คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #1 : 1.Recoed from Pain
1.
“...แฮ่ก...แฮ่ก...”
เสียงหอบ ของลิปตาดังเบา ๆ สลับกับเสียงฝีเท้าที่ออกวิ่งอย่างสุดชีวิต
แต่แผ่วเบาที่สุดเท่าที่เธอจะทำได้ เธอวิ่งผ่านห้องต่าง ๆ
โดยพยายามไม่หันเข้าไปมองข้างในห้องเหล่านั้น
เลี้ยวผ่านเคาท์เตอร์สูงเท่าเอวไปสู่อีกทางเดินหนึ่ง
แต่ภาพที่อยู่ตรงหน้า ทำให้เธอเอี้ยวตัวกลับทันทีและไม่อาจส่งเสียงอะไรได้อีก
ลิปตาค่อย ๆ ทรุดตัวนั่ง เอาหลังพิงกับเคาท์เตอร์ และ แอบมองภาพนั้นอีกครั้ง
มีอะไรบางอย่างที่ มีร่างกายคล้ายมนุษย์
กำลังค่อย ๆ คลานออกมาจากห้องอย่างช้า ๆ
เนื้อตัวเปื้อนไปด้วยเมือกเหลวสีขุ่น ปะปนกับเลือด น่าสะอิดสะเอียน
ลิปตาเบิกตากว้าง พลางยกมือขึ้นปิดปาก
กันเสียงอุทานไม่อยากให้มันเล็ดลอดออกไป
อีกมือหนึ่งที่กำคันธนู ก็กระชับไว้แน่นกับลำตัว น้ำตาเอ่อคลอออกมา
ที่ทั้งตกใจกลัว และเสียขวัญเหลือเกิน
ร่างบอบบางของลิปตาขยับขึ้นลงตามลมหายใจที่กำลังหอบอยู่
เม็ดเหงื่อผุดขึ้นมาบนผิวหน้าขาวซีดไหลลงไปตามข้างแก้ม นั่งคิดเร็ว ๆ ว่าเธอควรทำยังไงต่อไปดี
สิ่งที่อยู่เบื้องหลังของเธอก็ยังคงขยับ คลานออกมา
และค่อย ๆ ทรงตัวยืนขึ้นด้วยท่าทางไร้ซึ่งเรี่ยวแรง สลับกับส่งเสียงครางเบา ๆ
และที่สำคัญ มัน ไม่ได้มีเพียงตัวเดียว พวกมันเริ่มคลานออกมาและ
ค่อย ๆ ขึ้นทีละตัว ๆ ราวห้าหกตัว อะไรที่เหมือนกับร่างกายของคน
แต่ว่ามันไม่ใช่คน ไม่ได้มีแววตาเหมือนคนทั่วไป
มีแต่นัยตาโปน สีดำลูกใหญ่ แทบจะทะลักออกมาจากเบ้าตา
ทั้งยังส่งเสียงครางโหยหวน น่าสยดสยอง ตัวแล้วตัวเล่า
เนื้อแดง ๆ ที่มองออกว่าเป็นกล้ามเนื้อ แต่ไม่มีผิวหนังห่อหุ้ม บีบรัดตัวอยู่
ลิปตาขนลุก อยากจะกรีดร้อง กับสิ่งที่เห็นเป็นที่สุด ไม่อยากบอกกับตัวเองว่านี่เป็นเรื่องจริง
หากเพราะ ลิปตาเป็นแค่สาวน้อยแสนธรรมดาสามัญชน
วัย 20 คนหนึ่งเท่านั้น ใช้ชีวิตนักศึกษาสาว เข้าเรียน กินข้าวเที่ยวเล่น
เหมือนคนอื่น ๆ ทั่วไป เมื่อราว ๆ 40 ชั่วโมงก่อน แต่ตอนนี้ เ
เธอต้องมานั่งตื่นเต้น อกสั่นขวัญแขวน กับไอ้ภาพของตัวประหลาด
เหมือนฉากหนึ่งในหนังแนวแอ๊กชั่น ผจญภัย แฟนตาซี ไม่มีผิดเพี้ยน
แต่จะผิดก็ตรงที่เธอไม่ใช่นางเอก สุดเซ็กก์ซี่ แสนเก่งกาจเพรียบพร้อม
ก็แค่นั่น และตอนนี้ก็ไม่ได้มีสคริปให้เธอเล่นเสียด้วย เธอเลยเริ่มกังวลหนักขึ้น
ตอนนี้เธอพยายามควบคุมตัวเองให้หายใจช้า ๆ
หยุดอาการหอบโดยเร็ว กำมือแน่น ข่มใจที่หวาดกลัว
และสับสน เธอกลืนน้ำลายลงไปอย่างยากลำบาก บรรเทาคอที่แห้งผาก
แม้ลิปตาจะขยับตัวไม่ได้ แต่เธอต้องออกไปจากตรงนี้ให้ได้โดยเร็ว
ระยะทางแค่ไม่กี่ก้าว จากที่เธอนั่งอยู่นั้น คงไม่สามารถซ่อนเธอจากพวกมันได้นานซักเท่าใด
เธอรวบรวมสติ ที่หลุดกระเจิงไปตามรายทางให้กลับมาเข้าที่ของมัน พลางจับขาตัวเองให้หยุดสั่น
ในขณะที่เธอกำลังจะเอี้ยวตัวไปมอง พวกมันอีกครั้ง เพื่อหาจังหวะ ออกวิ่ง
แต่เธอถูกรวบจากด้านหลังอย่างรวดเร็ว และถูกปิดปากแน่น
เธอตกใจเกินกว่าที่ทันดูว่าเป็นอะไร ลิปตา ดิ้นอย่างแรง
เพื่อให้หลุดพ้นจากพันธนาการไม่ทราบที่มา แม้ว่ามันเหมือนกับเธอจะตัวสั่นมากขึ้นกว่าเดิม
เสียงหนึ่งกระซิบเบา ๆ
“ลิปตา...ในเย็น ๆ นี่เนิร์สเอง”
เป็นเสียงของเนิร์ส ที่กระซิบอุ่น ๆ ข้าง ๆ หูของลิปตา เธอหันไปมองอย่างรวดเร็ว
บัดนี้น้ำตาที่เอ่อคลอ หยดลงบนหลังมือของเนิร์สที่ปิดปากเธออยู่
เขาค่อย ๆ คลายมือออก เมื่อเห็นว่าเธอระงับอาการตกใจได้แล้ว
“ชู่ววว...ใจเย็น ๆ นะลิปตา...”
เนิร์สส่งสัญญาณมือให้ลิปตา และชะโงกช้า ๆ ไปดู
สถานการณ์ ขณะที่ลูกสุนัขตัวเล็ก ๆ ตัวหนึ่ง
ก็ปีนขึ้นไปบนตักของเธอและเลียที่แก้ม
“เท็ดดี้...แกปลอดภัยนะ ไอ้ตัวเล็ก...อย่าหนีไปไหนอีกนะ”
ลิปตากระซิบกับเจ้าหมาน้อยและกอดมันไว้ แน่นด้วยความดีใจ
...เพราะเจ้าตัวเล็กนี่เองที่ป่วนให้ลิปตาและเนิร์ส ต้องเข้ามาในที่ที่น่าสยดสยองเช่นนี้
เนิร์ส เป็นชายหนุ่มรุ่นราวคราวเดียวกับลิปตา
ตอนนี้กำลังมอง ไอ้ตัวประหลาดเหล่านั้นที่ยืนอยู่เป็นกลุ่ม
ส่งเสียงครวญคราง โหยหวน ด้วยความเจ็บปวด
เพราะผิวหนังที่ถูกสร้างยังไม่สมบูรณ์ มีเลือดไหล ซิบ ๆ
ออกมาเหมือนบาดแผลสด และเสียงของพวกมันก็เริ่มดังขึ้น ๆ
และเหมือนจะใกล้เข้ามาทุกที ๆ เขามีสีหน้าเครียดอย่างเห็นได้ชัด
และเม็ดเหงื่อที่ไหลย้อยลงมาข้างแก้ม
ก็ดูเหมือนว่าเขาก็เหนื่อยเช่นไม่ต่างไปจากเธอ
เนิร์สหันกลับมาที่เธอ มองหน้าเธอด้วยสายตาที่อ่อนโยน ลูบผมที่ปิดหน้าเธออยู่
และปาดน้ำตาออกจากแก้ม ความอบอุ่นส่งผ่านฝ่ามือที่ลูบแก้มเธออย่างแผ่วเบา
ทำให้เธอรู้สึกดีขึ้นมากมาย
“ลิปตา...ไม่ต้องกลัวนะ เนิร์ส อยู่นี่แล้ว...จะไม่ไปไหนอีกแล้ว...”
เขากระซิบบอกเธอ
ลิปตาได้แต่ยิ้มน้อยๆและพยักหน้าตอบเขา
ยกมือขึ้นจับมือของเนิร์สที่อยู่ข้างแก้มเธอ บีบกระชับ
รู้สึกถึงความปลอดภัย เมื่อมีเขาอยู่ข้าง ๆ เธอ
แต่ทั้งสองคนกลับไม่ทันสังเกต ในเสี้ยววินาทีที่เจ้าเท็ดดี้ กำลังส่งเสียงขู่อะไรบางอย่างอยู่
จน กระทั่ง…
เมือกเหนียว ๆ ปนด้วยเลือด หยด แหมะสองสามหยด บนแก้มของลิปตา
เสียงขู่ ลอดผ่านฟันของมันออกมา ขณะกำลังยืนค้ำหัวของพวกเขาทั้งสองคนอยู่ และ ทันทีกับที่ร่างกึ่งมนุษย์อันน่าสยดสยอง แผดเสียงดังบนหัว
ของพวกเขา ไม่ทันที่ลิปตากับเนิร์สจะได้ขยับตัว มันเอื้อมมาจับต้นแขนของลิปตา
และกระชากเธอ เหวี่ยงสุดแรง ทำให้ลิปตาที่นั่งอยู่
ถูกเหวี่ยงออกไปกระแทกกับผนังอีกด้านอย่างแรง
“ลิปตาาา...!!!” เนิร์สตะโกน
เขาลุกขึ้นทันที และ ถีบเจ้าตัวประหลาดนั้นอย่างสุดกำลัง
ในขณะที่มันกำลังเคลื่อตัวเข้าไปใกล้สิปตา มันล้มลงไปข้าง ๆ เธอ
ส่งเสียงโหยหวนจากความเจ็บปวด
ทำให้ตัวประหลาดที่เหลือ หันมาเห็นเขาและเธอ
เนิร์สเข้าไปหาลิปตาอย่างรวดเร็ว และพยุงเธอลุกขึ้น
ขณะนี้พวกมันกำลังเดินมาที่เขาทั้งสองคนแล้ว
ลิปตาจับที่แขนของเนิร์สแน่นและดันตัวลุกขึ้น
เธอรู้สึกเจ็บมากเหลือเกินจากแรงเหวี่ยงเมื่อครู่ แต่ไม่มีเวลาให้กับเธออีกต่อไปแล้ว
ทั้งคู่ออกวิ่ง เพื่อหาทางออกจากตึกนี้...ให้เร็วที่สุด
เนิร์สพยุงลิปตาวิ่ง มือหนึ่งก็อุ้มเจ้าเท็ดดี้ไว้และตัดสินใจใช้บันไดหนีไฟ
เพราะน่าจะเป็นทางเดียวที่จะหลีกเลี่ยง การเจอกับไอ้ตัวประหลาดเหล่านั้นได้
และโชคดีเหลือเกินที่เจ้าพวกนั้น ไม่ได้เคลื่อนไหวเร็ว เหมือนในหนัง มันเป็นเพียงเหมือนซากมนุษย์ที่กำลังอยู่ในช่วงระหว่างทดลองและ
มันยังมีร่างกายไม่สมบูรณ์เท่านั้นเอง...
ทั้งคู่วิ่งลงบันได ไปได้สองชั้น ก็พบว่าไม่สามารถ วิ่งลงบันไดต่อไปได้ เพราะเพดานที่ถล่มลงมาปิดทางที่จะลงต่อไปได้
เนิร์สจึงต้องตัดสินใจเข้าไปในตัวตึกอีกครั้ง
แม้เขาจะรู้ดีว่า อาจจะต้องเจอกับอะไรอีกก็ตาม
แต่มันย่อมดีกว่าที่พวกเขาจะรออยู่เฉย ๆ ให้ตัวอะไรมาเจอเข้า
แต่ไม่ใช่ความช่วยเหลือใด ๆ แน่นอนอยู่แล้ว
“ลิปตา...ไหวนะ...”
เขาถามเธอ เมื่อมองออกไปตามทางเดิน ที่ว่างเปล่า และยังไม่พบอะไร
“อือ...โอเค...รีบออกไปจากที่นี่ดีกว่า...ลิปตากลัว...”
เมื่อทางเดินข้างในตึกนั้นดูเหมือนจะปลอดภัย
ทั้งคู่ ค่อย ๆ เดินออกมา และมองรอบ ๆ อย่างรวดเร็ว และเห็นบันได
ตรงโถงกลางของตึก และทางเดินอีกไม่ไกล เมื่อประตูกระจกอยู่ตรงหน้า
ซึ่งตรงนั้นสามารถออกไปข้างนอกได้
“น่าจะปลอดภัยนะ...เดี๋ยวเรา วิ่งไปตรงนั้น ลงบันได้ไปก็ออกจากตึกนี้ได้แล้ว...”
เนิร์สบอกลิปตา
ทั้งคู่ออกจากประตูบันไดหนีไฟออกมา และวิ่งไปได้ไม่กี่ก้าว
“ว้ายย...!!!”
แรงกระแทกจากด้านหลัง อัดกระแทกให้ทั้งสองคนล้มลง ไปกองกับพื้น
และทั้งคู่คิดผิดโดยสิ้นเชิง...
เพราะแท้จริงแล้วชั้นนี้เป็นชั้นสองของสถานีทดลองทางชีวภาพและเทคโนโลยี ที่ทำการทดลองโคลนนิ่งเฉพาะมนุษย์ และ
เป็นห้องที่เก็บร่างของมนุษย์ที่ถูกโคลนนิงอย่างสมบูรณ์แล้ว
เหลือเพียงแค่ประจุความคิดเท่านั้น ชั้นนี้ จึงเป็นชั้นที่อันตรายที่สุด
เพราะมันเป็นสิ่งที่ใกล้เคียงกับมนุษย์ที่สุด
แต่ไม่ได้มีความคิดละเจิตใจแท่านั้น มีก็แต่สายตาและสันชาติญาณที่ไม่ต่างอะไรไปจากสัตว์ป่าตัวหนึ่ง เมื่อมนุษย์ไร้ซึ่งสามัญสำนึกก็ไม่ต่างอะไรไปจากสัตว์...
ร่างของมนุษย์ผู้ชาย สูงใหญ่ ไร้เสื้อผ้าปกลุม มันที่กำลังจ้องเนิร์สตาเขม็งอยู่ตอนนี้
มันคำรามเสียงดังเหมือนสัตว์ล่าเหยื่อตัวหนึ่ง และก้าวเข้าไปจับข้อเท้าของเนิร์ส ที่กำลังจะลุกขึ้น เหวี่ยงไปกระแทกกับกระจกด้านข้าง เสียงดัง โครม
“อ๊ากก...” เนิร์สส่งเสียงร้องจากความเจ็บปวดที่เกิดขึ้น
เจ้าตัวประหลาดที่ทั้งสองคนกำลังเผชิญหน้าอยู่ตอนนี้ มันต่างกับตัวที่อยู่ข้างบนลิบลับ...นอกเสียจากไม่มีเมือกและเลือด
มันยังมีแววตาที่ดูหิวกระหาย คอยอ้าปากเผยให้เห็นเขี้ยวเล็ก ๆ เป็นท่าทางของการขู่
กระโจนเข้าในเนิร์สอีกครั้ง
เขาเบี่ยงตัวหลบได้ทัน ในครั้งแรก แต่มันก็คว้าตัวเขาได้ อยู่ดี ในระยะแค่นั้น
“ลิปตา...วิ่งหนีไป...”
เนิร์สเค้นเสียงบอกเธอ ในขณะที่ใบหน้าของมัน
อยู่ห่างจากหน้าเขาไม่กี่เซนต์
เขาพยายามดันเจ้าตัวประหลาดนี้ออกไปอย่างสุดแรง
แต่เพราะมันมีร่างกายของผู้ชายที่สมบูรณ์แล้ว แรงของมันจึงมากกว่าเขา เหลือเกิน
เมื่อเทียบกับร่างกายที่ผอมบางของเนิร์ส
ลิปตายังคงสั่นและตกใจมองอยู่
ทุกอย่างมันเกิดขึ้นรวดเร็วจนไม่อาจไม่อาจขยับหรือคิดทำอะไรได้ทัน
แต่เจ้าเท็ดดี้กลับไม่เป็นอย่างนั้น แม้ว่ามันจะตัวเล็กกระจิดเดียว
แต่กลับส่งเสียงเห่าไล่อย่างสุดเสียง อยู่ข้าง ๆ เนิร์ส และตัดสินใจ
กระโดดงับด้วยเขี้ยวเล็ก ๆ เข้าที่ต้นขาของไอ้ตัวประหลาด
มันขมวดคิ้วมอง เจ้าตัวเล็ก ด้วยความรำคาญ
แม้ว่าเจ้าเท็ดดี้จะทำอะไรมันไม่ได้เลยแม้แต่น้อย แต่ไอ้ตัวประหลาดก็ไร้ซึ่งความปรานี
มัน ตบเจ้าเท็ดดี้ กระเด็น ลงไปนอนกองกับพื้น
“เอ๊งงงงงง......”
เจ้าเท็ดดี้ร้องและกลิ้งไปกองช้างกำแพง
“เท็ดดี้...”
ลิปตาร้องเสียงหลง มองเจ้าตัวน้อยด้วยความตกใจ วิ่งไปอุ้มมันอย่างรวดเร็ว
ในวินาทีนั้นเองที่ แรงของไอ้ตัวประหลาดคลายลง
เนิร์ส ใช้เท้าสอดเข้าไป ออกแรงถีบมันสุดแรงเกิด
จนไอ้ตัวประหลาด ล้มลงไปกองอีกด้านหนึ่ง เขาลุกขึ้นได้ทัน
แต่ก่อนที่ลิปตาจะหันกลับมาด้วยซ้ำ ...ไอ้ตัวประหลาดสะบัดหัวแรง ๆ
และลุกขึ้นอย่างรวดเร็ว กระโดด
รวบตัวเนิร์สจากด้านหลังล้มลงไปกองกับพื้น และกดเขาไว้ ด้วยเข่าของมัน
“ลิปตาาาาา....หนีไปปปป....เร็วเข้า....วิ่งหนีไป....อ๊ากกกก”
เนิร์สตะโกนสุดเสียงเรียกให้ลิปตามีสติ
เขารู้ดีว่าเธอกำลังทั้งกลัว และสั่นจนทำอะไรไม่ถูก จะมีประโยชน์อะไร ถ้าเขาพยายามถ่วงเวลา
เพื่อให้เธอปลอดภัย แต่สุดท้ายเธอก็ยังหนีไม่ได้อยู่ดี
ไอ้ตัวประหลาดกระชากผมของเนิร์ส ให้เขาเชิดหน้าขึ้น และบิดแขนของเขา
...เขาส่งเสียงร้องอย่างเจ็บปวด ทรมาณ มันกดทับเขา ราวกับจับเหยื่อได้อยู่หมัดแล้ว
ลิปตามองเนิร์ส ที่กำลังทรมาณ และเจ้าเท็ดดี้ ที่นอนนิ่งอยู่....
...นี่เธอทำอะไร ของเธออยู่นะ...เธอมีความกล้าไม่เท่า
แม้กระทั่ง เจ้าหมาน้อยตัวเล็กตัวนี้เชียวหรือ....
...แต่ก่อนเธอไม่ใช่คนอ่อนแอไร้สาระแบบนี้นี่...เธอเป็นอะไรไป
....ลิปตา....ในสมองเธอคิดอย่างรวดเร็ว
….ไม่เอาแล้ว...มันต้องไม่เป็นแบบนี้...ลิปตาตัดสินใจอย่างรวดเร็ว
แม้ว่าเอจะยังไม่หยุดสั่นจากความกลัว
ภาพของเนิร์สที่คอยปกป้องและอยู่เคียงข้างเธอเสมอมา
กำลังตกอยู่ในอันตรายอย่างที่สุด
หากถึงเวลาที่เธอจะต้องปกป้องเขาบ้างแล้ว.
..มันคือตอนนี้...และเดี๋ยวนี้ เท่านั้น
ถ้าไม่ใช่ตอนนี้...ก็จะไม่มีโอกาสอีกต่อไป…
ลิปตาวางเจ้าเท็ดดี้ลง ปาดน้ำตา
ที่อ่อนแอ ไร้สาระ มองซ้ายขวาอย่างรวดเร็ว
เพื่อหาทางช่วยเขา ก่อนที่มันจะได้ลงมือ และเธอก็เจอ...กับทางออก
ลิปตา หยิบลูกธนู ใส่เข้าไปที่คันธนูที่เธอถือมันวิ่งไปมาตั้งแต่ตอนแรก
อย่างคล่องแคล่ว และไม่เหลืออาการสั่นอีกต่อไป
และเธอก็ง้างคันธนู ด้วยท่าทางสง่างาม มันเป็นสิ่งที่ลิปตาถนัดที่สุด และเป็นตัวเธอที่สุดแล้ว
“เฮ้ยยย!!!...แก...ไอ้ปีศาจ...”
ลิปตาตะโกนเสียงดัง
มันหันขึ้นมามองเธอ ด้วยสายตาที่น่ากลัว...แต่ไม่ทันที่มันจะได้ขยับ
หรือส่งเสียงอะไรเป็นครั้งสุดท้ายในชีวิตของมัน
………..ฉึก ก ก....!!!!...............
ลูกธนูแล่นด้วยความเร็วสูง เสียบทะลุ และเจาะเข้าไปที่หัวกะโหลกของไอ้ตัวประหลาดนั้น เลือดจากปลายลูกธนูอีกด้านหนึ่ง หยดลงสู่พื้นสองสามหยด ดวงตาของมันเบิกกว้าง...นิ่ง...
และมันก็ล้มลง
เนิร์สมองเหตุการณ์ที่รวดเร็วนี้ สีหน้าตกตะลึง
เขาผลักร่างของไอ้ตัวประหลาดลงไปกองนิ่งอยู่ข้าง ๆ และลุกขึ้นยืนมองลิปตาที่ยังคงมองไอ้ตัวประหลาดอยู่ แทบไม่อยากจะเชื่อว่า เหตุการณ์คับขัน จะจบอย่างรวดเร็วเพพียงนี้
“ลิปตา...เฮ้...ลิปตา”
เขาค่อย ๆ เดินช้าไปหาเธอ ตอนนี้เจ็บระบบไปทั้งตัว
ยื่นมือไปแตะที่ไหล่ของลิปตา แต่เธอ กลับก้มลงไปเก็บ
ลูกธนูอีกดอก และเดินตรงไปที่ศพไอ้ตัวประหลาด
เธอเตะ ศพไอ้ตัวประหลาดให้พลิกกลับหน้ามา.
..ตามันยังคงจ้อง เบิกโพลงไม่ยอมหลับ
“แก....!!!!”
ลิปตา ง้างคันธนูสุดแรงอีกครั้งอีกครั้ง
และยิงปักแสกหน้าของมันข้าง ๆ ลูกเดิม
...เธอโยนคันธนูทิ้ง...และมองร่างที่แน่นิ่งของมัน
“ไง...ตายแล้วเรอะ...ไอ้ปีศาจ...แก...หึ๋ยยย...นี่แน่ะ ๆๆ…ขอซักทีเถอะ”
ลิปตาเตะ ร่างไอ้ตัวประหลาด ห้าหกที
...กระทืบซ้ำ...ทั้งตะโกนด่า และเตะ สลับกัน
เนิร์สอุ้มเจ้าเท็ดดี้ขึ้นมาแต่ก็มองภาพที่ลิปตาโมโหสุด ๆ
ตาไม่กระพริบ เธอกลายเป็นเดวิล ลิปตาไปแล้ว
ทั้ง ๆที่เมื่อกี้เธอยังนั่งกลัวจนตัวสั่นอยู่แท้ ๆ
จนครู่หนึ่ง ลิปตาหยุด และยืนหอบ เนื่องจากออกแรงมากไปแล้ว
“เฮ้อออ...สบายใจจัง...โธ่เอ้ยย...”
ลิปตาปาดเหงื่อและสูดลมหายใจเข้าไปเต็มปอด
ก่อนจะเตะร่างนั้นซ้ำอีกทีเป็นการสั่งลา หน้าตาเธอสดใสอย่างเห็นได้ชัด
“เอ่อ...ลิปตา...เป็นอะไรป่าว”
เนิร์สถามเธอ ขณะที่เธอกำลังเดินมาหาเขา
“โอ้...สบายใจมากเลย...สะใจ...อ๊ะ...
ว่าแต่ เนิร์สเป็นยังไงบ้าง เจ็บตรงไหน”
ลิปตา รีบมองสำรวจเนิร์ส
เขายิ้มขำ ๆ เมื่อเห็นเธอกลับมาทำสีหน้ากังวลใจแบบเดิมอีกแล้ว
“ก็นิดหน่อยอะ...ไม่เป็นอะไรมาก...แล้วลิปตาโอเคนะ”
เขาเอ่ยปากเช็คให้แน่ใจอีกครั้ง
“อ๊ะ...โอเคสุดๆ เลย...เจ็บนิดหน่อยอะ...เรารีบออกไปกันเถอะ...”
เธอจับที่ไหล่ ยิ้ม ๆ
“อือ...”
“มานี่...ลิปตาช่วย”
เป็นคราวของลิปตาแล้วที่จะช่วยเนิร์ส ทุกครั้งเนิร์สจะเป็นฝ่ายพูดคำนี้
และคอยแต่ช่วยเหลือลิปตาอยู่ตลอด
แต่เขาเจ็บเหลือเกิน จนเดินแทบไม่ไหวแล้ว ในตอนนี้
ลิปตาอุ้มเจ้าเท็ดดี้ และพยุงปีกเนิร์ส เดินเร็ว ๆ
เท่าที่ผู้หญิงร่างเล็กจะสามารถทำได้ ออกไปจากตึกทางประตูหน้า
จบพบกับแสงสว่างจ้า ทำเอาแสบตาและอากาศร้อนอบอ้าวของ
Thailand Dome ด้านนอกอีกครั้ง...
ลิปตาและเนิร์ส เงยหน้าขึ้นไปรับแสงแดด
และสูดหายใจเอาอากาศในที่โล่งแจ้ง เข้าไปเต็มปอด
รู้สึกดีที่ได้ออกมาอยู่กลางที่โล่งแบบนี้อีกครั้ง
เนิร์สมองหน้าลิปตา และยิ้มให้กับเธอ
“เหมือนพระเอกกับนางเอก ที่เพิ่งรอดตาย
มายืนโพสท่า ในฉากตอนจบเลยนะ”
เนิร์สบอก
“หรอ...แต่น่าจะเป็นพระเอกที่พยุงนางเอกมากกว่านะ...หุหุ”
ลิปตาบอก และค่อย ๆ เดินไปยังกองสัมภาระ
ที่อยู่ตรงสนามหญ้าหน้าตึก ที่พวกเขาเพิ่งเดินออกมา
เธอค่อย ๆ วางเจ้าเท็ดดี้ลง
และให้เนิร์สนั่งพักที่สนามหญ้าเช่นกัน
“ตอนนี้เป็นไงบ้างอะ เนิร์ส...ไหวป่าว”
ลิปตาถาม ตรวจดูกระเป๋าเดินทางทั้งหมด และค้นเข้าไปในกระเป๋าเป้ใบใหญ่
เพื่อหากล่องปฐมพยาบาล
“เจ็บไปทั้งตัวเลย...” เขาพูดพลางจับไปที่หน้าท้องของ ที่กำลังรู้สึกเสียดๆ
“มา ๆ มาทำแผลก่อนนะ...”
“ ลิปตา ยังไม่ต้องทำแผลตอนนี้นะ”
“อ้าว...ทำไมละ...” ลิปตาหยุดและหันไปมองเนิร์ส
“รีบออกไปให้พ้นจากตรงนี้ก่อนเถอะ
...ไปให้ไกลกว่านี้อีกหน่อย ให้แน่ใจว่าจะไม่มีตัวอะไรโผล่มาแน่ ๆ
ถ้าเกิดอะไรขึ้นอีก เนิร์สทำอะไรไม่ได้แล้วนะตอนนี้...อูยยย”
เนิร์สสำรวจร่างกายของตัวเองต่อ และพบว่ามีที่บาดเจ็บหลายที่เหมือนกัน
”อ่อ...จ๊ะ...งั้นปะ...ลุกไหวมะ...”
ลิปตาสะพายกระเป๋าใบใหญ่ ขึ้นหลังของเธอ และกระเป๋าเล็ก ๆ อีก
สองใบ ซึ่งน้ำหนักรวมของมัน ทำเอาเธอเซไปเลยทีเดียว
“เฮ้ย...ไหวไหมลิปตา มานี่เดี๋ยวเนิร์สช่วย...”
เนิร์สรีบออกปากเมื่อเห็นว่า สัมภาระ ทั้งหมดมันใหญ่กว่าตัวเธอเสียอีก
“โธ่ กระจอกน่า...แต่ เอ...เอาไปซักใบสองใบก็ดีนะ...”
ทั้งคู่ยิ้มให้กัน แล้วลิปตาก็ อุ้มเจ้าเท็ดดี้ขึ้นมา
ตอนที่มันกำลังเลียบาดแผลอยู่ อย่างน่าสงสาร
“โอ๋ๆ...เจ้าตัวเล็ก เจ็บมากไหมเนี้ย...เดี๋ยวทำแผลให้นะ”
เจ้าเท็ดดี้ส่งเสียงครางหงิ๋ง ๆ อ้อน ลิปตา
แล้วทั้งหมดก็เดินออกจากสนามหญ้าหน้าตึกสถานีทดลองทางชีวภาพและเทคโนโลยี
ที่เพิ่งเข้าไปผจญภัยมา เข้าสู่
ถนน ที่พังพินาศด้วยแรงสั่นสะเทือนจากแผ่นดินไหวอีกครั้งหนึ่ง
ท้องถนน ที่พื้นผิวที่ถูกเคลือบไว้ด้วยสารโซล่าร์เซลล์
และโครงสร้างSemi-Magneticพังเป็นแนวยาวไปตลอดทาง
มีรถไฮโดรคาร์รุ่นต่าง ๆ และยานยนต์รูปทรงแปลก ๆ ที่ถ้าเป็นปกติ
มันจะไม่เคยได้มาสัมผัสพื้นอย่างนี้
จอดนิ่งระเกะระกะ ขวางทาง อยู่บนถนน
ตึกรูปร่างแปลก
ทันสมัยสูงเสียฟ้า กว่าร้อยชั้น มีแผลอันเกิดจากแผ่นดินไหวด้วยเช่นกัน
บ้านเมืองไร้เสียงของผู้คนและยวดยานเช่นเคย
บัดนี้ ทุกคนได้ไปอยู่ที่สถานีหลบภัยประจำแต่ละเขตหมดแล้ว
ความคิดเห็น