ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    BTS | Mischief Managed [KOOKV ft. YOONMIN, NAMJIN] #บทฮวอย

    ลำดับตอนที่ #16 : SF: With Your Wings #ฟิคคำสาปวี

    • อัปเดตล่าสุด 17 ต.ค. 59


    With Your Wings

    Pt. Boy Meets Evil


     

                  ในโลกที่มีสีขาวและดำ มีแสงสว่างและความมืดมิด มีรอยยิ้มและหยาดน้ำตา อำนาจสองฝ่ายจากสรวงสวรรค์และขุมนรกก็ยังรบรากันเหมือนที่เป็นมาตลอดตั้งแต่สมัยอดีตกาล เหล่าทูติสวรรค์พยายามที่จะขับไล่สะกดเหล่าปีศาจร้ายไว้ให้อยู่แต่ในเปลวเพลิงนรก ในขณะที่เหล่าปีศาจทั้งหลายที่ชื่นชอบความวินาศก็มักจะเข้ามาสร้างความวิบัติในโลกมนุษย์ที่เหล่าทูติสวรรค์มีหน้าที่ปกป้อง คอยแทรกซึมจิตอันชั่วร้ายเข้ามาในใจของมนุษย์ ค่อยๆกัดกินคนเหล่านั้นจนพวกเขาก็กลายเป็นปีศาจไม่ต่างจากตนเอง

    ในโลกใบนี้  ลูซิเฟอร์ จอมมารผู้มีอำนาจสูงสุดในแดนนรกที่เพลี่ยงพล้ำให้กับมนตร์สวรรค์ของอัครทูตมิคาเอลได้ฝากคำสาปไว้หนึ่งคำสาปก่อนที่เจ้าแห่งความมืดที่เคยสว่างไสวจะหายตัวไป

    คำสาปนั้นมีชื่อว่า “วี

     

    “จะไปไหนน่ะวี?”

    ชายผมสีดำเอ่ยถามพลางยันตัวเองขึ้นจากเตียง ดวงตาคมกริบจ้องเขม็งไปทางชายหนุ่มร่างเพรียวที่กำลังเดินไปทางประตู วีชะงัก ใบหน้าที่ทั้งสดสวยงดงามราวกับนางสวรรค์แต่ก็หล่อเหลาเหมือนเทวาคลี่ยิ้มออกดูน่ามอง นัยน์ตาคู่สวยทอประกายระยิบระยิบในแบบที่ทำให้หัวใจของคนมองสั่นไหว

    ชายคนแรกบอกเตือนไม่ให้ตัวเองฟุ้งซ่าน แต่หัวใจกลับไม่เชื่อฟังกันสักนิด

    “ทูตแห่งแมมม่อน” วีเอ่ยทักทายเสียงระรื่น สองขาเปลี่ยนเป้าหมายก้าวไปหาผู้ชายผิวขาวจัดคนเดิมแล้วนั่งล่งข้างๆ เอาตัวเข้าเบียดออเซาะอย่างออดอ้อน

    “ออกไปข้างนอกแปปเดียว รับรองว่าจะรีบกลับ”

    “บอกให้เรียกว่า ยุนกิฮยอง ยังไงล่ะเจ้าลูกหมา” ยุนกิ ตำแหน่งทูตแห่งแมมม่อน เจ้าชายปีศาจของหนึ่งในบาปเจ็ดประการและอดีตอัครทูตสวรรค์ที่ร่วงล่นจากสวรรค์มาพร้อมๆกับลูซิเฟอร์ถอนหายใจ ตำแหน่งบาปของยุนกิคือ “ความโลภ” เป็นความหมกมุ่นลุ่มหลงในอำนาจเงินตราอย่างไม่รู้จักพอ

    “ผมก็บอกให้ยุนกิเรียกผมว่าแทฮยองเหมือนกัน” เจ้าลูกหมาของยุนกิตอบกลับรั้นๆ ริมฝีปากสีชมพูจัดยิ้มกว้างเป็นรูปสี่เหลี่ยมแบบไม่คิดจะเกรงกลัวทูตปีศาจชั้นสูงที่นั่งอยู่นี่เลยสักนิด

    “สรุปว่าจะไปไหน?”

    “ไปข้างนอกไง แปปเดียวเองนะยุนกิ”

    “ยุนกิฮยอง

    “ยุนกิจะเรียกชื่อตัวเองทำไมอะ?”

    “...”

    “โอเคๆ ไม่เล่นแล้วก็ได้ ไม่เห็นต้องทำหน้าตาน่ากลัวแบบนั้นเลย” แทฮยองหรือวีบ่นขมุบขมิบ หัวทุยๆที่เต็มไปด้วยกลุ่มไหมสีทองเส้นเล็กนุ่มมือขยับมาคลอเคลียอยู่แถวหัวไหล่ยุนกิ “ผมไปแปปเดี๋ยวจริงๆนะฮยอง เดี๋ยวเดียวเอง”

    “ไปโลกมนุษย์อย่างนั้นเหรอ? จะไปหาเด็กมนุษย์นั่นอีกหรือไง?”

    แทฮยองยิ้ม สองแขนที่ขยับมากอดเอวยุนกิไว้ตะปบกอดเขาแน่นขึ้น

    มันอึดอัด.. แต่ก็อุ่นประหลาดจนยุนกิเผลอคิดในใจว่าถ้าอยู่แบบนี้ได้นานๆก็คงจะดี

    “แปปเดี๋ยวนะฮยอง”

    “ก่อนพระอาทิตย์จะตก” สุดท้ายก็ใจอ่อน.. แม้ภายนอกจะดูแข็งกระด้างแต่ก็เป็นที่รู้กันดีในขุมนรกว่ากับเจ้าเด็กที่เป็นคำสาปของลูซิเฟอร์คนนี้แล้วมิน ยุนกิก็ต้องคอยตามใจอยู่เรื่อยไป “ให้เวลาแค่ก่อนพระอาทิตย์ตกดิน ถ้าพระอาทิตย์ลับขอบฟ้าแล้วยังไม่เห็นตัว เราจะได้เห็นดีกันแน่ คิม แทฮยอง”

    “ก่อนพระอาทิตย์ตก” แทฮยองรับคำอย่างหนักแน่น “ผมกลับมาทันแน่ๆ ขอบคุณนะครับยุนกิ!

    พูดจบเจ้าตัวนั่นก็กระโดดออกจากโซพาหนังเนื้อดีแล้ววิ่งรุดๆออกนอกประตูไปทันที ทิ้งให้มิน ยุนกิ ทูตแห่งแมมม่อน มองตามออกไป

    ทูตแห่งแมมม่อน.. ทูตแห่งความโลภ...

    บางคนอาจเรียกมันว่าความโลภ แต่ยุนกิมองว่ามันเป็นความมุ่งมั่นต่างหาก

    สำหรับยุนกิแล้ว เขามองว่าการเป็นทูตปีศาจแห่งความโลภนี่ก็ดูเหมาะกับเขาดี เพราะยุนกิเชื่อว่าในโลกนี้ไม่มีใครจะมุ่งมั่นที่จะครอบครองทุกอย่างเหมือนเขา ไม่มีใครจะพยายามได้เท่าครึ่งหนึ่งของเขาอยู่แล้ว

    และทุกสิ่งที่ยุนกิอยากได้ เขาก็ต้องได้

    มันง่ายแค่นั้นเองจริงๆ

    และอีกอย่างที่ยุนกิอยากได้ไว้ข้างตัวไม่ให้ห่างกายไปไหนก็คือคิม แทฮยอง

     

    “วี” เป็นคำสาปที่ทรงอานุภาพที่สุดที่ทั้งสวรรค์ โลกมนุษย์ และขุมนรกพบเจอมา

    วีไม่ใช่หายนะทางธรรมชาติ ไม่ใช่ไฟป่าหรือลมพายุ วีไม่ใช่ชื่อของโรคระบาด ไม่ใช่อาวุธทางชีวภาพ ไม่ใช่ความวินาศใดๆอย่างที่ใครคิด

    วีเป็นเพียงเด็กผู้ชาย เป็นชายหนุ่มรูปงามที่ลูซิเฟอร์สรรค์สร้างขึ้นด้วยมือของตัวเอง เดิมทีลูซิเฟอร์เป็นอัครทูตสวรรค์แห่งแสงสว่าง มีใบหน้าและเรือนร่างที่หล่อเหลาและน่าหลงใหลกว่าทูตสวรรค์องค์อื่นๆ เคยเป็นคนโปรดและทูตสวรรค์อันดับหนึ่งก่อนที่จะหยิ่งผยองและทำการกบฏ และพอมาคราวนี้เขาก็ได้บรรจงใส่แสงสว่างที่เคยทำให้ตนเองเป็นที่กล่าวขานนี้ในตัวของวี

    วีจึงเป็นทูตปีศาจที่งดงามกว่าใครที่ไหน ไม่ว่าจะเป็นใบหน้าที่สมบูรณ์แบบราวกับรูปสลัก หรือรูปร่างผิวพรรณสีน้ำผึ้งนวลเนียนน่าสัมผัสกว่าของนางฟ้านางสวรรค์ที่ไหน ท่ามกลางรอยยิ้มซุกซนและดวงตาที่แพรวพราวไปด้วยเล่ห์ วีมีแสงสว่างที่เจิดจ้ากว่าใครจนคล้ายคลึงกับเทวดา วีสวยงามและเต็มไปด้วยมนตร์เสน่ห์ และนั่นก็เป็นสาเหตุที่เขาเป็นคำสาปที่ทรงอานุภาพที่สุดของลูซิเฟอร์

    เพราะตั้งแต่ที่ลูซิเฟอร์ปล่อยวีออกมา สรวงสวรรค์ก็คลุ้มคลั่งอย่างที่หาที่เปรียบไม่ได้

     

    “แทฮยอง? นั่นนายใช่ไหม? กำลังจะไปที่ไหน?”

    แทฮยองถอนหายใจ เขาหมุนตัวจากที่กำลังยืนชมวิวของนครกรุงโซลจากดาดฟ้าของตึกแห่งหนึ่งมาปะทะกับร่างสูงของผู้ชายอีกคนที่มาปรากฏกายอยู่ข้างกันตั้งแต่เมื่อไรก็ไม่รู้ ทั้งๆที่คิดว่าตัวเองแอบออกมาเงียบเชียบขนาดนี้แล้วแท้ๆแต่ก็ยังโดนจับได้อยู่ดี ใบหน้ามุ่ยๆที่บ่งบอกทั้งอารมณ์และความคิดทุกอย่างทำให้ร่างสูงโปร่งของคนทักหัวเราะ เจ้าตัวเอื้อมมือมาลูบผมสีทองของแทฮยองเบาๆ เส้นไหมที่นุ่มนิ่มไปหมดทำให้เขาเผลอจับมันหมุนรอบนิ้วอย่างเพลิดเพลิน

    “อาจจะหลบคนอื่นๆได้ แต่มันไม่มีวันที่ฉันจะหานายไม่เจอหรอกนะ แทฮยองอา”

    “ยังเป็นคนที่พูดจาแบบนี้ได้หน้าตาเฉยเหมือนเดิมเลยนะครับ ทูตสวรรค์ซอกจิน

    ซอกจิน ทูตสวรรค์ที่มีหน้าที่เยียวยารักษาและคุ้มครองมนุษย์อมยิ้ม เขาไหวไหล่

    “ก็แค่พูดตามที่ใจคิดก็เท่านั้น”

    “เหรอครับ? ทำตามใจคิดแล้วสมองได้ประมวลหรือเปล่าว่าถ้าใครมาเจอซอกจินฮยองอยู่กับผมแล้วจะเป็นยังไง?” แทฮยองถามกลับ ฟันขาวขบริมฝีปากล่างเบาๆจนซอกจินเกือบจะยกมือขึ้นแตะไม่ให้เจ้าตัวเล็กกัดปาก

    “แค่นี้ก็วุ่นวายไปกันใหญ่แล้ว แล้วฮยองก็เป็นคนดี ผมไม่อยากให้ฮยองเป็นอะไรหรอกนะ”

    ซอกจินอดไม่ได้ที่จะคิดว่ามันช่างน่ารักเหลือเกินที่เจ้าปีศาจตัวจ้อยนี่มาบอกป่าวๆว่าทูตสวรรค์อย่างเขาเป็นคนดี ชื่อมันก็บอกอยู่แล้วว่าเป็นทูตสวรรค์ มันจะดีได้มากกว่านี้เสียเท่าไรกันเชียว?

    “เป็นห่วงฉันเหรอตัวเล็ก?”

    “ตัวเล็กอะไรกันเล่า ผมสูงจะเท่าฮยองแล้วเนี่ย” แทฮยองเถียงกลับ เขามองลงไปตามถนนที่แสนจะวุ่นวายของโซลแล้วก็กดเสียงถาม “แล้วฮยองมาทำอะไรที่โลกมนุษย์นี่?”

    “ฉัน? ฉันมีหน้าที่คุ้มครองมนุษย์นะแทฮยองอา ฉันก็ต้องมาตรวจตราเป็นครั้งคราว ต้องเป็นฉันมากกว่าที่ควรจะถามนายว่าปีศาจอย่างนายมาทำอะไรที่นี่?” รอยยิ้มของซอกจินอ่อนโยน ดวงตาสีอ่อนไล่มองซ้ายขวาพยายามหาคำตอบ

    “มันไม่ใช่ธุระของฮยอง”

    “แทฮยองอา..”

    “ผมบอกว่ามันไม่ใช่เรื่องของฮยองไง”

    พอตอบกลับไปอย่างนั้นแล้วดวงตานั่นก็วาวโรจน์ขึ้นมาจนแทฮยองรู้สึกเกรง

    “อาจจะไม่ใช่ธุระของฉัน แต่คำสาปของลูซิเฟอร์ เสน่ห์ของวี...”  ริมฝีปากอิ่มยิ้มแต่มันดูฝืดเฝือน “ฉันได้แต่หวังว่าจะไม่มีมนุษย์ที่น่าสงสารคนไหนติดกับมัน

    แทฮยองเม้มปาก เขาไม่ได้ตอบอะไรออกไปนอกจากการเบี่ยงตัวออกจากทางของซอกจินแล้วขยับออกมาข้างๆให้พ้นทางแทน

    “ผมต้องไปแล้ว”

    “จะไปไหน? ไปทำอะไร?” ซอกจินเค้นถามต่อ สายตาของเขาดูแข็งกร้าว ไม่เหมือนทูตสวรรค์ซอกจินคนเดิมของแทฮยองเลยสักนิด

    “คิดจะไปปั่นหัวใคร คิดจะใช้เสน่ห์ของตัวเองคล้องบ่วงให้ใครอีกหรือไงแทฮยองอา?”

    ซอกจินขยับเดินตามขวางแทฮยองเอาไว้อีกครั้งเมื่ออีกฝ่ายตั้งใจจะเดินหนี แทฮยองมองหาทางออกเลิกลั่กแต่ก็ไม่สามารถจะขยับออกไปทางไหนได้ในเมื่อด้านหลังเขาก็เป็นดาดฟ้า ส่วนข้างหน้านี่ซอกจินก็เข้ามาประชิดตัวจนไม่มีช่องว่าง

    “ไม่ใช่ ผมไม่ได้จะทำเรื่องแบบนั้น”

    เทวทูติตรงหน้าแค่นหัวเราะ ใบหน้าหล่อเหลาของซอกจินเบือนหันออกเหมือนไม่อยากมองหน้ากัน

    “กล้าพูดจริงนะ ถ้าบริสุทธิ์ใจก็บอกมาสิ นายมาทำอะไรที่โลกมนุษย์กันแน่?”

    แทฮยองยังอ้ำอึ้ง ให้ตายยังไงเขาก็ไม่อยากจะบอกซอกจินว่าตัวเองมาทำอะไร ดวงตาคู่สวยเหลือบมองออกทางดาดฟ้า ตึกที่ยืนอยู่กันนี่ค่อนข้างสูงมาก ถ้าแทฮยองรีบกระโดดออกแล้วกางปีกบินขึ้นไปบางทีมนุษย์อาจจะไม่ทันได้สังเกตเห็น...

    “แทฮยอง ทำไมไม่ตอบ?”

    มือใหญ่ของซอกจินเอื้อมมาบีบหัวไหล่ของแทฮยองไว้ มันไม่ได้แรงมาก แต่ก็พอที่จะทำให้แทฮยองรู้สึกเจ็บจนต้องนิ่วหน้า

    ผัวะ!

    แทฮยองเบิกตากว้างเมื่อมีอีกมือหนึ่งแทรกเข้ามาปัดมือของซอกจินออก ฝ่ายทูตสวรรค์เองก็ถึงกับผงะหนีด้วยความตกใจ แทฮยองมองตามมือที่ถูกประดับด้วยแหวนและกำไลโซ่ที่คุ้นเคยไปจนเห็นใบหน้าเปื้อนยิ้มของบุคคลที่สาม

    จีมิน...”

    “ทูตแห่งแอสโมดีอุส” ซอกจินเอ่ยเสียงต่ำ ปาร์ค จีมิน ทูตแห่งแอสโมดีอุสฉีกยิ้มกว้างขึ้นจนดวงตายิบหยีลงดูเป็นมิตร

    “ปาร์ค จีมิน ทูตแห่งแอสโมดีอุส ตัวแทนของเจ้าชายแห่งราคะจากบาปทั้งเจ็ดประการ สามารถเลือกเรียกได้ตามสะดวกครับ ท่านทูตสวรรค์” พูดไปจีมินก็สาวเท้าเข้ามาใกล้จนเข้ามายืนอยู่ข้างๆแทฮยอง มือหนาไล้เชยคางของอีกฝ่ายขึ้นลงซ้ายขวาไปมา พอเห็นว่าใบหน้าสวยไม่มีตำหนิอะไรมือซุกซนนั่นก็ดูจะไล่จับหมุนแขนข้างนู้นข้างนี้ดูไปเรื่อย

    “นี่คิดจะทำอะไร?” ซอกจินตวัดเสียงถาม จีมินครางฮือในลำคอ

    “เช็คสภาพคนของผมน่ะสิ พวกทูตสวรรค์นี่จะว่าอ่อนโยนก็อ่อนโยน แต่ก็ไม่ค่อยยั้งกำลังตัวเอง หยิบจับอะไรเป็นบุบสลายหมด พลังของแสงสว่างบางทีก็เจิดจ้าเกินไปละมั้ง” จีมินเลิกคอเสื้อกว้างๆของแทฮยองออกจนเห็นรอยจ้ำจางๆที่คาดว่าคงจะมาจากมือซอกจินเมื่อครู่ เขาถอนหายใจ

    “นี่ไง พูดยังไม่ทันจะขาดคำ มารังแกคนของผมจนเป็นรอยแบบนี้ เดี๋ยวก็ส่งบิลไปเรียกค่าเสียหายบนสวรรค์เสียเลยนี่”

    “ยังเล่นลิ้นไม่เปลี่ยนนะปาร์ค จีมิน” ซอกจินว่า เขาหายใจเข้าลึกๆข่มอารมณ์ “มาที่นี่ทำไม?”

    “ผมเป็นตัวแทนของราคะ ฮยองคิดว่าผมมาทำอะไรล่ะ?” พูดกลับไปแล้วจีมินก็หันกลับมาทางแทฮยองอีกครั้ง “แต่แค่ไปปั่นหัวและแทรกไอเดียสนุกๆในหัวมนุษย์ล่ะนะแทแท นายก็รู้นี่นาว่าฉันไม่เคยนอกใจนายเลยนะ”

    มือของจีมินตวัดเข้ามาโอบเอวของแทฮยองเข้าตัว คนตัวบางกว่ายิ้มขำอย่างอ่อนใจ

    “ไม่ได้เป็นอะไรกัน ไม่เรียกว่านอกใจ ทำตามที่สะดวกใจเถอะ”

    “ไอ้ที่ไม่เป็นอะไรกันเนี่ยแหละที่ไม่สะดวกใจ” จีมินถอนหายใจอีกครั้ง “ว่าแต่ ซอกจินฮยอง ไม่มีธุระหรือไง? มาเสวนากับพวกปีศาจตั้งนานสองนานนี่เดี๋ยวคนบนฟ้าเขาจะหาว่าฮยองคิดทรยศเอานะ”

    “ฉันไม่ใช่ฮยองของนาย ปาร์ค จีมิน” ซอกจินตอกกลับไป เขากำลังจะอ้าปากพูดอะไรกลับไปแต่กำไลเงินรอบข้อมือกลับสว่างวาบขึ้นมา “...ให้ตาย ทำไมต้องเป็นตอนนี้ด้วยนะ...”

    “อ่า... โดนเบื้องบนเรียกเสียแล้วสิ” ใบหน้าที่ทั้งหล่อและน่ารักเอนเอียงซบไหล่แทฮยองลง จีมินส่งยิ้มให้ดูยียวน “น่าเสียดายจังนะครับ ไม่ต้องห่วงนะฮยอง อะไรที่ฮยองเริ่มไว้กับแทแท เดี๋ยวผมจะสานต่อเองนะ”

    “ปาร์ค จีมิน! ฉัน-” กำไลข้อมือของซอกจินส่องแสงประกายอีกครั้ง ทูตสวรรค์หนุ่มถอนหายใจพรืดด้วยความหงุดหงิด มือขาวยกขึ้นเสยเรือนผมสีโรสโกลด์ของตนเอง นัยน์ตาที่วาวโรจน์จนกลายเป็นสีทองผลุบปิดลงข่มอารมณ์ เมื่อเปลือกตาคู่นั้นเปิดขึ้นอีกครั้งดวงดาของซอกจินก็กลายเป็นสีช็อกโกแลตอุ่นๆเหมือนเคย

    “แทฮยองอา ฉันยังยืนยันคำเดิม เสน่ห์ของวี... เสน่ห์ของนายนั่น” ซอกจินมองสบตาแทฮยอง “ฉันหวังว่าจะไม่มีมนุษย์คนไหนโชคร้ายพอที่จะต้องทนติดอยู่ในบ่วงของมัน...”

    “...”

    “..เหมือนที่ฉันเป็น”

    แสงสว่างวาบรอบกายของทูตสวรรค์ซอกจิน

    และเมื่อกระพริบตาอีกครั้งร่างสูงโปร่งนั่นก็หายไป

     

    แทฮยองเป็นคำสาปของลูซิเฟอร์ เป็นสิ่งประดิษฐ์มีชีวิต เป็นการทดลองที่บังเอิญสำเร็จอย่างน่าชื่นชม

    นึกย้อนไปแล้ว จะให้เปรียบเขาเป็นอสุรกายแฟรงเกนสไตน์ของนักวิทยาศาสตร์บ้าบิ่นคนหนึ่งก็คงจะว่าได้เหมือนกัน

    แทฮยองเป็นความสำเร็จที่ลูซิเฟอร์โปรดปรานมาดที่สุด ความโปรดปรานนี้ทำให้ลูซิเฟอร์หวงแหนแทฮยอง เด็กหนุ่มถูกเก็บไว้ในวังใต้ขุมนรกเป็นเวลาหลายปี มีเพียงเจ้าชายแห่งบาปทั้งเจ็ดประการและทูตปีศาจชั้นสูงอย่างยุนกิและจีมินเท่านั้นที่สามารถพูดคุยด้วยได้ ลูซิเฟอร์ที่หยิ่งยโสในความสามารถของตนเองไม่ต้องการที่จะมีทูตสมุนเป็นของตัวเอง ประวัติศาสตร์และประสบการณ์บอกเขามาแล้วว่าการที่จะมีปีศาจอย่างตัวเขาคอยรับใช้ใครมันก็แว้งแต่จะมาลอบกัดกันในภายหลัง ด้วยเหตุนี้ลูซิเฟอร์จึงมอบหมายให้ทูตแห่งความโลภ มือขวาของปีศาจแมมม่อนอย่างมิน ยุนกิ เป็นคนดูแลแทฮยอง ลูซิเฟอร์ตั้งชื่อปีศาจของแทฮยองให้ว่า “วี”

    “วี มาจากคำว่า Victory” ลูซิเฟอร์กล่าวไว้ “เพราะเธอจะเป็นปีศาจที่นำชัยชนะมาสู่พวกเรา วี”

    แต่ถึงจะพูดอย่างนั้นแทฮยองก็ไม่เคยได้รับอนุญาตให้ออกจากวังไปหาชัยชนะอะไรนั่น

    จนกระทั่งเขาอายุสิบเก้าปี นั่นเป็นตอนแทฮยองโดนเรียกตัวออกไปเป็นครั้งแรก

    ต่างหูยาวที่ลูซิเฟอร์มอบให้ร้อนผ่าวจนแทฮยองน้ำตาไหล นึกตื่นกลัวว่าหูจะไหม้ ยุนกิกับจีมินที่อยู่กับแทฮยองในตอนนั้นมองมาที่เขาเหมือนเห็นผี จีมินทำตาโต ผิวที่ขาวจัดอยู่แล้วของยุนกิซีดลงจนน่าหวั่นใจ

    “โดนเรียกตัว...” จีมินพึมพำ ยุนกิจับมือของแทฮยองไว้แน่น

    “รีบไปสิเจ้าลูกหมา ก่อนที่ท่านจะไม่พอใจ”

    ปากบอกให้ไปแต่มือของยุนกิกลับไม่คลายออกเลยสักนิด แทฮยองสะบัดหัวไปมา

    “ต.. แต่... ผมไม่รู้ว่าจะทำอะไร.. ไปแล้วต้องทำยังไง?”

    “ฉันจะไปกับนายเอง” จีมินรีบพูด ร่างสมส่วนของเพื่อนสนิทแทฮยองเข้ามาคว้าแขนสีน้ำผึ้งไว้ข้างหนึ่งแต่ยุนกิกลับส่ายหัว

    “ไม่ได้ ถ้าไม่ได้รับสั่งจะไปไม่ได้ ก็รู้ไม่ใช่หรือไง?” ยุนกิมองใบหน้าหวานของเจ้าลูกหมาของเขาที่ตื่นกลัวขึ้นทุกที ต่างหูยาวสีทองร้อนจัดจนยุนกิที่ยืนอยู่ข้างๆยังสัมผัสได้ ดวงตากลมโตของแทฮยองคลอไปด้วยน้ำตา แล้วมิน ยุนกิก็กดจมูกลงข้างขมับใส ใช้ริมฝีปากจูบซับหยาดน้ำตาเบาๆ

    “ตั้งจิตแล้วไปหาท่านเสีย พอถึงแล้วกุมนี่ไว้” ยุนกิยัดหินสีดำก้อนหนึ่งใส่มือแทฮยอง “ฉันไม่นึกว่ามันจะเร็วขนาดนี้เลยไม่ได้ทำเป็นสร้อยไว้ให้ แต่ฉันมีหินแบบเดียวกันอยู่ตรงนี้” มือขาวจัดดึงเสื้อคอวีของตัวเองลงให้เห็นสร้อยคอที่มีจี้เป็นหินแบบเดียวกัน แทฮยองมองตามอย่างไม่เข้าใจ

    “ล.. แล้วมันทำอะไรได้?”

    “กุมมันไว้ ตั้งจิตคิดถึงฉัน มันจะทำให้ฉันรู้ว่านายอยู่ที่ไหน” ยุนกิว่า “แล้วฉันก็จะตามหานายจนเจอ เจ้าลูกหมาของฉัน”

    ตอนอายุสิบเก้าปี แทฮยองได้พบกับลูซิเฟอร์เป็นครั้งสุดท้ายก่อนที่จอมมารจะหายตัวไป

    คำสั่งของเขามันช่างง่ายดาย

    “ขึ้นไปบนสวรรค์เสีย วี” ลูซิเฟอร์กล่าวไว้ น้ำเสียงดูอ่อนแรงเพราะบาดแผลที่ได้รับจากอัครทูตสวรรค์มิคาเอล แต่รอยยิ้มและดวงตาของเขาส่องประกายพราวอย่างนึกสนุก

    “ขึ้นไปบนสวรรค์ และใช้ความงามของเธอทำให้พวกมันพินาศเสียให้หมด”

    “ผม... ไม่แน่ใจว่าจะทำได้..”

    การต่อรองกับจ้าวปีศาจไม่ใช่เรื่องที่สมควรทำ แต่แทฮยองก็เป็นที่โปรดปรานและอยู่ในภาวะสับสนมากพอที่จะเผลอหลุดพูดออกไป ลูซิเฟอร์หัวเราะร่วน

    “เธอไม่ต้องทำอะไรเลยวี ไม่ต้องเลย...”

    “...”

    “แค่ตัวของเธอที่เป็นแบบนี้ก็เพียงพอที่จะก่อความวิบัติกับสรวงสวรรค์แล้ว”

     

    “หมอนั่นอีกแล้ว ไม่คิดจะรามือเลยน้า ทูตสวรรค์ซอกจินเนี่ย” จีมินบ่นหงุงหงิงหลังจากที่คิม ซอกจินหายตัวไป คาดว่าคงจะขึ้นไปรายงานตัวบนสวรรค์ตามที่ได้รับเรียก “ไม่รู้หรือไงว่าผู้ชายที่ตามตอแยกันแบบนี้มันไม่เท่”

    แทฮยองยิ้มจางๆ แต่มันดูฝืดมากจนจีมินต้องถอนหายใจแรงๆอีก

    “อย่าทำหน้าแบบนั้นสิแทแท ฉันปวดใจนะเนี่ย” จีมินขยับออกจากที่กำลังพิงระเบียงดาดฟ้ามายืนอยู่ตรงหน้าแทฮยองแทน “เอ้า ไหนๆก็ไหนๆแล้ว เราไปเที่ยวในโลกมนุษย์กันไหมล่ะ? ไปเล่นกันดีกว่า หาอะไรสนุกๆทำแทนที่จะไปคิดถึงพวกชาวสวรรค์หน้าตึงพวกนั้นกัน”

    แทฮยองรีบส่ายหัว เรือนผมสีทองปลิวว่อน

    “ไว้วันหลังแล้วกัน วันนี้ฉันมีที่ๆต้องไป”

    “ที่ๆต้องไป?” จีมินทวน “ในโลกมนุษย์...? อ่า... จะไปหาเจ้าเด็กมนุษย์คนนั้นสินะ? น่าอิจฉาอะไรอย่างนี้ นายเอ็นดูเด็กคนนั้นมากเกินไปแล้วนะแทแท”

    “เขาน่ารัก” แทฮยองว่าแทนคำตอบ แล้วจีมินก็หัวเราะเหอะ

    “น่าลักไปฆ่าน่ะสิ ช่างเถอะ ถ้าแทแทอยากไปจริงๆเดี๋ยวฉันจะไปส่ง”

    “ฉันหาทางไปเองได้น่า”

    “อาหะ เหมือนเมื่อกี้ที่หาทางไปเองได้แล้วก็โดนคิม ซอกจินเจอตัวเข้าใช่ไหมล่ะ? ยังดีนะที่เป็นซอกจิน ถ้านายขืนเจอจอง โฮซอกหรือทูตสวรรค์ตนอื่นขึ้นมาจะทำยังไง? พวกนั้นไม่ปล่อยนายง่ายๆเหมือนซอกจินหรอกนะแทแท” จีมินเอ็ด แทฮยองยกมือขึ้นกอดอก

    “ฉันก็มีพลังมากพอที่จะสู้กลับนะ”

    “ใช่... และมันก็ทำให้ฉันสงสัยอยู่เหมือนกันว่าทำไมนายถึงไม่ใช้มันผลักซอกจินออก” รอยยิ้มของจีมินบิดเบี้ยวไป แทฮยองเบือนหน้าหนีแต่อีกฝ่ายกลับจับคางเขาบังคับให้หันกลับมามองหน้ากัน “เป็นห่วง? ไอ้ทูตสวรรค์ตนนี้นี่มันพิเศษเหลือเกินนะ ถึงได้ไม่ยอมให้แตะ ไม่ยอมให้เจ็บเลยแบบนี้”

    “...”

    “จี้ใจดำหรือไง? แทแทของฉัน?”

    “...ถ้ายอมให้ไปส่งจะเลิกพูดเรื่องนี้ไหม?”

    “ก็แค่นี้” จีมินยิ้มจนตาหยี มือป้อมนั่นยื่นตรงมาให้แทฮยอง “มาสิ บินไปกับฉัน”

    มือของจีมินอุ่น และปีกของเขาก็บินตรงจังหวะเดียวกันกับแทฮยองจนสามารถบินไปได้เคียงคู่กัน

     

    ลูซิเฟอร์พูดถูก แทฮยองไม่จำเป็นต้องทำอะไรเลย

    เสน่ห์ของวีมันช่างร้ายกาจนัก... ทันทีที่แทฮยองก้าวเท้าเข้าไปในเขตของสรวงสวรรค์เหล่าเทวดาน้อยใหญ่ก็พากันพ่ายแพ้ให้กับมนต์ของวี รอยยิ้มของเขาเป็นค่าตอบแทนล้ำค่า การสบตากันเป็นคำสั่งที่ทรงประสิทธิภาพ... มันเป็นอำนาจที่ทำให้แทฮยองเข้าใจในที่สุดว่าทำไมลูซิเฟอร์ถึงไม่เคยให้เขาออกจากวัง

    เรือนร่างของแทฮยองเป็นสิ่งที่เหล่าทูตสวรรค์ฝันหา ความหลงใหลมันทวีคูณขึ้นไปหลังจากที่ได้สัมผัสเพียงแค่ปลายนิ้วมือ... มันไม่นานเลยกว่าที่เหล่าทูตสวรรค์จะเริ่มชิงดีชิงเด่น พูดจาว่าร้ายกันเองเพียงเพราะต้องการคิม แทฮยอง

    ทุกอย่างมันเกิดขึ้นโดยที่แทฮยองแทบจะไม่ต้องทำอะไร

    ในตอนนั้น แทฮยองได้พบกับทูตสวรรค์คิม ซอกจินเป็นครั้งแรก

    “นี่นะหรือวี? คำสาปของลูซิเฟอร์ที่ทำให้สวรรค์ปั่นป่วนจนไม่เป็นการทำงาน? ปีศาจที่งดงามมากจนน่ากลัวว่าทูตสวรรค์จะหันคมดาบใส่กัน...” ชายตรงหน้ารำพึง เขาเป็นทูตสวรรค์ตัวสูงใหญ่ ไหล่ที่ถูกปกคลุมด้วยผ้าแพรสีงาเนื้อดีดูกว้างจนแทฮยองที่อ้อนแอ้นกว่านึกอิจฉา ใบหน้าหล่อเหลาลงตัวไปหมดจนไม่อยากจะละสายตา ริมฝีปากอิ่มคลี่ยิ้ม

    “อย่าว่าอย่างนั้นอย่างนี้เลยนะ แต่ฉันว่าฉันหล่อกว่า”

    คำพูดติดตลกของเขาทำให้แทฮยองกระพริบตาปริบ

    “ท่าน... ประหลาดคนจริง..”

    ทูตสวรรค์ตรงหน้าหัวเราะ

    “นายต่างหากที่ประหลาดคน เจ้าปีศาจตัวน้อย ถึงจะเป็นคำสาปของลูซิเฟอร์แต่ก็กล้านักที่จะขึ้นมาเพ่นพ่านบนสวรรค์ถึงหลายครั้งหลายครา มาปั่นหัวชาวสวรรค์ให้วุ่นวายแบบนี้ หากอัครทูตสวรรค์เอาจริง นายจะไม่ได้ตายดี”

    “ผมก็ไม่ได้ตายดีอยู่แล้ว ไม่อย่างนั้นผมจะมาเป็นปีศาจได้อย่างไร?”

    “นั่นสินะ เป็นเรื่องน่าฉงนใจนัก” ทูตสวรรค์ตรงหน้าเอียงคอมองเขา “เป็นปีศาจ เป็นผลผลิตของลูซิเฟอร์ แต่ฉันกลับสัมผัสได้ถึงความเป็นมนุษย์ ดวงจิตของนายมันคล้ายกับของมนุษย์มาก มากเสียจนสามารถเข้ามาเล่นในสวรรค์ได้โดยที่เหล่าทูตสวรรค์จับไอมนต์ของปีศาจในตัวนายไม่ได้ มันน่าแปลกใจจริงๆ”

    “ท่านคงจะคิดไปเอง หรือไม่พวกท่านก็คงมั่นใจในพลังของตัวเองมากจนเหลิง คงไม่ได้ฝึกฝนดีพอผมถึงเข้ามาได้ง่ายๆหลายคราแบบนี้”

    “ปากดี” อีกฝ่ายหัวเราะอีกครั้ง “ดวงจิตของนายยังเป็นของมนุษย์ นั่นเป็นเหตุผลเดียวที่เหล่าอัครทูตสวรรค์ยังไม่กำจัดตัวปัญหาอย่างนายทิ้ง รีบออกไปจากแดนสวรรค์เสีย แล้วฉันจะนึกว่าไม่เคยเจอนายมาก่อน”

    “ท่าน.. จะไล่ผมออกไปแค่นั้นเหรอ? ไม่คิดจะรั้งผมไว้ หรือไม่คิดจะอยากได้ร่างกายของผมเหมือนทูตตนอื่นๆหรือไง?” แทฮยองถามออกไปด้วยความฉงนใจ ไม่เคยมีสักครั้งที่เขาจะพบทูตสวรรค์ตนไหนที่ไม่สนใจในตัวเขาออกนอกหน้านอกตาแล้วยังไล่กันป่าวๆแบบนี้ ร่างสูงตรงหน้ายิ้ม

    “เพราะว่างดงาม ถึงได้อยากจะรักษาความสวยงามนี้ให้คงอยู่แบบนี้ตลอดไป”

    แทฮยองชะงัก มือใหญ่เอื้อมมาลูบหัวเขาเบาๆ

    “ออกไปเถอะ เจ้าปีศาจตัวน้อย แล้วอย่ากลับเข้ามาที่นี่อีก”

    “...ท่านเป็นใครกัน? ชื่อของท่านคืออะไร?”

    “ฉัน? ก็ทูตสวรรค์ธรรมดาอย่างที่เห็น ส่วนชื่อ...”

    “...”

    “..ชื่อของฉัน คือคิม ซอกจิน”

     

    แทฮยองกับจีมินบินมาถึงบ้านหลังเล็กหลังหนึ่งชายเมืองกรุงโซล จีมินเลือกที่จะบินลอยอยู่เหนือพื้นดินมากกว่าที่จะลงไปเหมือนแทฮยอง อย่างไรเสียเจ้าเด็กนั่นก็ไม่ได้คิดพิศวาสอยากให้เขาไปหามันอยู่แล้วมั้ง

    “จะกลับเมื่อไร?”

    ถามไปแล้วแทฮยองก็เหลือบมองท้องฟ้า พระอาทิตย์ยังอยู่สูง แสงแดดยังจ้า

    “ยุนกิบอกให้ถึงบ้านก่อนพระอาทิตย์ตก”

    “ก่อนพระอาทิตย์ตกสินะ” จีมินทวน “โอเค งั้นไว้ฉันจะกลับมารับ”

    “อื้อๆ” แทฮยองพยักหน้ารับ ขี้เกียจจะไปเถียงอะไรเพื่อนอีกเพราะอย่างไรเสียเขาก็คงเป็นฝ่ายแพ้อยู่ดี “ก็ได้ ฉันจะรอแล้วกัน”

    “ครับ” จีมินยิ้มให้อีกครั้ง มือหนาที่เต็มไปด้วยเครื่องประดับหนักๆจัดปอยผมของแทฮยองให้เข้าที่หลังจากที่ต้องบินผ่านลมมาจนยุ่งเหยิง “แล้วเจอกัน แทแทของฉัน”

    แล้วปาร์ค จีมินก็บินสูงออกไปจนกลายเป็นจุดเล็กๆสีดำบนท้องฟ้า แทฮยองมองตามไปสักพักก่อนที่จะร่อนลงสู่พื้นดิน ย่านที่อยู่ตรงนี้มันเงียบเชียบไปหมดเพราะเป็นแถบชานเมือง มีบ้านอยู่ห่างๆกันไม่กี่หลัง แทฮยองเดินเข้าไปกดกริ่ง

    “ครับๆ” เสียงนุ่มที่ขานรับจากข้างในทำให้เขายิ้มออก แล้วบานประตูก็เปิดเผยร่างสูงใหญ่ของชายหนุ่มในชุดเสื้อยืดตัวโคร่งสีขาวกับกางเกงยีนขาดๆ เด็กผู้ชายตรงหน้ายิ้มออกกว้างจนเห็นฟันกระต่ายสองซี่ข้างหน้า

    “แทแทฮยอง!

    แทฮยองหัวเราะเมื่อสองแขนแข็งแกร่งรวบตัวของเขาเข้ากอด

    “สวัสดี จองกุกอา...”

     

    แทฮยองไม่เคยตั้งใจให้มันเป็นแบบนี้

    เขาไม่เคยตั้งใจให้มันเป็นแบบนี้ เขาไม่เคยคิด ไม่เคยฝันว่าเรื่องแบบนี้จะเกิดขึ้น แต่ทูตสวรรค์ซอกจินช่างแตกต่างจากทูตสวรรค์ตนอื่นๆที่เขาเคยพบเจอนัก

    กับตนอื่นๆ... ถึงจะเป็นทูตสวรรค์ที่แสนดีน่าเคารพนับถือแค่ไหนก็ก็ไม่มีใครสามารถระงับชั่งใจต่อเสน่ห์ของวีไปได้ ทั้งด้วยการหว่านล้อมและกำลัง แทฮยองเคยสัมผัสถึงการแสดงออกถึงความต้องการเหล่านั้นมาแล้วทั้งนั้น

    แล้วเขาก็เคยปล่อยให้มันเป็นไปตามนั้น เพราะนั่นเป็นหน้าที่ของเขา เป็นคำสั่งเดียวที่ลูซิเฟอร์เคยลั่นไว้

    ใช่ความงามของตนเอง... ทำให้สวรรค์พินาศ

    ยิ่งได้สัมผัสก็ยิ่งลุ่มหลง ยิ่งลุ่มหลง ความรู้สึกหึงหวงก็ทวีคูณขึ้นจนทูตสวรรค์มากมายหลายตนหันคมดาบเข้าหากันเอง จากที่เป็นแค่การทะเลาะมีปากเสียงกันช่วงแรกๆ มันเหมือนว่าแทฮยองเป็นสารเสพติด ยิ่งได้รู้จักก็ยิ่งจะอยากต้องการขึ้นเรื่อยๆ อยากเก็บไว้เชยชม อยากจะครอบครองไว้คนเดียว ยิ่งหน้ามืดตามัวไม่รู้ถูกผิด

    สวรรค์กำลังเข้าสู่ความพินาศ... คำสาปของลูซิเฟอร์ที่เคยเป็นแค่เด็กผู้ชายหน้าสวยที่ไม่มีอัครทูตสวรรค์ตนไหนเห็นเป็นศัตรูจริงจังเริ่มที่จะแฝงความร้ายกาจออกมา

    และมันก็น่ากลัวเหลือเกิน

    ตอนที่เขาเจอกับทูตสวรรค์ซอกจินอีกครั้งเป็นเวลาตีหนึ่งของวันพุธวันหนึ่ง แทฮยองกำลังนั่งร้องไห้อยู่ในบ้านของเล่นกลางสนามเด็กเล่นแห่งหนึ่งในปูซาน เขาขดตัวเข้าหาตัวเองเป็นลูกบอล ใช้ปีกสีดำสนิททั้งสองข้างของตัวเองกอดตัวเองไว้อีกที

    ฟ้าฝ่าลงมาเสียงดังสนั่น มนุษย์กำลังเจอกับพายุครั้งใหญ่ และมันก็เป็นความผิดของแทฮยองทั้งนั้น

    เพราะสายฟ้าจะเกิดขึ้นเมื่อคมดาบของทูตสวรรค์กระทบกัน

    “...ฉันเตือนแล้วใช่ไหมตัวเล็ก?”

    ชื่อเรียกแปลกๆทำให้แทฮยองหันไปมองนอกหน้าต่างบ้านของเล่นเล็กๆ เห็นทูตสวรรค์ซอกจินกำลังนั่งอยู่ข้างนอกบ้านเด็กเล่นข้างๆกัน เรือนผมสีโรสโกลด์ยังดูโดดเด่นท่ามกลางความมืด

    “ผมไม่ได้ตังใจให้มันเป็นแบบนี้” แทฮยองสะอื้น “ผมไม่นึกว่าเรื่องมันจะใหญ่โตได้ขนาดนี้ ไม่เคยคิดเลย”

    “ปรบมือข้างเดียวมันไม่ดัง” ซอกจินเปรย “จะโทษนายคนเดียวก็ไม่ได้ ฝ่ายเราเองก็ผิดที่ลุ่มหลงจนไม่รู้ผิดชอบชั่วดี”

    “ผมขอโทษ.. ผมขอโทษจริงๆ”

    “ฉันรู้ตัวเล็ก มันดีที่นายขอโทษ และมันก็ดีที่นายรู้สึกผิด เพราะทีนี้ก่อนที่จะทำอะไรนายก็จะรอบคอบกว่าเดิม” ซอกจินว่า เขาวางคางลงบนขอบหน้าต่างพลาสติกสีอิฐ ข้างนอกบ้านของเล่นนี่ฝนตกซู่จนผมสีอ่อนของอีกฝ่ายเปียกลู่ไปกับใบหน้า แต่แทฮยองก็ยังคิดว่าซอกจินหล่อมากๆอยู่ดี

    “ผมควรจะทำยังไงดี?”

    ซอกจินเอียงศีรษะ รอยยิ้มจางๆผุดขึ้นที่มุมปาก

    “ไม่รู้สิ ใจของนายบอกว่าอะไรล่ะ?”

    เวลา 01:44 นาฬิกา ท่ามกลางสายฝนที่โปรยปรายและท้องฟ้าที่กรีดร้องสนั่น

    เขาไม่ได้ตังใจให้มันเป็นแบบนี้

    แต่แทฮยองคิดว่าเขากำลังตกหลุมรัก

     

    ปัจจุบันจอน จองกุกอายุสิบเก้าปี เป็นนักศึกษามหาวิทยาลัยปีสอง คณะแพทย์ศาสตร์

    ในวันปกติเขาจะอยู่ที่หอพักนักศึกษาที่ทางมหาวิทยาลัยจัดไว้ให้เพื่อความสะดวกสบายในการเดินทาง บ้านของเขาที่อยู่เลยชานเมืองไปหน่อยมันค่อนข้างจะไกลจากมหาวิทยาลัยมาก ถ้าจะเดินทางก็ต้องใช้เวลานานเกินกว่าที่เขาอยากจะทำทุกวันเพื่อที่จะไปให้ทันคาบแปดโมงเช้า เพราะอย่างนั้นวันจันทร์ถึงพฤหัสบดีจองกุกก็จะพักอยู่ที่หอกับเพื่อนร่วมห้องอย่างยูคยอม ส่วนคืนวันศุกร์ถึงอาทิตย์เขาก็จะกลับไปนอนที่บ้าน

    เพราะว่าต้องมาเฝ้า ต้องมาดูแลบ้านก็ส่วนหนึ่ง ส่วนอีกเรื่องก็เพราะจองกุกตั้งใจจะมารอนางฟ้าของเขา

    นางฟ้าที่ชื่อ คิม แทฮยอง

    จองกุกเคยเผลหลุดปากเรียกแทฮยองว่านางฟ้า คนตัวเล็กนั่นจะหัวเราะ แทฮยองจะส่ายหัวไปมาจนเส้นผมสีทองปลิวไหว

    “ฉันคือสิ่งที่ห่างไกลจากนางฟ้าที่สุดที่นายเคยเจอมาเลยนะ จองกุกอา”

    มันอาจจะเป็นอย่างนั้น แต่จองกุกก็ไม่สนใจ

    เพราะสุดท้ายแล้วคิม แทฮยองก็จะมากดกริ่งหน้าบ้านเขาพร้อมกับรอยยิ้มน้อยๆ แทฮยองจะหัวเราะจนปากกลายเป็นรูปสี่เหลี่ยมน่ารักเมื่อเขาดึงอีกฝ่ายเข้าไปกอด พอจองกุกเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นที่มหาวิทยาลัยแทฮยองก็จะตั้งใจฟังพร้อมกับดวงตาที่เป็นประกาย พอจองกุกบ่นอ้อนว่าเหนื่อย แทฮยองก็จะให้ยืมตักนอนหนุน

    ตักนุ่มๆของแทฮยอง มือเรียวที่เกลี่ยเล่นกับเส้นผมของเขา กลิ่นหอมอ่อนที่เป็นของแทฮยองเท่านั้น...

    แทฮยองอาจจะไม่ใช่นางฟ้า แต่เขาทำให้จองกุกรู้สึกเหมือนว่าตัวเองกำลังล่องลอยอยู่บนสวรรค์

    “วันนี้อยู่กินข้าวเย็นกับผมนะแทแทฮยอง” จองกุกอ้อนใส่พุงนุ่มนิ่ม แอบกดจมูกลงไปหน่อยให้เจ้าตัวรู้สึกจั๊กจี๋จนต้องดีดหน้าผากคนขอยืมตักไปที

    “ชักจะซุกมากไปและ”

    “นิดหน่อยก็ไม่ได้” เขาบ่นอุบ “นะแทแทฮยอง อยู่กินข้าวกับผมนะ”

    “ไม่ได้หรอก ยุนกิบอกว่าให้กลับก่อนพระอาทิตย์ตก”

    “ผมไม่ชอบยุนกิเลย” จองกุกพึมพำ ถึงจะรู้ว่ามันฟังดูเหมือนเด็กๆแต่พออยู่กับแทฮยองแล้วเขาก็สบายใจมากจนชอบเผลอพูดอะไรไม่คิดทุกที แทฮยองหัวเราะ มันเป็นเสียงทุ้มต่ำที่หวานหูประหลาด

    “ดี เพราะฉันเองก็มั่นใจว่ายุนกิเองก็ไม่ชอบขี้หน้านายเหมือนกันนั่นแหละจองกุกอา” แทฮยองว่ากลับ “ไม่เคยเจอหน้ากันแท้ๆ ไม่รู้ว่าฉันเล่าเรื่องพวกนายไม่ดีหรืออะไรถึงได้ไม่ชอบหน้ากันขึ้นมาเฉยๆ”

    “เพราะว่าเล่าดีเกินไปต่างหากล่ะ ถึงได้ไม่ชอบ” จองกุกว่า

    เพราะว่าเขาสำคัญ เพราะว่าเขาดีกับแทฮยองมาก จองกุกถึงได้รู้สึกอิจฉาผู้ชายที่ชื่อยุนกิคนนี้

    ถ้าหากว่าจองกุกจะสามารถสำคัญกับแทฮยองได้.. ถ้าหากว่าหัวใจของแทฮยองมีชื่อเขาสลักอยู่แม้จะเพียงนิดเดียว

    มันก็คงจะดี

     

    แทฮยองเคยตายมาแล้วรอบหนึ่งก่อนที่จะกลายเป็นปีศาจ

    การตายของเขามันทรมาน

    มันเป็นความรู้สึกที่เจ็บปวดที่สุดที่แทฮยองเคยพบเจอ ความทรงจำช่วงนั้นค่อนข้างเลือนราง แทฮยองอาจจะจำมันไม่ได้แม่นยำนัก แต่ความรู้สึกที่สัมผัสได้ในวันนั้นเขาไม่เคยลืมเลยจริงๆ

    การตายของเขามันทรมาน แต่ใครจะรู้ว่าการโดนคนที่รักหักหลังมันก็รู้สึกปวดร้าวทรมานไม่ต่างกัน

     

    “คนที่เรียกฉันมาคือนายเองเหรอ?” ซอกจินถามด้วยความฉงนใจทันทีที่เข้ามาในห้องประชุมสีขาวโพลน ผู้ชายตัวสูงในชุดสูทสีดำเรียบๆยิ้มทักทายเบาๆ ผมสีควันของเขาเสยไปข้างหลัง

    “มีภารกิจจากท่านมิคาเอล ฮยองนั่งรอก่อนสิ ภารกิจนี้ผมคิดว่าเราจะทำงานกันสามคน เดี๋ยวคนสุดท้ายก็คงจะมาแล้ว”

    “คนสุดท้าย? ใคร?” ซอกจินท้วงถาม เขานั่งลงตรงโต๊ะประชุมทางฝั่งขวาของชายคนแรกที่นั่งรออยู่ที่หัวโต๊ะอยู่แล้ว

    โฮซอก เขาเหมาะกับงานนี้อย่างไม่น่าเชื่อ” เสียงทุ้มต่ำฟังดูเซ็กซี่นั่นเปรยเหมือนกำลังพูดเรื่องดินฟ้าอากาศ “เช่นเดียวกันกับตัวฮยองเอง”

    “งานที่เหมาะกับฉันและโฮซอก?”

    ซอกจินรู้สึกงุนงงเป็นอย่างมาก เขากับทูตสวรรค์จอง โฮซอกถือว่ามีตำแหน่งที่ต่างกันโดยสิ้นเชิง เพราะในขณะที่ซอกจินมีหน้าที่ปกปักษ์รักษา โฮซอกกลับที่มีหน้าที่สู้รบฆ่าฟัน เป็นทูตสวรรค์ที่มีตำแหน่งขจัดกบฏและปีศาจโดยเฉพาะ พวกเขาไม่ค่อยได้ร่วมงานกันนัก และยิ่งถ้าเป็นภารกิจที่มีทูตสวรรค์ร่วมกันเพียงแค่สามคน ดูแล้วท่าจะเป็นภารกิจที่เป็นการเก็บความลับมิดชิด ภารกิจที่ส่งตรงมาจากท่านอัครทูตสวรรค์มิคาเอล...

    ใจไม่ดี... ซอกจินใจไม่ดีจริงๆ..

    “นี่มันเรื่องอะไรกันนัมจุน?” ซอกจินกดเสียงถาม คิม นัมจุนโคลงศีรษะ

    “คงบอกฮยองตอนนี้ไม่ได้ ต้องรอโฮซอกก่อนนะครับ”

    ซอกจินนั่งขบปากด้วยความรู้สึกไม่สบายใจ ประตูเปิดขึ้นอีกครั้งพร้อมกับร่างของทูตสวรรค์จอง โฮซอกที่เข้ามาพร้อมกับคันธนูและลูกศรสีทองที่พกติดตัวตลอดเวลา เมื่อกล่าวทักทายกันเรียบร้อยแล้วนัมจุนก็อธิบายภารกิจที่ได้รับมอบหมายมาให้ฟัง

     “สวรรค์วุ่นวายกับเรื่องของคำสาปของลูซิเฟอร์มามากพอแล้ว ท่านมิคาเอลจึงมอบหมายให้ผมจัดการเรื่องนี้ด้วยวิธีไหนก็ได้ให้มันหายไป...” นัมจุนเกริ่น “ทูตสวรรค์หลายตนยังจมปลักอยู่กับสิ่งที่พวกเขาคิดว่าเป็นความรักต่อวี ภารกิจนี้ผมเลยคิดว่าคนยิ่งเกี่ยวข้องน้อยก็น่าจะดี เราจะจัดการกับปัญหานี้อย่างเงียบที่สุดเท่าที่จะทำได้”

    “ทำยังไงก็ได้ให้มันหายไป...” โฮซอกรำพึง “เรียกตัวผมที่มีหน้าที่กำจัดปีศาจมาแบบนี้คงมีแผนจะให้ผมทำให้เจ้าปีศาจตนนั้นหายไปโดยถาวรเลยสินะ? แล้วหน้าที่ของซอกจินฮยองล่ะ?”

     “กับซอกจินฮยอง ผมอดไม่ได้ที่จะสังเกตว่าเจ้าปีศาจตนนั้นให้ความสนใจกับฮยองมากกว่าทูตสวรรค์ตนอื่นๆ เราอาจจะเอาเรื่องนี้มาใช้ได้ นั่นเป็นเหตุผลที่ผมอยากจะให้ฮยองทำหน้าที่นี้”

    ภารกิจของซอกจินช่างง่ายดายในการกระทำ แต่ยากเย็นในการบังคับให้ใจยอมรับ

    “หลอกล่อวีให้มาหาพวกผม แล้วโฮซอกจะเป็นคนแผลงศรปิดชีวิตมันตลอดไปเอง”


    Talk:

    เป็นพล๊อตที่เกิดขึ้นมาหลังจากดู Blood, Sweat & Tears ค่ะ ตอนแรกก็พยายามจะหาเหตุและผลโยงเรื่องราวทุกอย่างอยู่นะ แต่ไปๆมาๆกลายเป็นฟิคเฉย ก็งงตัวเองเหมือนกัน 

    ว่าไปแล้วเรื่องนี้ก็มาแบบงงๆค่ะ มาแบบที่พล๊อตมาแค่ครึ่งๆกลางๆ คนเขียนเองยังไม่รู้เลยว่ามันจะจบยังไง รู้แต่ว่าแทแทน่ารักมาก ในเอ็มวีมีความงามมาก คือก็ #ทีมวีเคะ ไง จัดไปค่ะ เธอคู่ควรกับพวกเขาทั้งหกคน /// สรุปแล้วใครเป็นพระเอกก็ยังไม่รู้ รู้แต่ว่าเขียนไปเขียนมามีฟีลลิ่งว่าพี่จินวินสุดค่ะเธอ แต่ก็ไม่รู้สินะ อย่างที่บอกค่ะ มันจบยังไงเราก็ยังไม่รู้ วีจะคู่กับใครก็ไม่รู้ มันจะมีตอนต่อไปจนจบหรือเปล่าก็ยังไม่รู้

    จริงๆตั้งใจจะ One shot นะ แต่ไปๆมาๆมันยาวกว่าที่คิดเยอะ มีดีเทลที่อยากพูดถึงเยอะ เลยกลายเป็นช็อทฟิคแล้วกัน... แทรกเข้ามาในฟิคบังทันฮอกวอตส์ดื้อๆมันแบบนี้แหละ 

    สรุปแล้วพูดมาทั้งหมดนี่คือจะมาบอกว่า อย่าคาดหวังอะไรมากนะคะทุกคน คนเขียนไม่รู้อะไรเลยสักอย่าง โถ่วว

    With Your Wings สามารถไปคุยกันได้ที่ #ฟิคคำสาปวี นะคะ ใครคิดพล๊อตต่อออกก็กรุณาด้วยค่ะ 555 อยากให้ใครเป็นพระเอกบอกได้ เพราะตอนนี้ยังไม่ได้วางตัวละครจริงๆ เป็นพวกใจอ่อนกับจองกุกค่ะ แต่ในเอ็มวีพี่จินวินมาก เสื้อนัมจุนโอปป้าก็แหวกดีเหลือเกิน พี่ก้าก็ดีกับใจ พี่โฮปก็ขอแนะนำให้กลับไปดูเทรลเลอร์ Boy meets evil ค่ะ ไม่อยากพูดอะไรมาก แต่อีกใจก็แบบ แพ้ความเพื่อนรัก 95z... 

    ฝากเรื่องนี้ด้วยนะคะ และขอขอบคุณทุกคนที่ติดตามและรอ #ฟิคบทฮวอย ด้วยค่ะ ขอบคุณมากๆนะคะ

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×