูงของคิม นัมจุนลุกพรวดออกจากโต๊ะอาหารของเรเวนคลอออกไปหาไซเฟอร์ แทฮยองมองตามเบื่อๆก่อนที่จะสะดุดตาให้กับนกฮูกสีขาวโพลนคุ้นตา

                  “จีมิน นั่นเอริของแม่นายไม่ใช่เหรอ?”

                  นกฮูกของตระกูลปาร์คบินเข้ามา มันปล่อยกล่องพัสดุขนาดใหญ่ลงพร้อมกับจีมินที่รับไว้อย่างพอดิบพอดี แทฮยองบิขนมปังจากจานอาหารของตัวเองให้เอริเป็นรางวัล เจ้านกฮูกซุกเข้ากับฝ่ามือเขาออดอ้อนแล้วแทฮยองก็อมยิ้ม

                  “ขนมมมม” เรื่องกินเรื่องใหญ่เสมอกับปาร์ค จีมิน ดวงตายิบหยีเป็นประกาย “แทแทอา แม่ฝากขนมมาให้นายด้วย มีคุ้กกี้คาราเมลที่แทแทชอบกับคุกกี้ครัมเบิ้ล”

                  แทฮยองรับขนมส่วนของตัวเองมา จีมินอ่านจดหมายต่อและแบ่งขนมให้คนอื่นๆต่อไป

                  คุณน้าใจดีจังเลยน้า... แทฮยองคงต้องเตือนตัวเองให้เขียนจดหมายขอบคุณไปคืนนี้ ข้างๆเขาซอกจินฮยองวางจดหมายที่ยังไม่ได้เปิดอ่านของตัวเองลงแล้วกำลังแกะขนมที่แม่ของจีมินฝากมากินเอาเดี๋ยวนั้นพร้อมกับคำชมไม่ขาดสาย

                  “จีมินนี่ ฮยองอยากได้สูตรอะ ขอสูตรคุณแม่ให้ฮยองหน่อยสิ”

                  “ไอ้ขอมันก็ได้อยู่หรอก แต่ถึงจะมีสูตรแล้วฮยองจะเอาเวลาไปทำตอนไหนล่ะ?”

                  “เอ้า ก็เดี๋ยวปิดคริสมาส ปิดอีสเตอร์ก็ว่างไงวะ อ๊ะ นอกจากว่าเราจะไปที่ไหนกัน” ซอกจินฉีกยิ้มกว้าง “ว่าไง ปิดคริสมาสพวกนายจะอยู่ที่บ้านกันตลอดเลยเหรอ? เรานัดไปเที่ยวด้วยกันหน่อยดีไหมล่ะ?”

                  “ไปเที่ยวเหรอ?” แทฮยองทวน มันแน่นอนอยู่แล้วว่าตัวเขาจะต้องอยู่กับครอบครัวในวันคริสมาสกับคริสมาสอีฟ แต่ช่วงที่ปิดมันก็ยาวตั้งสองอาทิตย์ ถ้าได้ไปเที่ยวกับเพื่อนๆมันก็น่าสนใจไม่น้อย

                  “ถ้ากลับก่อนคริสมาสอีฟแทแทก็น่าจะไปได้นะ อยากจะไปที่ไหนล่ะ?”

                  “หน้าหนาวไปทะเลหรือแคมป์ปิ้งมันก็แปลกๆอยู่นะ...” ซอกจินโคลงศีรษะ จีมินพยักหน้าพลางคิดตาม

                  “ไปอาบน้ำพุร้อนกันไหมล่ะครับ? ถ้าเป็นชุนชงบุกโดล่ะก็แม่ผมมีบ้านพักตากอากาศอยู่ที่นั่นนะ”

                  “ชุนชงบุกโด? ก็เข้าท่าอยู่นะ” เป็นที่ที่มีแหล่งน้ำแร่แล้วก็น้ำพุร้อนนี่นา... ถ้าได้ไปพักผ่อนก็คงดีเหมือนกัน ทุกวันนี้ซ้อมควิดดิชไอ้บ้าซองแจก็เล่นเอาแทฮยองน่วมไปหมดแล้ว ซอกจินฮยองพยักหน้าตกลงอย่างไม่ลังเล จีมินยิ้มเมื่อเห็นว่าทุกคนเห็นดีเห็นงามด้วย

                  “งั้นเอาตามนั้นนะ เดี๋ยวจะบอกแม่ไว้ให้นะครับ”

                  “นี่ๆ จีมินนี่ ถ้าฮยองจะชวนนัมจุนไปด้วยจะเป็นอะไรหรือเปล่า?” คำถามของซอกจินทำให้จีมินหัวเราะ เขาส่ายหัว

                  “ไม่เป็นไรครับ นี่ตอนฮยองบอกผมกับแทแทว่าจะไปเที่ยวด้วยกันนี่ผมเองก็นึกว่าฮยองนับนัมจุนฮยองรวมไปแล้วเสียอีก”

                  ซอกจินจิ๊ปาก

                  “เรื่องแซวนี่ของให้บอกสินะ ก็แค่ถามเผื่อไว้เฉยๆแหละ ไม่รู้หรอกว่าหมอนั่นจะอยากไปหรือเปล่า”

                  “ถ้าซอกจินฮยองไปเสียอย่างก็ต้องอยากไปอยู่แล้วนี่นา” แทฮยองล้อบ้าง ใบหน้าของซอกจินขึ้นสีระเรื่อเบาๆน่ามองจนเจ้าตัวต้องก้มหน้าหยิบขนมขึ้นกินต่อกลบเกลื่อน

                  คิม นัมจุนกับคิม ซอกจินเป็นปริศนาของฮอกวอตส์จริงๆนะ

                  ที่เป็นปริศนาไม่ใช่เพราะว่าสองคนนั้นดูลึกลับน่าสงสัย แต่เป็นเพราะว่าไม่มีใครรู้อย่างแน่ชัดว่านัมจุนกับซอกจินเป็นอะไรกันต่างหาก

                  คิม นัมจุนกับคิม ซอกจินเป็นเพื่อนสมัยเด็กกัน พอมาถึงฮอกวอตส์ถึงจะโดนคัดสรรให้อยู่คนละบ้านแต่ทั้งสองคนก็ยังสนิทกัน เวลาว่ายังไปไหนมาไหนด้วยกันอยู่เสมอ เป็นความผูกพันที่ดูเหมือนจะแน่นหนาขึ้นเรื่อยๆตามวันและเวลาในแบบที่คนรอบข้างก็อดที่จะสงสัยไม่ได้ว่าเป็นแค่เพื่อนจริงๆเหรอ?

                  มันไม่ใช่ว่าไม่เคยถามเพราะแทฮยองเองก็เคยพยายามจะเค้นมาแล้ว ซอกจินฮยองชอบทำท่ายิ้มๆแล้วก็ตอบไม่ตรงคำถาม นัมจุนฮยองก็หัวเราะแล้วไหวไหล่เป็นเชิงว่าเขาเองก็ไม่รู้เหมือนกัน พอเจอมาแบบนี้แล้วแทฮยองเองก็งงเหมือนกันนะ

                  แล้วอย่างนี้ก็อีก... พอโดนแซวเข้าหน่อยซอกจินฮยองก็ชอบทำท่าเหมือนจะเขินแบบนี้ ถ้าไม่ได้แปลว่าซอกจินฮยองชอบนัมจุนฮยองแล้วจะให้คิดยังไง? กับนัมจุนฮยองนั่น แทฮยองไม่สงสัยเลยสักนิด เพราะถึงจะเป็นรุ่นพี่ต่างบ้านแต่ทุกการกระทำของนัมจุนฮยองมันบ่งบอกอยู่แล้วว่าสำหรับพรีเฟคชายแห่งบ้านเรเวนคลอแล้วไม่มีใครจะสำคัญเท่าคิม ซอกจิน

                  ทำไมไม่คบๆกันไปให้หมดเรื่องหมดราวไปเลยวะ? คือคนจะเสือกก็เหนื่อยนะ พวกพี่รู้บ้างหรือเปล่า?

                  แทฮยองบิขนมปังให้เอริไปอีกหน่อย พอดีกันกับที่นัมจุนจะเดินกลับเข้ามาในห้องอาหารพร้อมกับไซเฟอร์ เขาตรงดิ่งเข้ามาหาซอกจิน คุยอะไรกันสั้นๆแล้วก็กลับที่นั่งที่โต๊ะเรเวนคลอที่เดิมไปพร้อมกับมือที่โบกลาซอกจินรวมไปถึงรุ่นน้องคนสนิทอีกสองคนเบาๆ

                  ซอกจินฮยองมองตามอีกฝ่ายไปจนถึงโต๊ะ มุมปากสีหวานคลี่ยิ้ม

                  ...บางทีถึงมันจะดูกำกวมหน่อยแต่ก็คงไม่เป็นไร ถ้าซอกจินฮยองกับนัมจุนฮยองมีความสุขมันก็คงโอเคแล้วล่ะนะ

                  แทฮยองอมยิ้มตาม เอี้ยวตัวไปจะหยิบน้ำเชื่อมมาราดแพนเค้กบนจานของตัวเองแต่แล้วดวงตาคู่สวยก็เหลือบไปเห็นนกฮูกแคระสีน้ำตาลคาราเมลเข้าเสียก่อน

                  นกฮูกของบยอน แบคฮยอน

                  แทฮยองมองตามนกฮูกตัวนั้นจนกระทั่งมันบินลงไปหาหนึ่งในสองแบตเตอร์ของกริฟฟินดอร์ แบคฮยอนแกะจดหมายออกจกข้อเท้าของนกฮูกแคระก่อนที่เขาจะเงยหน้าขึ้นมองซ้ายขวาเหมือนกำลังหาอะไรบางอย่าง พอเห็นแทฮยองที่มองรออยู่ก่อนแล้วแบคฮยอนก็พยักหน้าให้

                  “จีมินนี่ เดี๋ยวกินเสร็จแล้วฉันมีที่ที่ต้องไปก่อน ไม่ต้องรอนะ”

     

                  “มาช้านะเด็กน้อย”

                  เสียงของบยอน แบคฮยอนดังขึ้นทักทันทีที่แทฮยองวิ่งไปถึงมุมทางเดินเล็กๆที่เป็นจุดนัดพบของพวกเขา มันเป็นมุมสุดท้างเดินที่ดูไร้ประโยชน์มุมหนึ่งของฮอกวอตส์ เพราะนอกจากว่าจะเป็นทางตันแล้วมันยังค่อนข้างจะไกลจากห้องเรียนอื่นๆด้วย มีแต่กระจกบานใหญ่ที่ถูกวาดเป็นรูปนกกระเรียงสีทองแล้วก็มีรูปปั้นของนกฟีนิกส์ตัวหนึ่งก็เท่านั้น ไม่ค่อยมีคนมาที่นี่มากนักถึงแม้แทฮยองจะเคยได้ยินว่าทำเลที่ลับตาคนตรงนี้เป็นทำเลทองของพวกคู่รักที่จะแอบมาจู๋จี๋กันก็เถอะ

                  อย่างไรก็ตามแทฮยองเบ้ปากให้กับชื่อเล่นที่อีกฝ่ายใช้เรียก เขาตัดสินใจเมินคนขี้แกล้งแล้วแบมืออ้าออกให้ตรงหน้า แบคฮยอนจิ๊ปากแต่ก็วางซองจดหมายให้แต่โดยดี

                  “อะไรว้า ไม่คิดจะทักฮยองสักคำเลยหรือไงเด็กน้อย? ชักจะคิดว่าตัวเองโดนหลอกใช้แล้วนะเนี่ย”

                  “ก็เห็นๆอยู่ว่ายังสบายดีนี่นา” แทฮยองพึมพำ “แต่ไว้ค่อยคุยกันได้ไหมแบคฮยอง? แทแทมีเรียนปรุงยา”

                  “อื้อ ก็ได้” แบคฮยอนยกมือขึ้นลูบหัวคนตัวเล็กกว่าเบาๆ “ตั้งใจเรียนนะเด็กน้อย เอ้า ก่อนไปมาโปะๆฮยองก่อนสิ”

                  “ไม่เอา! แทแทบอกแล้วไงว่ารีบ”

                  แทฮยองหมุนตัวออกไปจะเดินหนี แต่แบคฮยอนกลับคว้าแขนเขาไว้แน่น

                  อิเห้ มือหรือกีบ ตอบบบ

                  “ถ้ารีบก็มาหอมแก้มฮยองเร็วๆสิเด็กน้อย ถ้าไม่ทำจะไม่ให้ไปเรียนนะ” แบคฮยอนว่ากลั้วหัวเราะ แทฮยองเบ้ปากใส่

                  “ฮยองโรคจิต ขาดความรักหรือไง?”

                  “เออ ขาดจากเด็กน้อยของฮยองเนี่ยแหละ มาโปะๆเร็วๆ”

                  แทฮยองถอนหายใจพรืด ลองสะบัดแขนดูแล้วก็ไม่หลุด มีแต่อีกฝ่ายจะมาบีบกันแน่นขึ้นจนเริ่มเจ็บแทน เมื่อเห็นว่าคงไม่มีทางเลือกอื่นแล้วแทฮยองก็เดินจ้ำแรงๆให้เห็นกันชัดๆว่าโดนบังคับแล้วยกเท้าเขย่งกดจมูกลงข้างแก้มนุ่มของรุ่นพี่ปีหกเร็วๆ

                  “งื้ออออ ไอกูวววว ควียอบตะ” แบคฮยอนถึงกับกระชากแทฮยองเข้ามากอดรัดฟัดจนแทบจะหายใจไม่ออก ฮัฟเฟิลพัฟตัวเล็กดิ้นขลุกขลัก

                  “ก็เป็นแบบนี้ทุกทีถึงไม่อยากหอมไง!!

                  “ก็เด็กน้อยแทแทอาของฮยองน่ารัก” แบคฮยอนกดริมฝีปากลงบนหน้าฝากมนตรงหน้าเบาๆอีกครั้งแก้หมั่นเขี้ยว “ไอกู... น่ารักแบบนี้ไงไอ้เด็กบ้านั่นถึงตามติดแจแบบนี้...”

                  “หือ? เมื่อกี้อะไรนะ?” แทฮยองถามเมื่อประโยคสุดท้ายของรุ่นพี่มันเบาหวิวจนได้ยินไม่ถนัด คือตัวเองก็กำลังดิ้นๆให้หลุดจากสองแขนที่กำลังคอฟเวอร์เป็นหนวดปลาหมึกด้วยแหละเลยจับใจความไม่ค่อยได้

                  “เปล่า แค่คิดถึงพวกแมลงในหอน่ะ รินไรมันน่ารำคาญเนอะแทแทว่าไหม?” รินไรบ้าอะไร? อยู่ดีๆจะมาพูดถึงแมลงทำพรื่อ? “นี่เด็กน้อย เมื่อไรเราจะเปิดตัวกันล่ะ? ทำไมไม่บอกคนอื่นๆสักทีว่าเราเป็นอะไรกัน?”

                  แทฮยองขมวดคิ้ว

                  “อะไรของแบคฮยองเนี่ย? ต้องมีเปิดตัวด้วยเหรอ? มันก็ไม่ใช่ความลับสักหน่อยนี่นา พวกจีมินนี่กับยองแจ แล้วก็ซอกจินฮยองก็รู้อยู่ คนอื่นๆเขาไม่ได้ถามแทแทก็เลยไม่ได้พูดอะไรก็เท่านั้น”

                  “หืมม์...” แบคฮยอนส่งเสียงรับรู้ “นั่นสินะ มันไม่ใช่ความลับ แต่พอคนส่วนใหญ่ไม่รู้มันก็น่าหงุดหงิดแปลกๆนะ ฮยองอยากจะตะโกนบอกทุกคนจังเลย...”

                  ดวงตาเรียวสวยของบยอนแบคฮยอนไล่ไปถึงเงาตะคุ่มๆตรงทางเดินที่เขาเห็นมาตั้งแต่เมื่อกี้ รูปร่างส่วนสูงที่ดูคุ้นๆทำให้พอเดาได้ไม่ยากว่าอีกฝ่ายเป็นใคร ริมฝีปากบางลอบยิ้มที่ดูคล้ายการแสยะ

                  “...ว่าฮยองกับแทแทอาไม่ได้เป็นแค่รุ่นพี่รุ่นน้องในโรงเรียน”


    Talk: หวายยยย หวายยย หวายยยยย
    บยอน แบคฮยอนเปิดตัวแรงค่ะเธอ! 
    ส่วนตัวแล้วชอบคู่แบคแทเหมือนกันนะ เอาจริงๆคือชอบทุกคนกับแทแท #ทีมวีเคะ ค่ะ น้องวีกินกับอะไรก็อร่อย คริ
    อินโทรเปิดตัวมิน ยุนกิคนหล่อสายแบดด้วย แล้วก็ใส่เรื่องของซอกจินกับนัมจุนมานิดหนึ่ง จริงๆแล้วสองคู่นี้มีเรื่องที่น่าสนใจอยู่นะคะ แต่ส่วนของกุกวีและเนื้อเรื่องโดยรวมก็มีดีเทลอยู่เยอะ พยายามจะแทรกของทุกคนมาทีละนิดทีละหน่อยนะ แฟนๆของสองคู่นี้รอเราหน่อยนะคะ <3 

    #เป็นเสือก็บอกไม่ใช่หลอกว่าเป็นแมว กับ #เพียงชายคนนี้หลอกเป็นออมม่ามาสองปีเศษ ชอบอะ 55555 ใครสังเกตเห็นในฟิคบ้างเอ่ยยย? 

    นิดหนึ่งกับวันเกิดของกุกกี้ที่เพิ่งผ่านไป สุขสันต์วันเกิดนะจองกุกกี้! ขอให้เป็นเด็กดีน่ารักๆของพวกฮยองตลอดไปนะคะ ขอบคุณสำหรับทุกอย่างที่ผ่านมา ขอบคุณสำหรับคอฟเวอร์เพลง Purpose ด้วย เพราะมากๆเลย ใครยังไม่ได้ฟังลองไปฟังดูนะคะ เราชอบมากๆ รู้สึกว่ากุกกี้เลือกเพลงสำหรับวันเกิดได้ดีจริงๆ 

    ขอบคุณสำหรับคอมเม้นนะคะทุกคน แล้วเจอกันนะคะ <3



    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×