ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    BTS | Mischief Managed [KOOKV ft. YOONMIN, NAMJIN] #บทฮวอย

    ลำดับตอนที่ #18 : Chapter 14: ชุนชงบุกโด 2

    • อัปเดตล่าสุด 11 ก.พ. 60


    Mischief Managed 14

     

                  เกิดมาทั้งชีวิต จอนจองกุกอยู่ในความดูแลของเหล่าฮยองหลายคน

                  ไม่ว่าจะเป็นโฮซอกฮยองที่เป็นรุ่นพี่ที่เขาสนิทด้วยในบ้านซ้ำแล้วยังเป็นกับตันทีมควิดดิชที่คอยดูแลลูกทีมอย่างดี หรือจะเป็นพวกพี่ๆในทีมอย่างจงอิน แบคฮยอน ชานยอลนั่นก็คอยระวังหลังให้เขาอยู่เสมอ จะเหล่าฮยองนอกเหนือจากบ้านกริฟฟินดอร์อย่างรุ่นพี่นัมจุน รุ่นพี่ซอกจิน จนไปถึงรุ่นพี่คริส จุนมยอน แจบอม จินยอง...

                  แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นก็นะ จองกุกขอพูดตรงนี้เลยว่าแม้เขาจะอยู่ในความดูแลของฮยองหลายต่อหลายคน...

                  แต่ตอนนี้จองกุกแม่งโคตรจะรักยุนกิฮยองมากที่สุดเลยว่ะ <3

                  จะว่าไปแล้วจองกุกเองก็ไม่รู้หรอกว่าเรื่องมันเป็นอะไรยังไง คนในบ้านชอบบอกว่าจองกุกเป็นพวกทื่อๆ ไม่ค่อยจะสังเกตคนอื่นเอาเท่าไร ซึ่งมันก็คงจะจริงแหละ เพราะนอกจากเรื่องของควิดดิชกับเรื่องของแทฮยองแล้วจองกุกก็ไม่รู้อะไรนอกเหนือจากนั้นนักหรอก เพราะอย่างนั้นไอ้ซัมติงแปลกๆระหว่างมินยุนกิบ้านสลิธีรินกับปาร์คจีมินบ้านฮัฟเฟิลพัฟนี่เขาเองก็จนจะเข้าใจ

                  แต่ในเมื่อการมาของมินยุนกิทำให้จีมินเหมือนจะโยนแผนการ มินแทชิปเปอร์: พาย เราจะพายไปให้ถึงฝั่งฝัน” (แผนชื่อนี้จริงๆ คอนเฟิร์มโดยแบคฮยอนและชานยอลที่บังเอิ๊ญบังเอิญไปเจอสมุดจดของจีมินในกระเป๋าเดินทางส่วนตัวของเจ้าตัวเขา) ทิ้งไปดื้อๆมันแบบนั้นจองกุกก็รู้สึกขอบคุณรุ่นพี่ตัวขาวที่ชอบทำหน้าเบื่อโลกง่วงๆอยู่ตลอดเวลาขึ้นมาทันที

                  “ยุนกิฮยอง ทำไมไม่บอกก่อนล่ะครับว่าจะมา จะได้มาพร้อมกันเลยทีเดียว” จีมินถามแง้วๆอยู่ตรงมุมโต๊ะอาหาร พอคุณซอนมี คุณแม่ของจีมิน รู้ว่าเด็กๆทั้งหมดเป็นรุ่นพี่รุ่นเพื่อนของลูกชายในฮอกวอตส์ก็จัดโต๊ะทานอาหารโต๊ะใหญ่ให้พวกเขามานั่งร่วมกันได้ ซึ่งพอเป็นแบบนี้แล้วที่นั่งข้างๆแทฮยองจะเป็นของใครไปได้นอกจากซีกเกอร์ที่โด่งดังเรื่องความเร็วจากกริฟฟินดอร์อย่างจองกุกJ

                  ส่วนที่นั่งอีกข้างน่ะเหรอ...?

                  “อ๊า~ม ฮือออ แทแทของฮยองกินอีกเยอะๆนะ เด็กน้อยอยากกินจานไหนต่อชี้เลย เดี๋ยวฮยองจะป้อนเอง”

                  นั่นแหละ ตอนแรกไอ้มินแจก็แม่งจะเสร่อนั่งอีกฝั่งของแทฮยองอยู่ แต่บังเอิญว่าจองกุกยื่นเท้าไปขัดข... เอ้ย! บังเอิญว่ามันสะดุดขาตัวเองไป เลยเป็นจังหวะงามๆให้บยอนแบคฮยอนวิ่งพรวดเข้ามาทั้งตัวลงนั่งทันที

                  จองกุกก็ไม่อยากจะพูดว่าสมน้ำหน้าหรอกนะเพราะว่าเขาน่ะเป็นเด็กดี เรื่องสมน้ำหน้าใครแบบนี้ก็ไม่ชอบทำ

                  ก็จะบอกว่าสะใจเบาแทนก็แล้วกัน หึ

                  ไอ้มินแจเลยถูกโยนไปนั่งกับยูคยอมนู่น ชานยอลถอนหายใจพรืดก่อนจะนั่งลงข้างๆแบคฮยอนอีกที

                  “น้องเขาก็อยากกินเองเหมือนกันไหมมึง?” เอ็ดแฟนหนุ่มไปแล้วแต่แบคฮยอนก็ไม่สนใจ แทฮยองที่กำลังเคี้ยวหงุบหงับ (เชี่ยเอ้ย ขนาดเคี้ยวปลายังน่ารักจนจองกุกอยากจะปั้นเป็นก้อนกลมๆแล้วกลืนลงท้องแทนข้าว) รีบกลืนอาหารลงคอ

                  “แทแทกินเองได้นะแบคฮยอง แล้วนี่แบคฮยองมัวแต่ป้อนคนอื่นเขาแบบนี้ตัวเองไม่ได้กินนี่ไม่หิวหรือไง?”

                  เหมือนจะเป็นการขับไล่พี่ชายทางอ้อม แต่แบคฮยอนกลับเอามือป้องปากกลั้นเสียงสะอื้น

                  “ด.. เด็กน้อยของฮยอง คงจะกลัวฮยองหิว อยากจะให้ฮยองได้กินเหมือนกันสินะ ฮือออ ไอกูววว น่ารักอะไรแบบนี้ เด็กน้อยเป็นห่วงฮยองด้วย ฮือออ ฮยองจะให้รางวัล กินอีกเยอะๆนะแทแทอา <3

                  แล้วพี่มันก็คีบปลาแซลมอนยัดใส่ปากน้องรัวๆไปอีกสามชิ้น แทฮยองถึงกับส่งเสียงอุออกมาเบาๆแล้วรีบเคี้ยวตาม เหมือนว่าน้ำตาจะรื้นขึ้นมาหน่อยๆ

                  .....

                  ...จอนจองกุกนี่มันเป็นคนยังไงวะ? ทำไมอยู่ๆก็รู้สึกว่าตัวเองจิตอกุศลแปลกๆ? จองกุกก็ว่าตัวเองเป็นคนใสใสนะ?

                  ข้างๆเขาแทฮยองยังเคี้ยวไปมาด้วยความยากลำบากเพราะแบคฮยอนดันยันเข้ามาคำใหญ่ไป จองกุกเหลือบเห็นน้ำซอสที่ไหลเปื้อนออกมาจากมุมปากแล้วก็เผลอยกมือขึ้นเช็ดออกให้ เขาเอาปลายนิ้วที่เปื้อนซอสนั่นเข้าปากตัวเอง ส่งเสียงฮัมออกมาเบาๆอย่างพอใจในรสชาติแล้วก็เอื้อมไปคีบแซลม่อนจานนั้นใส่ถ้วยข้าวของตัวเองบ้าง

                  “...เชี่ยรุกแรงมาก...”

                  เสียงอุทานเบาๆของซองแจที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้ามของจองกุกพอดีทำให้เขาละสายตาจากชามข้าวขึ้นมามองมัน ซองแจอ้าปากมองตรงมาอึ้งๆ เช่นเดียวกันกับยูคยอมและยองแจที่นั่งขนาบมันอีกทีแล้วกำลังมองตรงมาตาโตเหมือนกัน จองกุกชะงัก สมองประมวลสิ่งที่เพิ่งเกิดขึ้นเมื่อกี้แล้วดวงตากลมก็เบิกกว้างตามบ้าง คือเมื่อกี้แม่งทำโดยที่ไม่คิดไง เหมือนทำตามจิตใต้สำนึก เพิ่งจะมารู้ตัวว่ากูทำอะไรลงไปก็ตอนนี้แหละ

                  จองกุกหันขวับไปทางแทฮยอง ไม่รู้ว่าคนตัวเล็กจะตกใจมากขนาดไหน แต่ข้างๆเขาแทฮยองก็ไม่ได้แสดงอาการอะไรออกมามากมาย ปากน้อยๆเริ่มจะขยับโวยวายที่แบคฮยอนไม่เลิกป้อนนู่นป้อนนี่สักที

                  ...เหมือนจะไม่แสดงอาการอะไรมากมาย แต่เพราะกำลังหันหน้าหนีจองกุกอยู่เขาเลยเห็นปลายหูที่ขึ้นสีแดงก่ำนั่นได้เป็นอย่างดีเหมือนกัน

                  เชี่ยเอ้ย น่ารักว่ะ...

     

                  นั่งกินไปคุยไปกันได้หลายชั่วโมงจนเริ่มดึกคนในโต๊ะก็เริ่มจะหายไปทีละคนสองคน เริ่มจากซอกจินกับนัมจุนที่ขอตัวขึ้นไปพักผ่อนก่อนโดยที่ไม่ลืมจะหันมาบอกเด็กๆในปกครองให้รีบขึ้นห้องไปนอนกันด้วย หลังจากนั้นแบมแบมก็ขึ้นไปเป็นคนถัดไป ตามด้วยยุนกิ จีมิน และยองแจ จองกุกมองแทฮยองหัวเราะให้กับอะไรสักอย่างที่ซองแจพูดก่อนที่เจ้าตัวจะขอขึ้นไปอาบน้ำนอนบ้าง

                  เวลาดีนาทีทอง จองกุกรีบสะกิดโฮซอกยิกๆ

                  “อะไรมึงวะจองกุก?” โฮซอกหันมาถามกลับ ปากกูกำลังกินไอศกรีมถั่วแดงอยู่ไหมล่ะ? ถึงจะเป็นถ้วยที่สามแต่ของฟรีมันจะมานานๆหน ถ้าไม่รีบตักตวงก็กลัวจะเสียใจ ไอ้เด็กบ้านี่ก็สะกิดยิกๆอยู่ได้

                  “ฮยองขึ้นไปนอนได้และ แล้วก็ไปล็อกห้องเลยเดี๋ยวผมจะทำท่าไปเปิดห้องเราต่อแล้วเข้าห้องไม่ได้ จะได้ไปขอนอนกับแทฮยองไง”

                  “แต่ไอติมกูยังไม่หมดเลย”

                  ควับ!

                  “หมดแล้ว ฮยองขึ้นห้องไปได้และ”

                  โอโห...

                  คือเมื่อกี้ไอศกรีมถั่วแดงเหลืออยู่ตั้งครึ่งถ้วย พอท้วงหน่อยใอ้เด็กจองกุกแม่งยกถ้วยขึ้นอ้าปากกลืนลงคอไปหมดหน้าตาเฉย...

                  ถ้ามึงจะอยากให้กูไปขนาดนี้กูก็ขัดศรัทษามึงไม่ลงและจอนจองกุก..

                  โฮซอกลุกออกไปอีกคนด้วยความงงงวยโดยที่มีรอยยิ้มของจองกุกส่งไล่หลังมาตบท้าย จากหางตาเขาคิมมินแจเองก็ลุกออกจากโต๊ะแล้วบอกว่าจะขึ้นห้องไปนอนบ้าง

                  จองกุกรอต่ออีกสักห้านาทีก่อนที่จะขึ้นห้องตามไป

     

                  ตอนที่พวกเขาได้ยินเสียงเคาะประตูแทฮยองกำลังดูนัดควิดดิชย้อนหลังกับมินแจในเทปเวทมนตร์ที่บีตเตอร์ชาวเรเวนคลอเป็นคนเอามา เทปเวทมนตร์รูปร่างเหมือนเทปวีดีโอหรือคลาสเซ็ทเพลงในสมัยก่อน แต่พอเอานิ้วเลื่อนหมุนม้วนฟิล์มพร้อมกับบอกคาถาเล่นแล้วตัวผู้เล่นควิดดิชตัวเล็กๆประมาณเท่านิ้วก้อยจีมิน (ทำไมต้องทำร้าย ทำไมต้องเจาะจง 55) ก็จะพากันวิ่งออกมาจากตัวเทปและเล่นเกมย้อนหลังนั่นให้ดูสดๆแบบสามมิติ

                  แทฮยองมองลูกบลัดเจอร์ลูกจิ๋วลอยข้ามไปหลังศีรษะมินแจ ผู้เล่นอุจิจากทีมญี่ปุ่นบินตามไปวนลูปอยู่รอบหัวหมอนั่น

                  และแล้วก็มีเสียงเคาะประตู

                  ก๊อก ก๊อก

                  แทฮยองกับมินแจชะงัก เพื่อนจากเรเวนคลอแตะม้วนเทปย้อนหลังเป็นเชิงให้หยุดแล้วผู้เล่นจากทีมชาติญี่ปุ่นและอเมริกาก็ลอยนิ่งงันอยู่กลางอากาศ พวกเขาสบตากันครู่หนึ่งก่อนที่แทฮยองที่เตียงอยู่ใกล้ประตูมากกว่าจะเป็นฝ่ายลุกขึ้น

                  “เดี๋ยวฉันไปเปิดเอง”

                  แทฮยองได้ยินเสียงฝีเท้าเดินตามมาแล้วก็รู้ว่าถึงจะเป็นฝ่ายอาสาไปเองแต่มินแจก็คงจะเดินตามมาเป็นเพื่อน ก็แน่ล่ะน้า มินแจเป็นคนใจดีแล้วก็มีน้ำใจมากๆนี่นา แทฮยองทำอะไรก็คอยช่วยตลอดเลย

                  พวกจีมินกับซองแจชอบหัวเราะแล้วบอกว่ามันมีเงื่อนงำ แต่แทฮยองว่าพวกมันน่ะชอบมองโลกในแง่ร้าย ก็คนเขาจะเป็นคนดีนี่นา ไม่เห็นต้องไปมองว่าจะมีเงื่อนงมเงื่อนงำแรงจูงใจอะไรเลย

                  “ใครครับ?” แทฮยองส่งเสียงถามทั้งๆที่มือก็ปลดล็อกกุญแจไปด้วย

                  “ฉันเอง จองกุก”

                  “จองกุก?” แทฮยองเปิดประตู ร่างของซีกเกอร์จากกริฟฟินดอร์ยืนรออยู่อีกฝั่งพร้อมกับรอยยิ้มเจื่อนๆประหลาด

                  ไม่รู้ว่าคิดไปเองหรือเปล่า แต่เหมือนว่ามินแจจะขยับเข้ามาใกล้แทฮยองมากขึ้นจนอกของหมอนั่นแทบจะเข้ามาชิดหลังแทฮยองแล้ว

                  “มีธุระอะไรเหรอจองกุก? แทฮยองกับฉันกำลังยุ่งๆอยู่พอดี”

                  แทฮยองไม่คิดว่าการดูเกมควิดดิชย้อนหลังมันจะยุ่งขนาดนั้นนะ แต่สงสัยว่ามินแจจะอินกับเกมเมื่อกี้มากละมั้ง?

                  “อ่า.. แปลว่าฉันมาขัดอะไรเหรอ? ขอโทษนะ” จองกุกว่า น้ำเสียงดูเสียใจแต่หน้ากลับยิ้มระรื่น แทฮยองส่ายหัว

                  “ไม่หรอก ว่าแต่จองกุกมีอะไรหรือเปล่า? เข้ามาก่อนไหม?”

                  “คือว่า... ฉันจะมาขอค้างด้วยได้ไหม?”

                  “ขอค้า- / ไม่”

                  แทฮยองชะงัก คือกำลังจะถามทวนไหมล่ะแต่มินแจข้างๆกลับพูดพรวดขึ้นมาหน้าตาเฉย

                  แปลกจัง ปกติมินแจใจดีมากๆเลยนี่นา นี่อยู่ๆก็บอกปัดจองกุกไปแบบนี้เนี่ยนะ?

                  เหมือนว่ามินแจจะรู้ว่าแทฮยองคิดอะไรอยู่เพราะหมอนั่นรีบหันมาระบายยิ้มให้แทฮยองเหมือนจะปลอบประโลมก่อนที่จะหันกลับไปทางจองกุก

                  “ฉันหมายความว่ามันคงไม่สะดวกเท่าไรล่ะมั้ง ข้าวของของจองกุกก็ไว้ที่ห้องหมดแล้วนี่นา แถมที่นี่ก็มีแค่สองเตียง มันคงไม่สบายเท่าไร”

                  “ฉันไม่ต้องใช้อะไรมากหรอก เรื่องเตียงก็ไม่เป็นไร นอนพื้นก็ได้นะ” ดวงตาของจอนจองกุกช่างกลมโตอะไรแบบนี้... ดูฟันกระต่างสองซี่น่ารักๆนั่นสิแทฮยอง... “คือว่าโฮซอกฮยองคงล็อกห้องแล้วเผลอหลับไปแล้วน่ะ ฉันเลยเข้าห้องไม่ได้”

                  ทำไมจอนจองกุกถึงมีเสียงที่ฟังดูเศร้าสร้อยมุ้งมิ้งน่าสงสารแบบนี้นะแทฮยอง?

                  ในจังหวะที่ใจของแทฮยองกำลังอ่อนยวบเหมือนพุดดิ้งอยู่นี่มินแจกลับยกมือขึ้นกอดอก

                  “แล้วห้องของเพื่อนๆนายล่ะ?”

                  “แบมแบมกับแจ็กสันคงหลับไปแล้ว ห้องมันก็ล็อกเหมือนกัน ฉันเคาะกี่ที เรียกกี่ทีก็ไม่ได้ยินเลยด้วย ส่วนของแบคฮยอนฮยองกับชานยอลฮยองฉันไม่อยากไปรบกวน พวกฮยองคบกันอยู่มันดูไม่เหมาะที่จะเข้าไปยังไงไม่รู้สิ แล้วนอกจากนั้นคนที่ฉันสนิทด้วยก็มีแค่แทแทนี่นา...”

                  อึก...

                  ด.. ดวงตากลมใสของกระต่ายยักษ์มันเบนเข็มกลับมาทางแทฮยองอีกแล้ว เสียงเว้าวอนน่าสงสารนั่น.. ความเป็นกระต่ายนั่น...

                  “...มาค้างที่ห้องเราก็ได้นะจองกุก เนอะมินแจเนอะ”

                  มินแจกัดฟันกรอด

                  “ถ้าแทฮยองว่าอย่างนั้นก็ได้นะ ^^;

                  “ขอบคุณมากเลยนะ มินแจนี่เป็นคนดีจังเลย” จองกุกยิ้มอย่างน่ารัก ดูโล่งอกโล่งใจซ้ำแล้วยังเป็นมิตรกับมินแจจนแทฮยองยิ้มตาม เขาคิดว่ามินแจน่าจะหงุดหงิดเพราะอินกับการดูเกมควิดดิชเมื่อกี้แล้วโดนขัดจังหวะ แต่จองกุกก็ดูไม่ถืออะไรแล้วยังดีกับมินแจด้วยนี่นา...

                  ฮื่อออ จองกุกนี่น่ารักจังเลยน้า

     

                  ...น่าลักไปฆ่าแล้วหมกไว้ในที่ที่ไม่มีใครหาเจอจริงๆ

                  มินแจถึงกับต้องมานั่งขัดสมาธิท่องหนึ่งถึงร้อยในใจ ไอ้จอนจองกุกมันคุยงุ้งงิ้งกับแทฮยองแล้วก็หันมาทางเขา ยิ้มให้อย่างเป็นมิตร

                  “เล่นไพ่พ่อมดด้วยกันไหมมินแจ?”

                  ปากมันยิ้ม ตากลมคู่นั้นก็ดูแวววาว

                  ดูเผินๆเหมือนลูกแก้ว แต่มินแจกลับมองเห็นการท้าทายในดวงตาคู่นั้นยังไงไม่รู้

                  “ฉันไม่อยากเล่นแล้วอะ ง่วง” แทฮยองอ้าปากหาว มือวางไพ่ลงแล้วยื่นให้จองกุกที่เก็บกลับไป “ฉันอาบน้ำแล้วนอนเลยดีกว่า จองกุกจะนอนเมื่อไรก็ขึ้นมานอนด้วยกันเลยนะ ฉันหลับลึกมาก จะขึ้นมาตอนไหนก็ไม่รู้ตัวหรอกไม่ต้องห่วง”

                  มันยิ่งน่าเป็นห่วงกว่าเดิมไหมล่ะ!!

                  “โอเคครับ เดี๋ยวแทฮยองอาบเสร็จฉันเข้าไปอาบต่อแล้วนอนด้วยกันเลยแล้วกันนะ”

                  นะพ่องงงง

                  “เดี๋ยวก่อนสิ นี่แทฮยองจะให้จองกุกนอนบนเตียงด้วยเหรอ?” ก็ไม่รู้ว่าจะถามแม่งทำไม แทฮยองเป็นพวกใจดีพร่ำเพรื่ออยู่แล้ว แล้วก็เป็นอย่างที่คิดเมื่อคนที่กำลังคุ้ยกระเป๋าหาชุดนอนหันมาพยักหน้าหงึก

                  “อือ ก็พื้นมันแข็งจะตาย หนาวด้วย เตียงมันก็น่าจะพอสองคนเบียดๆกัน ไม่เป็นไรหรอก” แทฮยองบอกส่งๆ พอหยิบอุปกรณ์อาบน้ำครบก็ลุกขึ้นยืน สองขาเรียวก้าวไปทางห้องน้ำ

                  “ด.. เดี๋ยวสิ งั้นให้จองกุกมานอนกับฉันแทนดีกว่าไหม? จะได้ไม่ต้องไปเบียดกับแทฮยองไง” มินแจรีบเสนอ ร้อยวันพันปีไม่เคยคิดมาก่อนว่าต้องเสนอเตียงตัวเองให้จอนจองกุก แต่พอสถานการณ์คับขันอะไรจะให้ได้มันก็ต้องให้แล้วล่ะครับมึง

                  แทฮยองมุ่นคิ้ว

                  “ฉันตัวเล็กกว่าพวกนายสองคนยังว่าต้องนอนเบียดกันเลย พวกนายสองคนขึ้นไปนอนด้วยกันไม่ไหวหรอกมั้ง”

                  “นั่นสิ แล้วอีกอย่างนะ” จอนจองกุกที่นั่งสับไพ่อยู่ที่พื้นไม่ไกลจากจุดที่แทฮยองยืนอยู่ช้อนตาขึ้นมองชาวฮัฟเฟิลพัฟตัวเล็ก “ฉันไม่ค่อยสนิทกับมินแจ มันคงรู้สึกแปลกๆ ขอนอนกับแทแทนะครับนะ”

                  แทฮยองส่งเสียงอื้อ! รับพร้อมกับรอยยิ้มสี่เหลี่ยมน่ารักๆเป็นคำตอบ ร่างบางของซีกเกอร์จากฮัฟเฟิลพัฟเดินฮัมเพลงหายเข้าไปในห้องน้ำ

    ...รอยยิ้มของจอนจองกุกลับหลังคนตัวเล็กนั่นช่างดูเหมือนการแสยะประหลาดเหลือเกิน...


    .......................................50%............................................


    จอนจองกุกตื่นเช้ามาด้วยความสดใส รู้สึกเหมือนว่าอะไรๆมันก็ดูดีไปเสียทุกอย่างไม่ว่าจะเป็นแสงแดดอ่อนๆที่ลอดผ่านผ้าม่านเข้ามาในห้อง เสียงนกน้อยที่ร้องคลออยู่นอกหน้าต่าง หรือว่าจะเป็นเตียงนุ่มๆกับผ้าห่มอุ่นๆที่เหมาะกับหน้าหนาวกลางเดือนธันวาคมแบบนี้

    และที่สำคัญที่สุดก็คงจะเป็นร่างสีน้ำผึ้งที่นอนขดตัวอยู่ข้างๆกันนี่

    จองกุกอดไม่ได้ที่จะอมยิ้ม ใบหน้าน่ารักที่ห่างกันแค่คืบ แพขนตาหนายาวที่พวกผู้หญิงบ่นกันนักหนาว่าอิจฉาแผ่ไล้แก้มนุ่มนิ่ม อ่า... จมูกโด่งจัง...

    ปากก็น่างับ...

    จองกุกไม่ใช่ผู้ชายที่มีความอดทนสูงอะไรขนาดนั้น เขาค่อยๆเบียดตัวเองเข้าใกล้แทฮยองที่ยังนอนตะแคงหันมาทางเขาไม่รู้เรื่อง ดูท่าไอ้ที่เคยบอกว่าตัวเองหลับลึกมากนั่นจะเป็นเรื่องจริง

    เพราะดูเข้าสิ ขนาดจองกุกขยับท่าดึงแทฮยองมาซุกอกตัวเองขนาดนี้แล้วยังไม่ตื่น ไม่รู้เรื่องอะไรกับเขาเลยเนี่ย

    จมูกโด่งที่ไอ้หวังชอบล้อว่าโตเกินหน้า (หยาบคาย ทีมึงเตี้ยกูยังไม่แซวมึงบ่อยเท่าไอ้แบมเลยนะสัส) ก้มลงแอบฝังลงข้างขมับของคนน่ารักจากบ้านฮัฟเฟิลพัฟไปอีกที กลิ่นหอมอ่อนๆที่คล้ายกับกลิ่นวะนิลลาทำให้ยิ่งยิ้มกว้างขึ้นเหมือนคนโรคจิต

    ฮือออออ แทแทของจกุกตัวห้อมหอม~

    อ่า... ไม่ได้การแล้ว....

    จองกุกอยากเอากลับบ้าน!!

    ถ้าจะฟินขนา-

    ผั๊วะ!!

    “...ขอโทษทีว่ะ หลุดมือ”

    หมอนมึงลอยมากลางแสกหน้ากูขนาดนี้ยังจะมาพูดว่าหลุดมือหน้าตาเฉยอีกเหรอไอ้มินแจ!!!

     

     

    “อ๊า เด็กน้อยของฮยอง ไหนให้ฮยองดูสิ บุบสลายตรงไหนหรือเปล่า? มีรอยขีดข่วนไหม? ปวดท้ายทอยบั้นเอวสะโพกหรือมีรอยจ้ำที่มีคนบอกว่ายุงกัดแต่ไม่คันไหมคนดี??”

    ...ใครก็ได้เอาบยอน แบคฮยอนไปเก็บที...

    ในถานะเพื่อนในกลุ่มคนหนึ่งของไอ้แท ซองแจขอบอกตรงนี้เลยว่าเขาก็คิดว่าตัวเองค่อนข้างจะชินกับอาการหวงและห่วงน้องชายของรุ่นพี่แบคฮยอนจากบ้านกริฟฟินดอร์อยู่หรอกนะ แต่เพราะอยู่คนละชั้นปีกัน อยู่คนละบ้านกัน และเวลาสองพี่น้องเขาอยู่ด้วยกันสองคนนั้นก็จะนัดกันไปคุยตามห้องสมุดบ้าง ทางเดินบ้าง ในร้านกาแฟของฮอกส์มี้ดบ้าง...คือเอาเข้าจริงๆแล้วซองแจเคยได้ยินวีรกรรมของแบคฮยอนอยู่บ้าง เคยเห็นอาการติดน้องอยู่ปะปรายเป็นบางครั้ง...

    แต่พอดันมาพักอยู่เรียวกังเดียวกันแบบนี้แล้ว...

    ก็ค่อนข้างชัดเจนน่ะพวกคุณ ค่อนข้างเข้าใจแล้วโดยถ่องแท้

    ซองแจมองภาพของแบคฮยอนที่เมื่อสองนาทีที่แล้วยังตักข้าวต้มปลาเข้าปากง่ำๆ ไม่สนใจใครแม้ว่าจะเป็นคิม ซอกจินเพื่อนร่วมรุ่นที่ถามว่าเมื่อคืนนอนสบายไหม หรือจะเป็นแฟนหนุ่มที่ควบตำแหน่งเพื่อนสนิทอย่างชานยอลที่นั่งอยู่ข้างๆกัน แต่ในตอนนี้พอไอ้แทเพื่อนซองแจเดินลงบันไดมาพร้อมกับไอ้มินแจรูมเมทมันและจองกุกเท่านั้นแหละ...

    ..เอ๊ะ? และจองกุก? ลงมาด้วยกันได้ยังไงวะ? จองกุกมันไม่ได้แชร์ห้องกับโฮซอกฮยองบ้านกริฟฟินดอร์เหรอวะ? พี่เขาลงมากินข้าวจนเรียบร้อยแล้วเดินหายไปสำรวจกับนัมจุนฮยองแล้วเนี่ย

    แต่ช่างเถอะ เอาทีละเรื่อง เอาเป็นว่าเมื่อสองนาทีที่แล้วแบคฮยอนฮยองยังข้าวต้มสบายใจไม่สนใจใครอยู่เลย แต่พอได้ยินเสียงเท้าไอ้แทก้าวลงบันไดเท่านั้นและ..

    ..ย้ำว่าได้ยินเสียงเท้า เพราะซองแจเองก็ได้ยินแค่เสียงตึง ตึง ของคนเวลาเดินลงบันไดไม้ หันไปมองยังไม่ทันจะเห็นตัวหรือหัวรองเท้า ไอ้รุ่นพี่บยอน แบคฮยองก็หยุดกิน ใบหน้าที่ติดจะสวยเหมือนหน้าของไอ้แทหันขวับไปทางบันได้ก่อนที่สองขาจะวิ่งพรวดพาตัวเองไปยิ้มแป้นอยู่ตรงตีนบันได้ได้ภายในสามวินาที

    ตอนแรกซองแจก็งง คือแค่ได้ยินเสียงบันได พี่มันจะวิ่งไปทำไมวะ? ทีตอนซอกจินหรือโฮซอกฮยองลงบนได้มาก็ไม่เห็นแบคฮยอนฮยองที่ตอนนั้นกำลังกินข้าวต้มชามที่สองอยู่จะแคร์... แต่พอเห็นหน้าไอ้แทเป็นคนเดินลงมาเท่านั้นแหละ...

    กูยอมใจ.. แค่เสียงเท้าเดินของน้องพี่แม่งยังจะจำได้ ยอม

    มีใครให้ได้กว่านี้ไหมล่ะ? ถามหน่อยเถอะ แหมะ..

    ซองแจเบ้ปาก เห็นสองพี่น้องเขาจูงมือมานั่งโต๊ะแล้วก็อยากจะมองบนใส่ ปาร์ค ชานยอลถึงกับกระพริบตาปริบเมื่อแบคฮยอนเลื่อนชามข้าวต้มของเขาออกไปให้แทฮยองหน้าตาเฉย ชานยอลมองช้อนที่ยังคาอยู่ในมือตัวเองสลับกับแฟนตัวเล็กที่ยื่นช้อนคันใหม่ให้น้องชายหน้าระรื่น

    เอาเถอะ กูสู้ไม่ได้ กูรู้ตัวมาตั้งแต่แรกและ...

    ปาร์ค ชานยอลลุกออกไปเอาข้ามต้มชามใหม่ ทิ้งให้สองพี่น้องเขาคุยกันอยู่ตรงนั้น แทฮยองโคลงศีรษะ เอ่ยปากทักทายซอกจินฮยอง ยุนกิฮยอง ซองแจ จีมินนี่ และแบมแบมที่นั่งร่วมโต๊ะอยู่ก่อนแล้วแล้วก็หันไปตอบคำถามญาติผู้พี่

    “ถามอะไรของฮยองอะ? ห้องพักคุณน้าซอนมีดีจะตาย เตียงนุ่มมาก หลับสบายออก ไม่ปวดอะไรทั้งนั้นแหละ”

    “เหรอ? แน่ใจเหรอ? นอนๆอยู่ตอนดึกๆไม่ได้รู้สึกแปลกๆใช่ไหม? ไม่ได้หนักๆเหมือนมีคนทับหรืออะไรใช่ปะ?”

    “...นี่แบคฮยองจะบอกว่าห้องแทแทมีผีเหรอ?”

    “ไม่ใช่! ตอบมาก่อนสิว่าโอเคใช่ไหม? แต่เอ๊ะ เดี๋ยวก่อน...” แบคฮยอนนิ่งคิดไปครู่ก่อนจะหันมาพยักหน้าจริงจังมาก “อือ ห้องแทแทของฮยองมีผี มานอนห้องฮยองดีกว่า เดี๋ยวให้ไอ้ชานไปนอนปราบผีห้องนั้นแทน”

    แบมแบมล่ะอยากจะกลอกตา ทีงี้ล่ะเพิ่งจะมาคิดได้ว่าควรจะเอาน้องตัวเองมานอนด้วย ก่อนหน้านั้นล่ะอยากประเคนให้ไอ้จองกุกมันไปนอนขัดขาไอ้มินแจจัง ไม่ได้คิดเลยว่ามันน่ะตัวดี อันตรายกว่าไอ้คนจากเรเวนคลอคนนั้นอีก

    “คิดมากไปแล้วครับฮยอง ห้องนั้นไม่มีผีหรอก เมื่อคืนผมก็ไปนอนมา” จองกุกท้วงขึ้นมาบ้าง คำพูดของซีกเกอร์ฉายามักเน่ทองคำของทีมควิดดิชบ้านกริฟฟินดอร์ทำเอาซอกจินสำลัก จีมินที่นั่งอยู่ข้างกันหันไปตบไหล่พี่ร่วมบ้านปุปุ

    “แค่.. แค่ก... น.. นอนด้วยกัน?” ซอกจินถามหน้าดำหน้าแดง

    “ครับ.. โฮซอกฮยองล็อกห้องผม ผมเลยไปขอแทฮยองนอนด้วย J”

    อ่า... พยายามจะกลั้นยิ้มแล้วแท้ๆแต่ทำไมมุมปากมันยกขึ้นมาเองได้วะ?

    “อือๆ ก็นั่นแหละ คนอยู่เยอะแยะไม่เจอผีหรอก” แทฮยองยืนยัน ปากก็เคี้ยวข้าวตุ่ยๆ จองกุกมองแล้วรู้สึกเอ็นดูขึ้นมาประหลาด เขายิ้มให้อีกฝ่ายก่อนจะถามเสียงนุ่ม

    “ฉันจะไปตักอาหาร แทแทเอาอะไรไหมครับ?”

    “ฝากได้เหรอ? เอาน้ำส้ม...”

    “น้ำส้ม ซีเรียลเคลือบช็อกโกแลต ไข่ดาว.. แทฮยองชอบพวกนั้นไม่ใช่เหรอ?” คิม มินแจพูดแทรกขึ้นมาก่อน แทฮยองหันไปยิ้มหวาน

    “รู้ดีจัง จำได้ว่าตอนนั้นแค่พูดผ่านๆ มินแจจำได้ด้วยเหรอ?”

    “ได้สิ... ให้ฉันไปเอาให้ไหม? สัญญาเลยว่าจะเอามาแต่ของที่ชอบ”

    “อือ เอาอย่างนั้นก็ได้ จะได้ไม่รบกวนจองกุกด้วย”

    จากหางตาซองแจเห็นแบมแบมกำลังหยิบสมุดขึ้นมาจดอะไรยุกยิก เขาหันไปชะเง้อมอง

    “อะไรวะแบมแบม”

    “แต้ม งวดนี้มินแจวิน กูกำลังคำนวณแต้มอยู่”

     

    หลังจากกินข้าวเสร็จ(โดยที่มีซอกจินกับแบคฮยองพยายามจะเกลี่ยกล่อมให้แทฮยองไปนอนกับพวกตัวเองให้ได้ แต่แทฮยองกลับส่ายหัววืดด้วยความไม่เข้าใจว่าจัดของอะไรไปเรียบร้อยแล้วจะมาให้เขาเปลี่ยนห้องทำไม? แล้วต้องไปอยู่กับคู่นัมจินหรือชานแบคเนี่ยนะ? แทฮยองไม่ขอเป็นกขค.ด้วยหรอก) เป็นที่เรียบร้อยแล้วพวกเขาก็เตรียมวางแผนไปเที่ยวกัน นัมจุนกับโฮซอกที่ทานอาหารเช้าเสร็จก่อนแล้วออกไปคุยกันข้างนอกเมื่อครู่ตกลงกันว่าไหนๆทุกคนก็มารวมตัวกันที่นี่แล้วจะให้แยกเที่ยวตามกลุ่มที่มามันก็น่าเสียดาย (ท่ามกลางการพยักหน้าหงึกหงักของแบคฮยอนและจองกุก รวมไปถึงการชักสีหน้าเบื่อแรงของมินแจและซอกจินที่เบ้ปากร่วม)

    “ทำไมทำหน้าแบบนั้นล่ะ? เมื่อเช้าจินกินไม่อิ่มเหรอ?” นัมจุนถามเสียงซื่อเมื่อคนข้างๆยังเอามือกอดอกนั่งนิ่งๆอยู่นาน ซอกจินกลอกตา

    “ใช่ที่ไหนล่ะเจ้าบ้า นายนั่นแหละ ให้มาเที่ยวด้วยกันเดี๋ยวจองกุกทำอะไรแทฮยองจะทำยังไง?”

    “ทำอะไร?” นัมจุนทวน มือใหญ่ยกขึ้นมาเกาหัวแกรกแบบไม่แน่ใจจะทำหน้ายังไงดี “แทฮยองก็ผู้ชายนะซอกจิน พวกเราอยู่กันเยอะแยะ จองกุกเขาจะไปทำอะไรได้ ถ้าทำอะไรโดยที่แทฮยองไม่ยอมเดี๋ยวก็ถูกเกลียดขี้หน้า หมอนั่นดูจริงใจดีนะ คงไม่ยอมให้เป็นไปแบบนั้นหรอก”

    ซอกจินยังหรี่ตา

    “นัมจุนจะไปรู้ได้ยังไงว่าจริงใจไม่จริงใจ? ไอ้ข่าวลือเรื่องคู่หมั้นนั่นก็ยังไม่เห็นเคลียร์อะไรขึ้นมาเลย ฉันยังแอบได้ยินมาอยู่ว่าสองบ้านที่จะต้องแต่งกันไปมาหาสู่กันเรียบร้อยแล้วด้วย”

    “...ถึงจะมีคู่หมั้นจริงๆ แต่ตัวเขาอาจจะไม่ได้อยากแต่งกันก็ได้นะ จินก็รู้ไม่ใช่เหรอ?”

    เพราะจินก็กำลังจะต้องถูกจับแต่งงานกับคนที่ไม่ต้องการเหมือนกัน... มันเป็นประโยคที่ทั้งนัมจุนและซอกจินต่างก็คิดต่อไว้ หากแต่ไม่ได้มีใครพูดมันออกมา ซอกจินเม้มปาก ดวงตากลมเสมองไปทางรุ่นน้องร่วมบ้านคนสนิท

    “ตอนนี้แทฮยองน่าจะยังไม่ชอบเด็กคนนั้น กันไว้ก่อนที่เรื่องมันจะบานปลายกว่านี้ดีกว่า”

    “ตอนนี้อาจจะยังไม่ชอบ... แต่จองกุกเขาชอบมากๆเลยนะ” นัมจุนเกี่ยวมือข้างหนึ่งของซอกจินขึ้นมากุมประสานไว้ “ตัดโอกาสทั้งหมด ไม่มีแม้แต่ความหวังว่าคนที่รักจะรักเราตอบหรือเปล่า ไม่มีแม้แต่โอกาสที่จะพยายาม... จินไม่คิดว่ามันน่าสงสารเหรอ?”

    “ฉัน...”

    “ฉันสงสารเขานะ เพราะถ้าเป็นแบบนั้นจริงๆ เขาก็จะต้องเดินเข้าการหมั้นหมายกลับคนอื่นด้วยความรู้สึกที่สิ้นหวังรอบด้าน ของตัวจินเอง จินจะต้องแต่งงานกับคนอื่น คนที่ไม่ใช่ฉัน แค่นั้นมันก็แย่พออยู่แล้ว” นัมจุนไล่เกลี่ยปลายนิ้วทีละนิ้ว และซอกจินก็อดไม่ได้ที่จะหันมามองคนรักด้วยแววตาที่อ่อนลง

    “แต่ฉันอยู่ได้ก็เพราะความหวัง เพราะรู้ว่าจินรักฉัน เพราะรู้ว่าเรารักกัน และความรักของเราก็จะเป็นความหวังเล็กๆที่อาจจะฉายชัดไปถึงอนาคตที่สว่างกว่านี้ เพราะจินรักฉัน ฉันถึงได้รู้สึกว่าตัวเองมีกำลังใจมากพอที่จะทำอะไรก็ได้ ฉันพร้อมที่จะทำทุกอย่าง ไม่ว่าจะพาจินหนีไปที่ไหน จะไปที่โลกไหน ฉันก็พร้อมเพราะจินเป็นความหวังของฉัน”

    “...”

    “ความหวังมันขับเคลื่อนให้คนเราทำอะไรได้มากกว่าที่คิดนะจิน กับเด็กคนนั้นก็เหมือนกัน เขาอาจจะถูกหมั้นหมายจริงๆ แต่จินก็เห็นอยู่ไม่ใช่เหรอว่าเขารักแทฮยอง จินจะไม่ยอมให้เขาลองได้สร้างความหวังให้ตัวเองบ้างเหรอ?”

    ซอกจินมองมือที่ยังถูกกอบกุมอยู่ในมือของนัมจุนก่อนจะไล่สายตาไปตามใบหน้าของอีกฝ่าย ทั้งดวงตา ลักยิ้มที่ข้างแก้ม...

    นั่นสินะ ในเวลาที่ซอกจินรู้สึกมืดแปดด้าน รู้สึกเหมือนโดนครอบครัวหักหลัง รู้สึกเหมือนจะหันไปหาใครก็ไม่ได้ในตอนนั้น...

    ...เขายังมีนัมจุน มีความหวังที่เปรียบเสมือนแสงไฟริบหรี่ แต่มันก็มากพอที่จะส่องให้ซอกจินเดินตามไปหาความสุขที่ยิ่งใหญ่กว่านั้น หาอิสรภาพที่เขาอาจจะปล่อยทิ้งไว้ข้างหลังหากคิดว่านัมจุนไม่ได้รู้สึกแบบเดียวกัน

    ถ้าซอกจินคิดว่านัมจุนไม่รักเขา เขาอาจจะยอมแต่งงานกับผู้หญิงคนนั้นแต่โดยดีหรือเปล่านะ? อาจจะคิดว่าในเมื่อนัมจุนไม่รักจะเป็นใครก็ได้หรือเปล่านะ?

    มันเป็นความคิดที่น่ากลัวเหมือนกัน

    “ฉันแค่ไม่อยากให้แทฮยองเสียใจ”

    นัมจุนอมยิ้ม

    “น้องมีซอกจินอยู่ทั้งคนแล้วเขาจะเสียใจได้ยังไง?”

    ซอกจินหลุดขำ เขาแกล้งถอนหายใจหนักๆแล้วเอนตัวทิ้งน้ำหนักไปให้นัมจุนรับ

    “พูดมาก ฉันควรจะเหนื่อยใจนะเนี่ย คิดจะทำอะไรนัมจุนก็คอยพูดดักทางไว้หมดแบบนี้”

    “เปล่าสักหน่อย ก็แค่อยากให้จินคิดดีๆ”

    ซอกจินมองไปรอบๆล็อบบี้อีกครั้ง กวาดตามองเพื่อนๆน้องๆที่นั่งออกันพยายามจะวางแผนทริปของพวกเขา เสนอที่เที่ยวและกิจกรรมที่น่าทำ แอบเห็นยุนกิดึงแขนให้จีมินมานั่งข้างๆ แอบเห็นนาอึนกับแบมแบมพร้อมใจกันสบตาแล้วเบ้ปากเมื่อจองกุกพาตัวเองเบียดเข้าระหว่างมินแจกับแทฮยองที่นั่งอ่านหนังสือนำเที่ยวข้างๆกันแล้วก็อดที่จะขำตามเด็กๆไม่ได้

    เอาเถอะนะ... อะไรจะเกิดก็คงจะต้องเกิดละมั้ง

    ถ้าอะไรจะเกิดขึ้นซอกจินก็จะคอยให้คำปรึกษาอยู่ตรงนี้ บางทีนั่นอาจจะดีที่สุดแล้วก็ได้

    สายตาของซอกจินมองเลยไปสบตากับโฮซอกที่ยิ้มให้น้อยๆ กับตันทีมควิดดิชของกริฟฟินดอร์ขวักมือเรียกพวกเขา

    “ซอกจิน นัมจุน อยากไปตรงไหนเป็นพิเศษหรือเปล่า?” ชานยอลส่งเสียงถามมาบ้าง แบคฮยอนเองก็เงยหน้าขึ้นมายิ้มกว้างที่ดูคล้ายกับรอยยิ้มของเจ้าลูกหมาบ้านฮัฟเฟิลพัฟ

    “ซอกจินนี่ ไปงานดอกไม้ไฟกับฉันนะ! ไปกับชานยอลมันกากอะ ไม่เคยเล่นเกมชนะสักเกม”

    “โอโห กล้าพูด กูเนี่ยแม่นปืนมากขอบอก คราวก่อนกระบอกปืนมันไม่ดีเว้ย”

    “โคตรโม้อะ คราวก่อนกระบอกปืนไม่ดี คราวก่อนหน้านั้นก็กระบอกปืนไม่ดี กูว่าไม่ใช่ที่กระบอกและ ที่หน้ามึงเนี่ยแหละที่ไม่ดี”

    “เชี่ยแบคมึงนี่....”

    แล้วก็นั่นแหละ ทะเลาะกันไปสองคน เหตุเพราะชวนซอกจินไปเที่ยวงานดอกไม้ไฟประโยคเดียว แหมะ...

    บรรยากาศรอบข้างดูอบอุ่นเหลือเกิน

    มือของนัมจุนบีบฝ่ามือซอกจินเบาๆ แล้วเขาก็หันไปมองดวงตาที่ยิบหยีลงเพราะรอยยิ้ม เห็นลักยิ้มน่ารักๆที่บุ๋มลงลึกสองข้างแก้ม

    อนาคตของซอกจินดูสว่างไสวเหลือเกิน 



    Talk2:

    คิดถึงทุกคนมากกก คิดถึงเรื่องนี้มากกกก ฮือออออออ

    เรากลับมาแล้วนะคะทุกคน หลังจากที่ยุ่งวุ่นวายกับชีวิตมามากมาย 5555555 สอบเสร็จอะไรเสร็จ เทอมต่อไปนี้ก็ขอให้เป็นเทอมที่ดีเนอะ 

    แล้วก็ เพราะว่าหายไปตั้งแต่ก่อนปีใหม่จนมาตอนนี้ก็เดือนสองเข้าไปแล้ว (ขอโทษจริงๆนะคะทุกคน TT) เลยไม่มีโอกาสได้อวยพร/สวัสดีปีใหม่ทุกคนเลย สวัสดีปีใหม่นะคะ ขอให้ปีนี้เป็นปีที่ดีของพวกเรา ขอให้สุขภาพของทุกๆคนและครอบครัวแข็งแรง เป็นที่รักของผู้คนรอบข้าง ขอให้สิ่งที่ตั้งใจไว้ประสบความสำเร็จ ขอให้ปีนี้เป็นอีกหนึ่ง 'most beautiful moment in life' ของพวกเรานะคะ <3

    สุดท้ายแล้ว ขอบคุณทุกๆคนที่รอมาจนถึงตอนนี้ มีคนติดตามฟิคเรื่องนี้ 460 คนแล้วนะพวกเธอ! เป็นไปได้ยังไงเนี่ย 555555 ขอบคุณจริงๆค่ะ 

    รักและหวังดีเสมอ หวังว่าจะเจอกันใหม่ในเร็วๆนี้นะคะ 



    Talk: 

    คิดถึงค่ะะะ ฮืออออออออออ
                   ช่วงนี้อยู่ในช่วงสอบพอดี ไปแล้วสองตัว เหลืออีกสองตัว ฮึก... ไม่มีเวลาอัพเลย แต่แบบ คิดถึงไงคะ ฮึก... แล้วไหนๆบังทันก็ได้แดซังด้วย (กรี๊ดดดดดดดด) อยากจะลงวันนั้นเลยนะ แต่ไม่ว่างจริงๆค่ะ นี่รีบหลบมาลงก่อนเข้าห้องเก้านาที ทำไมชีวิตชั้นต้องอยู่แบบหลบๆซ่อนๆแบบนี้??
                   อย่างไรก็ตาม เอามาให้ก่อน 40% เนอะ คิดถึงทุกคนนะคะ ขอบคุณจริงๆที่รอและติดตามกันมาตลอด ขอบคุณสำหรับคอมเม้นและกำลังใจนะคะ สอบเสร็จ เคลียร์งานเสร็จจะรีบมาค่ะ รอเราด้วยนะเธอ <3 
                   เอ็นจอยนะคะ หวังว่าจะชอบกันนะ แล้วเจอกันใหม่ค่า

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×