คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #11 : Chapter 08: เรื่องของคิม ซอกจิน
Mischief Managed
8
ถึงยองแจจะบอกให้แทฮยองคอยดูๆจีมินกับมินยุนกิก็เหอะ
แต่ในเมื่อสองคนนั้นไม่เคยคุยอะไรกันนอกจากตอนที่จีมินไปช่วยงานโปรเจ็คของมินยุนกิในหอคอยดูดาวนั่นแหละแทฮยองก็ไม่มีโอกาสจะจับผิดอะไรเหมือนกัน
ในทางกลับกันแล้วเรื่องน่าสงสัยที่เขาเห็นกลับเป็นเรื่องของรุ่นพี่ร่วมบ้านคนสนิทอย่างคิมซอกจินต่างหาก
ซองจดหมายเรียบๆสีขาวที่จ่าหน้าซองถึงซอกจินฮยองถูกคั่นทิ้งไว้ในหนังสือที่แทฮยองไปขอยืมซอกจินมาอ่าน
แทฮยองหยิบมันออกมาพลิกดู
จากที่จ่าหน้าซองมันเขียนไว้ว่ามาจากคิมจุนซอก... คุณพ่อของซอกจินฮยองนี่นา แทฮยองนึกขึ้นมาได้ มันแปลกจริงๆนั่นแหละ
เพราะเป็นจดหมายจากที่บ้านแท้ๆแต่ซอกจินฮยองกลับยังไม่ได้แกะมันออกดูเลย
หรือว่าจะลืม?
แทฮยองคิดแบบนั้นเลยเดินลงไปที่ห้องนั่งเล่นรวมของฮัฟเฟิลพัฟ
เขายื่นซองจดหมายนั่นให้ซอกจินฮยองที่กำลังเล่นหมากรุกเวทมนตร์อยู่กับอี้ชิงฮยอง
“ฮยอง
แทแทเจอจดหมายของฮยองอยู่ในหนังสือที่ยืมไปอะ”
ซอกจินมองจดหมายในมือของแทฮยองด้วยสายตาที่เขาอ่านไม่ออก
ใบหน้าเกลี้ยงเกลาที่ทั้งสวยงามนั่นเงยขึ้นพร้อมกับรอยยิ้มอ่อนโยนเหมือนทุกที
ซอกจินหยิบจดหมายออกจากมือของแทฮยอง
“ขอบใจนะแทแทอา”
“ครับ...”
ซอกจินวางจดหมายไว้บนโต๊ะข้างกระดานหมากรุก
เขาออกคำสั่งขยับหมากเดินและกลับเข้าไปเล่นเกมต่อโดยที่ไม่แกะซองจดหมายนั่นออก
แทฮยองมองซอกจินเล่นหมากรุกเวทมนตร์จนจบ
เขามองฮยองคนโปรดของตัวเองหัวเราะกับอี้ชิงฮยองและเคนฮยองที่เข้ามาเชียร์ช่วงท้ายๆเกม
มองซอกจินฮยองหยิบจดหมายนั่นขึ้นห้องไปโดยที่ยังไม่แกะออกอ่านเหมือนเดิม
มันแปลก
เพราะแทฮยองจำได้ว่าที่ผ่านๆมาซอกจินฮยองตั้งหน้าตั้งตารอจดหมายจากที่บ้านเสมอ
เขาแกะมันออกอ่านแล้วมักจะอวดมุขแป้กๆที่พ่อของตัวเองเป็นคนเขียนแทรกมาให้ฟังตลอด
ตอนนั้นแทฮยองคิดว่าบางทีซอกจินฮยองอาจจะทะเลาะกับที่บ้าน
หรือไม่ก็อาจจะมีอะไรที่ทำให้เขาไม่อยากจะแกะจดหมายนั่นออกอ่านต่อหน้าทุกคน
แต่พอแทฮยองตื่นมากลางดึกแล้วลงมาที่ห้องนั่งเล่นเพราะเขานอนต่อไม่หลับ
แทฮยองเห็นซอกจินฮยองร้องไห้
แทฮยองใช้คำว่าเห็น
เพราะซอกจินฮยองร้องไห้ออกมาแบบไม่มีเสียง เขาแค่ใช้มือปาดน้ำตาออก
แทฮยองเห็นไหล่กว้างที่สั่นเทา เห็นปลายจมูกที่ขึ้นสีแดงๆ
เห็นจดหมายฉบับเดิมที่ถูกฉีกออกและปาทิ้งใส่ลงไปในเตาผิง
คืออย่างนี้นะคุณๆ
คือแทฮยองเป็นคนเก็บความลับได้ค่อนข้างดีเลยนะ
ไม่ใช่คนปากโป้งด้วย แต่พอแม่งเห็นซอกจินฮยองร้องไห้แล้วมันก็แบบ...
ฮืออออออ ซอกจินฮยอง ฮรึกส์
ออมม่าร้องไห้ทำมายยย TTOTT
แทแทอาไม่อยากให้ออมม่าร้องไห้อะ!!
มันเป็นฟีลลิ่งประมาณนั้น...
แล้วเวลาออมม่าร้องไห้ลูกชายที่รักยิ่งของออมม่าจะทำยังไงล่ะคุณ?
ก็ฟ้องอัปป้าสิจ้ะ จะรออะไร?
คิมแทฮยองไปฉุดนัมจุนฮยอง รุ่นพี่ปีหกจากบ้านเรเวนคลอเจ้าของตำแหน่งอัปป้าที่แทฮยองกับจีมินรวมหัวกันแต่งตั้งอย่างลับๆตอนตีสองครึ่งของคืนวันเสาร์วันหนึ่งตอนอยู่ปีสอง
ทันทีที่ร่างสูงๆนั่นเดินออกมาจากห้องอาหาร
นัมจุนมองแทฮยองอย่างไม่เข้าใจแต่ก็ถามอะไรไม่ทันเพราะอยู่ๆเจ้าเด็กนี่ก็อ้าปากพล่ามออกมาน้ำไหลไฟดับ
พอแทฮยองเล่าเรื่องทั้งหมดที่เห็นออกมานัมจุนที่ฟังเงียบๆมาตลอดก็ลูบหัวเขาเบาๆ
“ขอบใจนะแทแท”
“แล้วอัป.. เอ้ย
แล้วนัมจุนฮยองจะทำยังไงอะ? นัมจุนฮยองรู้หรือเปล่าว่าซอกจินฮยองร้องไห้ทำไม?”
แทฮยองถามต่อ นัมจุนยิ้มจางๆแล้วพยักหน้า
“พอจะเดาได้
ไม่ต้องห่วงหรอกนะแทแทอา เดี๋ยวฉันดูจินให้”
“โอเคครับ...”
แทฮยองรับคำอย่างว่าง่าย ถึงจะอยากรู้แต่แทฮยองก็รู้จักนัมจุนกับซอกจินดีพอที่จะรู้ว่าถ้าไม่ใช่เรื่องที่ต้องการให้รู้แล้วล่ะก็สองคนนี้ก็ไม่มีวันจะปริปากบอกหรอก
“แทแทฝากด้วยนะนัมจุนฮยอง”
จะบอกว่าซอกจินไม่ได้คาดการณ์ไว้ว่านัมจุนจะมาทักถึงเรื่องเมื่อคืนก็คงจะเป็นการโกหก
ในคาบเรียนวิชาการแปลงกายที่ฮัฟเฟิลพัฟร่วมเรียนกับเรเวนคลอมีนกกระดาษที่ถูกใครสักคนพับมาและร่ายด้วยเวทมนตร์กระพือปีกเบี้ยวๆของมันมาที่โต๊ะของซอกจินอย่างทุลักทุเล
ซอกจินมองปราดเดียวแล้วก็ยิ้มขำ นัมจุนล่ะไม่เคยจะพับเก็บมุมได้เรียบร้อยเลยสักที
ซอกจินหยิบมันมาดูใกล้ๆ
พอเจ้านกกระโดดเข้ามาอยู่ในอุ้งมือของเขาแล้วมันก็คลายตัวออกแล้วคลี่ออกกลับเป็นกระดาษยับๆอย่างรวดเร็ว
มีเพียงตัวหมึกสีดำเพียงแค่บรรทัดเดียวบนนั้น
‘คืนนี้เจอกันหน่อยนะ’
-
RM
ถึงจะไม่ได้บอกว่าเจอกันที่ไหนเพราะอะไรแต่แค่นั้นซอกจินก็เข้าใจ
ซอกจินเป็นเวรเดินตรวจคืนนั้นอยู่แล้ว
การที่เขาจะออกมาเพ่นพ่านตอนกลางคืนเลยไม่ใช่เรื่องผิดสังเกตอะไร
ซอกจินจะห่วงก็แต่นัมจุนที่ไม่ได้เป็นเวนคืนนี้นั่นแหละ
ถ้าหากว่าพรีเฟคคนอื่นๆที่เดินตรวจเหมือนกันเห็นเขาหมอนั่นก็อาจจะโดนทำโทษก็ได้
เขาถอนหายใจออกมาอย่างโล่งใจเมื่อเห็นนัมจุนกำลังนั่งกินพุดดิ้งอยู่หน้าเคาเตอร์ทำครัว
“อ่าวจิน มาแล้วเหรอ?”
ยังจะมีหน้ามาถาม
ไม่ได้รู้เลยว่าใครเขาเป็นห่วง
ซอกจินเดินเข้าไปใกล้ๆ
เขานั่งลงบนเก้าอี้ไม้ข้างๆกับนัมจุน
มีเอลฟ์ประจำบ้านตนหนึ่งวางถาดขนมให้ตรงหน้าอย่างรู้งาน
“ทำไมไม่นัดมาวันที่เป็นเวรกันทั้งคู่ล่ะ?
หอคอยของเรเวนคลอก็ไกลจากที่นี่ ถ้าคนเห็นเดี๋ยวก็ยุ่งหรอก”
นัมจุนไหวไหล่
“ก็อยากเจอเร็วๆ
จินเป็นยังไงบ้างล่ะ?”
ซอกจินกลอกตา
เขาตักพุดดิ้งไข่ที่ราดด้วยคาราเมลสีเข้มเข้าปาก
“ก็เห็นอยู่ทุกวัน สบายดีนั่นแหละ”
“งั้นก็ดีแล้ว” นัมจุนนั่งชิดกับเขามากเหลือเกิน
ทั้งหัวไหล่ที่ชนกันหน่อยๆทุกครั้งที่นัมจุนตักขนมหวานและไออุ่นที่แผ่มาจนสามารถรับรู้ได้แบบนี้...
“ฉันอยู่ข้างจินเสมอ จินคงจะรู้ใช่ไหม?”
“อื้อ” ซอกจินครางรับเบาๆในลำคอ
ทั้งๆที่นัมจุนไม่ได้พูดอะไรมากมายแต่พออยู่ในสภาวะที่อ่อนไหวง่ายเพราะเรื่องที่กำลังรุมเร้าแบบนี้ซอกจินก็รู้สึกถึงก้อนแปลกๆที่กำลังจุกอยู่ที่คอ
ขอบตามันชักจะร้อนผ่าว
“รู้แล้วน่า...”
นัมจุนดันศีรษะของซอกจินให้เขาเอียงมาซบที่หัวไหล่แกร่ง พรีเฟคของเรเวนคลอก้มลงกดจูบลงตรงขมับ ซอกจินรู้สึกว่าขอบตามันร้อนขึ้นมาอีกเมื่อปลายจมูกของเขาซุกอยู่แนบเสื้อถักเนื้อนิ่มของอีกฝ่ายแบบนี้ กลิ่นเฉพาะของนัมจุนที่คล้ายกับวะนิลลา... ความหวานประหลาดที่ดูแล้วไม่เข้ากับคิมนัมจุนที่ตัวสูงใหญ่และฉลาดเป็นกรดแบบนี้เท่าไรแต่ก็ทำให้หัวใจของซอกจินอ่อนยวบ
“ถ้าเป็นจิน
ไม่ว่าจินจะเลือกทำอะไรฉันก็จะอยู่กับจินนะ”
“รู้แล้ว...”
“งั้นก็อย่าร้องไห้สิ ไม่ว่าจินจะเลือกทางไหนจินก็จะมีฉัน
ฉันจะอยู่กับจิน จะอยู่ข้างๆจินตลอดไป”
“..ฮึก... ก.. ก็บอกว่ารู้แล้วไง”
เปลือกตามันร้อนไปหมด ซอกจินหลับตาแล้วปล่อยให้ตัวเองจมไปกับนัมจุน
ปล่อยให้ตัวเองฟังแต่เสียงของนัมจุน สัมผัสได้แต่นัมจุน
มองเห็นแต่เสื้อสีอ่อนที่เป็นนัมจุน “ฉ.. ฉันไม่ยะ.. อยากทำตามที่พ่อสั่ง
ฮึก.. ฉันอยากอยู่กับนาย อยากอยู่กับนัมจุน...”
“แล้วฉันก็บอกแล้วไงว่าไม่ว่าจะยังไงจินก็จะอยู่กับฉัน
จินจะมีฉันเสมอ” ริมฝีปากอุ่นๆนั่นกดลงไปที่หน้าฝากบ้าง “ยังไงเราก็จะอยู่ด้วยกัน
แล้วยังจะกังวลอะไรอีก?”
“จะไม่ให้กังวลได้ยังไงเล่าไอ้บ้า!”
ซอกจินตวาดขึ้นมา
เขายกหัวออกจากไหล่นัมจุนแล้วผลักอีกฝ่ายออกเบาๆจนเก้าอี้ของนัมจุนเซ
“ทั้งๆที่ฉันอยากจะรักนัมจุนคนเดียว ฮึก.. อยากจะเป็นข.. ของไอ้บ้าแบบนายคนเดียว
ฮึก.. แท้ๆ นี่นายโอเคที่จะใช้ฉันร่วมกับคนอื่นหรือไง?!”
ยิ่งตะโกนน้ำตาก็ยิ่งไหล
ซอกจินหอบหายใจเพราะนอกจากจะหายใจติดขัดจากที่ร้องไห้อยู่แล้วยังต้องตะโกนเมื่อกี้
นัมจุนไม่ได้ว่าอะไร
เขาเพียงแค่ขยับเข้ามาใกล้แล้วกอดซอกจินไว้เหมือนว่าตัวเองไม่ได้โดนผลักออกเมื่อกี้
“ไม่มีใครโอเคกับการที่จะต้องแชร์คนที่รักที่สุดหรอกนะซอกจิน
ฉันไม่โอเค
แต่ถ้ามันต้องเลือกระหว่างการที่จะยังรักจินได้ถึงแม้จะต้องแชร์กับคนอื่นกับการที่จะไม่ได้เจอกันอีก
จะให้ตายยังไงฉันก็ต้องเลือกจิน นี่ยังไม่เข้าใจอีกเหรอ?” นัมจุนกระซิบเบาๆ
ถึงกอดของนัมจุนจะอ่อนโยนแต่น้ำเสียงกลับเรียบสนิทจนซอกจินไม่กล้าพูดอะไรขัด
“ฉันรักจินมากขนาดนี้
รักมากจนไม่แคร์ว่าตัวเองจะต้องอยู่ในฐานะอะไร
ถ้าแค่มีจินอยู่ข้างๆฉันก็ยอมทุกอย่างขนาดนี้ ห้ามพูดเหมือนว่าฉันไม่รักจินอีก
เข้าใจหรือเปล่า?”
“ฮึก.. เข้าใจ.. เข้าใจแล้ว ต..
แต่ว่า มันไม่แฟร์เลย...”
“ฉันรู้”
“ฉันรักนัมจุน เรารักกันแท้ๆ ทำไมต้องเป็นแบบนี้ด้วย?”
“ฉันรู้ ฉันรู้”
นัมจุนฮัมเบาๆข้างหูแล้วลูบหลังซอกจินไปมาเหมือนกำลังปลอบเด็กน้อยที่กำลังร้องไห้
“โลกใบนี้มันไม่แฟร์หรอกนะซอกจิน เราแค่ต้องใช้ชีวิตให้ดีที่สุดก็เท่านั้น”
“...โลกใบนี้...?”
“..?”
“โลกใบนี้... ถะ ถ้าโลกใบนี้มันไม่แฟร์...
เราจะรักกันได้ที่โลกใบอื่นหรือเปล่านะ?”
นัมจุนหัวเราะ
เขากดปลายจมูกลงข้างขอบตาจูบซับน้ำตาที่เริ่มจะแห้งของอีกฝ่าย
“นั่นสินะ ฉันเองก็ไม่รู้เหมือนกัน
แต่ไม่ว่าจินจะเลือกอะไร จะหนีไปที่โลกไหน” มือขอบนัมจุนประสานเข้ากับของซอกจิน
“ฉันก็จะหนีตามไปกับจินเอง”
ไม่ว่าจะยังไง
นัมจุนก็ยังรู้จักซอกจินดีที่สุด
ยังอ่านความคิดของซอกจินได้ราวกับเป็นคนคนเดียวกัน
ถ้าอยู่ในโลกเวทมนตร์มันยากที่เราจะรักกันนัก
ถ้าซอกจินอยากจะหนีตามกันไปที่โลกของมักเกิ้ลแบบนี้ นัมจุนก็จะไปกับซอกจินเอง
“แต่งงาน? คิม ซอกจินน่ะเหรอ?” แบมแบมทวนเสียงหลง
“เชี่ย แล้วคิมนัมจุนจากเรเวนคลอล่ะวะ?”
“เออ
พวกโอปป้าเขาไม่ได้มีซัมติงกันเหรอ?” นาอึนร้องถามงงๆบ้าง
“จะไปรู้เขาไหมล่ะ?”
จองกุกที่นั่งอ่านจดหมายจากแม่อยู่ถามกลับ
แบมแบมที่ชอบเอาหัวมาคลอเคลียแถวหัวไหล่เมื่อกี้ดีดตัวนั่งตรงเผงแล้วจับมือลากนาอึนที่กำลังทำการบ้านมาคาดคั้นเป็นเพื่อนทันที
ไม่ใช่แค่สองคนนั้น
แต่กลุ่มของจองกุกที่กำลังอยู่ในห้องนั่งเล่นจองกริฟฟินดอร์ทุกคนก็ให้ความสนใจกับเรื่องที่เขาได้ยินมาจากคุณแม่เช่นกัน
“ความจริงมันก็ไม่ใช่เรื่องแปลกมากนักหรอกนะ”
ปาร์ค ชานยอลที่เป็นพวกเลือดผสมและมีแม่เป็นแม่มดสายเลือดบริสุทธิ์เลยพอจะรู้เรื่องขนบธรรมเนียมพวกนี้อยู่บ้างพูดขึ้น
“ซอกจินมาจากตระกูลพ่อมดเก่าแก่พอๆกับของไอ้จองกุกเลยนี่
มีหลายตระกูลเก่าๆแบบนี้ที่ไม่อยากให้ชื่อของตระกูลหายไปและอยากจะคงความบริสุทธิ์ของสายเลือดเอาไว้
ความจริงฉันก็เดาไว้แล้วว่ามันอาจจะเกิดอะไรแบบนี้ขึ้น
การที่ทายาทของตระกูลสายเลือดบริสุทธิ์อย่างซอกจินจะถูกจับคลุมถุงชนให้แต่งงานกับแม่มดเลือดบริสุทธิ์เหมือนกันแล้วให้กำเนิดทายาทสืบตระกูลมันก็ไม่แปลกตรงไหน”
“แต่นี่มันยุคสมัยไหนแล้วหรือเปล่า?”
จองกุกขมวดคิ้ว “ยังมีคนที่เอาเรื่องแบบนี้มากำหนดชีวิตตัวเองอีกเหรอ?
จะเลือดอะไรมันก็มีเวทมนตร์ทั้งนั้นหรือเปล่าวะฮยอง?
แล้วทุกวันนี้พวกเลือดบริสุทธิ์มันก็เหลือน้อยเต็มที ไม่ช้าก็เร็วก็หมดคู่แต่งงาน
เดี๋ยวแม่งก็หายไปอยู่ดีนั่นแหละ”
ตัวอย่างง่ายๆเลยก็ที่เห็นๆนั่งกันอยู่ในห้องนั่งเล่นเนี่ยแหละ
จากจำนวนคนเก้าคนที่นั่งกันหน้าสลอนอยู่นี่ก็มีจองกุกเพียงแค่คนเดียวที่มีสายเลือดบริสุทธิ์
นาอึน ชานยอล โฮซอก และเยรินเป็นคนเลือดผสม
คือมีพ่อแม่ฝ่ายหนึ่งเป็นมักเกิ้ลในขณะที่อีกฝ่ายเป็นพ่อมดหรือแม่มด ส่วนแบมแบม
แจ็กสัน และแบคฮยอนก็เป็นคนที่กำเนิดจากมักเกิ้ลล้วนๆ
ทุกวันนี้จำนวนของคนที่มีสายเลือดบริสุทธิ์มันก็น้อยจะแย่ แต่งกันไปเองไปๆมาๆเดี๋ยวแม่งก็คงเกี่ยวดองกันเป็นครอบครัวมหึมาครอบครัวหนึ่งเลยมั้ง
“ช่วยไม่ได้นี่นะ
มันก็คงจะมีผู้ใหญ่หัวโบราณอยู่บ้างนั่นแหละ” โฮซอกพูดบ้าง
“แล้วในจดหมายแม่แกบอกหรือเปล่าวะว่าใครเป็นเจ้าสาวของซอกจินโอปป้า?”
นาอึนถาม เธอย่นจมูกอย่างไม่ชอบใจนัก “จะบ้า พอคิดว่าซอกจินโอปป้านอกจากจะไม่ได้แต่งกับนัมจุนโอปป้าแล้วเจ้าสาวของซอกจินโอปป้านี่ยังไม่ใช่ฉันแบบนี้แล้วรู้สึกกระดากปากว่ะ”
“โธ่เอ้ยยย ไอ้เพื่อนขี้มโนของกู
เขาคงเอาเธอหรอกครับ คือซอกจินฮยองเขาก็อยากได้คู่สมรสที่เป็นคนหรือเปล่าวะ
ไม่ใช่หมูป่า”
ผัวะ!
“เกลียดค่ะ หวัง แจ็กสัน
ฉันรู้นะยะว่าแกเล็งชเว ยองแจของฮัฟเฟิลพัฟไว้ ขอให้นก” ตบหัวเพื่อนไม่พอ นาอึนชูนิ้วกลางให้แจ็กสันก่อนที่จะหันมาทางจองกุกอีกรอบ
“แล้วยังไง? เรารู้ชื่อคนที่ซอกจินโอปป้าจะต้องแต่งงานด้วยปะ?”
จองกุกส่ายหัว
“ไม่รู้สิ
แม่บอกว่าตัวแม่เองก็ไม่รู้ ความจริงแล้วนี่มันก็แค่ข่าวที่เขาลือๆกันในวงในนะ
จะจริงหรือเปล่าก็ไม่รู้หรอกจนกว่าจะมีประกาศออกมาจากตัวตระกูลคิมเอง”
พอได้ยินแบบนั้นแล้วแต่ละคนก็เงียบไป
บีตเตอร์ตัวเล็กที่กำลังลอกการบ้านจงอินอยู่ทำหน้าครุ่นคิด
“กูว่าจริง” แบคฮยอนเสนอขึ้น
“กูสนิทกับอี้ชิงและจองแดของฮัฟเฟิลพัฟ
สองคนนั้นแชร์ห้องนอนอยู่กับเคนแล้วก็ซอกจิน
พวกนั้นบอกว่าซอกจินดูมีเรื่องไม่สบายใจจริงๆ
หลังๆมานี่ไม่ยอมแกะจดหมายจากที่บ้านอ่านเลยด้วย แล้วที่สำคัญนะ” บยอน
แบคฮยอนกดเสียงต่ำลง “อันนี้กูบอกเพราะกูเชื่อใจพวกมึง ห้ามทำตัวเหี้ยเหมือนหน้าตาพวกมึงเด็ดขาด
โดยเฉพาะมึงนะครับชานยอล มึงนี่หน้าตาชั่วช้าเป็นพิเศษ”
“สลัด คืนนี้มึงเจอกูแน่แบคฮยอน” (ชานยอล)
“เจอพ่อง! คือกูนอนห้องเดียวกับพวกมึง
กูไม่อยากเจอไปกับพวกมึง!!” (โฮซอก)
“โอ้ยยย เชี่ยยย
คือจะทำอะไรกันจำเป็นต้องบอกพวกผมไหมวะฮยอง? ผมไม่ได้อยากรู้!”
(แจ็กสัน)
“จะฟังไหมห๊ะพวกมึง?”
แบคฮยอนแหวขึ้น “ห่า คือกูกำลังซีเรียสอยู่”
“ฟังจ้ะ ฟัง”
“ฟังครับๆ”
“เอออ ชอบให้ขึ้นเสียงจัง”
แบคฮยอนบ่นอุบอิบก่อนจะเข้าเรื่อง “คือกูได้ยินมาจากแทแท
น้องกูบอกว่าน้องเห็นซอกจินร้องไห้”
“ร้องไห้?!”
คนที่เหลืออุทาน
ภาพของหนึ่งในสามนางฟ้าประจำฮัฟเฟิลพัฟคนดีที่มักจะมีกลิ่นขนมอบติดตัวมาอย่างน่าประหลาดกับน้ำตาที่ไหลเต็มแก้มผุดขึ้นมาในมโนภาพ
จองกุกกับโฮซอกเบ้ปาก ใจมันหล่นตุ้บไปที่ตาตุ่ม ไอ้ฟีลลิ่งที่เหมือนกับกำลังเห็นแม่ตัวเองร้องไห้นี่มันคืออะไรกันวะเนี่ย?
แบคฮยอนส่งเสียงชู่ว์
“สัส จะเสียงดังเพื่อ?
นั่งกันอยู่แค่นี้แท้ๆ”
“ฮยองแน่ใจนะว่าไม่ใช่แบบ
ขี้ผงเข้าตาอะไรงี้?” แจ็กสันถามขึ้น แบคฮยอนกลอกตา
“น้องกูบอกว่าร้องไห้ก็ร้องไห้สิวะ
นี่กูบอกพวกมึงเพราะไว้ใจนะ เพราะยังไงแทแทก็ห้ามไม่ให้กูบอกใคร
แต่กูคิดว่าบอกพวกมึงไว้หน่อยน่าจะใช้ได้
อย่างน้อยๆโฮซอกกับชานยอลก็มีเรียนกับซอกจิน
และเยรินก็เป็นพรีเฟคของกริฟฟินดอร์ที่ต้องทำงานกับทั้งซอกจินและนัมจุน
มันสองคนคงเครียด ถ้ามีอะไรช่วยได้พวกมึงก็ทำตัวเป็นสุภาพชนด้วยแล้วกัน
อย่ากร่างให้มาก โดยเฉพาะมึงอะชานยอล แม่งชอบออกไปเพ่นพาลให้ซอกจินไล่จับตอนดึกๆ
คนเขาเสียสุขภาพจิตมึงยังจะหาเรื่อง”
“เชี่ยแบคฮยอน
ไอ้คนที่ออกไปโดนจับกับกูมันก็มึงไม่ใช่เหรอห๊ะ??”
..
..
..
Extra:
“ฮยองสอนให้เราเป็นเด็กปากมากแบบนี้ตั้งแต่เมื่อไรนะแทแทอา?”
“หา? อะไรของซอกจินฮยองเนี่ย?”
“อย่ามาทำเป็นไก๋
ไอ้วันที่ฮยองร้องไห้นั่นเราเป็นคนที่เดินลงมาใช่ไหมล่ะ?
ฮยองได้ยินเสียงคนเดินลงบันไดมา แต่ฮยองไม่แน่ใจว่าใช่แทแทหรือเปล่า
แล้วหลังจากนั้นมานัมจุนก็เรียกฮยองไปคุย
อยู่ๆเยรินก็เสนอตัวจะเดินเวรตอนกลางคืนแทนฮยองสองคืน
โฮซอกเอาการตูนของมักเกิ้ลมาให้ฮยองยืมอ่าน
ตอนเดินเวรตอนดึกๆชานแบคที่แอบออกมาเพ่นพ่านก็วาดรูปอัลปาก้าที่ข้างกำแพงพร้อมกับเขียนข้อความว่า
“ซอกจินอา ไฟต์ติ้ง!” ด้วย ขนาดแบมแบมเห็นหน้าฮยองยังวิ่งเข้ามากอดเลย”
“ต..
แต่แทไม่ได้บอกทั้งหมดนั่นนะ...”
“ฟ้องแค่นัมจุนกับแบคฮยอนพี่ชายเราใช่ไหมล่ะ?
ก็พอจะรู้หรอก
ฝากบอกแบคฮยอนด้วยนะว่าวันหลังถ้าอยากจะปลอบใจฮยองก็แค่ทำตัวเงียบๆแล้วกลับห้องไปนอนเหอะ
ไม่ต้องมาวาดรูปข้างกำแพง ลำบากพวกเอล์ฟประจำบ้านให้ไปขัดสีออกเปล่าๆ”
“...แทแทขอโทษ
แต่แทแทเป็นห่วงซอกจินฮยองนี่นา”
“รู้แล้วน่า เด็กบ้า”
“ฮืออ ออมม่าโกรธแทแทเหรอ?”
“หา? ออมม่าที่ไหน?
แล้วนี่มาเกาะขาฮยองทำไม??”
“ก็ออมม่าโกรธแทแทอา TOT”
“ซอกจินฮยองเห็นอี้ชิ... เฮ้ย! แทแทอา
แกร้องไห้ทำไม?!”
“จีมินนี่ ฮืออออ
ออมม่าโกรธแทแทแล้ว TOT แต่แทแทไม่ได้ตั้งใจนะ ก็แทแทเห็นออมม่าร้องไห้...”
“หา?? ออมม่าร้องไห้เหรอ? ฮึก...
ฮืออออ ออมม่าร้องไห้ทำไม? ทำไมออมม่าไม่บอกจีมินนี่กับแทแทอาล่ะ TOT?”
“ห.. ห๊า?? จ.. จีมินนี่ อย่ากอด!
แทแทก็ออกไปจากขาฮยองด้วย!! เคน! จงแด!
มาช่วยกันแงะน้องสิวะ!”
ไว้อาลัยแก่ออมม่าของแทแทกับจีมินนี่ด้วย
อาเมน
Talk: เปิดปมคู่นัมจินค่ะ แต่บอกเลยว่าคงไม่ม่าหรอก 555555 ฟิคเรื่องนี้ไม่ม่าแน่นอนค่ะ อ่านสบายๆต่อกันเนอะ
ขอบคุณสำหรับคอมเม้นนะคะ <3 ขอบคุณที่ชอบฟิคเรื่องนี้กัน ดีใจมากกกกก~
ตบท้ายนิดหนึ่ง เราเปิดทวิตแล้วนะพวกเธอออ เพิ่งเปิดสดๆร้อนๆไม่กี่วันเอง 5555
มาเม้ามอยกันได้นะคะ เชิญชวนทุกคนมาเอ็นดูยัยลูกหมาและเชียร์เจ้ากระต่ายยักษ์ไปด้วยกันค่ะ สักวันจะต้องเป็นของนาย ความนกจงหายไป !! (พูดไป ตอนนี้ก็นก โฟกัสนัมจินหนักมากกุกวีไม่ได้เจอหน้ากันเลยจ้า อยู่คนละห้องเลยจ้า 55555)
ทวิตเราเนอะ: @Grinningcat4
แล้วเจอกันใหม่นะคะทุกคน จะพยายามปั่นให้เราได้พบกันในเร็ววันนะคะนะ <3
ความคิดเห็น