ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    BTS | Mischief Managed [KOOKV ft. YOONMIN, NAMJIN] #บทฮวอย

    ลำดับตอนที่ #20 : Chapter 16: หน่วงใจ

    • อัปเดตล่าสุด 3 เม.ย. 60


    Mischief Managed 16

     

                  ...ซันยองไม่เข้าใจจริงๆว่าเธอพลาดไปตรงไหน?

                  คุณแม่ที่ดูอ่อนเยาว์ไม่ต่างจากสาวแรกรุ่นถอนหายใจดังเฮือก พอทุกคนทักทายและแยกย้ายกันไปเก็บของ เด็กๆที่มาถึงกันเมื่อวานก็ขอตัวออกไปเดินเที่ยวดูข้างนอกรีสอร์ท จีมินที่เป็นเจ้าบ้านอาสาจะนำทีมออกไปทัวร์ชุนชนบุกโด ซึ่งเหล่าคุณแม่ก็ว่าเด็กๆก็น่าจะออกไปเปิดหูเปิดตาเที่ยวเล่นกันตามภาษาเด็กๆโดยที่ไม่ต้องมีพวกป้าๆแบบพวกเธอคล้อยไปด้วย ซันยองกับโบอาเลยบอกว่าจะอยู่ที่โรงแรมแล้วนั่งจิบชาระลึกความหลังกับซอนมีน่าจะดีกว่า

                  “...อ่า... ผมเองก็ยังไม่ได้จัดของ เดี๋ยวพี่เอากระเป๋าพวกเราขึ้นห้องแล้วช่วยคุณแม่อยู่จัดของแล้วกันนะ” ปาร์ค โบกอม ลูกชายคนดีของเจ้าโบอาพูดประโยคแรกกับแม่ของตัวเอง ส่วนอันหลังนั่นเขาบอกรุ่นน้องร่วมสถาบัน โบกอมยกมือขึ้นยีหัวของหนูแทฮยอง

                  “ไว้พี่จะรีบเก็บของแล้วค่อยตามเราออกไปนะครับ มีโทรศัพท์มือถืออยู่กับตัวใช่ไหม?”

                  “ครับ” แทฮยองพยักหน้าหงึก ตัวแทฮยองมักจะพกโทรศัพท์มือถือไว้กับตัวอยู่แล้วเพราะเขามาจากบ้านที่มีแต่มักเกิ้ล ยิ่งเมื่อพ่อไม่ค่อยพิศวาสการส่งสารโดยนกฮูกมากนักแทฮยองเลยต้องพกเครื่องมือสื่อสารของมักเกิ้ลไปด้วย ถึงจะใช้ที่โรงเรียนไม่ได้เพราะข่ายเวทมนตร์ของฮอกวอตส์ไม่รองรับอุปกรณ์อิเล็กโทรนิกส์ก็เถอะ

                  “เดี๋ยวเสร็จแล้วพี่โบกอมโทรหาผมแล้วกันครับ”

                  “ไม่ต้องก็ได้นี่นา” ปาร์ค โบอาเอ่ยขัดขึ้นมา “โบกอมไม่ต้องอยู่ช่วยแม่หรอก ไปเที่ยวกับน้องเถอะ เดี๋ยวของโบกอมแม่จัดให้ เวทมนต์มันสะดวกจะตาย สะบัดมือแปปๆก็เสร็จ”

                  “เอาอย่างนั้นเหรอครับ?”

                  “จ้ะ ไปกับน้องเถอะ หลังๆไม่ค่อยเจอกันเลยนี่นา คงคิดถึงกันแย่”

                  ซันยองว่าเธอไม่ได้คิดไปเอง แต่เจ้าจองกุกลูกชายเธอดูหน้าตึงแปลกๆ อารมณ์แปรปรวนมาสักพักแล้ว...

                  อ๊ะ... หรือว่าจะเพราะหนูไอยู?

                  เพราะหนูไอยูต้องอยู่เก็บของ เพราะยังอายุไม่ถึงก็เลยใช้เวทมนตร์ทุ่นแรงไม่ได้ด้วย คงจะหงุดหงิดที่กว่าจะเสร็จก็จะใช้เวลานาน ไม่ได้เที่ยวด้วยกันสินะ

                  แหมะ ตรงเผ็ง ใช่แน่ๆ ซันยองเธอนี่ฉลาดเหลือเกิน!

                  กุกกี้ของแม่ แม่จะช่วยกาตุ่ยน้อยของแม่เอง!!

                  “งั้นเหลือหนูไอยูอยู่นี่คนเดียวก็แย่น่ะสิ แม่ช่วยเก็บของดีไหมคะ? หรือไม่ก็ให้เจ้าจองกุกรอหนูที่นี่ก่อนแล้วค่อยไปสมทบกับพวกเด็กๆที่หลัง”

                  ไอยูยิ้มหวาน เธอช้อนตามองซีกเกอร์รุ่นพี่จากกริฟฟินดอร์น้อยๆ

                  “ถ้าจะไม่รบกวน จองกุกโอปป้ารอไอยูด้วยได้ไหมคะ?”

                  จองกุกอ้าปากจะเถียงอะไรสักอย่าง แต่คุณแม่ยังสาวก็เอื้อมมือมาบิดหลังท้องแขนจนเนื้อแทบหลุด ดวงตาคมที่เห็นความหงุดหงิดเด่นชัดวาวโรจน์ แต่จองกุกก็แค่พยักหน้า

                  คุณป้าโบอาหัวเราะเบาๆ

                  “เรียบร้อยแล้วเนอะ งั้นเด็กๆไปเที่ยวกันดีๆนะจ้ะ โบกอมดูแลน้องด้วยล่ะ”

                  มือขาวจัดของคุณป้าเอื้อมไปหยิกแก้มนุ่มนิ่มของคิม แทฮยองอีกครั้ง เป็นการบอกเป็นนัยๆว่า “น้อง” ที่เจ้าหล่อนพูดถึงหมายถึงใครกันแน่ ซันยองมองสองแม่ลูกตระกูลปาร์คที่ยังประคบประหงมหนูแทฮยองไม่ห่างกายแล้วเธอก็ได้แต่สงสัยว่าตัวเองไปพลาดที่ตรงไหน

                  ซันยองก็เนียนเป็นแม่สื่อให้ลูกชายกับคนที่เจ้าลูกชายชอบแล้วนี่ไง... ทำไมรอบตัวเธอถึงไม่มีออร่าความมุ้งมิ้งแบบที่ยัยโบอามีบ้างล่ะ??

                  ซันยองทำอะไรผิดอย่างนั้นเหรอ???

                 


                  แทฮยองกำลังรู้สึกหวิวๆแปลกๆ

                  “แทฮยอง? ไม่สนุกเหรอครับ?”

                  เสียงนุ่มๆของโบกอมฮยองปีเจ็ดทำให้แทฮยองเงยหน้าขึ้นหาต้นเสียง อีกฝ่ายยิ้มมาดูอ่อนโยนให้ใจชื้น มือใหญ่เอื้อมมาคว้ามือนุ่มนิ่มของตัวเองไปจับเอาไว้

                  แต่หัวใจมันก็ยังหวิวๆตึงๆประหลาด

                  “ใจลอยแบบนี้พี่จับมือเราไว้นะ จะได้ไม่หลงกัน”

                  “อ่า.. ครับ” พยักหน้าหงึกยอมไปแล้วโบกอมก็ยิ้มกว้าง ชายหนุ่มหน้าตาหล่อเหลาเดินจูงมือเขาไปสมทบกับคนอื่นๆที่กำลังยืนมุงร้านต๊อกโบกีแบบดั้งเดิมที่กำลังส่งไอร้อนออกมาหอมฉุย ดูแล้วเหมาะเจาะกับอากาศหนาวเหน็บในเดือนธันวาคมแบบนี้ที่สุด

                  “ร้านนี้สูตรเขาดั้งเดิมมากๆเลยนะ อร่อยมากเลย ถ้ามาแถวย่านนี้ก็ต้องร้านนี้แหละ” จีมินโฆษณาร้านต๊อกโบกีเจ้าดัง ทุกคนพากันเข้าร้านไปพร้อมกับโบกอมที่ยังจูงมือพารุ่นน้องต่างบ้านตัวเล็กๆนั่นเข้าไปด้วยกัน ในร้านที่เล็กๆนั่นพวกเขานั่งกินและพูดคุยกันอย่างสนุกสนาน นัมจุนและโฮซอกกางแผนที่กับจีมินช่วยกันวางแผนว่าจะเดินลัดเลาะไปตรงไหนดี ซอกจินกับแบคฮยอนคอยคีบอาหารใส่จานให้แทฮยองพร้อมกับบอกให้เขากินเยอะๆ สีหน้าเอือมระอาของชานยอลที่ต้องคอยยื่นตะเกียบมาช่วยคีบกองแป้งต็อกบนจานของแทฮยองไปกินเองทำให้เขายิ้มขอบคุณ

                  “โอ้ยยยย หารกันจ่ายนะเว้ยฮยอง ไม่ได้เลี้ยงวันเกิดหรือเลี้ยงส่งไอ้แทมัน ไม่ต้องให้มันกินเยอะขนาดนั้นก็ได้!” เป็นซองแจที่โดนแบคฮยอนแย่งคีบอาหารไปให้น้องเป็นรอบที่เก้า (ใช่ ซองแจนั่งนับ พวกคุณไม่เคยโดนแย่งติดๆกันรัวๆแบบนี้ไม่มีวันเข้าใจหรอก!) ที่พูดโพล่งขึ้นมาอย่างเหลืออด แทฮยองยิ้มขำพลางเลื่อนจานไปให้เพื่อนร่วมบ้านที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้าม

                  “ดีเลย มึงมาช่วยกูกิน”

                  “มึงไม่ต้องให้ช่วยกูก็จะแย่งมึงกิน” ซองแจยังบ่นอุบอิบ ข้างๆกันนั่นยองแจที่กำลังเติมชาเงยหน้าขึ้นมามอง

                  “มึงเอาชาเพิ่มไหมแทฮยอง?”

                  “อื้อ” เลื่อนแก้วที่ว่างเปล่าของตัวเองไปให้แล้วยองแจก็รินชาให้เงียบๆ แทฮยองก้มหน้าคีบแป้งต็อกขึ้นมาเคี้ยวหงุบหงับอีกครั้ง

                  “ผมจะเข้าปากแล้ว”

                  เสียงนุ่มๆของพี่ปีเจ็ดบ้านสลิธีรินมาพร้อมกับนิ้วเรียวที่ปัดปอยผมออกจากใบหน้าให้ โบกอมยิ้มอ่อนๆ ดูอบอุ่นละมุนละไมจนนาอึนต้องมองซ้ายมองขวา

                  “...นี่จะขยับยุกยิกทำไมวะนาอึน นั่งดีๆไม่เป็นหรือไง?” หวัง แจ็กสันที่นั่งข้างๆกันบ่น

                  “ฉันจะหาผ้าเช็ดหน้ามากัด โบกอมโอปป้าแม่งอบอุ่นอย่างกับไมโครเวฟ ตอนแรกฉันว่านัมจุนโอปป้าเหมือนกองไฟในฤดูหนาวที่เย็นชาแล้วนะ แต่โบกอมโอปป้านี่คือแสงอาทิตย์ คือรังสียูวีที่แผดเผาว่ะ”

                  “...ในที่พูดๆมานั่นไม่มีประโยคไหนที่ฉันเข้าใจเธอเลยสักประโยค...”

                  ซอกจินศอกนัมจุนเบาๆ

                  “น้องเขาว่านายเหมือนกองไฟในฤดูหนาวที่เย็นชาน่ะ”

                  นัมจุนได้แต่ปั้นสีหน้าปุเลี่ยนๆเหมือนไม่ค่อยแน่ใจว่าควรจะพูดอะไรดี

                  แทฮยองยิ้มแผล่เมื่อเคี้ยวทุกอย่างลงคอไปหมด

                  “ขอบคุณนะครับโบกอมฮยอง”

                  ความวุ่นวายจากทุกคนรอบกายทำให้แทฮยองนึกถึงห้องนั่งเล่นของฮัฟเฟิลพัฟ นึกถึงฮอกวอตส์ที่เป็นบ้านของเขา แล้วหัวใจก็เหมือนจะหลับมาเป็นปกติอีกครั้ง

                  ก้อนเนื้อในอกที่ทั้งหวิวทั้งหน่วงประหลาดเมื่อตอนออกมาจากเรียวกังนั่นดูจะปรับเป็นปกติ แทฮยองยกมือขึ้นแตะหน้าอกข้างซ้าย ยิ้มให้กับหัวใจที่เต้นเป็นจังหวะ

                  บางทีที่หวิวๆใจเมื่อตอนนั้นเขาอาจจะคิดไปเอง

                  ในตอนนั้นกระดิ่งตรงประตูของร้านส่งเสียงกรุ้งกริ้ง เสียงพนักงานร้องบอกยินดีต้อนรับ และแทฮยองก็เงยหน้าขึ้นมองคนที่เพิ่งเข้ามาใหม่

                  ร่างสูงของจอน จองกุกมองเห็นเขาก่อนและกำลังเดินเข้ามาใกล้ ช่วงแขนกำยำมีสองมือน้อยๆของไอยูที่คล้องเกาะไว้แน่น

                  ทั้งๆที่เพิ่งหาย แต่หัวใจของแทฮยองกลับรู้สึกหน่วงๆเหมือนมีอะไรคอยบีบรัดมันไว้อีกแล้ว

     

     

                  “จีมินนี่ ฉันว่าฉันไม่สบาย”

                  คำบอกเล่าของเพื่อนซี้ที่ทำให้ปาร์ค จีมินหันมามองอย่างเป็นห่วง เชสเซอร์ตัวเล็กของฮัฟเฟิลพัฟใช้หลังมือแตะหน้าผากแทฮยองเบาๆ

                  “ตัวก็ไม่ร้อนนะ แต่จะนอนพักก่อนไหมล่ะ? พอถึงเวลากินข้าวแล้วจะมาปลุก”

                  หลังจากที่นั่งกินต็อกโบกีร้านดังและเดินชมตัวเมืองเรียบร้อยแล้วพวกเขาก็ตัดสินใจจะกลับมาที่โรงแรม กลุ่มเพื่อนของแทฮยองอยากจะลงแช่บ่อน้ำร้อนที่อยู่ในตัวเรียวกังที่จีมินมันโฆษณาถึงนักหนา ส่วนคนอื่นๆก็ทยอยกันไปพักผ่อนตามอัตธยาสัย พวกเขานัดกันไว้ว่าจะลงไปทานอาหารเย็นด้วยกันก่อนที่จะไปงานเทศกาลดอกไม้ไฟที่จะจัดขึ้นคืนนั้น

                  “ถ้าคิดว่าไม่สบายก็อย่าไปแช่น้ำเลยแทแท เดี๋ยวจะป่วยไปจริงๆ” จีมินว่า แทฮยองโคลงศีรษะไปมา ปากสีชมพูจัดเบะออกน้อยๆ

                  “แต่ฉันเองก็อยากไปแช่น้ำร้อนด้วยนี่นา”

                  “เดี๋ยวนัดไปด้วยกันวันอื่นก็ได้น่า” จีมินพยายามเกลี่ยกล่อม ยองแจ ยูคยอม และซองแจที่แวะไปกดน้ำกับขนมมาแล้วเพิ่งจะตามมาสมทบที่ทางเดินหน้าห้องพักพากันมองทั้งสองคนงงๆ

                  “งอแงอะไรอีกวะเนี่ย?” ยูคยอมถามเมื่อเห็นสีหน้าของเชสเซอร์ที่พ่วงตำแหน่งลูกหมาประจำบ้านมาด้วย

                  “แล้วโบกอมฮยองมึงไปไหนแล้วล่ะ? ก่อนหน้านี้เห็นทำตัวติดกับมึงอย่างกับอะไรดี” ซองแจถามต่อเมื่อมองซ้ายขวาแล้วไม่เห็นรุ่นพี่ที่เพื่อนสนิท

                  “ไอ้แทมันบอกรู้สึกเหมือนจะไม่สบาย กูเลยจะไม่ให้ไปที่บ่อน้ำร้อน แต่มันงอแงจะไปให้ได้” จีมินถอนหายใจ “ส่วนโบกอมฮยองนี่กูไม่รู้ คงกลับไปพักที่ห้องมั้ง แต่เห็นว่าจะโทรหาไอ้แท” พูดไปแล้วจีมินก็หันขวับมาหาแทฮยอง

                  “ว่าไปนะ โทรศัพท์มือถือของมักเกิ้ลนี่สะดวกดีว่ะ ฉันอยากได้บ้างต้องทำยังไงนะ?”

                  “เอาทีล่ะเรื่องจีมิน” ยองแจหัวเราะ “แทฮยอง ถ้าไม่สบายเดี๋ยวไว้เราไปกันทีหลังก็ได้ มึงไปนอนเหอะ”

                  “แต่เมื่อเช้าก็ยังดีๆอยู่ปะวะ” ยูคยอมเอียงคอมองเพื่อนเหมือนกำลังพินิจ “ตอนอยู่ที่ร้านต็อกก็ยังดีๆอยู่ จีมิน ร้านต็อกเจ้าเด็ดมึงอะทำเพื่อนป่วยปะเนี่ย”

                  “ป่วยพ่อง ก็กินด้วยกันหมดยังไม่เห็นมีใครเป็นอะไร” จีมินเถียง ซองแจโคลงศีรษะ

                  “แล้วมึงรู้สึกป่วยแบบไหน? เหมือนจะเป็นไข้เหรอ?”

                  “กู... กูไม่รู้” แทฮยองอ้อมแอ้มตอบ “มันไม่ใช่นะ...”

                  “แล้วมันยังไงวะ อธิบายดิ”

                  “อธิบายเพื่ออะไรวะ หมอมึงก็ไม่ใช่” ยูคยอมพึมพำ

                  “ถ้ามีมึงเป็นหมอนี่กูยอมเสี่ยงรักษาเองดีกว่ามั้ง” ยองแจงึมงำอีกคน

                  “สัส พวกมึงนี่มือไม่พายแล้วเอาเท้าราน้ำเหี้ยๆ” ซองแจกหันไปด่า จีมินกลอกตาเบาๆให้กับเพื่อนๆแล้วก็หันมาลูบหัวเจ้าลูกหมาของเพื่อนๆด้วยมือเล็กๆตะมุตะมิของตัวเอง

                  “รู้สึกเป็นหนักมากไหมล่ะแทฮยองอา?”

                  “มัน... ไม่เหมือนเป็นไข้นะ แบบมันเป็นๆหายๆ ฉันก็...” แทฮยองมุ่นคิ้วเมื่อตัวเองก็อธิบายอาการที่เป็นอยู่นี่ไม่ถูกเหมือนกัน

                  “มันเหมือนจะหน่วงๆ... แบบปวดๆที่หน้าอกอะ”

                  นิ้วยาวชี้ไปที่อกด้านซ้ายประกอบ แล้วเพื่อนๆก็มองหน้ากันทีละคน จีมินหันมาล็อกสายตากับซองแจพอดี และเมื่อเบนไปทางยูคยอมก็พอจะเห็นว่ารายนั้นเองก็คงจะพอคิดอะไรเหมือนๆกัน

                  “ที่มึงชี้อะ คือตรงหัวใจใช่หรือเปล่าวะ?” ยองแจถามขึ้นมาก่อนเบาๆ แทฮยองกระพริบตาปริบแล้วก้มลงมอง

                  “เชี่ย นี่กูเป็นโรคหัวใจเหรอ??”

                  “โอ้ยยย มึงนี่อย่าเพิ่งตื่นตูมสิวะ” ซองแจเสยผมแรงๆ บางทีก็เหนื่อยที่มีเพื่อนซื่อบื้อขนาดนี้ “มึงลองคิดดีๆ มึงบอกหน่วงๆที่หัวใจใช่ไหม? แล้วไอ้เป็นๆหายๆของมึงนี่เป็นตั้งแต่เมื่อไร เป็นตอนไหน”

                  “เป็นตั้งแต่เมื่อไร....” แทฮยองขมวดคิ้วคิด “กูจำไม่ได้”

                  “...นอกจากหน้าตาที่สามารถโคพเวอร์เป็นลูกหมาได้แล้วมึงมีส่วนไหนที่มีประโยชน์บ้างไหมเนี่ยไอ้แท?”

                  “เอ้า ก็กูจำไม่ได้อะ ทำไมต้องด่ากูด้วย” ซีกเกอร์และลูกหมาของฮัฟเฟิลพัฟทำหน้าหงอย ตากลมใสใต้แพขนตายาวพลุบต่ำ ถ้ามีหูกับหางด้วยซองแจพนันไว้ตรงนี้เลยว่ามันคงลู่ตกขนาบตัวแน่นอน

                  ก็อย่างนี้ไง... ก็แม่งชอบทำหน้าทำตาเป็นลูกหมาแบบนี้ ไม่ได้ดั่งใจก็ทำตัวหงอยๆ แล้วพวกเขาจะทนได้ไหมล่ะ? ถามหน่อยว่าเจอเข้าไปอย่างนี้แล้วคนในบ้านจะต่อกรกับมันได้ไหม?

                  ก็ไม่ได้ แล้วสุดท้ายก็พากันสปอย์ไอ้ลูกหมาไปตามๆกัน ขนาดซองแจว่าตัวเองใจแข็งหนักหนายังรู้สึงใจอ่อนยวบ

                  “เอาเท่าที่จำได้ก็ได้” ยองแจที่จิตใจอ่อนไหวต่อสัตว์ตัวเล็กถลาเข้าไปลูบหัวเพื่อนเบาๆ ไอ้เพื่อนตัวสูงนั่นก็ก้มให้ลูบ ซองแจเหมือนจะเห็นเงารางๆของหูที่กำลังกระดิกไปมา

                  “จำได้ว่ามันหน่วงๆตั้งแต่ตอนจะออกไปเดินเล่นในเมืองกันแล้ว แต่แล้วมันก็หายไปแปปหนึ่ง...” แทฮยองพูดช้าๆราวกับกำลังคิดเรียบเรียงไปด้วย “อ๊ะ ใช่สิ...”

                  “...”

                  “มันหายไปแปปหนึ่ง แต่แล้วมันก็ปวดหนึบขึ้นมาใหม่”

                  “...”

                  “ตอนที่จองกุกกับไอยูจูงมือกันเข้ามาในร้านพอดีเลย”

                  ซองแจเหลือบตาสบกับเพื่อนๆที่เหลืออีกครั้ง คราวนี้แต่ละคนนิ่งงันไม่ขยับจนไม่ได้ยินแม้กระทั่งลมหายใจของกันและกัน

                  ก่อนที่จีมินจะยกมือขึ้นพัดลมเข้าใส่ใบหน้าของตัวเอง

                  “เชี่ยเอ้ย เรือกูล่มเร็วมาก”

                  แทฮยองกระพริบตาอีกครั้ง

                  “จีมินนี่มีเรือด้วยเหรอ”

                  พวกเขาทั้งสี่คนตัดสินใจเมินไอ้แทอย่างพร้อมเพรียงกัน

     

                  ซองแจถอนหายใจแล้วสรุปบอกสั้นๆว่าแทฮยองไม่ได้ป่วยอะไรหรอก

                  “ถ้าจะป่วยกูว่านี่เขาเรียกป่วยใจมากกว่ามั้ง”

                  ยองแจยิ้มน้อยๆแล้วบอกให้แทฮยองลองคิดดูดีๆ

                  “อะไรที่ทำให้เหนื่อยใจ ลำบากใจ แล้วในทางกลับกันอะไรที่ทำให้รู้สึกสบายใจ มึงลองคิดทบทวนดูกับตัวเองแล้วกันนะแทฮยองอา”

                  “ไอ้หน่วงๆใจที่เป็นนั่นน่ะ ถ้าหาสาเหตุได้ทุกอย่างก็คงเคลียร์เอง” ยูคยอมเสริมบ้าง “ลองคิดดูนะ”

                  “แบบค่อยเป็นค่อยไปก็ได้” และสุดท้ายก็เป็นจีมินนี่ที่ส่งยิ้มให้จนตาหยี เพื่อนสนิทของแทฮยองก้มลงช่วยถอดรองเท้าให้เขาข้างหนึ่งระหว่างที่เตรียมตัวลงบ่อน้ำร้อนด้วยกัน แทฮยองกำชับผ้าขนหนูรอบเอว เท้าก็ขยุกขยิกดันรองเท้าผ้าใบออก

                  “ไม่ต้องรีบร้อน ค่อยๆคิดแล้วกันว่ารู้สึกยังไง แล้วถึงตอนนั้นเราค่อยมาช่วยกันคิดต่อนะแทฮยองอา”

                  แทฮยองมุดลงใต้น้ำ ไม่ค่อยเข้าใจเลยแหะ ในเมื่อทุกคนพูดเหมือนว่ารู้แล้วว่าแทฮยองเป็นอะไรแล้วทำไมถึงไม่บอกเขามาเลยตรงๆล่ะ ทำไมต้องให้คิดเองด้วย

                  ถ้าคิดเองออกแล้วจะมาปรึกษาไหม? บางทีแทอยองก็คิดนนะว่าเขานี่มีเพื่อนที่ชอบทำให้เรื่องง่ายเป็นเรื่องยากเสียจริงๆ

                  “แต่ว่านะ ในบ่อนี่ไม่มีคนเลยแหะ รู้สึกส่วนตัวดีจัง” ยองแจเปรยขึ้น ยูคยอมที่อยู่ข้างๆเอนหลังพิงขอบบ่อที่ประดับประดาไปด้วยขวดหินก้อนใหญ่ทู่ๆ

                  “ก็ต้องจองบ่อก่อนเข้านี่หว่า แต่แบบนี้ก็ดีเหมือนกันนะ จองกันเป็นช่วงๆไปเลย”

                  ระบบการใช้บ่อน้ำร้อนของที่นี่จะมีทั้งที่เป็นบ่อแบบเปิดที่สามารถเข้าใช้ได้ตลอดเวลา กับบ่อที่เล็กกว่าหน่อยและมีความเป็นส่วนตัวกว่า แต่ว่าจะต้องจองล็อกเวลาไว้เพื่อที่จะใช้งาน ในบ่อสามารถใช้ผ้าเช็ดตัวมัดเอวผูกไว้ได้หนึ่งผืน ไม่สามารถสวมใส่เสื้อผ้าหรือกางเกงว่ายน้ำในสระได้

                  ซึ่งตรงจุดนี้ซองแจก็รู้สึกขอบคุณตัวเองฉิบหายที่เป็นเพื่อนสนิทและเพื่อนร่วมทีมควิดดิชของเพื่อนๆร่วมบ้านกลุ่มนี้มานาน ทั้งแชร์ห้องล็อกเกอร์หรือต้องรีบอาบน้ำด้วยกันก็ทำมาแล้ว เห็นกันและกันแก้ผ้ามาตั้งแต่อายุสิบสี่ เป็นการฝึกปรือความด้านชาและอดทน

                  ไอ้ยูคยอมนั่นไม่เท่าไร ตัวโตเป็นหมีแบบนั้นไม่ใช่สเปคที่ซองแจฝักใฝ่ แต่อีกสามคนนี่สิ...

                  ทั้งยองแจ จีมิน แทฮยอง ตัวเล็กๆ หน้าตาน่ารัก พากันนุ่งผ้าเช็ดตัวฝืนเดียวเข้ามาแช่บ่อน้ำร้อนด้วยกันเนี่ยนะ??

                  คือกูไม่ได้ชอบพวกมึง ยองแจ มึงมีความคลั่งไคล้ obsession อะไรบางอย่างกับแตงกวาที่ทำให้กูชอบมึงไม่ลง จีมิน มึงมีความไบโพลาร์ วันดีคืนดีก็ทำตัวเหมือนแม่ไอ้แท วันดีคืนดีก็ทำตัวเหมือนผัวมัน กูงงกับลุคมึงและหวาดกลัวกล้ามแขนมึงเกินกว่าที่จะชอบมึงได้ ส่วนไอ้แท มึงนี่กูเกือบจะมอบหัวใจที่จริงจังและจริงใจของกูให้มึงและ

                  แต่คุยกับมึงทีไรกูปวดหัวแทนฉิบหาย มึงมันซื่อบื้อเกินกว่าที่มันสมองของกูจะทำความเข้าใจด้วยได้!

    สรุปคือกูไม่ได้ชอบพวกมึง แต่กูเองก็มีหัวใจและความรู้สึกที่ไร้เดียงสาเหมือนหน้าตานะเว้ยเฮ้ย

                  ซองแจพยายามจะไม่มองไอ้แทที่รับมือด้วยยากว่าเพื่อนคนอื่นด้วยอุปนิสัยขี้อ่อยไม่รู้ตัวของมัน เลิกเอาหัวถูไหล่กูได้แล้วมึงอะ จะเฮิร์ตปวดใจไปถึงไหน? บอกหน่วงใจนี่ใจมึงคงจะหนักขึ้นไปสิบตันด้วยใช่ไหมมึงถึงได้ชอบมุดหัวลงน้ำแบบนั้น??

                  แทฮยองเงงยหน้าขึ้นจากน้ำ เหมือนจะกะการผุดขึ้นไม่ค่อยถูกหัวมันเลยขึ้นมาชนอกซองแจอีกรอบ กับตันทีมควิดดิชของฮัฟเฟิลพัฟดีดหัวเพื่อนไปที อดไม่ได้ที่จะนึกสงสัยว่าไอ้แทมันอยู่อย่างไม่บุบสลายมาได้ยังไงตั้งหลายปี

                  “มึงจะแช่น้ำนิ่งๆเหมือนคนปกติไม่ได้หรือไงวะฮะเนี่ย?”

                  แทฮยองยู่ปาก เออ รู้ว่าตัวเองน่ารักแล้วก็ชอบใช้เป็นอาวุธ กูละเบื่อ

                  “ก็กูคิดอะไรเพลินๆอยู่ไหมล่ะ”

                  “แล้วมึงจะมุดไปคิดห่าอะไรใต้น้ำ? ขึ้นมานั่งดีๆนี่! ชอบคิดอะไรใต้น้ำแบบนี้ไงมึงถึงได้ซื่อบื้อมาถึงทุกวันนี้ ออกซิเจนคงเข้าไปเลี้ยงสมองมึงไม่พอ”

                  แทฮยองชูนิ้วกลางให้ซองแจก่อนจะหันไปเบียดตัวใส่จีมิน เชอะ ไอ้ขี้ฟ้อง

                  “จีมินนี่ ดูไอ้ซองแจดิ”

                  จีมินถอนหายใจ

                  “เออๆ แกมาเล่นแถวนี้แทนมา” จีมินดึงเพื่อนมาใกล้แล้วก็ถอนหายใจกับตัวเองอีกครั้ง “พวกมึง มาถึงขึ้นนี้แล้วกูจะเอายังไงดีวะ?”

                  “ทำไมของมึง?” ซองแจถามกลับ ยูคยอมแอบหลุดหัวเราะ

                  “นี่มึงยังคิดจะแล่นเรือผีของมึงอีกเหรอจีมินนี่?”

                  “ทำไมทุกคนถึงรู้ว่าจีมินนี่มีเรือยกเว้นฉันล่ะ?”

                  ทุกคนรวมใจกันเมินแทฮยองอีกครั้ง จีมินเสกฟองสบู่ขึ้นมาจากอีกขอบหนึ่งของบ่อ ฟองสบู่สีครีมก่อตัวรวมกันเป็นรูปสุนัขหน้าตาคล้ายเจ้าชุนชิมที่บ้านแทฮยองแล้วไอ้ลูกหมาของกลุ่มก็เสียงเสียงหงึในลำคอออกมาเบาๆ

                  ยองแจปาลูกบอลพลาสติกที่คาดว่าเจ้าตัวคงจะเสกมาเหมือนกันไป

                  “เอ้า เอาไปเล่นกับชุนชิมมี่”

                  แทฮยองตามลูกบอลไปอีกฝั่ง ซองแจสาบานเลยว่าเขาเห็นปลายหูไอ้แทมันกระดิก

                  โธ่ ไอ้ลูกหมาเอ้ย...

                  “กูไม่รู้ว่ามันรู้สึกแบบนี้ไหมล่ะ?” พอแทฮยองไปอีกฝั่งแล้วจีมินก็พูดขึ้นมา “คือว่า... กูเพิ่งรู้เมื่อกี้ไง แล้วเมื่อกี้กูก็ยังอยากแล่นเรือผีของกูอยู่ ตอนที่กูชวนพวกมึงมาแช่น้ำร้อนด้วยกันกูก็เลย...”

                  “เลยอะไรวะ อย่าอึกอัก มึงเอาเร็วๆ” ซองแจส่งเสียงเร่งเร้า

                  “...คือกูชวนมินแจมาแช่น้ำด้วยกันอีกคนอะ...”

     


                  “อ่าวมินแจ จะไปไหนวะ? ด้านหลังมีสนามอยู่ อยากไปเล่นควิดดิชด้วยกันปะ?” โฮซอกส่งเสียงถามรุ่นน้องต่างบ้านที่กำลังเดินรุดๆ มินแจส่ายหัว

                  “ไม่ละครับฮยอง พวกจีมินชวนผมไปบ่อน้ำร้อนแล้ว”

                  ยุนกิที่นั่งฟังเพลงอยู่นิ่งๆถึงกับดึงหูฟังออก จองกุกที่เดินคล้อยหลังโฮซอกจะไปเล่นควิดดิชด้วยทำการหยุดสต๊อป

                  “พวกจีมิน?” ยุนกิทวน น้ำเสียงเรียบนิ่งไหลลึกยากแท้หยั่งถึง

                  “ค.. ครับ”

                  “แทฮยองด้วยเหรอ?” จองกุกถามต่อ คิม มินแจจากเรเวนคลอเบนสายตาจากรุ่นพี่บ้านสลิธีรินน่ากลัวคนนั้นมามองจองกุกด้วยสายตาที่อ่านไม่ค่อยออก หมอนั่นโคลงหัวและยิ้มให้เฉยๆ

                  “จองกุกกี้ พอดีเลย อ่าว” คุณแม่จอน ซันยองนี่ก็มาได้จังหวะเสียจริง ในขณะที่มินแจเอาแต่เงียบแล้วยิ้มจางๆให้เหมือนคนถือไพ่เหนือกว่าแบบนั้นเหล่าคุณแม่อย่างซันยอง โบอา และซอนมี ประกอบด้วยไอยูกับลูกชายของคุณโบอาอย่างปาร์ค โบกอมปีเจ็ดบ้านสลิธีรินก็เดินเข้ามาในห้อง ซันยองเรียกลูกชายทันทีที่เห็นหน้า ก่อนที่เธอจะชะงักไปเมื่อเห็นแทบจะทั้งทีมควิดดิชของกริฟฟินดอร์ยืนเรียงกันอยู่ตรงนั้นในชุดคล่องตัว

                  “อยู่กันครบเลยนะเนี่ย นี่จะออกไปไหนกันเหรอ” คุณซันยองอดไม่ได้ที่จะทัก

                  “เล่นควิดดิช โฮซอกฮยองบอกว่าตอนออกไปเดินรอบๆเมื่อเช้าเห็นสนามหญ้าแถวๆหลังเรียวกังด้วย”

                  “อ้อ ตรงนั้นนั่นเอง” ปาร์ค ซอนมีที่เป็นเจ้าของโรงแรมพยักหน้า “อาจจะเล็กไปหน่อยสำหรับควิดดิช แต่เรามีเสาโกล์ให้ด้วย น่าจะใช้เล่นกันได้นะ ตรงนั้นเป็นบริเวณเขตฝั่งพวกเรา ไม่ต้องกลัวว่าแขกมักเกิ้ลจะเห็นด้วย”

                  “กุกกี้ จะไปเล่นตอนนี้เลยเหรอ?”

                  “ตอนแรกก็ใช่ แต่ตอนนี้ผมว่าจะเปลี่ยนไปบ่อน้ำร้อนแล้ว”

                  “โอ้โห มึงเทพวกกูเร็วมาก” แบมแบมอดไม่ได้ที่จะพึมพำ แจ็กสันยิ้มขำแล้วกระซิบต่อ

                  “ก็นะ ดีนะเนี่ยนี่แบคฮยอนฮยองยังเปลี่ยนเสื้อผ้าอยู่ข้างบน ถ้ารู้ว่าแทฮยองอยู่บ่อน้ำร้อนเดี๋ยวคงวิ่งตามไปอีกคน”

                  “ไว้ก่อนสิกุกกี้ พวกแม่กับหนูไอยูจะออกไปที่คาเฟ่ใกล้ๆตรงนี้ เห็นว่ามีบิงซูที่ต้องลองให้ได้น่ะ กุกกี้ไปด้วยกันนะ”

                  “แม่ ผมนัดเพื่อนไว้”

                  “เป็นเป็นไรหรอกจองกุก เดี๋ยวฮยองบอกพวกแทฮยองให้ นายไปกับคุณแม่เถอะ ช่วงวันหยุดก็น่าจะใช้เวลากับครอบครัวนะ” เป็นปาร์ค โบกอมที่พูดประโยคนั้นออกมา ฟังดูรื่นไหลมากจนมินแจยังเผลอเลิกคิ้วด้วยความแปลกใจที่รุ่นพี่สลิธีรินคนนั้นจะรู้ว่าจองกุกอยากจะไปที่บ่อน้ำร้อนเพราะใคร

                  ก่อนหน้านี้ที่เขาบอกว่าพวกจีมินชวนไปแช่น้ำนั่นโบกอมก็ไม่ได้อยู่ในห้องไม่ใช่เหรอ? แล้วทำไม...

                  “แทฮยองส่งข้อความบอกผมไว้” โทรศัพท์มือถือรุ่นใหม่เครื่องบางๆถูกดึงออกมาจากกระเป๋ากางเกงเป็นเชิงอธิบาย จองกุกหรี่ตาให้กับของเล่นของมักเกิ้ลที่เขาไม่เข้าใจ ยิ่งไม่ชอบใจไปกันใหญ่เมื่อนึกขึ้นมาได้ว่ามันคงจะเป็นช่องทางติดต่อของรุ่นพี่หนุ่มกับแทฮยองที่ตัวเขาเองไม่มี

                  “เดี๋ยวกุกกี้ค่อยไปที่บ่อกับเพื่อนวันหลังก็ได้ ไปกินบิงซูกับแม่แล้วก็หนูไอยูกันนะ”

                  “ใช่จ้ะจองกุก นานๆทีจะได้เจอคุณแม่ด้วยนี่นา เดี๋ยวพอผ่านจากปีใหม่ไปแล้วเดี๋ยวซันยองก็คงจะต้องบินไปถ่ายแบบที่นู่นที่นี่อีกนี่เนอะ” คุณปาร์ค โบอายิ้มหวาน คำกล่าวอ้างถึงคุณแม่ทำให้จองกุกเผลอหันไปมองดวงตาที่เต็มไปด้วยความหวังของผู้เป็นแม่

                  เขาลอบถอนหายใจ

                  “ครับ เข้าใจแล้ว”

     


                  มันเป็นมื้อบิงซูที่มีบรรยากาศแปลกประหลาดที่สุดในโลก

                  “โอปป้า ลองทานนี่สิคะ”

                  จองกุกไม่เข้าใจว่าไอยูถูกคัดเข้าบ้านเรเวนคลอได้ยังไง เขามองช้อนที่เธอตักเนื้อถั่วแดงกับน้ำแข็งไสขึ้นมาสลับกับช้อนที่เพิ่งจะตักขนมหวานเย็นออกมาจากถ้วยเดียวกันเมื่อกี้

                  “เราแชร์บิงซูถ้วยเดียวกันนะ ที่เธอให้ลองมันจะต่างจากที่ฉันกินเมื่อกี้ยังไง?”

                  “จองกุกกี้นี่น้า หนูไอยูเขาอุตส่าห์จะป้อนแท้ๆ พวกผู้ชายนี่ไม่รู้เรื่องเอาเสียเลย” คงมีแต่คุณซันยองคนเดียวที่กำลังทานบิงซูอย่างเริงร่า เธอหัวเราะขำให้เจ้าลูกชายที่หันมามองหน้าคนเป็นแม่อย่างไม่อยากจะเชื่อ ข้างๆซันยอง โบอากับซอนมีก็กำลังคุยกันสนุกปาก

                  หรืออย่างน้อยๆโบอาก็กำลังคุยอยู่อย่างอารมณ์ดี ซอนมียิ้มให้อย่างสุภาพเป็นพักๆแต่ก็ดูไม่สนิทใจมากพอที่จะพูดอะไรมากนัก

                  จะว่าไปนี่ก็เป็นอีกอย่างที่จองกุกแอบงงๆอยู่ เขาพอได้ยินเรื่องสมัยเรียนของพ่อกับแม่มาบ้าง แล้วก็เหมือนจะจำได้ว่าแต่ก่อนแม่ของเขากับผู้หญิงที่ชื่อโบอาจากบ้านสลิธีรินในตอนนั้นไม่ค่อยถูกกัน

                  “มันเหมือนการแข่งขันของพวกผู้หญิงละมั้ง ตอนนั้นฉันเองก็ไม่ค่อยเข้าใจว่าพวกเธอทะเลาะอะไรกัน ตอนนี้ก็ยังไม่รู้” พ่อของเขาเคยเกาหัวแกรกพูดขึ้นมาเมื่อแม่เริ่มจะบ่นถึงคำพูดเหน็บแนมจากคุณปาร์ค ซอนมีตอนบังเอิญเจอกันที่งานกาล่าบางอย่างเมื่อตอนจองกุกเพิ่งจะ9-10ขวบ ซันยองแม่ของเขาหัวเราะหึ

                  “ยัยงูพิษนั่นมันจ้องจะกัดฉันตลอดนั่นแหละ ใครๆก็รู้”

                  “ฉันคนหนึ่งแหละที่ไม่รู้” คุณพ่อของจองกุกพึมพำ แล้วคุณซันยองก็ถลึงตามอง

                  “ใช่สิ ตอนวันวาเลนไทน์ปีสี่คุณถึงได้รับปากโบอาไปฮอกส์มี้ดด้วยกันนั่นไง!

                  คุณพ่อของจองกุกกระพริบตาปริบ

                  “ฉันเคยทำอะไรแบบนั้นด้วยเหรอ?”

                  “คุ๊ณณ!!

                  ก็นั่นแหละ เหมือนว่าตั้งแต่ที่จำได้สองคนนั้นมักจะแข่งกันตลอดเวลา เหน็บกันไปเหน็บกันมาจนไม่ชอบหน้ากันไปอย่างนั้น พอมาโผล่เอาอีกทีทำไมแม่ของเขากับปาร์คโบอาถึงได้มีท่าทีสนิทสนมกันได้ขนาดนี้จองกุกก็จนปัญญา

                  ซีกเกอร์คนเก่งของกริฟฟินดอร์เคาะปลายนิ้วลงกับโต๊ะ นึกกระสับกระส่ายขึ้นมาเมื่อนึกได้ว่าป่านี้เจ้าลูกชายของคุณโบอาอย่างโบกอมก็คงจะไปนั่งแช่น้ำร้อนกับแทฮยอง นี่ยังไม่รวมไอ้มินแจอีกคน

                  ได้แต่หวังว่าไอ้ยูคยอมที่จองกุกเคยแอบกระซิบไว้ก่อนเจอกันในห้องอาหารเมื่อเช้าให้ช่วยกันคนพวกนั้นออกจากแทฮยองให้จะยอมทำตาม นี่เขาสัญญาจะให้การ์ดพ่อมดหายากสุดๆกับมันสิบสองใบเลยนะ ถ้าแทฮยองของเขาบุบสบายมาแม้แต่ปลายนิ้วล่ะเราจะได้เห็นดีกัน

                  “นี่กินกันจะหมดแล้วเหรอเนี่ย? จองกุกหิวเหรอจ้ะ เอาอีกถ้วยดีไหม?” คุณโบอาหันมาถามเมื่อสังเกตเห็นถ้วยของเด็กๆที่กำลังจะเกลี้ยง จองกุกอยากจะกลอกตาใส่ นี่รีบกินสุดชีวิตเพื่อที่จะรีบกลับไปกันผู้ทั้งหลายผู้ออกจากว่าที่แฟนนี่ไม่มีใครคิดจะสงสารเลยใช่ไหม

                  “ผมอิ่มแล้วครับ จะว่าไปแล้วผมก็นึกได้ว่านัดชานยอลฮยองไว้...”

                  “ป่านี้ยังเล่นควิดดิชไม่เสร็จกันหรอกค่ะโอปป้า” ไอยูหัวเราะเบาๆ ก็เนี่ยเอาแต่พูดแบบนี้ไง ถึงได้กินไม่เสร็จสักที จองกุกอยากจะเอื้อมมือไปตักส่วนที่น้องกำลังกินอยู่เป็นการช่วยกินเหลือเกิน ละเมียดละไมมาก คิดจะนั่งมันตรงนี้ทั้งคืนเลยใช่ไหมหะ?

                  มันไม่เวิร์ก ไม่เวิร์กมากๆ

                  “แม่ ออกไปกับผมหน่อย” จองกุกสะกิดคนเป็นแม่ที่นั่งอยู่ข้างๆ ซันยองหันมางงๆ ปากยังคาบช้อนสีเงินอยู่

                  “ทำไมเหรอกุกกี้”

                  กุกกี้ของคุณแม่ยิ้มแล้วยื่นหน้าเข้าไปกระซิบใกล้ๆให้ได้ยินกันแค่สองคน

                  “แม่ออกมากับผมเดี๋ยวนี้ ไม่งั้นจะบอกพ่อว่าแม่หายตัวไปมิลานแล้วซื้อรองเท้ากลับมาสะ...”

                  “ขอตัวก่อนนะทุกคน เดี๋ยวฉันขอเอากุกกี้ไปเลือกขนมหน้าร้านแปปหนึ่ง” คุณซันยองลุกขึ้นพรวดในทันที เธอเดินนำลูกชายออกจากโต๊ะไปแถวตู้โชว์ขนมท่ามกลางสายตางุนงง ส่งยิ้มให้พนักงานพอเป็นพิธีแล้วคุณแม่คนสวยก็แยกเขี้ยว

                  “นี่ ทริปมิลานนั่นแม่ซื้อทิมเบอร์แลนด์คู่ใหม่มาให้กุกกี้ด้วยเพราะฉะนั้นเราแชร์ความผิดรวมกะ..”

                  “เรื่องนั้นไว้ก่อนแม่” จองกุกพูดขัด “นี่แม่ทำอะไรของแม่เนี่ย”

                  “ทำอะไร?”

                  “ก็เรื่องไอยูไง!” จองกุกอยากจะทึ้งหัวตัวเองถ้าไม่ติดว่าแทฮยองคงไม่อยากแต่งงานกับคนหัวล้าน “แม่! ผมไม่ได้ชอบไอยู!

                  “อ.. เอ๊ะ?” ซันยองทวนเสียงสูง “กุกกี้แน่ใจเหรอ?”

                  “นี่มันตัวผมนะ จะไม่แน่ใจได้ยังไงละแม่!

                  “ต.. แต่ว่า น่ารัก อยู่ต่างบ้าน สนิทกับมินแจ แล้วก็อยู่ในทีมควิดดิช...”

                  “คิม แท ฮยอง” จองกุกกัดฟันพูดเน้นๆทีละคำ “คิม แทฮยอง อยู่บ้านฮัฟเฟิลพัฟ เป็นซีกเกอร์ของทีมควิดดิชของฮัฟเฟิลพัฟ สนิทกับมินแจเกินกว่าที่ผมชอบ แล้วก็ตั้งแต่ที่รู้จักกันมาผมก็ใช้คำว่าน่ารักเปลืองฉิบหาย”

                  “แทฮยองงี่?” คุณจอน ซันยองทวน พอคิดๆดูแล้วเธอก็อยากจะแบคแฮนด์หัวเองแรงๆทีหนึ่ง เด็กคนนั้นตรงกับคำพูดทุกอย่างที่เพื่อนๆของจองกุกอย่างมินกยูกับเซฮุนเคยแอบใบ้ให้เธอฟังจริงๆด้วย

                  “แม่เอาความมั่นใจมาจากไหนเนี่ยว่าผมชอบไอยู? ผมไม่เคยพูดถึงไอยูให้แม่ฟังเลยนะ! ที่ตามมาชุนชงบุกโดนี่ก็ตามแทฮยองมา”

                  “ก็.. ตอนแรกก็ไม่ได้มั่นใจ แต่ว่ามีคนคอนเฟิร์มว่าใช่...”

                  “คนคอนเฟิร์ม? ใครวะแม่?” จองกุกมุ่นคิ้วถาม ซันยองนึกถึงบทสนทนาระหว่างเธอกับคนที่เป็นคนพูดชื่อหนูไอยูให้เธอฟังคนนั้น

                  “อืม... ฉันได้ข่าวมาว่าเขาสนิทกับหนูไอยูอยู่นะซันยอง แล้วเธอลองคิดดูสิ หนูไอยูทั้งสวยทั้งน่ารัก เป็นเด็กต่างบ้าน สนิทกับคิม มินแจ แล้วยังเป็นเชสเซอร์ของเรเวนคลอด้วย ตรงทุกอย่างเลยไม่ใช่เหรอ?”

                  “นี่นะซันยอง ลูกชายฉันคอนเฟิร์มมาแล้ว จองกุกชอบหนูไอยูจริงๆด้วย เธอลองเลียบๆเคียงๆถามบ้านนั้นเรื่องการหมั้นดูดีไหมล่ะ?”

                  คุณจอน ซันยองหันขวับไปทางโต๊ะที่พวกเธอเพิ่งจะลุกออกมา

                  “ปาร์ค โบอา!! นังงูอสรพิษ!!

                  ก็มันเพราะแบบนี้แหละสิงโตกริฟฟินดอร์อย่างเธอถึงได้ไม่ถูกกับนังงูสลิธีรินนั่น!!





    Talk:

    ขอบคุณที่ยังรอกันนะคะ คิดถึงพวกเธอนะ รัก <3

    ขอบคุณที่ยังไม่ลืมกัน ขอบคุณที่คอยคอมเม้น คอยรอ คอยทวงนะคะ 5555 ตอนนี้กุกกี้เคลียร์กับคุณแม่แล้ว หวังว่าอะไรๆจะสะดวกขึ้นนะ 555

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×