ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    INFINITE FIC ; STUDIO, STORY♡ ϟ #MYUNGJONG

    ลำดับตอนที่ #3 : ϟ C H A P T E R 2 ϟ

    • อัปเดตล่าสุด 20 ต.ค. 59






     ϟ 02 ϟ
    -


     

                ใจล่องลอยหายไปไหนล่ะเนี่ย..

     

    “…”

     

    แอล!”

     

    เสียงที่ดังของโฮวอนทำเอาคนที่เหม่อลอยสะดุ้งแอลหันไปมองตามเสียงที่เรียก เขาเกาหัวเบาๆก่อนจะรีบหยิบกล้องออกจากกระเป๋า

     

    ทำไมวันนี้ทำตัวเงอะงะจังเลย หนุ่มแว่นเอ่ยถามอีกครั้งแต่สายตายังคงจ้องหน้าจอตรงหน้าของเขา บ่ายนี้ก็ยังคงทำงานเดิมๆของตัวเอง แอลหัวเราะเบาๆก่อนจะหยิบกล้องตัวโปรดหันไปทางเพื่อนร่วมงาน

     

    ..แช๊ะ!

     

    จนได้.. พูดจบเจ้าตากล้องก็หัวเราะออกมาเบาๆก่อนจะกดดูรูปที่ตัวเองได้ถ่ายเพื่อนของตัวเองไป เขาหลุดยิ้มออกมานิดๆก่อนจะยื่นกล้องให้คนที่ตั้งใจทำงานดู

     

    นายก็เป็นนายแบบได้เหมือนกันนะเนี่ย แอลพูดก่อนโฮวอนจะอมยิ้มกรุ้มกริ่มเกาหัวแก้เขิน หนุ่มปูซานเด็กต่างจังหวัดเจอคำชมแบบนี้ครั้งแรกก็ไปไม่ถูกเหมือนกัน

     

    แหม.. ตาถึงนี่

     

    ฉันล้อเล่น

     

    “…”

     

    ทีหลังถ้านายถ่ายรูปฉัน ฉันคิดเงินนะแอล พูดจบทั้งสองก็หัวเราะซะดังลั่นออกมา จากที่โฮวอนตั้งใจทำงานก็สติหลุดออกจากงานซะอย่างนั้น

     

    แต่ไม่นานก็ต้องหยุดหัวเราะซะก่อน..

     

    คุณเลขามาอีกแล้ว

     

    ..ก๊อก

     

    นิ้วเรียวเคาะประตูให้เด็กฝึกทั้งสองรู้สึกตัวและหันมาสนใจคนที่ยืนพิงขอบประตูนั้นอยู่ แขนเรียวยกขึ้นมากอดอกมองทั้งสอง คิ้วเริ่มขมวดอีกครั้ง เสียงจิ๊ปากก็ดังตามมาด้วยเช่นกัน

     

    งานเสร็จแล้วหรอ..

     

    เห็นไหมล่ะครับ..”

     

    กวนประสาทจนได้..

     

    นี่!” ซองจงพูดเสียงดังกว่าเดิมทันทีเมื่อได้ยินคำพูดของหนุ่มตากล้องที่ทำให้เขาหงุดหงิดมาตั้งแต่เมื่อวาน คิ้วที่ขมวดอยู่แล้วก็ยิ่งขมวดกว่าเดิมแทบจะติดกันอยู่แล้ว โฮวอนมองก่อนจะสะกิดเพื่อตัวเองเบาๆคนถูกสะกิดก็หลุดยิ้มออกมาก่อนจะพยักหน้า

     

    ผมน่ะเสร็จแล้ว แต่เพื่อนผมยังไม่เสร็จครับ คุณไม่เห็นต้องหงุดหงิดขนาดนั้นเลยนี่นา เสียงทุ้มเอ่ยขึ้นก่อนจะหัวเราะออกมาเบาๆ ด้วยท่าทางหงุดหงิดของซองจงนั้นมันน่ารักมากกว่าน่ากลัวสำหรับเขาอีก

     

    แต่นายไม่ควรกวนเพื่อน

     

    ออกไปก่อนก็ได้แอล.. โฮวอนขยับตัวไปกระซิบข้างหูเพื่อนที่กำลังกวนประสาทคนที่ยืนหงุดหงิดอยู่หน้าประตูตรงนั้น แอลเพียงแต่พยักหน้าก่อนจะเก็บกล้องใส่กระเป๋าและสะพายมันแค่นั้น

     

    ทำให้เสร็จล่ะ ฉันอยากไปสูดอากาศข้างนอก พูดจบตากล้องหนุ่มก็ค่อยๆก้าวขาเดินไปหน้าประตู ตรงหน้าของคุณเลขาคนนั้นนั่นแหละ

     

    มีอะไรจะคุยกับผมใช่ไหมล่ะครับ พูดจบแอลก็รีบเดินออกจากห้องถ่ายภาพ ขายาวค่อยๆก้าวอย่างช้าๆ เขาเป็นคนที่เดินเร็วอยู่แล้วแต่ตอนนี้กลับอยากเดินช้าๆ ช้าจนแทบจะหยุดเดินมันตรงนั้นเสียเลย

     

    หอม..

     

    กลิ่นน้ำหอมของซองจงที่ติดจมูกแอลทำให้เขาอมยิ้มเล็กน้อย คนอะไร น่ารักเสียจริง..แอลก้มหน้าคิดอะไรไปเรื่อยเปื่อยแต่สุดท้ายเขาก็ต้องหยุดเดินซะอย่างนั้น

     

    คิดไม่มีผิด..

     

    คิม มยองซู

     

    ความฝันเป็นจริง..

     

    ครับ..

     

    ผมค่อยหันกลับไปตามเสียงเล็กจากใครบางคน บางคนที่ผมกำลังคิดอยู่ในหัวสมองนั่นแหละ..

     

    เมื่อตอนเที่ยงนายมองฉันทำไม

     

    รู้ด้วยหรอครับ ผมรีบถามต่ออย่างเร็วจนทำให้คุณเลขาขี้หงุดหงิดจิ๊ปากอีกครั้ง เขาเดินเข้ามาใกล้ขึ้นก่อนจะกอดอกมองผมเหมือนเดิม นี่คงเป็นท่าประจำของเขาสินะ..

     

    จ้องขนาดนั้น หมายังรู้เลยว่าแอบมอง.. เสียงใสเอ่ยขึ้นจนผมต้องหลุดขำออกมา มือที่เคยจับสายสะพายผมก็เปลี่ยนเอามือมาล้วงกระเป๋าทันที

     

    น่าแกล้งจริงๆ..

     

    แล้วพี่เป็นหมาหรอครับ

     

    มยองซู!”

     

    มือเรียวกำมือแน่นก่อนจะยกกำปั้นขึ้นมา แต่คนที่กวนตีนไปเมื่อกี้ก็ไม่ได้กลัวเอาซะเลยคิดซะแต่ว่ามันน่ารักและน่าแกล้งมากกว่าเดิมแค่นั้น

     

    ผมแค่มองเฉยๆครับ มองไม่ได้หรอ แอลรีบเอ่ยถามอีกครั้งก่อนกำปั้นของคนตรงหน้าจะค่อยๆเลื่อนลงไปเหมือนเดิม เขาถอนหายใจเบาๆก่อนจะพยักหน้า

     

    ก็ไม่ได้ว่าอะไร..

     

    ตอนนี้ผมก็ยังมองพี่อยู่นะครับ ดูดิพูดจบแอลก็ยกนิ้วเรียวยาวชี้ไปที่ดวงตาของเขา คนที่ถูกแทนตัวเองด้วยคำว่า พี่ ถึงกับขมวดคิ้วพร้อมมองตามที่หนุ่มตากล้องบอก

     

    เหมือนเวลาหยุดหมุนอีกครั้ง..

     

    การสบตากันภายในเวลาไม่ถึง 1 นาที ทำเอาหนุ่มตากล้องอย่างแอลใจเต้นแรงอย่างบอกไม่ถูก ดวงตาคมจ้องไปที่ดวงตากลมโต คนตรงหน้าของแอลจากขมวดคิ้วก็เลิกคิ้วอย่างไม่เข้าใจ

     

    ไม่เข้าใจที่ไอตากล้องกวนประสาทเรียกเขาว่าพี่นั่นแหละ

     

    พี่? เสียงใสของเลขาซองจงดังขึ้นจนทำคนที่กำลังจ้องตาเขาแทบจะไม่กระพริบสะดุ้งขึ้น เหมือนหลุดตื่นออกจากความฝันอีกครั้ง เขาหัวเราะเบาๆก่อนจะพยักหน้าเบาๆ

     

    ผิดตรงไหนหรอครับ

     

    “…”

     

    พี่อายุตั้ง 25.. พูดจบคนตัวสูงกว่าไม่กี่เซนก็หัวเราะออกมา หัวเราะความแก่ของคุณเลขาหน้าสวยนั่นแหละ หน้าไม่เข้ากับอายุเลย..

     

    นายรู้ได้ไง ใบหน้าสวยขมวดคิ้วอย่างไม่เข้าใจเขาเอียงคอเล็กน้อยจนเหมือนลูกแมวขี้สงสัย คนถูกถามอย่างแอลก็ได้แต่ยิ้มก่อนจะส่ายหัวแทนคำตอบ

     

    ผมอายุ 20 ครับ

     

    ไม่ใช่คำตอบที่ซองจงต้องการเลยสักนิด

     

    แต่คิมมยองซูคนนี้ก็อยากบอก ไม่รู้ว่าทำไมเหมือนกัน

     

    ใครอยากรู้? แปปๆเสียงใสก็เอ่ยขึ้นมาอีกครั้ง ทำเอาคนที่ยิ้มกรุ้มกริ่มแทบจะหยุดยิ้มด้วยความหน้าแตกของเขา ใบหน้าหล่ออ้ำอึ้งนิดๆก่อนจะขมวดคิ้วคิดคำตอบในใจ

     

    ไปไม่ถูก..

     

    ยุ่งจริงๆ..  ซองจงพูดด้วยน้ำเสียงนิ่งก่อนเขาจะรีบหันหลังใส่หนุ่มตากล้องกวนประสาท ขาเรียวก้าวเดินออกไปก่อนจะชะงัก เขาหันไปมองไอหนุ่มตากล้องที่พูดชื่อของเขาออกมา

     

    พี่ซองจงครับ..

     

    กรุณาเรียกผมว่าแอลด้วย

     

    ดวงตากลมโตกรอกตาไปมาเล็กน้อยก่อนจะจิ๊ปากขึ้นอีกครั้ง รวมๆแล้วเขาจิ๊ปากใส่เจ้าตากล้องนี่ไป 4 รอบแล้ว คิ้วขมวดติดกันอีกครั้งก่อนแอลจะยิ้มจนตาปิด

     

    ยุ่ง!” คุณเลขาพูดเสียงดังก่อนจะรีบหันกลับไปและเดินออกไปจากตรงนั้นอย่างรวดเร็ว ด้วยท่าทางการเดินที่หงุดหงิด คนที่มองตามหลังเขาก็หลุดยิ้มออกมาเสียอย่างนั้น

     

    โดนว่าแค่นั้นก็ไม่โกรธเลย..

     

    ชอบมากกว่า..

     

     

     

     

                จ้องขนาดนั้น หมายังรู้เลยว่าแอบมอง

              แล้วพี่เป็นหมาหรอครับ

              มยองซู!”

     

                คำพูดกวนประสาทของแอลยังคงหมุนเวียนอยู่ในหัวซองจง ตั้งแต่เกิดมาเขาไม่เคยเจอใครที่กวนตีน กวนประสาท ทำให้เขาหงุดหงิดขนาดนี้มาก่อน

     

                แอลเป็นคนแรกเลยก็ว่าได้..

     

                Rrrrr

     

              เสียงสั่นจากโทรศัพท์ดังขึ้น เลขาซองจงที่นั่งบนรถเก๋งสีดำสะดุ้งตัวเล็กน้อยมือเรียวค่อยหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาดู หน้าจอแสดงชื่อของคนที่โทรมาแต่ก็ทำให้เขาขมวดคิ้วอีกครั้ง

     

                이성열

     

                ได้พักผ่อนแปปเดียวไอเบอร์ของคนขี้ตื้อก็มาก่อกวนระบบสมองเขาอีกคนเสียแล้ว

     

                รำคาญ..

     

                นิ้วเรียวค่อยๆเลื่อนหน้าจอเบาๆก่อนจะยกโทรศัพท์ขึ้นไปฟังเสียงของหนุ่มนายแบบประจำบริษัทของพ่อเขา

     

                [วันนี้รับสายด้วย]

              อีกหนึ่งนาทีก็วางแล้วแหละ

              [วันนี้ว่างไหมครับ พี่ว่าจะชวนเรามาหาอะไรทานสักหน่อย]

              ชวนในฐานะอะไรล่ะครับ

              [คนพิเศษ..]

              งั้นผมขอตอบในฐานะคนร่วมงานกันนะครับ

              ไม่ไป

              [ไม่คิดจะคิดคำตอบหน่อยเลยหรอครับ..]

              จำเป็นด้วยหรอ

              ไม่ไปก็คือคำตอบนั่นแหละครับ

     

              นิ้วเรียวรีบกดวางสายทันทีก่อนจะวางไว้ห่างจากตัว เขาถอนหายใจเบาๆก่อนจะสตาร์ทรถร่างบางที่กำลังจะออกรถก็หันไปมองหนุ่มร่างสูงที่กำลังสตาร์ทรถมอเตอร์ไซค์อยู่เช่นกัน

     

                จอดรถหน้าบริษัทหรอ..

     

                รถเก๋งสีดำค่อยๆเคลื่อนมาใกล้คนที่กำลังสตาร์ทรถมอเตอร์ไซค์สีดำ ซองจงเลื่อนกระจกรถก่อนจะบีบแตรไปหนึ่งที

     

                คุณครับ ตรงนี้ไม่ใช่ที่จอดรถมั่วๆซั่วๆนะครับ

     

              ด้วยความที่เจ้าของมอเตอร์ไซค์คันนั้นใส่หมวกกันน็อคปิดหน้าปิดตาขนาดนั้นจนซองจงไม่รู้ว่าเป็นใคร คนของบริษัทหรือเปล่าก็ไม่รู้ เขาเตือนด้วยน้ำเสียงนิ่งๆแต่ก็ไม่ได้แข็งกระด้างเหมือนคนอยากจะหาเรื่อง

     

                อื้อ!” เจ้าของรถมอเตอร์ไซต์หันมามองคนที่อยู่บนรถเก๋งก่อนจะยกนิ้วชี้ขึ้นชี้ใส่ซองจง ซองจงขมวดคิ้วเล็กน้อยก่อนมือหนาของเจ้าของรถมอเตอร์ไซค์คันนั้นจะเปิดกระจกบังลมขึ้น

     

                เจอกันอีกแล้วนะครับพี่เสียงทุ้มเอ่ยขึ้นก่อนซองจงจะเบิกตาโตขึ้นและจิ๊ปากตาม ซองจงแทบอยากจะเปิดประตูรถออกไปทุบไอหัวหมวกกันน็อคนั่นซะให้แตก

     

                นี่! ไม่รู้หรือไงว่าเขาไม่ให้จอดรถหน้าบริษัท จากเสียงที่ดูนุ่มนวลสุภาพกลับกลายเป็นเสียงรุนแรงหาเรื่องเมื่อรู้ว่าคนคนนั้นคือ แอล

     

              โห ดุจัง.. พูดแบบเมื่อกี้ไม่ได้หรอครับ เสียงกวนๆของแอลเอ่ยขึ้นทำเอาคนที่หงุดหงิดอยู่แล้วกลับทวีคูณมากขึ้น

     

                ตอบคำถามเมื่อกี้

     

              ผมลืมของครับ แค่จอดแปปเดียวเอง

     

              ไม่มีความรับผิดชอบ

     

              โห เจ็บจัง ยิ่งพูดยิ่งกวนประสาท ซองจงเริ่มรู้สึกเกลียดไอหนุ่มตากล้องนี่ขึ้นมาทุกทีเสียแล้ว มือเล็กกำมือแน่นพยายามระงับอารมณ์โมโหของตัวเอง เขาถอนหายใจเบาๆก่อนจะมองหน้าแอลอย่างไม่พอใจอีกครั้ง

     

                เลิกกวนประสาทสักหนึ่งนาทีเถอะนะ

     

                อ้อนวอนหรอ..

     

                ครับ.. อย่างที่ผมบอกพี่ไปแล้ว ขอโทษที่ไม่มีความรับผิดชอบครับคุณเลขาคำพูดที่ดูจะทำให้ซองจงโอเคขึ้นมาหน่อยถึงมันจะแฝงคำกวนตีนออกมานิดหน่อย แต่มันก็ดีกว่าแอลกวนประสาทเขาจนแถมจะปวดหัว

     

                อืม

     

                อืม

     

              ไม่ถึงหนึ่งนาทีก็กวนประสาทซองจงเข้าอีกแล้ว

     

                อืมมาอืมกลับ..

     

                ไม่โกง..

     

                เสียงจิ๊ปากดังขึ้นอีกครั้งก่อนคนบนรถเก๋งสีดำจะรีบปิดหน้าต่างใส่หน้าแอลเสียอย่างนั้น กระจกที่ติดฟิล์มแทบจะมองไม่เห็นคนบนรถทำเอาแอลเสียดายเล็กน้อย ไม่รู้ว่าคุณเลขาจะหันมามองมันไหม แต่แอลก็ยังอยากจะโบกมือลาให้คนบนรถอยู่ดี

     

                น่ารำคาญกว่าพี่ซองยอลก็นายมยองซูนี่แหละ..

     

                เกลียดที่สุดเลย..

     

                รถเก๋งสีดำเคลื่อนตัวออกจากบริษัทคนอย่างแอลก็ยังคงมองตามหลังอยู่ดี เขายิ้มนิดๆก่อนจะค่อยๆปิดกระจกบังลมหน้า เขาสตาร์รถอีกครั้งก่อนเพื่อนร่วมงานที่สนิทที่สุดในบริษัทจะรีบวิ่งออกมาจากตึก

     

                ขอโทษที่ให้รอนาน เสียงของโฮวอนดังขึ้นก่อนจะปาดเหงื่อตามหน้าของเขาออก คนที่คร่อมรถมอเตอร์ไซค์พยักหน้าก่อนจะชี้ให้โฮวอนขึ้นรถเสียที

     

                รีบขึ้นมา

     

              อะไรนะ

     

              ขึ้นมา

     

              ขี้หมาอะไรวะ..

     

              เพราะแอลใส่หมวกกันน็อคที่ปิดหน้าปิดตาขนาดนั้นมันเลยทำให้เสียงที่พูดเบาและทำให้คนที่ไม่ได้ยินที่พูดฟังผิดเพี้ยนไป คนบนรถถอนหายใจก่อนจะเปิดกระจกบังลมขึ้นอีกครั้ง

     

                บอกว่าขึ้นมา

     

              อ่อ.. ไม่ได้ยิน

     

              โฮวอนหัวเราะก่อนจะค่อยๆยกขาคร่อมมอเตอร์ไซค์คันสีดำของแอล โฮวอนจัดระเบียบตัวเองก่อนจะสะกิดให้เพื่อนออกรถได้เลย แอลหันไปมองโฮวอนก่อนจะพูดคำที่ทำให้โฮวอนใจสลายอีกครั้ง

     

                วันนี้ส่งหน้าหมู่บ้านพอ

     

                ใจแตกสลาย.. ต้องเดินเข้าไปลึกๆอีกแล้ว..

     

              ไม่สงสารเค้าหรอ

     

              วันนี้รีบครับคุณเพื่อน วันเดียวเอง

     

              สุดท้ายโฮวอนก็ต้องพยักหน้ายอมรับคำขอจากแอลอยู่ดี โฮวอนทำหน้าเสียดายนิดๆหน่อยจะรีบสวมหมวกกันน็อคที่คนข้างหน้าเขาส่งให้ รถมอเตอร์ไซค์สีดำขับออกจากบริษัทอย่างเร็ว จนได้ยินเสียงของเพื่อนที่ซ้อนท้ายตะโกนออกมาด้วยความไม่ได้ตั้งตัวของเขา

     

                คิดถึง..

     

     

     

                จากพระอาทิตย์ที่อยู่บนฟ้าตอนนี้พระจันทร์ก็ขึ้นมาแทน เวลาเกือบๆจะสองทุ่มหนุ่มตากล้องก็เพิ่งถึงคอนโดหรูใจกลางกรุงโซลที่ตัวเองอาศัยอยู่ ร่างสูงสะพายกระเป๋าที่มีกล้องอยู่ข้างในพร้อมถือหมวกกันน็อคเดินไปที่หน้าลิฟต์ เขายืนรอลิฟต์สักพักก้มหน้ามองปลายเท้าของตัวเอง

     

                แอลเป็นหนุ่มตากล้องที่เรียนจบมาจากต่างประเทศ ถึงแม้ว่าเขาจะเกิดที่เกาหลีเรียนที่เกาหลีแต่ก็ถูกส่งไปอเมริกาตอนมัธยมต้นกลับมาก็ช่วงขึ้นมัธยมปลาย ฐานะของแอลค่อนข้างดีเขาเลือกที่จะไปทำงานของครอบครัวได้แต่ก็ไม่ เขาอยากทำงานที่ตัวเองชอบ ก็ถ่ายรูปนี่แหละที่เขาต้องการ

     

                ถึงตอนนี้จะได้เป็นแค่เด็กฝึก แต่เขาก็ไม่ท้อแถมยังชอบมันเสียอีก

     

                ..ตี๊ง

     

                เสียงลิฟต์ดังขึ้นประตูก็เปิดขึ้นเสียงกันแอลเงยหน้าขึ้นก่อนจะก้าวขายาวเข้าไปในลิฟต์ที่ค่อนข้าวกว้าง เขายืนคนเดียวในลิฟต์นั่นแหละ คนเดียวเลย

     

                คิดถึงอีกแล้ว..

     

                ...

     

                แอลพ่นลมหายใจออกมาเฮือกใจด้วยความที่ไม่เข้าใจว่าจะนึกถึงอะไรกับคุณเลขาคนนั้นนักหนา เพิ่งเจอแค่ไม่กี่วันไม่เห็นจะน่ารู้สึกดีด้วยเลย ร่างสูงค่อยๆผิวปากแก้เหงาและแทนเสียงเงียบในลิฟต์ อยู่ในนี้คนเดียวมันก็เหงาเหมือนกัน

     

                ชั้น 10..

     

                ..ติ๊ง

     

                ประตูลิฟต์ค่อยๆเปิดออกขายาวรีบก้าวออกจากลิฟต์ แอลรีบเดินไปที่หน้าห้องของตัวเองนิ้วเรียวยาวยกขึ้นกดพาสเวิร์ดเพื่อเปิดประตูห้องของเขาเอง

     

                0313..

     

                เขากดรหัสผ่านก่อนเสียงจะเตือนขึ้นว่าพาสเวิร์ดนั้นถูก มือหนาจับลูกบิดประตูก่อนจะบิดลูกบิดประตู ขายาวค่อยๆก้าวเข้าห้องแต่ก็ต้องชะงักเมื่อเห็นประตูห้องตรงข้ามกับฝั่งของเขา ห่างไปอีกสักสี่หรือห้าห้อง ผู้ชายที่ก้าวออกจากห้องนั้นปิดประตูห้องก่อนจะเดินไปอีกทาง

     

                เสื้อแขนยาวสีขาวกางเกงขายาวสีขาวและรองเท้าแตะ การแต่งตัวธรรมดาของหนุ่มคนนั้นทำแอลจ้องอย่างสงสัย สงสัยที่สีผมของหนุ่มคนนั้นต่างหาก

     

                ผมสีบลอนด์..

     

                สงสัยจะเพลียเกินไปนะเรา คิดอะไรเรื่อยเปื่อยจนตาฝาดไปแล้ว

     

                แอลหลับตาก็จะสบัดหัวเบาๆเขาค่อยๆลืมตาก่อนจะมองไปอีกครั้ง ผู้ชายคนนั้นหายไปแล้ว

     

                สงสัยจะคิดไปเองจริงๆ..

     

                ขายาวรีบก้าวเข้าห้องก่อนจะปิดประตูเบาๆ ด้วยความเหนื่อยของแอลที่ทำงานในวันนี้เขาใช้ปลายเท้าจิกกับรองเท้าให้หลุดออกทั้งสองครั้ง ถอดถุงเท้าทั้งสองข้างแล้วก็วางมันเกะกะทางเข้าห้องแบบนั้นแหละ ใครมาเห็นเขาตอนนี้ก็คงด่าว่าไม่มีความรับผิดชอบจริงๆ

     

                มือหนาวางกระเป๋ากล้องและหมวกกันน็อคไว้ที่โต๊ะก่อนจะล้มตัวลงนอนบนเตียงนุ่มๆที่เขาต้องการในเวลานี้ที่สุด แอลค่อยๆหลับตาลงไม่นานเขาก็เข้าไปอยู่ในภวังค์ สภาพที่ยังไม่ได้อาบน้ำ ข้าวก็ยังไม่ได้กิน เหมือนเด็กจริงๆ

     

                แอลตื่นได้แล้ว เสียงใสกระซิบข้างหูของคนที่กำลังหลับอยู่บนเตียงนุ่มๆนั้น แอลค่อยๆยิ้มมุมปากก่อนจะหันไปโอบกอดคนที่กำลังมารบกวนการนอนของเขา

     

                ขอนอนหนึ่งนาที..

     

              หนึ่งนาทีมาสามรอบแล้วนะ

     

              ร่างบางฟาดไปที่แขนแกร่งเบาๆก่อนเจ้าดื้อที่นอนอยู่จะกระชับกอดแน่นขึ้น แอลค่อยๆลืมตาขึ้นมองคนที่เขากอดไว้อยู่ริมฝีปากหยักค่อยๆเลื่อนไปที่แก้มหอมๆนั้น

     

                ..จุ๊บ

     

                เขากดริมฝีปากลงแก้มของซองจงก่อนก้มหน้าลงซุกที่ซอกคอขาว มือบางค่อยๆลูบผมของหนุ่มตากล้องก่อนจะยีผมเบาๆ

     

                พี่บอกให้ตื่นได้แล้ว

     

              แอล..”

     

              Rrrrr

     

              เสียงโทรศัพท์บนโต๊ะสั่นเสียงดังจนปลุกคนที่นอนอยู่บนเตียงแอลสะดุ้งตื่นก่อนจะค่อยลุกขึ้นนั่ง

     

                เก็บไปฝันเลยหรอวะ..

     

                แขนยาวๆก่อนเอื้อมมือไปหยิบโทรศัพท์ก่อนจะรับสายโดยไม่ได้มองชื่อของคนที่โทรมาเลยแม้แต่น้อย

     

                ฮัลโหล..

              [กว่าจะรับนะคุณชาย]

              โฮวอนหรอ

              [Yes.. หลับหรอ]

              อืม..”

              [Hey! บอย.. ห้าทุ่มแล้วคร้าบ]

              อะไรนะ!”

     

                ไม่ทันที่โฮวอนจะได้พูดอะไรต่อแอลรีบลุกออกจากห้องขายาวรีบวิ่งไปขึ้นลิฟต์ก่อนพ่นลมหายใจเฮือกใหญ่ออกมาก่อนจะมองนาฬิกาข้อมือสีดำ ไม่ใช่ว่าเขารีบเพราะลืมงาน เหตุผลเดียวที่รีบตอนนี้ก็แค่

     

                หิว..

     

                คนอย่างแอลจะงดอาหารไม่ได้แม้มื้อเดียว ไม่ว่าจะดื้อแค่ไหน..

     

                จะกิน..

     

     

                00.00

     

                แอลเดินเข้าห้องพักของตัวเองอย่างแฮปปี้ มือหนาค่อยๆลูบหน้าท้องที่ป่องออกมาจากการยัดอาหารต่างๆนาๆลงท้องของเขานั่นแหละ เขาทิ้งตัวลงกับโซฟานั่งแผ่อย่างคนขี้เกียจ

     

                เขาคิดถึงซองจงจนเก็บเอาไปฝันจนได้..

     

    ซองจงมีอิทธิพลกับแอลจริงๆด้วย..

     

     

     ϟ

     

         วู้วๆ สวัสดีแชปเตอร์สองครับ มาไวจริงๆคนนี้ ด้วยความขยันนั่นแหละครับ(ช่วงแรกๆ) ยังไงก็ช่วยติดตามแล้วก็อย่างที่บอกครับคอมเมนท์คือกำลังใจของผม  ยังไงก็ช่วยเม้นให้กำลังใจหน่อยนะครับใครๆก็อยากได้กำลังใจใช่ไหมล่ะฮือๆ ถ้าอยากหวีดเรามีแท็กในทวิตนะครับ วาร์ปได้เลย #สตูดิโอแอลจง ♥♥♥

    CR.SQW
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×