คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #13 : Chapter 10: ต้นเหตุคือวิคกี้
Mischief Managed
10
“นายเขียนจำนวนดวงจันทร์ของดาวเสาร์ผิด”
“อะ... อ่า จริงด้วยสินะครับ” เมื่อรุ่นพี่ต่างบ้านตัวขาวชี้มาให้ขนาดนี้แล้วจีมินก็รีบแก้งานทันที
มินยุนกิเหลือบมองข้ามกองหนังสือมา
“วันนี้ดูใจลอยนะ”
“มีเรื่องต้องคิดนิดหน่อยน่ะครับ
ขอโทษด้วยนะครับยุนกิฮยอง”
“เรื่องต้องคิดเหรอ?” ยุนกิมุ่นคิ้ว
“เรื่องอะไร? เรื่องของซอกจินหรือว่าเรื่องของแทฮยองล่ะ?”
“เอ๋? ท.. ทำไมถึง...”
“ทำไมถึงรู้? ฉันไม่ได้โง่นี่ ซอกจินกับนัมจุนมันก็เพื่อนฉัน สองคนนั้นมีอะไรกลุ้มใจฉันก็ต้องรู้สิ”
มินยุนกิตอบง่ายๆ
จีมินมองมือขาวๆที่กำลังพลิกหน้ากระดาษไปมาหาค่าแรงโน้มถ่วงของดาวเสาร์แล้วก็เพิ่งจะนึกขึ้นได้ว่า
มินยุนกิ คิมซอกจิน และคิมนัมจุนที่อยู่ชั้นปีเดียวกัน
เป็นทายาทตระกูลเลือกบริสุทธิ์เหมือนๆกัน และเป็นพรีเฟคประจำบ้านด้วยกันคงจะมีอะไรที่คล้ายคลึงกันและสนิทกันมากกว่าที่เขาคิด
“ถ้าเป็นเรื่องของซอกจินกับนัมจุนล่ะก็ไม่ต้องคิดมากขนาดนั้นหรอกมั้ง
กับสองคนนั้นน่ะ ไม่เห็นจะน่าเป็นห่วงเลยสักนิดเดียว” ยุนกิว่าด้วยน้ำเสียงเรื่อยๆ
จีมินขมวดคิ้ว
“ไม่น่าเป็นห่วง?
ทั้งๆที่ซอกจินฮยองกำลังจะถูกคลุมถุงชนแล้วเขาคงจะไม่มีวันอยู่กับนัมจุนฮยองได้แล้วเนี่ยนะครับ?”
น้ำเสียงของเด็กน้อยจากฮัฟเฟิลพัฟในสายตาของยุนกิแข็งกร้าวขึ้นแบบที่หาฟังได้ยาก
ยุนกิมองใบหน้ากลมที่มุ่ยลงแล้วกำลังมองมาอย่างไม่พอใจ
อ่า... เหมือนเจ้าชูก้า
หนูแกสบี้ตัวกลมๆอ้วนๆหน้าโง่ๆของยุนกิไม่ผิดเลยแหะ
ก็... น่าเอ็นดูจริงนะ?
“มันคงไม่มีวันนั้นหรอกสำหรับซอกจินกับนัมจุนน่ะ”
ยุนกิกดยิ้มจาง “เพราะเขารักกันมากกว่าที่ใครจะคาดการณ์ได้
ให้ตายยังไงก็คงไม่เกินแรงที่สองคนนั้นจะผ่านไปหรอกมั้ง”
เพราะเขารักกันมากกว่าที่ใครจะคาดการณ์...
จีมินนึกย้อนไปถึงรอยยิ้มเล็กๆระหว่างซอกจินฮยองกับนัมจุนฮยอง
คิดถึงหลังมือที่สัมผัสผ่านกันเบาๆเวลายืนข้างกัน
คิดถึงปลายนิ้วที่เกี่ยวกันไว้ใต้โต๊ะเวลาที่ฮยองทั้งสองคนคิดว่าไม่มีใครเห็น
มัน...
คงจะจริงอย่างที่ยุนกิว่านั่นแหละ
ซอกจินฮยองกับนัมจุนฮยอง
สองคนนั้นรักกันมากกว่าที่ใครจะรู้ ไม่ว่าจะมีอุปสรรคอะไรถ้ารักกันมากขนาดนั้น
พร้อมที่จะอยู่ข้างกันขนาดนั้นแล้ว
พออยู่ด้วยกันแล้วฮยองทั้งสองคนก็เข้มแข็งกว่าที่อะไรจะสามารถทำร้ายพวกเขาได้
การที่มีความรักแบบนั้น...
มันดีจังนะ
คิดไปดวงตาของจีมินก็เผลอเหลือบมองใบหน้าของรุ่นพี่ปีหกจากบ้านสลิธีรินที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้ามกันขึ้นมา
ยุนกิที่รู้สึกตัวว่ากำลังถูกมองเงยหน้าขึ้นจากกระดาษ
“อะไร?”
“ป.. เปล่าครับ แต่เอ๊ะ”
จีมินนึกถึงคำพูดของมินยุนกิก่อนหน้านี้ได้แล้วก็โคลงศีรษะด้วยความงุนงง
“ก่อนหน้านี้ที่ยุนกิฮยองถามผมว่าเรื่องของซอกจินฮยองหรือว่าเรื่องของแทฮยอง...
แทฮยองนี่มันมีเรื่องอะไรน่าเป็นห่วงด้วยอย่างนั้นเหรอครับ?”
ยุนกิมองหน้าจีมินราวกับกำลังพิจารณา
เขาหัวเราะหึ
“ทำหน้าเหมือนชูก้าขนาดนี้...
นี่นายไม่รู้เลยจริงๆเหรอ?”
“ช... ชูก้า??”
ชูก้านี่ไม่ใช่ชื่อสัตว์เลี้ยงพี่เขาเหรอวะ?
หรือว่าพี่เขากำลังบอกเป็นนัยๆว่าจีมินหน้าเหมือนน้ำตาล?
คือหวานเหมือนน้ำตาลใช่ไหม?
อุอิสิมึงงงงงง
“นี่ไง
ทำหน้าโง่ๆเหมือนชูก้าอีกแล้ว”
...ไม่ใช่ว่าหวาน
พี่แกด่าว่าหน้าจีมินดูโง่สินะ...
ช้ำใจไหมล่ะกู?
มินยุนกิส่ายหัว
มุมปากยกขึ้นหัวเราะเบาๆกับตัวเอง แล้วเขาก็ก้มหน้าทำงานต่อ
ไม่ได้สนใจปาร์คจีมินที่รีบร้องเสียงหลง
“อ๊ะ เดี๋ยวสิครับฮยอง! แล้วสรุปเรื่องของแทฮยองมันยังไงล่ะ!”
“หืมม์? ก็ไม่ใช่เรื่องอะไรไม่ดี
แต่เห็นนายหวงเด็กนั่นมากฉันเลยนึกว่ากำลังไม่สบายใจที่หมอนั่นโดนเต๊าะ
ยิ่งเพราะมีเรื่องของซอกจินกับนัมจุนขึ้นมาด้วย” ยุนกิไหวไหล่ จีมินยังมุ่นคิ้ว
“แทแทก็โดนเต๊าะตลอดนั่นแหละยุนกิฮยอง
ผมเองก็ไม่ใช่ว่าจะเก็บเรื่องของมันมาหมกมุ่นให้ได้ตลอดนะ...
จะว่าไปพอมีเรื่องของซอกจินฮยองกับนัมจุนฮยองก็เหมือนว่าแทแทจะกังวลขึ้นมาหน่อย
เรื่องสายเลือดน่ะ คงจะคิดมากว่าตัวเองเป็นพวกมักเกิ้ลบอร์นแล้วจะถูกสังคมตัดสินอะไรอย่างนี้ละมั้ง
เพราะเคสของซอกจินฮยองนี่คุณพ่อของฮยองก็ย้ำแล้วย้ำอีกว่าอยากจะคงสายเลือดบริสุทธิ์ของตระกูลเอาไว้
ต้องมีทายาทให้ได้อย่างนู้นอย่างนี้” จีมินถอนหายใจ “แต่คนที่มาเต๊าะแทแทที่เป็นพวกเลือดบริสุทธิ์แล้วอาจจะมีปัญหาแบบนี้ก็มีแค่ปาร์ค
โบกอมจากสลิธีรินนะ เพราะคิม มินแจเองก็เป็นคนเลือดผสมนี่นา....
แล้วแทแทก็ไม่ได้เหมือนจะชอบคนไหนเป็นพิเศษด้วย”
“อย่างนั้นเหรอ...”
ยุนกิกระตุกยิ้มขำ
คิดว่ามีแค่สองคนนั้นที่มาตามจีบเพื่อนตัวเองสินะเด็กคนนี้
แต่ส่วนตัวแล้วยุนกิว่า...
เหมือนจีมินจะนับขาดไปคนหนึ่งนะ?
ซวย
ซวยสนิท ซวยมากๆ ซวยมหาซวย
ซองแจทำวิคกี้ของไอ้แทหาย!!
เขาบอกกันว่าสัตว์เลี้ยงที่เป็นกึ่งๆสัตว์วิเศษแบบแมวบางชนิดหรือพวกนกฮูกของพ่อมดแม่มดจะฉลาดแสนรู้กว่าสัตว์ธรรมดาๆทั่วไป
ยิ่งกับพวกแมวที่ปกติแล้วก็ออกไปเดินเล่นหายไปนานๆแต่ก็ยังสามารถกลับบ้านเองได้แบบนี้มันก็ไม่ควรจะต้องห่วง...
แต่ไอ้วิคกี้ของไอ้แทเนี่ย
มันมีอุปนิสัยขี้อ้อนขี้อ่อยเหมือนเจ้าของมันนั่นแหละ ทั้งสัตว์เลี้ยงและเจ้าของแม่งไม่สามารถอยู่ห่างกันได้เกินครึ่งวัน
พอสายๆบ่ายๆปุ้ปไอ้แมวขี้อ่อยนั่นก็จะวิ่งพรวดมาคลอเคลียเจ้าของมัน
จะมีการกอดรัดฟัดเหวี่ยง ลูบหัวถูจมูกเกาหูเลียแก้มกันเกิดขึ้น
พอทั้งคนทั้งเจ้าของมันทำการชาร์ทแบตกับกันและกันเรียบร้อยแล้วไอ้แมววิคกี้ขี้อ่อยนั่นก็จะวิ่งหายไปตามทางของมัน
เหมือนกับไอ้แทเพื่อนซองแจที่จะทำกิจวัตรประจำวันของมันต่อไป
ตอนแรกก็น่ารักนะจริงๆ
แต่ไปๆมาๆเจอเข้าทุกวันแล้วมันแม่งประหลาดว่ะ
คือมันเรื่องบ้าอะไรที่ซองแจนั่งเล่นไพ่กับไอ้แทอยู่
แล้วทันใดนั่นก็มีสิ่งมีชีวิตขนฟูตัวขาวๆกระโจนใส่กลางวงจนกองไพ่บินว่อน
ไอ้แทวางไพ่ของมันลงแผ่แบบไม่สนใจว่าเขาจะเห็นหรือเปล่า
สองมือสีน้ำผึ้งรวบเอาวิคกี้เข้าแนบอก
ซุกๆฟัดๆกันไปประมาณห้านาทีแล้วแทฮยองก็ปล่อยวิคกี้ลง แมวขนฟูของมันวิ่งหายไป
ส่วนไอ้แทก็เก็บไพ่ขึ้นใหม่แล้วยิ้มให้ซองแจเหมือนเรื่องเมื่อกี้ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน
“แกแพ้แน่ซองแจ~”
แพ้พ่อง เมื่อกี้กูยังเห็นอยู่เลยว่ามึงมีไพ่แค่สาม
ห้า หก แล้วก็แจ็กเท่านั้นแหละ ถุ้ยยยยยยยย
แต่ก็นั่นแหละ
เจอแบบนี้เข้าไปมันก็โคตรจะประหลาดเลยใช่ไหมล่ะ? ซองแจและเพลียใจ
แต่เพราะแบบนั้นเขาเลยรู้ว่าวิคกี้จะมาหาไอ้แทเวลาประมาณนี้
แต่นี่แมวมันก็ยังไม่มา
แล้วก่อนหน้านี้คนที่เห็นแมวไอ้แทคนสุดท้ายก็คือเขา
เพราะประมาณครึ่งชั่วโมงก่อนหน้านี้แมวไอ้แทมันแหวะก้อนขนของตัวเองออกมา
ช่วงนี้ก็เหมือนจะผลัดขนหรืออะไรเนี่ยแหละ คือขนร่วงเต็มห้องนอนเลยไง
ซองแจที่ทนไม่ไหวเลยอุ้มเอาวิคกี้ออกไปทิ้งไว้ข้างนอก ก็ไม่ได้ทิ้งไว้ไกลมากนะ
แค่แถวๆทะเลสาบเองอะ
และหลังจากนั้นมาไอ้วิคกี้ขี้อ่อยก็หายไปเลย...
เรือหายสิคุณ
มีความซวยที่ยิ่งใหญ่มาก
ซองแจเลียริมฝีปาก
ทางด้านซ้ายของเขาแทฮยองที่เดินเข้ามาหาวิคกี้ในห้องนอนขมวดคิ้ว มันเอามือกอดอก
“วิคกี้หายไปไหนแล้วอะซองแจ?
เมื่อกี้ฉันขึ้นมาเอาเสื้อคลุมยังเห็นมันเลียขนตัวเองอยู่เลย”
“เอ่อ... ไม่รู้สิวะมึง ช่างเหอะ
มึงรีบลงไปเหอะ รายงานวิชาแปลงร่างมึงยังไม่เสร็จไม่ใช่เหรอ? ส่งพรุ่งนี้ด้วยนะ”
“แต่ปกติวิคกี้ต้องมาหาฉันเวลานี้สิ
ไม่ได้กอดน้องแล้วมันแปลกๆอะ”
คันไม่คันมืออยากกอดอะไรนักมากอดซองแจแทนไหมจ้ะ?
คริ
ไม่ขำสินะ โอเค ไม่เล่นก็ได้
“แมวมันก็ต้องมีสังคมของมันปะวะ
มันอาจจะวิ่งจับหนูอยู่ก็ได้มึง ออกกำลังกายอะ”
“ใช่เหรอวะ?
วิคกี้ของฉันนี่มันขยันขนาดนั้นเลยเหรอ?” แทฮยองยกมือขึ้นเกาหัวแกรก มันถอนหายใจ
“ฉันว่าฉันออกไปตามวิคกี้ดีกว่า ปกติวิคกี้ไม่มาหาฉันสายนี่นา”
“ด.. เดี๋ยวสิ แล้วรายงานล่ะวะ?”
“ไม่มีอารมณ์
แกอยากทำนักก็ทำให้หน่อยแล้วกันนะซองแจ ขอบใจ”
ยังมีหน้ามาตบไหล่กูปุๆ สัสแท
ถ้าไม่ติดว่ากูมีส่วนร่วมในการหายสาบสูญของแมวมึงนะ!
“วิคกี้! วิคกี้...”
แทฮยองเดินตามหาเจ้าแมวตัวนุ่มนิ่มของตัวเอง ก่อนหน้านี้เดินผ่านนาอึนกับเยรินจากกริฟฟินดอร์แล้วสองคนนั้นบอกว่าเหมือนจะเห็นแมวสีขาวอยู่แถวทะเลสาบของฮอกวอตส์
แทฮยองเลยมุ่งหน้าไปทางสนามหญ้าตรงทะเลสาบนั่นตามคำบอกเล่าของเพื่อนสาวต่างบ้าน
สองขาเรียวก้าวย้ำหญ้าชื้นๆ
“อะ.. วิคกี้!”
กลุ่มก้อนขนสีขาวคุ้นตาที่ผลุบโผล่ออกมาจากหลังต้นไม้ใหญ่ริมทะเลสาบทำให้แทฮยองร้องเรียกเสียงดัง
เขาวิ่งเข้าไป
ในขณะเดียวกันเจ้าวิคกี้แสนรู้ที่ได้ยินชื่อตัวเองก็เอี้ยวคอโผล่หัวเล็กๆของมันออกมา
“เหมี๊ยว~”
“ทำไมมาอยู่ตรงนี้ได้ล่ะเนี่ย
แล้วยังไม่กลับมาหากันอีก” แทฮยองบ่นอุบ ตอนแรกเห็นวิคกี้ที่ติดเขาอย่างกับอะไรดีไม่ยอมวิ่งเข้าอ้อนเหมือนทุกวันก็เป็นห่วง
นึกว่าจะเล่นซนแล้วไปติดอยู่ตรงไหนจนออกมาไม่ได้หรือว่าบาดเจ็บ ที่ไหนได้
นี่ก็ยังทำหน้าระรื่นร้องเหมี๊ยวๆอยู่ได้นี่นา
สองขาของแทฮยองค่อยๆชะลอความเร็วลง
พอถึงโคนต้นไม้ใหญ่นั่นแล้วเขาก็ชะงัก
“จ.. จอน จองกุก?”
จอน จองกุก
ซีกเกอร์กวนประสาทของกริฟฟินดอร์ กำลังนั่งพิงต้นไม้หันหลังให้แทฮยองอยู่พร้อมกับเกาหลังหูของวิคกี้ไปด้วยกระพริบตาปริบอย่างประหลาดใจ
บนตักหมอนั่นมีกระต่ายตัวเบ้อเริ่มที่ตัวใหญ่เกือบจะเท่าแมวของแทฮยองนั่งมองตาแป๋วอีกตัว
แทฮยองก้มลงมองมือที่ยังลูบหัววิคกี้อยู่ เจ้าแมวเหมี๊ยวร้องออกมาเบาๆ
แมวทรยศ
“หายไปเพราะมาอยู่กับจองกุกเนี่ยนะ?
ให้ตายสิ” แทฮยองบ่นอุบ
รู้สึกทั้งหวงทั้งน้อยใจไอ้แมวบ้านี่จนต้องก้มลงฉกวิคกี้ออกจากฝ่ามือของจองกุก
เลี้ยงมาตั้งห้าปี
กอดทุกวัน เกาหลังหู ลูบคาง แปรงขน... นี่วิคกี้ตอบแทนแทฮยองแบบนี้เหรอ?
ชิ
“แมวตัวนี้ของแทฮยองเหรอ?” จอน
จองกุกที่นั่งดูแทฮยองอุ้มแมวขนปุยขึ้นแนบอกถามขึ้นมา แทฮยองพยักหน้า
“อือ ชื่อวิคกี้...
แล้วกระต่ายตัวนั้นก็ของนายสินะ?”
“อ่า... ใช่ นี่โทนี่ สตาร์ก”
อ้อ... กระต่ายของจอน
จองกุกชื่อโทนี่ สตาร์กนั่นเอง...
....
.......
...เดี๋ยวก่อนนะมึง... ก... กูฟังผิดหรือเปล่า?
“ท.. โทนี่ สตาร์ก...
กระต่ายตัวนี้ชื่อโทนี่ สตาร์กเหรอ?” แทฮยองถามแบบที่ไม่รู้จะใช้น้ำเสียงอะไรถามดี
โทนี่ สตาร์กมันไม่ใช่ไอรอนแมนเหรอวะ? โรเบิร์ท ดาว์นนี่จูเนียร์ไม่ใช่เหรอ?
แล้วทำไม... ไอ้กระต่ายตัวเบ้อเร้อนี่ถึงได้ชื่อเหมือนไอรอนแมน...
กระต่ายของจอนจองกุกขยับจมูกฟุดฟิดน่าเอ็นดูเมื่อได้ยินชื่อตัวเอง
หูยาวๆของมันกระดิกดุ้กดิ้ก ตากลมแป๋วมองมาที่แทฮยอง
เกือบน่ารักแล้วล่ะ...
เกือบน่ารักแล้วถ้ามันไม่ได้ตัวเท่าลูกบาส!
กระต่ายบ้าอะไรของมันตัวใหญ่ขนาดนี้?
แล้วเมื่อกี้อย่าคิดนะว่าแทฮยองเห็นไอ้กระต่ายยักษ์นี้เอาหัวซุกๆพุงนิ่มๆของวิคกี้ที่นอนให้จองกุกเกาหูไม่รู้เรื่องน่ะ!
กระต่ายมึงลวนลามแมวกูวววววว
วิคกี้นี่ก็อีกตัว เป็นแมวซะเปล่า
กรงเล็บที่แม่ให้มานี่มันไม่มีประโยชน์เลยสินะ?
ป้องกันตัวเองจากการคุกคามไม่ได้เลยสักนิดเดียว...
“อืม นี่โทนี่ สตาร์ก”
จองกุกรับคำยืนยันว่าเออ ไอ้กระต่ายผีตัวนี้แหละ ชื่อเหมือนไอรอนแมนจริงๆ
“ดูท่ามันจะชอบแทฮยองนะ มองตามใหญ่เลย”
มือขาวของจองกุกลูบขนกระต่ายของตัวเองด้วยความเอ็นดู
ไอ้กระต่ายโทนี่ สตาร์กก็หันไปออดอ้อน ทำตาแป๋วๆกลมใสเป็นลูกแก้ว ดูไร้เดียงสา
เกือบจะน่ารักเช่นเคย
ถ้าไม่ติดว่าแทฮยองแอบเห็นมันเหลือบมองวิคกี้อยู่เรื่อยๆ
มึงจะติดใจอะไรแมวกูนักหนาห๊ะไอ้กระต่ายนักธุรกิจพันล้านนน
ตอบบบบ!
แทฮยองกำชับอ้อมกอดที่อุ้มวิคกี้ไว้
แม่งรู้สึกเหมือนแมวกำลังถูกคุกคามยังไงชอบกล
“ท.. ทำไมถึงตั้งชื่ออย่างนั้นล่ะ?
โทนี่ สตาร์กมัน...”
“มันคือไอรอนแมนใช่ไหมล่ะ?” จอน
จองกุกทวนกลับมากลั้วหัวเราะ รอยยิ้มของจอน จองกุกน่ามองจริงๆ
จากที่เป็นคนหน้าตาดีจัดอยู่แล้วพอยิ้มแบบนี้หมอนี่ก็น่ามองขึ้นมาอีกจนน่าหมั่นไส้
แทฮยองที่ไม่คิดว่าพวกเลือดบริสุทธิ์อย่างจอน
จองกุกจะรู้จักคาแรกเตอร์ฮีโร่จากโลกมักเกิ้ลแบบนี้กระพริบตาปริบ
“รู้จักด้วยเหรอ?”
“รู้จักสิ ฉันชอบไอรอนแมน”
จองกุกหัวเราะอีกครั้ง
เสียงหัวเราะของจอน
จองกุกจะว่าทุ้มต่ำก็ใช่ จะหวานแปลกๆก็ใช่อีกเหมือนกัน
แทฮยองรู้สึกฟูๆแปลกๆตรงกลางอกเวลาเห็นจอน
จองกุกหัวเราะแบบนี้ เขาตัดสินใจมองข้ามความรู้สึกที่ไม่เข้าใจนี่ออกไป
ดวงตาสีเข้มของจองกุกมองแทฮยองพร้อมกับมุมปากที่กระตุกขึ้นยิ้มนิดๆ
เขาเอานิ้วชี้แนบริมฝีปาก
“อย่าบอกใครล่ะ
แต่ความจริงแล้ว...” มือขาวจัดนั่นเลื่อนลงถกขากางเกงขึ้น แทฮยองเบิกตากว้างให้กับถุงเท้าสีแดงลายไอรอนแมนที่กำลังชูกำปั้นบินขึ้นน่านฟ้า
“..ค.. คึๆๆ”
“อย่าหัวเราะสิ!”
จองกุกรีบปิดขากางเกงลงเหมือนเดิม
ใบหูขึ้นสีแดงก่ำขึ้นมาเมื่อร่างบางตรงหน้ากลั้นขำไม่ไหวแล้วโน้มตัวหัวเราะจนตัวสั่น
แทฮยองยังหัวเราะคิกคัก
มันเป็นครั้งแรกที่แทฮยองได้รู้จักอีกด้านของจอน
จองกุกที่ไม่ใช่พ่อมดเลือดบริสุทธิ์
ไม่ใช่ซีกเกอร์ของทีมคู่แข่งที่เก่งเกินไปจนน่าหมั่นไส้
ไม่ใช่เด็กกริฟฟินดอร์อวดดี ไม่ใช่รุ่นน้องเสียงดังของแบคฮยอง
จอน
จองกุกที่ชอบซุปเปอร์ฮีโร่ของมักเกิ้ล คนที่มองเผินๆข้างนอกดูสมบูรณ์แบบไปด้วยเสื้อผ้าดีไซนเนอร์ราคาแพงสมกับฐานะลูกชายคนเดียวของตระกูลจอนแต่ก็ยังแอบใส่ถุงเท้าไอรอนแมน...
“...นายเนี่ย
น่ารักดีเหมือนกันนะจองกุก”
คิม
แทฮยองวาดยิ้มสดใสเป็นสี่เหลี่ยม
จองกุกคิดว่าถ้าจะอยู่ๆปลาหมึกยักษ์มันจะพุ่งพรวดออกมาจากทะเลสาบขึ้นมากินหัวเขาตอนนี้ก็ไม่เสียดายชีวิตแล้วล่ะ
กูฟินนนนนนน
“แล้วนายไปรู้จักไอรอนแมนมาได้ยังไง?”
หลังจากที่แทฮยองหัวเราะกับถุงเท้าจองกุกไปได้พักใหญ่จนหมดแรงต้องมานั่งพักอยู่ข้างกันนี่คนตัวเล็กของฮัฟเฟิลพัฟก็เป็นคนเอ่ยถามคำถามนั้นขึ้นมา
โทนี่ สตาร์กกระดิกหูไปมายุกยิก
ทำท่าว่าจะกระโดดลงจากตักของจองกุกไปหาเจ้าแมววิคกี้ที่ขดตัวอยู่บนตักของแทฮยองข้างๆกันร่อมร่อ
ใช่.. จองกุกรู้ว่าไอ้โทนี่
สตาร์กเนี่ยมันชอบไปนัวเนียวิคกี้ ยังไงเขาก็เจ้าของมันนี่นา กระต่ายของตัวเองทำตัวแปลกประหลาดยังไงเขาก็ต้องเห็นอยู่แล้ว
อยากไปหานักใช่ไหมล่ะ?
หมับ!
จองกุกเหยียดยิ้มพลางกระชับกระต่ายตัวโตในอุ้งมือ...
หึ.. แค่มือแทฮยองกูยังไม่ได้จับ
มึงคิดจะริอาจกระโดดไปตักเขาแล้วเหรอไอ้กระต่ายผี?
ฝันไปเหอะ!
จะว่าพาลก็ได้ แต่คนมันนกบ่อยอะ จะเก็บกดแล้วลงกับกระต่ายนี่มีปัญหาเหรอ?
จองกุกละสายตาจากลูกแก้วใสๆที่เริ่มจะวาววับเหมือนท้าทายของกระต่ายยักษ์ไปยิ้มให้แทฮยองที่ยังมองกลับมาตาแป๋ว
ฮือออ เขามองกู เขายิ้มให้กู เขานั่งข้างกู
ออมม่า จองกุกอยากได้คนนี้!!
“จองกุก? ว่าไง นายไปรู้จักไอรอนแมนได้ยังไง?”
จองกุกกระพริบตา
มองปากสีสวยที่ขยับไปมาแล้วก็รู้สึกคอแห้งขึ้นมายังไงไม่รู้
“อ่า... คุณป้า
พี่สาวของแม่ของฉันน่ะ คุณป้าท่านแต่งงานกับผู้ชายมักเกิ้ลคนหนึ่ง
ตอนเด็กๆคุณลุงกับคุณป้ามักจะมาหาฉันที่บ้านบ่อยๆ มาเล่นแล้วก็เอาของฝากมาให้
ตอนประมาณเก้าขวบคุณลุงพาฉันไปที่ที่มักเกิ้ลเรียกว่า “โรงหนัง”
ไปดูหนังไอรอนแมนภาคแรก...”
“แล้วก็ติดใจขึ้นมาอย่างนั้นสิ?”
แทฮยองถามเย้า รอยยิ้มสี่เหลี่ยมนั่นทำให้จองกุกยิ้มตามได้ไม่ยาก
“อื้อ
แล้วปีถัดไปคุณลุงก็ต้องย้ายไปทำงานที่อเมริกา คุณลุงกับคุณป้าย้ายออกจากเกาหลีไป
ตอนนี้ฉันก็ไม่ได้เจอพวกท่านเท่าไรแล้วล่ะ ถุงเท้านี่ก็...” จอน
จองกุกยกมือขึ้นเกาข้างแก้มแก้เก้อ “..ฝากแบมแบมซื้อมาให้”
“แบมแบม...” แทฮยองทวนขึ้นมา
รอยยิ้มน่ารักๆที่จองกุกชอบมองนักหนาจืดลงจนเขาต้องมุ่นคิ้วตามอย่างไม่ชอบใจนัก
“จริงสิ นายสนิทกับแบมแบมมากนี่นา ตอนหลังจากแข่งควิดดิชคราวนั้นก็เห็นกอดกันด้วย”
“อะ.. อันนั้น คือ...”
ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไมจองกุกถึงรู้สึกเหมือนจะต้องอธิบายตัวเองขึ้นมา
ทั้งๆที่มันก็ไม่ได้มีอะไรให้อธิบายสักนิด
ไอ้แบมมันมากอดเขาตอนไหนจองกุกยังจำไม่ได้ด้วยซ้ำ
แต่แทฮยองเหมือนจะไม่ได้ต้องการคำตอบจากเขา เจ้าตัวถึงได้เอ่ยปากถามต่อไปว่า
“แล้วหายหวัดแล้วเหรอ?”
“หายแล้ว ยาคราวนั้นขอบใจนะแทฮยอง”
“ไม่เป็นไร แค่เรื่องเล็กน้อยเอง”
แทฮยองบอกปัด “ความจริงฉันตกใจเหมือนกันนะที่นายรู้จักยาลดไข้ของมักเกิ้ลด้วย
นายนี่ก็รู้เรื่องพวกเราดีเหมือนกันเนอะ
ขนาดจีมินนี่เป็นลูกครึ่งมักเกิ้ลแท้ๆหมอนั่นยังไม่ค่อยจะรู้จักอะไรเท่าไรเลย”
พูดไปแล้วแทฮยองก็เหลือบมองจองกุกอย่างชั่งใจ
อ้าปากแล้วก็หุบมันลงเหมือนติดใจอย่างจะพูดอะไรสักอย่าง เขาเลิกคิ้วเป็นเชิงถาม
“...แล้วเรื่องของคุณลุงกับคุณป้าของนายนี่ไม่เป็นอะไรเหรอ?”
“หืมม์? หมายถึงอะไร?”
จองกุกโคลงศีรษะถามอย่างไม่เข้าใจ แทฮยองเม้มปาก
ลิ้นสีแดงจัดแลบออกมาเลียริมฝีปากตัวเอง
เชี่ย
จิตใจกูนี่ต่ำช้าอกุศลมากเลยตอนนี้
“ก็...
ฉันได้ยินมาว่าพ่อมดแม่มดเลือดบริสุทธิ์บางกลุ่มก็ถือเรื่องสายเลือดมาก
คุณป้าของนายก็เป็นแม่มดเลือดบริสุทธิ์ใช่ไหมล่ะ?
ถ้าแต่งงานกับมักเกิ้ลลูกที่เกิดมาก็จะเป็นเลือดผสม...”
แทฮยองลูบขนวิคกี้ไปมาเร็วขึ้นเหมือนไม่รู้จะเอามือไปวางไว้ตรงไหน
ดูประหม่าแต่ก็น่าเอ็นดูแปลกๆ จองกุกนึกขึ้นได้ว่าช่วงนี้ก็ยังมีเรื่องของคิม
ซอกจินอยู่
เรื่องที่ว่ารุ่นพี่หนุ่มจากบ้านฮัฟเฟิลพัฟจะต้องเข้าร่วมพิธีแต่งงานกับแม่มดเลือดบริสุทธิ์เพื่อสร้างทายาทที่ยังคงสายเลือดแบบเดียวกันไว้...
จากที่มองดูแล้วแทฮยองยังคิดมากเรื่องสายเลือดบ้าบอนี่อยู่อีกเหรอ?
“ก็แค่คนกลุ่มหนึ่งที่ยังยึดติดกับความคิดประหลาดๆเท่านั้นแหละ”
จองกุกขมวดคิ้ว “ที่บ้านฉันไม่ได้สนใจเรื่องสายเลือดของใครจะเป็นยังไง
สุดท้ายแล้วทุกคนก็คนเหมือนกันหมดไม่ใช่หรือไง? พ่อแม่ฉันไม่มีใครสนใจเรื่องนี้
ฉันเองก็ไม่ได้สนใจ”
แทฮยองกระพริบตาปริบ
เจ้าตัวเลียริมฝีปากอีกครั้ง
“ถ้าอย่างนั้น...
ถ้าจะต้องคบกับมักเกิ้ลหรือแต่งงานกับมักเกิ้ลนี่นายก็โอเคอย่างนั้นเหรอ?”
“ถ้ารักไปแล้วจะเป็นเสี้ยวมังกรครึ่งมนุษย์หมาป่าก็โอเคทั้งนั้นแหละ”
จองกุกว่า แหมะ ไม่อยากจะพูดว่าตอนนี้ก็กำลังเล็งคนที่เป็นมักเกิ้ลบอร์นอยู่
เล็งจนกูไม่รู้จะเล็งยังไงแล้วครับ
ถ้าคนสวยยอมล่ะก็จองกุกจะให้พ่อไปขอตอนนี้เลยด้วยเถอะ
แทฮยองหัวเราะ
“จองกุกต่างจากที่ฉันคิดไว้ตั้งเยอะ”
“ทำไม?
นี่แทฮยองคิดว่าฉันเป็นเหมือนพวกตาแก่หัวโบราณที่ชอบเหยียดเลือดชาวบ้านเหรอ?”
“ไม่ใช่นะ แต่ว่า.. จะยังไงดีล่ะ?”
แทฮยองยิ้มเขินๆ ดวงตาใสๆใต้แพขนตาหนากระพริบปริบๆ
“ฉันไม่ได้คิดว่านายจะยึดติดกับอะไรแบบนั้นหรอกนะ
ยังไงจองกุกก็สนิทกับแบมแบมแล้วก็แจ็กสันที่เป็นมักเกิ้ลบอร์นใช่ไหมล่ะ?
แล้วแบคฮยองก็ชอบจองกุกด้วย ฉันก็ว่าคงไม่ใช่คนไม่ดี แต่ว่า...”
“แต่ว่า?”
“ต.. ตอนปีสามน่ะ
ฉันเข้าร่วมทีมของฮัฟเฟิลพัฟเป็นครั้งแรก
ตอนนั้นนายอยู่ในทีมควิดดิชของกริฟฟินดอร์อยู่แล้วใช่ไหมล่ะ?
แล้วพอเราต้องแข่งกันครั้งแรกฉันบังเอิญได้ยินชานยอลฮยองคุยเรื่องทีมของฮัฟเฟิลพัฟกับนาย
พวกนายพูดถึงฉัน..”
จองกุกชะงัก
ไม่ค่อยแน่ใจนักว่าบทสนทนานี้จะเป็นไปทางไหนในเมื่อตัวเขาเองก็เหมือนจะจำเรื่องที่พูดกับชานยอลในตอนนั้นได้ลางๆ
แต่พอนึกๆดูแล้วมันก็ไม่ได้มีอะไรที่น่าจะทำให้แทฮยองคิดว่าเขารังเกียจพวกมักเกิ้ลหรือพ่อมดแม่มดมักเกิ้ลบอร์นนี่นา
“ชานยอลลี่ฮยองบอกว่าฉันเป็นซีกเกอร์คนใหม่ของฮัฟเฟิลพัฟ
เขาถามนายว่านายเคยเห็นฉันบินหรือเปล่า? นายคิดว่าฉันเก่งไหม?
แล้วจองกุกก็ตอบไปว่า ก็เร็วดีนี่ สำหรับพวกมักเกิ้ลบอร์น...”
“...”
“...”
“...”
“...”
“...นี่เล่าจบแล้ว?”
“อ.. อือ... ก็จบแล้วอะ..”
แทฮยองบอก รู้สึกเสียวสันหลังขึ้นมาประหลาดเมื่อดวงตาของจอน จองกุกวาววาบขึ้นมา
ตาคมหรี่ลงเล็กน้อยในแบบที่แทฮยองอ่านไม่ออก
“แปลว่าที่ฉันพูดไปหลังจากนั้นไม่ได้อยู่ฟังต่อจนจบหรือไง?”
“ก.. ก็... เปล่า...”
“นั่นสินะ
เพราะอย่างนั้นแทฮยองเลยไม่รู้ใช่ไหมว่าประโยคเต็มๆที่ฉันพูดกับชานยอลฮยองคือ ‘ก็เร็วดีนี่
สำหรับพวกมักเกิ้ลบอร์นที่ไม่ได้เล่นกับไม้กวาดสำหรับเด็กเหมือนพวกเรา
ไม่ได้ลองฝึกบินตอนเล็กๆ ไม่ได้ดูเกมควิดดิชมาตลอดเหมือนเรา
แทฮยองบินเร็วว่าคนที่ขี่ไม้กวาดมาทั้งชีวิตบางคนอีกนะ
ผมเองก็เสียวๆที่จะต้องแข่งกับเขาพรุ่งนี้เหมือนกัน’”
แทฮยองอ้าปากค้าง มือที่ลูบขนวิคกี้อยู่ชะงักค้างไปนานจนเจ้าแมวขนฟูร้องท้วง
กระต่ายยักษ์บนตักจองกุกที่ยังพยายามจะดิ้นออกเป็นช่วงๆหันไปมองเจ้าเหมี๊ยวด้วยความสนใจ
“อย่าบอกนะว่าที่บางทีก็ทำเหมือนไม่พอใจฉันนั่นเพราะเข้าใจผิดเรื่องที่ฉันบอกชานยอลฮยองไปเมื่อตอนปีสามตอนนั้น?”
“(. .)”
“ให้ตายเถอะ...” จอน
จองกุกถอนหายใจยาวๆ “ทำไมซื่อบื้อขนาดนี้วะคิม แทฮยอง?
มัวแต่คิดถึงไอ้ประโยคนั่นจนไม่เคยสังเกตุเลยหรือไงว่าฉันช.. เชี่ย!”
ฉันเชี่ย?
ยังไม่ทันจะพูดจบจองกุกก็ร้องสบถพร้อมกับสะบัดมือของตัวเองออกไปมา
ดวงตาคมตวัดมองไอ้กระต่ายผีโทนี่ สตาร์กของตัวเองที่เพิ่งจะกัดนิ้วเขาไปเมื่อกี้
แม่งกัดซะเลือดซิบแล้วยังมีหน้ามามองตาแป๋ว...
ไอ้กระต่ายบ้านั่นสะบัดหน้าออกไปพร้อมกระโดดลงจากตักจองกุกแล้วมุ่งหน้าตรงไปถูจมูกแฉะๆของมันกับขนฟูๆของวิคกี้ทันที
ไอ้กระต่ายผี!!
จองกุกก่นด่ามันในใจ
ละสายตาจากไอ้กระต่ายบ้าที่ยังคลอเคลียอยู่กับแมวมาดูแผลบนนิ้วกลางของตัวเอง
“เลือดออกเลย”
เสียงทุ้มหวานของแทฮยองดังลอดเข้ามา
อีกฝ่ายวางวิคกี้ลงกับพื้นหญ้าตั้งแต่เมื่อไรก็ไม่รู้
จองกุกมองแทฮยองขยับมานั่งข้างๆจนชิด มือเรียวสีน้ำผึ้งจับมือของจองกุกขึ้นดูพินิจ
เชี่ย...
นิ่มว่ะมึง... นิ่มมากๆ
เจ้ากระต่ายน้อย..
สมแล้วที่แกชื่อเหมือนพ่อจองกุก สมแล้วที่แกชื่อโทนี่ สตาร์ก แกทำดีมาก
พี่จองกุกรักแกนะจ้ะกระต่ายน้อย ปุอิ้ง
“ดีนะแผลไม่ลึกมาก”
แทฮยองพึมพำใส่แผลของจองกุก ลมหายใจอุ่นๆเบารดปลายนิ้วจนใจเต้น
แล้วแทฮยองก็ก้มลงดูดนิ้วจองกุก
แท. ฮยอง. เอา. นิ้ว. กู. เข้า.
ปาก. ตัว. เอง.
ฮืออออออออ ฆ่าจองกุกตรงนี้เลยเถอะ
จองกุกพร้อมแล้ว จะให้ตายมันตอนนี้ก็พร้อม!!
คิล! มี! นาวววว!!
“อ่าว จองกุก เป็นอะไร?
เมื่อกี้ทำเสียงแปลกๆ เจ็บแผลเหรอ?”
จอน จองกุกแม่งเป็นอะไรของมันวะ?
เมื่อกี้อยู่ๆก็ด่าว่าตัวเองเชี่ยหน้าตาเฉย แล้วนี่นอกจากจะทำเสียงฮือแปลกๆในลำคอแล้วยังกัดปากตัวเองจนแทฮยองล่ะกลัวว่าเลือดจะซิบ
นี่โดนกระต่ายกัดจนเป็นบ้าไปแล้วเหรอวะ?
TALK: ฟินไหมล่ะจกุก 5555555
กำไรกำลังไหลมาเทมา รีบกอบโกยนะคะจอน (-w-)
รีบลงก่อนเข้าคลาส ต้องไปเรียนแล้วค่ะ สุดท้ายนี้ขอบคุณทุกคนที่เข้ามาอ่านนะคะ ขอบคุณสำหรับคอมเม้นน่ารักๆทุกอันเลยยย
แล้วเจอกันใหม่นะคะ!
ความคิดเห็น