คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #18 : Chapter 14: ชุนชงบุกโด 2
Mischief
Managed 14
เกิดมาทั้งชีวิต
จอนจองกุกอยู่ในความดูแลของเหล่าฮยองหลายคน
ไม่ว่าจะเป็นโฮซอกฮยองที่เป็นรุ่นพี่ที่เขาสนิทด้วยในบ้านซ้ำแล้วยังเป็นกับตันทีมควิดดิชที่คอยดูแลลูกทีมอย่างดี
หรือจะเป็นพวกพี่ๆในทีมอย่างจงอิน แบคฮยอน ชานยอลนั่นก็คอยระวังหลังให้เขาอยู่เสมอ
จะเหล่าฮยองนอกเหนือจากบ้านกริฟฟินดอร์อย่างรุ่นพี่นัมจุน รุ่นพี่ซอกจิน
จนไปถึงรุ่นพี่คริส จุนมยอน แจบอม จินยอง...
แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นก็นะ
จองกุกขอพูดตรงนี้เลยว่าแม้เขาจะอยู่ในความดูแลของฮยองหลายต่อหลายคน...
แต่ตอนนี้จองกุกแม่งโคตรจะรักยุนกิฮยองมากที่สุดเลยว่ะ
<3
จะว่าไปแล้วจองกุกเองก็ไม่รู้หรอกว่าเรื่องมันเป็นอะไรยังไง
คนในบ้านชอบบอกว่าจองกุกเป็นพวกทื่อๆ ไม่ค่อยจะสังเกตคนอื่นเอาเท่าไร
ซึ่งมันก็คงจะจริงแหละ เพราะนอกจากเรื่องของควิดดิชกับเรื่องของแทฮยองแล้วจองกุกก็ไม่รู้อะไรนอกเหนือจากนั้นนักหรอก
เพราะอย่างนั้นไอ้ซัมติงแปลกๆระหว่างมินยุนกิบ้านสลิธีรินกับปาร์คจีมินบ้านฮัฟเฟิลพัฟนี่เขาเองก็จนจะเข้าใจ
แต่ในเมื่อการมาของมินยุนกิทำให้จีมินเหมือนจะโยนแผนการ
“มินแทชิปเปอร์: พาย
เราจะพายไปให้ถึงฝั่งฝัน” (แผนชื่อนี้จริงๆ คอนเฟิร์มโดยแบคฮยอนและชานยอลที่บังเอิ๊ญบังเอิญไปเจอสมุดจดของจีมินในกระเป๋าเดินทางส่วนตัวของเจ้าตัวเขา)
ทิ้งไปดื้อๆมันแบบนั้นจองกุกก็รู้สึกขอบคุณรุ่นพี่ตัวขาวที่ชอบทำหน้าเบื่อโลกง่วงๆอยู่ตลอดเวลาขึ้นมาทันที
“ยุนกิฮยอง
ทำไมไม่บอกก่อนล่ะครับว่าจะมา จะได้มาพร้อมกันเลยทีเดียว”
จีมินถามแง้วๆอยู่ตรงมุมโต๊ะอาหาร พอคุณซอนมี คุณแม่ของจีมิน
รู้ว่าเด็กๆทั้งหมดเป็นรุ่นพี่รุ่นเพื่อนของลูกชายในฮอกวอตส์ก็จัดโต๊ะทานอาหารโต๊ะใหญ่ให้พวกเขามานั่งร่วมกันได้
ซึ่งพอเป็นแบบนี้แล้วที่นั่งข้างๆแทฮยองจะเป็นของใครไปได้นอกจากซีกเกอร์ที่โด่งดังเรื่องความเร็วจากกริฟฟินดอร์อย่างจองกุกJ
ส่วนที่นั่งอีกข้างน่ะเหรอ...?
“อ๊า~ม ฮือออ แทแทของฮยองกินอีกเยอะๆนะ เด็กน้อยอยากกินจานไหนต่อชี้เลย
เดี๋ยวฮยองจะป้อนเอง”
นั่นแหละ
ตอนแรกไอ้มินแจก็แม่งจะเสร่อนั่งอีกฝั่งของแทฮยองอยู่
แต่บังเอิญว่าจองกุกยื่นเท้าไปขัดข... เอ้ย! บังเอิญว่ามันสะดุดขาตัวเองไป
เลยเป็นจังหวะงามๆให้บยอนแบคฮยอนวิ่งพรวดเข้ามาทั้งตัวลงนั่งทันที
จองกุกก็ไม่อยากจะพูดว่าสมน้ำหน้าหรอกนะเพราะว่าเขาน่ะเป็นเด็กดี
เรื่องสมน้ำหน้าใครแบบนี้ก็ไม่ชอบทำ
ก็จะบอกว่าสะใจเบาแทนก็แล้วกัน
หึ
ไอ้มินแจเลยถูกโยนไปนั่งกับยูคยอมนู่น
ชานยอลถอนหายใจพรืดก่อนจะนั่งลงข้างๆแบคฮยอนอีกที
“น้องเขาก็อยากกินเองเหมือนกันไหมมึง?”
เอ็ดแฟนหนุ่มไปแล้วแต่แบคฮยอนก็ไม่สนใจ แทฮยองที่กำลังเคี้ยวหงุบหงับ (เชี่ยเอ้ย ขนาดเคี้ยวปลายังน่ารักจนจองกุกอยากจะปั้นเป็นก้อนกลมๆแล้วกลืนลงท้องแทนข้าว)
รีบกลืนอาหารลงคอ
“แทแทกินเองได้นะแบคฮยอง
แล้วนี่แบคฮยองมัวแต่ป้อนคนอื่นเขาแบบนี้ตัวเองไม่ได้กินนี่ไม่หิวหรือไง?”
เหมือนจะเป็นการขับไล่พี่ชายทางอ้อม
แต่แบคฮยอนกลับเอามือป้องปากกลั้นเสียงสะอื้น
“ด..
เด็กน้อยของฮยอง คงจะกลัวฮยองหิว อยากจะให้ฮยองได้กินเหมือนกันสินะ ฮือออ ไอกูววว
น่ารักอะไรแบบนี้ เด็กน้อยเป็นห่วงฮยองด้วย ฮือออ ฮยองจะให้รางวัล
กินอีกเยอะๆนะแทแทอา <3”
แล้วพี่มันก็คีบปลาแซลมอนยัดใส่ปากน้องรัวๆไปอีกสามชิ้น
แทฮยองถึงกับส่งเสียงอุออกมาเบาๆแล้วรีบเคี้ยวตาม
เหมือนว่าน้ำตาจะรื้นขึ้นมาหน่อยๆ
.....
...จอนจองกุกนี่มันเป็นคนยังไงวะ?
ทำไมอยู่ๆก็รู้สึกว่าตัวเองจิตอกุศลแปลกๆ? จองกุกก็ว่าตัวเองเป็นคนใสใสนะ?
ข้างๆเขาแทฮยองยังเคี้ยวไปมาด้วยความยากลำบากเพราะแบคฮยอนดันยันเข้ามาคำใหญ่ไป
จองกุกเหลือบเห็นน้ำซอสที่ไหลเปื้อนออกมาจากมุมปากแล้วก็เผลอยกมือขึ้นเช็ดออกให้
เขาเอาปลายนิ้วที่เปื้อนซอสนั่นเข้าปากตัวเอง ส่งเสียงฮัมออกมาเบาๆอย่างพอใจในรสชาติแล้วก็เอื้อมไปคีบแซลม่อนจานนั้นใส่ถ้วยข้าวของตัวเองบ้าง
“...เชี่ยรุกแรงมาก...”
เสียงอุทานเบาๆของซองแจที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้ามของจองกุกพอดีทำให้เขาละสายตาจากชามข้าวขึ้นมามองมัน
ซองแจอ้าปากมองตรงมาอึ้งๆ เช่นเดียวกันกับยูคยอมและยองแจที่นั่งขนาบมันอีกทีแล้วกำลังมองตรงมาตาโตเหมือนกัน
จองกุกชะงัก
สมองประมวลสิ่งที่เพิ่งเกิดขึ้นเมื่อกี้แล้วดวงตากลมก็เบิกกว้างตามบ้าง
คือเมื่อกี้แม่งทำโดยที่ไม่คิดไง เหมือนทำตามจิตใต้สำนึก
เพิ่งจะมารู้ตัวว่ากูทำอะไรลงไปก็ตอนนี้แหละ
จองกุกหันขวับไปทางแทฮยอง
ไม่รู้ว่าคนตัวเล็กจะตกใจมากขนาดไหน
แต่ข้างๆเขาแทฮยองก็ไม่ได้แสดงอาการอะไรออกมามากมาย
ปากน้อยๆเริ่มจะขยับโวยวายที่แบคฮยอนไม่เลิกป้อนนู่นป้อนนี่สักที
...เหมือนจะไม่แสดงอาการอะไรมากมาย
แต่เพราะกำลังหันหน้าหนีจองกุกอยู่เขาเลยเห็นปลายหูที่ขึ้นสีแดงก่ำนั่นได้เป็นอย่างดีเหมือนกัน
เชี่ยเอ้ย
น่ารักว่ะ...
นั่งกินไปคุยไปกันได้หลายชั่วโมงจนเริ่มดึกคนในโต๊ะก็เริ่มจะหายไปทีละคนสองคน
เริ่มจากซอกจินกับนัมจุนที่ขอตัวขึ้นไปพักผ่อนก่อนโดยที่ไม่ลืมจะหันมาบอกเด็กๆในปกครองให้รีบขึ้นห้องไปนอนกันด้วย
หลังจากนั้นแบมแบมก็ขึ้นไปเป็นคนถัดไป ตามด้วยยุนกิ จีมิน และยองแจ
จองกุกมองแทฮยองหัวเราะให้กับอะไรสักอย่างที่ซองแจพูดก่อนที่เจ้าตัวจะขอขึ้นไปอาบน้ำนอนบ้าง
เวลาดีนาทีทอง
จองกุกรีบสะกิดโฮซอกยิกๆ
“อะไรมึงวะจองกุก?”
โฮซอกหันมาถามกลับ ปากกูกำลังกินไอศกรีมถั่วแดงอยู่ไหมล่ะ?
ถึงจะเป็นถ้วยที่สามแต่ของฟรีมันจะมานานๆหน ถ้าไม่รีบตักตวงก็กลัวจะเสียใจ
ไอ้เด็กบ้านี่ก็สะกิดยิกๆอยู่ได้
“ฮยองขึ้นไปนอนได้และ
แล้วก็ไปล็อกห้องเลยเดี๋ยวผมจะทำท่าไปเปิดห้องเราต่อแล้วเข้าห้องไม่ได้
จะได้ไปขอนอนกับแทฮยองไง”
“แต่ไอติมกูยังไม่หมดเลย”
ควับ!
“หมดแล้ว
ฮยองขึ้นห้องไปได้และ”
โอโห...
คือเมื่อกี้ไอศกรีมถั่วแดงเหลืออยู่ตั้งครึ่งถ้วย
พอท้วงหน่อยใอ้เด็กจองกุกแม่งยกถ้วยขึ้นอ้าปากกลืนลงคอไปหมดหน้าตาเฉย...
ถ้ามึงจะอยากให้กูไปขนาดนี้กูก็ขัดศรัทษามึงไม่ลงและจอนจองกุก..
โฮซอกลุกออกไปอีกคนด้วยความงงงวยโดยที่มีรอยยิ้มของจองกุกส่งไล่หลังมาตบท้าย
จากหางตาเขาคิมมินแจเองก็ลุกออกจากโต๊ะแล้วบอกว่าจะขึ้นห้องไปนอนบ้าง
จองกุกรอต่ออีกสักห้านาทีก่อนที่จะขึ้นห้องตามไป
ตอนที่พวกเขาได้ยินเสียงเคาะประตูแทฮยองกำลังดูนัดควิดดิชย้อนหลังกับมินแจในเทปเวทมนตร์ที่บีตเตอร์ชาวเรเวนคลอเป็นคนเอามา
เทปเวทมนตร์รูปร่างเหมือนเทปวีดีโอหรือคลาสเซ็ทเพลงในสมัยก่อน
แต่พอเอานิ้วเลื่อนหมุนม้วนฟิล์มพร้อมกับบอกคาถาเล่นแล้วตัวผู้เล่นควิดดิชตัวเล็กๆประมาณเท่านิ้วก้อยจีมิน
(ทำไมต้องทำร้าย ทำไมต้องเจาะจง 55) ก็จะพากันวิ่งออกมาจากตัวเทปและเล่นเกมย้อนหลังนั่นให้ดูสดๆแบบสามมิติ
แทฮยองมองลูกบลัดเจอร์ลูกจิ๋วลอยข้ามไปหลังศีรษะมินแจ
ผู้เล่นอุจิจากทีมญี่ปุ่นบินตามไปวนลูปอยู่รอบหัวหมอนั่น
และแล้วก็มีเสียงเคาะประตู
ก๊อก ก๊อก
แทฮยองกับมินแจชะงัก
เพื่อนจากเรเวนคลอแตะม้วนเทปย้อนหลังเป็นเชิงให้หยุดแล้วผู้เล่นจากทีมชาติญี่ปุ่นและอเมริกาก็ลอยนิ่งงันอยู่กลางอากาศ
พวกเขาสบตากันครู่หนึ่งก่อนที่แทฮยองที่เตียงอยู่ใกล้ประตูมากกว่าจะเป็นฝ่ายลุกขึ้น
“เดี๋ยวฉันไปเปิดเอง”
แทฮยองได้ยินเสียงฝีเท้าเดินตามมาแล้วก็รู้ว่าถึงจะเป็นฝ่ายอาสาไปเองแต่มินแจก็คงจะเดินตามมาเป็นเพื่อน
ก็แน่ล่ะน้า มินแจเป็นคนใจดีแล้วก็มีน้ำใจมากๆนี่นา แทฮยองทำอะไรก็คอยช่วยตลอดเลย
พวกจีมินกับซองแจชอบหัวเราะแล้วบอกว่ามันมีเงื่อนงำ
แต่แทฮยองว่าพวกมันน่ะชอบมองโลกในแง่ร้าย ก็คนเขาจะเป็นคนดีนี่นา
ไม่เห็นต้องไปมองว่าจะมีเงื่อนงมเงื่อนงำแรงจูงใจอะไรเลย
“ใครครับ?”
แทฮยองส่งเสียงถามทั้งๆที่มือก็ปลดล็อกกุญแจไปด้วย
“ฉันเอง จองกุก”
“จองกุก?”
แทฮยองเปิดประตู
ร่างของซีกเกอร์จากกริฟฟินดอร์ยืนรออยู่อีกฝั่งพร้อมกับรอยยิ้มเจื่อนๆประหลาด
ไม่รู้ว่าคิดไปเองหรือเปล่า
แต่เหมือนว่ามินแจจะขยับเข้ามาใกล้แทฮยองมากขึ้นจนอกของหมอนั่นแทบจะเข้ามาชิดหลังแทฮยองแล้ว
“มีธุระอะไรเหรอจองกุก?
แทฮยองกับฉันกำลังยุ่งๆอยู่พอดี”
แทฮยองไม่คิดว่าการดูเกมควิดดิชย้อนหลังมันจะยุ่งขนาดนั้นนะ
แต่สงสัยว่ามินแจจะอินกับเกมเมื่อกี้มากละมั้ง?
“อ่า..
แปลว่าฉันมาขัดอะไรเหรอ? ขอโทษนะ” จองกุกว่า
น้ำเสียงดูเสียใจแต่หน้ากลับยิ้มระรื่น แทฮยองส่ายหัว
“ไม่หรอก
ว่าแต่จองกุกมีอะไรหรือเปล่า? เข้ามาก่อนไหม?”
“คือว่า...
ฉันจะมาขอค้างด้วยได้ไหม?”
“ขอค้า- / ไม่”
แทฮยองชะงัก
คือกำลังจะถามทวนไหมล่ะแต่มินแจข้างๆกลับพูดพรวดขึ้นมาหน้าตาเฉย
แปลกจัง ปกติมินแจใจดีมากๆเลยนี่นา
นี่อยู่ๆก็บอกปัดจองกุกไปแบบนี้เนี่ยนะ?
เหมือนว่ามินแจจะรู้ว่าแทฮยองคิดอะไรอยู่เพราะหมอนั่นรีบหันมาระบายยิ้มให้แทฮยองเหมือนจะปลอบประโลมก่อนที่จะหันกลับไปทางจองกุก
“ฉันหมายความว่ามันคงไม่สะดวกเท่าไรล่ะมั้ง
ข้าวของของจองกุกก็ไว้ที่ห้องหมดแล้วนี่นา แถมที่นี่ก็มีแค่สองเตียง
มันคงไม่สบายเท่าไร”
“ฉันไม่ต้องใช้อะไรมากหรอก
เรื่องเตียงก็ไม่เป็นไร นอนพื้นก็ได้นะ” ดวงตาของจอนจองกุกช่างกลมโตอะไรแบบนี้...
ดูฟันกระต่างสองซี่น่ารักๆนั่นสิแทฮยอง...
“คือว่าโฮซอกฮยองคงล็อกห้องแล้วเผลอหลับไปแล้วน่ะ ฉันเลยเข้าห้องไม่ได้”
ทำไมจอนจองกุกถึงมีเสียงที่ฟังดูเศร้าสร้อยมุ้งมิ้งน่าสงสารแบบนี้นะแทฮยอง?
ในจังหวะที่ใจของแทฮยองกำลังอ่อนยวบเหมือนพุดดิ้งอยู่นี่มินแจกลับยกมือขึ้นกอดอก
“แล้วห้องของเพื่อนๆนายล่ะ?”
“แบมแบมกับแจ็กสันคงหลับไปแล้ว
ห้องมันก็ล็อกเหมือนกัน ฉันเคาะกี่ที เรียกกี่ทีก็ไม่ได้ยินเลยด้วย
ส่วนของแบคฮยอนฮยองกับชานยอลฮยองฉันไม่อยากไปรบกวน
พวกฮยองคบกันอยู่มันดูไม่เหมาะที่จะเข้าไปยังไงไม่รู้สิ
แล้วนอกจากนั้นคนที่ฉันสนิทด้วยก็มีแค่แทแทนี่นา...”
อึก...
ด..
ดวงตากลมใสของกระต่ายยักษ์มันเบนเข็มกลับมาทางแทฮยองอีกแล้ว
เสียงเว้าวอนน่าสงสารนั่น.. ความเป็นกระต่ายนั่น...
“...มาค้างที่ห้องเราก็ได้นะจองกุก
เนอะมินแจเนอะ”
มินแจกัดฟันกรอด
“ถ้าแทฮยองว่าอย่างนั้นก็ได้นะ
^^;”
“ขอบคุณมากเลยนะ
มินแจนี่เป็นคนดีจังเลย” จองกุกยิ้มอย่างน่ารัก ดูโล่งอกโล่งใจซ้ำแล้วยังเป็นมิตรกับมินแจจนแทฮยองยิ้มตาม
เขาคิดว่ามินแจน่าจะหงุดหงิดเพราะอินกับการดูเกมควิดดิชเมื่อกี้แล้วโดนขัดจังหวะ
แต่จองกุกก็ดูไม่ถืออะไรแล้วยังดีกับมินแจด้วยนี่นา...
ฮื่อออ
จองกุกนี่น่ารักจังเลยน้า
...น่าลักไปฆ่าแล้วหมกไว้ในที่ที่ไม่มีใครหาเจอจริงๆ
มินแจถึงกับต้องมานั่งขัดสมาธิท่องหนึ่งถึงร้อยในใจ
ไอ้จอนจองกุกมันคุยงุ้งงิ้งกับแทฮยองแล้วก็หันมาทางเขา ยิ้มให้อย่างเป็นมิตร
“เล่นไพ่พ่อมดด้วยกันไหมมินแจ?”
ปากมันยิ้ม
ตากลมคู่นั้นก็ดูแวววาว
ดูเผินๆเหมือนลูกแก้ว
แต่มินแจกลับมองเห็นการท้าทายในดวงตาคู่นั้นยังไงไม่รู้
“ฉันไม่อยากเล่นแล้วอะ
ง่วง” แทฮยองอ้าปากหาว มือวางไพ่ลงแล้วยื่นให้จองกุกที่เก็บกลับไป
“ฉันอาบน้ำแล้วนอนเลยดีกว่า จองกุกจะนอนเมื่อไรก็ขึ้นมานอนด้วยกันเลยนะ
ฉันหลับลึกมาก จะขึ้นมาตอนไหนก็ไม่รู้ตัวหรอกไม่ต้องห่วง”
มันยิ่งน่าเป็นห่วงกว่าเดิมไหมล่ะ!!
“โอเคครับ
เดี๋ยวแทฮยองอาบเสร็จฉันเข้าไปอาบต่อแล้วนอนด้วยกันเลยแล้วกันนะ”
นะพ่องงงง
“เดี๋ยวก่อนสิ
นี่แทฮยองจะให้จองกุกนอนบนเตียงด้วยเหรอ?” ก็ไม่รู้ว่าจะถามแม่งทำไม
แทฮยองเป็นพวกใจดีพร่ำเพรื่ออยู่แล้ว แล้วก็เป็นอย่างที่คิดเมื่อคนที่กำลังคุ้ยกระเป๋าหาชุดนอนหันมาพยักหน้าหงึก
“อือ
ก็พื้นมันแข็งจะตาย หนาวด้วย เตียงมันก็น่าจะพอสองคนเบียดๆกัน ไม่เป็นไรหรอก”
แทฮยองบอกส่งๆ พอหยิบอุปกรณ์อาบน้ำครบก็ลุกขึ้นยืน สองขาเรียวก้าวไปทางห้องน้ำ
“ด.. เดี๋ยวสิ งั้นให้จองกุกมานอนกับฉันแทนดีกว่าไหม?
จะได้ไม่ต้องไปเบียดกับแทฮยองไง” มินแจรีบเสนอ
ร้อยวันพันปีไม่เคยคิดมาก่อนว่าต้องเสนอเตียงตัวเองให้จอนจองกุก
แต่พอสถานการณ์คับขันอะไรจะให้ได้มันก็ต้องให้แล้วล่ะครับมึง
แทฮยองมุ่นคิ้ว
“ฉันตัวเล็กกว่าพวกนายสองคนยังว่าต้องนอนเบียดกันเลย
พวกนายสองคนขึ้นไปนอนด้วยกันไม่ไหวหรอกมั้ง”
“นั่นสิ
แล้วอีกอย่างนะ”
จอนจองกุกที่นั่งสับไพ่อยู่ที่พื้นไม่ไกลจากจุดที่แทฮยองยืนอยู่ช้อนตาขึ้นมองชาวฮัฟเฟิลพัฟตัวเล็ก
“ฉันไม่ค่อยสนิทกับมินแจ มันคงรู้สึกแปลกๆ ขอนอนกับแทแทนะครับนะ”
แทฮยองส่งเสียงอื้อ! รับพร้อมกับรอยยิ้มสี่เหลี่ยมน่ารักๆเป็นคำตอบ
ร่างบางของซีกเกอร์จากฮัฟเฟิลพัฟเดินฮัมเพลงหายเข้าไปในห้องน้ำ
...รอยยิ้มของจอนจองกุกลับหลังคนตัวเล็กนั่นช่างดูเหมือนการแสยะประหลาดเหลือเกิน...
.......................................50%............................................
จอนจองกุกตื่นเช้ามาด้วยความสดใส
รู้สึกเหมือนว่าอะไรๆมันก็ดูดีไปเสียทุกอย่างไม่ว่าจะเป็นแสงแดดอ่อนๆที่ลอดผ่านผ้าม่านเข้ามาในห้อง
เสียงนกน้อยที่ร้องคลออยู่นอกหน้าต่าง
หรือว่าจะเป็นเตียงนุ่มๆกับผ้าห่มอุ่นๆที่เหมาะกับหน้าหนาวกลางเดือนธันวาคมแบบนี้
และที่สำคัญที่สุดก็คงจะเป็นร่างสีน้ำผึ้งที่นอนขดตัวอยู่ข้างๆกันนี่
จองกุกอดไม่ได้ที่จะอมยิ้ม
ใบหน้าน่ารักที่ห่างกันแค่คืบ
แพขนตาหนายาวที่พวกผู้หญิงบ่นกันนักหนาว่าอิจฉาแผ่ไล้แก้มนุ่มนิ่ม อ่า...
จมูกโด่งจัง...
ปากก็น่างับ...
จองกุกไม่ใช่ผู้ชายที่มีความอดทนสูงอะไรขนาดนั้น
เขาค่อยๆเบียดตัวเองเข้าใกล้แทฮยองที่ยังนอนตะแคงหันมาทางเขาไม่รู้เรื่อง
ดูท่าไอ้ที่เคยบอกว่าตัวเองหลับลึกมากนั่นจะเป็นเรื่องจริง
เพราะดูเข้าสิ
ขนาดจองกุกขยับท่าดึงแทฮยองมาซุกอกตัวเองขนาดนี้แล้วยังไม่ตื่น
ไม่รู้เรื่องอะไรกับเขาเลยเนี่ย
จมูกโด่งที่ไอ้หวังชอบล้อว่าโตเกินหน้า
(หยาบคาย ทีมึงเตี้ยกูยังไม่แซวมึงบ่อยเท่าไอ้แบมเลยนะสัส)
ก้มลงแอบฝังลงข้างขมับของคนน่ารักจากบ้านฮัฟเฟิลพัฟไปอีกที
กลิ่นหอมอ่อนๆที่คล้ายกับกลิ่นวะนิลลาทำให้ยิ่งยิ้มกว้างขึ้นเหมือนคนโรคจิต
ฮือออออ
แทแทของจกุกตัวห้อมหอม~
อ่า...
ไม่ได้การแล้ว....
จองกุกอยากเอากลับบ้าน!!
ถ้าจะฟินขนา-
ผั๊วะ!!
“...ขอโทษทีว่ะ
หลุดมือ”
หมอนมึงลอยมากลางแสกหน้ากูขนาดนี้ยังจะมาพูดว่าหลุดมือหน้าตาเฉยอีกเหรอไอ้มินแจ!!!
“อ๊า
เด็กน้อยของฮยอง ไหนให้ฮยองดูสิ บุบสลายตรงไหนหรือเปล่า? มีรอยขีดข่วนไหม?
ปวดท้ายทอยบั้นเอวสะโพกหรือมีรอยจ้ำที่มีคนบอกว่ายุงกัดแต่ไม่คันไหมคนดี??”
...ใครก็ได้เอาบยอน
แบคฮยอนไปเก็บที...
ในถานะเพื่อนในกลุ่มคนหนึ่งของไอ้แท
ซองแจขอบอกตรงนี้เลยว่าเขาก็คิดว่าตัวเองค่อนข้างจะชินกับอาการหวงและห่วงน้องชายของรุ่นพี่แบคฮยอนจากบ้านกริฟฟินดอร์อยู่หรอกนะ
แต่เพราะอยู่คนละชั้นปีกัน อยู่คนละบ้านกัน และเวลาสองพี่น้องเขาอยู่ด้วยกันสองคนนั้นก็จะนัดกันไปคุยตามห้องสมุดบ้าง
ทางเดินบ้าง ในร้านกาแฟของฮอกส์มี้ดบ้าง...คือเอาเข้าจริงๆแล้วซองแจเคยได้ยินวีรกรรมของแบคฮยอนอยู่บ้าง
เคยเห็นอาการติดน้องอยู่ปะปรายเป็นบางครั้ง...
แต่พอดันมาพักอยู่เรียวกังเดียวกันแบบนี้แล้ว...
ก็ค่อนข้างชัดเจนน่ะพวกคุณ
ค่อนข้างเข้าใจแล้วโดยถ่องแท้
ซองแจมองภาพของแบคฮยอนที่เมื่อสองนาทีที่แล้วยังตักข้าวต้มปลาเข้าปากง่ำๆ
ไม่สนใจใครแม้ว่าจะเป็นคิม ซอกจินเพื่อนร่วมรุ่นที่ถามว่าเมื่อคืนนอนสบายไหม
หรือจะเป็นแฟนหนุ่มที่ควบตำแหน่งเพื่อนสนิทอย่างชานยอลที่นั่งอยู่ข้างๆกัน
แต่ในตอนนี้พอไอ้แทเพื่อนซองแจเดินลงบันไดมาพร้อมกับไอ้มินแจรูมเมทมันและจองกุกเท่านั้นแหละ...
..เอ๊ะ? และจองกุก?
ลงมาด้วยกันได้ยังไงวะ?
จองกุกมันไม่ได้แชร์ห้องกับโฮซอกฮยองบ้านกริฟฟินดอร์เหรอวะ?
พี่เขาลงมากินข้าวจนเรียบร้อยแล้วเดินหายไปสำรวจกับนัมจุนฮยองแล้วเนี่ย
แต่ช่างเถอะ เอาทีละเรื่อง
เอาเป็นว่าเมื่อสองนาทีที่แล้วแบคฮยอนฮยองยังข้าวต้มสบายใจไม่สนใจใครอยู่เลย
แต่พอได้ยินเสียงเท้าไอ้แทก้าวลงบันไดเท่านั้นและ..
..ย้ำว่าได้ยินเสียงเท้า
เพราะซองแจเองก็ได้ยินแค่เสียงตึง ตึง ของคนเวลาเดินลงบันไดไม้
หันไปมองยังไม่ทันจะเห็นตัวหรือหัวรองเท้า ไอ้รุ่นพี่บยอน แบคฮยองก็หยุดกิน
ใบหน้าที่ติดจะสวยเหมือนหน้าของไอ้แทหันขวับไปทางบันได้ก่อนที่สองขาจะวิ่งพรวดพาตัวเองไปยิ้มแป้นอยู่ตรงตีนบันได้ได้ภายในสามวินาที
ตอนแรกซองแจก็งง
คือแค่ได้ยินเสียงบันได พี่มันจะวิ่งไปทำไมวะ? ทีตอนซอกจินหรือโฮซอกฮยองลงบนได้มาก็ไม่เห็นแบคฮยอนฮยองที่ตอนนั้นกำลังกินข้าวต้มชามที่สองอยู่จะแคร์...
แต่พอเห็นหน้าไอ้แทเป็นคนเดินลงมาเท่านั้นแหละ...
กูยอมใจ..
แค่เสียงเท้าเดินของน้องพี่แม่งยังจะจำได้ ยอม
มีใครให้ได้กว่านี้ไหมล่ะ?
ถามหน่อยเถอะ แหมะ..
ซองแจเบ้ปาก
เห็นสองพี่น้องเขาจูงมือมานั่งโต๊ะแล้วก็อยากจะมองบนใส่ ปาร์ค
ชานยอลถึงกับกระพริบตาปริบเมื่อแบคฮยอนเลื่อนชามข้าวต้มของเขาออกไปให้แทฮยองหน้าตาเฉย
ชานยอลมองช้อนที่ยังคาอยู่ในมือตัวเองสลับกับแฟนตัวเล็กที่ยื่นช้อนคันใหม่ให้น้องชายหน้าระรื่น
เอาเถอะ กูสู้ไม่ได้
กูรู้ตัวมาตั้งแต่แรกและ...
ปาร์ค
ชานยอลลุกออกไปเอาข้ามต้มชามใหม่ ทิ้งให้สองพี่น้องเขาคุยกันอยู่ตรงนั้น
แทฮยองโคลงศีรษะ เอ่ยปากทักทายซอกจินฮยอง ยุนกิฮยอง ซองแจ จีมินนี่
และแบมแบมที่นั่งร่วมโต๊ะอยู่ก่อนแล้วแล้วก็หันไปตอบคำถามญาติผู้พี่
“ถามอะไรของฮยองอะ?
ห้องพักคุณน้าซอนมีดีจะตาย เตียงนุ่มมาก หลับสบายออก ไม่ปวดอะไรทั้งนั้นแหละ”
“เหรอ? แน่ใจเหรอ?
นอนๆอยู่ตอนดึกๆไม่ได้รู้สึกแปลกๆใช่ไหม? ไม่ได้หนักๆเหมือนมีคนทับหรืออะไรใช่ปะ?”
“...นี่แบคฮยองจะบอกว่าห้องแทแทมีผีเหรอ?”
“ไม่ใช่! ตอบมาก่อนสิว่าโอเคใช่ไหม?
แต่เอ๊ะ เดี๋ยวก่อน...” แบคฮยอนนิ่งคิดไปครู่ก่อนจะหันมาพยักหน้าจริงจังมาก “อือ
ห้องแทแทของฮยองมีผี มานอนห้องฮยองดีกว่า เดี๋ยวให้ไอ้ชานไปนอนปราบผีห้องนั้นแทน”
แบมแบมล่ะอยากจะกลอกตา
ทีงี้ล่ะเพิ่งจะมาคิดได้ว่าควรจะเอาน้องตัวเองมานอนด้วย
ก่อนหน้านั้นล่ะอยากประเคนให้ไอ้จองกุกมันไปนอนขัดขาไอ้มินแจจัง
ไม่ได้คิดเลยว่ามันน่ะตัวดี อันตรายกว่าไอ้คนจากเรเวนคลอคนนั้นอีก
“คิดมากไปแล้วครับฮยอง
ห้องนั้นไม่มีผีหรอก เมื่อคืนผมก็ไปนอนมา” จองกุกท้วงขึ้นมาบ้าง
คำพูดของซีกเกอร์ฉายามักเน่ทองคำของทีมควิดดิชบ้านกริฟฟินดอร์ทำเอาซอกจินสำลัก
จีมินที่นั่งอยู่ข้างกันหันไปตบไหล่พี่ร่วมบ้านปุปุ
“แค่.. แค่ก... น.. นอนด้วยกัน?” ซอกจินถามหน้าดำหน้าแดง
“ครับ.. โฮซอกฮยองล็อกห้องผม ผมเลยไปขอแทฮยองนอนด้วย J”
อ่า...
พยายามจะกลั้นยิ้มแล้วแท้ๆแต่ทำไมมุมปากมันยกขึ้นมาเองได้วะ?
“อือๆ
ก็นั่นแหละ คนอยู่เยอะแยะไม่เจอผีหรอก” แทฮยองยืนยัน ปากก็เคี้ยวข้าวตุ่ยๆ
จองกุกมองแล้วรู้สึกเอ็นดูขึ้นมาประหลาด เขายิ้มให้อีกฝ่ายก่อนจะถามเสียงนุ่ม
“ฉันจะไปตักอาหาร
แทแทเอาอะไรไหมครับ?”
“ฝากได้เหรอ?
เอาน้ำส้ม...”
“น้ำส้ม
ซีเรียลเคลือบช็อกโกแลต ไข่ดาว.. แทฮยองชอบพวกนั้นไม่ใช่เหรอ?” คิม
มินแจพูดแทรกขึ้นมาก่อน แทฮยองหันไปยิ้มหวาน
“รู้ดีจัง
จำได้ว่าตอนนั้นแค่พูดผ่านๆ มินแจจำได้ด้วยเหรอ?”
“ได้สิ...
ให้ฉันไปเอาให้ไหม? สัญญาเลยว่าจะเอามาแต่ของที่ชอบ”
“อือ
เอาอย่างนั้นก็ได้ จะได้ไม่รบกวนจองกุกด้วย”
จากหางตาซองแจเห็นแบมแบมกำลังหยิบสมุดขึ้นมาจดอะไรยุกยิก
เขาหันไปชะเง้อมอง
“อะไรวะแบมแบม”
“แต้ม
งวดนี้มินแจวิน กูกำลังคำนวณแต้มอยู่”
หลังจากกินข้าวเสร็จ(โดยที่มีซอกจินกับแบคฮยองพยายามจะเกลี่ยกล่อมให้แทฮยองไปนอนกับพวกตัวเองให้ได้
แต่แทฮยองกลับส่ายหัววืดด้วยความไม่เข้าใจว่าจัดของอะไรไปเรียบร้อยแล้วจะมาให้เขาเปลี่ยนห้องทำไม?
แล้วต้องไปอยู่กับคู่นัมจินหรือชานแบคเนี่ยนะ? แทฮยองไม่ขอเป็นกขค.ด้วยหรอก) เป็นที่เรียบร้อยแล้วพวกเขาก็เตรียมวางแผนไปเที่ยวกัน
นัมจุนกับโฮซอกที่ทานอาหารเช้าเสร็จก่อนแล้วออกไปคุยกันข้างนอกเมื่อครู่ตกลงกันว่าไหนๆทุกคนก็มารวมตัวกันที่นี่แล้วจะให้แยกเที่ยวตามกลุ่มที่มามันก็น่าเสียดาย
(ท่ามกลางการพยักหน้าหงึกหงักของแบคฮยอนและจองกุก
รวมไปถึงการชักสีหน้าเบื่อแรงของมินแจและซอกจินที่เบ้ปากร่วม)
“ทำไมทำหน้าแบบนั้นล่ะ?
เมื่อเช้าจินกินไม่อิ่มเหรอ?”
นัมจุนถามเสียงซื่อเมื่อคนข้างๆยังเอามือกอดอกนั่งนิ่งๆอยู่นาน ซอกจินกลอกตา
“ใช่ที่ไหนล่ะเจ้าบ้า
นายนั่นแหละ ให้มาเที่ยวด้วยกันเดี๋ยวจองกุกทำอะไรแทฮยองจะทำยังไง?”
“ทำอะไร?”
นัมจุนทวน มือใหญ่ยกขึ้นมาเกาหัวแกรกแบบไม่แน่ใจจะทำหน้ายังไงดี “แทฮยองก็ผู้ชายนะซอกจิน
พวกเราอยู่กันเยอะแยะ จองกุกเขาจะไปทำอะไรได้
ถ้าทำอะไรโดยที่แทฮยองไม่ยอมเดี๋ยวก็ถูกเกลียดขี้หน้า หมอนั่นดูจริงใจดีนะ
คงไม่ยอมให้เป็นไปแบบนั้นหรอก”
ซอกจินยังหรี่ตา
“นัมจุนจะไปรู้ได้ยังไงว่าจริงใจไม่จริงใจ?
ไอ้ข่าวลือเรื่องคู่หมั้นนั่นก็ยังไม่เห็นเคลียร์อะไรขึ้นมาเลย
ฉันยังแอบได้ยินมาอยู่ว่าสองบ้านที่จะต้องแต่งกันไปมาหาสู่กันเรียบร้อยแล้วด้วย”
“...ถึงจะมีคู่หมั้นจริงๆ
แต่ตัวเขาอาจจะไม่ได้อยากแต่งกันก็ได้นะ จินก็รู้ไม่ใช่เหรอ?”
เพราะจินก็กำลังจะต้องถูกจับแต่งงานกับคนที่ไม่ต้องการเหมือนกัน...
มันเป็นประโยคที่ทั้งนัมจุนและซอกจินต่างก็คิดต่อไว้ หากแต่ไม่ได้มีใครพูดมันออกมา
ซอกจินเม้มปาก ดวงตากลมเสมองไปทางรุ่นน้องร่วมบ้านคนสนิท
“ตอนนี้แทฮยองน่าจะยังไม่ชอบเด็กคนนั้น
กันไว้ก่อนที่เรื่องมันจะบานปลายกว่านี้ดีกว่า”
“ตอนนี้อาจจะยังไม่ชอบ...
แต่จองกุกเขาชอบมากๆเลยนะ” นัมจุนเกี่ยวมือข้างหนึ่งของซอกจินขึ้นมากุมประสานไว้
“ตัดโอกาสทั้งหมด ไม่มีแม้แต่ความหวังว่าคนที่รักจะรักเราตอบหรือเปล่า
ไม่มีแม้แต่โอกาสที่จะพยายาม... จินไม่คิดว่ามันน่าสงสารเหรอ?”
“ฉัน...”
“ฉันสงสารเขานะ
เพราะถ้าเป็นแบบนั้นจริงๆ เขาก็จะต้องเดินเข้าการหมั้นหมายกลับคนอื่นด้วยความรู้สึกที่สิ้นหวังรอบด้าน
ของตัวจินเอง จินจะต้องแต่งงานกับคนอื่น คนที่ไม่ใช่ฉัน
แค่นั้นมันก็แย่พออยู่แล้ว” นัมจุนไล่เกลี่ยปลายนิ้วทีละนิ้ว
และซอกจินก็อดไม่ได้ที่จะหันมามองคนรักด้วยแววตาที่อ่อนลง
“แต่ฉันอยู่ได้ก็เพราะความหวัง
เพราะรู้ว่าจินรักฉัน เพราะรู้ว่าเรารักกัน
และความรักของเราก็จะเป็นความหวังเล็กๆที่อาจจะฉายชัดไปถึงอนาคตที่สว่างกว่านี้
เพราะจินรักฉัน ฉันถึงได้รู้สึกว่าตัวเองมีกำลังใจมากพอที่จะทำอะไรก็ได้
ฉันพร้อมที่จะทำทุกอย่าง ไม่ว่าจะพาจินหนีไปที่ไหน จะไปที่โลกไหน
ฉันก็พร้อมเพราะจินเป็นความหวังของฉัน”
“...”
“ความหวังมันขับเคลื่อนให้คนเราทำอะไรได้มากกว่าที่คิดนะจิน
กับเด็กคนนั้นก็เหมือนกัน เขาอาจจะถูกหมั้นหมายจริงๆ
แต่จินก็เห็นอยู่ไม่ใช่เหรอว่าเขารักแทฮยอง
จินจะไม่ยอมให้เขาลองได้สร้างความหวังให้ตัวเองบ้างเหรอ?”
ซอกจินมองมือที่ยังถูกกอบกุมอยู่ในมือของนัมจุนก่อนจะไล่สายตาไปตามใบหน้าของอีกฝ่าย
ทั้งดวงตา ลักยิ้มที่ข้างแก้ม...
นั่นสินะ
ในเวลาที่ซอกจินรู้สึกมืดแปดด้าน รู้สึกเหมือนโดนครอบครัวหักหลัง
รู้สึกเหมือนจะหันไปหาใครก็ไม่ได้ในตอนนั้น...
...เขายังมีนัมจุน
มีความหวังที่เปรียบเสมือนแสงไฟริบหรี่
แต่มันก็มากพอที่จะส่องให้ซอกจินเดินตามไปหาความสุขที่ยิ่งใหญ่กว่านั้น
หาอิสรภาพที่เขาอาจจะปล่อยทิ้งไว้ข้างหลังหากคิดว่านัมจุนไม่ได้รู้สึกแบบเดียวกัน
ถ้าซอกจินคิดว่านัมจุนไม่รักเขา
เขาอาจจะยอมแต่งงานกับผู้หญิงคนนั้นแต่โดยดีหรือเปล่านะ?
อาจจะคิดว่าในเมื่อนัมจุนไม่รักจะเป็นใครก็ได้หรือเปล่านะ?
มันเป็นความคิดที่น่ากลัวเหมือนกัน
“ฉันแค่ไม่อยากให้แทฮยองเสียใจ”
นัมจุนอมยิ้ม
“น้องมีซอกจินอยู่ทั้งคนแล้วเขาจะเสียใจได้ยังไง?”
ซอกจินหลุดขำ เขาแกล้งถอนหายใจหนักๆแล้วเอนตัวทิ้งน้ำหนักไปให้นัมจุนรับ
“พูดมาก
ฉันควรจะเหนื่อยใจนะเนี่ย คิดจะทำอะไรนัมจุนก็คอยพูดดักทางไว้หมดแบบนี้”
“เปล่าสักหน่อย
ก็แค่อยากให้จินคิดดีๆ”
ซอกจินมองไปรอบๆล็อบบี้อีกครั้ง
กวาดตามองเพื่อนๆน้องๆที่นั่งออกันพยายามจะวางแผนทริปของพวกเขา
เสนอที่เที่ยวและกิจกรรมที่น่าทำ แอบเห็นยุนกิดึงแขนให้จีมินมานั่งข้างๆ
แอบเห็นนาอึนกับแบมแบมพร้อมใจกันสบตาแล้วเบ้ปากเมื่อจองกุกพาตัวเองเบียดเข้าระหว่างมินแจกับแทฮยองที่นั่งอ่านหนังสือนำเที่ยวข้างๆกันแล้วก็อดที่จะขำตามเด็กๆไม่ได้
เอาเถอะนะ...
อะไรจะเกิดก็คงจะต้องเกิดละมั้ง
ถ้าอะไรจะเกิดขึ้นซอกจินก็จะคอยให้คำปรึกษาอยู่ตรงนี้
บางทีนั่นอาจจะดีที่สุดแล้วก็ได้
สายตาของซอกจินมองเลยไปสบตากับโฮซอกที่ยิ้มให้น้อยๆ
กับตันทีมควิดดิชของกริฟฟินดอร์ขวักมือเรียกพวกเขา
“ซอกจิน นัมจุน
อยากไปตรงไหนเป็นพิเศษหรือเปล่า?” ชานยอลส่งเสียงถามมาบ้าง
แบคฮยอนเองก็เงยหน้าขึ้นมายิ้มกว้างที่ดูคล้ายกับรอยยิ้มของเจ้าลูกหมาบ้านฮัฟเฟิลพัฟ
“ซอกจินนี่
ไปงานดอกไม้ไฟกับฉันนะ! ไปกับชานยอลมันกากอะ ไม่เคยเล่นเกมชนะสักเกม”
“โอโห กล้าพูด กูเนี่ยแม่นปืนมากขอบอก
คราวก่อนกระบอกปืนมันไม่ดีเว้ย”
“โคตรโม้อะ
คราวก่อนกระบอกปืนไม่ดี คราวก่อนหน้านั้นก็กระบอกปืนไม่ดี กูว่าไม่ใช่ที่กระบอกและ
ที่หน้ามึงเนี่ยแหละที่ไม่ดี”
“เชี่ยแบคมึงนี่....”
แล้วก็นั่นแหละ
ทะเลาะกันไปสองคน เหตุเพราะชวนซอกจินไปเที่ยวงานดอกไม้ไฟประโยคเดียว แหมะ...
บรรยากาศรอบข้างดูอบอุ่นเหลือเกิน
มือของนัมจุนบีบฝ่ามือซอกจินเบาๆ
แล้วเขาก็หันไปมองดวงตาที่ยิบหยีลงเพราะรอยยิ้ม
เห็นลักยิ้มน่ารักๆที่บุ๋มลงลึกสองข้างแก้ม
อนาคตของซอกจินดูสว่างไสวเหลือเกิน
Talk2:
คิดถึงทุกคนมากกก คิดถึงเรื่องนี้มากกกก ฮือออออออ
เรากลับมาแล้วนะคะทุกคน หลังจากที่ยุ่งวุ่นวายกับชีวิตมามากมาย 5555555 สอบเสร็จอะไรเสร็จ เทอมต่อไปนี้ก็ขอให้เป็นเทอมที่ดีเนอะ
แล้วก็ เพราะว่าหายไปตั้งแต่ก่อนปีใหม่จนมาตอนนี้ก็เดือนสองเข้าไปแล้ว (ขอโทษจริงๆนะคะทุกคน TT) เลยไม่มีโอกาสได้อวยพร/สวัสดีปีใหม่ทุกคนเลย สวัสดีปีใหม่นะคะ ขอให้ปีนี้เป็นปีที่ดีของพวกเรา ขอให้สุขภาพของทุกๆคนและครอบครัวแข็งแรง เป็นที่รักของผู้คนรอบข้าง ขอให้สิ่งที่ตั้งใจไว้ประสบความสำเร็จ ขอให้ปีนี้เป็นอีกหนึ่ง 'most beautiful moment in life' ของพวกเรานะคะ <3
สุดท้ายแล้ว ขอบคุณทุกๆคนที่รอมาจนถึงตอนนี้ มีคนติดตามฟิคเรื่องนี้ 460 คนแล้วนะพวกเธอ! เป็นไปได้ยังไงเนี่ย 555555 ขอบคุณจริงๆค่ะ
รักและหวังดีเสมอ หวังว่าจะเจอกันใหม่ในเร็วๆนี้นะคะ
Talk:
คิดถึงค่ะะะ ฮืออออออออออ
ช่วงนี้อยู่ในช่วงสอบพอดี ไปแล้วสองตัว เหลืออีกสองตัว ฮึก... ไม่มีเวลาอัพเลย แต่แบบ คิดถึงไงคะ ฮึก... แล้วไหนๆบังทันก็ได้แดซังด้วย (กรี๊ดดดดดดดด) อยากจะลงวันนั้นเลยนะ แต่ไม่ว่างจริงๆค่ะ นี่รีบหลบมาลงก่อนเข้าห้องเก้านาที ทำไมชีวิตชั้นต้องอยู่แบบหลบๆซ่อนๆแบบนี้??
อย่างไรก็ตาม เอามาให้ก่อน 40% เนอะ คิดถึงทุกคนนะคะ ขอบคุณจริงๆที่รอและติดตามกันมาตลอด ขอบคุณสำหรับคอมเม้นและกำลังใจนะคะ สอบเสร็จ เคลียร์งานเสร็จจะรีบมาค่ะ รอเราด้วยนะเธอ <3
เอ็นจอยนะคะ หวังว่าจะชอบกันนะ แล้วเจอกันใหม่ค่า
ความคิดเห็น