คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #14 : ϟ C H A P T E R 1 3 ϟ
ϟ 13 ϟ
-
“อันนี้อร่อยอ่ะ...” เสียงใสพูดขึ้นนิ้วเรียวชี้ไปที่น่องไก่บนจานก่อนจะจับมาไว้ในมือ คำพูดของคนอายุยี่สิบห้าห่วงกินอย่างซองจงทำเอาแอลหลุดยิ้มออกมา ร่างสูงนั่งมองคนตรงหน้าที่นั่งครอบครองไก่ทอดแสนอร่อยทั้งจาน
“พี่กินไก่บ่อยๆ พี่ต้องหน้าอกใหญ่แน่เลย” เสียงทุ้มของหนุ่มตากล้องอายุยี่สิบดังขึ้นหลังจากที่จดจ้องซองจงอยู่นาน คำพูดที่ดูทะลึ่งทำให้ซองจงทำตาเขียวใส่อย่างรวดเร็ว คำพูดของแอลที่เริ่มสนิทมากขึ้นทุกทีบางครั้งซองจงก็ไปต่อไม่ถูก เขาจิ๊ปากเบาๆก่อนจะจับน่องไก่มากัดไว้
“ผมล้อเล่นน่า”
“แต่อย่ากินเยอะมากนะครับ มันไม่ดี” แอลพูดต่อหลังจากที่เห็นคนตรงหน้าทำเสียงฟึดฟัดไม่พอใจใส่ มือหนายกกระป๋องเป๊ปซี่ขึ้นมาดื่มแต่สายตาที่ยังคงมองซองจงตลอดเวลาก็ยังทำหน้าที่ถึงแม้จะทำอย่างอื่นด้วยก็ตาม
“แถมมันยังมีแป้งเยอะอีก พี่ต้องควบคุมน้ำหนักตัวเองด้วยนะครับ” นิสัยเอาใจใส่ การดูแลด้วยคำพูดบางทีซองจงกลับชอบยิ่งกว่าการกระทำเสียด้วยซ้ำ ร่างบางเหลือบมองคนตรงหน้าพร้อมกับถอนหายใจออกมาอย่างแผ่วเบา
“รู้แล้ว”
“โซจูที่ซื้อมาด้วย พี่ห้ามดื่มนะครับเพราะมันส่งผลกับน้ำหนักของพี่เหมือนกันแถมถ้าพี่ดื่มแล้วเมาเดี๋ยวก็ทำอะไรบ้าๆบอๆอีก ดีนะครับที่พี่ยังมีบุญอยู่ถึงขับรถกลับมารอดน่ะ” นอกจากการเอาใจใส่แอลก็ยังแฝงความขี้บ่นออกมาด้วย การพูดที่ทำตัวเหมือนแก่กว่าซองจงทำเอาร่างบางทำปากงุบงิบเหมือนกำลังล้อคนที่กำลังบ่นอยู่
เสียงบ่น เสียงถกเถียง เสียงหัวเราะ ดังขึ้นมาเป็นพักๆ ซองจงอายุยี่สิบห้าที่ไม่เคยมีคนรัก ไม่เคยมีรักแรก เขามีความสุขทุกครั้งที่ได้คุยกับตากล้องบ้านี่ ถึงแม้จะปนความรำคาญด้วยก็เถอะ
เงียบไปสักพักแอลยกนิ้วขึ้นมานับคิ้วขมวดขึ้นทันทีก่อนซองจงจะเงยหน้ามอง เหมือนแอลกำลังคิดอะไรอยู่ในใจ ท่าทางที่กำลังคิดทำให้ซองจงอยากจะรู้สิ่งที่แอลกำลังคิดอยู่ใบหน้าสวยจ้องมองคนที่กำลังก้มหน้านับนิ้วตัวเอง
“ทำอะไร”
“พรุ่งนี้วันฮาโลวีนครับ” เสียงใสถามก่อนหนุ่มตากล้องจะเงยหน้าขึ้นมาตอบ ท่าทางที่คิดเหมือนนับเลขเยอะๆทำซองจงแทบหลุดขำ แค่พรุ่งนี้ก็ยกนิ้วขึ้นมานับเหมือนห่างกันหลายอาทิตย์ สีหน้าซองจงที่เหมือนจะหัวเราะออกมาทำแอลขมวดคิ้วใส่ทันที
“ที่ผมนับเนี่ยผมคิดว่าจะซื้อดอกกุหลาบให้พี่ครบร้อยดอกวันไหน”
“แล้วเกี่ยวอะไรกับวันฮาโลวีน” ซองจงถามต่อก่อนใบหน้าหล่อจะทำตาลอกแลก เขาทำท่าทางเหมือนคนมีพิรุธสักพักก็รีบส่ายหัวไม่มีอะไร
“แค่บอกเฉยๆครับ” แอลรีบพูดออกมาก่อนร่างบางจะพยักหน้าอย่างไม่รู้อะไร รอยยิ้มมุมปากที่กระตุกเล็กน้อยเหมือนเด็กที่กำลังคิดซุกซน แอลกำลังคิดว่าจะแกล้งอะไรซองจงในวันพรุ่งนี้ต่างหาก
“ฉันอยากดูหนังผีอ่ะ”
“เลิกงานมาดูเป็นเพื่อนฉันหน่อยได้ปะ” ซองจงรีบชวนหนุ่มตากล้องที่กำลังเช็คกล้องอยู่ก่อนใบหน้าหล่อจะทำตาโตใส่ ซองจงใช้ชีวิตคนเดียวบ่อยมากกว่าจะใช้ชีวิตกับคนอื่นหรือครอบครัวแต่มันก็แปลกที่ซองจงกลับชวนแอลซะอย่างนั้น
“ผมไม่ชอบหนังผีครับ” มนุษย์แอลนิสัยกวนตีนแต่ใจกากพูดออกมาอย่างแผ่วเบาแต่พอที่ซองจงจะได้ยิน แค่ได้ยินคำว่าหนังผีแอลปฏิเสธแน่นอนเพราะเขาโคตรจะกลัวหนังพวกนี้เลย
แต่พอเป็นซองจงแล้วเขาก็ไม่กล้าที่จะปฏิเสธเช่นกัน
ยิ่งคำพูดต่อไปนี้ที่ทำให้แอลแทบจะตอบตกลงไปแทบไม่ทัน
“โอเค งั้นฉันรอพี่ซองยอลมาดูก็ได้นะ”
“งั้นผมไปก็ได้ครับ!”
เสียงหัวเราะซองจงดังขึ้นทันทีที่ได้ยินเสียงของคนตรงหน้ารีบพูดออกมาอย่างเร็ว ซองจงแค่จะกลั่นแกล้งคนตรงหน้าแค่นั้น แต่ก็แปลกๆที่อยากจะลากเจ้าหนุ่มตากล้องนี่ไปด้วยกันขนาดนี้
ขนาดต้องเอาซองยอลมาอ้างเลยนะ..
“แต่ว่าเอาเรื่องที่น่ากลัวไม่มากได้ไหมครับ”
“อืม”
“แล้วดูที่ไหนหรอครับ”
“ที่นี่แหละ”
แอลแทบควันออกหูเมื่อได้ยินว่าความจริงแล้วจะมาดูหนังในห้องของซองจงเอง ไม่ใช่เพราะเขาไม่อยากดูแต่พอรู้ว่าถ้าซองจงพาซองยอลมาก็คงจะมาอยู่ในห้องซองยอลนี่แหละ แอลถึงไม่พอใจขนาดนี้
ใจเย็นไว้น่า นายยังไม่ได้คบกับพี่ซองจงนะ ใจเย็นๆ..
แอลคิดในใจเสียงกัดฟันดังออกมาจากปากแอลพร้อมกับสีหน้างอนๆ คิ้วที่ขมวดจนแทบจะติดกัน เหมือนซองจงจะรู้ว่าการแกล้งของซองจงมันได้ผลแน่ๆถ้าแอลเลือกที่จะปฏิเสธไม่ยอมมาดูหนังกับเขาน่ะ
“โอเคไม่แกล้งแล้ว” ซองจงตอบสั้นๆพร้อมรอยยิ้มที่สดใส
“อย่าทำหน้าเหมือนตูดลิงนักเลยไอบ้ามยองซู”
ในขณะเดียวกันกับที่แอลและซองจงอยู่ด้วยกันอยู่นั้นยังเลือกอีก หนึ่งคู่ ที่กำลังมานัดเจอกันในที่สุดสวีทแบบนี้ ถึงแม้จะเพิ่งคุยกันและความเพ้อเจ้อของโฮวอนเองนั่นแหละ
แม่น้ำฮันเนี่ยนะ..
“ถ้าเป็นปูซานน่าจะดีกว่านี้..” โฮวอนบ่นพึมพำกับตัวเองเบาๆ เขายืนโดดๆคนเดียวใต้ต้นไม้ขนาดใหญ่เสื้อกันหนาวสีม่วงที่ค่อนข้างจะสะดุดตาคนส่วนมาก นิสัยมนุษย์โฮวอนนี่มันก็ไม่ค่อยจะต่างกับแอลสักเท่าไหร่หรอกนะ
หน้าตาย กวนตีน เล่นใหญ่..
โฮวอนและแอลคือฝาแฝดกันชัดๆ
ร่างหนาเดินวนต้นไม้จนคนรอบๆมองอย่างแปลกใจ โฮวอนไม่ได้สนใจใครเลยสักนิดนอกจากรอ หนุ่มนายแบบหน้าใหม่ มาหาเขาตามนัดในช่วงเวลาเย็นๆแบบนี้
แต่ถ้าเรื่องความรักโฮวอนแทบจะเก่งยิ่งกว่าแอลเสียด้วยซ้ำ หนุ่มปูซานที่ผ่านการพูดคุยกับสาวๆมากมายแน่นอนว่ายังไงคารมณ์เป็นต่ออยู่แล้วล่ะ
ถ้าแอลได้ฟังเรื่องราววันนี้ของเขาในวันพรุ่งนี้ล่ะก็..
แอลจะได้รู้ว่าโฮวอนคนนี้แหละกำลังมีความรัก
“โฮวอน!” เสียงนุ่มดังขึ้นจากอีกฝั่งโฮวอนหันไปตามเสียงที่เรียกชื่อของเขาก่อนนิ้วหนาจะยกขึ้นมาขยับแว่นของตัวเอง หนุ่มนายแบบหุ่นดียกมือขึ้นโบกพอจะให้หนุ่มแว่นอีกฟากเห็น ซองกยู รีบเร่งฝีเท้าเดินเข้าไปหาคนที่กำลังยืนรอเขาอยู่
เพราะซองกยูเพิ่งเป็นนายแบบใหม่ชื่อเสียงอาจจะยังไม่ค่อยดังนักมันจึงเป็นข้อดีที่เขาจะออกข้างนอกเหมือนผู้คนปกติ เขาไม่ใช่ไอดอลที่ต้องมาปิดตัวนี่นา อีกอย่างออกมาหาผู้ชายด้วยกันมันก็ไม่ได้ผิดด้วย
“รอนานไหม” ซองกยูถามขึ้นทันทีหลังจากที่เดินมายืนอยู่ตรงหน้าของหนุ่มแว่นที่ส่วนสูงเท่าๆกัน ดวงตาที่เล็กอยู่แล้วกลับเหมือนคนที่หลับตาเข้าไปใหญ่เวลาที่เขายิ้ม แต่สำหรับโฮวอนแล้ว ซองกยูโคตรจะน่ารักเลยแหละ
“ไม่นานนะครับ ก็แค่ยืนจนขาชา” เสียงเหน่อๆพูดปนกวนนิดๆ ซองกยูหัวเราะขึ้นมาทันทีเมื่อได้ยินคำพูดนั้น โฮวอนจดจ้องมองซองกยูอยู่นานก่อนริมฝีปากหนาจะค่อยๆคลี่ยิ้มออกมา
หนุ่มนายแบบอายุยี่สิบเจ็ดแต่ใบหน้าที่ยังคงความเด็กเอาไว้ มองเผลอๆโฮวอนกลับดูแก่กว่าซองกยูเสียอีก ทั้งคู่เริ่มก้าวขาเดินไปเรื่อยๆ วิวของแม่น้ำพร้อมกับแสงแดดสีส้มเข้ม ดวงอาทิตย์ที่กำลังจะตกไปอากาศที่เริ่มเย็นลงแต่มันก็ยังคงความโรแมนติกเอาไว้
“เราจะไปไหนกันหรอโฮวอน” หลังจากที่เงียบจนน่าอึดอัดซองกยูจึงเลือกที่จะพูดออกมาก่อน โฮวอนทำท่าทางเงอะงะก่อนจะก้มหน้าไปเหมือนเดิม
บางทีซองกยูก็ไม่เข้าใจว่าโฮวอนเป็นคนยังไง ตั้งแต่ทำงานร่วมกันครั้งนั้นก็เป็นโฮวอนเองที่เข้ามาหาเขาก่อนซะด้วย ตอนแรกซองกยูกลัวว่าโฮวอนจะมาทำร้ายร่างกายเขาซะอีก
แต่โฮวอนก็เป็นคนที่มีเสน่ห์เหมือนกันนะ ถ้าถอดแว่นน่าจะดูดีกว่านี้..
“ผมอยากซื้ออะไรมากินแล้วก็นั่งดูแม่น้ำฮันสบายๆ คุณว่าดีไหม” โฮวอนเงียบไปสักพักก่อนจะพูดออกมาจนซองกยูตามไม่ทัน ใบหน้าเรียวพยักหน้าก่อนก้มมองเสื้อกันหนาวของหนุ่มปูซานขำๆ
“ก็ได้ ฉันได้หมดนะ”
“ว่าแต่... เสื้อนายน่ะ” หนุ่มนายแบบยกมือเรียวขึ้นมาปิดปากพร้อมกับหัวเราะออกมา โฮวอนมองเสื้อของตัวเองหนุ่มปูซานที่ไม่ได้ใส่ใจแฟชั่นของตัวเองนักทำหน้าตาเหรอหราไม่เข้าใจ ซองกยูหัวเราะทำไม เสื้อสีม่วงที่เขาชอบมันตลกนักหรอ
“ทำไมหรอครับ มันไม่เท่หรอ” นิ้วหนาชี้ที่เสื้อกันหนาวสีม่วงของเขา สีหน้าของหนุ่มปูซานทำหน้าไม่เข้าใจแม้แต่นิดเดียว ซองกยูส่ายหัวก่อนมือเรียวนั้นจะเลื่อนออกจากใบหน้าของเขา
“ฉันว่ามันไม่เข้ากับนายนะ”
“ผมชอบสีนี้นี่ครับ”
“มันเข้มไปนี่นา ถ้าสีอ่อนกว่านี้ฉันว่ามันต้องเข้ากับนายมากกว่านี้แน่ๆเลยล่ะ” หนุ่มนายแบบอายุยี่สิบเจ็ดปีที่ใส่ใจแฟชั่นของคนอื่นพูดขึ้น มือเรียวยกขึ้นไปจับแขนเสื้อของคนข้างๆของเขา
“คุณก็ซื้อให้ผมสิครับ” โฮวอนพูดด้วยน้ำเสียงซื่อๆทื่อๆแต่ก็แฝงไปด้วยความทะเล้นอยู่ดี ซองกยูรีบส่ายหัวแทนคำตอบก่อนเขาจะหันไปมองทางแม่น้ำ
แสงที่ตกกระทบกับแม่น้ำสวยจนอยากจะหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาถ่ายรูป ซองกยูจดจ้องไปที่แม่น้ำจนแทบจะลืมหนุ่มพนักงานข้างๆอย่างโฮวอนไปจนโฮวอนต้องกระแอมเสียงนั่นแหละซองกยูถึงจะกลับไปสนใจเขาอีกครั้ง
“คุณชอบที่นี่หรอครับ คุณซองกยู” เสียงทุ้มเอ่ยถามทันทีที่เห็นหนุ่มนายแบบหันมามองใบหน้าของเขา
“อ่อ.. อื้ม ฉันชอบเพราะมันสวย”
“งั้นผมขอชอบด้วยคนนะครับ”
โฮวอนพูดออกมานิ่งๆ คำพูดที่ทำซองกยูแทบจะยกมือขึ้นมาแทบอก เขาไม่เคยโดนผู้ชายด้วยกันมาพูดอะไรแบบนี้ ไม่สิแค่เขาบอกว่าชอบแม่น้ำด้วยเหมือนกันมันไม่น่าตกใจหรอก แต่คำพูดต่อไปนี่แหละที่ทำซองกยูแทบอยากจะทรุดลงกับพื้นหญ้า
“แล้วผมก็ชอบคุณด้วยครับ คุณซองกยู”
!!!
ไอบ้าเอ๊ย นี่ซองกยูต้องมาเจอผู้ชายด้วยกันพูดอะไรน่ากลัวๆแบบนี้ด้วยหรอ คำพูดที่พูดออกมานิ่งๆใบหน้านิ่งๆของโฮวอนทำซองกยูแทบอยากจะกุมขมับ ถึงอีกใจมันจะเขินแปลกๆก็ตามเถอะ
“เอ่อ...” ซองกยูถึงกับพูดไม่ออก ยังไงก็ตามโฮวอนก็ไม่ได้สนใจอยู่ดีหนุ่มแว่นค่อยๆหันมามองใบหน้าเรียวของหนุ่มนายแบบริมฝีปากหนาค่อยๆยิ้มมุมปากออกมา
“เชื่อไหมครับ ที่ผมพูดเมื่อกี้น่ะ”
“ความจริง”
โฮวอนพูดออกมาด้วยน้ำเสียงนิ่งๆ เอาจริงๆแล้วโฮวอนถึงจะผ่านการคุยกับสาวๆมาเยอะก็ตามแต่นี่มันเพศเดียวกัน และเขาไม่เคยรู้สึกแบบนี้กับใครมาก่อน เพราะเขาเป็นคนตรงๆที่ด้วยพอจะสารภาพอะไรมันเลยทำตัวไม่ถูก อยากจะยิ้มแต่หน้ามันดันยิ้มไม่ออกซะอย่างนั้น
“แต่ฉันเป็นผู้ชายนะเว้ย!” เสียงนุ่มพูดออกมาเมื่อได้ยินถ้อยคำที่ชัดเจนของโฮวอน แม้เหตุผลของซองกยูมันจะมีสาระ ความเป็นไปได้ยากสูงแต่โฮวอนก็ไม่ได้ใส่ใจ อีกอย่าง..
ความรักมันจำกัดเพศไม่ได้หรอกนะ
♡
“ศัพท์ของการถ่ายถ่ายภาพมันเยอะนะครับพี่ซองจง”
เสียงทุ้มพูดขึ้นก่อนใบหน้าสวยจะเลื่อนไปมองหน้าจอของกล้อง หน้าจอสี่เหลี่ยมนั่นกำลังโชว์ใบหน้าของเขาอยู่นั่นแหละ ริมฝีปากสวยคลี่ยิ้มให้กับรูปของตัวเองเล็กๆ จริงๆแล้วแอลเป็นคนที่ถ่ายรูปสวยมากจริงๆ เขาเชื่อแล้วที่พ่อของเขาดูจะชอบแอลมากๆ
“ยังต้องมาจำอะไรแบบนั้นอีกหรอ แค่กดถ่าย”
“มันไม่ได้ง่ายนะครับ ผมเรียนมาทางนี้ด้วยน้า จะถ่ายรูปสวยๆมันก็ต้องรู้จักองค์ประกอบรู้จักอะไรมากมายเกี่ยวกับเรื่องพวกนี้ด้วยสิ”
“แค่นี้เองไม่เห็นต้องพูดเยอะเลย” การอธิบายของแอลที่ค่อยข้างเยอะจนซองจงไม่อยากจะฟัง เขารีบพูดตัดหน้าไม่ยอมให้แอลพูดออกมาอีก
“แล้วมันมีคำว่าอะไรบ้างล่ะ..”
ไม่อยากฟังแต่ก็อยากรู้อยู่ดี..
“มันจะแยกเป็นหมวดตัวอักษร A-Z ครับ อย่างเช่นหมวด A” เพราะซองจงอยากรู้แอลจึงเริ่มอธิบายด้วยความตั้งใจและซองจงก็เลือกจะเป็นผู้ฟังที่ดีและตั้งใจฟังเจ้าหนุ่มตากล้องนี่เหมือนกัน
“อย่างหมวด A – Absorption”
“หมายถึง?”
“หมายถึงการดูดกลืนแสงของฟิลเตอร์ครับ เช่น ฟิลเตอร์สีแดงดูดกลืนแสงสีเขียวและแสงสีน้ำเงินไว้” แอลอธิบายอย่างตั้งใจ ใบหน้าหล่อที่ค่อยๆคลี่ยิ้มออกมาเขาแสดงความรู้ที่ตัวเองมีออกมาพูดและซองจงก็พยักหน้ารับ
“Action Photography ก็คือการถ่ายภาพเคลื่อนไหว”
“ผมต้องรู้คำศัพท์พวกนี้แล้วก็เอาไปใช้ในการถ่ายภาพด้วย อย่างที่กำลังทำตอนนี้” พูดจบมือหนาก็ยกกล้องขึ้นมากดชัตเตอร์ใส่คนตรงหน้า ใบหน้าสวยที่ไม่ได้แม้แต่จะยิ้มให้กล้อง
แต่มันก็ยังงดงามเหมือนดอกไม้อยู่ดี..
“มยองซู!”
“พี่ดูครับว่าสวยไหม” เสียงพูดที่ดังออกมาจากซองจงไม่ได้ทำให้แอลสะทกสะท้านแม้แต่นิดเดียวเขากลับถามซองจงอย่างหน้านิ่ง มือหนาเลื่อนหน้าจอของกล้องไปหาหนุ่มเลขาที่นั่งกอดอกมองอย่างหงุดหงิด
“โห นายถ่ายฉันตอนที่ฉันยังไม่ทันจะได้เก๊กท่าเลยนะมยองซู”
“โคตรแกล้งเลยอ่ะ” ซองจงพูดด้วยน้ำเสียงงอนๆ แต่หนุ่มตากล้องกลับฉีกยิ้มออกมาซะอย่างนั้น เขาขยับตัวเข้าไปใกล้ซองจงเล็กน้อยใบหน้าหล่อจดจ้องไปที่ใบหน้าสวยที่กำลังขมวดคิ้วมองเขาอยู่
“แต่สำหรับผม รูปไหนพี่ก็สวยครับ” คำพูดที่ทำเอาใบหน้าสวยร้อนผ่าว ซองจงค่อยๆเม้มริมฝีปาก ความใกล้ชิดและสายตาของแอลกำลังจ้องซองจงอยู่มันทำให้ซองจงแทบอยากจะวิ่งออกจากห้องแล้วไปตะโกนดังๆ
“พี่ดูองค์ประกอบของรูปสิครับ แบบนี้เรียกว่า Absorption” แอลรีบเข้าเรื่องต่อก่อนซองจงจะรีบก้มหน้ามองรูปของตัวเองในกล้อง องค์ประกอบรูปที่สวยจนอยากจะได้มาเก็บไว้ บางทีถ้าในชีวิตมีคนแบบแอลอยู่ด้วยอย่างน้อยเราก็ได้รูปดีๆโดนไม่ต้องถ่ายเองออกมาบ้าง
“อื้มก็.. สวยดี” ซองจงตอบสั้นๆ ใบหน้าสวยที่ปนความเขินอายจนเห็นได้ชัดทำแอลอยากจะหัวเราะความน่ารักของคุณเลขาตรงหน้าออกมา
“ไว้คบกัน เราไปเที่ยวกันไหมครับ”
“เพ้อเจ้อ”
“ขอเพ้อเจ้อต่อให้จบก่อนสิครับ”
“...”
“ถ้าวันนึงเราคบกันแล้ว เราลองไปสถานที่ต่างๆไหมครับ ผมว่าถ้าที่นั่นมีพี่อยู่ด้วยมันจะต้องสวยมากๆ พี่ต้องเป็นนายแบบส่วนตัวให้ผมนะ”
คำเพ้อเจ้อของแอลที่เต็มไปด้วยความจริงจัง ใบหน้าหล่อที่จดจ้องแต่ซองจง ความคิดของแอลที่พูดออกมามันน่ารักจนซองจงก็อยากจะยิ้มออกมาเหมือนกัน
เป็นผู้ชายคนนึงที่จริงจังกับทุกเรื่องแถมยังชอบคิดเรื่องอนาคตแบบไกลริบหรี่อีกด้วย มือบางยกขึ้นดันใบหน้าของหนุ่มตากล้องออกด้วยความรู้สึกถึงความใกล้ชิดที่มากเกินไป
เขาไม่ยอมให้มีเหตุการณ์ครั้งที่สองหรอกน่า..
“พรุ่งนี้ผมไปทำงานพร้อมพี่ได้ไหมครับ รถของผมมันแปลกๆ” แอลพูดต่อหลังจากที่โดนหนุ่มเลขาตรงหน้ารู้ทันแผนทะลึ่งๆของตัวเอง
“ก็ขับได้ปกติไม่ใช่หรือไง” ซองจงรีบตอบ
“มันไม่ปกติก็ตั้งแต่พี่อยู่กับผมนั่นแหละ”
“เพราะมันอยากให้ผมไปกับพี่ไม่รู้หรอ” พูดจบแอลก็หลุดขำออกมาอย่างดัง ดังจนซองจงแทบอยากจะเอามือปิดหู อยากจะยกมือไปฟาดให้เลือดกลบปากอีกแรงๆ
“ไร้สาระว่ะ กลับห้องตัวเองไปเลยไป”
“เขินแล้วก็ไล่กันหรอครับพี่ซองจง”
“…”
“เอาไว้พรุ่งนี้ผมจะมาดูหนังกับพี่นะครับ”
31 Oct 2016 : Halloween Day
05:00 AM
..กริ๊ง!
เสียงดังมาจากหน้าประตูของห้องพักสุดหรู ดังครั้งที่หนึ่ง ครั้งที่สอง และครั้งที่สามจนเจ้าของห้องรู้สึกตัว เสียงบ่นพึมพำเบาๆของคนที่กำลังเดินงัวเงียออกมาจากห้องนอน ซองจงเดินเซๆมาที่หน้าประตู เขาคิดไว้อยู่แล้วว่าแอลจะมาปลุกเขาและลากเขาไปทำงานแต่เช้าแน่ๆ
เสียงเปิดประตูดังขึ้นร่างบางชะโงกมองซ้ายขวา เสียงกริ่งมันดังในห้องของเขาซองจงฟังไม่ผิดแน่ๆ ถ้าเป็นห้องอื่นเขาคงได้ยินเสียงคนคุยกันหรือเปิดประตูแล้ว
ไม่มีใครเลย..
คอนโดสุดหรูชื่อดังของกรุงโซลเวลาตีห้าชั้นสิบที่เงียบจนได้ยินเสียงลมหนาวๆที่พัดมา นั่นทำให้ซองจงรู้สึกขนลุกขึ้นมาทันที แต่อีกใจซองจงก็คิดแค่ว่าคงคิดไปเอง ไม่มีใครหรอกน่า ผีก็ผีเถอะเขาไม่กลัวหรอกนะ
เสียงปิดประตูดังขึ้นอีกครั้ง ซองจงกันหลังให้กับประตูขาเรียวค่อยๆก้าวกลับเข้าห้องนอนของตัวเอง ก้าวที่หนึ่ง ก้าวที่สอง และ
ก้าวที่สาม..
..ก๊อก ..ก๊อก ..ก๊อก
ก้าวที่สี่หายไปทันทีที่ซองจงได้ยินเสียงเคาะประตูแทน เคาะสามครั้งจังหวะการเคาะที่น่าขนลุก ตอนนี้ซองจงไม่กล้าที่หันหลังไปมองประตูด้วยซ้ำ จากที่ไม่กลัวอยู่ๆมันรู้สึกว่าน่ากลัวขึ้นเรื่อยๆ เสียงเงียบสงัดทั้งห้อง บรรยากาศที่คล้ายกับหนังผีสยองขวัญที่ซองจงมักจะชอบดู
นึกถึงหนังผีที่เคยดูซองจงจึงตัดสินใจหันไปมองประตูห้องของเขาเอง ซองจงผ่านหนังผีมากเยอะและตอนนี้เขาเชื่อมั่นว่าไอหนังผีหลอกคนดูให้กลัวโดยการสร้างบรรยากาศหลอนๆ เสียงเคาะประตูโง่ๆ พอเปิดออกไปก็คงเห็นแค่อากาศว่างเปล่า ไม่มีอะไรอยู่ดี
ซองจงหายใจเข้าลึกๆเต็มปอดก่อนจะถอนออกมา ขาเรียวก้าวไปที่ประตูมือบางที่จับลูกบิดและเปิดประตูอย่างรวดเร็ว แค่วินาทีเดียวเท่านั้น..
“แฮ่!!!”
แค่วินาทีเดียวจริงๆ ซองจงแทบจะล้มลงไปดิ้นกับพื้น เสื้อสีดำผ้าคลุมสีดำกับหน้ากากผีโง่ๆที่ทำซองจงแทบล้มตึงลงไปนอนกับพื้น แผนการโง่ๆของแอลมันสำเร็จแล้วล่ะเพราะหลังจากที่เขาทำเสียงประหลาดๆออกมาซองจงก็ร้องลั่นยิ่งกว่าเจอผีจริงๆซะอีก
“ออมม่า!!!” เสียงใสตะโกนลั่นทันทีที่เห็นผีปลอมๆมากระโดดใส่หน้า ดวงตาเรียวสวยที่หลับตาปี๋เขาแทบจะวิ่งกลับเข้าห้องนอนแล้วล็อคประตูมันซะ เสียงอวดครวญดังสังพักก่อนเสียงหัวเราะของคนที่ใส่หน้ากากผีจะดังออกมาเช่นกัน
“โฮะ โฮะ โฮ้..”
“เอาลูกอมมาเลยนะ ไม่งั้นฉันจะบีบคอนาย”
เสียงที่ดัดให้ดูใหญ่และเหมือนคนแก่ดังขึ้นภายใต้หน้ากากผีตรงหน้าของซองจง เหมือนคนที่ตกใจจนแทบเสียสติจะรวบรวมสติได้กลับคืนมาเหมือนเดิม ดวงตาสวยค่อยๆเปิดขึ้นมามองคุณผีปลอมที่ทำท่าจะบีบคอเขา และตอนนี้เขารู้แล้วว่าใครมันมาเล่นอะไรแบบนี้
“ลูกอม..” เสียงจากภายใต้หน้ากากดังขึ้นอีกครั้ง ใบหน้าสวยเริ่มนิ่งคิ้วสวยขมวดติดกันทันที
“ลูกอมหรอ..” จากที่ง่วง จากที่กลัว ตอนนี้กลับกลายเป็นแม่มดที่พร้อมจะฆ่าคนตรงหน้าให้ตายไปเป็นผีจริงๆ มือบางยกขึ้นมากระชากหน้ากากผีออกจากคนตรงหน้าทันที และเขาคิดถูกไอคนที่เล่นแบบนี้คือแอลหนุ่มตากล้องที่มาทั้งรบกวนการนอนของเขาและยังมาทำให้กลัวอีกต่างหาก
“ลูกอมหรอ!” กระแทกเสียงแรงๆก่อนจะยกหน้ากากฟาดไปที่หัวของหนุ่มตากล้องตรงหน้าไปสองสามที เกือบจะมีครั้งที่สี่ถ้าเจ้านั่นไม่ยกมือขึ้นมาบังก่อน เสียงทุ้มหัวเราะออกมาแล้วลูบหัวตัวเองเบาๆ เหมือนแอลกำลังรู้สึกดีใจที่ได้แกล้งซองจงสำเร็จ ดีใจยิ่งกว่าเรียนจบหรือใดๆทั้งสิ้น
“ไปเลยนะไอบ้างมยองซู!” เสียงใสพูดเสียงดังจนเหมือนแทบจะรบกวนห้องอื่นๆ ร่างบางที่กำลังโกรธกับสิ่งที่แอลทำเขายกมือขึ้นมาจะปิดประตูใส่หน้าทันที แต่คนอย่างแอลก็คงเข้ามาได้อยู่ดีก็เท่ากับว่าซองจงปิดประตูไม่ทันแต่แอลก็แทรกตัวเข้ามาแล้ว
เดี๋ยวนี้ทำตัวไม่มีมารยาท
ทั้งคู่นั่งมองหน้ากันมาสักพักบนโซฟาหลังจากที่ต่างคนต่างต่อล้อต่อเถียงกันหน้าห้องไปสักพัก ใบหน้าซองจงที่โคตรจะหงุดหงิดเหมือนในหัวสมองมีแต่เสียงสงครามตลอดเวลา ซึ่งมันต่างกับอีกคนที่กำลังยิ้มอย่างไม่สะทกสะท้านกับสิ่งที่เกินขึ้นไปเมื่อสักครู่ แถมยังเป็นรอยยิ้มที่แฝงไปด้วยความก่อกวนเหมือนในสมองเขาก็คงจะมีแต่เสียงบ้าๆบอๆในนั้น
“ผมคือไมเคิล ฆาตกรต่อเนื่อง!” เหมือนจะไม่สนใจสีหน้าของคนตรงหน้าเขาหยิบหน้ากากขึ้นมาสวมอีกครั้งพร้อมกับหยิบมีดของเล่นมาทำท่าจะแทงซองจง บางทีซองจงก็ไม่มั่นใจว่าแอลคือหนุ่มวัยรุ่นอายุยี่สิบจริงๆหรือเปล่า หรือตานี่มันไปสลับร่างกับเด็กสิบขวบกันแน่
โคตรบ้า
“เหอะ” ซองจงกระตุกยิ้มอย่างเอือมๆ เหมือนความง่วงจะกลับเข้ามาครอบงำเขาอีกครั้งซองจงสั่นหัวเบาๆพร้อมกับเอนตัวลงไปนอนกับโซฟานุ่ม ซองจงที่ง่วงขึ้นมาอีกครั้งและต้องการพักผ่อนต่อก่อนจะไปทำงาน คำว่า ‘เอ้า’ ดังออกมาจากปากของหนุ่มตากล้องที่ใส่หน้ากากตรงนั้น
“ไปไกลๆจะนอน” ซองจงพูดตัดบทสนทนาก่อนหนุ่มตากล้องจะรีบดึงหน้ากากออกจากหัวตัวเอง
“พี่ต้องไปทำงานครับ!”
“ลุกเลยนะ คุณสล็อตซองจง” ฉายาที่ล้านดังขึ้นจากปากของหนุ่มตากล้องอีกแล้ว แต่เหมือนซองจงไม่คิดที่จะลุกขึ้นมาแย้งชื่อใหม่ๆของเขาแล้วล่ะ ซองจงต้องการที่จะนอน นอน นอน และนอนเท่านั้นในเวลานี้
“คุณสล็อตซองจง”
“…”
เหมือนจะหลับไปแล้ว แอลสูดลมหายใจเข้าเต็มปอดก่อนจะปล่อยออกมาอย่างเหนื่อยล้า ร่างสูงโปร่งลุกขึ้นยืนจากโซฟา การกอดอกมองคนที่กำลังนอนอยู่บนโซฟาเหมือนกำลังคิดอะไรสักอย่าง เขากระดิกเท้าเพื่อทำให้สมองแล่นคิดแผนการไม่ดีกับซองจงขึ้นมาอีกครั้ง
และเหมือนแอลจะคิดออกแล้วล่ะ..
ร่างสูงก้มลงไปใกล้ๆร่างบางที่ยังคงนอนอยู่บนโซฟานุ่มๆนั่น ริมฝีปากหยักยิ้มออกมาอย่างเจ้าเล่ห์เขาเลื่อนใบหน้าเรียวไปข้างๆหูของคนที่กำลังหลับอยู่ และเหมือนแอลจะรู้ว่าซองจงยังหลับไม่สนิท
“ถ้าพี่ไม่ตื่น”
“…” เสียงกระซิบเบาๆดังขึ้นจนซองจงที่นอนนิ่งๆจะรีบหลับตาปี๋พยายามไม่สนใจอะไร เขายังทำตัวเหมือนว่าไม่รู้สึกอะไรทั้งๆที่ตอนนี้หัวใจเขากำลังเต้นแรงขึ้นเรื่อยๆ
“ผมจะปล้ำพี่ตอนนี้เลยนะ”
!!!
ϟ
ฝากเมนท์ให้กำลังใจด้วยนะครับตอนนี้ต้องการกำลังใจมากๆ ถ้าไม่มีคงต้องพักไปยาวๆ..
ยังไงฝากสกรีมแท็ก #สตูดิโอแอลจง ในทวิตเตอร์ด้วยนะคร้าบ
ps. พิมพ์ผิดตรงไหนขออภัยด้วครับ มีเวลาว่างจะมาแก้ไขให้น้า
ความคิดเห็น