คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #19 : Chapter 15: นี่สิคือรถไฟชนกัน (100%)
Mischief
Managed 15
คือซอกจินก็เพิ่งจะบ่นเปรยๆไปกับนัมจุนเมื่อเช้าว่าเขาเป็นห่วงแทฮยอง
กับมินแจมันไม่เท่าไรเพราะรายนั้นก็จีบแทแทคนซื่อ(บื้อ)ที่ทำให้คนบ้านฮัฟเฟิลพัฟเป็นห่วงมานักหนามานานเป็นปีอยู่เหมือนกัน
พื้นเพเป็นใครมาจากไหน วีรกรรมต่างๆนั่นนัมจุนที่เป็นรุ่นพี่ร่วมบ้านเรเวนคลอก็รู้ดีเลยเป็นการันตีคล้ายๆให้ซอกจินรู้สึกวางใจในระดับหนึ่ง
แต่กับจอน จองกุกนี่มันก็...
จะให้บอกว่าเป็นเด็กไม่ดีซอกจินก็ไม่คิดว่าจะเป็นอย่างนั้น
ในเมื่อตัวเขาที่เป็นพรีเฟคคนหนึ่งของฮอกวอตส์ก็ไม่ได้ต้องไล่จับหรือตามลงทำโทษเด็กคนนั้น
(ถ้าจะให้พูดกันตรงๆล่ะก็ไอ้คู่ชานแบคนั่นต่างหากที่เป็นตัวปัญหาของบ้านกริฟฟินดอร์)
เขาไม่ได้ยินเรื่องวีรกรรมโลดโผนของจอนจองกุกเท่าไรด้วยซ้ำถ้าไม่นับเรื่องควิดดิช
เด็กคนนั้นก็ดูเรียนโอเค
ซ้ำแล้วยังเป็นมักเน่ทองคำของทีมควิดดิชของกริฟฟินดอร์ที่โด่งดัง
ซอกจินไม่ได้มีปัญหาอะไรเท่าไรถ้าหากว่าจองกุกชอบแทฮยองจริงๆ
แต่มันเป็นเพราะข่าวลือเรื่องที่ว่าจอน
จองกุกมีคู่หมั้นอยู่แล้วต่างหากที่ทำให้ซอกจินอดไม่ได้ที่จะเป็นห่วง
ก็นั่นแหละนะ...
แต่ถึงอย่างนั้นเขาก็คงจะทำได้แค่เป็นห่วงเท่านั้นแหละ เพราะตั้งแต่ที่คุยกับนัมจุนมาซอกจินก็คิดว่าการจะเข้าไประหว่างเด็กสองคนนั้นมันก็คงจะไม่เหมาะนัก...
ถึงตอนสุดท้ายมันจะอดเป็นห่วงไม่ได้อยู่ดีก็เถอะ
ก็ไม่คิดเหมือนกันแหละว่าความเป็นห่วงของซอกจินและข่าวลือทั้งหมดทั้งมวลจะถูกเฉลยออกมาในเวลารวดเร็วขนาดนี้....
ย้อนกลับไปเมื่อสองชั่วโมงก่อนหน้านี้:
ซอกจินกำลังนั่งคั่นกลางคอยช่วยประนีประนอมระหว่างแบคฮยอนกับชานยอลอยู่
คู่นี้ก็ประหลาด รักกันมาก
ตัวติดกันแบบไม่มีใครยอมใครแต่ก็เถียงกันได้วันละสามเวลา
ซอกจินเอี้ยวตัวหลบเมื่อแบคฮยอนแอบตวัดมือผ่านเขามาจะฟาดชานยอล
หันไปมองทางซ้ายมือข้างๆแบคฮยอนนั่นแทฮยองก็กำลังนั่งอยู่กับจองกุก
คุยอะไรกันไม่รู้ดูกระหนุงหระหนิงเชียว
ขนาดซอกจินนั่งอีกฝั่งของแบคฮยอนอยู่ใกล้ๆแค่นี้เขายังไม่ค่อยได้ยินที่สองคนนั้นคุยกันเลย
อะไรมันจะต้องสุมหัวกันกระซิบกระซาบขนาดนั้น
พอเบนสายตาไปทางฝั่งขวาบ้างก็เห็นมิน
ยุนกิคนขรึมจากบ้านสลิธีรินกำลังนั่งพยักหน้าหงึกๆ
หน้าตาง่วงๆดูเหมือนจะฟังสิ่งที่ปาร์ค จีมินกำลังเล่าบ้างไม่ฟังบ้าง แต่กับซอกจินที่เป็นเพื่อนร่วมรุ่นและเพื่อนพรีเฟคด้วยกัน
ต้องทำงานทั้งในและนอกห้องเรียนด้วยกันมาแล้ว เพราะอย่างนั้นเขาเลยรู้ว่ายุนกิน่ะ
เป็นคนขี้รำคาญ
ค่อนข้างจะขี้รำคาญมากเสียด้วย...
การมีจีมินไปนั่งๆส่งเสียงเจี้ยวจ้าวข้างๆแบบนั้นหมอนั่นก็ไม่น่าจะพอใจแท้ๆ
แต่ยุนกิก็ไม่เห็นจะว่าอะไร เจ้าเด็กโอ
เซฮุนมันโดนไปวอแวถามนู่นถามนี่ยุนกิตอนเด็กคนนั้นอยู่ปีหนึ่งซอกจินยังจำได้ว่าถึงกับโดนยุนกิโบกไปหัวหมุนจังๆ
“ยุนกิฮยองชอบดูดาวใช่ไหมครับ?”
“เออ”
“งั้นไปหอดูดาวกันนะครับ?
แม่บอกว่าชุนชนบุกโดมีหอสังเกตการณ์ของมักเกิ้ลอยู่หอหนึ่ง เป็นหอดูดาวเล็กๆ
แต่ที่นี่แสงสีเสียงไม่ค่อยเยอะเท่าในเมือง น่าจะเห็นดาวได้เยอะจริงไหมครับ?”
“เออ”
“เสร็จแล้ว...
เสร็จแล้วไปงานดอกไม้ไฟด้วยหรือเปล่าครับ? ผมอยากไปนะ แต่ถ้า..”
“เออ”
“..เอ่อ... เออ
นี่คือไปเหรอครับ?”
“เออ
อยากไปก็ไปสิ เดี๋ยวไปเป็นเพื่อน”
จีมินยิ้มแป้น
ตาเรียวๆยิบหยีลงอย่างน่ารักที่สุด
“จริงเหรอครับ?”
ยุนกิเบือนตามองไปทางอื่น
“...เออ”
แค่คำว่า เออ
ก็หวานได้ ซอกจินจะจำไว้เป็นความรู้
คิดแล้วก็ได้แต่ถอนหายใจ
แล้วทำไมเขาต้องมานั่งคั่นชานแบคไม่ให้มันตีกันด้วยวะ?
ทำไมซอกจินต้องมานั่งตรงนี้? เขาเองก็อยากนั่งข้างนัมจุน
อยากจะวางแผนแอบหนีไปเดทกันสองคนในวันคริสมาสหรือเปล่า?
หมับ!
“โอ้ย!”
เสียงร้องโอตโอยของแบคฮยอนทำให้ซอกจินหันขวับไปมอง
เพราะเมื่อกี้มัวแต่คิดอะไรเรื่อยเปื่อยซอกจินเลยไม่ทันได้รู้สึกตัวว่าแบคฮยอนเอื้อมมือมาจะฟาดชานยอลอีกรอบ
ชานยอลเองก็ชะเง้อหน้าหันไปทางเดียวกันทันทีที่ได้ยินเสียงแบคฮยอนร้อง
“เมื่อกี้เกือบฟาดโดนซอกจินแล้วนะ
ระวังหน่อยสิแบคฮยอน”
อ่า....
ซอกจินอดไม่ได้ที่จะอมยิ้มเมื่อนัมจุนพูดอย่างนั้น
มือใหญ่ของพรีเฟคบ้านเรเวนคลอที่กำข้อมือของแบคฮยอนอยู่คลายออกเล็กน้อยไม่ให้เพื่อนเจ็บ
นัมจุนไม่ได้มองซอกจิน ไม่ได้นั่งข้างกัน
แต่คอยเป็นห่วงแบบนี้...
ก็ไม่รู้สินะ...
ซอกจินรู้สึกว่าตัวเองวินอะ
J
ในตอนที่แบคฮยอนกล่าวขอโทษเพื่อนซึมๆและซอกจินกำลังอมยิ้มให้กับชัยชนะ(?)ของตัวเองอยู่นั่น ร่างหงส์สีเงินสว่างวาบก็บินโฉบเข้ามาในห้อง
มันเหมือนจะเป็นร่างที่สร้างมาจากสายหมอกหรือแสงอาทิตย์
ไม่ว่าจะบินไปทางไหนเจ้าหงส์สีเงินตัวนั้นก็จะทิ้งละอองระยิบระยับไว้เบื้องหลังต่างหน้า
ทุกคนได้แต่ไล่มองหงส์แสนสวยตัวนั้นบินหยอกล้อไปเรื่อยเปื่อยอย่างสง่างามด้วยความชื่นชม
“เวทมนต์?”
แบมแบมที่เป็นมักเกิ้ลบอร์นทักขึ้นมาก่อน นัมจุนลุกขึ้นเอี้ยวมองตาม
“พาโทรนัส
เป็นคาถาเสกผู้พิทักษ์ สามารถใช้เป็นคาถาปกป้องผู้ร่ายจากผู้คุมวิญญาณหรือใช้ส่งสาร
หงส์ที่เห็นอยู่นั่นคือร่างพาโทรนัสหรือร่างผู้พิทักษ์ของคนร่าย
แต่ละคนก็จะมีร่างพาโทรนัสที่ต่างกัน”
“เป็นคาถาชั้นสูง
ต้องฝึกฝนนานมากกว่าจะสามารถใช้ส่งสารในที่ไกลๆและมีรูปร่างชัดเจนแบบนั้นได้”
ซอกจินอธิบายต่อ “ในกรณีนี้เท่าที่เห็นเหมือนว่าเขาจะมาส่งสาร”
“สวยจัง...”
นาอึนร้องครางในลำคอไล่หลังเบาๆ แทฮยองอดที่จะพยักหน้าตามไม่ได้
แต่จองกุกที่นั่งข้างๆเขากลับเกรงตัวขึ้นมาประหลาด
“จองกุก?”
แทฮยองกระซิบเรียกเบาๆ จองกุกมองไล่ตามหงส์สีเงินตัวนั้นตาไม่กระพริบ
แล้วมือสีน้ำผึ้งก็เอื้อมไปสะกิดคนข้างๆอีกครั้ง
“จองกุก?”
“...หืมม์?
ว่าไง?”
“เปล่า..
แต่จองกุกเป็นอะไรหรือเปล่า?”
“ไม่
ไม่หรอก...” คิ้วเข้มมุ่นลง “แต่ว่านั่นมัน...”
ยังไม่ทันจะอธิบายร่างเล็กๆของเอลฟ์ประจำบ้านตัวหนึ่งก็วิ่งตัดห้องไปอย่างรวดเร็ว
กองผ้าปูที่นอนและปลอกหมอนที่ถูกพับไว้เรียบร้อยไล่ลอยตามเจ้าตัวเล็กไปด้วย
ปากแหลมๆของเอลฟ์ตัวนั้นพึมพำกับตัวเอง
“แขกมาๆๆ”
“เดน่า”
จีมินทบทวนกับตัวเอง
ร่างของเชสเซอร์ประจำทีมควิดดิชของฮัฟเฟิลพัฟลุกขึ้นแล้วสาวเท้าไปทางเจ้าเอลฟ์ที่ยังวิ่งและพึมพำกับตัวเอง
“เดน่า!”
เรียกไปแล้วเอลฟ์ประจำบ้านก็หยุด
หูแหลมๆของมันกระดิกทีสองที
สองตากลมโตหันมามองจีมินก่อนจะโค้งให้จนจมูกเกือบจะแตะพื้น
“โอ๊ะ
คุณหนูปาร์คตัวน้อย”
“คึ...
คุณหนูปาร์คตัวน้อย...” แทฮยองอดไม่ได้ที่จะขำ ยูคยอม ยองแจและซองแจยังหัวเราะพรืด
จีมินกันมาชูนิ้วกลางให้เพื่อนๆก่อนจะหันกลับไปคุยกับเอลฟ์ตัวเล็ก
“เดน่ารีบไปไหน?
นี่แขกนั่งอยู่เต็มล็อปบี้ แม่บอกว่าไม่ให้วิ่งตึงตังตอนที่แขกอยู่ไม่ใช่เหรอ?”
“โอ๊ะโอ โอ๊ะโอ”
เดน่าหันมามองพวกชาวฮอกวอตส์ที่นั่งออกันอยู่เต็มล็อปบี้อย่างตกใจราวกับว่าเพิ่งเห็น
“เดน่าไม่ได้ตั้งใจ เดน่ารีบ คุณซอนมีบอกว่าแขกพิเศษมา เดน่าต้องรีบ
เดน่าต้องทำความสะอาด ห้องวิวพระอาทิตย์ขึ้นต้องสะอาด ใช่ ห้องพระอาทิตย์ขึ้น
เดน่าต้องรีบ”
“แขกพิเศษ?”
เดน่าพยักหน้าหงึกหงัก
สองขาวิ่งค้างไว้อยู่ที่เดิม
“เดน่าต้องรีบนะคุณหนูปาร์คตัวน้อย
ห้องวิวพระอาทิตย์ขึ้นต้องสะอาด”
“งั้นไปเถอะเดน่า”
สิ้นคำของจีมินเดน่าก็โค้งให้ต่ำๆอีกครั้งหนึ่ง
จีมินส่ายหัวเบาๆ
“แขกพิเศษอะไรก็ไม่รู้
สงสัยจะพิเศษมากๆนะเนี่ยแม่ถึงให้ทำความสะอาดห้องพระอาทิตย์ขึ้น
ห้องนั้นเป็นหนึ่งในห้องที่แพงที่สุดเลยล่ะ”
“จะเกี่ยวกับพาโทรนัสหงส์เมื่อกี้หรือเปล่านะ..”
โฮซอกรำพึง จองกุกกัดริมฝีปากเบาๆ
“มึงเป็นไรวะจองกุก?
ทำหน้าแปลกๆมาตั้งแต่เมื่อกี้แล้วเนี่ย” แบมแบมที่นั่งอยู่ข้างๆนาอึน
ซึ่งเป็นฝั่งตรงกันข้ามของจองกุกพอดีทักขึ้น
ดวงตากลมๆที่ดูเหมือนกระต่ายโทนี่สตาร์กฉายแววไม่มั่นใจ
“คือว่า... ไอ้หงส์ตัวนั้น...”
“...”
“หงส์สีเงินท่าทางกวนตีนหน่อยๆอะ
มันเป็นพาโทรนัสของแม่กู...”
“...”
มีการเงิบหงายเกิดขึ้นมาอย่างพร้อมเพรียงกัน
ทุกคนตกอยู่ในอาการเงียบสงัดด้วยความงุนงงก่อนที่พวกเขาจะได้ยินเสียงรองเท้าส้นสูงดังกระทบกับพื้นดังกึก..
กึก แทฮยองแอบกลั้นหายใจขึ้นมาเฉยๆโดยที่ไม่รู้เหมือนกันว่าตัวเองกำลังจะลุ้นอะไรอยู่
ประตูบานใหญ่ที่อยู่ตรงกันข้ามกับโต๊ะรีเซ็บชั่นของมินอานูน่าเปิดออกกว้างด้วยเวทมนตร์
หญิงสาวที่ยืนอยู่ข้างหลังบานประตูนั่นคลี่ยิ้มหวาน
ริมฝีปากที่แต่งแต้มด้วยลิปสติกสีนู้ดหลุดหัวเราะออกมาเบาๆกับตัวเองเมื่อเธอเห็นท่าทางตื่นตกใจแบบสุดๆของเด็กๆตรงมุมห้อง
มือขาวบางจัดข้างหนึ่งยกขึ้นโบกทักทายน้อยๆ
ในขณะที่ปลายนิ้วที่ถูกตบแต่งด้วยเล็บแบบ French nail อีกข้างเคลื่อนขึ้นมายกแว่นกันแดดอันใหญ่ออกจากหน้า
แทฮยองเผลอมองคนตรงหน้าตาไม่กระพริบ
ใบหน้าสวยหมดจดใต้กรอบแว่นนั่นดูสมบูรณ์แบบ ทั้งจมูกโด่งๆ ดวงตากลมพราวระริกที่ล้อมร้อบด้วยแพขนตางอนๆ
ผมสีดำขลับถึงกลางหลังดูจะพลิ้วไหวตามแรงลม
ผู้หญิงคนนั้นยิ้มกว้างขึ้น
ดวงตากลมโตที่ดูคุ้นๆแปลกๆหยีลงเล็กน้อย
“ฮาย~ เซอร์ไพรซ์ไหมจ้ะกุกกี้?”
.................50%.....................................
มันมีความเงียบปกคลุมอยู่ทั้งห้องเป็นเวลาสองวินาทีก่อนที่หวัง แจ็กสันจะหลุหัวเราะพรืด
“...กุกกี้...”
หวัง แจ็กสันที่ปากอยู่ไม่สุขโดยเฉพาะเวลาอึดอัดแบบนี้หลุดทวนอย่างไม่อยากจะเชื่อ
ทุกคนค่อยๆหันไปมองจองกุกอย่างพร้อมเพรียงกัน ซึ่งเจ้าตัวก็กำลังทำหน้าพะอืดพะอมเหมือนกินของบูดเข้าไป
“มาทำไม?”
“ใจร้ายที่สุด
นี่พูดจาแบบนี้กับแม่ที่ไม่ได้เจอกันมาเป็นเดือนๆเหรอยะ?” ผู้หญิงที่มองยังไงๆก็ยังสาวสะพรั่ง
ไม่น่าจะมีอายุมากพอที่จะเป็นแม่ของไอ้ซีกเกอร์ประจำทีมกริฟฟินดอร์คนนั้นเบ้ปาก
เธอสะบัดผมไปพรึบหนึ่งแล้วหันหน้าหนี
“เชอะ
เหมือนพ่อไม่มีผิด แย่ที่สุดเลย
เลี้ยงมากับมือแท้ๆแต่ดันเหมือนไอ้คนบ้างานแบบนั้นได้”
จองกุกถึงกับถอนหายใจยาวๆ
เขาลุกขึ้นจากที่นั่งแล้วเดินไปหาคนเป็นแม่ที่ยังยืนกอดอกอยู่ไม่ไกลนักท่ามกลางสายตางงๆปนทึ่งของคนรอบข้าง
“ก็แม่มาทำไมล่ะ?
ไหนตอนแรกว่าจะฉลองคริสมาสกับพ่อ?”
ชื่อเรียกบุคคลที่สามที่ทำให้หญิงสาว(?)วัยกลางคน(?)กลอกตามองบน...
เอาจริงๆนี่ก็เรียกไม่ถูกแล้ว มองจากหน้าตายังไงๆก็ไม่น่าจะมีอายุเกินสามสิบห้า
แต่ไหงมาประกาศตัวเป็นแม่ไอ้จองกุกได้พวกเขาเองก็จนปัญญา
“พ่อกุกกี้อยู่บ้านก็เหมือนไม่อยู่
หมกตัวอยู่แต่ในห้องหนังสือทั้งวันทั้งคืน น่าเบื่อ
นี่คงยังไม่รู้เลยมั้งว่าแม่หนีออกม...”
ยังไม่ทันจะจบประโยคแบมแบมก็ต้องสะดุ้งเฮือกอีกครั้งเมื่อแสงสีเงินที่ลอยเป็นรูปร่างของสิงโตวิ่งวูบเข้ามาในล็อบบี้
จองกุกถอนหายใจอีกรอบในขณะที่คนเป็นแม่เบ้ปากมองบนอีกครั้งเมื่อเจ้าสิงโตตัวดังกล่าวอ้าปาก
และเสียงทุ้มของผู้ชายก็ลอดออกมา
“จองกุก
แม่อยู่กับแกหรือเปล่า?”
ประโยคเดียวแต่เป็นอันว่าเข้าใจตรงกัน
ร่างของสิงโตสีเงินสลายออกไปทันทีที่ส่งสารเสร็จ แล้วจองกุกก็เลิกคิ้วใส่มารดา
“ไงล่ะ
รู้ไม่รู้ว่าหนีออกมาแล้ว?”
“เพิ่งรู้ไหมล่ะ! แม่นัดทุกคนเสร็จ ติดต่อซอนมีเสร็จ ยันหายตัวมานี่เรียบร้อยยังเพิ่งมาถามตามกันเนี่ย!”
จองกุกอยากจะเถียงกลับว่าจะนัดคน
ส่งพาโทรนัสหงส์เมื่อครู่มาติดต่อคุณป้าซอนมี ยันหายตัวที่ว่าเนี่ย
มันใช้เวลาอย่างมากก็คงไม่ถึงสี่สิบนาทีดีหรอก บ้านจอนของเขาก็ใหญ่จะตาย
ใครจะออกไปไหนถ้าไปเงียบๆก็ยากที่จะรู้กัน
ยิ่งกับพ่อที่ถ้าเข้าไปอยู่ในห้องหนังสือแล้วมัวแต่ทำงานชนิดลืมกินข้าวกินปลาเนี่ย
สี่สิบนาทีก็น่าประทับใจจะตายแล้ว
แต่เอ๊ะ
เดี๋ยวนะ...
“...แม่บอกว่า
ทุกคน เหรอ?”
“อ๊า ใช่ๆ
แม่นัดมาเป็นของขวัญ เป็นเซอร์ไพรซ์ให้กุกกี้เลยนะ! อีกแปปหนึ่งก็คงมา อ๊ะ ซอนมี! มาพอดีเลย”
ช่วงแรกๆคุณแม่ของจองกุกพูดกับลูกชาย ส่วนประโยคท้ายๆนั่นเธอเอ่ยทักทายเพื่อนร่วมรุ่นสมัยเรียนด้วยกันที่ฮอกวอตส์อย่างปาร์ค
ซอนมีที่กำลังลงบันไดมา
ผู้หญิงเจ้าของโรงแรมเรียวกังและคุณแม่ของจีมินรีบรุดลงมาพร้อมกับรอยยิ้มตื่นๆ
“ซันยองอา! ทำไมมาปุ๊ปปั๊ปแบบนี้ล่ะ ดีนะเด็กๆทำงานเร็ว ห้องเลยเสร็จทัน”
จอน
ซันยองหัวเราะน้อยๆแล้วยกมือขึ้นเชิงขอโทษ
“ขอโทษนะซอนมี กะทันหันไปหน่อย
ฉันเองคิดอยากจะมาก็รีบนัดทุกคนปุ๊ปปั๊ปแล้วมาเลย”
“เลือดกริฟฟินดอร์ของเธอมันข้นจริงๆเลยนะ
ให้ตายสิ” ซอนมีส่ายหัวไปมาเบาๆก่อนจะโคลงศีรษะ “จะว่าไป
พูดถึงคนที่เธอนัดมาฉันก็ยังสงสัยอยู่เลยว่าฟังผิดหรือเปล่า ตอนอยู่ที่โรงเรียนก็ไม่เห็นจะถูกกันเท่าไร
ทำไมอยู่ๆถึงมาด้วยกันได้ล่ะ? แถมยังห้อยลูกชายเขามาอีก”
“เอ๋?
ไม่ถูกกันตอนนั้นมันก็เป็นเรื่องสมัยเด็กๆนี่นา นี่เราก็โตๆกันแล้ว
แถมมาคุยกันอีกรอบเขาก็น่ารักดีนะ ช่วยอะไรๆฉันไว้เยอะเลย” พูดไปจอน
ซันยองก็หัวเราะคิกคักแบบคนรู้อะไรดีๆ ซอนมีมุ่นคิ้ว
“ช่วยอะไรๆ?”
“ช่าย...
เดี๋ยวพวกเขามาเธอก็จะรู้ มันเป็นเซอร์ไพรซ์พิเศษให้กุกกี้ที่น่ารักของฉัน <3”
ซันยองคว้าแขนกำยำของลูกชายเข้ามากอดแนบกายจนจองกุกถึงกับเซถลาเข้ามา
นี่อยากจะให้คิดเลยนะ จอน จองกุกออกจะฟิตกล้ามมาเยอะ ออกจะแข็งแรงขนาดนี้
แม่เขาดึงแขนมาข้างเดียวตัวจองกุกปลิวขนาดนี้จอน ซันยองจะแข็งแกร่งแค่ไหน
ก็ลองคิดกันเอาเองแล้วกัน...
แล้วก็อีกอย่างหนึ่ง..
ไอ้เซอร์ไพรซ์ๆอะไรของแม่เขานี่ก็ทำเอาจองกุกใจไม่ค่อยดีเสียเท่าไร ก็ไม่อยากจะว่าแม่ตัวเองหรอกนะ
แต่คุณหญิงจอนเธอมีแนวโน้มที่จะทำอะไรโอเวอร์ มีแนวโน้มที่จะพลาดสูงมาก...
จะบอกว่าเป็นชาวกริฟฟินดอร์โดยแท้จริงเลยก็คงจะไม่ผิดนัก จอน
ซันยองชอบที่จะทำอะไรไม่ค่อยคิดหน้าคิดหลังและกระโดดพาตัวเองใส่เรื่องวุ่นวายเสมอจริงๆ
เหมือนคุณปาร์ค
ซอนมีที่เคยเป็นเพื่อนชั้นปีและบ้านเดียวกันนั่นก็จะคิดเหมือนกันเพราะเธอชักสีหน้าเอือมระอาเบาๆ
แต่ถึงอย่างนั้นมุมปากก็ยังยิ้มจางๆอย่างเอ็นดูหนักหนาให้เพื่อนรัก
“โอเค...
ถ้าอย่างนั้นเธออยากจะขึ้นไปดูห้องก่อนไหม? ฉันจัดห้องเดิมไว้ให้เธอ
ส่วนของคนอื่นๆนั่นก็ว่าเดี๋ยวจะรอให้พวกเขามาดูห้องเอง ฉันเตรียมห้องให้โบอาแล้ว
แต่กับเด็กๆที่เหลือฉันคิดว่าเขาอาจจะอยากอยู่กับพวกจีมินนี่”
“เด็กๆที่เหลือ?”
ชานยอลรำพึงขึ้นมาอีกคน
พวกเขาทั้งหลายต่างมองหน้ากันอย่างไม่ค่อยจะแน่ใจว่าผู้ที่จะมาใหม่ที่คุณน้าทั้งสองคุยกันอยู่นี่จะเป็นใคร
จองกุกที่ได้ยินคำพูดของรุ่นพี่ไหวไหล่แบบไม่รู้เรื่องเหมือนกัน
“อ่า...
ยังดีกว่าซอนมี เดี๋ยวฉันขออยู่ทักทายเด็กๆก่อนแล้วกัน จะอยู่รอพวกโบอาด้วย”
ซอนมีพยักหน้า
เธอหันไปทางลูกชายที่กำลังนั่งอยู่บนโซพาแล้วก็พยักหน้าให้จีมินไปที
“เธอจำลูกชายฉันได้ใช่ไหม?
นั่นจีมิน อยู่รุ่นเดียวกันกับจองกุก จีมินนี่ทักทายคุณน้าด้วยสิจ้ะ”
“ส..
สวัสดีครับ” คนที่นั่งดูอยู่นานพอถูกทักขึ้นมาก็ถึงกับสะดุ้ง
จีมินรีบลุกขึ้นโค้งให้คุณน้าสาวที่ไม่ได้พบเจอกันมานาน
คนรอบข้างพอเห็นเพื่อนทำแบบนั้นก็ทยอยกันลุกขึ้นทักทายจอน
ซันยองพร้อมๆกันจนคุณแม่ยังสาวยิ้มหวานรับ
“สวัสดีจ้าเด็กๆ
จีมินนี่โตขึ้นเยอะเลยนะลูก น้าไม่ได้เจอเราตั้งนานแหน่ะ
ขอโทษด้วยนะคะที่ไม่ได้มาเยี่ยม”
บอกกับจีมินเสร็จแล้วคุณซันยองก็หันไปหาเพื่อนๆและรุ่นพี่ร่วมบ้านกริฟฟินดอร์ของลูกชายที่ตัวเธอเองพอจะคุ้นหน้าต่อ
“แบมมี่ แจ็กสัน
นาอึนสบายดีนะคะลูก? แล้วเยรินไม่มาด้วยกันเหรอคะ?”
“เยรินกลับบ้านไปฉลองคริสมาสกับปีใหม่กับครอบครัวค่ะคุณน้า”
นาอึนเป็นคนตอบ ซันยองพยักหน้ารับ
“น่าเสียดายจัง
แล้วนี่นาอึนเป็นผู้หญิงคนเดียวไม่เหงาแย่เหรอ? ดีนะน้ามา
เราจะได้สนุกกัน”ซันยองพูดด้วยน้ำเสียงตื่นเต้นเหมือนเด็กๆ แล้วนาอึนก็ได้แต่ยิ้มแห้งๆรับ
“โฮซอกกี้ ชานยอลลี่ แบคฮยอนนี่ ไม่ได้เจอกันนานเลย
ขอบคุณที่คอยดูแลกุกกี้ของคุณแม่เสมอนะคะ”
รุ่นพี่ร่วมบ้านอีกสามคนรับคำกันแทบไม่ทัน
เมื่อดวงตากลมใสหันไปทางคนอื่นๆที่เธอไม่ค่อยคุ้นหน้าแล้วจองกุกก็เข้ามารับบทแนะนำต่อให้
“นั่นรุ่นพี่นัมจุนฮยองกับซอกจินฮยองครับ
ถัดไปก็ยุนกิฮยอง จีมินแม่รู้จักแล้ว แล้วก็แทฮยอง ยองแจ ยูคยอม ซองแจ มินแจ”
“สวัสดีครับคุณน้า”
เด็กๆต่างก็กล่าวทักทายอีกครั้ง ซันยองยิ้ม
“สวัสดีค่ะทุกคน
ขอบคุณที่เป็นเพื่อนกับกุกกี้นะคะ เด็กคนนี้น่ะดื้อ บทจะเด๋อก็เด๋อ
วันๆเอาแต่เล่นควิดดิช หนังสือหนังหาล่ะไม่ค่อยจะอ่าน
แต่ที่แย่ที่สุดเลยคือมีสมองเหมือนพ่อเขา เจ้าเล่ห์ ร้ายกาจ
น้าล่ะดีใจจริงๆที่ทุกคนยอมเป็นเพื่อนกับกุกกี้”
“แม่!!”
คำพูดของคุณแม่ทำให้ทุกคนหัวเราะ
และแม้แต่แทฮยองเองก็ยังอดที่จะขำไม่ได้
แต่ว่านะ...
เจ้าเล่ห์ ร้ายกาจเหรอ?
ทำไมทุกคนต้องแอบพยักหน้าด้วยล่ะ?
แทฮยองยังไม่เห็นว่าจองกุกจะร้ายกาจตรงไหนเลย.. ออกจะน่ารัก ตากลมแป๋วๆ
ซื่อๆเหมือนกระต่ายบันนี่จะตาย (. .)
ถึงจะอึดอัดไปบ้าง
แต่การมาของคุณซันยองก็ทำให้บรรยากาศคึกคักกว่าเดิม
โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อเธอถามว่าจองกุกที่ฮอกวอตส์เป็นยังไงบ้าง...
“โอโหหหหห
คุณแม่ครับ เชิญนั่งก่อนดีกว่าครับ ต้องผมนี่
ไม่มีใครจะรู้วีรกรรมมันดีเท่ากับผมอีกแล้ว” หวัง
แจ็กสันถึงกับผลักไอ้แบมออกจากที่นั่งเป็นการเคลียร์พื้นที่ให้แม่เพื่อนมานั่งด้วย
“ไอ้จองกุกนะครับ
เคยแอบหลับในห้องเรียนวิชาแปลงร่างไปสามรอบแล้วครับเทอมนี้...”
บางทีจองกุกเองก็สงสัยเหมือนกันว่าตัวเองจะคบคนแบบไอ้แจ็กสันไปทำไม...
“จริงค่ะคุณน้า
หนูล่ะเบื่อค่ะ มีครั้งหนึ่งไอ้หวังมันแอบเอาลังบัตเตอร์เบียร์เข้ามาในหอค่ะ
ไอ้จองกุกนี่เผลอแป๊ปๆกระดกไปแล้วสามขวด...”
“ไม่เคยปั่นงานทันเลยครับคุณน้า
ผมก็งงอยู่ถึงทุกวันนี้ว่าทำไมเกรดมันดี...”
“โคตรขี้อวดเลยด้วยครับคุณน้า
จะจับลูกสนิชทีงี้ไม่เคยบินจับแบบปกติชน
ด้วยความเป็นกับตันทีมผมล่ะห๊วงห่วงจนตอนนี้เบื่อหน้าเลิกห่วงไปแล้วครับ”
...และบางทีจองกุกก็สงสัยว่าเขาทำผิดอะไร?
ทำไมถึงได้เป็นที่เกลียดชังของคนทางบ้านมากขนาดนี้??
แต่ถึงจะโดนเผาไหม้เกรียมเท่าไร
จอน ซันยองก็ยิ่งหัวเราะคิกคักดังขึ้นเท่านั้น
เธอฟังเรื่องราวต่างๆของลูกชายจากปากเพื่อนๆพี่ๆอย่างตั้งอกตั้งใจ
ดูดซับทุกอย่างที่เป็นจองกุกราวกับฟองน้ำ ซันยองเป็นนางแบบ ถึงจะไม่ได้รับงานบ่อยเท่าแต่ก่อนแล้วแต่หลายครั้งที่ถ่ายแบบเธอก็จำเป็นจะต้องเดินทางไปถ่ายที่ต่างจังหวัดหรือต่างประเทศไกลๆ
ยิ่งถ้ารับงานกับมักเกิ้ลแล้วต้องเดินทางกับทีมงานโดยการนั่งรถไฟหรือเครื่องบินก็ยิ่งนานไปใหญ่
จองกุกเป็นแก้วตาดวงใจของเธอ ทุกวินาทีที่ต้องอยู่ห่างจากลูกซันยองก็คิดถึงเด็กคนนั้นเสมอ
ได้แต่คอยจินตนาการไปต่างๆนาๆว่าเจ้ากระต่ายบันนี่ของคุณแม่กำลังทำอะไร
วันนี้กินอะไรไปบ้าง เล่นกับใคร
จะคิดถึงแม่ไหมนะ?
ยิ่งเมื่อจองกุกอายุสิบสี่แล้วต้องเข้าเรียนที่ฮอกวอตส์ซึ่งเป็นโรงเรียนหอแบบนี้แล้วซันยองก็ยิ่งคิดถึง...
ถึงตอนนี้จองกุกอยู่ปีห้า
โตเป็นชายหนุ่มตัวสูงใหญ่เท่ากับพ่อเขาแบบนี้แต่ในสายตาของซันยองแล้วลูกก็คือลูก
ซันยองพยายามจะติดต่อกับลูก
เธอส่งขนม ส่งของใช้ ส่งจดหมายไปให้จองกุกที่โรงเรียนอย่างสม่ำเสมอ...
แต่ก็อย่างว่า มันก็มีลิมิตในเรื่องที่เด็กคนนั้นจะเขียนในจดหมายบอกเธอเหมือนกัน
วีรกรรมต่างๆนั่นเธอถึงจะพอเดาออกในนิสัยของลูกชาย (และนิสัยของตัวเธอเองรวมกับพ่อเจ้ากุกกี้)
แต่ก็ไม่ได้รู้ลึก
พอมีโอกาสแบบนี้ซันยองจึงนั่งฟังทุกๆเรื่องของจองกุกอย่างตั้งใจ
เธออมยิ้มพลางแอบมองหน้าลูกชายตัวดีที่กลอกตาบ้าง เถียงเพื่อนบ้าง
เดาะลิ้นบ้างอยู่ข้างๆเด็กจากฮัฟเฟิลพัฟคนหนึ่งที่ดูจะชอบใจกับเรื่องราวต่างๆไม่ต่างจากเธอ
“แล้วกุกกี้มีคนที่ชอบหรือยังจ้ะ?”
ถามไปแล้วเด็กๆก็พากันเงียบสนิทชนิดที่ว่างแตกต่างจากหน้ามือเป็นหลังมือ
เหมือนว่าเด็กๆหลายคนจะแอบเหลือบไปมองแทฮยอง... อ่า.. ไม่สิ
คงจะเหลือบไปมองจองกุกที่นั่งข้างๆกันและกำลังโดนเผามากกว่าสินะ ซันยองหัวเราะเบาๆ
พอจะเข้าใจว่าเรื่องแบบนี้กับเด็กๆบางทีมันก็ชวนเขินอยู่เมื่อต้องเอามาพูดกับคนเป็นแม่
“มีก็บอกมาเถอะ
แม่รู้น้า เห็นแบบนี้แม่ก็มีแหล่งข่าวของแม่อยู่นะกุกกี้”
แหย่ไปหน่อยแล้วผิวขาวๆของจองกุกก็ขึ้นสีขึ้นมาให้ซันยองนึกเอ็นดู กุกกี้ของคุณแม่เมินหน้าหนีไปทางอื่น
“ใครอีกล่ะ?
ไอ้มินกยูมันเพ้อเจ้อแม่ก็รู้ ไอ้เซฮุนด้วย”
พาดพิงไปถึงเพื่อนต่างบ้านอีกสองคนที่บ้านอยู่ใกล้เคียงกันเลยทำให้สนิทกับแม่เขาไปด้วยแล้วซันยองก็หัวเราะออกมาอีกครั้ง
“ก็ไม่ได้บอกชื่อเจาะจงมาหรอกนะ
แต่เห็นว่ากุกกี้น่ะชอบเขานักหนา เซฮุนนี่บอกแม่ว่าชอบมาหลายมีแล้วด้วย”
เจอแบบนี้แล้วซองแจที่จิบน้ำอยู่ก็ถึงกับสำลัก
ไม่นึกว่าแม่เพื่อนจะรู้ขนาดนั้น
“บอกว่าเป็นเด็กต่างบ้าน...
อยู่ในทีมควิดดิช สนิทกับมินแจ แล้วก็น่ารักมากๆ”
พูดจบปุ๊ปคราวนี้คิม
มินแจที่โดนพาดพิงถึงก็สะดุ้งเฮือกอีกคน ทุกคนค่อยๆเหลือบมองแทฮยองที่เข้าข่ายทั้งหมดอีกครั้งแต่เจ้าตัวกลับแค่นั่งฟังคุณแม่พร้อมกับตาโตๆ
“หือ...
ละเอียดจัง จองกุกมีคนที่ชอบแล้วเหรอ? ไม่เห็นบอกกันเลย”
แทฮยองหันไปพูดใส่จองกุกที่นั่งอยู่ข้างๆ
ซึ่งเจ้าตัวก็ชักสีหน้าพะอืดพะอมพูดไม่ออกบอกไม่ถูกขึ้นมาอีกรอบ
โอ้ยยย
ไอ้ที่ว่าละเอียดนักหนานั่นก็พูดถึงมึงทั้งนั้น ไม่ฉุกคิดหน่อยเลยเหรอไอ้แทคนซื่อ(บื้อ)!!
ซองแจล่ะเหนื่อยใจ
ลุ้นจนเลิกลุ้น
คุณจอน
ซันยองที่ได้ยินกลับเพียงแค่ยิ้ม
เธอนึกถูกชะตาแปลกๆกับเด็กที่ลูกชายแนะนำให้ว่าชื่อแทฮยองตั้งแต่แนะนำตัวให้รู้จักเมื่อครู่แล้ว
สายตาของคนเป็นนางแบบมันทำให้เธอมักจะมองแทฮยองอยู่บ่อยๆ เด็กคนนั้นโครงหน้าสวย
ทั้งตา จมูก ปากดูรวมๆแล้วถ้าจะปั้นเป็นนายแบบล่ะก็ไม่ยาก
แถมยังดูสูงเพรียวแบบนั้นด้วย
ตอนแรกก็แค่ประทับใจ
แต่แล้วพอพวกแจ็กสันเล่าเรื่องวีรกรรมต่างๆของจองกุกให้ฟังแล้วเธอสังเกตเห็นว่าแทฮยองกำลังฟังเรื่องราวต่างๆอย่างตั้งใจพร้อมกับสายตาอ่อนๆที่ไม่ได้ต่างจากตัวเธอเองแล้วซันยองก็อดไม่ได้ที่จะนึกเอ็นดู
ยิ่งพอเด็กคนนั้นหัวเราะแล้วฉีกยิ้มกว้างจนตายิบหยี ริมฝีปากกลายเป็นรูปสี่เหลี่ยมโชว์ฟันขาวซี่เล็กๆแล้วมันก็ – ให้ตายเถอะ – มันน่ารัก
ยิ่งเมื่อพอเธอลุกไปเข้าห้องน้ำครู่หนึ่งแล้วแทฮยองลุกตามมาเงียบๆ
เจ้าเด็กน้อยคนนั้นกัดริมฝีปากแล้วใช้ตาใสๆมองมาพร้อมกับถามว่า
“คือว่า...
มันไม่ใช่เรื่องของผม แต่ว่าคุณน้ายังไม่ได้ตอบข้อความของคุณพ่อจองกุกเลยนะครับ
ป่านี้แล้วสามีคุณน้าคงจะเป็นห่วงแย่...”
ฮือออออ
ทำไมน่ารัก? แทฮยองงี่คนนี้เป็นใคร? มาจากไหน? ใครเป็นคนเลี้ยง?
ทำไมโตมาตะมุตะมิน่ารักขนาดนี้??
ซันยองจับมือตัวเองไว้ไม่ให้เผลอไปหยิกแก้มกลมๆนั่นตามที่หัวใจเรียกร้อง(?)
“พ่อจองกุกน่ะปล่อยไว้อย่างนี้บ้างก็ดี
ไม่เป็นไรหรอก ไม่ต้องห่วงนะจ้ะแทฮยอง”
อือฮือออ
เสียงไม่สั่น สำรวมเป็นที่สุด สวยมากซันยอง เธอควบคุมตัวเองดีมาก!!
พอได้ยินแบบนั้นแทฮยองก็พยักหน้ารับแล้วขอตัวกลับไปนั่งกับเพื่อนๆ
ซันยองมองตามเด็กคนนั้นตาละห้อย
...ชอบจัง...
น่าเสียดายจังเลย....
ไม่นานเกินรอแขกที่เหลือที่คุณซันยองชวนมาด้วยกันก็มาถึงโรงแรมจนได้
มันเป็นโมเม้นท์ที่.... จะว่ายังไงดีล่ะ? มันเป็นอะไรที่พอเกิดขึ้นปุ๊ปซองแจก็ต้องคิดขึ้นมาทันทีเลยว่า
แหมะ.. นี่สินะ ที่เขาเรียกว่ารถไฟชนกัน...
เพราะพอประตูล็อบบี้เปิดขึ้นมาแล้วร่างเพรียวเล็กของเชสเซอร์ปีสี่ของเรเวนคลอเดินเข้ามาในตัวโรงแรม...
ใบหน้าน่ารักหันมองรอบๆก่อนจะโค้งให้ทุกคนที่มองผู้หญิงคนนั้นตัวแข็งทื่อ
จะมีก็แต่คุณซันยองที่ยิ้มหวานแล้วเดินเข้าไปรับ
“ไอยู! มาเลยจ้ะ กำลังรออยู่เลย แล้วโบอา...”
“มาแล้วๆ
เธอนี่เล่นมาก่อนคนอื่นเสียเร็วเลยนะซันยอง” เสียงหวานๆอีกเสียงดังขึ้นขัด
ซองแจละสายตาจากไอยู รุ่นน้องต่างบ้านปีสี่จากเรเวนคลอที่กำลังยืนอยู่ข้างๆคุณซันยอง
ไปทางต้นเสียงที่เป็นหญิงสาวท่าทางสวยสง่าที่โบกไม้กายสิทธิ์ให้สัมพาระลอยตามเท้าเธอมา
ข้างๆตัวสูงๆหน้าตาหล่อๆที่กำลังยิ้มละมุนอยู่นั่นก็...
“...โบกอมฮยอง...”
เสียงเรียกทักเบาๆของแทฮยองไม่ได้ดังเลยสักนิด
แต่ปาร์ค โบกอมที่ยืนอยู่หน้าประตูนั่นก็ได้ยิน เขายิ้มจางๆ
“แทฮยอง
เหมือนเราไม่ได้เจอกันตั้งนาน”
“แทฮยอง?”
หญิงสาววัยกลางคนที่มาใหม่รำพึง
เธอหันไปทางที่โบกอมกำลังยิ้มให้เด็กผู้ชายหน้าหวานๆแล้วก็ยิ้มอย่างเอ็นดู
“คิม
แทฮยองใช่ไหมจ้ะ? แม่ชื่อโบอานะคะ ปาร์ค โบอา เป็นคุณแม่ของเจ้าโบกอม
แม่ล่ะได้ยินเรื่องของหนูแทฮยองจากพี่เขาเยอะแยะเลย” พูดไปปาร์ค
โบอาก็เอื้อมมือเข้ามาหยิกแก้มนุ่มนิ่มของแทฮยองที่ยังนั่งงงๆจับต้นชนปลายไม่ถูกไป
“อะ..
สวัสดีครับคุณป้า” แทฮยองที่โดนยืดแก้มอยู่ลุกขึ้นทักทายผู้ใหญ่อย่างทุลักทุเล โบกอมเข้ามาดึงแม่ของตัวเองออกกลั้วหัวเราะ
“เดี๋ยวแก้มน้องช้ำหมดหรอกครับคุณแม่”
“น่ารักจัง! ไม่ต้องเรียกคุณป้านะคะแทฮยองอา เรียกแม่เลยดีกว่าจ้ะ”
นี่มัน...
เกิดอะไรขึ้นวะ...
ซองแจพอจะรู้มาบ้างว่าแทฮยองสนิทกับรุ่นพี่โบกอมปีเจ็ด
บ้านสลิธีริน
แต่หลังๆมานี่ไม่ค่อยได้เจอหน้าหรือพูดคุยกันบ่อยนักเพราะโบกอมฮยองเป็นเฮดบอย (head
boy) ซึ่งเป็นนักเรียนที่มีตำแหน่งสูงที่สุดในฮอกวอตส์
มีอำนาจหักแต้มของนักเรียนคนอื่นๆได้ เป็นตำแหน่งที่คล้ายกับประธานนักเรียนล่ะมั้ง
ทำให้พี่แกยุ่งเป็นพิเศษ ยิ่งปีสุดท้ายก็ยิ่งยุ่งจริงๆ
แต่ไอ้ที่แม่พี่เขามารุกหนักขนาดนั้น...
มัน... เกิดอะไรขึ้นวะ??
เรียกได้ว่ายิ่งงงไปกันใหญ่เมื่อหันไปอีกทางคุณซันยอง
แม่ไอ้จองกุก ก็กำลังจูงมือไอยูมานั่งด้วยกัน เธอปล่อยให้ไอยูทักทายคนที่เหลือ
โดยเฉพาะมินแจกับนัมจุนที่เป็นชาวเรเวนคลอเหมือนกันน้องเลยเอนไปทางนั้นหนักหน่อย
ซันยองหัวเราะคิกคัก
เธอศอกลูกชายโดยที่ไม่ได้มองหน้าเลยว่าไอ้จองกุกกำลังหน้านิ่วคิ้วขมวดให้กับสองแม่ลูกตระกูลปาร์คที่ยังนัวเนียแทฮยองยู่ไม่ห่าง
“ไงล่ะกุกกี้?
แม่เจ๋งใช่ไหมล่ะ?”
คือซองแจก็แม่งเลือกที่นั่งได้เหมาะเหม็งเป็นที่สุด
นั่งคั่นระหว่างสองเหตุการณ์โดยที่ไม่ได้ตั้งใจ
มุมนั้นนัวเนียไอ้ลูกหมาประจำบ้านฮัฟเฟิลพัฟเขาก็ได้ยิน
มุมนี้มาศอกสีข้างกันก็ยังเห็น
“เจ๋งอะไรของแม่?”
จองกุกตอกกลับด้วยน้ำเสียงหงุดหงิดเล็กน้อย
อันนี้คุณซันยองน่าจะไม่รู้สึกถึงน้ำเสียงไม่เป็นมิตรนั่นเพราะเจ้าหล่อนก็ยังยิ้มน้อยยิ้มใหญ่
“เอ้า
ก็หนูไอยูไง เด็กต่างบ้าน น่ารักมากๆ อยู่ในทีมควิดดิช ซ้ำแล้วยังสนิทกับคิม
มินแจ... ไงล่า แม่เดาถูกใช่ไหมล่ะ? ไม่ต้องขอบคุณก็ได้นะไอ้ลูกชาย”
แม่ไอ้จองกุกยังตบไหล่มันป้าปๆ
ส่วนตัวจองกุกเองก็หันไปมองแม่ตัวเองอ้าปากค้าง
“นี่...
ล้อเล่นใช่ไหมเนี่ย?”
“ล้อเล่นกับผี
แม่แกอุตส่าห์ทำเพื่อลูกขนาดนี้ เนี่ย
ไปเปรยๆกับทางบ้านหนูไอยูไว้ด้วยนะเผื่อจะได้เป็นสะใภ้จริงๆ”
คุณซันยองยังหัวเราะกับตัวเองอย่างภูมิใจ
ไม่ได้มองเลยว่าลูกตัวเองทำหน้าตกใจเหมือนเห็นผีมากแค่ไหน
ถัดไปอีกหน่อยซอกจินฮยองถึงกับสำลักน้ำลายตัวเองจนไอค่อกแค่กเมื่อข่าวลือที่สงสัยมานานถูกเฉลยโดนต้นต่อได้สำเร็จ
คุณจอน ซันยอง!!
น้าทำอะไรลงป๊ายยยยยย!!
Talk2: ครบแล้ววว
ไขปมว่าคุณแม่มาทำไมและเรื่องคู่หมั้นของกุกกี้ คือยังไม่ได้หมั้นอย่างเป็นทางการ แต่คุณแม่เขาเลียบๆเคียงๆถามบ้านฝังโน้นแล้วว่าถ้าจะเป็นฝั่งเป็นฝากันจะโอเคไหม อะไรทำนองนี้ 55555
ตื่นเต้นมากเพราะพี่โบกอมเปิดตัว รีบปั่น รีบลงทันทีค่ะ 5555 ขอให้สนุกนะคะ <3
Talk1: เอามาฝากไว้ก่อนครึ่งหนึ่ง อีกครึ่งเกือบจะปั่นเสร็จแล้วค่ะ รอสักนิดนะคะนะ
Not Today เพิ่งจะปล่อยกันมา บฮ.มีความเล่นใหญ่ บังทันก็หล่อกันเปลืองมาก หล่อเรี่ยราด จุด ยกปืน เล็ง ยิง! นี่แบบอือฮืออออออ หล่ออออ โดยเฉพาะจีมินนี่ แบบมีความยิ้มมุมปาก มีความ smirk ยิงเลยค่ะจีมิน ยิงเลย *วิ่งกางแขนออกไปล่อเป้า*
รักทุกคนเสมอ วันจันทร์เริ่มอาทิตย์ใหม่แล้ว ขอให้อาทิตย์นี้เป็นอีกอาทิตย์ที่ดีของพวกเรา ขอบคุณที่คอยติดตามและขอบคุณสำหรับคอมเม้นนะคะ :)
ความคิดเห็น