ลำดับตอนที่ #1
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #1 : บทที่ 0 สงครามเมื่อครั้งก่อน ( 1 )
เสียงดังอึกกระทึกครึกโครมดังไปทั่วทิศทาง ท้องฟ้าสีแดงฉานราวกับถูกทาด้วยเลือด
สายฟ้าสีแดงพุ่งเปรี๊ยปร๊ะจากกลุ่มเมฆกลุ่มหนึ่งไปยังอีกกลุ่มหนึ่ง บนพื้นพิภพเต็มไปด้วย
ซากศพของมนุษย์ และสิ่งมีชีวิตประหลาดที่ถูกเรียกขานด้วยชื่อต่างๆนาๆ อสุรกาย
อมุษย์ ปิศาจ ผู้มาจากห้วงอเวจี ผู้กำเนิดจากความมืดไม่ว่าจะถูกเรียกว่าอย่างไรก็ตาม
การคงอยู่ของพวกมัน เป็นจุดกำเนิดของเริ่งวุ่นวายในคราวนี้ ศึกสงครามที่กินระยะเวลายาวนานถึง 10 ปีมาถึงจุดแตกหัก ผู้ชนะเพียงหนึ่งเดียวเท่านั้นที่จะกุมชะตากรรมของโลก
--ท่ามกลางสมรภูมิรบอันบ้าคลั่ง--
"แฮ่กๆ พวกมันไม่รู้จักหมดจักสิ้นเลยหรือไง" ชายหนุ่มผู้หนึ่งกล่าวขึ้น
ดวงตาข้างซ้ายปิดสนิทมีเลือดไหลเป็นทาง ชุดคลุมขาดวิ่น เนื้อตัวเต็มไปด้วยบาดแผล
มือข้างหนึ่งถือหนังสือเวทย์มนต์เล่มหนา อีกข้างหนี่งถือดาบหักๆที่เหลือความยาวของใบมีดเพียงครึ่งเดียวผมสีเทาดำ นัยตาข้างที่เหลือสีดำสนิท แฝงไปด้วยความดุดัน ใบหน้าคมเข้ม
ห่างไปไม่ไกลนักเงาดำมหึมาได้พุ่งเข้ามาด้วยความเร็วสูง หากดูไกลๆคงไม่ต่างจากเมฆ
สีดำที่ตั้งเค้าอยู่บนฟ้าในยามที่ฝนใกล้จะตก แต่หากมองมาใกล้ๆจะเห็นพวกปิศาจจำนวนนับไม่ถ้วน พวกมันร้องคำรามอย่างเกรี้ยวการจในขณะที่เคลื่อนที่เข้าปะทะ
"ทัพจอมเวทย์ระยะไกลโจมตี!!" ทันทีที่สิ้นเสียงคำสั่งของผู้คุมทัพ กลุ่มจอมเวทย์ด้าน
ท้ายสุดของขบวนรบก็ร่ายเวทย์มนต์ปรากฏเป็นวงแหวนเวทย์เล็กๆนับพัน นับหมื่น แล้วบังเกิดเป็นกระสุนเวทย์มนต์ขนาดต่างๆ มีพลังแฝงต่างๆกันตามบุคคล กระสุนเหล่านั้นพุ่งไปชนกลุ่มของปิศาจเสียงระเบิดดังสนั่นติดต่อกันนานหลายนาทีจนเศษฝุ่นและควันตลบอบอวนไปทั่วบริเวณ
"จัดการพวกมัน !!! " คำสั่งของผู้คุมทัพดังขึ้นอีกครั้ง พร้อมกับเสียงโห่ร้องดังกระหึ่มไป
ทั่วบริเวณเหล่าจอมเวทย์ระยะประชิดที่เตรียมพร้อมอยู่ต่างพุ่งตัวเข้าหาศัตรูที่กระโจนออกมาจากกลุ่มควันเสียงโลหะกระทบกัน เสียงระเบิด เสียงคำราม เสียงร้อง ดังระงมไปทั่วบริเวณจนจับใจความไม่ได้ ความโกลาหลครั้งใหญ่บังเกิดขึ้นไปทั่วบริเวณที่มีการสู้รบ การรบยาวนานขึ้นไปเรื่อยๆ โดยที่ไม่มีใครสนใจเรื่องเวลา การเข่นฆ่ายังคงดำเนินไปเรื่อยๆ จนในที่สุดทุกอย่างก็เริ่มสงบลง
"ย๊ากก !!! " ฉั๊วะ ! เสียงตะโกนพร้อมกับเสียงดาบสับลงบนร่างของอสุรกายตัวสุดท้ายที่
ยืนหยัดบนสนามรบ เด็กหนุ่มที่เหลือตาข้างเดียวเป็นผู้ปิดฉากการรบในที่แห่งนี้ลง แม้ว่าจะเป็นฝ่ายกำชัยชนะในการรบแต่เขาก็เหนื่อยล้ามาก เขาทรุดตัวลงนั่งหลังพิงศพศัตรูที่พึ่งสังหารอย่างไร้กำลัง สายตาสอดส่องบริเวณรอบๆที่มีเพียงแค่ซากศพ...ทั้งของสหายร่วมศึกและเหล่าศัตรูกระจัดกระจายเต็มพื้นเขานั่งหอบอยู่สักพักก็หยิบขวดน้ำพกพาขึ้นมาดื่มอย่างกระหาย เขาใช้น้ำที่เหลือจากการดื่มเทรดศีรษะราวกับเตือนตัวเองว่า มันยังไม่จบ เขาโยนดาบหักๆที่อยู่ในมือทิ้งไป แล้วหยิบดาบเปื้อนเลือดเล่มใหม่ที่ตกอยู่บนพื้นใกล้ๆมาแทน เขาเช็ดเลือดบนดาบอย่างบรรจงแล้วจรดดาบขึ้นฟ้า
"มาสู้อีกครั้งนะ ...ข้าจะสู้ในส่วนของเจ้านายเก่าของเจ้าด้วย"
ในขณะที่ชายหนุ่มกำลังเพลินอยู่กับการตรวจดูอาวุธชิ้นใหม่ วงแหวนเวทย์มนต์วงใหญ่
สีน้ำเงินก็ปรากฏขึ้นบนท้องฟ้า
"วงแหวนเวทย์ ...เวทย์สื่อสารสินะ " เขาพูดลอยๆพร้อมกับลุกขึ้นปัดฝุ่นที่เปื้อนเสื้อผ้า
"คนที่รอดชีวิต ให้กลับมารวมกัน ณ ฐานที่ตั้ง !! " เสียงออกคำสั่งจากเวทย์มนต์สื่อสารที่
ร่ายคุมบริเวณไว้กึกก้องทั่วบริเวณ เหล่าผู้รอดชีวิตในสนามรบต่างพาร่างของตนไปยังจุดนับพบ จากเรือนหมื่น เรือนแสน หลังผ่านกองทัพศัตรูนับสิบทัพ บัดนี้พวกเขาเหลืออยู่เพียงไม่กี่พัน
เมื่อชายหนุ่มผู้เหลือดวงตาข้างเดียวเดินทางมาถึงจุดนัดพบ ท่ามกลางผู้คนเกือบพันเขา
มองซ้ายมองขวาเหมือนกำลังหาใครบางคน ในขณะที่เขากำลังหันซ้ายหันขวาอยู่นั้นก็มีบางอย่างดึงดูดความสนใจเขา
ชายวัยกลางคนผู้เป็นแม่ทัพเดินมายังหน้ากลุ่มผู้รอดชีวิตอย่างช้าๆพร้อมกับคนสนิทอีก
คนหนึ่ง
"เราผ่านศึกครั้งนี้ไปได้ คงอีกสักพักกว่าทัพต่อไปของพวกมันบุกมาอีก " แม่ทัพกล่าวขึ้นกับคนสนิท
"ขอรับ...ทางเขตุอื่นก็เสียหายหนักเหมือนกัน " คนสนิทกล่าวโต้ตอบพร้อมกับชี้แจงรายละเอียด
"แล้วก็มีทัพเสริมมาจากส่วนกลาง ประมาณ 3000 คนขอรับ "
"ดี...ให้พวกเขาจัดกำลังเตรียมพร้อมรบ แล้วตรึงกำลังรอบบริเวณฐานบัญชาการ
ส่วนคนที่เหลือรอดจากการรบให้พักผ่อนแล้วเตรียมตัวรบต่อ หน่วยรักษาเองก็ให้เร่งพาคนที่บาดเจ็บตกค้างในสนามรบมายังฐาน เราไม่อาจรับประกันได้ว่าพวกมันจะบุกมาอีกเมื่อไหร่ อาจจะ 30 นาทีหรือน้อยกว่านั้น "
"ขอรับ"
หลังจากจบการสนทนาระหว่างทั้งสอง คนสนิทของแม่ทัพก็เริ่มจัดแจงทุกอย่างตามเจ้า
นายของเขาสั่ง ระหว่างที่ทุกคนต่างแยกย้ายกันเตรียมตัว ท่ามกลางกลุ่มคนที่เดินขวักไขว่วุ่นวาย ชายหนุ่มตาเดียวยังคงหันซ้ายหันขวามองหาใครบางคนอย่างกระวนกระวาย จู่ๆก็มีแสงสว่างสีเขียวเรืองๆ ปรากฏขึ้นบนตัวเขา
"...เวทย์ฟื้นฟู ? " เขาเอ่ยขึ้นอย่างประหลาดใจพร้อมกับหันไปทางแหล่งกำเนิดพลัง
"มาริค.. ให้ข้าช่วยนะ " หญิงสาวในชุดคลุมใช้เวทย์มนต์ของหล่อนรักษาชายหนุ่ม นัยตา
ของนางสีน้ำตาลเข้ม ใบหน้าเข้ารูปดูมีเสน่ห์ คิ้วสีดำเข้ม ผมสีดำสนิท ริมฝีปากสีชมพูอ่อน แม้ว่าเนื้อตัวมอมแมม แต่ความงดงามของนางไม่ได้ลดลงไปเลย หากว่าไม่ได้อยู่กลางสงครามละก็นางคงงดงามกว่านี้อีกหลายเท่าตัว
"เอน่า ? เจ้าไม่ควรใช้พลังเสียเปล่านะ ข้า..ข้า.. " มาริคตอบกลับ
"ข้าถนัดเวทย์ฟื้นฟูนะท่านก็รู้นี่ สำหรับข้ามันใช่พลังเวทย์ไม่มากหรอก " เอน่าตอบกลับด้วยใบหน้ายิ้มนิดๆ
"ข้า ..."
"ข้าอยู่กลุ่มสนับสนุนทางด้านหลัง ไม่ได้เสี่ยงชีวิตเท่ากับแนวหน้าอย่างท่าน อย่างน้อยก็ขอให้ข้าได้ช่วยอะไรท่านบ้าง ...มาสู้ด้วยกันเถอะ เราต้องปกป้องโลกนี้ไว้ให้ได้ "
"ฮื่อ ..."
"ผู้ถือครองกริมมอร์ฮาร์ทได้บุกเข้าใจกลางของฐานศัตรูแล้ว อีกไม่นานมันคงจบลงแล้วหละ "
"...ข้าก็หวังให้เป็นเช่นนั้น"
มาริคตอบรับคำปลอบโยนของเอน่าด้วยน้ำเสียงเข้มแข็ง แม้ว่าภายในใจเต็มไปด้วยความ
หวาดกลัว หากว่าความหวังของมนุษยชาติเหล่าผู้ถือครองกริมมอร์ฮาร์ททำไม่สำเร็จละ หากพวกเขาพ่ายแพ้ละ...คำถามมากมายประเดประดังเข้ามาในหัว แต่เขาไม่มีทางเลือกอื่น แม้ว่าจะแพ้ หรือชนะ เขาก็ยังต้องสู้อยู่ดี...ถ้ามันจะต้องเป็นแบบนั้น
เมื่อเวลาผ่านไปสักพัก หนึ่งในสิ่งที่เขากลัวก็เป็นจริงขึ้นเมื่อมีเสียงสัญญาณรบดังขึ้น
"พวกมันมาแล้ว !!! ทุกคนประจำที่ !!!"
ทุกคนตาลีตาเหลือกเข้าเตรียมพร้อมประจำที่ ความเหนื่อยล้าอ่อนแรงจากศึกครั้งก่อนยัง
ไม่ทันหายดีพวกเขาก็ต้องจับอาวุธขึ้นสู้อีกครั้ง มาริคเข้าประจำแนวหน้าในมือจับหนังสือเวทย์มนต์และดาบไว้แน่น เหงื่อเม็ดใหญ่ผุดขึ้นทั่วร่าง เอน่าเองก็ไม่ต่างกันออกจะอาการหนักกว่า
มาริคด้วยซ้ำเนื่องจากกำลังคนที่เหลือน้อย จอมเวทย์ถนัดเวทย์ระยะไกลบางคนจึงต้องมารับบทจอมเวทย์ระยะประชิดจำเป็นที่แนวหน้าและเอน่าก็เป็นหนึ่งในนั้นปิศาจจำนวนนับไม่ถ้วนกรูกันเข้ามาราวกับเมฆสีดำอีกครั้ง มาริคอดเป็นห่วงเอน่าไม่ได้เขาหันมามองเอน่าที่อยู่ข้างตนอย่างพะวักพะวง เอน่าหันมาสบตาเขาและส่งยิ้มให้
มาริคด้วยซ้ำเนื่องจากกำลังคนที่เหลือน้อย จอมเวทย์ถนัดเวทย์ระยะไกลบางคนจึงต้องมารับบทจอมเวทย์ระยะประชิดจำเป็นที่แนวหน้าและเอน่าก็เป็นหนึ่งในนั้นปิศาจจำนวนนับไม่ถ้วนกรูกันเข้ามาราวกับเมฆสีดำอีกครั้ง มาริคอดเป็นห่วงเอน่าไม่ได้เขาหันมามองเอน่าที่อยู่ข้างตนอย่างพะวักพะวง เอน่าหันมาสบตาเขาและส่งยิ้มให้
"เรามาสู้ด้วยกันนะ" นางเอ่ยปากบอกมาริคทั้งรอยยิ้ม
มาริครีบหันหน้ากลับทันทีที่นัยตาของทั้งคู่ประสานกัน
" ...หากดูท่าไม่ดี หนีไปซะ " มาริคตอบกลับด้วยน้ำเสียงเจือความเป็นห่วง
ทันใดนั้นเองคำสั่งก็ดังขึ้น
" โจมตี !!! "
เมื่อสิ้นสุดคำสั่ง ความโกลาหลครอบคลุมทั่วสนามรบอีกครั้ง สำหรับบุคคลที่อยู่ในสมรภูมิ
ครั้งนี้ บรรยากาศรอบๆตัว ทั้งภาพของเลือดสีแดงที่ย้อมทั่วสมรภูมิ เสียงร้องโอดโอย เสียงคำราม ...มันไม่ต่างจากฝันร้ายสักเท่าไหร่ ออกจะแย่กว่าตรงที่พวกเขาเอาชีวิตของตนเป็น
เดิมพัน
เดิมพัน
ขณะที่การสู้รบยังคงดำเนินต่อไป จู่ๆเหตุการณ์ที่ไม่คาดคิดก็เกิดขึ้นเมื่อมาริครีบร้อนรุกคืบ
เข้าไปทางกองทัพศัตรู กว่ารู้ตัวเขาก็อยู่ในวงล้อมศัตรูเสียแล้ว
"อั่ก !! " มาริคร้องเสียงหลงด้วยความเจ็บปวด
เขาถูกโจมตีจากจุดบอดเนื่องจากตาข้างซ้ายที่สูญเสียการมองเห็นทำให้กระเด็นไปไกล
หลายเมตร ชายหนุ่มนอนคู้ตัวจากการเจ็บปวดอยู่ไม่นานเมื่อได้สติ เขารีบพุ่งตัวหนีการโจมตีที่กำลังจะมาถึงตัว
ตูม!! หมัดของปิศาจพลาดเป้าชกเข้าพื้นเต็มๆทำให้เกิดเสียงดังสนั่น แต่มันก็ใช้เวลาเพียง
เสี้ยววิในการโจมตีครั้งถัดไป มันใช้หมัดที่จมพื้นเป็นหลักแล้วพุ่งตัวเข้าหามาริคที่ลอยตัวอยู่กลางอากาศ พริบตานั้นเองมันก็โจมตีอีกครั้งนึง มาริคใช้ดาบรับการโจมตี แม้ว่าจะรอดพ้นอันตรายครั้งนี้ได้แต่ดาบเล่มนั้นก็แต่กระจายราวกับเศษแก้ว พร้อมกับตัวเขาที่ปลิวราวกับว่าวสายขาด เขาตั้งสติสู้กับความเจ็บปวดและใช้ท่วงท่ารับการลงพื้นของตัวเองทำให้กลับตั้งหลักได้หลังจากที่กระเด็นกระแทกพื้นไปสองสามที ทันทีที่ตั้งตัวได้เขารีบมองหาศัตรูโดยรอบ
แต่ก็ช้าไป ปิศาจอีกตัวพุ่งมาทางด้านข้างแล้วตบเขาด้วยกรงเล็บ เขาถีบตัวหลบสุดกำลัง
แต่ก็ได้รับแผลที่แขน เลือดสีแดงพุ่งกระฉูดตามด้วยความเจ็บปวดของบาดแผล ขณะที่ลอยตัวกลางอากาศเขาโต้กลับด้วยเวทย์มนต์ จากหนังสือเวทย์มนต์ที่ถืออยู่ในมือ ดาบราวสี่ถึงห้าเล่ม
ปรากฏขึ้นในอากาศแล้วแทงอสูรตนนั้นจนสิ้นชีวิต เขารีบตั้งสติเตรียมรับการตกลงพื้นอีกครั้ง
แต่ด้วยบาดแผลที่ได้รับใหม่ทำให้พลาดท่า
"อั่ก !! บ้าเอ้ย "
เขากัดฟันทนความเจ็บปวดพะยุงตัวเองขึ้นมาอีกครั้ง แต่..เขาช้าไป เมื่อสายตาเหลือบไป
เห็นปิศาจตนที่ชกตนเอง จนลอยละลิ่ว เงื้อแขนเตรียมออกหมัดอีกครั้งในประชิดพลันบรรยากาศรอบๆก็เปลี่ยนไปคล้ายกับ เวลาเดินช้าลง ปิศาจตนนี้ค่อยๆออกอาวุธอย่างช้าๆ [ไม่ทันแล้ว !! บ้าเอ้ย เวลาแค่นี้ ร่ายเวทย์ไม่ทันแน่!! ] เขาไม่มีเวลาแม้แต่จะยกแขนขึ้นรับการโจมตี ขณะที่หมัดขนาดยักษ์ค่อยๆพุ่งมาเข้าตัวเขาช้าๆ แสงสว่างจ้าก็เกิดขึ้นอีกครั้ง
"บึ้มมมม !!!! "
"ก๊าซซซ !!! "
เสียงระเบิดและเสียงร้องด้วยความเจ็บปวดของปิศาจดังขึ้น เสียงของมันหายไปพร้อมกัน
กับร่างที่ถูกเพลิงสีแดงห่อหุ้มมอดไหม้ไป ชายหนุ่มหันไปยังทิศที่ลูกไฟพุ่งมา เป็นเอน่านั่นเองที่ช่วยชีวิตเขาไว้ในช่วงคับขัน ความรู้สึกต่างๆประเดประดังเข้ามา ทั้งดีใจที่ตนเองรอดชีวิต และดีใจที่เอน่ารอดชีวิตท่ามกลางการสู้รบที่ดุเดือดบ้าคลั่งนี้...
แต่แล้วเขาก็ต้องชะงักอีกครั้งเมื่อมีปิศาจอีกตัวพุ่งมาทางเอน่า ทุกอย่างรอบตัวเขาเหมือน
ช้าลงอีกครั้งปิศาจตนนี้พุ่งเข้ามาทางด้านข้างของเอน่าในขณะที่นางไม่ทันระวังตัว เขาตะโกนเตือนเธอ แต่ก็สายไป...
" ฉั๊วะ!! " เสียงของกรงเล็บทิ่มทะลุลำตัวของเอน่า ตามด้วยเลือดสีแดงฉานกระฉูดออกมา
"อ๊ากกกกกกกกกกก !!!! " มาริคร้องตะโกนราวกับคนสติแตก
ปิศาจตนนั้นรีบดึงกรงเล็บตนออกจากร่างเอน่าแล้วพุ่งเข้าหามาริคอย่างรวดเร็ว
มาริคเองก็พุ่งตัวเข้าประทะกับอสุรกายตัวนั้นอย่างบ้าคลั่ง ด้วยเวทย์มนต์จากหนังสือเวทย์ของเขาดาบเล่มยักษ์ปรากฏขึ้นในอากาศแล้วเสียบอสุรกายตัวนั้นอย่างจัง จนมันถูกตรึงไว้กับพื้น
จากนั้นดาบนับสิบเล่มก็ปรากฏกายตามมาแล้วเสียบลงบนร่างปิศาจอย่างบ้าคลั่ง
มาริคพุ่งตัวเลยไปหายเอน่าโดยไม่สนใจใยดีต่อซากศพที่ถูกเสียบด้วยดาบเวทย์มนต์นับ
สิบๆเล่มซากนี้เขาโอบกอดนางไว้ในอ้อมกอดพร้อมกับหลั่งน้ำตา
"เอน่า ไม่...เจ้าจะตายไม่ได้นะ " เขาพูดขณะที่น้ำตานองหน้าด้วยน้ำเสียงสั่นสะเทิ้ม
"มาริค ...ไม่เป็น..ไร ...นะ " นางพูดตะกุกตะกัก
"เอน่า ...ไม่ อย่าพึ่งพูด รักษาแผลเจ้าก่อน "
"สายไปแล้วหละ ...อย่า.. อย่าเสียเวลากับข้าเลย "
"ไม่เจ้าต้องไม่ตาย !!! "
"....มาริค"
เอน่าค่อยๆเอิ้อมมือไปจับใบหน้าของมาริคอย่างอ่อนโยน บาดแผลและเลือดที่ไหลรินออก
จากร่างของนางราวกับมีดที่ค่อยๆกรีดลงบนหัวใจของมาริค เอน่ายิ้มอย่างอ่อนโยนให้กับเขาก่อนที่มือของนางจะตกลงบนพื้น พร้อมกับดวงตาทั้งสองข้างที่ค่อยๆปิดลง เขาค่อยๆลืมเหตุการณ์รอบตัวทั้งหมด ความรู้สึกต่างๆกดดันบีบคั้นหัวใจราวกับจะขยี้หัวใจเขาให้แหลกสลาย
"อ๊ากกกกกกก !!!! " ชายหนุ่มร้องตะโกนสุดเสียง
เสียงตะโกนที่เต็มไปด้วยความเจ็บปวดดึงดูดความสนใจของเหล่าปิศาจรอบกายของเขา
ให้พุ่งเป้าเข้ามาสังหารเขาทันใดนั้นปิศาจตนแรกที่มาถึงก่อนก็พุ่งทะยานเข้ามาอย่างบ้าคลั่งพร้อมกับกางกรงเล็บเตรียมฉีกเนื้อของเขา แต่สิ่งต่างๆไม่ได้เป็นอย่างที่เจ้าปิศาจคาดไว้
บุคคลผู้หนึ่งปรากฏกายขึ้นพร้อมกับดาบเล่มยักษ์ สับลงที่ตัวปิศาจอย่างจัง ร่างของมัน
ขาดเป็นสองท่อนทันทีมาริคได้สติเขา รีบเช็ดน้ำตาแล้วมองดูผู้มาเยือน บุคคลผู้นี้คืออัศวินนักปราชญ์ เลโอฮาร์ท ผู้เป็นแม่ทัพคอยบัญชาการรบในสนามรบแห่งนี้นี่้เอง ด้วยร่างสูงใหญ่หน้าตาดุดัน พละกำลังมหาศาล และเวทย์มนต์ที่เชี่ยวชาญการต่อสู้ประชิดทำให้เขาถูกขนานนามว่า อัศวินนักปราชญ์ แต่เหล่าอสูรร้ายเหล่านี้หาได้รู้จักความหวาดกลัวไม่พวกมันอีกสี่ตัวได้พุ่งเข้ามาหมายจะรุมกินโต๊ะเลโอฮาร์ทที่เข้ามาขวางทางพวกมัน ทันใดนั้นเองเสาน้ำแข็งก็โผล่ขึ้นจากวงแหวนเวทย์ที่ปรากฏบนพื้นดินเสียบพวกมันจนทะลุ ขาดใจในทันที เป็นคนสนิทของเลโอฮาร์ทนั่นเองชายผู้ซ่อนใบหน้าใต้ผ้าคลุมกลิ่นอายรอบๆเต็มไปด้วยความพิศวง
"เวอร์โก้ รีบดูอาการนางซะ " เลโอฮาร์ทออกคำสั่งอย่างเข้มแข็ง
"ขอรับ "
ไม่ทันที่เวอร์โก้จะขยับปิศาจที่ถูกดึงดูดด้วยเสียงร้องตะโกนของมาริคกรูกันเข้ามานับสิบๆ
ตัวก็กรูกันเข้ามาเลโอฮาร์ทง้างดาบเล่มใหญ่คู่กาย พลันปรากฏอักขระเวทย์มนต์ขึ้นที่ตัวดาบ เขาบ่นงึมงำๆสักพักสะบัดดาบออกไปสุดกำลัง พลังเวทย์ที่แฝงในดาบตัดร่างอสูรกายเหล่านั้นอย่างเฉียบขาดและง่ายดาบ เปรี้ยง !! เสียงดังสนั่นราวฟ้าผ่า บริเวณที่ดาบวาดไปถูกกวาดหายอย่างไร้ร่องรอย
" สู้ต่อไปซะ หากนางตาย การตายของนางจะได้ไม่สูญเปล่า !! " เลโอฮาร์ทพูดกับมาริคโดยไม่หันมามอง
" เวอร์โก้ อาการนางเป็นยังไงบ้าง? " เขาถามพร้อมกับเดินแยกตัวออกจากกลุ่ม
"...อาการสาหัสขอรับ กระผมไม่สามารถรับประกันได้ว่านางจะรอด "
"อือ ...รักษานางให้ดีที่สุด ข้าจะเก็บกวาดรอบๆสนามรบต่อ "
"ขอรับ"
พูดจบเลโอฮาร์ทก็พุ่งทะยานออกไปราวกับราวกับจรวด ตามด้วยเสียงเปรี้ยงปร้างดังสนั่น
จากทิศที่เขามุ่งหน้าไป
"เฮ้ เจ้าหนุ่ม ! "
"ครับ ? "
"ข้าต้องใช้สมาธิ จากนี้เจ้าช่วยป้องกันข้าที อย่าให้พวกมันขัดขวางข้าเด็ดขาด
เวลาเพียงวินาทีเดียวสามารถชี้ความเป็นตายของนางได้ เข้าใจนะ"
"...ครับ"
เวอร์โก้ร่ายเวทย์มนต์คุ้มกันบริเวณรอบตัวเขาแล้วเริ่มตั้งหน้าตั้งตารักษาเอน่าที่อยู่ใน
สภาพบาดเจ็บปางตายมาริคที่ได้สติคืนมาเริ่มมีความหวังอีกครั้ง เขากางหนังสือเวทย์มนต์คู่กายขึ้นเตรียมพร้อมสู้ ปิศาจตัวแล้วตัวเล่าพุ่งทะยานเข้ามาหามาริคและจบชีวิตลง...
เวลาผ่านไปสักพักใหญ่ๆภายในมนต์คุ้มกันของเวอร์โก้ยังไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง แต่มาริค
ที่ทำหน้าที่คุ้มกันอยู่นอกเขตุแดน...เต็มไปด้วยรอยแผล และความเหนื่อยล้า สายตาเขาพร่ามัว แขนขาไร้เรี่ยวแรงเขาสังหารปิศาจพวกนี้มาแล้วกี่ตน ยี่สิบ สามสิบ หรืออาจจะร้อย ก็ไม่มีใครตอบได้ รู้แค้ว่า ร่างที่สะบักสะบอมนี้ยืนอยู่ท่ามกลางซากศพ ในขณะที่เขาอ่อนล้าเต็มที่จนถึงกับทรุดตัวยืนบนเข่านั้นเอง เหตุการณ์ที่ไม่คาดคิดก็เกิดขึ้นร่างหนึ่ง กระเด็นมาตกบริเวณใกล้ๆ ที่เขาทรุดตัวลง ตามด้วยปิศาจร่างยักษ์สูงราว 6 เมตรที่ตามมาไม่ห่างนักปิศาจร่างสีดำดวงตาสีแดงฉาน เขาบนหัวสองข้างถูกหักลงข้างหนึ่ง บนหน้าอกมีแผลใหญ่ไขว้กันเป็นรูปกากบาท
เนื้อตัวของมันมีรอยแผลมากมาย มันเดินสอง ขาราวกับมนุษย์ เสียงเดินแต่ละก้าวดังสนั่นราวกับแผ่นดินจะถล่มมันหยุดแล้วคำรามแสดงความเหนือชั้นข่มศัตรูที่มันซัดจนกระเด็นลิบลิ่วมาไกลนับร้อยๆเมตรมาริคอึ้งกับภาพที่เห็น เขารีบหันไปดูเจ้าของร่างที่กระเด็นมา ...เป็นเลโอฮาร์ทนั่นเอง
"แค่กๆ " เลโอฮาร์ทไอออกพร้อมกับกระอักเลือด
"ท่านเลโอฮาร์ท !!! " มาริคเรียกเขาเข้าไปประคองเลโอฮาร์ทขึ้นนั่ง
"แค่กๆ... บางทีข้าคงแก่มากแล้วจริงๆ " เลโอฮาร์ทพูดลอยๆ
"เจ้าหนุ่มหนีไปซะ ..เจ้าหมอนี่ตึงมือชะมัด"
"...แต่ "
"มันเป็นคนละระดับกับเจ้าพวกสวะพวกนี้ แค่กๆ "
"ข้าทำไม่ได้ครับ เอน่า...นาง..."
" นั่นสินะ เจ้าคงอยากจะอยู่ใกล้ๆนาง.. ถ้าอย่างนั้นเจ้าช่วยถ่วงเวลา...พลังข้าลดลงมากแล้ว..คงต้องรวมพลังแล้วจัดการมันในดาบเดียว แค่กๆ... ห้านาที ข้าขอแค่ห้านาที"
" ครับ "
ชายหนุ่มรับปากทั้งที่ตัวเองแทบจะไม่มีแรง และต่อหน้าศัตรูที่ร้ายกาจขนาด ผู้ที่แกร่งกว่า
ตนไม่รู้กี่เท่ายังถูกอัดกระเด็น แต่เขาไม่มีทางเลือก เพื่อเอาตัวรอดและเพื่อปกป้องเอน่าที่กำลังได้รับการรักษา เขาได้ทุ่มเทความสามารถทุกอย่างเพื่อเข้าต่อสู้ครั้งนี้
เสียงตู้มต้ามของหมัดอสูรกายร่างยักษ์ที่ชกกราดลงพื้นดินดังรัวไม่ขาดสาย
เศษหิน ดิน และฝุ่นปลิวคละคลุ้งทั่วบริเวณ มาริคพุ่งทะยานตัวไปมาพร้อมกับจู่โจม
แต่ดูเหมือนจะไม่เป็นผล เจ้าสัตว์ประหลาดแทบไม่ได้รับบาดเจ็บจากการโจมตีของเขา
และที่แย่กลับเป็นตัวเขาเองที่ความเร็วและพละกำลังเริ่มลดลง การต่อสู้ดำเนินไปเรื่อยๆ
จนกระทั่งมาริคพลาดท่าถูกหมัดของอสูรยักษ์เข้าอย่างจัง เขากระเด็นไปไกลไม่ต่างจากสภาพของเลโอฮาร์ทเมื่อครั้งก่อน
[จบสิ้นแล้ว..มาได้แค่นี้สินะ]ความคิดหนึ่งดังขึ้นในหัว เขาใช้แขนทั้งสองข้างดันตัวขึ้นนั่ง
แต่สภาพร่างกายที่อ่อนล้าจากศึกนับครั้งไม่ถ้วนและบาดแผลมากมายตามร่างกาย
ทำให้เขาไม่อาจทำอะไรได้อีกแล้ว เขานั่งพิงโขดหินใกล้ๆมองดูยมมทูตร่างยักษ์ที่กำลังเดิน
เข้ามาเอาชีวิตเขาอย่างใจเย็น
เมื่อมันเข้ามาใกล้ระยะโจมตี มันยกแขนขึ้น กำหมัดแน่น พร้อมกับคำรามเสียงดังกึกก้อง
หลังจากแสดงท่าทางโอ้อวดแบบผู้ชนะมันเริ่มการโจมตีปลิดชีวิตมาริคทันที
หมัดขนาดยักษ์แหวกอากาศลงมายังเป้าหมายอย่างแม่นยำ มาริคหลับตาลงเขาบอกย้ำกับตัวเอง...ทุกอย่างจบลงแล้ว แต่แล้วก็มีบางสิ่งทำให้เขาประหลาดใจ
เสียงระเบิดดังสนั่นราวกับฟ้าฝ่า พร้อมกับเลือดสีดำเข้มกระเซ็นไปทั่วบริเวณ
จากนั้นบางสิ่งบางอย่างได้ตกลงมา ใกล้ๆกับจุดที่มาริคอยู่ ...แขน !!!
เป็นแขนขนาดใหญ่ของอสูรยักษ์ตัวนี้เองที่ตกลงมา
"ฮูมมมมมมม !!!! " เสียงคำรามด้วยความเจ็บปวดและโกรธแค้นของปิศาจยักษ์
ดังสนั่นไปทั่วบริเวณ แม้แต่เศษฝุ่นและควันที่ลอยในอากาศยังถูกคลื่นเสียงซัดกระจาย
จนหายไปจากบริเวณนั้น
มันรีบหันไปทางทิศที่ถูกโจมตี ภาพของเลโอฮาร์ทที่ยืนห่างออกไป พร้อมกับดาบเล่ม
ยักษ์ในมือทำให้มันโกรธจัด มันไม่รอช้ารีบกระโจนเข้าใส่เป้าหมายอย่างบ้าเลือดเลโอฮาร์ทแสยะยิ้มราวกับคาดการณ์ไว้แล้ว เขาเงื้อดาบเล่มยักษ์อีกครั้ง ตัวอักขระเวทย์มนต์บนดาบ
เปร่งแสงสีแดงฉาน พร้อมกับปรากฏ "ภูติ" ที่มีรูปร่างเป็นอัศวินใส่ชุดเกราะสีทองใหญ่ราว3 เมตร เงื้อดาบเล่มยักษ์เตรียมลงดาบสังหาร
"...วาเซราซ ..ซิล ...ซาเลสต้า !!! "
ทันทีที่คาถาร่ายจบเลโอฮาร์ทก็เวี่ยงดาบเล่มยักษ์ออกไป "ภูติ"ร่างยักษ์ข้างกายเขาก็เวี่ยง
ดาบออกไปเช่นกันพลันปรากฏคลื่นดาบเป็นสายฟ้าสีแดงเข้าประทะกับอสูรยักษ์ที่พุ่งตัวเข้ามา บังเกิดแสงสีแดงจ้าพร้อมกับเสียงดังสนั่นไปทั่วบริเวณ
มาริคตกตะลึงกับภาพที่เห็นจน ถึงกับพูดไม่ออก [บ้านะ...พลังอะไรจะขนาดนี้]พอได้สติ
เขาค่อยๆพยุงตัวลุกขึ้นแล้ว เดินไปหาเลโอฮาร์ทที่ยืนห่างออกไปอย่างทุลักทุเล แต่เมื่อเดินเข้าไปใกล้ๆเขากลับต้องตกใจกับภาพที่เห็นจนหน้าถอดสี
เลโอฮาร์ทผู้องอาจยืนนิ่งโดยใช้ดาบเล่มยักษ์ค้ำพื้นไว้ เลือดไหลออกจากจมูก ดวงตา
และปากผมที่เคยเป็นสีน้ำตาลเข้ม ค่อยๆเปลี่ยนเป็นสีขาว เขายืนนิ่งไร้คำพูดใดๆ ดวงตาเหม่อลอยมองไปด้านหน้าราวกับตุ๊กตาที่ไร้ซึ่งชีวิต
"ท่านเลโอฮาร์ท !!! "มาริคตาลีตาลานเข้าไปหาผู้ช่วยชีวิตตน
เลโอฮาร์ทได้สติ เขามองมาทางมาริคด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม พร้อมกับยกมือขึ้นเบรคราวกับ
จะบอกว่าไม่เป็นไรในขณะที่มาริคประคองเลโอฮาร์ทไปนั่งพักอย่างทุลักทุเล ทันใดนั้นเองเขตุอาคมของเวอร์โก้ก็ค่อยๆสลายไปทำให้มาริคที่นั่งพักอยู่ตื่นเต้นจนลืมอาการเจ็บลุกพรวดทันที แต่อาการบาดเจ็บของเขาทำให้เขาต้องล้มกลิ้งไม่เป็นท่า มาริคกัดฟันลุกขึ้นอีกครั้ง ในตอนนี้ไม่ว่าเรื่องสงคราม เรื่องความเจ็บปวด หรือเรื่องใดๆก็ไม่ใช่สิ่งที่เขาสนใจ สิ่งที่เขาสนใจในตอนนี้มีเพียงแค่สิ่งเดียว.... เอน่า
เวอร์โก้ที่นั่งรักษานางอยู่ค่อยๆหันมาอย่างช้าๆ เขาถอดหมวกฮูดของเสื้อคลุมออก
แล้วมองมาทางมาริคที่เดินเข้ามาหาอย่างทุลักทุเล เขาถอนหายใจเฮือกใหญ่ก่อนจะเอ่ยคำบางคำออกมา
เสียงลมพัดผ่านอย่างแผ่วเบาสอดประสานเข้ากับจังหวะการพูดของเวอร์โก้
วินาทีนั้นเอง คำสั้นๆเพียงไม่กี่คำได้วนเวียนอยู่ในหัวของมาริค มันสั่นสะเทือนทุกโสตประสาทของเขาหัวใจที่อกด้านซ้ายเต้นแรงขึ้นแรงขึ้นราวกับจะหลุดออกมา
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น