คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #17 : Chapter 13: ชุนชงบุกโด 1
Mischief
Managed 13
นี่สินะ
ที่เรียกว่ารถไฟชนกัน...
ซองแจขยับมือหยิบป๊อปคอร์นเข้าปาก
ตาก็จับจ้องไปทางหน้าเคาเตอร์โรงแรมเรียวกัง “Park Paradise” เรียวกังฉบับดั้งเดิมที่โด่งดังในเรื่องของบ่อน้ำพุร้อนและอาหารเกาหลีชั้นยอด
เป็นโรงแรมที่โด่งดังมากๆในหมู่พ่อมดแม่มดด้วยกันเพราะเป็นโรงแรมไม่กี่ที่ในเกาหลีที่มีการแบ่งแยกโซนของมักเกิ้ลและผู้วิเศษอย่างชัดเจน
เรียกได้ว่าถ้าหากคนที่มีเวทมนตร์อยากจะมาเข้าพักก็สามารถทำได้โดยที่ไม่ต้องกังวลว่าความลับของตัวเองจะรั่วไหล
สามารถทำตัวผ่อนคลายตามธรรมชาติได้โดยที่ไม่ต้องคำนึงถึงมักเกิ้ลรอบกาย
เป็นโรงแรมกิจการหลักของคุณปาร์คซอนมี คุณแม่ของปาร์คจีมินเพื่อนซองแจเนี่ยแหละ
ซึ่งในระหว่างที่พี่พนักงานกำลังวิ่งขึ้นไปเรียกคุณซอนมีลงมา
จีมินก็จัดการคุยเรื่องห้องพักกับพี่รีเซ็ปชั่นไปพลางๆ
คือก็ดูราบรื่น
ดูไม่มีอะไร ดูมีความฮอลลิเดย์ที่น่าจะอิ่มอกอิ่มใจ แต่ในจังหวะที่พี่มินอา
รีเซ็ปชั่นคนสวยกำลังจะยื่นกุญแจให้จีมินแบ่งห้องกับเพื่อนๆอยู่นั่นมันก็มีเสียงที่แสนจะคุ้นหูดังลั่นขึ้นมาก่อน
“เด็กน้อยยยยย!”
เหมือนเวลาถูกหยุดไว้ทันที
ทุกคนนิ่งไปกับที่ แม้แต่พี่มินอานูน่าที่ไม่ได้รู้เรื่องอะไรไปกับเขาก็ยังชะงักถือกุญแจค้างเมื่อได้ยินเสียงที่มีพร้อมกับเดซิเบลที่ไม่ปกตินั่น
ซองแจเหลือบลูกตามองไปทางต้นเสียง
ชัดเจน
พี่ชายไอ้แทกำลังยืนอยู่หน้าประตูโรงแรมนั่นแหละมึง
ทุกคนมองภาพของบยอนแบคฮยอนที่กำลังฉีกยิ้มกว้างที่ดูคลับคล้ายคลับคลากับรอยยิ้มของไอ้แทฮยองที่หน้าซีดไปทันตา
คนพี่ยิ้มกว้างขึ้นพร้อมกับโบกมือหยองแหยงในขณะที่คนน้องหน้าเจื่อนลง
“เชี่ย...”
คำอุทานของไอ้แททำให้ทุกคนพยักหน้าเห็นด้วยพร้อมกัน
เชี่ยจริงๆนั่นแหละ เชี่ยพี่แม่งตามมาได้ยังไง?
เชี่ยพี่แม่งจะกระโดดชาร์ชเข้ามาทำไม? เชี่ยพี่แม่งกระโดดกอดไอ้แทแรงจนล้มไปกองกับพื้นเลย
เชี่ยพี่มันแม่งติดน้องเบอร์ไหนวะ?
อยู่กันมาห้าปีซองแจรู้สึกว่าตัวเองประเมินความรักของแบคฮยอนฮยองที่มีต่อไอ้แทต่ำไปนิดหนึ่ง
แรงกอดของแบคฮยอนที่พาร่างของซีกเกอร์ตัวเล็กของฮัฟเฟิลพัฟล้มลงไปกองกับพื้นมันแรงจนโต๊ะตัวเล็กข้างกันสั่น
ยูคยอมที่ยืนอยู่ตรงนั้นรีบเอื้อมมือรับแจกันสีครามที่ทำท่าจะร่วงตกลงมาไว้แนบอก
“เด็กน้อย
ฮยองล่ะคิดถึ๊งคิดถึง แหม
ไม่นึกไม่ฝันเลยนะเนี่ยว่ามาเที่ยวกับเพื่อนแล้วจะบังเอิ๊ญบังเอิญมาพักที่เดียวกับเด็กน้อยของฮยองแบบนี้~ โอ๊ะ ทำไมเด็กน้อยใส่เสื้อคอกว้างแบบนี้นะ ไม่หนาวคอหรือไง? พอดีเลย
ฮยองเอาผ้าพันคอมาเผื่อแทแทด้วยนะ อะ”
บังเอิญพ่องงงง
มึงถึงขั้นพกผ้าพันคอมาเผื่อเขาขนาดนี้แล้วยังจะมีหน้ามาบอกว่าบังเอิญอีกเหรอ??
“แบคฮยองมาเที่ยวกับเพื่อนเหรอ?”
ไอ้แทคนโง่ของซองแจก็ยังยืนบื้อให้พี่มันคล้องผ้าพันคอไหมพรมสีแดงให้
แบคฮยอนพยักหน้าหงึก ตายังจดจ่ออยู่กับการพันผ้าพันคอ
“อื้อ
มารถไอ้โฮซอกกับชานยอลกัน ตอนนี้น่าจะจอดรถกันอยู่
แต่ฮยองอยากเจอเด็กน้อยของฮยองไวๆเลยเปิดประตูวิ่งออกมาก่อน”
“...พูดเต็มปากว่าอยากเจอไวๆเลยลงจากรถออกมาก่อนนี่ยังเป็นเรื่องบังเอิญอีกเหรอวะ?”
ยองแจพึมพำ มือก็ขยับกำป๊อปคอร์นเข้าปาก ซองแจหันไปมองมัน
“ยองแจ
นี่มึงไปเอาป๊อปคอร์นมาจากไหน?”
“กินด้วยกันไหมล่ะ?”
ยองแจไม่ตอบแต่ยื่นถังป๊อปคอร์นมาให้ตรงหน้าแทน
ซองแจเหลือบมองป๊อปคอร์นที่ไม่มีใครรู้ว่าโผล่มาจากไหนแล้วก็หยิบกินบ้าง
มือใหญ่ๆของคิม ยูคยอมจ้วงเข้ามาอีกราย
“คือกูติดใจสเต็ปการลงจากรถของเขามากกว่า
คือเปิดประตูรถวิ่งออกมาก่อนนี่รถมันยังไม่ได้จอดไม่ใช่เหรอวะ?”
ยูคยอมพูดขึ้นมาบ้าง
ยอมใจ...
ซองแจยอมใจบยอน แบคฮยอนจริงๆ
“แล้วคนที่เหลือมีใครมาด้วยเหรอแบคฮยอน?”
ซอกจินเอ่ยถามขึ้น แบคฮยอนละความสนใจจากแทฮยองมาเป็นครั้งแรกแล้วยิ้มกว้างทักทายเพื่อนร่วมชั้นปี
“อ่าวซอกจินนี่~ เจอกันแบบนี้บังเอิ๊ญบังเอิญเนอะ! ก็มากันหลายคนอยู่นะ
มีฉัน ชานยอล โฮซอกแล้วก็พวกเด็กๆน่ะ แจ็กสัน แบมแบม นาอึน แล้วก็จองกุกไง”
เหมือนนัดกันมาตามคิว
พอแบคฮยอนพูดจบปุ๊ปอีกหกชีวิตที่พูดถึงเมื่อครู่ก็พากันตบเท้าเดินเข้ามาในล๊อบบี้โรงแรมทันที
ลูกเจ้าของโรงแรมอย่างจีมินถึงกับผงะ คือก็ไม่ใช่แค่มันหรอก
ซองแจนี่ก็รู้สึกตะลึงงึนงันงุนงงกับชีวิตเหมือนกัน
บยอนแบคฮยอนมาตามน้องนี่ไม่ใช่เรื่องบังเอิญ
ซองแจเอาตำแหน่งกับตันทีมควิดดิชของฮัฟเฟิลพัฟเป็นประกันได้เลย
แล้วถ้าแบคฮยอนอยู่ที่ไหนชานยอลก็ต้องอยู่ที่นั่น
เขามากันเป็นแพ็คคู่ขนาดนี้แล้วสองคนนั้นซองแจไม่ค่อยอะไรเท่าไร
แต่อีกห้าคนที่เหลือเนี่ย...
ฉับพลันดวงตาของซองแจก็เลยไปมองเพื่อนตัวเล็กที่ยังมีรุ่นพี่บยอนแบคฮยอนเกาะแกะอยู่เหมือนกำลังโคฟเวอร์เป็นปลิง
เฮ้ย..
ไม่ใช่หรอกมั้ง...
คงเป็นเพราะซองแจเพิ่งรู้เรื่องมาจากพวกซอกจินฮยองว่าจอนจองกุกชอบแทฮยองไง ช่วงนี้พอเห็นอะไรก็เลยพาลจะโยงเรื่องไปหาไอ้แทฮยองหมด
ไอ้จองกุกกับเพื่อนๆก็คงตามแบคฮยอนฮยองกับชานยอลฮยองมาเที่ยวกันให้ครบแก๊งนั่นแหละ
ฮ่าๆๆๆ ฮ่ะฮ่ะ ฮ่ะ
ฮ่ะ...
..หรือว่าจะใช่จริงๆวะ?
ซองแจมองจอนจองกุกที่ก้าวเข้ามาในห้องเป็นคนสุดท้าย
ดวงตากลมที่ทั้งแวววาวไร้เดียงสาเหมือนลูกแก้วแต่ก็คมกริบประหลาดทอเป็นประกายเมื่อเห็นคิมแทฮยองคุยอยู่กับแบคฮยอน
จองกุกโค้งทักทายนัมจุนกับซอกจินที่เป็นรุ่นพี่ก่อนจะก้าวเข้ามาสะกิดแขนแบคฮยอนยิกๆ
“แบคฮยอนฮยอง
ชานยอลฮยองเรียกครับ บอกว่าถ้าไม่ไปหาภายในสองนาทีคืนนี้เจอกันแน่”
มันพูดไปยิ้มไปอย่างน่ารัก
ยองแจเอาไหล่เบียดมากระแซะซองแจกับยูคยอมยิกๆ
“ชานยอลฮยองเรียกตอนไหนวะ?
ทำไมฉันไม่เห็นได้ยิน?”
“เออ
กูก็ไม่ได้ยิน” ยูคยอมว่าบ้าง ซองแจลงความเห็นในใจว่าจอน
จองกุกค่อนข้างจะมีความขี้ตู่สู่ง
อย่างไรก็แล้วแต่
คำพูดของจอนจองกุกคงเชื่อถือได้ระดับหนึ่งเพราะบยอนแบคฮยอนจากกริฟฟินดอร์เบ้ปาก
ร่างเพรียวนั่นผละออกจากไอ้แทของพวกเขาไปด้วยความเสียดายแล้วเดินไปหาชานยอลที่กำลังคุยเรื่องห้องกับมินอานูน่า
ทิ้งช่องว่างให้จอนจองกุกขยับไปยืนข้างๆแทนที่แบคฮยอนทันที
โอ้โห
เนียนกว่ามึงนี่มีอีกไหมจองกุก?
“ไงครับแทแท?
มาเที่ยวที่เดียวกันแบบนี้บังเอิญจังเลยเนอะ”
“เอ๊ะ? อือ...
นั่นสิเนอะ..” แทฮยองตอบรับไป จีมินที่อยู่อีกข้างของแทฮยองหัวเราะหึขึ้นจมูก
“บังเอิญจนฉันแทบจะเชื่อไม่ลงเลยเหอะ
เอ้า นี่พวกเราได้กุญแจห้องแล้วก็แบ่งๆกันไปขึ้นเก็บของบนห้องเลยแล้วกันเนอะ
มายืนออกันเต็มล็อบบี้แบบนี้พวกพี่ๆเขาคงทำงานกันไม่สะดวก” ประโยคแรกพูดกับจองกุก
ส่วนข้างหลังทั้งหมดนั่นจีมินหันมาบอกเพื่อนๆพี่ๆร่วมทริปพลางยื่นกุญแจห้องให้แต่ละคู่ไว้
“อ่าว
แล้วไม่รอเจอคุณแม่จีมินนี่ก่อนเหรอ?” แทฮยองถาม จีมินรีบยิ้ม
“เดี๋ยวก็ต้องเจอกันอยู่ดีล่ะน่า
ตอนนี้แม่คงยุ่งเลยลงมาช้า เดี๋ยวรอตอนกินข้าวก็ได้เจอกันแล้ว
เราแบ่งห้องกันก่อนเลยดีกว่า ห้องละสองคนคงกำลังดีเนอะ
อันนี้ของนัมจุนกับซอกจินฮยอง อันนี้ยูคยอมกับซองแจ นี่ฉันกับยองแจ
แล้วดอกสุดท้ายนี่แทฮยองกับมินแจแล้วกันเนอะ”
“เอาอย่างนั้นก็ได้”
จะนอนห้องไหนกับใครพวกเขาก็ไม่ค่อยถือกันอยู่แล้วเพราะห้องมันก็ติดๆกันหมด
ซองแจแอบได้ยินจองกุกพึมพำอะไรสักอย่างที่เหมือนจะมีคำว่า “ปาร์ค” กับ “คนเสร่อ”
อยู่ในประโยคเดียวกัน แต่ก็ได้ยินไม่ชัดเลยไม่รู้ว่าหมอนั่นพูดว่าอะไร
“ฉันถือกระเป๋าให้นะแทฮยอง”
มินแจรุดเข้ามาช่วยยกกระเป๋าสีน้ำตาลของแทฮยองขึ้น ซองแจเหมือนจะได้ยินคำว่า
“คนเสร่อ” ดังขึ้นแว่วๆอีกครั้ง คราวนี้เหมือนว่าคิม
มินแจเองก็จะได้ยินเหมือนกันเพราะเพื่อนชาวเรเวนคลอของเขาหันไปทางกลุ่มกริฟฟินดอร์ที่อยู่อีกฝั่ง
“เมื่อกี้นายพูดอะไรหรือเปล่าจองกุก?
ฉันได้ยินไม่ถนัด”
“หืมม์?
หูฝาดหรือเปล่า? ฉันก็ไม่ได้พูดอะไรนี่นา” จอนจองกุกคลี่ยิ้มอย่างเป็นมิตร
มินแจยิ้มตอบ
“เหรอ?
งั้นฉันกับแทฮยองไปก่อนแล้วกันนะ ขอตัวนะครับรุ่นพี่แบคฮยอน รุ่นพี่ชานยอล
รุ่นพี่โฮซอก”
สามรุ่นพี่ต่างบ้านรีบบอกลารุ่นน้องดีกรีบีตเตอร์ประจำทีมของเรเวนคลอแทบไม่ทัน
ซองแจมองรอยยิ้มที่ยังเป็นมิตรจัดจนน่าขนลุกของจอนจองกุก
นี่สินะ
ที่เขาเรียกกันว่ารถไฟชนกัน
“โอโห
เหมือนที่คุยไว้เป๊ะเลยไหมล่ะมึง?” หวังแจ็กสันถึงกับตบเข่าฉาดเมื่อพวกชาวกริฟฟินดอร์เองก็เช็คอินเข้ามาในห้องพักกันหมดแล้ว
พวกเขาเลือกนอนห้องละสองคนเช่นเดียวกันโดยที่แบ่งเป็นชานยอลกับแบคฮยอน
แจ็กสันกับแบมแบม จองกุกกับโฮซอก
และสุดท้ายนาอึนที่เป็นผู้หญิงคนเดียว (เยรินต้องอยู่ฉลองคริสมาสกับญาติๆที่บ้านคุณย่าเลยไม่ได้มาด้วยกัน) ก็แยกไปนอนห้องเดี่ยว แต่ทั้งนั้นทั้งนี้พอวางกระเป๋ากันห้องใครห้องมันกันตุบแล้วทุกคนก็มารวมตัวกันที่ห้องของโฮซอกกับจองกุกโดยที่ไม่ได้นัดหมาย
ก็เมื่อกี้เหมือนเห็นสงครามขนาดย่อมๆแล้วก็อยากจะเสือกต่อจนจบนั่นแหละ
ไม่ได้อะไรมาก
“เออ
กะแล้วว่าปาร์คจีมินมันต้องรีบพายเรือมินวีของมันแน่ๆ เป็นไงล่ะมึง” แบมแบมพูดบ้าง
โฮซอกหันไปมองรุ่นน้องตัวเล็ก
“อะไรคือเรือมินวี?
วีนี่มาจากไหนวะ? เราไม่ได้คุยเรื่องมินแจกับแทฮยองกันเหรอ?”
“ห๊ะ? เอ่อ...
นั่นสิ ต้องเรียกว่าเรือมินแทสินะ อยู่ๆผมก็นึกถึงคำว่ามินวีเฉยเลยฮยอง
ไม่รู้ทำไม..” แบมแบมส่ายหัวไปมาก่อนจะกลับเข้าเรื่องต่อ “แต่นั่นแหละ
เขาเชียร์ให้นอนห้องเดียวกันขนาดนี้แล้วแกจะเอายังไงวะจองกุก?”
จอนจองกุกยิ้ม
แบมแบมชักจะเกลียดรอยยิ้มของมันมากขึ้นทุกทีๆพร้อมๆกับความรู้สึกเห็นใจคิมแทฮยองที่มีเพิ่มขึ้นมามากขึ้นอย่างพรวดพราด
“จะให้เอายังไง?
ก็ต้องไปขัดขาเขาสิ”
“แล้วจะขัดยังไง?”
นาอึนถามขึ้นมาอีกเสียง
“ก็ต้องช่วยกันไง
ทุกคนเลย”
“แล้วต้องทำยังไง?”
ชานยอลเกาหัวแกรก ซีกเกอร์หนุ่มประจำบ้านกริฟฟินดอร์โคลงศีรษะคิด
“ความจริงแล้วฮยองกับแบคฮยอนฮยองไม่ต้องทำอะไรเลยก็ได้นะ
ส่วนของโฮซอกฮยอง... นี่ครับ” จองกุกโยนคีย์การ์ดของห้องพักไปให้รุ่นพี่ร่วมห้อง
โฮซอกรับมาอย่างว่าง่ายแต่ก็ยังสับสนไม่หาย
“แล้วให้มาทำไม?
ของฉันก็มี”
ที่โรงแรมของจีมินก็จะให้กุญแจแขกคนละดอกอยู่แล้ว
ตัวโฮซอกเองก็มีการ์ดกุญแจอยู่แล้วแผ่นหนึ่ง แล้วนี่จองกุกจะโยนมาให้อีกแผ่นทำไม?
“ผมฝากไว้ที่ฮยองหน่อย
ฮยองเก็บไว้แล้วพอกินข้าวเสร็จก็ขึ้นมาล็อคห้องนอนไปเลยแล้วกันครับ”
“หา?
แล้วมึงจะเข้าห้องนอนได้ยังไงวะ?”
“...”
“...นี่อย่าบอกนะว่ามึงจะเล่นมุขเข้าห้องไม่ได้แล้วไปขออาศัยนอนกับแทฮยองอะ?”
ชานยอลที่เอาเรื่องราวอันชั่วร้ายของรุ่นน้องมาปะติดปะต่อได้ก่อนถามขึ้น แบคฮยอนที่นั่งอยู่ข้างๆกันบนเตียงของโฮซอก(โดยที่เจ้าของเตียงต้องระเห็จไปนั่งพื้น)หันขวับ
“พ่อมึง!! กูไม่ยอม!!”
“แบคฮยอนฮยอง...
ฮยองต้องคิดดีๆนะครับ คิดตามผมนะ” น้ำเสียงของจอนจองกุกช่างนุ่มละมุนเหลือเกิน
แบมแบมนั่งฟังเฉยๆยังขนลุกและกลัวใจแม่งมาก “ถ้าผมไม่ไปขอนอนด้วยแทแทอาของฮยองก็จะต้องนอนร่วมห้องกับคิมมินแจนะ
นั่นเป็นคิมมินแจที่จีบแทฮยองอย่างเปิดเผยมาตั้งแต่ปีก่อนเลยนะฮยอง
ฮยองคิดว่ามินแจที่ชอบแทฮยองมากขนาดนั้น แถมแทฮยองที่น่ารักขนาดนั้น
ต้องไปนอนด้วยกันสองคนแบบนี้ ฮยองคิดว่าไอ้มินแจจะอดใจไหวเหรอ?”
“...”
“...ฮยองลองสมมุติดูนะครับ
ถ้าเป็นตัวฮยองเองจะอดใจไหวเหรอ? แล้วไอ้มิ-”
ขวับ!
บยอนแบคฮยอนคว้าคีย์การ์ดของจองกุกที่ยังอยู่ในมือของโฮซอกไปหน้าตาเฉย
บีตเตอร์คนสวยประจำบ้านกริฟฟินดอร์หันมามองจองกุกด้วยสายตาจริงจัง
“การ์ดนี่กูเก็บเอง
กูจะเก็บให้มิดชิดจนถึงจะใช้คาถาเรียกของก็หาไม่เจอเลยมึง จอนจองกุก
ถ้ามึงกลับมานอนห้องตัวเองกูจะฆ่ามึง ลูกบลัดเจอร์จะได้ทักทายหัวมึงแน่
จะให้ตายยังไงมึงก็ต้องไปนอนกับแทแทของกูให้ได้ เข้าใจไหมวะ?”
“..ด.. เดี๋ยวนะ
แบคฮยอน ประโยคสุดท้ายมันแปลกๆ...” ชานยอลแย้งขึ้นเบาๆแต่แบคฮยอนก็ไม่คิดจะสนใจ
“เข้า ใจ ไหม
วะ?”
“แจ่มแจ้งเลยครับฮยอง
ผมไม่ทำให้ฮยองผิดหวังแน่ๆ :)”
นั่นเป็นครั้งแรกที่แบมแบมตระหนักขึ้นมาได้...
เชี่ย
ไอ้จอนจองกุกแม่งโคตรน่ากลัว...
แทฮยองนอนกลิ้งไปบนเตียงแล้วก็เขยิบกระดื้บๆไปหาเพื่อนซี้ที่เข้ามานั่งดูการ์ดสะสมพ่อมดในตำนานของมินแจอยู่
พอเหลือบไปทางห้องน้ำแล้วยังได้ยินเสียงน้ำไหลบ่งบอกว่ามินแจยังอาบน้ำอยู่ (มินแจบอกว่าการเดินทางด้วยพอร์ตคีย์ –
ของวิเศษที่พอพ่อมดแม่มดจับแล้วก็จะสามารถเคลื่อนย้ายตัวเองไปยังที่หมายที่ของวิเศษที่คู่กันนี้อยู่
– ทำให้รู้สึกคันยุบยิบแปลกๆ หมอนั่นเลยขออาบน้ำก่อนอย่างแรก)
แล้วแทฮยองก็เอ่ยปากถามเบาๆ
“นี่จีมินนี่
ก่อนหน้านี้นายบอกว่ามีคนที่อยากชวนอีกคนหนึ่ง แต่นี่มันก็มีแค่เรา...”
ก่อนหน้านี้ที่อยู่ฮอกวอตส์จีมินบอกว่านอกจากมินแจแล้วตัวเองก็มีคนที่อยากจะชวนมาชุนชนบุกโดอีกหนึ่งคน
ซ้ำแล้วยังบอกแทฮยองอีกว่าถ้าเขาอยากจะชวนใครอย่างเช่นพี่ชายอย่างแบคฮยอนมาด้วยก็ได้นะ
แล้วเจ้าตัวก็ดูแฮปปี้ลั้ลลาดี แต่นี่พอมานัดเจอกันจริงๆแล้วมันกลับมีแค่พวกเขา
ไม่ได้มีคนอื่นที่จีมินนี่ชวนเพิ่มมาอีกหนึ่งคนนี่นา
พอถามไปแล้วมือป้อมของเพื่อนรักที่กำลังเรียงไพ่อยู่ก็ชะงัก
จีมินยิ้มจางแล้วไหวไหล่
“เขาไม่ว่างน่ะ
บอกว่าติดธุระที่บ้-”
ก็อก! ก็อก!
“จีมินนี่
นี่แม่เองนะ อยู่ในห้องนี้หรือเปล่าจ้ะ?”
เสียงหวานที่จำได้ว่าเป็นของคุณปาร์คซอนมี
คุณแม่ของจีมินและเจ้าของโรงแรมเรียวกังแห่งนี้ดังขึ้นพร้อมกับเสียงเคาะหน้าประตู
จีมินกับแทฮยองลุกพรวดจากเตียงแล้วรีบเดินไปเปิดประตู
“ครับๆ
มาแล้วครับ” จีมินส่งเสียงตอบไป มือขาวเอื้อมจับลูกบิดแล้วเปิดประตูออก
คุณแม่ที่ยืนอยู่อีกฝั่งยิ้มหวานแล้วเอื้อมมือมาหยิกแก้มลูกชายด้วยความหมั่นเขี้ยวก่อนจะหันมากอดแทฮยองบ้าง
“แทฮยองอา
ไม่ได้เจอกันตั้งนานเลยนะจ้ะ ย้อมผมสีทองแบบนี้สวยขึ้นจมเลยนะเรา”
“ขอบคุณครับ”
แทฮยองขมุบขมิบปากพึมพำใส่ผมของคุณแม่
แรงกอดของปาร์คซอนมีถือว่าเทียบเทียมกับของแบคฮยอนได้ทีเดียวเชียว
เอาเสียนึกว่าปอดจะแฟบหายหมด
แล้วก็นะ..
แทฮยองเป็นผู้ชาย... มาชมกันว่าสวยแบบนี้มันไม่แปลกประหลาดไปหน่อยเหรอครับคุณแม่?
“แม่ๆ
แล้วนี่แม่มาหาผมถึงห้องไอ้แทนี่มีอะไรหรือเปล่า?” จีมินถามขัดขึ้นมา
ก็อีกไม่กี่ชั่วโมงก็จะต้องกินข้าวด้วยกันอยู่แล้ว
แต่การที่แม่ไม่รอถึงตอนนั้นแล้วมาเสาะหาว่าจีมินไปนั่งเล่นอยู่ห้องเพื่อนห้องไหนแบบนี้แปลว่าต้องมีเรื่องด่วนหรือเปล่านะ?
“อ๊า! ใช่ๆ จะมาบอกว่าเพื่อนเราคนสุดท้ายมาถึงแล้วนะ
ตอนแรกแม่ว่าจะจัดการหาห้องให้เอง
แต่คิดไปแล้วจีมินนี่คงอยากจัดเองมากกว่าว่าจะให้เพื่อนนอนห้องไหนกับใคร
เขารออยู่ที่ล็อบบี้แล้ว รีบลงไปทำเรื่องห้องให้เพื่อนด้วยนะ”
“เพื่อนคนสุดท้าย?”
จีมินทวนงงๆ แทฮยองมุ่นคิ้วอย่างสบสันไม่ต่างกัน
เพื่อนคนสุดท้ายที่ไหนวะ?
ก็มากันครบแล้วนี่นา
ครบแบบแม่งครบจริงๆนะ...
ขนาดพวกแบคฮยองไม่ได้ชวนมายังหาทางมากันได้เลยอะคุณคิดดู
จีมินกับแทฮยองเดินตามคุณแม่ลงไปที่ล็อบบี้
(โดยที่ทิ้งมินแจให้อาบน้ำอยู่ในห้องนั่นแหละ
คงไม่เป็นไรหรอก (. .)) แทฮยองแอบเหลือบมองจีมิน
“จีมินนี่
หรือว่าจะเป็นคนที่จีมินชวน...”
“ไม่หรอก
เขาบอกว่าไม่ว่าง ติดธุระนี่นา” จีมินว่ากลับ
ทั้งสองคนเดินเลี้ยวตามคุณแม่จนถึงล็อบบี้
มันเป็นผมสีดำของอีกฝ่ายที่แทฮยองเห็นเป็นอย่างแรก
“มาแล้วจ้าๆ
นั่นไงจีมิน ไปช่วยเพื่อนดูห้องสิจ้ะ” คุณแม่ว่า
เสียงของคุณซอนมีทำให้เจ้าของเรือนผมสีดำที่กำลังนั่งหันหลังให้พวกเขาลุกขึ้น
ใบหน้าขาวจัดของอีกฝ่ายหันมา
จีมินอ้าปากค้าง
“ย.. ยุนกิฮยอง?”
มินยุนกิยิ้ม
“ธุระเสร็จเร็วกว่าที่คิด
ฉันมาด้วยแบบนี้คงไม่เป็นไรใช่ไหม?”
รอยยิ้มกว้างของจีมินเป็นคำตอบได้อย่างดี
แทฮยองมองจีมินหัวเราะแล้วส่ายหัวไปมารัวๆ
เชสเซอร์ตัวเล็กของฮัฟเฟิลพัฟกึ่งเดินกึ่งวิ่งรุดๆไปหารุ่นพี่ปีหกชาวสลิธีรินคนนั้น
เอ...
อยู่ๆคำพูดของยองแจที่เคยบอกให้แทฮยองลองจับตาดูมินยุนกิกับจีมินก็ดังขึ้นมาในหัว
การทีจีมินชวนมินยุนกิมาเที่ยวด้วยกัน ท่าทีซึมๆของจีมินตอนที่บอกว่ามินยุนกิจากสลิธีรินมาด้วยไม่ได้
แล้วไอ้ความดีใจจนออกนอกหน้านอกตาตอนที่เขามาตอนนี้...
แทฮยองเหมือนจะเข้าใจอะไรขึ้นมาแล้วแหะ
TALK:
เรียนไปเรื่อยๆแล้วมันยุ่งขึ้นจริงๆค่ะ ไม่ค่อยมีเวลาปั่นเลย ขอบคุณที่รอกันนะคะทุกคน <3
อยากจะบอกว่าเราลืมพี่กิ 55555555 เสียใจอะ ฮือออ แต่งๆไปแล้วลืมบทพี่กิ ถ้าไม่ได้อ่านคอมเม้นแล้วเห็นคนทักว่าพี่ก้าไม่ออกเลยคงลืมพี่ไปจริงๆแล้ว จะบ้า ทำไมชั้นเป็นคนแบบนี้ 55555
ตอนนี้พี่กิออกแล้ว ยกโทษให้ชั้นด้วยนะคะพี่
แอบรู้สึกว่าตอนนี้ดูสั้นๆยังไงไม่รู้ หรือว่าเราคิดไปเอง เป็นตอนเล็กๆที่แฝงไปด้วยความร้ายกาจของจ้อน กระต่ายบันนี่ยักษ์นะคะนะ
ฉันรักพวกเขา ฉันรักพวกเขาในคอสตูมฮาโลวีนมาก 55555555 ฉันรักผักจีมิน รักไรอั้นนัมจุน รักจ้อนบันนี่ รักพี่ก้าคนหล่อ รักซากุระแทแท และรักโฮซอกทั้งสองคน #ทำไมต้องทำร้ายโฮป 5555555555
ขอบคุณที่รอและติดตามมาตลอดนะคะ ขอบคุณที่คอยคอมเม้นน่ารักๆกัน รักกก <3 <3
ความคิดเห็น