คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #5 : ผู้หญิงน่ากลัว
เสียงกะเทยกรี๊ดกร๊าดแย่งกันอุ้มเด็กน้อยหน้าตาน่ารักกันอย่างคึกคัก
มีเพียงไวน์เท่านั้นที่นั่งทำหน้าเป็นตูดเหมือนคนท้องเสียอยู่คนเดียว
“เอาน่า ตำรวจก็บอกแล้วนี่แกว่ามีภาพวงจรปิดแบบนี้คงอีกไม่นานก็หาแม่เด็กเจอ”
ยู่ยี่มาบอกเพื่อนน้ำเสียงประจบหากแต่ไวน์ยังคงหงุดหงิดไม่เลิก
“เอาเด็กมาเลี้ยงก็ต้องดูแลเองนะ ฉันไม่ยุ่งด้วยเด็ดขาด”
“แหม อย่าทำเป็นคนแล้งน้ำใจไปหน่อยเลย อะไรช่วยกันได้ก็ช่วยกันสิยะ”
“เฮ้ย ไหนตอนแรกบอกว่าจะดูแลเอง หน้ากูเหมือนคนรักเด็กหรือไง”
คนขี้วีนเริ่มขึ้นเสียงทำให้เด็กน้อยที่อยู่ในวงล้อมกะเทยสะดุ้งเฮือกปากเบ้ทำท่าเหมือนจะร้องไห้
พวกที่สัญชาติญาณความเป็นแม่บังเกิดรีบหลอกล่อเอาใจ ก่อนจะหันมาทำเสียง
‘ชู่ววววว’ ใส่ไวน์เป็นแถว ยู่ยี่รีบบอกเพื่อนเสียงอ่อนหวาน
“แหม แกก็รู้ว่าฉันต้องทำงานกลางคืน กลางวันฉันก็เลี้ยงเด็ก กลางคืนแกก็เลี้ยง
สลับกันไปไง ไอเดียนี้ออกไม่ใช่เหรอ”
“ดีบ้าดีบออะไร แกก็สบายสิตอนกลางวันมีพวกนังลี่ช่วยเลี้ยง แล้วฉันล่ะจะเลี้ยงเด็กคนเดียวยังไงไหววะ”
“เลี้ยงเด็กมันจะไปยากอะไรยะ เด็กๆน่ะตื่นมาก็กิน กินเสร็จก็นอน ชีวิตมีแค่นี้แหละน่า”
“แต่ชีวิตฉันกลางวันทำงาน กลางคืนเที่ยวเว้ย ไม่มีเวลาให้เด็กหรอก”
“แหมข้ออ้างแบบนี้ก็ยังกล้าพูดออกมาได้ไม่อายปาก ก็คิดเสียว่าฝึกฝนไปในตัว เวลามีลูกมีเมียจะได้ไม่ลำบาก”
“เมียมึงสิอียี่ กูจะไปมีปัญญาอะไรทำผู้หญิงท้อง โอ้ยหงุดหงิดว่ะ”
พูดแล้วก็กระแทกเท้าปังๆทำท่าจะเดินออกจากห้อง ซินดี้กะเทยร่างยักษ์เห็นอย่างนั้นก็รีบตะโกนถาม
“ไวน์จะไปไหนอ่ะ”
“ไปหาของกิน หิว ถามทำไม”
“พอดีเลย ฉันก็หิวฝากซื้อข้าวเข้ามาหน่อยสิ
.”
เมื่อกะเทยนางอื่นได้ยินก็ตาโต และแล้วรายการอาหารก็ถูกสั่งมายาวเหยียด
ไวน์กัดฟันกรอด ห้องส่วนตัวฉันมีทั้งเด็กทั้งกะเทยเป็นขโยงแล้วนี่ยังต้องไปซื้อข้าวให้กินอีกเหรอเนี่ย
ด้วยความหงุดหงิดยังไม่ทันที่กระดาษจดรายการอาหารจะส่งถึงมือ ไวน์ก็ตะคอกใส่ทุกคน
“เฮ้ย ฉันจะไปกินนาน ไม่ซื้อมาฝากใครหรอก อยากกินก็สั่งจากร้านในคอนโดมากินเองละกัน”
พูดแค่นั้นก็กระแทกประตูห้องออกไปทันที เกิดความเงียบขึ้นมาในห้อง เหล่านางโชว์มองหน้ากันตาปริบๆ
“ไร้น้ำใจจริงเลย”
ลิลลี่บ่นในขณะที่ยู่ยี่ยักไหล่ไม่สนใจเพราะชินนิสัยเพื่อนรักดีแล้วว่าเป็นพวกโกรธง่ายหายเร็ว
“ช่างมันเหอะอย่าไปสนใจเลย พวกเราสั่งจากร้านในคอนโดก็ได้เอาไรกันบ้าง”
เอ่ยพร้อมกับยกหูโทรศัพท์ขึ้นมากดเลขหมาย เมื่อร้านอาหารรับสาย
รายการอาหารนับสิบถูกสั่งอย่างรวดเร็วและเรียบร้อย โดยที่ยู่ยี่ไม่ลืมที่จะย้ำให้ชัดเจนก่อนวางหู
“ค่ะ เอารายการตามนี้ค่ะส่งที่ห้องเลย เออน้องคะจำเพื่อนพี่ได้ไหม ที่เป็นทอมผมสั้น
หน้าใสๆปากแดงๆอ่ะ ช่ายๆ เดี๋ยวเค้ากำลังจะเดินผ่านหน้าร้าน น้องรอเก็บเงินที่เค้าเลยนะคะ
ค่ะใช่ค่ะ ขอบคุณค่ะ”
พอวางสายแล้วก็หันมายิ้มบอกเพื่อนสาวแลบลิ้นมุมปากทำหน้าแอบแบ๊วพูดเสียงเล็กเสียงน้อย
“เรียบร้อยสั่งไปแล้วเดี๋ยวเก็บตังค์ที่ไวน์ อิอิ”
แล้วกะเทยก็ประสานเสียงหัวเราะโฮ๊ะๆ พร้อมกับยกมือไฮไฟว์กันอย่างถูกใจ
กล้วยไม้ยืนมองดูประตูห้องตัวเองที่โดนล๊อคจิตตกจนน้ำตาซึม นอกจากข้าวไม่มีกรอกปาก
ตอนนี้เธอก็กำลังกลายเป็นพวกเร่ร่อนไม่มีที่ซุกหัวนอนแล้วด้วย
เท่าที่มีเหลือติดตัวอยู่ก็มีแค่กล่องกระดาษเก่าๆหนึ่งกล่องที่มีอุปกรณ์วาดภาพ
ที่ผ่านการใช้งานจนยับเยินอยู่
แล้วนี่เธอจะทำยังไงดีหรือว่าจะต้องบากหน้าไปขอเงินพ่อแม่ แต่ทั้งคู่ก็มีภาระมากมายเหลือเกินอยู่แล้ว
ไหนจะน้องๆเป็นขโยงของเธอที่ยังอยู่ในวัยเรียน บ้านหลังเล็กแน่นเอี๊ยดจนแทบจะนอนเกยกันอยู่แล้ว
และนั่นก็เป็นเหตุผลที่กล้วยไม้แยกตัวออกมาอยู่กับเพื่อนๆ เพราะอยากจะมีชีวิตที่เป็นส่วนตัวของเธอบ้าง
และที่สำคัญก็คือไม่อยากจะทำตัวให้เป็นภาระของพ่อแม่
ตอนแรกนั้นมีเพื่อนๆหลายคนเช่าอยู่ด้วยกันทำให้ไม่ลำบากนักในการหาค่าใช้จ่าย
กล้วยเป็นเด็กขยันตั้งใจเรียนและเป็นนักเรียนทุน แต่เมื่อเรียนจบจนแยกย้ายกันไป
ต่างก็ขยับขยายไปมีที่อยู่เป็นของตัวเอง จนเหลือแค่กล้วยไม้กับส้มแค่สองคน
แล้วตั้งแต่ส้มเริ่มมีแฟนก็เกิดอาการติดแฟนอย่างหนักจนแยกกันไม่ออก
หลายครั้งหลายคราที่พากันมานอนค้างที่ห้อง สร้างความลำบากใจให้กล้วยไม้เพราะรู้สึกอึดอัด
กับการแสดงออกเหมือนโลกทั้งใบเป็นของเราสองโดยไม่เกรงใจเพื่อน
และที่สำคัญ ใครๆก็รู้ว่าแฟนหนุ่มของส้มนั้นติดพนันยิ่งกว่าอะไร ความจริงแล้ว
กล้วยก็กำลังเตรียมตัวจะย้ายออกอยู่แล้ว ก็ดันมาโดนเพื่อนรักยกเค้าเพื่อแฟนเสียก่อนแบบนี้
ในที่สุดก็คงจะไม่มีทางเลือกแล้วจริงๆสำหรับกล้วยไม้ ถ้าบากหน้ากลับบ้านในสภาพแบบนี้
อีกหน่อยมีหวังไม่ได้รับความไว้ใจจากพ่อและแม่ให้ออกมาอยู่คนเดียวได้อีก
หากแต่หญิงสาวก็สิ้นไร้หนทางแล้วจริงๆ ร่างบางลากกล่องลังเดินขึ้นลิฟท์อย่างหงอยเหงา
เสียงท้องยังร้องโครกครากเมื่อเธอก้าวเข้าไปในลิฟท์ พลันกลิ่นหอมของอาหารที่ลอยมาแตะจมูก
ก็ทำให้หันขวับไปมองด้วยความรวดเร็ว
ใครบางคนที่อยู่ในลิฟท์พะรุงพะรังไปด้วยถุงอาหารและข้าวของที่ซื้อมาจากซุปเปอร์มาเก็ตจนเต็มสองมือ
สิ่งไหนก็ไม่ดึงดูดใจหญิงสาวได้เท่ากับขนมปังฝรั่งเศสชิ้นยาวที่โผล่ออกมาจากถุงอย่างเย้ายวน
และนั่นทำให้คนหิวโซเกิดอาการน้ำลายสอขึ้นมา
ไวน์รู้สึกถึงกระแสเร่าร้อนจากสายตาของผู้โดยสารอีกคนที่อยู่ในลิฟท์ตัวเดียวกัน
เหลือบตามองดูหญิงสาวร่างบางที่แยกไม่ออกว่าดูซอมซ่อเพราะความซกมกหรือความเซอร์อย่างหวาดระแวง
ร่างสูงขยับหนีจนชิดผนังตาก็เงยขึ้นมองตัวเลขบอกชั้น ทำไมพักนี้ฉันซวยจริงเชียว ทั้งเด็กทั้งกะเทย
แถมยังยัยแว่นขี้เหร่ที่น่ากลัวเป็นผีจูออนนี่อีก ปกติแล้วไวน์ค่อนข้างจะชินกับสายตาเร่าร้อนของสาวๆ
ที่มองตรงมา
แต่ยัยจูออนนี่แตกต่าง นอกจากไม่เคยมองหน้าตาหล่อใสของไวน์แล้ว ยังคอยแต่จ้องแต่ของกินอีกด้วย
ผู้หญิงอะไรน่ากลัวพิลึก
แม้การเคลื่อนไหวของลิฟท์จะเชื่องช้าเหลือเกินในความรู้สึกไวน์ หากแต่มันก็ถึงที่หมายในที่สุด
ร่างสูงก้าวออกจากลิฟท์อย่างรวดเร็วโดยไม่หันกลับมามองหญิงสาวอีกคนที่อยู่ในลิฟท์อีกเลย
กล้วยไม้พึ่งจะรู้ว่าตัวเองขึ้นมาผิดชั้น
ความจริงเธอต้องลงไปข้างล่างไม่ใช่ขึ้นมาชั้นบนแบบนี้ ทั้งๆที่ควรจะลงลิฟท์กลับไป
หากแต่กลิ่นอาหารอันยั่วยวนก็ทำให้สองเท้าของเธอก้าวตามไปโดยไม่รู้ตัว
ไวน์กำลังไขกุญแจเปิดประตูห้อง เมื่อได้ยินเสียงร้องไห้จ้าของเด็กน้อย
แต่ที่น่ากลัวมากกว่าคือเสียงร้องไห้สะอึกสะอื้นของยู่ยี่
ทันทีที่เปิดประตูได้ก็มองเห็นสภาพผมเผ้ารุงรังของเพื่อนสาวที่อุ้มเด็กอยู่ในอก
ทั้งน้ำมูกน้ำตาน้ำลายรวมกันอย่างน่าหยึยทำให้ไวน์ตกใจมากทิ้งของไว้หน้าประตูห้อง
แล้วรีบเข้ามาดูเพื่อน
“เฮ้ยอียี่ แกเป็นไรเนี่ย ร้องไห้ทำไม”
“ฮื่อ ไวน์ เด็กอ่า เป็นอะไรไม่รู้ ร้องไห้งอแงไม่หยุดเลยตั้งแต่กลับมาจากทำงานเมื่อคืนฉันยังไม่ได้นอนเลยนะเนี่ย”
พูดทั้งน้ำหูน้ำตา พยายามส่งเด็กให้เพื่อนอุ้ม
“หิวหรือเปล่า” ทั้งๆที่ถามอย่างนั้นแต่ไวน์ก็ถอยกรูด
“หิวอะไร ฉันให้กินนมไปตั้งเยอะแล้ว ฮื่อออ วันนี้พวกนังลี่ไม่ได้มาช่วยเลี้ยงเด็ก
แกช่วยเลี้ยงหน่อยเซ่ ฉันเหนื่อยจะตายอยู่แล้วง่า หิวก็หิวเนี่ย” ยู่ยี่เริ่มเหนื่อยจนงอแง
“เออ ฉันซื้อของกินมาเยอะแยะ แกเอาเด็กวางที่พื้นก่อนแล้วค่อยกินข้าว”
บอกพร้อมกับก้าวยาวๆไปหน้าประตูที่ไวน์พึ่งคิดได้ว่าลืมของทิ้งเอาไว้
ด้วยอารามตกใจเสียงร้องไห้ของเด็กและเพื่อน
ร่างสูงก้าวออกมายืนหน้าประตู ก่อนจะสะดุ้งสุดตัวเมื่อมองเห็นเงาตะคุ่มๆคร่อมถุงอาหารของตัวเอง
“เฮ้ย!” เสียงอุทานทำเอากล้วยไม้สะดุ้งเฮือก “เธอทำอะไรน่ะ!”
ถามพร้อมกับชี้หน้าหญิงสาวที่บัดนี้กำลังนั่งยองๆค้นถุงอาหาร
ทันทีที่เงยหน้าขึ้นไวน์ก็เห็นว่ายัยผีจูออนคาบขนมปังฝรั่งเศสของตัวเองติดปากอยู่
เกิดความเงียบอันน่าตื่นตระหนกขึ้นมา ก่อนที่ใบหน้าขาวของหญิงสาวจะแดงซ่าน
“อ๋อโอ๊ดอ่า” คำขอโทษที่หลุดออกมาฟังแทบจะไม่ได้ศัพท์ แม้จะอับอายเหลือแสนแต่ความหิวก็ไม่ปราณี
ทำให้กล้วยไม้ไม่สามารถตัดใจคายขนมปังออกมาได้ ร่างบางออกสตาร์ทวิ่งหนีเอาตัวรอดทันที
ทิ้งให้เจ้าของขนมตะโกนไล่หลัง
“เฮ้ยหยุดนะ ยัยจูออน กล้ามาขโมยของฉันเหรอ!”
หากแต่เสียงของไวน์ไม่อาจหยุดกล้วยไม้เอาไว้ได้ ใครจะเรียกเธอว่าขโมยก็ช่างเถอะ
ในยามที่ความหิวไม่เข้าใครออกใครแบบนี้ต้องด้านได้อายอดกันแล้วล่ะ
อีกอย่างขนมปังพอลงท้องมันก็ละลาย จะหาหลักฐานที่ไหนมากล่าวหาเธอได้
ทั้งๆที่คิดอย่างนั้นแต่หญิงสาวก็ดันฉุกคิดได้ว่าตัวเองลืมอะไรบางอย่าง
นั่นก็คือกล่องสมบัติชิ้นสุดท้ายของเธอยังไงเล่า เครื่องมือทำมาหากิน
ถ้าทำมันหายไปแล้วจะเอาอะไรประกอบอาชีพ
คิดได้อย่างนั้นร่างบางก็วกกลับด้วยความรวดเร็ว มองเห็นกล่องสีน้ำตาลสภาพซ่อมซ่อตั้งอยู่บนพื้น
ก็รีบคว้าหมับกำลังจะกระชากวิ่งแล้วเมื่อเท้าของใครบางคนย่ำโครมลงมาเต็มรัก
กล้วยไม้ขนลุกวูบ ค้างอยู่ในท่าจับกล่องอย่างนั้น ก่อนจะค่อยๆเงยหน้าขึ้นมองเจ้าของเท้าช้าๆ
เพื่อจะมองเห็นใบหน้าถมึงทึงของไวน์ที่ยืนกอดอกหัวคิ้วกระตุกได้อย่างน่ากลัว
จนกล้วยไม้ทำได้เพียงหัวเราะแหะๆ
แล้วขนมปังก็ถูกกระชากออกจากปากขโมยอย่างรวดเร็วให้หญิงสาวร้องออกมาน้ำตาคลอด้วยความเสียดาย
“อ๊า ขนมปังของฉัน!”
“ของฉันตะหากบ้าหรือเปล่ายัยปอบ เรื่องอะไรมาขโมยของกินของคนอื่น” ไวน์ตะคอกใส่
“ก็ฉัน หิวอ่า”
“หิวก็ไปหาของกินเองเซ่ มีปัญญาขโมยของคนอื่น แต่ไม่มีปัญญาหาเงินซื้อข้าวเองเหรอ!”
ว่าแล้วก็พึ่งจะสังเกตเห็นขนมปังในมือที่บัดนี้เปื้อนคราบน้ำลายจนไหลไหลยืด
ไวน์รีบกรีดสองนิ้วจับขนมปังด้วยความขยะแขยงในขณะที่กล้วยไม้มองตามตาละห้อย
“เกิดอะไรขึ้นอ่ะไวน์”
ยู่ยี่ที่ได้ยินเสียงเอะอะโวยวายของเพื่อนรีบโผล่หน้าออกมามองมองทั้งๆที่เด็กก็ยังคงร้องไห้งอแง
ไวน์จุ๊ปากอย่างหงุดหงิด
“จับขโมย ว่าแต่นี่ ทำอะไรสักอย่างกะเด็กเหอะ ปล่อยให้ร้องไห้อยู่ได้”
“จะให้ทำไรล่ะ ทำหมดแล้วเนี่ย ไหนหนูบอกแม่สิลูกว่าเป็นอะไร”
พูดพลางหันไปถามเด็กอย่างอ่อนใจ กล้วยไม้ชะเง้อมองตามแล้วถามออกมาเบาๆ
“เค้ากินนมยังอ่ะ”
“กินแล้วไปตั้งเยอะแยะ”
“แล้วเรอหรือยัง”
“เรอ?” ยู่ยี่หันมาถามอย่างแปลกใจ
“เด็กกินนมแล้วจะจุกนะถ้าไม่ได้เรอ”
คำพูดของโจรขโมยขนมปังทำให้สองเพื่อนซี้มองหน้ากันตาปริบๆ ก่อนที่ยู่ยี่จะหันมาถามงงๆ
“ทำไง”
“เอาขนมปังมาก่อนสิ” กล้วยไม้ต่อรอง ทำให้ไวน์ตะหวัดสายตาใส่วูบ
ทั้งๆที่ความจริงตัวเองก็ไม่คิดจะเก็บขนมปังเปื้อนน้ำลายไว้กินอีกต่อไปอยู่แล้ว
แค่น้ำลายไหลย้อยมาเปื้อนนิ้วก็กลัวจะติดเชื้อปอบจะแย่ แต่ก็อดหงุดหงิดไม่ได้
ที่ยัยแว่นขี้เหร่ใช้เรื่องนี้มาเป็นข้อต่อรอง
กล้วยไม้ช้อนสายตาขึ้นมองใบหน้าเครียดขึงของคนสูงกว่า ก่อนที่ยู่ยี่จะสะกิดเพื่อน
ในที่สุดไวน์จึงตัดสินใจยื่นขนมปังให้หญิงสาวอย่างเสียมิได้
และทันทีที่ได้อาหารคืนกล้วยไม้ก็รีบยัดขนมปังทั้งชิ้นใส่ปากสวาปามอย่างรวดเร็วเพื่อความไม่ประมาท
ด้วยความกลัวว่าจะถูกแย่งไปอีกจนแก้มป่อง ก่อนจะเดินดุ่มๆรับเด็กมาอุ้มพาดไหล่ ลูบหลังให้เบาๆ
สักพักเด็กน้อยก็เรอออกมาและเริ่มสงบลง
“นี่ไง ทำแบบนี้เค้าก็จะสบายตัวแล้วก็เลิกงอแง”
สองเพื่อนซี้มองตามทึ่งๆ ท่าทางหญิงสาวดูชำนาญอย่างไม่น่าเชื่อซึ่งนั่นไม่ใช่เรื่องแปลกสำหรับกล้วยไม้
ลองใครต้องมาเลี้ยงน้องเป็นขโยงก็ต้องชำนาญได้อย่างเธอ
แต่ยังไม่ทันได้คืนเด็กให้ยู่ยี่เสียงโครกครากก็ดังขึ้นมาจากท้องสาวแว่นอีกครั้ง
กล้วยไม้มองดูของกินที่ยังเหลือบนพื้นถามออกมาตาละห้อย
“ฉันหิวจัง มีของกินอีกมั้ยง่ะ” ไวน์ตอบเสียงห้วนทันที
“ที่นี่เหมือนสถานสงเคราะห์หรือไง ทำไมฉันต้องให้อาหารเธอด้วย”
“ฮื๊อ พูดเหมือนเค้าเป็นแมวเลย” กล้วยไม้ยังคงพยายามแปลสารให้ฟังดูน่ารักแต่ก็ไม่วายถูกสวน
“ฉันหมายถึงตัวที่ร้องโฮ่งๆ คอนโดนี้เค้าห้ามเลี้ยงสัตว์ แค่ทำให้เด็กเรอขนมปังชิ้นเดียวก็พอแล้ว”
“ขี้ตืด!” หญิงสาวว่างอนๆแล้วก็ส่งเด็กคืนให้ยู่ยี่
ทันทีที่พ้นมือเด็กน้อยก็เริ่มร้องไห้อีกครั้ง ทำเอากะเทยที่ตอนนี้กำลังโทรมเพราะอดหลับอดนอนตาเหลือก
รีบส่งคืนให้กล้วยไม้ เด็กน้อยหยุดร้องทันควัน ทั้งสามคนมองหน้ากันงงๆ กล้วยไม้ลองอีกครั้ง
คราวนี้ส่งให้ไวน์ และได้คนปากเสียก็ถอยกรูดรีบบุ้ยใบ้ไปทางเพื่อนสาว
“เฮ้ย ส่งให้นังยี่โน่น เอามาให้ฉันทำไม อียี่รับลูกมึงคืนสิ” ยู่ยี่มองค้อนเพื่อนบ่นพึมพำ
“กลัวอะไรนักหนากะอีแค่เด็ก” แต่พอเด็กถึงมือเท่านั้น ใบหน้ากลมก็เริ่มทำปากเบ้
ยู่ยี่รีบส่งเด็กคืนให้อย่างลนลาน เกิดความเงียบขึ้นมาเมื่อสามคนยืนมองหน้ากันตาปริบๆ
เป็นครั้งแรกที่กล้วยไม้รู้สึกถึงความได้เปรียบของตัวเอง ถึงเธอจะเซอร์แต่ก็ไม่ได้เซ่อขนาดนั้น
โอกาสดีๆแบบนี้ต้องรีบฉวย เมื่อคิดได้อย่างนั้นหญิงสาวก็ประกาศออกมาหน้าตาย
“ฉันหิว
.”
ในที่สุดกล้วยไม้ก็ได้เข้ามาอยู่ในห้อง ในขณะที่มือข้างหนึ่งอุ้มเด็ก
มืออีกข้างก็จับของกินใส่ปากด้วยความชำนาญ โดยมียู่ยี่นั่งอยู่ข้างๆ
และไวน์ยืนกอดอกวางสะโพกกับโต๊ะมองอยู่ใกล้ๆ
อาหารกองโตร่อยหรอลงอย่างรวดเร็ว ไวน์เห็นแล้วก็อดไม่ได้ที่จะบ่นออกมา
“ถ่ายพญาธิบ้างนะเธอน่ะ กินยังกะปอบลง” กล้วยไม้แทบสำลัก หันไปบอกยู่ยี่ทั้งๆที่ของกินเต็มปาก
“อากอัดอ้ากเอยอ่ะ เอื้อนอี่อนอี้” ‘ปากจัดมากเลยค่ะ เพื่อนพี่คนนี้’
ยู่ยี่รีบเบือนหน้าหนีเศษอาหารที่พ่นจากปากกล้วยไม้ แต่ยังอุตสาห์ฟังรู้เรื่องก่อนจะพยักหน้าอย่างเห็นด้วย
“โอ้ย ปากหมาแบบกะเทยเรียกพี่เลยค่ะคุณน้อง”
ได้ด่าเพื่อนแล้วก็ชอบใจ ยู่ยี่ปิดปากหัวเราะเสียงสูงในขณะที่กล้วยไม้ก็ของกินเต็มปาก
สองคนเข้ากันได้ดีเป็นปี่เป็นขลุ่ย ไวน์จุ๊ปากอย่างหงุดหงิดหันมาซักถามกล้วยไม้ต่อ
“ว่าแต่เธออยู่คอนโดนี้เหรอ” กล้วยไม้หยิบน้ำขึ้นดื่มอึกๆ ถอนใจยาวก่อนตอบ
“เคยอยู่อ่ะ แต่ตอนนี้เร่ร่อนแล้ว” แค่คิดถึงน้ำตาก็คลอด้วยความเศร้า แต่มือก็ยังจับของใส่ปากต่อไป
“หมายความว่าไง” ยู่ยี่ถามด้วยความสนใจใคร่รู้เรื่องราวของชาวบ้าน
หลังจากการเล่าเรื่องอย่างกระท่อนกระแทนเพราะกล้วยไม้กินไปเล่าไป
สองเพื่อนซี้ก็สามารถเข้าใจเรื่องราวของหญิงสาวได้ในที่สุด
“เพราะงั้นเลยมาขโมยของคนอื่นกินงั้นสิ” ไวน์ถามออกมาพร้อมกับพยักหน้าน้อยๆอย่างเข้าใจ
“ปกติฉันไม่เคยขโมยของใครนะ แต่นี่มันหิวหน้ามืดแล้วจริงๆ คุณก็เถอะจะขี้เหนียวไปไหน
กะอีแค่ของกินแค่นี้ ห้องหับก็ออกจะใหญ่โต”
“ใหญ่โตได้ก็เพราะฉันทำงานหาเงินตัวเป็นเกลียวเฟ้ย ไม่ใช่งอมืองอเท้า”
“ฉันก็ไม่ได้งอมืองอเท้าสักหน่อย ก็บอกแล้วไงว่าโดนเพื่อนยกเค้าไปหมด”
“ก็แล้วไม่มีใครที่พอจะขอหยิบยืมเงินได้เลยหรือไง”
“ถ้ามีแล้วจะมาหิวโซอย่างงี้เหรอ”
สองคนทุ่มเถียงจ้องตากันอย่างไม่มีใครยอมใครจนยู่ยี่อดไม่ได้ต้องตัดรำคาญ
“พอๆๆ จะเถียงกันไปถึงไหน เจ้าพวกนี้นี่ เออ เธอชื่ออะไรนะ กล้วยไม้ใช่ไหม
หิวก็กินไปเลยของกินพวกฉันเยอะแยะ ส่วนไอ้ไวน์ มานี่เลยฉันมีเรื่องจะคุยด้วย”
คำอนุญาติจากเจ้าของห้องทำให้กล้วยไม้ตาเป็นประกาย
ยู่ยี่รีบลากแขนเพื่อนให้เดินออกมามาคุยกันสองคน
“นี่ เข้าท่าดีเหมือนกันนะแก” เพื่อนสาวบอกตาเป็นประกายด้วยน้ำเสียงกระซิบกระซาบ
“เข้าท่าอะไร” ไวน์ถามงงๆ
“ก็เด็กคนนี้ไม่มีที่อยู่ แล้วเราก็ต้องการพี่เลี้ยง”
“พี่เลี้ยง?”
“ใช่สิ พี่เลี้ยงเด็กน่ะ ก็ไหนๆเด็กกล้วยไม้นั่นก็ไม่มีที่อยู่ เราก็จ้างให้เค้ามาเลี้ยงเด็กให้เราเสียเลยสิ
จนกว่าจะหาแม่เด็กเจอไง” ความคิดของเพื่อนทำให้ไวน์ตาเหลือกแทบถลน
“จ้างยัยนี่เนี่ยนะ! กินอย่างนี้ ฉันไม่หมดตัวก่อนเหรอวะ”
“แล้วแกจะเลี้ยงเด็กเองหรือไง เลี้ยงเป็นเหรอ”
“แกเอาเด็กมาแกก็ต้องเลี้ยงสิ”
“อ๊าย ไอ้ไวน์ จะใจร้ายไปไหน ช่วยคนได้กุศลนะยะ”
“ได้กุศลหรือจะถูกยกเค้าล่ะ ยัยนั่นเป็นใครมาจากไหนก็ไม่รู้ จะไว้ใจได้ยังไง”
“ท่าทางเค้าก็ไม่ได้ดูเจ้าเล่ห์อะไรนี่ ไม่เหมือนพวกสิบแปดมงกุฏสักหน่อย”
“เฮ้ย อย่าลืมนะว่ายัยนั่นเป็นโจรขโมยของกินฉัน”
“แหม ก็คนมันหิวนี่ยะ กะอีแค่ของกินทำเป็นคิดเล็กคิดน้อยไปได้”
“ไม่คิดได้ไง คนสมัยนี้ไว้ใจได้ที่ไหน อยู่ๆก็โผล่มาแถมยังทำให้เด็กติดแจอีก
ไม่ใช่ว่าเป็นแม่เด็กตัวจริงที่แกล้งทำเป็นเนียนกลับมาดูลูกตัวเองเหรอ”
ความคิดของไวน์ทำให้ยู่ยี่คิดได้ขึ้นมา สองคนหันไปมองกล้วยไม้ที่ยังคงก้มหน้าก้มตากินพร้อมกัน
อย่างพินิจพิเคราะห์ ก่อนที่ยู่ยี่จะหันมากระซิบกับเพื่อน
“ไม่ใช่หรอกมั้งแก ท่าทางจะยังซิงอยู่ซะด้วยซ้ำ”
“จะบอกว่าหน้าอย่างนี้ใครจะมาเอาใช่มั้ยล่ะ ฉันก็คิดอย่างนั้นแหละแต่พวกหน้ามืดก็มีออกเยอะแยะ”
“หืม ไอ้ไวน์ นั่นปากพูดหรือตูดขมิบยะ ของอย่างนี้มันพิสูจน์ได้อยู่แล้ว”
“พิสูจน์ ยังไงวะ”
“อะไรแค่นี้ก็ไม่รู้เหรอ ไหนบอกภูมิใจนักภูมิใจหนาเรื่องเปิดซิงสาวเนี่ย”
“เฮ้ย อย่าบอกนะว่าจะให้ฉันลองเปิดซิงยัยกล้วยตานีนั่น บอกไว้ก่อนนะว่าฉันคัดนะเว้ย
ขืนกินไม่เลือกแล้วท้องเสียขึ้นมาจะทำไง” ไวน์โวยให้เพื่อนสาวค้อนขวับด้วยความหมั่นไส้
“ย่ะ หน้าตาก็ดีแต่โง่ได้อีกเพื่อนกู เรื่องแค่นี้ไม่ต้องลงทุนขนาดนั้นก็ด้าย มานี่ เดี๋ยวฉันพิสูจน์ให้เอง
ถ้ายัยเด็กกล้วยยังซิงก็หมายความว่าเค้าไม่ใช่แม่เด็ก เราก็จะจ้างเค้าไว้เป็นพี่เลี้ยง โอเคมั้ย”
ข้อเสนอของยู่ยี่สร้างความหนักใจให้ไวน์มาก แต่เมื่อมองดูแล้วก็ต้องยอมรับว่า
การหาพี่เลี้ยงให้เจ้าตัวเล็กนั้นดีกว่าจริงๆ อีกไม่นานก็คงหาพ่อแม่เด็กเจอ
อย่างน้อยตัวเองก็จะไม่ได้ต้องมาเปลี่ยนเวรเลี้ยงเด็ก คิดได้อย่างนั้นไวน์จึงจำใจพยักหน้า
เมื่อตกลงกันได้แล้วสองเพื่อนซี้ก็เดินกลับมาหากล้วยไม้ที่กำลังหยอกเล่นกับเด็ก
หญิงสาวโก้งโค้งประคองเด็กน้อยให้นอนลงบนโซฟาก่อนแกล้งจะจั๊กกะจี๋ได้ยินเสียงเด็กหัวเราะเอิ๊กอ๊าก
ไวน์มองตามยู่ยี่ อดสงสัยไม่ได้ว่าเพื่อนสาวจะพิสูจน์ยังไง กะเทยสวยครึ่งเดียวยักคิ้ว
และด้วยความรวดเร็วเพื่อนสาวก็คว้ามือมือไวน์ให้ไปตะครุบที่ก้นของกล้วยไม้
เจ้าของก้นสะดุ้งเฮือกหวีดร้องออกมาสุดเสียงก่อนที่เสียงก่อนจะตะหวัดฝ่ามือใส่หน้าเจ้าของมือ
เสียง ‘เพี้ยะ!’ ดังก้องไปทั่วห้องพร้อมกับใบหน้าของไวน์ที่สะบัดตามแรงตบ แก้มซีกซ้ายแดงเป็นปื้น
“ไอ้บ้า ไอ้ลามก มาจับก้นฉันทำไม!”
คนโดนจนหน้าหันหัวคิ้วกระตุกบดกรามแน่นจนนูนเป็นสัน ค่อยๆหันมามองหน้าเพื่อนด้วยแววตาอาฆาต
ยู่ยี่ที่หัวเราะจนตัวงอบอกไวน์น้ำเสียงกระท่อนกระแทน
“เห็นไหมล่ะ ปฏิกริยาแบบนี้ล่ะซิงๆของแท้แน่นอน ฮ่าๆ”
“อียี่ จะพิสูจน์ก็พิสูจน์เองสิวะ ทำไมต้องยืมมือคนอื่นด้วย!”
“เอ๊า ก็ฉันไม่อยากจับก้นชะนี”
“แล้วฉันอยากจับหรือไง ถ้าฉันติดเชื้อปอบใครจะรับผิดชอบ!”
สองเพื่อนซี้เถียงกันเหมือนมองไม่เห็นกล้วยไม้ เล่นเอาคนโดนลวนลามจับต้นชนปลายไม่ถูกโวยวายเสียงดัง
“นี่มันเรื่องอะไรกันเนี่ย!” เสียงของหญิงสาวทำให้การทุ่มเถียงชะงักลงได้ในที่สุด
ยู่ยี่ปาดน้ำตาที่ไหลจากการหัวเราะของตัวเอง ถามออกมาเสียงแหบพร่า
“นี่ น้องทำงานอะไร” อยู่ๆก็ถูกถามออกมาอย่างนี้ ทั้งๆที่ยังงงแต่กล้วยไม้ก็ตอบด้วยความซื่อ
“กล้วยวาดรูปขายค่ะ”
“เหรอ เป็นจิตรกรเหรอ แล้วรายได้ดีไหม”
“ก็ แหะๆ ไม่ค่อยดีหรอกค่ะ ต้องทำงานพิเศษเสริมด้วย แต่ทำไงได้ใจมันรักนี่นา”
“งั้นตอนนี้ก็ลำบากแย่สิ โดนเพื่อนยกเค้าไปหมดแบบนี้”
“ค่ะ ก็คงต้องหาทางแก้เป็นขั้นๆกันไป” เอ่ยด้วยสีหน้าสลด ยู่ยี่หันมายักคิ้วให้เพื่อนก่อนจะถามต่อ
“เอางี้ไหม ระหว่างนี้ก็มาเลี้ยงเด็กให้พี่ พี่จะให้ที่อยู่ที่กินแล้วก็เงินเดือนนิดหน่อยกับเธอ
จนกว่าพวกพี่จะหาแม่ของเด็กได้”
ข้อเสนอที่ถูกยื่นมานั้นทำให้กล้วยไม้เบิกตามองด้วยความประหลาดใจ
ก็คำพูดของกะเทยเอวบางคนนี้ฟังดูแปลกๆอยู่นิดหน่อย
“เด็กคนนี้เหรอคะ เอ่อ เค้าไม่ใช่ลูกของพวกพี่เหรอคะ”
“เปล่าหรอก ความจริงมันเป็นอย่างนี้
”
และแล้วข่าวสารก็ถูกแลกเปลี่ยนกันบ้าง กล้วยไม้พยักหน้าช้าๆ หากแต่ตาเหลือบมองไวน์ที่ยืนกอดอกฟังอยู่
“แน่ใจนะคะว่าไม่ใช่ลูกพี่
”
“อะไร พูดแบบนี้หมายความว่าไง” คนโดนมองถามเสียงห้วน
“แหม กล้วยว่าดูไปก็หน้าตาคล้ายๆพี่ไวน์อยู่นะคะ”
หญิงสาวพูดออกมาอย่างนั้น เพราะเมื่อมาถึงตอนนี้ก็จำขึ้นมาได้แล้วว่า
ทำไมตัวเองถึงได้รู้สึกคลับคล้ายคลับคลานักเมื่อเห็นใบหน้าขาวๆของคนตัวสูงผมสั้นนี้
มามั่นใจก็ตอนที่ปากแดงๆนั้นเอ่ยคำเจ็บแสบออกมานั่นแหละ ตั้งแต่เกิดมาก็มีตาคนนี้คนแรก
ที่เรียกเธอว่า ‘ยัยโรคจิต’
หื่นระดับพระกาฬแบบนี้จะบอกว่าโดนสาวเอาเด็กมาทิ้งหน้าห้องเพราะดันไปไข่ทิ้งไว้ทั่วเมือง
ก็จะยังมีคนเชื่ออยู่หรอก คำพูดของหญิงสาวทำให้ยู่ยี่หัวเราะเสียงสูงอย่างชอบใจในขณะที่ไวน์ไม่ตลกด้วย
“พูดอย่างนี้ คิดว่าฉันปล่อยเสปิร์มออกมาทางลิ้นได้หรือไง!”
แค่นั้นยู่ยี่ก็กลืนเสียงหัวเราะตัวเองลงคอเฮือก หันมาเบิ้ดกระโหลกเพื่อนหนึ่งที
“ปากส่อความหื่นจริงๆ ทำไมไปพูดกับน้องแบบนี้”
“เอ้า ก็ยัยนี่มากล่าวหาฉัน” ไวน์เถียงทั้งๆที่ยังคลำหัวตัวเองป้อยๆ
“น้องเค้าก็พูดไปตามที่เห็นแหละ”
“พี่ยี่ใจดีมากเลย ยอมเลี้ยงเด็กทั้งๆที่รู้ว่าไม่ใช่ลูกตัวเอง น้ำใจงามเหมือนหน้าตาผิดกับใครบางคนเลยค่ะ
”
สุดท้ายกล้วยไม้ก็ยังหันมาแขวะไวน์ ก็แหม แค้นมันฝังหุ่นถึงรู้ว่าอย่างไวน์คงไม่มีปัญญาทำผู้หญิงที่ไหนท้อง
แต่มันก็อดไม่ได้อยู่ดีนั่นแหละ
“เอ้า ตกลงจะทำมั้ยล่ะ ข้าวก็มีให้กินเงินก็จ่ายนะไม่ได้ใช้ให้มาเลี้ยงฟรีๆ”
ไวน์ตัดบทด้วยความหงุดหงิดหากแต่หญิงสาวกลับคิ้วขมวดอย่างใช้ความคิด
“เรื่องเลี้ยงเด็กก็ได้อยู่หรอกไม่มีปัญหาอยู่แล้ว แต่กล้วยจะมั่นใจในความปลอดภัยได้ยังไง”
คำถามนี้ทำเกิดความเงียบขึ้นมาด้วยความงุนงง ห้องก็มีกันอยู่แค่นี้ว่าที่พี่เลี้ยงเด็กจะยังกลัวอะไรอีกหรือ
สองเพื่อนซี้มองหน้ากันก่อนที่ยู่ยี่จะจับสายตาหวาดระแวงของกล้วยไม้ที่มองตรงไปยังไวน์ได้
แค่นั้นกะเทยสาวก็ระเบิดเสียงหัวเราะออกมา
ไวน์กัดฟันกรอด มองหญิงสาวสภาพติสต์แตกตรงหน้าตั้งแต่หัวจรดเท้า เท้าจรดหัว
“นี่ผีอะไรเข้าฝันถึงทำให้คิดว่ายัยแว่นขี้เหร่อย่างเธอจะได้ฉันตกถึงท้องห๊ะ!”
คำสบประมาททำให้หญิงสาวแหววออกมาทันควัน
“กล้วยขี้เหร่ตรงไหน!”
“ต้องให้บอกอีกเหรอว่าตรงไหน ถามดีกว่าว่าตรงไหนที่ไม่ขี้เหร่ ฉันจะได้ตอบได้เลยว่าไม่มี!”
“หนอย แค่หน้าพอไปวัดได้นิดหน่อยทำเป็นมาพูดดูถูกคนอื่นอย่างนี้เหรอ”
“ถ้าอย่างฉันแค่หน้าตาพอไปวัดได้ อย่างเธอก็ไปได้เหมือนกันนั่นแหละ พาเข้าเมรุไปเผาเลยไงล่ะ ยัยเฉิ่มเบ๊อะ”
“พอซักที!!” ยู่ยี่ที่ฟังมานานรีบห้ามทัพเมื่อสังเกตเห็นเด็กน้อยที่เริ่มทำปากเบ้
“ทะเลาะกันอยู่ได้ เดี๋ยวเด็กก็มีปมด้อยหรอก”
คำพูดของสาวไม่แท้ทำให้คนที่เถียงกันอยู่หุบปากทันควัน กล้วยไม้รีบอุ้มขึ้นมาปลอบ
“โอ๋ๆ ไม่ร้องนะคะ พี่ไม่ได้ทะเลาะกับป่ะปี๊ของหนูสักหน่อย” น่าน ยังไม่เลิกแขวะ
ไวน์ยืนกอดอกสะบัดหน้าใส่พรืดนี่ถ้าไม่ติดว่าเด็กจะร้องยัยกล้วยตานีต้องโดนสั่งสอนอีกยาวแน่
“ตกลงว่าไง จะทำไหม ไม่ต้องห่วงหรอกนะ อย่างเธอไม่ได้แอ้มฉันหรอก”
กล้วยไม้ช้อนสายตาขึ้นมองคนสูงกว่าด้วยความหมั่นไส้ ในที่สุดก็ตัดสินใจตอบตกลง
“ค่ะ ก็ได้แค่ชั่วระยะหนึ่งเท่านั้นใช่มั้ยคะ”
“อืม ก็จนกว่าจะหาแม่เด็กเจอ ระหว่างนี้เธอก็อยู่ที่นี่ไปก่อน ยังมีห้องนอนเล็กเหลืออีกห้อง
เธอกับเด็กจะได้นอนห้องเดียวกันมานี่ มาดูสิ”
ยู่ยี่เดินนำกล้วยไม้ที่อุ้มเด็กอยู่ให้ตามมาดู หญิงสาวเบิกตามองห้องเล็กที่ยู่ยี่บอกด้วยความทึ่ง
นี่ห้องนอนเล็กแล้วเหรอ ใหญ่พอๆกับห้องของเธอที่เคยอยู่ด้วยซ้ำ
หากแต่ในห้องนั้นมีเพียงเตียงเดี่ยวและตู้เสื้อผ้าไม่มีข้าวของเครื่องใช้ของเด็กเลยสักชิ้น
กล้วยไม้สำรวจรอบห้องก่อนจะหันมาถาม
“แล้ว
จะให้น้องนอนยังไงคะ”
“ก็ ปูที่นอนข้างๆเธอได้มั้ยล่ะ”
“แต่อย่างนั้นน้องอาจจะนอนไม่สบาย แล้วข้าวของเครื่องใช้เด็กล่ะคะ
นี่กางเกงก็ชื้นแล้วต้องเปลี่ยนผ้าอ้อมน่ะผ้าอ้อมน้องอยู่ไหนเหรอคะ”
“เอ
ซื้อมาแล้วนี่ไงๆ” ยู่ยี่รีบหามาให้ กล้วยไม้เอียงคอมองก่อนบอก
“เหลืออีกนิดเดียว ขวดนมจุกนมด้วย ใช้อยู่ขวดเดียวมันสกปรกนะคะเดี๋ยวน้องจะท้องเสีย”
เมื่อเป็นเรื่องของเด็กน้อยและเป็นคำพูดที่มีเหตุผลของพี่เลี้ยงก็ทำให้สองเพื่อนซี้ต้องหันหน้ามามองกันตาปริบๆ
เอาตอนใหม่มาฝากจากเกาะสมุย ตอนนี้แดดแรงร้อนมากแต่ได้ข่าวจากพยากรณ์อาการบอกว่าฝนจะตก = =” เอาเถอะหวังว่าตอนใหม่จะถูกใจนักอ่านทุกคนนะคะ ^__^
p-cha-ruch อิอิ เรื่องกินเรื่องใหญ่ วันนี้พี่ก็กินราดหน้านะ ไม่แบ่งใครด้วยฮ่าๆ ได้ชื่อภาษาไทยของ 45 Days แล้ว โล่งอกสักทีเนาะ อย่ามัวแต่อ่านนิยายจนลืมทำการบ้านล่ะ ต่อไปนี้พี่จะอัพนิยายสั้นๆ หนูจะได้อ่านจบเร็วๆแล้วรีบไปทำการบ้านเนาะ ดีมั้ย อิอิ
WinD พอดีกับที่ถามเลย ในที่สุดกล้วยก็ได้ที่อยู่แล้ว ฮ่าๆ ไม่รู้จะเป็นไงบ้าง คงจะวุ่นวายน่าดู อิอิ
nantasingha =0= อันนี้ออกแววอาฆาต เอ๊ะ หรือว่าเป็นหนึ่งในสาวๆที่ถูกไวน์อกหัก ฮ่าๆ จะน้ำตาเช็ดหัวเข่ามั้ยนะ แล้วถ้าเช็ดจะเป็นเพราะผู้หญิงหรือเพราะเด็กหรือเพราะกะเทย อันนี้ต้องลองติดตามดู อิอิ
ยิ้ม....ยิ้ม อ่ะแน่ะ มีแอบตั้งชื่อเด็กด้วย ฮ่าๆ ตกลงไวน์กับยู่ยี่เป็นพ่อแม่เด็กไปแล้วใช่มั้ยเนี่ย แล้วกล้วยไม้อ่ะ รวมกันเป็นลูกไม้ยิหวา จะยาวไปมั้ยนะ ปล.จะบอกรักคนเขียนจริงเหรอคะ จะได้เตรียมเขินกลิ้งตั้งกะสมุยกลับบ้านที่เชียงใหม่ กลิ้งกลุกๆเป็นยังไง ต้องเขินก่อนค่ะ ถึงจะทำได้ อิอิ
poohjung สมพรปากจริงๆเลย ในที่สุดกล้วยไม้ก็ได้เข้าบ้าน AF เอ้ยไม่ใช่ เข้าไปเป็นพี่เลี้ยงเด็ก ฮ่าๆ
พาย ว่ายน้ำไม่เก่งไม่เป็นไรหรอกค่ะ พี่น่ะว่ายไม่เป็นเลย อาศัยดำดินดำน้ำบ่อยๆเวลาเขียนนิยายก็พอกล้อมแกล้มได้บ้าง ไม่ต้องกลัวจมน้ำลึกนะคะ พี่จะช่วยแบ่งลมหายใจให้ เราจะได้ใช้ลมหายใจเดียวกัน ฮิ ฮิ้วววววววววววววววว เอิ๊กๆๆๆ สามารถ พูดออกมาได้เนาะคนเรา ฮ่าๆ
น้อง NuN ความหล่อของซีต้องไปขอบคุณเจ๊อนิล แกนนำม๊อบหนมจีบที่อุสาห์ยอมให้ยืมจากคลังภาพส่วนตัวของเจ๊มาได้นะคะ ขอบใจมากนะที่ช่วยคิดชื่อนิยาย คราวนี้ยังไม่ได้รับเลือก ว่างๆก็คิดชื่อใหม่ของ Love you Baby! ไว้เลยนะ ตุนไว้เยอะๆ มันต้องโดนใจ บก. สักชื่อแหละเนาะ อิอิ
น้อง Ma-Bung (มะบุง) เป็นสาวน้อยที่มั่นมาก สวนกระแสได้ตั้งแต่ พี่วีจาก Game แล้ว ยังคงให้กำลังใจพี่ไวน์อย่างต่อเนื่องอีกต่อไป กล้วยไม้กลับมาแล้วแต่ยังคงหิวเหมือนเดิมฮ่าๆ ไวน์ไม่ได้ม่อนิ แค่พยายามดึงเสน่ห์ความสาวของสาวน้อยออกมา อิอิ รักษาเหม่งเอาไว้อย่าให้สิวขึ้น ถ้าเหม่งน้องบุงจะมีสิวก็ต้องเป็นเพราะพี่เอานิ้วจิ้มเท่านั้น ฮ่าๆๆ
528522 ถูก ตั้งชื่อไว้รอเร้ย เผื่อฟลุ๊คจะได้ออกงานหนังสือเดือน ตค นี้ อิอิจะได้มีชื่อไทยไว้รอเนาะ เจ้าไข่นุ้ย เหมือนเด็กน้อยป่ะ เดี๋ยวจะลองถามคนแถวนี้ดู อิอิ
ca' พี่ก็พึ่งรู้ว่าเรื่อง 45 ก็ยังมีคนอ่านอยู่ก็ตอนที่ทุกคนช่วยกันออกมาเสนอชื่อเรื่องนี่แหละ ดีใจปลาบปลื้ม น้ำตาจะไหล T^T ด้วยความตื้นตัน ถ้าปกออกจะรีบเอามาอวดกันให้ทั่วเร้ยยยย ตื่นเต้นเนาะ
jeabba2009 ขอบคุณสำหรับกำลังใจจ้า ไม่ได้คุยกันในเอ็มก็มาทิ้งข้อความไว้บนบอร์ดได้นะ งานหนังสือถ้าเราได้ไปก็คงได้เจอกันเนาะ ^_^ พาแฟนไปด้วยนะ เดี๋ยวแฟนจะงอนอีก ฮ่าๆ
Bn_playgirl ชอบก็อัพให้อ่านจ้า อ๊ะ แต่ถึงจะบอกว่าไม่ชอบก็จะอัพนะ อิอิ
JEEDZ ฮ่าๆ เข้ามาด่าไวน์โดยเฉพาะเลยนะนี่ ไวน์ก็ยังเป็นทอมโฉดต่อไป แต่สาวๆบอกว่าเพราะหน้าตาดีเลยยอมอภัยให้หน่ะ อิอิ
doraemonfanclub เฮๆๆๆ ตบมือเปาะแปะๆๆๆ ต้อนรับการกลับมาของคุณ doraemonfanclub มารายตัวช้าก็ยังดีกว่าไม่มาเนาะ ฮ่าๆ เรื่องราวจะเป็นยังไงต่อไปก็ยังตอบไม่ได้ เพราะคนเขียนยังไม่ได้คิด ฮ่าๆ ต้องติดตามๆ ^_^
ความคิดเห็น