ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    2070 : อุบัติการณ์รัก 46 ชม.สุดท้าย...คือเธอ

    ลำดับตอนที่ #1 : 1.Recoed from Pain

    • อัปเดตล่าสุด 30 ก.ย. 51


    1.

                    ...แฮ่ก...แฮ่ก...

    เสียงหอบ ของลิปตาดังเบา ๆ สลับกับเสียงฝีเท้าที่ออกวิ่งอย่างสุดชีวิต

    แต่แผ่วเบาที่สุดเท่าที่เธอจะทำได้ เธอวิ่งผ่านห้องต่าง ๆ

    โดยพยายามไม่หันเข้าไปมองข้างในห้องเหล่านั้น

    เลี้ยวผ่านเคาท์เตอร์สูงเท่าเอวไปสู่อีกทางเดินหนึ่ง

    แต่ภาพที่อยู่ตรงหน้า ทำให้เธอเอี้ยวตัวกลับทันทีและไม่อาจส่งเสียงอะไรได้อีก

        ลิปตาค่อย ๆ ทรุดตัวนั่ง เอาหลังพิงกับเคาท์เตอร์ และ แอบมองภาพนั้นอีกครั้ง

                    มีอะไรบางอย่างที่ มีร่างกายคล้ายมนุษย์

    กำลังค่อย ๆ คลานออกมาจากห้องอย่างช้า ๆ  

    เนื้อตัวเปื้อนไปด้วยเมือกเหลวสีขุ่น ปะปนกับเลือด น่าสะอิดสะเอียน

    ลิปตาเบิกตากว้าง พลางยกมือขึ้นปิดปาก

    กันเสียงอุทานไม่อยากให้มันเล็ดลอดออกไป
    อีกมือหนึ่งที่กำคันธนู ก็กระชับไว้แน่นกับลำตัว น้ำตาเอ่อคลอออกมา

    ที่ทั้งตกใจกลัว และเสียขวัญเหลือเกิน

    ร่างบอบบางของลิปตาขยับขึ้นลงตามลมหายใจที่กำลังหอบอยู่

    เม็ดเหงื่อผุดขึ้นมาบนผิวหน้าขาวซีดไหลลงไปตามข้างแก้ม นั่งคิดเร็ว ๆ ว่าเธอควรทำยังไงต่อไปดี

                    สิ่งที่อยู่เบื้องหลังของเธอก็ยังคงขยับ คลานออกมา
    และค่อย ๆ ทรงตัวยืนขึ้นด้วยท่าทางไร้ซึ่งเรี่ยวแรง สลับกับส่งเสียงครางเบา ๆ

    และที่สำคัญ มัน ไม่ได้มีเพียงตัวเดียว พวกมันเริ่มคลานออกมาและ
    ค่อย ๆ ขึ้นทีละตัว ๆ ราวห้าหกตัว อะไรที่เหมือนกับร่างกายของคน
    แต่ว่ามันไม่ใช่คน ไม่ได้มีแววตาเหมือนคนทั่วไป
    มีแต่นัยตาโปน สีดำลูกใหญ่ แทบจะทะลักออกมาจากเบ้าตา
    ทั้งยังส่งเสียงครางโหยหวน น่าสยดสยอง ตัวแล้วตัวเล่า
    เนื้อแดง ๆ ที่มองออกว่าเป็นกล้ามเนื้อ แต่ไม่มีผิวหนังห่อหุ้ม บีบรัดตัวอยู่
    ลิปตาขนลุก อยากจะกรีดร้อง กับสิ่งที่เห็นเป็นที่สุด ไม่อยากบอกกับตัวเองว่านี่เป็นเรื่องจริง

                    หากเพราะ ลิปตาเป็นแค่สาวน้อยแสนธรรมดาสามัญชน
    วัย 20 คนหนึ่งเท่านั้น ใช้ชีวิตนักศึกษาสาว เข้าเรียน กินข้าวเที่ยวเล่น
    เหมือนคนอื่น ๆ ทั่วไป เมื่อราว ๆ 40 ชั่วโมงก่อน แต่ตอนนี้ เ

    เธอต้องมานั่งตื่นเต้น อกสั่นขวัญแขวน กับไอ้ภาพของตัวประหลาด
    เหมือนฉากหนึ่งในหนังแนวแอ๊กชั่น ผจญภัย แฟนตาซี ไม่มีผิดเพี้ยน

    แต่จะผิดก็ตรงที่เธอไม่ใช่นางเอก สุดเซ็กก์ซี่ แสนเก่งกาจเพรียบพร้อม

    ก็แค่นั่น และตอนนี้ก็ไม่ได้มีสคริปให้เธอเล่นเสียด้วย เธอเลยเริ่มกังวลหนักขึ้น

                    ตอนนี้เธอพยายามควบคุมตัวเองให้หายใจช้า ๆ

    หยุดอาการหอบโดยเร็ว กำมือแน่น ข่มใจที่หวาดกลัว
    และสับสน  เธอกลืนน้ำลายลงไปอย่างยากลำบาก  บรรเทาคอที่แห้งผาก

                    แม้ลิปตาจะขยับตัวไม่ได้ แต่เธอต้องออกไปจากตรงนี้ให้ได้โดยเร็ว
    ระยะทางแค่ไม่กี่ก้าว จากที่เธอนั่งอยู่นั้น คงไม่สามารถซ่อนเธอจากพวกมันได้นานซักเท่าใด
     
    เธอรวบรวมสติ ที่หลุดกระเจิงไปตามรายทางให้กลับมาเข้าที่ของมัน พลางจับขาตัวเองให้หยุดสั่น

     ในขณะที่เธอกำลังจะเอี้ยวตัวไปมอง พวกมันอีกครั้ง เพื่อหาจังหวะ ออกวิ่ง
    แต่เธอถูกรวบจากด้านหลังอย่างรวดเร็ว และถูกปิดปากแน่น 
    เธอตกใจเกินกว่าที่ทันดูว่าเป็นอะไร ลิปตา ดิ้นอย่างแรง
    เพื่อให้หลุดพ้นจากพันธนาการไม่ทราบที่มา แม้ว่ามันเหมือนกับเธอจะตัวสั่นมากขึ้นกว่าเดิม

                    เสียงหนึ่งกระซิบเบา ๆ

                    ลิปตา...ในเย็น ๆ นี่เนิร์สเอง

    เป็นเสียงของเนิร์ส ที่กระซิบอุ่น ๆ ข้าง ๆ หูของลิปตา เธอหันไปมองอย่างรวดเร็ว 
    บัดนี้น้ำตาที่เอ่อคลอ หยดลงบนหลังมือของเนิร์สที่ปิดปากเธออยู่
    เขาค่อย ๆ คลายมือออก เมื่อเห็นว่าเธอระงับอาการตกใจได้แล้ว

                    ชู่ววว...ใจเย็น ๆ นะลิปตา...
    เนิร์สส่งสัญญาณมือให้ลิปตา และชะโงกช้า ๆ ไปดู
    สถานการณ์ ขณะที่ลูกสุนัขตัวเล็ก ๆ ตัวหนึ่ง
    ก็ปีนขึ้นไปบนตักของเธอและเลียที่แก้ม

    เท็ดดี้...แกปลอดภัยนะ  ไอ้ตัวเล็ก...อย่าหนีไปไหนอีกนะ 
    ลิปตากระซิบกับเจ้าหมาน้อยและกอดมันไว้ แน่นด้วยความดีใจ
    ...เพราะเจ้าตัวเล็กนี่เองที่ป่วนให้ลิปตาและเนิร์ส ต้องเข้ามาในที่ที่น่าสยดสยองเช่นนี้

    เนิร์ส เป็นชายหนุ่มรุ่นราวคราวเดียวกับลิปตา
    ตอนนี้กำลังมอง ไอ้ตัวประหลาดเหล่านั้นที่ยืนอยู่เป็นกลุ่ม
    ส่งเสียงครวญคราง โหยหวน ด้วยความเจ็บปวด
    เพราะผิวหนังที่ถูกสร้างยังไม่สมบูรณ์ มีเลือดไหล ซิบ ๆ
    ออกมาเหมือนบาดแผลสด และเสียงของพวกมันก็เริ่มดังขึ้น ๆ
    และเหมือนจะใกล้เข้ามาทุกที ๆ เขามีสีหน้าเครียดอย่างเห็นได้ชัด
    และเม็ดเหงื่อที่ไหลย้อยลงมาข้างแก้ม
    ก็ดูเหมือนว่าเขาก็เหนื่อยเช่นไม่ต่างไปจากเธอ

    เนิร์สหันกลับมาที่เธอ มองหน้าเธอด้วยสายตาที่อ่อนโยน ลูบผมที่ปิดหน้าเธออยู่
    และปาดน้ำตาออกจากแก้ม ความอบอุ่นส่งผ่านฝ่ามือที่ลูบแก้มเธออย่างแผ่วเบา
    ทำให้เธอรู้สึกดีขึ้นมากมาย

                    ลิปตา...ไม่ต้องกลัวนะ เนิร์ส อยู่นี่แล้ว...จะไม่ไปไหนอีกแล้ว...
    เขากระซิบบอกเธอ

                    ลิปตาได้แต่ยิ้มน้อยๆและพยักหน้าตอบเขา
    ยกมือขึ้นจับมือของเนิร์สที่อยู่ข้างแก้มเธอ บีบกระชับ
    รู้สึกถึงความปลอดภัย เมื่อมีเขาอยู่ข้าง ๆ เธอ

                    แต่ทั้งสองคนกลับไม่ทันสังเกต ในเสี้ยววินาทีที่เจ้าเท็ดดี้ กำลังส่งเสียงขู่อะไรบางอย่างอยู่
    จน กระทั่ง

                    เมือกเหนียว ๆ ปนด้วยเลือด หยด แหมะสองสามหยด บนแก้มของลิปตา

     เสียงขู่ ลอดผ่านฟันของมันออกมา ขณะกำลังยืนค้ำหัวของพวกเขาทั้งสองคนอยู่ และ ทันทีกับที่ร่างกึ่งมนุษย์อันน่าสยดสยอง แผดเสียงดังบนหัว
    ของพวกเขา ไม่ทันที่ลิปตากับเนิร์สจะได้ขยับตัว มันเอื้อมมาจับต้นแขนของลิปตา
    และกระชากเธอ เหวี่ยงสุดแรง ทำให้ลิปตาที่นั่งอยู่
    ถูกเหวี่ยงออกไปกระแทกกับผนังอีกด้านอย่างแรง

                    ลิปตาาา...!!!” เนิร์สตะโกน

    เขาลุกขึ้นทันที และ ถีบเจ้าตัวประหลาดนั้นอย่างสุดกำลัง
    ในขณะที่มันกำลังเคลื่อตัวเข้าไปใกล้สิปตา มันล้มลงไปข้าง ๆ เธอ
    ส่งเสียงโหยหวนจากความเจ็บปวด
    ทำให้ตัวประหลาดที่เหลือ หันมาเห็นเขาและเธอ

    เนิร์สเข้าไปหาลิปตาอย่างรวดเร็ว และพยุงเธอลุกขึ้น
    ขณะนี้พวกมันกำลังเดินมาที่เขาทั้งสองคนแล้ว

     ลิปตาจับที่แขนของเนิร์สแน่นและดันตัวลุกขึ้น
    เธอรู้สึกเจ็บมากเหลือเกินจากแรงเหวี่ยงเมื่อครู่ แต่ไม่มีเวลาให้กับเธออีกต่อไปแล้ว

     ทั้งคู่ออกวิ่ง เพื่อหาทางออกจากตึกนี้...ให้เร็วที่สุด

                    เนิร์สพยุงลิปตาวิ่ง มือหนึ่งก็อุ้มเจ้าเท็ดดี้ไว้และตัดสินใจใช้บันไดหนีไฟ 
    เพราะน่าจะเป็นทางเดียวที่จะหลีกเลี่ยง การเจอกับไอ้ตัวประหลาดเหล่านั้นได้
    และโชคดีเหลือเกินที่เจ้าพวกนั้น ไม่ได้เคลื่อนไหวเร็ว เหมือนในหนัง มันเป็นเพียงเหมือนซากมนุษย์ที่กำลังอยู่ในช่วงระหว่างทดลองและ
    มันยังมีร่างกายไม่สมบูรณ์เท่านั้นเอง...

    ทั้งคู่วิ่งลงบันได ไปได้สองชั้น ก็พบว่าไม่สามารถ วิ่งลงบันไดต่อไปได้ เพราะเพดานที่ถล่มลงมาปิดทางที่จะลงต่อไปได้

     เนิร์สจึงต้องตัดสินใจเข้าไปในตัวตึกอีกครั้ง  
    แม้เขาจะรู้ดีว่า อาจจะต้องเจอกับอะไรอีกก็ตาม
    แต่มันย่อมดีกว่าที่พวกเขาจะรออยู่เฉย ๆ ให้ตัวอะไรมาเจอเข้า
    แต่ไม่ใช่ความช่วยเหลือใด ๆ แน่นอนอยู่แล้ว

                    ลิปตา...ไหวนะ...

    เขาถามเธอ เมื่อมองออกไปตามทางเดิน ที่ว่างเปล่า และยังไม่พบอะไร

                    อือ...โอเค...รีบออกไปจากที่นี่ดีกว่า...ลิปตากลัว...

    เมื่อทางเดินข้างในตึกนั้นดูเหมือนจะปลอดภัย
    ทั้งคู่ ค่อย ๆ เดินออกมา และมองรอบ ๆ อย่างรวดเร็ว และเห็นบันได
    ตรงโถงกลางของตึก และทางเดินอีกไม่ไกล เมื่อประตูกระจกอยู่ตรงหน้า
    ซึ่งตรงนั้นสามารถออกไปข้างนอกได้

                    น่าจะปลอดภัยนะ...เดี๋ยวเรา วิ่งไปตรงนั้น ลงบันได้ไปก็ออกจากตึกนี้ได้แล้ว...
    เนิร์สบอกลิปตา

    ทั้งคู่ออกจากประตูบันไดหนีไฟออกมา และวิ่งไปได้ไม่กี่ก้าว

                    ว้ายย...!!!”

    แรงกระแทกจากด้านหลัง อัดกระแทกให้ทั้งสองคนล้มลง ไปกองกับพื้น

     และทั้งคู่คิดผิดโดยสิ้นเชิง...

    เพราะแท้จริงแล้วชั้นนี้เป็นชั้นสองของสถานีทดลองทางชีวภาพและเทคโนโลยี ที่ทำการทดลองโคลนนิ่งเฉพาะมนุษย์ และ
    เป็นห้องที่เก็บร่างของมนุษย์ที่ถูกโคลนนิงอย่างสมบูรณ์แล้ว
    เหลือเพียงแค่ประจุความคิดเท่านั้น ชั้นนี้ จึงเป็นชั้นที่อันตรายที่สุด
    เพราะมันเป็นสิ่งที่ใกล้เคียงกับมนุษย์ที่สุด
    แต่ไม่ได้มีความคิดละเจิตใจแท่านั้น มีก็แต่สายตาและสันชาติญาณที่ไม่ต่างอะไรไปจากสัตว์ป่าตัวหนึ่ง เมื่อมนุษย์ไร้ซึ่งสามัญสำนึกก็ไม่ต่างอะไรไปจากสัตว์...

    ร่างของมนุษย์ผู้ชาย สูงใหญ่ ไร้เสื้อผ้าปกลุม มันที่กำลังจ้องเนิร์สตาเขม็งอยู่ตอนนี้

                    มันคำรามเสียงดังเหมือนสัตว์ล่าเหยื่อตัวหนึ่ง และก้าวเข้าไปจับข้อเท้าของเนิร์ส ที่กำลังจะลุกขึ้น เหวี่ยงไปกระแทกกับกระจกด้านข้าง เสียงดัง โครม

                    อ๊ากก... เนิร์สส่งเสียงร้องจากความเจ็บปวดที่เกิดขึ้น

    เจ้าตัวประหลาดที่ทั้งสองคนกำลังเผชิญหน้าอยู่ตอนนี้ มันต่างกับตัวที่อยู่ข้างบนลิบลับ...นอกเสียจากไม่มีเมือกและเลือด  
    มันยังมีแววตาที่ดูหิวกระหาย  คอยอ้าปากเผยให้เห็นเขี้ยวเล็ก ๆ เป็นท่าทางของการขู่

    กระโจนเข้าในเนิร์สอีกครั้ง

                    เขาเบี่ยงตัวหลบได้ทัน ในครั้งแรก แต่มันก็คว้าตัวเขาได้ อยู่ดี ในระยะแค่นั้น

    ลิปตา...วิ่งหนีไป...  

    เนิร์สเค้นเสียงบอกเธอ ในขณะที่ใบหน้าของมัน
    อยู่ห่างจากหน้าเขาไม่กี่เซนต์
    เขาพยายามดันเจ้าตัวประหลาดนี้ออกไปอย่างสุดแรง
    แต่เพราะมันมีร่างกายของผู้ชายที่สมบูรณ์แล้ว แรงของมันจึงมากกว่าเขา เหลือเกิน
    เมื่อเทียบกับร่างกายที่ผอมบางของเนิร์ส

    ลิปตายังคงสั่นและตกใจมองอยู่
    ทุกอย่างมันเกิดขึ้นรวดเร็วจนไม่อาจไม่อาจขยับหรือคิดทำอะไรได้ทัน

     แต่เจ้าเท็ดดี้กลับไม่เป็นอย่างนั้น แม้ว่ามันจะตัวเล็กกระจิดเดียว
    แต่กลับส่งเสียงเห่าไล่อย่างสุดเสียง อยู่ข้าง ๆ เนิร์ส และตัดสินใจ
    กระโดดงับด้วยเขี้ยวเล็ก ๆ เข้าที่ต้นขาของไอ้ตัวประหลาด

    มันขมวดคิ้วมอง เจ้าตัวเล็ก ด้วยความรำคาญ
    แม้ว่าเจ้าเท็ดดี้จะทำอะไรมันไม่ได้เลยแม้แต่น้อย แต่ไอ้ตัวประหลาดก็ไร้ซึ่งความปรานี

    มัน ตบเจ้าเท็ดดี้ กระเด็น ลงไปนอนกองกับพื้น

    เอ๊งงงงงง......
    เจ้าเท็ดดี้ร้องและกลิ้งไปกองช้างกำแพง

    เท็ดดี้...

     ลิปตาร้องเสียงหลง มองเจ้าตัวน้อยด้วยความตกใจ วิ่งไปอุ้มมันอย่างรวดเร็ว

    ในวินาทีนั้นเองที่ แรงของไอ้ตัวประหลาดคลายลง
    เนิร์ส ใช้เท้าสอดเข้าไป ออกแรงถีบมันสุดแรงเกิด
    จนไอ้ตัวประหลาด ล้มลงไปกองอีกด้านหนึ่ง เขาลุกขึ้นได้ทัน

    แต่ก่อนที่ลิปตาจะหันกลับมาด้วยซ้ำ ...ไอ้ตัวประหลาดสะบัดหัวแรง ๆ
    และลุกขึ้นอย่างรวดเร็ว กระโดด
    รวบตัวเนิร์สจากด้านหลังล้มลงไปกองกับพื้น และกดเขาไว้ ด้วยเข่าของมัน

    ลิปตาาาาา....หนีไปปปป....เร็วเข้า....วิ่งหนีไป....อ๊ากกกก

    เนิร์สตะโกนสุดเสียงเรียกให้ลิปตามีสติ
    เขารู้ดีว่าเธอกำลังทั้งกลัว และสั่นจนทำอะไรไม่ถูก จะมีประโยชน์อะไร ถ้าเขาพยายามถ่วงเวลา
    เพื่อให้เธอปลอดภัย แต่สุดท้ายเธอก็ยังหนีไม่ได้อยู่ดี

                    ไอ้ตัวประหลาดกระชากผมของเนิร์ส ให้เขาเชิดหน้าขึ้น และบิดแขนของเขา
    ...เขาส่งเสียงร้องอย่างเจ็บปวด ทรมาณ มันกดทับเขา ราวกับจับเหยื่อได้อยู่หมัดแล้ว

                    ลิปตามองเนิร์ส ที่กำลังทรมาณ และเจ้าเท็ดดี้ ที่นอนนิ่งอยู่....

                    ...นี่เธอทำอะไร ของเธออยู่นะ...เธอมีความกล้าไม่เท่า
    แม้กระทั่ง เจ้าหมาน้อยตัวเล็กตัวนี้เชียวหรือ....

    ...แต่ก่อนเธอไม่ใช่คนอ่อนแอไร้สาระแบบนี้นี่...เธอเป็นอะไรไป
    ....ลิปตา....ในสมองเธอคิดอย่างรวดเร็ว

    ….ไม่เอาแล้ว...มันต้องไม่เป็นแบบนี้...ลิปตาตัดสินใจอย่างรวดเร็ว
    แม้ว่าเอจะยังไม่หยุดสั่นจากความกลัว

                    ภาพของเนิร์สที่คอยปกป้องและอยู่เคียงข้างเธอเสมอมา
    กำลังตกอยู่ในอันตรายอย่างที่สุด

    หากถึงเวลาที่เธอจะต้องปกป้องเขาบ้างแล้ว.
    ..มันคือตอนนี้...และเดี๋ยวนี้ เท่านั้น

    ถ้าไม่ใช่ตอนนี้...ก็จะไม่มีโอกาสอีกต่อไป

                    ลิปตาวางเจ้าเท็ดดี้ลง ปาดน้ำตา
    ที่อ่อนแอ ไร้สาระ มองซ้ายขวาอย่างรวดเร็ว
    เพื่อหาทางช่วยเขา ก่อนที่มันจะได้ลงมือ และเธอก็เจอ...กับทางออก

    ลิปตา หยิบลูกธนู ใส่เข้าไปที่คันธนูที่เธอถือมันวิ่งไปมาตั้งแต่ตอนแรก
    อย่างคล่องแคล่ว และไม่เหลืออาการสั่นอีกต่อไป
    และเธอก็ง้างคันธนู ด้วยท่าทางสง่างาม มันเป็นสิ่งที่ลิปตาถนัดที่สุด และเป็นตัวเธอที่สุดแล้ว


                   
    เฮ้ยยย!!!...แก...ไอ้ปีศาจ...
    ลิปตาตะโกนเสียงดัง

    มันหันขึ้นมามองเธอ ด้วยสายตาที่น่ากลัว...แต่ไม่ทันที่มันจะได้ขยับ
    หรือส่งเสียงอะไรเป็นครั้งสุดท้ายในชีวิตของมัน

    ………..ฉึก ก ก....!!!!...............

     ลูกธนูแล่นด้วยความเร็วสูง เสียบทะลุ และเจาะเข้าไปที่หัวกะโหลกของไอ้ตัวประหลาดนั้น เลือดจากปลายลูกธนูอีกด้านหนึ่ง หยดลงสู่พื้นสองสามหยด ดวงตาของมันเบิกกว้าง...นิ่ง...

    และมันก็ล้มลง

                    เนิร์สมองเหตุการณ์ที่รวดเร็วนี้ สีหน้าตกตะลึง

     เขาผลักร่างของไอ้ตัวประหลาดลงไปกองนิ่งอยู่ข้าง ๆ และลุกขึ้นยืนมองลิปตาที่ยังคงมองไอ้ตัวประหลาดอยู่ แทบไม่อยากจะเชื่อว่า เหตุการณ์คับขัน จะจบอย่างรวดเร็วเพพียงนี้

                    ลิปตา...เฮ้...ลิปตา

    เขาค่อย ๆ เดินช้าไปหาเธอ ตอนนี้เจ็บระบบไปทั้งตัว
    ยื่นมือไปแตะที่ไหล่ของลิปตา แต่เธอ กลับก้มลงไปเก็บ
    ลูกธนูอีกดอก และเดินตรงไปที่ศพไอ้ตัวประหลาด

                    เธอเตะ ศพไอ้ตัวประหลาดให้พลิกกลับหน้ามา.
    ..ตามันยังคงจ้อง เบิกโพลงไม่ยอมหลับ

                    แก....!!!!”

    ลิปตา ง้างคันธนูสุดแรงอีกครั้งอีกครั้ง
    และยิงปักแสกหน้าของมันข้าง ๆ ลูกเดิม
    ...เธอโยนคันธนูทิ้ง...และมองร่างที่แน่นิ่งของมัน

                    ไง...ตายแล้วเรอะ...ไอ้ปีศาจ...แก...หึ๋ยยย...นี่แน่ะ ๆๆขอซักทีเถอะ

    ลิปตาเตะ ร่างไอ้ตัวประหลาด ห้าหกที
    ...กระทืบซ้ำ...ทั้งตะโกนด่า และเตะ สลับกัน

    เนิร์สอุ้มเจ้าเท็ดดี้ขึ้นมาแต่ก็มองภาพที่ลิปตาโมโหสุด ๆ
    ตาไม่กระพริบ เธอกลายเป็นเดวิล ลิปตาไปแล้ว
    ทั้ง ๆที่เมื่อกี้เธอยังนั่งกลัวจนตัวสั่นอยู่แท้ ๆ

                    จนครู่หนึ่ง ลิปตาหยุด และยืนหอบ เนื่องจากออกแรงมากไปแล้ว

                    เฮ้อออ...สบายใจจัง...โธ่เอ้ยย...

    ลิปตาปาดเหงื่อและสูดลมหายใจเข้าไปเต็มปอด
    ก่อนจะเตะร่างนั้นซ้ำอีกทีเป็นการสั่งลา หน้าตาเธอสดใสอย่างเห็นได้ชัด

                    เอ่อ...ลิปตา...เป็นอะไรป่าว
    เนิร์สถามเธอ ขณะที่เธอกำลังเดินมาหาเขา

                    โอ้...สบายใจมากเลย...สะใจ...อ๊ะ...
    ว่าแต่ เนิร์สเป็นยังไงบ้าง เจ็บตรงไหน

    ลิปตา รีบมองสำรวจเนิร์ส    

                    เขายิ้มขำ ๆ เมื่อเห็นเธอกลับมาทำสีหน้ากังวลใจแบบเดิมอีกแล้ว

                    ก็นิดหน่อยอะ...ไม่เป็นอะไรมาก...แล้วลิปตาโอเคนะ
    เขาเอ่ยปากเช็คให้แน่ใจอีกครั้ง

                    อ๊ะ...โอเคสุดๆ เลย...เจ็บนิดหน่อยอะ...เรารีบออกไปกันเถอะ...
    เธอจับที่ไหล่ ยิ้ม ๆ

                    อือ...

                    มานี่...ลิปตาช่วย

    เป็นคราวของลิปตาแล้วที่จะช่วยเนิร์ส ทุกครั้งเนิร์สจะเป็นฝ่ายพูดคำนี้
    และคอยแต่ช่วยเหลือลิปตาอยู่ตลอด

     แต่เขาเจ็บเหลือเกิน จนเดินแทบไม่ไหวแล้ว ในตอนนี้

                    ลิปตาอุ้มเจ้าเท็ดดี้ และพยุงปีกเนิร์ส เดินเร็ว ๆ
    เท่าที่ผู้หญิงร่างเล็กจะสามารถทำได้ ออกไปจากตึกทางประตูหน้า

    จบพบกับแสงสว่างจ้า ทำเอาแสบตาและอากาศร้อนอบอ้าวของ
    Thailand Dome  ด้านนอกอีกครั้ง...

                    ลิปตาและเนิร์ส เงยหน้าขึ้นไปรับแสงแดด
    และสูดหายใจเอาอากาศในที่โล่งแจ้ง เข้าไปเต็มปอด
    รู้สึกดีที่ได้ออกมาอยู่กลางที่โล่งแบบนี้อีกครั้ง

                     เนิร์สมองหน้าลิปตา และยิ้มให้กับเธอ

                    เหมือนพระเอกกับนางเอก ที่เพิ่งรอดตาย
    มายืนโพสท่า ในฉากตอนจบเลยนะ

    เนิร์สบอก

                    หรอ...แต่น่าจะเป็นพระเอกที่พยุงนางเอกมากกว่านะ...หุหุ

    ลิปตาบอก และค่อย ๆ เดินไปยังกองสัมภาระ
    ที่อยู่ตรงสนามหญ้าหน้าตึก ที่พวกเขาเพิ่งเดินออกมา

                    เธอค่อย ๆ วางเจ้าเท็ดดี้ลง 

     และให้เนิร์สนั่งพักที่สนามหญ้าเช่นกัน

                    ตอนนี้เป็นไงบ้างอะ เนิร์ส...ไหวป่าว

    ลิปตาถาม ตรวจดูกระเป๋าเดินทางทั้งหมด และค้นเข้าไปในกระเป๋าเป้ใบใหญ่
    เพื่อหากล่องปฐมพยาบาล

                    เจ็บไปทั้งตัวเลย... เขาพูดพลางจับไปที่หน้าท้องของ ที่กำลังรู้สึกเสียดๆ

                    มา ๆ มาทำแผลก่อนนะ...

    ลิปตา ยังไม่ต้องทำแผลตอนนี้นะ

                    อ้าว...ทำไมละ... ลิปตาหยุดและหันไปมองเนิร์ส

                    รีบออกไปให้พ้นจากตรงนี้ก่อนเถอะ
    ...ไปให้ไกลกว่านี้อีกหน่อย ให้แน่ใจว่าจะไม่มีตัวอะไรโผล่มาแน่ ๆ
    ถ้าเกิดอะไรขึ้นอีก เนิร์สทำอะไรไม่ได้แล้วนะตอนนี้...อูยยย

                    เนิร์สสำรวจร่างกายของตัวเองต่อ และพบว่ามีที่บาดเจ็บหลายที่เหมือนกัน

                    อ่อ...จ๊ะ...งั้นปะ...ลุกไหวมะ...

    ลิปตาสะพายกระเป๋าใบใหญ่ ขึ้นหลังของเธอ และกระเป๋าเล็ก ๆ อีก
    สองใบ ซึ่งน้ำหนักรวมของมัน ทำเอาเธอเซไปเลยทีเดียว

                    เฮ้ย...ไหวไหมลิปตา มานี่เดี๋ยวเนิร์สช่วย...

    เนิร์สรีบออกปากเมื่อเห็นว่า สัมภาระ ทั้งหมดมันใหญ่กว่าตัวเธอเสียอีก

                    โธ่ กระจอกน่า...แต่ เอ...เอาไปซักใบสองใบก็ดีนะ...

                    ทั้งคู่ยิ้มให้กัน แล้วลิปตาก็ อุ้มเจ้าเท็ดดี้ขึ้นมา
    ตอนที่มันกำลังเลียบาดแผลอยู่ อย่างน่าสงสาร

                    โอ๋ๆ...เจ้าตัวเล็ก เจ็บมากไหมเนี้ย...เดี๋ยวทำแผลให้นะ

    เจ้าเท็ดดี้ส่งเสียงครางหงิ๋ง ๆ อ้อน ลิปตา

    แล้วทั้งหมดก็เดินออกจากสนามหญ้าหน้าตึกสถานีทดลองทางชีวภาพและเทคโนโลยี
    ที่เพิ่งเข้าไปผจญภัยมา เข้าสู่
    ถนน ที่พังพินาศด้วยแรงสั่นสะเทือนจากแผ่นดินไหวอีกครั้งหนึ่ง

    ท้องถนน ที่พื้นผิวที่ถูกเคลือบไว้ด้วยสารโซล่าร์เซลล์
    และโครงสร้าง
    Semi-Magneticพังเป็นแนวยาวไปตลอดทาง
    มีรถไฮโดรคาร์รุ่นต่าง ๆ และยานยนต์รูปทรงแปลก ๆ ที่ถ้าเป็นปกติ
    มันจะไม่เคยได้มาสัมผัสพื้นอย่างนี้
    จอดนิ่งระเกะระกะ ขวางทาง อยู่บนถนน
    ตึกรูปร่างแปลก
    ทันสมัยสูงเสียฟ้า กว่าร้อยชั้น มีแผลอันเกิดจากแผ่นดินไหวด้วยเช่นกัน
    บ้านเมืองไร้เสียงของผู้คนและยวดยานเช่นเคย

    บัดนี้ ทุกคนได้ไปอยู่ที่สถานีหลบภัยประจำแต่ละเขตหมดแล้ว

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×