ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    BTS | Mischief Managed [KOOKV ft. YOONMIN, NAMJIN] #บทฮวอย

    ลำดับตอนที่ #17 : Chapter 13: ชุนชงบุกโด 1

    • อัปเดตล่าสุด 29 ต.ค. 59


    Mischief Managed 13

     

               

                 นี่สินะ ที่เรียกว่ารถไฟชนกัน...

                  ซองแจขยับมือหยิบป๊อปคอร์นเข้าปาก ตาก็จับจ้องไปทางหน้าเคาเตอร์โรงแรมเรียวกัง “Park Paradise” เรียวกังฉบับดั้งเดิมที่โด่งดังในเรื่องของบ่อน้ำพุร้อนและอาหารเกาหลีชั้นยอด เป็นโรงแรมที่โด่งดังมากๆในหมู่พ่อมดแม่มดด้วยกันเพราะเป็นโรงแรมไม่กี่ที่ในเกาหลีที่มีการแบ่งแยกโซนของมักเกิ้ลและผู้วิเศษอย่างชัดเจน เรียกได้ว่าถ้าหากคนที่มีเวทมนตร์อยากจะมาเข้าพักก็สามารถทำได้โดยที่ไม่ต้องกังวลว่าความลับของตัวเองจะรั่วไหล สามารถทำตัวผ่อนคลายตามธรรมชาติได้โดยที่ไม่ต้องคำนึงถึงมักเกิ้ลรอบกาย

                  เป็นโรงแรมกิจการหลักของคุณปาร์คซอนมี คุณแม่ของปาร์คจีมินเพื่อนซองแจเนี่ยแหละ ซึ่งในระหว่างที่พี่พนักงานกำลังวิ่งขึ้นไปเรียกคุณซอนมีลงมา จีมินก็จัดการคุยเรื่องห้องพักกับพี่รีเซ็ปชั่นไปพลางๆ

                  คือก็ดูราบรื่น ดูไม่มีอะไร ดูมีความฮอลลิเดย์ที่น่าจะอิ่มอกอิ่มใจ แต่ในจังหวะที่พี่มินอา รีเซ็ปชั่นคนสวยกำลังจะยื่นกุญแจให้จีมินแบ่งห้องกับเพื่อนๆอยู่นั่นมันก็มีเสียงที่แสนจะคุ้นหูดังลั่นขึ้นมาก่อน

                  “เด็กน้อยยยยย!

                  เหมือนเวลาถูกหยุดไว้ทันที ทุกคนนิ่งไปกับที่ แม้แต่พี่มินอานูน่าที่ไม่ได้รู้เรื่องอะไรไปกับเขาก็ยังชะงักถือกุญแจค้างเมื่อได้ยินเสียงที่มีพร้อมกับเดซิเบลที่ไม่ปกตินั่น ซองแจเหลือบลูกตามองไปทางต้นเสียง

                  ชัดเจน พี่ชายไอ้แทกำลังยืนอยู่หน้าประตูโรงแรมนั่นแหละมึง

                  ทุกคนมองภาพของบยอนแบคฮยอนที่กำลังฉีกยิ้มกว้างที่ดูคลับคล้ายคลับคลากับรอยยิ้มของไอ้แทฮยองที่หน้าซีดไปทันตา คนพี่ยิ้มกว้างขึ้นพร้อมกับโบกมือหยองแหยงในขณะที่คนน้องหน้าเจื่อนลง

                  “เชี่ย...”

                  คำอุทานของไอ้แททำให้ทุกคนพยักหน้าเห็นด้วยพร้อมกัน เชี่ยจริงๆนั่นแหละ เชี่ยพี่แม่งตามมาได้ยังไง? เชี่ยพี่แม่งจะกระโดดชาร์ชเข้ามาทำไม? เชี่ยพี่แม่งกระโดดกอดไอ้แทแรงจนล้มไปกองกับพื้นเลย เชี่ยพี่มันแม่งติดน้องเบอร์ไหนวะ? อยู่กันมาห้าปีซองแจรู้สึกว่าตัวเองประเมินความรักของแบคฮยอนฮยองที่มีต่อไอ้แทต่ำไปนิดหนึ่ง

                  แรงกอดของแบคฮยอนที่พาร่างของซีกเกอร์ตัวเล็กของฮัฟเฟิลพัฟล้มลงไปกองกับพื้นมันแรงจนโต๊ะตัวเล็กข้างกันสั่น ยูคยอมที่ยืนอยู่ตรงนั้นรีบเอื้อมมือรับแจกันสีครามที่ทำท่าจะร่วงตกลงมาไว้แนบอก

                  “เด็กน้อย ฮยองล่ะคิดถึ๊งคิดถึง แหม ไม่นึกไม่ฝันเลยนะเนี่ยว่ามาเที่ยวกับเพื่อนแล้วจะบังเอิ๊ญบังเอิญมาพักที่เดียวกับเด็กน้อยของฮยองแบบนี้~ โอ๊ะ ทำไมเด็กน้อยใส่เสื้อคอกว้างแบบนี้นะ ไม่หนาวคอหรือไง? พอดีเลย ฮยองเอาผ้าพันคอมาเผื่อแทแทด้วยนะ อะ

                  บังเอิญพ่องงงง

                  มึงถึงขั้นพกผ้าพันคอมาเผื่อเขาขนาดนี้แล้วยังจะมีหน้ามาบอกว่าบังเอิญอีกเหรอ??

                  “แบคฮยองมาเที่ยวกับเพื่อนเหรอ?” ไอ้แทคนโง่ของซองแจก็ยังยืนบื้อให้พี่มันคล้องผ้าพันคอไหมพรมสีแดงให้ แบคฮยอนพยักหน้าหงึก ตายังจดจ่ออยู่กับการพันผ้าพันคอ

                  “อื้อ มารถไอ้โฮซอกกับชานยอลกัน ตอนนี้น่าจะจอดรถกันอยู่ แต่ฮยองอยากเจอเด็กน้อยของฮยองไวๆเลยเปิดประตูวิ่งออกมาก่อน”

                  “...พูดเต็มปากว่าอยากเจอไวๆเลยลงจากรถออกมาก่อนนี่ยังเป็นเรื่องบังเอิญอีกเหรอวะ?” ยองแจพึมพำ มือก็ขยับกำป๊อปคอร์นเข้าปาก ซองแจหันไปมองมัน

                  “ยองแจ นี่มึงไปเอาป๊อปคอร์นมาจากไหน?”

                  “กินด้วยกันไหมล่ะ?” ยองแจไม่ตอบแต่ยื่นถังป๊อปคอร์นมาให้ตรงหน้าแทน ซองแจเหลือบมองป๊อปคอร์นที่ไม่มีใครรู้ว่าโผล่มาจากไหนแล้วก็หยิบกินบ้าง มือใหญ่ๆของคิม ยูคยอมจ้วงเข้ามาอีกราย

                  “คือกูติดใจสเต็ปการลงจากรถของเขามากกว่า คือเปิดประตูรถวิ่งออกมาก่อนนี่รถมันยังไม่ได้จอดไม่ใช่เหรอวะ?” ยูคยอมพูดขึ้นมาบ้าง

                  ยอมใจ... ซองแจยอมใจบยอน แบคฮยอนจริงๆ

                  “แล้วคนที่เหลือมีใครมาด้วยเหรอแบคฮยอน?” ซอกจินเอ่ยถามขึ้น แบคฮยอนละความสนใจจากแทฮยองมาเป็นครั้งแรกแล้วยิ้มกว้างทักทายเพื่อนร่วมชั้นปี

                  “อ่าวซอกจินนี่~ เจอกันแบบนี้บังเอิ๊ญบังเอิญเนอะ! ก็มากันหลายคนอยู่นะ มีฉัน ชานยอล โฮซอกแล้วก็พวกเด็กๆน่ะ แจ็กสัน แบมแบม นาอึน แล้วก็จองกุกไง”

                  เหมือนนัดกันมาตามคิว พอแบคฮยอนพูดจบปุ๊ปอีกหกชีวิตที่พูดถึงเมื่อครู่ก็พากันตบเท้าเดินเข้ามาในล๊อบบี้โรงแรมทันที ลูกเจ้าของโรงแรมอย่างจีมินถึงกับผงะ คือก็ไม่ใช่แค่มันหรอก ซองแจนี่ก็รู้สึกตะลึงงึนงันงุนงงกับชีวิตเหมือนกัน

                  บยอนแบคฮยอนมาตามน้องนี่ไม่ใช่เรื่องบังเอิญ ซองแจเอาตำแหน่งกับตันทีมควิดดิชของฮัฟเฟิลพัฟเป็นประกันได้เลย แล้วถ้าแบคฮยอนอยู่ที่ไหนชานยอลก็ต้องอยู่ที่นั่น เขามากันเป็นแพ็คคู่ขนาดนี้แล้วสองคนนั้นซองแจไม่ค่อยอะไรเท่าไร แต่อีกห้าคนที่เหลือเนี่ย...

                  ฉับพลันดวงตาของซองแจก็เลยไปมองเพื่อนตัวเล็กที่ยังมีรุ่นพี่บยอนแบคฮยอนเกาะแกะอยู่เหมือนกำลังโคฟเวอร์เป็นปลิง

                  เฮ้ย.. ไม่ใช่หรอกมั้ง...

                  คงเป็นเพราะซองแจเพิ่งรู้เรื่องมาจากพวกซอกจินฮยองว่าจอนจองกุกชอบแทฮยองไง ช่วงนี้พอเห็นอะไรก็เลยพาลจะโยงเรื่องไปหาไอ้แทฮยองหมด ไอ้จองกุกกับเพื่อนๆก็คงตามแบคฮยอนฮยองกับชานยอลฮยองมาเที่ยวกันให้ครบแก๊งนั่นแหละ ฮ่าๆๆๆ ฮ่ะฮ่ะ ฮ่ะ

                  ฮ่ะ...

                  ..หรือว่าจะใช่จริงๆวะ?

                  ซองแจมองจอนจองกุกที่ก้าวเข้ามาในห้องเป็นคนสุดท้าย ดวงตากลมที่ทั้งแวววาวไร้เดียงสาเหมือนลูกแก้วแต่ก็คมกริบประหลาดทอเป็นประกายเมื่อเห็นคิมแทฮยองคุยอยู่กับแบคฮยอน จองกุกโค้งทักทายนัมจุนกับซอกจินที่เป็นรุ่นพี่ก่อนจะก้าวเข้ามาสะกิดแขนแบคฮยอนยิกๆ

                  “แบคฮยอนฮยอง ชานยอลฮยองเรียกครับ บอกว่าถ้าไม่ไปหาภายในสองนาทีคืนนี้เจอกันแน่”

                  มันพูดไปยิ้มไปอย่างน่ารัก ยองแจเอาไหล่เบียดมากระแซะซองแจกับยูคยอมยิกๆ

                  “ชานยอลฮยองเรียกตอนไหนวะ? ทำไมฉันไม่เห็นได้ยิน?”

                  “เออ กูก็ไม่ได้ยิน” ยูคยอมว่าบ้าง ซองแจลงความเห็นในใจว่าจอน จองกุกค่อนข้างจะมีความขี้ตู่สู่ง

                  อย่างไรก็แล้วแต่ คำพูดของจอนจองกุกคงเชื่อถือได้ระดับหนึ่งเพราะบยอนแบคฮยอนจากกริฟฟินดอร์เบ้ปาก ร่างเพรียวนั่นผละออกจากไอ้แทของพวกเขาไปด้วยความเสียดายแล้วเดินไปหาชานยอลที่กำลังคุยเรื่องห้องกับมินอานูน่า ทิ้งช่องว่างให้จอนจองกุกขยับไปยืนข้างๆแทนที่แบคฮยอนทันที

                  โอ้โห เนียนกว่ามึงนี่มีอีกไหมจองกุก?

                  “ไงครับแทแท? มาเที่ยวที่เดียวกันแบบนี้บังเอิญจังเลยเนอะ”

                  “เอ๊ะ? อือ... นั่นสิเนอะ..” แทฮยองตอบรับไป จีมินที่อยู่อีกข้างของแทฮยองหัวเราะหึขึ้นจมูก

                  “บังเอิญจนฉันแทบจะเชื่อไม่ลงเลยเหอะ เอ้า นี่พวกเราได้กุญแจห้องแล้วก็แบ่งๆกันไปขึ้นเก็บของบนห้องเลยแล้วกันเนอะ มายืนออกันเต็มล็อบบี้แบบนี้พวกพี่ๆเขาคงทำงานกันไม่สะดวก” ประโยคแรกพูดกับจองกุก ส่วนข้างหลังทั้งหมดนั่นจีมินหันมาบอกเพื่อนๆพี่ๆร่วมทริปพลางยื่นกุญแจห้องให้แต่ละคู่ไว้

                  “อ่าว แล้วไม่รอเจอคุณแม่จีมินนี่ก่อนเหรอ?” แทฮยองถาม จีมินรีบยิ้ม

                  “เดี๋ยวก็ต้องเจอกันอยู่ดีล่ะน่า ตอนนี้แม่คงยุ่งเลยลงมาช้า เดี๋ยวรอตอนกินข้าวก็ได้เจอกันแล้ว เราแบ่งห้องกันก่อนเลยดีกว่า ห้องละสองคนคงกำลังดีเนอะ อันนี้ของนัมจุนกับซอกจินฮยอง อันนี้ยูคยอมกับซองแจ นี่ฉันกับยองแจ แล้วดอกสุดท้ายนี่แทฮยองกับมินแจแล้วกันเนอะ”

                  “เอาอย่างนั้นก็ได้” จะนอนห้องไหนกับใครพวกเขาก็ไม่ค่อยถือกันอยู่แล้วเพราะห้องมันก็ติดๆกันหมด ซองแจแอบได้ยินจองกุกพึมพำอะไรสักอย่างที่เหมือนจะมีคำว่า “ปาร์ค” กับ “คนเสร่อ” อยู่ในประโยคเดียวกัน แต่ก็ได้ยินไม่ชัดเลยไม่รู้ว่าหมอนั่นพูดว่าอะไร

                  “ฉันถือกระเป๋าให้นะแทฮยอง” มินแจรุดเข้ามาช่วยยกกระเป๋าสีน้ำตาลของแทฮยองขึ้น ซองแจเหมือนจะได้ยินคำว่า “คนเสร่อ” ดังขึ้นแว่วๆอีกครั้ง คราวนี้เหมือนว่าคิม มินแจเองก็จะได้ยินเหมือนกันเพราะเพื่อนชาวเรเวนคลอของเขาหันไปทางกลุ่มกริฟฟินดอร์ที่อยู่อีกฝั่ง

                  “เมื่อกี้นายพูดอะไรหรือเปล่าจองกุก? ฉันได้ยินไม่ถนัด”

                  “หืมม์? หูฝาดหรือเปล่า? ฉันก็ไม่ได้พูดอะไรนี่นา” จอนจองกุกคลี่ยิ้มอย่างเป็นมิตร มินแจยิ้มตอบ

                  “เหรอ? งั้นฉันกับแทฮยองไปก่อนแล้วกันนะ ขอตัวนะครับรุ่นพี่แบคฮยอน รุ่นพี่ชานยอล รุ่นพี่โฮซอก”

                  สามรุ่นพี่ต่างบ้านรีบบอกลารุ่นน้องดีกรีบีตเตอร์ประจำทีมของเรเวนคลอแทบไม่ทัน ซองแจมองรอยยิ้มที่ยังเป็นมิตรจัดจนน่าขนลุกของจอนจองกุก

                  นี่สินะ ที่เขาเรียกกันว่ารถไฟชนกัน

                 

                  “โอโห เหมือนที่คุยไว้เป๊ะเลยไหมล่ะมึง?” หวังแจ็กสันถึงกับตบเข่าฉาดเมื่อพวกชาวกริฟฟินดอร์เองก็เช็คอินเข้ามาในห้องพักกันหมดแล้ว พวกเขาเลือกนอนห้องละสองคนเช่นเดียวกันโดยที่แบ่งเป็นชานยอลกับแบคฮยอน แจ็กสันกับแบมแบม จองกุกกับโฮซอก และสุดท้ายนาอึนที่เป็นผู้หญิงคนเดียว (เยรินต้องอยู่ฉลองคริสมาสกับญาติๆที่บ้านคุณย่าเลยไม่ได้มาด้วยกัน) ก็แยกไปนอนห้องเดี่ยว แต่ทั้งนั้นทั้งนี้พอวางกระเป๋ากันห้องใครห้องมันกันตุบแล้วทุกคนก็มารวมตัวกันที่ห้องของโฮซอกกับจองกุกโดยที่ไม่ได้นัดหมาย

                  ก็เมื่อกี้เหมือนเห็นสงครามขนาดย่อมๆแล้วก็อยากจะเสือกต่อจนจบนั่นแหละ ไม่ได้อะไรมาก

                  “เออ กะแล้วว่าปาร์คจีมินมันต้องรีบพายเรือมินวีของมันแน่ๆ เป็นไงล่ะมึง” แบมแบมพูดบ้าง โฮซอกหันไปมองรุ่นน้องตัวเล็ก

                  “อะไรคือเรือมินวี? วีนี่มาจากไหนวะ? เราไม่ได้คุยเรื่องมินแจกับแทฮยองกันเหรอ?”

                  “ห๊ะ? เอ่อ... นั่นสิ ต้องเรียกว่าเรือมินแทสินะ อยู่ๆผมก็นึกถึงคำว่ามินวีเฉยเลยฮยอง ไม่รู้ทำไม..” แบมแบมส่ายหัวไปมาก่อนจะกลับเข้าเรื่องต่อ “แต่นั่นแหละ เขาเชียร์ให้นอนห้องเดียวกันขนาดนี้แล้วแกจะเอายังไงวะจองกุก?”

                  จอนจองกุกยิ้ม แบมแบมชักจะเกลียดรอยยิ้มของมันมากขึ้นทุกทีๆพร้อมๆกับความรู้สึกเห็นใจคิมแทฮยองที่มีเพิ่มขึ้นมามากขึ้นอย่างพรวดพราด

                  “จะให้เอายังไง? ก็ต้องไปขัดขาเขาสิ”

                  “แล้วจะขัดยังไง?” นาอึนถามขึ้นมาอีกเสียง

                  “ก็ต้องช่วยกันไง ทุกคนเลย”

                  “แล้วต้องทำยังไง?” ชานยอลเกาหัวแกรก ซีกเกอร์หนุ่มประจำบ้านกริฟฟินดอร์โคลงศีรษะคิด

                  “ความจริงแล้วฮยองกับแบคฮยอนฮยองไม่ต้องทำอะไรเลยก็ได้นะ ส่วนของโฮซอกฮยอง... นี่ครับ” จองกุกโยนคีย์การ์ดของห้องพักไปให้รุ่นพี่ร่วมห้อง โฮซอกรับมาอย่างว่าง่ายแต่ก็ยังสับสนไม่หาย

                  “แล้วให้มาทำไม? ของฉันก็มี”

                  ที่โรงแรมของจีมินก็จะให้กุญแจแขกคนละดอกอยู่แล้ว ตัวโฮซอกเองก็มีการ์ดกุญแจอยู่แล้วแผ่นหนึ่ง แล้วนี่จองกุกจะโยนมาให้อีกแผ่นทำไม?

                  “ผมฝากไว้ที่ฮยองหน่อย ฮยองเก็บไว้แล้วพอกินข้าวเสร็จก็ขึ้นมาล็อคห้องนอนไปเลยแล้วกันครับ”

                  “หา? แล้วมึงจะเข้าห้องนอนได้ยังไงวะ?”

                  “...”

                  “...นี่อย่าบอกนะว่ามึงจะเล่นมุขเข้าห้องไม่ได้แล้วไปขออาศัยนอนกับแทฮยองอะ?” ชานยอลที่เอาเรื่องราวอันชั่วร้ายของรุ่นน้องมาปะติดปะต่อได้ก่อนถามขึ้น แบคฮยอนที่นั่งอยู่ข้างๆกันบนเตียงของโฮซอก(โดยที่เจ้าของเตียงต้องระเห็จไปนั่งพื้น)หันขวับ

                  “พ่อมึง!! กูไม่ยอม!!

                  “แบคฮยอนฮยอง... ฮยองต้องคิดดีๆนะครับ คิดตามผมนะ” น้ำเสียงของจอนจองกุกช่างนุ่มละมุนเหลือเกิน แบมแบมนั่งฟังเฉยๆยังขนลุกและกลัวใจแม่งมาก “ถ้าผมไม่ไปขอนอนด้วยแทแทอาของฮยองก็จะต้องนอนร่วมห้องกับคิมมินแจนะ นั่นเป็นคิมมินแจที่จีบแทฮยองอย่างเปิดเผยมาตั้งแต่ปีก่อนเลยนะฮยอง ฮยองคิดว่ามินแจที่ชอบแทฮยองมากขนาดนั้น แถมแทฮยองที่น่ารักขนาดนั้น ต้องไปนอนด้วยกันสองคนแบบนี้ ฮยองคิดว่าไอ้มินแจจะอดใจไหวเหรอ?”

                  “...”

                  “...ฮยองลองสมมุติดูนะครับ ถ้าเป็นตัวฮยองเองจะอดใจไหวเหรอ? แล้วไอ้มิ-

                  ขวับ!

                  บยอนแบคฮยอนคว้าคีย์การ์ดของจองกุกที่ยังอยู่ในมือของโฮซอกไปหน้าตาเฉย บีตเตอร์คนสวยประจำบ้านกริฟฟินดอร์หันมามองจองกุกด้วยสายตาจริงจัง

                  “การ์ดนี่กูเก็บเอง กูจะเก็บให้มิดชิดจนถึงจะใช้คาถาเรียกของก็หาไม่เจอเลยมึง จอนจองกุก ถ้ามึงกลับมานอนห้องตัวเองกูจะฆ่ามึง ลูกบลัดเจอร์จะได้ทักทายหัวมึงแน่ จะให้ตายยังไงมึงก็ต้องไปนอนกับแทแทของกูให้ได้ เข้าใจไหมวะ?”

                  “..ด.. เดี๋ยวนะ แบคฮยอน ประโยคสุดท้ายมันแปลกๆ...” ชานยอลแย้งขึ้นเบาๆแต่แบคฮยอนก็ไม่คิดจะสนใจ

                  “เข้า ใจ ไหม วะ?”

                  “แจ่มแจ้งเลยครับฮยอง ผมไม่ทำให้ฮยองผิดหวังแน่ๆ :)

                  นั่นเป็นครั้งแรกที่แบมแบมตระหนักขึ้นมาได้...

                  เชี่ย ไอ้จอนจองกุกแม่งโคตรน่ากลัว...

                 

     

                  แทฮยองนอนกลิ้งไปบนเตียงแล้วก็เขยิบกระดื้บๆไปหาเพื่อนซี้ที่เข้ามานั่งดูการ์ดสะสมพ่อมดในตำนานของมินแจอยู่ พอเหลือบไปทางห้องน้ำแล้วยังได้ยินเสียงน้ำไหลบ่งบอกว่ามินแจยังอาบน้ำอยู่ (มินแจบอกว่าการเดินทางด้วยพอร์ตคีย์ ของวิเศษที่พอพ่อมดแม่มดจับแล้วก็จะสามารถเคลื่อนย้ายตัวเองไปยังที่หมายที่ของวิเศษที่คู่กันนี้อยู่ ทำให้รู้สึกคันยุบยิบแปลกๆ หมอนั่นเลยขออาบน้ำก่อนอย่างแรก) แล้วแทฮยองก็เอ่ยปากถามเบาๆ

                  “นี่จีมินนี่ ก่อนหน้านี้นายบอกว่ามีคนที่อยากชวนอีกคนหนึ่ง แต่นี่มันก็มีแค่เรา...”

                  ก่อนหน้านี้ที่อยู่ฮอกวอตส์จีมินบอกว่านอกจากมินแจแล้วตัวเองก็มีคนที่อยากจะชวนมาชุนชนบุกโดอีกหนึ่งคน ซ้ำแล้วยังบอกแทฮยองอีกว่าถ้าเขาอยากจะชวนใครอย่างเช่นพี่ชายอย่างแบคฮยอนมาด้วยก็ได้นะ แล้วเจ้าตัวก็ดูแฮปปี้ลั้ลลาดี แต่นี่พอมานัดเจอกันจริงๆแล้วมันกลับมีแค่พวกเขา ไม่ได้มีคนอื่นที่จีมินนี่ชวนเพิ่มมาอีกหนึ่งคนนี่นา

                  พอถามไปแล้วมือป้อมของเพื่อนรักที่กำลังเรียงไพ่อยู่ก็ชะงัก จีมินยิ้มจางแล้วไหวไหล่

                  “เขาไม่ว่างน่ะ บอกว่าติดธุระที่บ้-

                  ก็อก! ก็อก!

                  “จีมินนี่ นี่แม่เองนะ อยู่ในห้องนี้หรือเปล่าจ้ะ?” เสียงหวานที่จำได้ว่าเป็นของคุณปาร์คซอนมี คุณแม่ของจีมินและเจ้าของโรงแรมเรียวกังแห่งนี้ดังขึ้นพร้อมกับเสียงเคาะหน้าประตู จีมินกับแทฮยองลุกพรวดจากเตียงแล้วรีบเดินไปเปิดประตู

                  “ครับๆ มาแล้วครับ” จีมินส่งเสียงตอบไป มือขาวเอื้อมจับลูกบิดแล้วเปิดประตูออก คุณแม่ที่ยืนอยู่อีกฝั่งยิ้มหวานแล้วเอื้อมมือมาหยิกแก้มลูกชายด้วยความหมั่นเขี้ยวก่อนจะหันมากอดแทฮยองบ้าง

                  “แทฮยองอา ไม่ได้เจอกันตั้งนานเลยนะจ้ะ ย้อมผมสีทองแบบนี้สวยขึ้นจมเลยนะเรา”

                  “ขอบคุณครับ” แทฮยองขมุบขมิบปากพึมพำใส่ผมของคุณแม่ แรงกอดของปาร์คซอนมีถือว่าเทียบเทียมกับของแบคฮยอนได้ทีเดียวเชียว เอาเสียนึกว่าปอดจะแฟบหายหมด

                  แล้วก็นะ.. แทฮยองเป็นผู้ชาย... มาชมกันว่าสวยแบบนี้มันไม่แปลกประหลาดไปหน่อยเหรอครับคุณแม่?

                  “แม่ๆ แล้วนี่แม่มาหาผมถึงห้องไอ้แทนี่มีอะไรหรือเปล่า?” จีมินถามขัดขึ้นมา ก็อีกไม่กี่ชั่วโมงก็จะต้องกินข้าวด้วยกันอยู่แล้ว แต่การที่แม่ไม่รอถึงตอนนั้นแล้วมาเสาะหาว่าจีมินไปนั่งเล่นอยู่ห้องเพื่อนห้องไหนแบบนี้แปลว่าต้องมีเรื่องด่วนหรือเปล่านะ?

                  “อ๊า! ใช่ๆ จะมาบอกว่าเพื่อนเราคนสุดท้ายมาถึงแล้วนะ ตอนแรกแม่ว่าจะจัดการหาห้องให้เอง แต่คิดไปแล้วจีมินนี่คงอยากจัดเองมากกว่าว่าจะให้เพื่อนนอนห้องไหนกับใคร เขารออยู่ที่ล็อบบี้แล้ว รีบลงไปทำเรื่องห้องให้เพื่อนด้วยนะ”

                  “เพื่อนคนสุดท้าย?” จีมินทวนงงๆ แทฮยองมุ่นคิ้วอย่างสบสันไม่ต่างกัน

                  เพื่อนคนสุดท้ายที่ไหนวะ? ก็มากันครบแล้วนี่นา

                  ครบแบบแม่งครบจริงๆนะ... ขนาดพวกแบคฮยองไม่ได้ชวนมายังหาทางมากันได้เลยอะคุณคิดดู

                  จีมินกับแทฮยองเดินตามคุณแม่ลงไปที่ล็อบบี้ (โดยที่ทิ้งมินแจให้อาบน้ำอยู่ในห้องนั่นแหละ คงไม่เป็นไรหรอก (. .)) แทฮยองแอบเหลือบมองจีมิน

                  “จีมินนี่ หรือว่าจะเป็นคนที่จีมินชวน...”

                  “ไม่หรอก เขาบอกว่าไม่ว่าง ติดธุระนี่นา” จีมินว่ากลับ ทั้งสองคนเดินเลี้ยวตามคุณแม่จนถึงล็อบบี้

                  มันเป็นผมสีดำของอีกฝ่ายที่แทฮยองเห็นเป็นอย่างแรก

                  “มาแล้วจ้าๆ นั่นไงจีมิน ไปช่วยเพื่อนดูห้องสิจ้ะ” คุณแม่ว่า เสียงของคุณซอนมีทำให้เจ้าของเรือนผมสีดำที่กำลังนั่งหันหลังให้พวกเขาลุกขึ้น ใบหน้าขาวจัดของอีกฝ่ายหันมา

                  จีมินอ้าปากค้าง

                  “ย.. ยุนกิฮยอง?”

                  มินยุนกิยิ้ม

                  “ธุระเสร็จเร็วกว่าที่คิด ฉันมาด้วยแบบนี้คงไม่เป็นไรใช่ไหม?”

                  รอยยิ้มกว้างของจีมินเป็นคำตอบได้อย่างดี แทฮยองมองจีมินหัวเราะแล้วส่ายหัวไปมารัวๆ เชสเซอร์ตัวเล็กของฮัฟเฟิลพัฟกึ่งเดินกึ่งวิ่งรุดๆไปหารุ่นพี่ปีหกชาวสลิธีรินคนนั้น

                  เอ...

                  อยู่ๆคำพูดของยองแจที่เคยบอกให้แทฮยองลองจับตาดูมินยุนกิกับจีมินก็ดังขึ้นมาในหัว การทีจีมินชวนมินยุนกิมาเที่ยวด้วยกัน ท่าทีซึมๆของจีมินตอนที่บอกว่ามินยุนกิจากสลิธีรินมาด้วยไม่ได้ แล้วไอ้ความดีใจจนออกนอกหน้านอกตาตอนที่เขามาตอนนี้...

                  แทฮยองเหมือนจะเข้าใจอะไรขึ้นมาแล้วแหะ


    TALK:

    เรียนไปเรื่อยๆแล้วมันยุ่งขึ้นจริงๆค่ะ ไม่ค่อยมีเวลาปั่นเลย ขอบคุณที่รอกันนะคะทุกคน <3

    อยากจะบอกว่าเราลืมพี่กิ 55555555 เสียใจอะ ฮือออ แต่งๆไปแล้วลืมบทพี่กิ ถ้าไม่ได้อ่านคอมเม้นแล้วเห็นคนทักว่าพี่ก้าไม่ออกเลยคงลืมพี่ไปจริงๆแล้ว จะบ้า ทำไมชั้นเป็นคนแบบนี้ 55555

    ตอนนี้พี่กิออกแล้ว ยกโทษให้ชั้นด้วยนะคะพี่

    แอบรู้สึกว่าตอนนี้ดูสั้นๆยังไงไม่รู้ หรือว่าเราคิดไปเอง เป็นตอนเล็กๆที่แฝงไปด้วยความร้ายกาจของจ้อน กระต่ายบันนี่ยักษ์นะคะนะ 

    ฉันรักพวกเขา ฉันรักพวกเขาในคอสตูมฮาโลวีนมาก 55555555 ฉันรักผักจีมิน รักไรอั้นนัมจุน รักจ้อนบันนี่ รักพี่ก้าคนหล่อ รักซากุระแทแท และรักโฮซอกทั้งสองคน #ทำไมต้องทำร้ายโฮป 5555555555

    ขอบคุณที่รอและติดตามมาตลอดนะคะ ขอบคุณที่คอยคอมเม้นน่ารักๆกัน รักกก <3 <3


    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×