คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #7 : เหยื่อ...
ร่างผอมสูงของชายหนุ่มในชุดเสื้อยืดกางเกงยีนส์และรองเท้าผ้าใบเก่าๆก้าวออกจากลิฟท์ด้วยอาการลังเล เขาเคยเข้ามาที่คอนโดนี้หลายครั้งแล้วแต่ไม่เคยขึ้นมาถึงชั้นสูงขนาดนี้ด้วยรู้ดีว่าเป็นส่วนของห้องสูทที่มีแต่คนมีเงินเท่านั้นจะมีปัญญามาซื้ออยู่กัน ชายหนุ่มขยับแว่นสายตาทรงกลมกรอบดำขนาดใหญ่ที่บวกกับการแต่งตัวเซอร์ๆและผมยาวประบ่ายิ่งทำให้เขาดูเหมือนเด็กแนวเมื่อสิบปีที่แล้ว ร่างสูงพาตัวเองมาหยุดอยู่หน้าบานประตูสีครีม เขาก้มลงมองเศษกระดาษในมือที่จดหมายเลขห้อง ก่อนจะยกมือขึ้นเคาะประตู
เสียงดังป๊อกๆก้องไปทั่วบริเวณที่เงียบสงบ เขายืนรออยู่อย่างลังเล ก่อนจะลองเคาะอีกครั้ง มันยังคงเงียบอยู่เช่นเคย เอ
หรือว่าจะไม่มีใครอยู่ พลันหูก็แว่วเสียงเพลงที่ดังขึ้นมาจากในห้อง โอ เปิดเพลงดังขนาดนี้ได้ยินเสียงเคาะประตูก็แปลกแล้ว เขาเริ่มเคาะใหม่อีกครั้งแรงและดังมากกว่าเดิม แล้วประตูก็ถูกเปิดออก หากแต่ไม่ใช่ห้องที่เขาเคาะ เป็นห้องข้างๆกัน หญิงวัยกลางคนที่ยังมีโรลม้วนผมบนศีรษะยื่นหน้าออกมามองก่อนจะถามด้วยความสนใจ
“น้องมาหาใครคะ”
“อะ เอ่อ ผมมาหากล้วยครับ”
“กล้วย อ๋อพี่เลี้ยงเด็กที่เป็นหลานของน้องไวน์ใช่ไหม น้องก็กดกริ่งสิคะห้องมันกว้างน่ะ เคาะประตูไปก็คงไม่ได้ยินหรอก” คำแนะนำนั้นทำให้ชายหนุ่มพึ่งจะมองเห็นความเสร่อของตัวเองเมื่อพึ่งจะรู้ว่าไอ้กล่องที่ติดข้างประตูนั้นคืออะไร เขาค้อมศีรษะขอบคุณน้าคนนั้นประหลกๆ อดคิดไม่ได้ว่าขนาดห้องกว้างจนเจ้าของห้องไม่ได้ยินเสียงเคาะประตู แต่ห้องข้างๆกลับได้ยินเสียได้แปลกจริงหนอ ก่อนจะเอื้อมมือกดกริ่งเพียงไม่นานประตูห้องก็ถูกเปิดพร้อมกับกลิ่นหอมๆของแชมพู คนที่เปิดประตูให้ไม่อยู่รอดูด้วยซ้ำว่าใครมา ร่างบางที่มีเพียงผ้าขนหนูพันกายหมุนตัวเดินกลับเข้าห้อง ให้คนมาใหม่มองตามตาปริบๆ ได้ยินเสียงหญิงสาวบ่นกระปอดกระแปด
“บอกกี่ทีแล้วว่าให้เอากุญแจไปด้วยนะ แล้วผลไม้ที่ฝากซื้อได้หรือเปล่า” ชายหนุ่มก้าวเข้าห้องอย่างกระดากอาย ทั้งๆที่รู้ว่าเสียมารยาทแต่เขาก็ห้ามสายตาที่คอยชำเลืองมองดูร่างบางในผ้าขนหนูสีขาวที่ยังคงมีหยดน้ำเกาะพราวบนผิวและเรือนผมยาวสยายไม่ด้ เจ้าของร่างที่ทำให้ห้องทั้งห้องอบอวลไปด้วยกลิ่นหอมๆของแชมพูและครีมอาบน้ำ แบงค์กลืนน้ำลายฝืดๆลงคอ เขากระแอมเล็กน้อยเอ่ยเสียงแหบประหม่า
“เอ่อ
คือ ผมมาหากล้วยน่ะครับ” เกิดความเงียบขึ้นมาทันทีเมื่อหญิงสาวในผ้าขนหนูชะงักกึก ยู่ยี่หันควับมามองชายแปลกหน้าที่ตัวเองเผลอเปิดประตูรับเพราะคิดว่าเป็นกล้วยไม้ที่ลงไปซื้อของที่ชั้นล่าง ใบหน้าขาวแดงซ่านรีบยกมือขึ้นตะครุบอกตัวเองเอ่ยเสียงสั่น
“อ้าว ขอโทษค่ะพี่ก็นึกว่าเป็นกล้วย เปิดประตูให้ก็ลืมดู กล้วยลงไปซื้อของข้างล่างเดี๋ยวก็คงกลับขึ้นมา ตามสบายนะคะ” บอกอย่างนั้นก็รีบวิ่งปรู๊ดเข้าห้องตัวเอง ปล่อยให้ชายหนุ่มยืนเก้ๆกังๆอยู่กลางห้อง เขาตัดสินใจทรุดตัวลงนั่งบนโซฟาในใจยังเต้นตึกตักเมื่อคิดภาพใบหน้าเขินอายของคนที่วิ่งด๊องแด๊งเข้าห้องไป นี่กล้วยไม้ได้มาอยู่ห้องหรูกับสาวสวยขนาดนี้เลยเหรอเนี่ย ก็น่าจะจะเรียกได้ว่าเป็นความโชคดีที่มาหลังจากเคราะห์ร้ายก็ได้นะ
ทันทีที่ปิดประตูห้องนอน ยู่ยี่ก็ปรี่ไปยืนหน้ากระจกเพื่อที่จะสำรวจสภาพของตัวเองในเวลานี้ ร่างบางยังคงเปียกพราวไปด้วยหยดน้ำ หล่อนมองดูสองมือที่จับหน้าอกน้อยๆของตัวเองไว้แล้วโพสต์ท่าอยู่คนเดียวหน้ากระจก
“อืม เซ็กส์ซี่ดีใช้ได้เลย ความประทับใจแรกคือเรือนร่างบอบบางในชุดผ้าขนหนูที่พึ่งออกมาจากห้องน้ำ ฮิฮิ” ยู่ยี่บอกกับตัวเอง ความจริงแล้วหล่อนไม่ได้อายหรอกที่เผลอเปิดประตูรับหนุ่มแปลกหน้าเข้ามาในห้องทั้งๆที่ตัวเองอยู่ในสภาพไม่เรียบร้อย หล่อนก็แค่ตกใจที่มีใครมาเห็นตัวเองในสภาพที่ลืมใส่นม ก็แหมคนมันมีปมด้อยเรื่องหน้าอกถ้ารู้ว่าจะเปิดประตูไปเจอผู้ชาย ก็คงจะเตรียมนมปลอมเพิ่มขนาดความอึ๋มไว้รอแล้วล่ะ กะเทยหน้าใสฮัมเพลงด้วยความครึ้มอกครึ้มใจ ก่อนจะเริ่มแต่งตัวอย่างประดิษฐ์ประดอย
ทันทีที่กล้วยไม้ก้าวเข้ามาในห้องพร้อมกับน้องยิ้มหวานในอ้อมกอดก็ต้องประหลาดใจเมื่อเห็นแบงค์นั่งอยู่ที่โซฟารับแขก ท่าทางเขาโล่งใจเมื่อเห็นหน้าหญิงสาว
“อ้าวแบงค์ ไหนบอกจะมาตอนบ่ายๆ”
“อืม พอดีเสร็จธุระก่อนน่ะ เป็นยังไงบ้างขอโทษนะเราดันมากลับบ้านตอนกล้วยลำบากพอดี” กล้วยไม้เดินเข้าไปเอาของวางบนโต๊ะอาหาร ก่อนจะประคองน้องยิ้มหวานให้นอนเล่นในเปลที่ตั้งข้างๆและทรุดกายลงนั่งบนโซฟาเพื่อคุยกับเพื่อน
“ไม่เป็นไรหรอก ตอนนี้เราก็พอจะหายใจหายคอได้บ้าง รับจ๊อบเลี้ยงเด็กแบบนี้ แถมได้ทำงานของตัวเองอีก”
“เนี่ยเหรอน้องยิ้มหวานที่บอก น่ารักดีนะ น่าสงสารจังโดนแม่ทิ้งแบบนี้”
“อืม แต่ก็ถือว่าเป็นบุญของน้องอยู่นะที่มาถูกทิ้งหน้าห้องคนใจดีแบบนี้ ทั้งๆที่ไม่ใช่ลูกใช่หลานเค้าแท้ๆ ยังอุตสาห์จ้างฉันให้มาช่วยดูแล” หญิงสาวบอกพร้อมรอยยิ้ม ในใจคิดถึงสองเพื่อนซี้ที่แม้คนหนึ่งดูเหมือนจะไม่ค่อยสนใจดูแลเด็กน้อยสักเท่าไหร่นัก แต่ว่าทุกครั้งที่ขอความช่วยเหลือก็ไม่เคยปฏิเสธ คำบอกเล่าของหญิงสาวทำให้ชายหนุ่มคิดขึ้นมาได้ถามออกมาน้ำเสียงตื่นเต้น
“เออกล้วย เมื่อกี้เราเจอพี่ผู้หญิงด้วยล่ะโคตรน่ารักเลย”
“พี่ผู้หญิง
.อ๋อ พี่ยี่หรือเปล่า น่ารักมากใช่มั้ยล่ะ ไม่น่าเชื่อเลยนะว่าจะเป็นกะ
..” กล้วยไม้ยังไม่ทันได้พูดจบประโยค เสียงหวานๆของยู่ยี่ก็แทรกขึ้นมา
“อ้าวกล้วย ไม่หาน้ำหาท่ามาเลี้ยงเพื่อนล่ะ” สองหนุ่มสาวหันไปมองทางต้นเสียงทันที ยู่ยี่ในชุดพร้อมออกจากบ้านแต่งหน้าเสียสวยเช้งเล่นเอาสองคนที่เหลือมองด้วยความประหลาดใจ ส่วนแบงค์นั้นถึงกับอ้าปากค้างไปเลยทีเดียว ก็เมื่อกี้เขาได้เห็นแค่แวบๆ ไม่คิดเลยว่าพอได้มองชัดๆ คนสวยจะงามหยาดฟ้ามาดินได้ถึงขนาดนี้ กล้วยไม้ที่ได้สติแล้วบอกงงๆ
“โหพี่ยี่ จะสวยไปไหนเนี่ย”
“พูดอะไรอย่างนั้น ฉันก็สวยของฉันทุกวัน นี่เพื่อนมาตั้งนานแล้วไม่หาน้ำหาท่ามาต้อนรับเลยนะ”
“เอ่อ ไม่เป็นไรครับพี่ ไม่ต้องลำบากก็ได้ครับ” แบงค์รีบบอก ใบหน้าขาวของเขาเริ่มแดงขึ้นมาเมื่อได้ประสานสายตาที่ทอประกายวิบวับของสาวสวย ส่วนกล้วยไม้ที่ไม่ได้รู้เรื่องรู้ราวกับเขาลุกขึ้นไปเปิดตู้เย็นหยิบแก้วเตรียมน้ำให้เพื่อน ยู่ยี่ส่งยิ้มอ่อนหวานให้ชายหนุ่มก่อนจะเดินตามกล้วยไม้ไป
“นี่ กล้วยเมื่อกี้กำลังจะพูดอะไรยะ” กะเทยที่แต่งหน้าแต่งตัวมาเต็มยศถามเสียงกระซิบกระซาบให้คนโดนถามหันมามองงงๆ
“พูดอะไรคะพี่ยี่”
“ก็เมื่อกี้ฉันได้ยินนะ หล่อนกำลังจะบอกว่าฉันเป็นกะเทยใช่มั้ย”
“อ่า ก็ใช่ ก็แบงค์ถาม”
“เหรอชื่อแบงค์เหรอ ว้ายชื่อยังน่ารักเลย นี่ๆ เค้าเป็นแฟนกล้วยเหรอ”
“เปล่าค่ะ เพื่อนตั้งแต่สมัยเรียนแล้ว ทำไมเหรอคะ”
“อิอิ ไม่มีอาร้าย อืม ไม่ใช่แฟน งั้นนี่ ถ้าเค้าไม่ได้ถามก็ไม่ต้องบอกว่าฉันเป็นกะเทย โอเคป่ะ”
“เห...ไม่ให้บอกเหรอ แต่ไม่บอกแบงค์ก็ไม่รู้น่ะสิ พี่ยี่ยิ่งสวยๆอยู่ด้วย”
“ว้าย พูดจาถูกใจ แต่ไม่ต้องบอกนั่นแหละดีแล้ว เดี๋ยวที่เหลือฉันจัดการเอง”
“จัดการอะไรคะ”
“อุ๊ย ฉันละกลุ้มกับความเฉื่อยของเธอจริงๆ ตกลงถ้าเค้าไม่ใช่แฟนเธองั้นฉันขอนะ”
“ง่า ขอกล้วยไปก็เท่านั้นแหละค่ะ ต้องไปขอกับเจ้าตัวเองว่าจะให้มั้ย”
“ฮิฮิ เรื่องอย่างนั้นไม่ต้องห่วง มา เดี๋ยวฉันเอาน้ำไปเสิร์ฟให้เอง” พูดแล้วก็แย่งน้ำไป กล้วยไม้มองตามงงๆ กว่าจะเข้าใจความหมายของยู่ยี่ก็อดหลุดหัวเราะออกมาไม่ได้ ท่าทางแบงค์จะงานเข้าซะแล้ว ดูท่าทีเพื่อนชายของเธอจะเกิดอาการหวั่นไหวขึ้นมาเหมือนกันนะ เพราะไม่เคยเห็นเขาถามเรื่องสาวไหนมาก่อน ยังไงพี่ยู่ยี่ก็เป็นคนน่ารัก สนิทสนมกันไว้ก็ไม่เสียหายเธอเชื่อว่าเพื่อนของเธอก็ต้องชอบพี่สาวคนนี้เหมือนอย่างที่เธอชอบเหมือนกัน กล้วยไม้คิดประสาซื่อเพราะว่ายังไม่รู้จักยู่ยี่ดีพอ คนที่จะขึ้นชื่อว่าเป็นเพื่อนสนิทกันได้ก็ต้องมีนิสัยไม่ต่างกันเท่าไหร่ใช่ไหม ถึงยู่ยี่จะไม่เจ้าชู้ฟันดะแบบไวน์ แต่ก็อดไม่ได้ที่จะเปิดโอกาสให้หนุ่มๆเข้ามาในชีวิต แม้จะรู้ดีว่าโอกาสที่จะได้เจอกับผู้ชายจะเกิดมาเพื่อกะเทยอย่างหล่อนนั้นมีน้อยเต็มที แต่คนอย่างหล่อนก็มีสิทธิ์ที่จะหาความสุขกับการได้อยู่ในอ้อมกอดของใครสักคนบ้างไม่ใช่เหรอ ถึงแม้จะรู้ดีว่าความสุขนั้นไม่มีทางจีรังยั่งยืน แต่อย่างน้อยก็ยังดีกว่าการไม่พยายามและปล่อยให้เวลาไหลผ่านเลยไปวันๆ
ในที่สุด เมื่อเพื่อนหนุ่มลากลับไปพร้อมกับยู่ยี่ที่ออกไปทำงานและน้องยิ้มหวานก็หลับ กล้วยไม้ก็ได้มีเวลาส่วนตัวเป็นของตัวเองเสียที หญิงสาวพาร่างที่ยังคงเปียกชุ่มออกมาจากห้องน้ำก่อนจะทรุดตัวลงนั่งบนพื้น ตรงหน้าของเธอคือโต๊ะญี่ปุ่นที่มีคอมพิวเตอร์โน้ตบุ๊คที่ไวน์ให้ยืมตั้งอยู่ หญิงสาวเชื่อมต่อกับอินเตอร์เนท แล้วก็รอ
เวปเพจที่เธอใช้บริการอัพเดทนิยายที่กำลังเขียนอยู่ของตัวเองปรากฏขึ้นมาอย่างรวดเร็ว หญิงสาวยกนิ้วก้อยขึ้นดันกรอบแว่นที่ไหลลงมาใก้กลับเข้าที่ ดวงตาจ้องเป๋งไปยังข้อความที่นักอ่านทิ้งความคิดเห็นเอาไว้บนหน้าจอที่ช่วงนี้เธอมัวแต่ยุ่งๆจนไม่มีโอกาสเข้าไปเช็คทั้งๆที่ก่อนหน้านี้เรียกว่าแทบจะเปิดดูทุกห้านาที แต่แล้วหญิงสาวก็ได้พบกับความผิดหวัง เมื่อไม่ได้มีข้อความจากนักอ่านทิ้งเอาไว้มากเท่าไหร่นัก กล้วยไม้ถอนใจยาวอย่างท้อแท้ นิยายที่ส่งให้สำนักพิมพ์พิจารณาก็ยังคงเงียบกริบทั้งๆที่ส่งไปแล้วตั้งหลายเดือน หญิงสาวไล่สายตาไปตามตัวอักษร ก่อนจะสะดุดอยู่ที่ความคิดเห็นของนักอ่านคนหนึ่ง
‘ยังขาดอารมณ์ที่สมจริง อ่านแล้วไม่อิน จากคุณ แอบอ่าน’
สั้นๆแค่นั้นไม่มีคำอธิบายเพิ่มขึ้นอีก กล้วยไม้กดหัวคิ้วอย่างหงุดหงิด ไม่อินอย่างนั้นเหรอทั้งๆที่บรรยายรายละเอียดมากมายขนาดนี้แล้วทำไมถึงยังไม่อินอีกฟระ ถ้าหากได้คำแนะนำที่เข้าใจง่ายกว่านี้อีกสักหน่อยเธอก็คงจะหาทางปรับปรุงตัวเองได้ แต่เขียนทิ้งไว้สั้นๆแค่นี้ แล้วเธอจะเข้าใจคำว่า ‘อารมณ์สมจริง’ นั้นได้อย่างไร กล้วยไม้ถอนใจยาวเหยียดอีกครั้งก่อนจะตัดสินใจปิดหน้าเวปเพจแล้วเริ่มเขียนนิยายแสนรักของตัวเอง
เรื่องราวของ รัศมี หญิงสาวธรรมดาที่ต้องเข้าไปอยู่ในคฤหาสน์หลังใหญ่ของตระกูลผู้ดีเก่าแก่ เพื่อเป็นพยาบาลคอยดูแลเจ้าคุณปู่ซึ่งเป็นประมุขของตะกูลที่กำลังล้มป่วยและนอกจากนั้นยังต้องดูแลลูกชายน้อยที่เป็นปัญญาอ่อนอีกด้วย หญิงสาวต้องถูกกลั่นแกล้งดูถูกจากทุกคนในบ้านโดยเฉพาะหม่อมแม่พริ้งพิราศและท่านหญิงเล็กโสภาพรรณ แต่ก็ยังโชคดีเหลือเกินที่ยังมีท่านชายใหญ่ เพชรเพทาย ที่ทั้งสง่าสุขุมใจดีกับเธอ ในบ้านที่เต็มไปด้วยปริศนา แม่บ้านเก่าที่เหมือนจะรู้เรื่องราวทุกสิ่งแต่ไม่ยอมพูด ทายาทที่แท้จริงซึ่งหายสาบสูญไป ดวงตาใต้กรอบแว่นจ้องเป๋งบนจอคอม แสงจากจอสะท้อนให้แว่นทรงสี่เหลี่ยมสีน้ำตาลเป็นประกาย ในขณะที่นิ้วเรียวพรมบนคีย์บอร์ด
นัยน์ตาสีนิลของชายหนุ่มทอประกายดั่งดวงดาวที่พร่างพราวบนท้องฟ้า ท่านชายเพชรเพทายเอ่ยด้วยน้ำเสียงทุ้มนุ่มชวนฟัง
“ถ้าไม่ใช่เพราะคุณรัศมี ชายน้อยคงไม่สามารถอ่านเขียนได้ ทั้งๆที่คุณก็ยังยุ่งกับการดูแลท่านปู่ แต่ก็ยังมีเวลาใส่ใจชายน้อย” รัศมีหลบตาอย่างเขินอาย
“ไม่หรอกค่ะ เพราะว่าคุณชายน้อยตั้งใจเรียนมากกว่า”
“แต่คุณครูเป็นคนแรกที่ทำให้น้องชายน้อยทำได้ขนาดนี้ ทั้งดูแลเจ้าคุณปู่ ทั้งดูแลน้องชายน้อย ผมต้องขอบคุณคุณจริงๆ” สองคนเดินเคียงกันในสวนสวยของคฤหาสน์ แล้วอยู่ๆหญิงสาวก็สะดุดยอดหญ้าเสียหลัก แต่ท่านชายก็รับเอาไว้ได้ มือใหญ่โอบกระชับเอวบาง รั้งร่างอรชรให้แนบชิด
“ถ้าไม่รังเกียจ ผมก็อยากให้คุณครูสอนเรื่องความรักให้ผมบ้าง
.” เอ่ยตาเป็นประกาย หญิงสาวสะท้านด้วยความเขินอาย แต่เพียงลมหายใจอุ่นๆจากเขาก็ทำให้หัวใจแทบหลอมละลาย
.
“กรี๊ดดดดด ท่านชาย หล่อมากกกกกกกกกกกกกกก” ท้ายประโยคลากยาวด้วยเสียงต่ำที่แสดงถึงความมายมายในความรู้สึกของกล้วยไม้ สาวช่างฝันที่เขียนนิยายเองกรี๊ดไปกับตัวเอง อุเหม่ ช่างหล่อเลิศเสียนี่กระไร นี่แหละหนอที่ว่างานเขียนเป็นศิลปะ คนอ่านที่ตาไม่ถึงย่อมไม่สามารถสัมผัสถึงความงดงามในตัวหนังสือของเธอ หญิงสาวนั่งเขียนนิยายของตัวเองต่อไปอย่างเคลิบเคลิ้ม ไม่สนใจแม้กระทั่งแอร์เย็นๆที่เป่าลงมากลางกระหม่อมจนจามออกมาชิ่วๆ สมาธิทั้งหมดตั้งอยู่ตรงหน้า ในโลกแห่งความฝันจินตนาการอันงดงามของตัวเอง
ดังนั้นเมื่อไวน์กลับมาจากที่ทำงานในตอนเย็นก็ได้พบกับกล้วยไม้ที่ตั้งสำรับรอเหมือนปกติ แต่มีบางอย่างไม่ปกติ ในขณะที่นั่งทานข้าวเย็นด้วยกัน หญิงสาวก็แหงนหน้าอ้าปากกระตุกๆ ก่อนเสียง ฮัดเช้ย จะตามมา จากที่ไวน์นับเรื่อยๆในใจยัยกล้วยตานีจามแบบนี้มามากกว่าสิบครั้งแล้วนะเนี่ย
“เฮ้ย จะจามก็ปิดปากสิ จามใส่หน้าเด็ก เดี๋ยวเชื้อโรคจะเข้า” บอกพร้อมกับชี้หน้าด้วยส้อมอย่างกล่าวหาให้หญิงสาวถลึงตาใส่เถียงออกมาอย่างไม่ยอมรับ
“กล้วยไม่ได้สกปรกมากขนาดนั้นสักหน่อย”
“หือ ยังไม่รู้ตัวอีก อาบน้ำบ้างไหมเธอน่ะ”
“อาบสิ อาบตั้งแต่เช้าแล้ว”
“โหย แล้วตอนเย็นล่ะ”
“อาบทำไม ไม่ได้ไปไหนนี่”
“แต่ก็ทำงานบ้านไม่ใช่หรือไง เธอนี่สวยก็ไม่สวยยังสกปรกอีกนะ”
“อะไรกันเล่า พูดยังกะตัวเองดีนักนี่” หญิงสาวว่าแล้วแยกเขี้ยวใส่ ไวน์เห็นแล้วอดหมั่นไส้ไม่ได้ เอื้อมทีเดียวก็ถึงศรีษะกลมแล้วดึงใบหน้าของหญิงสาวให้มาชิดกับไหล่ตัวเอง
“ไม่เชื่อดม ฉันพึ่งกลับมาจากทำงานตัวยังหอมกว่าเธอซะอีก” เมื่อโดนบอกให้ดม หญิงสาวก็ทำตามอย่างว่าง่าย หญิงสาวทำจมูกฟุดฟิด
“อืม หอม กลิ่นน้ำหอมผู้หญิงนี่ ทำไมมีกลิ่นน้ำหอมสองกลิ่นปนกันล่ะ” คำคาดการณ์อย่างแม่นยำของหญิงสาวทำให้ไวน์ผิวปากหวือ
“หือ แยกออกขนาดนั้นเลยเหรอ อ๊ะ หรือว่าเธอจะเป็นชิวาว่าที่ถูกแปลงพันธุกรรมจนกลายเป็นคนหรือเปล่า”
“อ๊าย อีตานี่ กล้วยไม่ใช่หมานะ”
“ก็ทั้งกินจุ ทั้งจมูกดี นี่เลี้ยงเด็กแล้วเด็กจะพูดได้ไหม จะมีพัฒนาการหรือเปล่า” ไวน์พูดกลั้วหัวเราะ ในขณะที่กล้วยไม้ก็ยังเถียงอย่างไม่ยอมแพ้เช่นกัน
“กล้วยสิต้องห่วง ปากอย่างพี่ไวน์ไม่ต้องเข้าใกล้น้องยิ้มหวานเลยนะ เดี๋ยวหมาในปากจะโดดออกมากัดเด็ก”
“ใครจะอยากอยู่ใกล้เด็กกัน ไม่งั้นฉันจะจ้างเธอมาเลี้ยงทำไม ไปดูเด็กต่อไป๊ยัยกล้วยตานี” ว่าแล้วก็หัวเราะสะใจ ก่อนจะเดินหนีเข้าห้อง กล้วยไม้กรี๊ดออกมาอย่างขัดใจ อยากจะตะโกนเถียงไล่หลังแต่ก็มาสะดุดเพราะจามออกมาเสียก่อน
หลังอาหารเย็นเมื่อพาน้องยิ้มหวานเข้านอนแล้ว กล้วยไม้ก็มานั่งบิ้วท์อารมณ์เขียนนิยายต่อ แต่ยิ่งบิ้วท์ยิ่งหงุดหงิดไม่มีอารมณ์เขียน เพราะยิ่งพยายามตั้งสมาธิเท่าไหร่ ก็มองเห็นแต่หน้าตาและคำพูดยียวนของไวน์มากเท่านั้น คนบ้าอะไร ปากเสียนิสัยไม่ดีไม่รักเด็กแถมยังบ้ากามอีกต่างหาก นิสัยแบบนี้ถ้าอยู่ในนิยายละก็ไม่พ้นได้เป็นตัวอิจฉา คิดขึ้นมาได้อย่างนั้นหญิงสาวก็เกิดประกายตื่นเต้นขึ้นมาในแววตา หัวเราะคิกคักแล้วเริ่มพรมนิ้วไปบนคีย์บอร์ด
ร่างอรชรของรัศมีซอยเท้าถี่ๆกลับเรือนพักของตัวเอง หญิงสาวพึ่งจะเสร็จจากการทำงานดูแลเจ้าคุณปู่ การเดินในคฤหาสน์ยามดึกเช่นนี้ก็ทำให้หญิงสาวอดขนลุกด้วยความกลัวไม่ได้ แล้วก็เลยเดินชนกับร่างสูงที่โผล่ออกมาจากมุมตึกก่อนที่จะปะทะกับร่างของใครบางคน รัศมีเสียหลักล้มลงในวงแขนของใครคนนั้น พลันสายตาก็ประสานกันท่ามกลางแสงจันทร์ นัยน์ตาคู่นั้นพราวเป็นประกาย น้ำเสียงทุ้มกรุ้มกริ่มดังขึ้นมา
“แหม นึกว่าใคร ดึกดื่นป่านนี้จะรีบไปไหนหรือครับคุณรัศมี” ชายหนุ่มกล่าวออกมา หญิงสาวพึ่งจะรู้ว่าตัวเองกำลังตกอยู่ในอ้อมกอดของใคร ชายกลางแห่งคฤหาสน์ หญิงสาวดันตัวเองออกจากอ้อมกอดของเขา ตอบอย่างไม่เต็มใจนัก
“ขออภัยคุณชายกลางด้วยที่ดิฉันเสียมารยาท”
“หามิได้หรอกครับ คุณไม่เป็นไรก็ดีแล้ว นี่พึ่งกลับจากเรือนของเจ้าคุณปู่หรือครับ”
“ค่ะ ท่านพึ่งจะเข้านอน ดิฉันจึงได้ปลีกตัวออกมาได้”
“ดึกขนาดนี้แล้ว ถึงจะเป็นภายในคฤหาสน์แต่ก็กว้างขวาง ให้ผมเดินไปเป็นเพื่อนดีไหมครับ” บอกด้วยแววตากรุ้มกริ่ม รัศมีมองดูแล้วถอนใจ อดที่จะเปรียบเทียบกับคุณชายใหญ่ไม่ได้ ทั้งๆที่เป็นพี่น้องกันแต่เหตุไหนลักษณะนิสัยจึงได้แตกต่างกันมากถึงเพียงนี้ ท่านชายกลางผู้นี้อาจจะถือว่าตัวเองนั้นมีดีทั้งหน้าตาและชาติตระกูล จึงได้เที่ยวทำเจ้าชู้ไปทั่ว มักจะเป็นข่าวทางหน้าสังคมในหนังสือพิมพ์เสมอ ว่าควงสาวคนนั้นคนนี้ออกงาน
“มืดแค่ไหนดิฉันก็คงไม่หลงทางหรอกกระมังคะ แต่อย่างไรเสียก็ต้องขอขอบคุณในความหวังดีของคุณชาย”
“ไม่เป็นไรหรอกครับ แต่หากเวลาไหนคุณรัศมีเหงาๆก็สามารถเรียกหาผมได้ หรือเวลาที่พี่ชายกลางไม่อยู่
” คำพูดของเขาทำให้หญิงสาวคอแข็งขึ้นมาทันที
“พูดอย่างนี้หมายความว่าอย่างไรคะ”
“ก็แล้วแต่คุณรัศมีจะเข้าใจเถิดครับ เราต่างก็ไม่ใช่เด็กๆกันแล้ว เรื่องแบบนี้สามารถคุยกันได้ไม่ใช่หรือ ถึงผมจะไม่งามสง่าอย่างพี่ชายใหญ่ แต่ความสามารถทางด้านอื่นของผมก็ไม่ได้ด้อยไปกว่ากันเลยนะครับ”
“นี่คุณชาย!”
“ไม่เอาน่า อย่ามาแสดงท่าทางเป็นเด็กสาวที่ไม่ประสีประสาเสียหน่อยเลย หน้าต่างมีหูประตูมีช่อง การเดินชมจันทร์เพียงสองต่อสองไม่ได้เป็นเรื่องที่ลับเท่าไหร่หรอกนะครับ”
“นี่คุณชายแอบดูอย่างนั้นหรือคะ ช่างเสียมารยาท”
“แล้วคนที่ลับลอบคบหากับผู้ชายที่มีคู่หมั้นอยู่แล้วนี่ดีมากหรือไรครับ ทั้งๆที่คุณเองก็รู้ดีแก่ใจ ว่าพี่ชายใหญ่มีน้องหญิงแม้นมาศเป็นคู่หมั้นคู่หมาย แต่คุณก็ยังให้ท่าพี่ชายใหญ่ คิดหวังจะรวยทางลัดหรืออย่างไรกัน”
“คุณชายกลาง คุณดูถูกดิฉันมากเกินไปแล้วนะคะ ดิฉันคบหากับคุณชายใหญ่อย่างบริสุทธิ์ใจ ไม่ได้คิดถึงเรื่องต่ำทรามแบบนั้นเลย”
“หึ อะไรๆก็พี่ชายใหญ่ ทำไมทุกคนถึงเห็นผู้ชายจริงจังซีเรียสกับทุกสิ่งอย่างนั้นดีนักหนา”
“นั่นก็เป็นเพราะคุณชายใหญ่ท่านเป็นคนมีจิตใจดีอ่อนโยน แตกต่างจากใครบางคนกระมังคะ”
“ใครบางคนที่คุณรัศมีบอก คงไม่ได้หมายถึงผมกระมัง”
“หากคุณชายกลางอยากจะรับก็รับไว้เถิดค่ะ คนเราทำสิ่งใดย่อมรู้ดีอยู่แก่ใจตนเอง”
“ในเมื่อคนอย่างผมไม่มีอะไรดีเหลือเลยสำหรับคุณรัศมี เช่นนั้นก็คงไม่ต้องรักษาภาพพจน์กันต่อไป” พูดพร้อมกับขยับเข้ามาหาด้วยนัยน์ตาแวววาว “ว่าแต่คุณรัศมีไม่คิดจะทดสอบดูหน่อยหรือครับ บางทีคนร้ายกาจอย่างผม อาจจะสามารถให้ความสุขกับคุณได้มากกว่าพี่ชายใหญ่ก็ได้”
คำพูดที่เต็มไปด้วยความท้าทายและแววตาที่ราวกับจะสามารถมองทะลุอาภรณ์ที่สวมใส่ ทำให้รัศมีหมดความอดทน หญิงสาวตะหวัดฝ่ามือใส่ใบหน้ายียวนนั้นวูบ เสียงมือกระทบใบหน้าอย่างจังจนใบหน้าขาวใสนั้นสะบัดไปตามแรง
“อย่าคิดว่าดิฉันจะเป็นเหมือนผู้หญิงทุกคนของคุณ ฉันมีเกียรติมีศักดิ์ศรี หากฉันจะมอบความรักให้ใคร ก็เป็นเพราะว่าเขาคนนั้นคู่ควร แต่ที่ดิฉันมั่นใจได้ก็คือ คนๆนั้นไม่มีวันเป็นคุณ!” เอ่ยแค่นั้นก็สะบัดสายตาใส่และหมุนตัวจากไปทันที ทิ้งให้ชายหนุ่มมองตามด้วยแววตาที่วาวโรจน์ หากแต่มันไม่ได้มีความโกรธเคืองแฝงอยู่ นอกเสียจากความตื่นเต้นที่ปรากฏ ริมฝีปากของเขาปรากฏรอยยิ้ม หยิ่งยะโสนักหรือ ทั้งๆที่เป็นแค่นางพยาบาล เอาเถิดหากได้ทุกสิ่งอย่างโดยง่าย ชีวิตของฉันก็คงจะไม่น่าตื่นเต้น ดิ้นรนเข้าไปเถิดรัศมี แล้วฉันจะแสดงให้เธอได้เห็นว่าคนอย่างฉันก็สามารถทำได้อย่างที่พี่ชายใหญ่ทำเช่นกัน
เมื่อเขียนมาถึงตอนนี้กล้วยไม้ก็ปิดปากหัวเราะ พูดกับตัวเองอย่างสะใจ
“เป็นอย่างไรเล่าคุณชายกลาง โดนรัศมีตบหน้า คนเจ้าชู้ปากเสียมันก็ต้องเจอแบบนี้แหละ โฮ๊ะๆๆๆ” หญิงสาวอัพเดทตอนใหม่ขึ้นบนเวปอย่างตื่นเต้น เสียงหัวเราะของกล้วยไม้ทำให้ยู่ยี่ที่พึ่งกลับมาจากทำงานโผล่หน้าเข้ามามองในห้องด้วยความแปลกใจ
“หัวเราะอะไรของหล่อนยะยัยกล้วยดึกดื่นแล้วยังไม่นอนอีก”
“อ้าวพี่ยี่กลับมาแล้วเหรอคะ พอดีกล้วยทำงานติดลมไปหน่อย พี่ยี่พึ่งกลับมาหิวมั้ยคะ”
“อ๊ะ อย่าบอกนะว่ามีของกิน จัดมาเลยค่ะคุณน้อง” ยู่ยี่ตอบรับด้วยความดีใจ
เมื่ออาหารควันฉุยที่กล้วยไม้จัดการอุ่นให้ในไมโครเวฟตั้งอยู่ตรงหน้า ยู่ยี่ก็สวาปามเสียเรียบอย่างไม่กลัวเสียหุ่น กินๆเข้าไปแล้วปั๊มๆ มันจะไปได้ขึ้นที่หน้าอก ฮิฮิ คติเพี้ยนๆของกะเทยที่ไม่มีปัญญาไปทำนม
“แล้วไอ้ไวน์นอนแล้วเหรอ”
“นอนตั้งกะหัวค่ำแล้วค่ะ แปลกจังนะคะกล้วยคิดว่าพี่ไวน์จะออกเที่ยวทุกคืนเสียอีก”
“ไม่หรอก ถ้าไม่เสี้ยนจริงๆมันก็ไม่ออกไปหาเหยื่อ แต่ไปเมื่อไหร่ก็ได้กลับมาทุกทีนะ”
“เหอๆ ไม่แปลกใจหรอกค่ะ พี่ยี่รู้ไหม กล้วยเคยเห็นเค้าจูบกับผู้หญิงในลิฟท์ด้วยหน้าไม่อายเลย คนแบบนี้ใครได้เป็นเป็นแฟนได้ช้ำใจตายแน่”
“แหม ไอ้ไวน์มันไม่เอาใครอยู่แล้วล่ะ ชาตินี้ไม่รู้จะมีแฟนเป็นตัวเป็นตนไหม”
“หื่นๆแบบนี้ คงชอบเปลี่ยนผู้หญิงไปเรื่อยๆ”
“ไม่หรอก เมื่อก่อนมันไม่เป็นแบบนี้ มันเคยมีแฟนที่รักมากนะ แต่ก็โดนเค้าทิ้ง”
“อ้าวทำไมล่ะ”
“แหม อย่างพวกฉันใครเขาจะมารักจริงล่ะหล่อนก็รู้ แฟนไอ้ไวน์ก็ทิ้งไปแต่งงาน มันก็เลยเลิกจริงจังกับใคร คงกลัวเจ็บอีกน่ะ”
“เคยรักใครด้วยเหรอ ไม่น่าเชื่อนะคะเนี่ย เป็นแค่ข้ออ้างหลอกฟันสาวหรือเปล่า”
“เออ อาจะจริงนะหล่อน คราวก่อนมันก็บอกว่านอนกับผู้หญิงคนเดียวซ้ำๆมันน่าเบื่อ”
“นั่นไงล่ะ เหตุผลหื่นๆ” แล้วสองคนก็หัวเราะ ยู่ยี่พึ่งจะสังเกตว่ากล้วยไม้ไม่ได้ใส่แว่นสายตาเหมือนทุกที ผมที่ยาวรุ่ยร่ายก็มวยขึ้นพอได้กินดีอยู่ดีหน้าตาก็เริ่มผ่องใสให้คนมองอดทักขึ้นมาไม่ได้
“นี่จริงๆหน้าหล่อนก็พอไปวัดได้นะ พอไม่ใส่แว่นแบบนี้เลยรู้ว่าตาหล่อนก็สวยใช้ได้เหมือนกัน”
“แหมพี่ยี่ แกล้งอำกันหรือเปล่า ตั้งแต่เกิดมาก็มีพี่พูดแบบนี้กับกล้วยคนแรกเลยน่ะ”
“แล้วหล่อนเคยถอดแว่นให้ใครดูหรือเปล่าล่ะ”
“ถอดก็มองไม่เห็นสิคะพี่ ปกติก็ใส่แว่นตลอดแหละค่ะ แต่นี่ในห้องก็เลยถอดเสียหน่อยพักสายตาด้วยน่ะ”
“น่าจะหาคอนแทคเลนส์มาใส่นะ แต่สิวเยอะนะ ผมเผ้าหน่ะสระบ่อยๆ แล้วก็หัดรวบเสียบ้าง ปล่อยให้ปิดหน้าปิดตาสิวก็ถามหาสิ ผิวหล่อนก็ดีอยู่นะ ถ้าดูแลตัวเองสักหน่อยรับรองผู้ชายไม่หายไปไหน”
“จริงเหรอๆ พี่ยี่ก็สอนกล้วยมั่งสิ พวกเครื่องประทินผิว อุ๊ย กล้วยก็อยากจะผิวสวยเหมือนพี่นะ” กล้วยปะเหลาะแล้วก็ได้ผล ยู่ยี่เป็นกะเทยบ้ายอ รีบขนเครื่องสำอางค์ออกมาอวด สองคนคุยกันเรื่องความงามจนดึกดื่น สำหรับยู่ยี่นั้นชินแล้วแต่กล้วยไม้เริ่มออกอาการเพลียและจามติดๆกันให้ยู่ยี่มองอย่างสงสัย
“ไม่สบายหรือเปล่าเนี่ย เป็นหวัดห้ามใกล้ลูกสาวฉันนะยะ เดี๋ยวติดหวัด”
“เอ ไม่รู้แฮะ คันคอบอกไม่ถูก”
“งั้นก็ไปนอนไป ดึกแล้ว”
“ค่าๆ แต่ก่อนนอนขอลองใช้ครีมก่อนนอนของพี่ยี่สักหน่อยได้มั้ยคะ อิอิ”
“ย่ะ เนียนมากเลยนะหล่อนกะจะมายืมฉันทุกคืนหรือไง เอ้าๆ ไหนๆก็เอามาอวดแล้ว ให้ลองใช้ก็ได้แต่วันหลังต้องเก็บตังค์ซื้อเองนะ”
“ค่าๆ แหมพี่ยี่เนี่ย อย่างนี้แหละที่เค้าเรียกว่าคนสวยใจดี”
“อ่ะแน่นอนค่ะ สวยแบบมีคุณค่า อนาคต Miss Queen Universe ฮ่าๆ” ยู่ยี่ตอบรับอย่างหน้าชื่นตาบาน ก่อนที่ทั้งสองจะประสานเสียงหัวเราะไปพร้อมกัน
-------------- ---- ------
ตอนใหม่มาแระ ขอเว้นช่วงการตอบคอมเม้นท์ไปอีกรอบ เนื่องจากคนเขียนยังคงหน้าชาปากชาตะหมูกชาจากการไปทำฟัน T^T หมอฉีดยาชาให้ตั้งสามเข็มแน่ะ ตั้งกะหกโมงแล้วตอนนี้ยังชาอยู่เลย เมื่อไหร่มันจะหายค้าบ เราจะตายไหม T^T (มันเวอร์ได้อีกๆ)
ปล.คุณ Tow k เราไปอ่านนิยายที่คุณแนะนำมาแล้ว ปรากฏว่าติดงอมแงม ของเค้าดีจริงๆเลยนิ อิอิ
ความคิดเห็น