คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #3 : ϟ C H A P T E R 2 ϟ
-
“ใจล่องลอยหายไปไหนล่ะเนี่ย..”
“…”
“แอล!”
เสียงที่ดังของโฮวอนทำเอาคนที่เหม่อลอยสะดุ้งแอลหันไปมองตามเสียงที่เรียก เขาเกาหัวเบาๆก่อนจะรีบหยิบกล้องออกจากกระเป๋า
“ทำไมวันนี้ทำตัวเงอะงะจังเลย” หนุ่มแว่นเอ่ยถามอีกครั้งแต่สายตายังคงจ้องหน้าจอตรงหน้าของเขา บ่ายนี้ก็ยังคงทำงานเดิมๆของตัวเอง แอลหัวเราะเบาๆก่อนจะหยิบกล้องตัวโปรดหันไปทางเพื่อนร่วมงาน
..แช๊ะ!
“จนได้..” พูดจบเจ้าตากล้องก็หัวเราะออกมาเบาๆก่อนจะกดดูรูปที่ตัวเองได้ถ่ายเพื่อนของตัวเองไป เขาหลุดยิ้มออกมานิดๆก่อนจะยื่นกล้องให้คนที่ตั้งใจทำงานดู
“นายก็เป็นนายแบบได้เหมือนกันนะเนี่ย” แอลพูดก่อนโฮวอนจะอมยิ้มกรุ้มกริ่มเกาหัวแก้เขิน หนุ่มปูซานเด็กต่างจังหวัดเจอคำชมแบบนี้ครั้งแรกก็ไปไม่ถูกเหมือนกัน
“แหม.. ตาถึงนี่”
“ฉันล้อเล่น”
“…”
“ทีหลังถ้านายถ่ายรูปฉัน ฉันคิดเงินนะแอล” พูดจบทั้งสองก็หัวเราะซะดังลั่นออกมา จากที่โฮวอนตั้งใจทำงานก็สติหลุดออกจากงานซะอย่างนั้น
แต่ไม่นานก็ต้องหยุดหัวเราะซะก่อน..
คุณเลขามาอีกแล้ว
..ก๊อก
นิ้วเรียวเคาะประตูให้เด็กฝึกทั้งสองรู้สึกตัวและหันมาสนใจคนที่ยืนพิงขอบประตูนั้นอยู่ แขนเรียวยกขึ้นมากอดอกมองทั้งสอง คิ้วเริ่มขมวดอีกครั้ง เสียงจิ๊ปากก็ดังตามมาด้วยเช่นกัน
“งานเสร็จแล้วหรอ..”
“เห็นไหมล่ะครับ..”
กวนประสาทจนได้..
“นี่!” ซองจงพูดเสียงดังกว่าเดิมทันทีเมื่อได้ยินคำพูดของหนุ่มตากล้องที่ทำให้เขาหงุดหงิดมาตั้งแต่เมื่อวาน คิ้วที่ขมวดอยู่แล้วก็ยิ่งขมวดกว่าเดิมแทบจะติดกันอยู่แล้ว โฮวอนมองก่อนจะสะกิดเพื่อตัวเองเบาๆคนถูกสะกิดก็หลุดยิ้มออกมาก่อนจะพยักหน้า
“ผมน่ะเสร็จแล้ว แต่เพื่อนผมยังไม่เสร็จครับ คุณไม่เห็นต้องหงุดหงิดขนาดนั้นเลยนี่นา” เสียงทุ้มเอ่ยขึ้นก่อนจะหัวเราะออกมาเบาๆ ด้วยท่าทางหงุดหงิดของซองจงนั้นมันน่ารักมากกว่าน่ากลัวสำหรับเขาอีก
“แต่นายไม่ควรกวนเพื่อน”
“ออกไปก่อนก็ได้แอล..” โฮวอนขยับตัวไปกระซิบข้างหูเพื่อนที่กำลังกวนประสาทคนที่ยืนหงุดหงิดอยู่หน้าประตูตรงนั้น แอลเพียงแต่พยักหน้าก่อนจะเก็บกล้องใส่กระเป๋าและสะพายมันแค่นั้น
“ทำให้เสร็จล่ะ ฉันอยากไปสูดอากาศข้างนอก” พูดจบตากล้องหนุ่มก็ค่อยๆก้าวขาเดินไปหน้าประตู ตรงหน้าของคุณเลขาคนนั้นนั่นแหละ
“มีอะไรจะคุยกับผมใช่ไหมล่ะครับ” พูดจบแอลก็รีบเดินออกจากห้องถ่ายภาพ ขายาวค่อยๆก้าวอย่างช้าๆ เขาเป็นคนที่เดินเร็วอยู่แล้วแต่ตอนนี้กลับอยากเดินช้าๆ ช้าจนแทบจะหยุดเดินมันตรงนั้นเสียเลย
หอม..
กลิ่นน้ำหอมของซองจงที่ติดจมูกแอลทำให้เขาอมยิ้มเล็กน้อย ‘คนอะไร น่ารักเสียจริง..’ แอลก้มหน้าคิดอะไรไปเรื่อยเปื่อยแต่สุดท้ายเขาก็ต้องหยุดเดินซะอย่างนั้น
คิดไม่มีผิด..
“คิม มยองซู”
ความฝันเป็นจริง..
“ครับ..”
ผมค่อยหันกลับไปตามเสียงเล็กจากใครบางคน บางคนที่ผมกำลังคิดอยู่ในหัวสมองนั่นแหละ..
“เมื่อตอนเที่ยงนายมองฉันทำไม”
“รู้ด้วยหรอครับ” ผมรีบถามต่ออย่างเร็วจนทำให้คุณเลขาขี้หงุดหงิดจิ๊ปากอีกครั้ง เขาเดินเข้ามาใกล้ขึ้นก่อนจะกอดอกมองผมเหมือนเดิม นี่คงเป็นท่าประจำของเขาสินะ..
“จ้องขนาดนั้น หมายังรู้เลยว่าแอบมอง..” เสียงใสเอ่ยขึ้นจนผมต้องหลุดขำออกมา มือที่เคยจับสายสะพายผมก็เปลี่ยนเอามือมาล้วงกระเป๋าทันที
น่าแกล้งจริงๆ..
“แล้วพี่เป็นหมาหรอครับ”
“มยองซู!”
มือเรียวกำมือแน่นก่อนจะยกกำปั้นขึ้นมา แต่คนที่กวนตีนไปเมื่อกี้ก็ไม่ได้กลัวเอาซะเลยคิดซะแต่ว่ามันน่ารักและน่าแกล้งมากกว่าเดิมแค่นั้น
“ผมแค่มองเฉยๆครับ มองไม่ได้หรอ” แอลรีบเอ่ยถามอีกครั้งก่อนกำปั้นของคนตรงหน้าจะค่อยๆเลื่อนลงไปเหมือนเดิม เขาถอนหายใจเบาๆก่อนจะพยักหน้า
“ก็ไม่ได้ว่าอะไร..”
“ตอนนี้ผมก็ยังมองพี่อยู่นะครับ ดูดิ” พูดจบแอลก็ยกนิ้วเรียวยาวชี้ไปที่ดวงตาของเขา คนที่ถูกแทนตัวเองด้วยคำว่า ‘พี่’ ถึงกับขมวดคิ้วพร้อมมองตามที่หนุ่มตากล้องบอก
เหมือนเวลาหยุดหมุนอีกครั้ง..
การสบตากันภายในเวลาไม่ถึง 1 นาที ทำเอาหนุ่มตากล้องอย่างแอลใจเต้นแรงอย่างบอกไม่ถูก ดวงตาคมจ้องไปที่ดวงตากลมโต คนตรงหน้าของแอลจากขมวดคิ้วก็เลิกคิ้วอย่างไม่เข้าใจ
ไม่เข้าใจที่ไอตากล้องกวนประสาทเรียกเขาว่าพี่นั่นแหละ
“พี่?” เสียงใสของเลขาซองจงดังขึ้นจนทำคนที่กำลังจ้องตาเขาแทบจะไม่กระพริบสะดุ้งขึ้น เหมือนหลุดตื่นออกจากความฝันอีกครั้ง เขาหัวเราะเบาๆก่อนจะพยักหน้าเบาๆ
“ผิดตรงไหนหรอครับ”
“…”
“พี่อายุตั้ง 25..” พูดจบคนตัวสูงกว่าไม่กี่เซนก็หัวเราะออกมา หัวเราะความแก่ของคุณเลขาหน้าสวยนั่นแหละ หน้าไม่เข้ากับอายุเลย..
“นายรู้ได้ไง” ใบหน้าสวยขมวดคิ้วอย่างไม่เข้าใจเขาเอียงคอเล็กน้อยจนเหมือนลูกแมวขี้สงสัย คนถูกถามอย่างแอลก็ได้แต่ยิ้มก่อนจะส่ายหัวแทนคำตอบ
“ผมอายุ 20 ครับ”
ไม่ใช่คำตอบที่ซองจงต้องการเลยสักนิด
แต่คิมมยองซูคนนี้ก็อยากบอก ไม่รู้ว่าทำไมเหมือนกัน
“ใครอยากรู้?” แปปๆเสียงใสก็เอ่ยขึ้นมาอีกครั้ง ทำเอาคนที่ยิ้มกรุ้มกริ่มแทบจะหยุดยิ้มด้วยความหน้าแตกของเขา ใบหน้าหล่ออ้ำอึ้งนิดๆก่อนจะขมวดคิ้วคิดคำตอบในใจ
ไปไม่ถูก..
“ยุ่งจริงๆ..” ซองจงพูดด้วยน้ำเสียงนิ่งก่อนเขาจะรีบหันหลังใส่หนุ่มตากล้องกวนประสาท ขาเรียวก้าวเดินออกไปก่อนจะชะงัก เขาหันไปมองไอหนุ่มตากล้องที่พูดชื่อของเขาออกมา
“พี่ซองจงครับ..”
“กรุณาเรียกผมว่าแอลด้วย”
ดวงตากลมโตกรอกตาไปมาเล็กน้อยก่อนจะจิ๊ปากขึ้นอีกครั้ง รวมๆแล้วเขาจิ๊ปากใส่เจ้าตากล้องนี่ไป 4 รอบแล้ว คิ้วขมวดติดกันอีกครั้งก่อนแอลจะยิ้มจนตาปิด
“ยุ่ง!” คุณเลขาพูดเสียงดังก่อนจะรีบหันกลับไปและเดินออกไปจากตรงนั้นอย่างรวดเร็ว ด้วยท่าทางการเดินที่หงุดหงิด คนที่มองตามหลังเขาก็หลุดยิ้มออกมาเสียอย่างนั้น
โดนว่าแค่นั้นก็ไม่โกรธเลย..
ชอบมากกว่า..
♡
“จ้องขนาดนั้น หมายังรู้เลยว่าแอบมอง”
“แล้วพี่เป็นหมาหรอครับ”
“มยองซู!”
คำพูดกวนประสาทของแอลยังคงหมุนเวียนอยู่ในหัวซองจง ตั้งแต่เกิดมาเขาไม่เคยเจอใครที่กวนตีน กวนประสาท ทำให้เขาหงุดหงิดขนาดนี้มาก่อน
แอลเป็นคนแรกเลยก็ว่าได้..
Rrrrr
เสียงสั่นจากโทรศัพท์ดังขึ้น เลขาซองจงที่นั่งบนรถเก๋งสีดำสะดุ้งตัวเล็กน้อยมือเรียวค่อยหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาดู หน้าจอแสดงชื่อของคนที่โทรมาแต่ก็ทำให้เขาขมวดคิ้วอีกครั้ง
이성열
ได้พักผ่อนแปปเดียวไอเบอร์ของคนขี้ตื้อก็มาก่อกวนระบบสมองเขาอีกคนเสียแล้ว
รำคาญ..
นิ้วเรียวค่อยๆเลื่อนหน้าจอเบาๆก่อนจะยกโทรศัพท์ขึ้นไปฟังเสียงของหนุ่มนายแบบประจำบริษัทของพ่อเขา
[วันนี้รับสายด้วย]
“อีกหนึ่งนาทีก็วางแล้วแหละ”
[วันนี้ว่างไหมครับ พี่ว่าจะชวนเรามาหาอะไรทานสักหน่อย]
“ชวนในฐานะอะไรล่ะครับ”
[คนพิเศษ..]
“งั้นผมขอตอบในฐานะคนร่วมงานกันนะครับ”
“ไม่ไป”
[ไม่คิดจะคิดคำตอบหน่อยเลยหรอครับ..]
“จำเป็นด้วยหรอ”
“ไม่ไปก็คือคำตอบนั่นแหละครับ”
นิ้วเรียวรีบกดวางสายทันทีก่อนจะวางไว้ห่างจากตัว เขาถอนหายใจเบาๆก่อนจะสตาร์ทรถร่างบางที่กำลังจะออกรถก็หันไปมองหนุ่มร่างสูงที่กำลังสตาร์ทรถมอเตอร์ไซค์อยู่เช่นกัน
จอดรถหน้าบริษัทหรอ..
รถเก๋งสีดำค่อยๆเคลื่อนมาใกล้คนที่กำลังสตาร์ทรถมอเตอร์ไซค์สีดำ ซองจงเลื่อนกระจกรถก่อนจะบีบแตรไปหนึ่งที
“คุณครับ ตรงนี้ไม่ใช่ที่จอดรถมั่วๆซั่วๆนะครับ”
ด้วยความที่เจ้าของมอเตอร์ไซค์คันนั้นใส่หมวกกันน็อคปิดหน้าปิดตาขนาดนั้นจนซองจงไม่รู้ว่าเป็นใคร คนของบริษัทหรือเปล่าก็ไม่รู้ เขาเตือนด้วยน้ำเสียงนิ่งๆแต่ก็ไม่ได้แข็งกระด้างเหมือนคนอยากจะหาเรื่อง
“อื้อ!” เจ้าของรถมอเตอร์ไซต์หันมามองคนที่อยู่บนรถเก๋งก่อนจะยกนิ้วชี้ขึ้นชี้ใส่ซองจง ซองจงขมวดคิ้วเล็กน้อยก่อนมือหนาของเจ้าของรถมอเตอร์ไซค์คันนั้นจะเปิดกระจกบังลมขึ้น
“เจอกันอีกแล้วนะครับพี่” เสียงทุ้มเอ่ยขึ้นก่อนซองจงจะเบิกตาโตขึ้นและจิ๊ปากตาม ซองจงแทบอยากจะเปิดประตูรถออกไปทุบไอหัวหมวกกันน็อคนั่นซะให้แตก
“นี่! ไม่รู้หรือไงว่าเขาไม่ให้จอดรถหน้าบริษัท” จากเสียงที่ดูนุ่มนวลสุภาพกลับกลายเป็นเสียงรุนแรงหาเรื่องเมื่อรู้ว่าคนคนนั้นคือ ‘แอล’
“โห ดุจัง.. พูดแบบเมื่อกี้ไม่ได้หรอครับ” เสียงกวนๆของแอลเอ่ยขึ้นทำเอาคนที่หงุดหงิดอยู่แล้วกลับทวีคูณมากขึ้น
“ตอบคำถามเมื่อกี้”
“ผมลืมของครับ แค่จอดแปปเดียวเอง”
“ไม่มีความรับผิดชอบ”
“โห เจ็บจัง” ยิ่งพูดยิ่งกวนประสาท ซองจงเริ่มรู้สึกเกลียดไอหนุ่มตากล้องนี่ขึ้นมาทุกทีเสียแล้ว มือเล็กกำมือแน่นพยายามระงับอารมณ์โมโหของตัวเอง เขาถอนหายใจเบาๆก่อนจะมองหน้าแอลอย่างไม่พอใจอีกครั้ง
“เลิกกวนประสาทสักหนึ่งนาทีเถอะนะ”
อ้อนวอนหรอ..
“ครับ.. อย่างที่ผมบอกพี่ไปแล้ว ขอโทษที่ไม่มีความรับผิดชอบครับคุณเลขา” คำพูดที่ดูจะทำให้ซองจงโอเคขึ้นมาหน่อยถึงมันจะแฝงคำกวนตีนออกมานิดหน่อย แต่มันก็ดีกว่าแอลกวนประสาทเขาจนแถมจะปวดหัว
“อืม”
“อืม”
ไม่ถึงหนึ่งนาทีก็กวนประสาทซองจงเข้าอีกแล้ว
อืมมาอืมกลับ..
ไม่โกง..
เสียงจิ๊ปากดังขึ้นอีกครั้งก่อนคนบนรถเก๋งสีดำจะรีบปิดหน้าต่างใส่หน้าแอลเสียอย่างนั้น กระจกที่ติดฟิล์มแทบจะมองไม่เห็นคนบนรถทำเอาแอลเสียดายเล็กน้อย ไม่รู้ว่าคุณเลขาจะหันมามองมันไหม แต่แอลก็ยังอยากจะโบกมือลาให้คนบนรถอยู่ดี
น่ารำคาญกว่าพี่ซองยอลก็นายมยองซูนี่แหละ..
เกลียดที่สุดเลย..
รถเก๋งสีดำเคลื่อนตัวออกจากบริษัทคนอย่างแอลก็ยังคงมองตามหลังอยู่ดี เขายิ้มนิดๆก่อนจะค่อยๆปิดกระจกบังลมหน้า เขาสตาร์รถอีกครั้งก่อนเพื่อนร่วมงานที่สนิทที่สุดในบริษัทจะรีบวิ่งออกมาจากตึก
“ขอโทษที่ให้รอนาน” เสียงของโฮวอนดังขึ้นก่อนจะปาดเหงื่อตามหน้าของเขาออก คนที่คร่อมรถมอเตอร์ไซค์พยักหน้าก่อนจะชี้ให้โฮวอนขึ้นรถเสียที
“รีบขึ้นมา”
“อะไรนะ”
“ขึ้นมา”
“ขี้หมาอะไรวะ..”
เพราะแอลใส่หมวกกันน็อคที่ปิดหน้าปิดตาขนาดนั้นมันเลยทำให้เสียงที่พูดเบาและทำให้คนที่ไม่ได้ยินที่พูดฟังผิดเพี้ยนไป คนบนรถถอนหายใจก่อนจะเปิดกระจกบังลมขึ้นอีกครั้ง
“บอกว่าขึ้นมา”
“อ่อ.. ไม่ได้ยิน”
โฮวอนหัวเราะก่อนจะค่อยๆยกขาคร่อมมอเตอร์ไซค์คันสีดำของแอล โฮวอนจัดระเบียบตัวเองก่อนจะสะกิดให้เพื่อนออกรถได้เลย แอลหันไปมองโฮวอนก่อนจะพูดคำที่ทำให้โฮวอนใจสลายอีกครั้ง
“วันนี้ส่งหน้าหมู่บ้านพอ”
ใจแตกสลาย.. ต้องเดินเข้าไปลึกๆอีกแล้ว..
“ไม่สงสารเค้าหรอ”
“วันนี้รีบครับคุณเพื่อน วันเดียวเอง”
สุดท้ายโฮวอนก็ต้องพยักหน้ายอมรับคำขอจากแอลอยู่ดี โฮวอนทำหน้าเสียดายนิดๆหน่อยจะรีบสวมหมวกกันน็อคที่คนข้างหน้าเขาส่งให้ รถมอเตอร์ไซค์สีดำขับออกจากบริษัทอย่างเร็ว จนได้ยินเสียงของเพื่อนที่ซ้อนท้ายตะโกนออกมาด้วยความไม่ได้ตั้งตัวของเขา
คิดถึง..
จากพระอาทิตย์ที่อยู่บนฟ้าตอนนี้พระจันทร์ก็ขึ้นมาแทน เวลาเกือบๆจะสองทุ่มหนุ่มตากล้องก็เพิ่งถึงคอนโดหรูใจกลางกรุงโซลที่ตัวเองอาศัยอยู่ ร่างสูงสะพายกระเป๋าที่มีกล้องอยู่ข้างในพร้อมถือหมวกกันน็อคเดินไปที่หน้าลิฟต์ เขายืนรอลิฟต์สักพักก้มหน้ามองปลายเท้าของตัวเอง
แอลเป็นหนุ่มตากล้องที่เรียนจบมาจากต่างประเทศ ถึงแม้ว่าเขาจะเกิดที่เกาหลีเรียนที่เกาหลีแต่ก็ถูกส่งไปอเมริกาตอนมัธยมต้นกลับมาก็ช่วงขึ้นมัธยมปลาย ฐานะของแอลค่อนข้างดีเขาเลือกที่จะไปทำงานของครอบครัวได้แต่ก็ไม่ เขาอยากทำงานที่ตัวเองชอบ ก็ถ่ายรูปนี่แหละที่เขาต้องการ
ถึงตอนนี้จะได้เป็นแค่เด็กฝึก แต่เขาก็ไม่ท้อแถมยังชอบมันเสียอีก
..ตี๊ง
เสียงลิฟต์ดังขึ้นประตูก็เปิดขึ้นเสียงกันแอลเงยหน้าขึ้นก่อนจะก้าวขายาวเข้าไปในลิฟต์ที่ค่อนข้าวกว้าง เขายืนคนเดียวในลิฟต์นั่นแหละ คนเดียวเลย
คิดถึงอีกแล้ว..
...
แอลพ่นลมหายใจออกมาเฮือกใจด้วยความที่ไม่เข้าใจว่าจะนึกถึงอะไรกับคุณเลขาคนนั้นนักหนา เพิ่งเจอแค่ไม่กี่วันไม่เห็นจะน่ารู้สึกดีด้วยเลย ร่างสูงค่อยๆผิวปากแก้เหงาและแทนเสียงเงียบในลิฟต์ อยู่ในนี้คนเดียวมันก็เหงาเหมือนกัน
ชั้น 10..
..ติ๊ง
ประตูลิฟต์ค่อยๆเปิดออกขายาวรีบก้าวออกจากลิฟต์ แอลรีบเดินไปที่หน้าห้องของตัวเองนิ้วเรียวยาวยกขึ้นกดพาสเวิร์ดเพื่อเปิดประตูห้องของเขาเอง
0313..
เขากดรหัสผ่านก่อนเสียงจะเตือนขึ้นว่าพาสเวิร์ดนั้นถูก มือหนาจับลูกบิดประตูก่อนจะบิดลูกบิดประตู ขายาวค่อยๆก้าวเข้าห้องแต่ก็ต้องชะงักเมื่อเห็นประตูห้องตรงข้ามกับฝั่งของเขา ห่างไปอีกสักสี่หรือห้าห้อง ผู้ชายที่ก้าวออกจากห้องนั้นปิดประตูห้องก่อนจะเดินไปอีกทาง
เสื้อแขนยาวสีขาวกางเกงขายาวสีขาวและรองเท้าแตะ การแต่งตัวธรรมดาของหนุ่มคนนั้นทำแอลจ้องอย่างสงสัย สงสัยที่สีผมของหนุ่มคนนั้นต่างหาก
ผมสีบลอนด์..
สงสัยจะเพลียเกินไปนะเรา คิดอะไรเรื่อยเปื่อยจนตาฝาดไปแล้ว
แอลหลับตาก็จะสบัดหัวเบาๆเขาค่อยๆลืมตาก่อนจะมองไปอีกครั้ง ผู้ชายคนนั้นหายไปแล้ว
สงสัยจะคิดไปเองจริงๆ..
ขายาวรีบก้าวเข้าห้องก่อนจะปิดประตูเบาๆ ด้วยความเหนื่อยของแอลที่ทำงานในวันนี้เขาใช้ปลายเท้าจิกกับรองเท้าให้หลุดออกทั้งสองครั้ง ถอดถุงเท้าทั้งสองข้างแล้วก็วางมันเกะกะทางเข้าห้องแบบนั้นแหละ ใครมาเห็นเขาตอนนี้ก็คงด่าว่าไม่มีความรับผิดชอบจริงๆ
มือหนาวางกระเป๋ากล้องและหมวกกันน็อคไว้ที่โต๊ะก่อนจะล้มตัวลงนอนบนเตียงนุ่มๆที่เขาต้องการในเวลานี้ที่สุด แอลค่อยๆหลับตาลงไม่นานเขาก็เข้าไปอยู่ในภวังค์ สภาพที่ยังไม่ได้อาบน้ำ ข้าวก็ยังไม่ได้กิน เหมือนเด็กจริงๆ
“แอลตื่นได้แล้ว” เสียงใสกระซิบข้างหูของคนที่กำลังหลับอยู่บนเตียงนุ่มๆนั้น แอลค่อยๆยิ้มมุมปากก่อนจะหันไปโอบกอดคนที่กำลังมารบกวนการนอนของเขา
“ขอนอนหนึ่งนาที..”
“หนึ่งนาทีมาสามรอบแล้วนะ”
ร่างบางฟาดไปที่แขนแกร่งเบาๆก่อนเจ้าดื้อที่นอนอยู่จะกระชับกอดแน่นขึ้น แอลค่อยๆลืมตาขึ้นมองคนที่เขากอดไว้อยู่ริมฝีปากหยักค่อยๆเลื่อนไปที่แก้มหอมๆนั้น
..จุ๊บ
เขากดริมฝีปากลงแก้มของซองจงก่อนก้มหน้าลงซุกที่ซอกคอขาว มือบางค่อยๆลูบผมของหนุ่มตากล้องก่อนจะยีผมเบาๆ
“พี่บอกให้ตื่นได้แล้ว”
“แอล..”
Rrrrr
เสียงโทรศัพท์บนโต๊ะสั่นเสียงดังจนปลุกคนที่นอนอยู่บนเตียงแอลสะดุ้งตื่นก่อนจะค่อยลุกขึ้นนั่ง
เก็บไปฝันเลยหรอวะ..
แขนยาวๆก่อนเอื้อมมือไปหยิบโทรศัพท์ก่อนจะรับสายโดยไม่ได้มองชื่อของคนที่โทรมาเลยแม้แต่น้อย
“ฮัลโหล..”
[กว่าจะรับนะคุณชาย]
“โฮวอนหรอ”
[Yes.. หลับหรอ]
“อืม..”
[Hey! บอย.. ห้าทุ่มแล้วคร้าบ]
“อะไรนะ!”
ไม่ทันที่โฮวอนจะได้พูดอะไรต่อแอลรีบลุกออกจากห้องขายาวรีบวิ่งไปขึ้นลิฟต์ก่อนพ่นลมหายใจเฮือกใหญ่ออกมาก่อนจะมองนาฬิกาข้อมือสีดำ ไม่ใช่ว่าเขารีบเพราะลืมงาน เหตุผลเดียวที่รีบตอนนี้ก็แค่
หิว..
คนอย่างแอลจะงดอาหารไม่ได้แม้มื้อเดียว ไม่ว่าจะดื้อแค่ไหน..
จะกิน..
00.00
แอลเดินเข้าห้องพักของตัวเองอย่างแฮปปี้ มือหนาค่อยๆลูบหน้าท้องที่ป่องออกมาจากการยัดอาหารต่างๆนาๆลงท้องของเขานั่นแหละ เขาทิ้งตัวลงกับโซฟานั่งแผ่อย่างคนขี้เกียจ
เขาคิดถึงซองจงจนเก็บเอาไปฝันจนได้..
ซองจงมีอิทธิพลกับแอลจริงๆด้วย..
ϟ
วู้วๆ สวัสดีแชปเตอร์สองครับ มาไวจริงๆคนนี้ ด้วยความขยันนั่นแหละครับ(ช่วงแรกๆ) ยังไงก็ช่วยติดตามแล้วก็อย่างที่บอกครับคอมเมนท์คือกำลังใจของผม ยังไงก็ช่วยเม้นให้กำลังใจหน่อยนะครับใครๆก็อยากได้กำลังใจใช่ไหมล่ะฮือๆ ถ้าอยากหวีดเรามีแท็กในทวิตนะครับ วาร์ปได้เลย #สตูดิโอแอลจง ♥♥♥
ความคิดเห็น