คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #4 : วันวุ่นวาย
ตลอดช่วงเช้าภวรัญชน์ก็วุ่นวายอยู่กับการทำงานในบริษัทโปรดักชั่นเฮ้าส์ บริษัทเล็กๆที่เน้นการรับงานผลิตหนังโฆษณาเป็นหลัก ไวน์และพี่มนูญหรือแมนรุ่นพี่คนสนิทตั้งแต่สมัยเรียนมหาลัยเป็นหุ้นส่วนกันอยู่
ทั้งบริษัทมีทีมงานเพียงแค่สิบกว่าคน แต่นั่นก็เพียงพอแล้ว เพราะถึงจะน้อยแต่ก็เป็นทีมที่มีความสามารถและประสบการณ์ ที่สำคัญผู้กำกับหลักทั้งสองของบริษัทอย่างไวน์และพี่แมน ก็ยังมีชื่อเสียงพอตัวจากผลงานโฆษณาหลายชิ้นที่ได้รับรางวัล
ต่างฝ่ายต่างมีความถนัดในการสร้างหนังในแนวที่ต่างกันทำให้สามารถรับงานได้อย่างหลากหลาย มนูญจะถนัดในการเล่าเรื่อง และไวน์ก็มีจุดเด่นในการนำเสนอภาพลักษณ์วัยรุ่นและความงามโดยเฉพาะการดึงเสน่ห์ความงามของผู้หญิงออกมาใช้ ทำให้บริษัทเล็กๆนี้สามารถดูแลตัวเองได้ แม้เศรษฐกิจจะอยู่ในช่วงขาลงก็ตาม
ถึงแม้เวลาปกติไวน์อาจจะดูเหมือนคนเจ้าชู้สำรวย แต่ลูกน้องทั้งหลายต่างรู้ดีว่าเวลาทำงานแล้วพ่อเทพบุตรหน้าใสคนนี้จะสามารถกลายร่างเป็นทอมโฉดได้มากเพียงใด งานวันนี้คือการถ่ายโฆษณาโคโลญจ์สำหรับสาวน้อยที่กำลังย่างเข้าสู่วัยรุ่น อากาศร้อนอบอ้าวทีมงานต่างเตรียมกองถ่ายกันอย่างขะมักเขม้น
“จะให้รอถึงเย็นหรือไง ทำงานกันยังไงวะช้ายิ่งกว่าหอยทาก วันนี้กูจะได้ถ่ายไหม!” เสียงผู้กำกับขาโหดตะคอกใส่ลูกน้องให้รีบตาลีตาเหลือกเตรียมงานกันหากแต่ก็ยังคงไม่ทันใจคนนอนน้อยที่พ่วงอาการเมาค้างมาอยู่ดี สายตาหาเรื่องเหลือบเห็นของประกอบฉากวางผิดที่ก็ตวาดลั่น
“แล้วกระถางต้นไม้น่ะ วางไว้ตรงนั้นถ้านางแบบกูไปสะดุดเข้าล้มขาถลอกใครจะรับผิดชอบห๊า!” สิ้นเสียงกระถางก็โดนย้ายอย่างรวดเร็ว ไวน์ยืนกระฟัดกระเฟียดด้วยความหงุดหงิดที่อะไรก็ขวางหูขวางตาไปหมด จนเสียงเรียบๆของใครบางคนทักขึ้นมา
“อากาศก็ร้อนจะแย่อยู่แล้ว ยังจะไปเพิ่มอุณหภูมิให้ร้อนหนักเข้าไปได้อีกนะคะคุณไวน์” คนโดนทักหันไปมองทันทีและเมื่อรู้ว่าเจ้าของเสียงเป็นใคร รอยยิ้มน้อยๆก็ปรากฏขึ้นบนใบหน้า หญิงสาวหน้าคมที่มีผมซอยสั้นในชุดสาวออฟฟิศเน้นรูปร่างให้โดดเด่น ยืนเอียงคอมองตรงมาอย่างรอคอย
“ก็เจ้าพวกนี้ไม่ได้เรื่องเลยน่ะ แค่เซทฉากทำเป็นชั่วโมง”
“แหม ก็ได้ข่าวว่าทีมงานเซทฉากเรียบร้อยแล้วรอแต่ผู้กำกับที่มาช้าแถมยังสั่งรื้อฉากเซทฉากใหม่อีกไม่ใช่เหรอคะ”
“เอ่อ ก็มันยังไม่ได้ดั่งใจนี่คะ ฉันอยากให้งานออกมาสมบูรณ์ที่สุด”
“ในฐานะผู้ว่าจ้าง ทางเราได้ยินอย่างนั้นก็ดีใจค่ะ แต่ถ้าอยากให้สมบูรณ์จริงก็คงจะต้องไม่ปล่อยให้ใครๆรอกันแบบนี้หรอก แล้วก็….ท่าทางเมื่อคืนคุณไวน์จะหนักมากเหมือนกันนะคะ จนป่านนี้แล้วแพทยังได้กลิ่นเหล้าอยู่เลย”
“จริงเหรอคะ” ไวน์ถามแล้วก้มลงดมกลิ่นตัวเอง
“ก็ถ้าอากาศร้อนกว่านี้อีกนิดเดียว แล้วเหงื่อคุณไวน์ละเหยเป็นไอ แพทว่ามีหวังจุดไฟติดแน่เลยค่ะ”
“โอ้โห ขนาดนั้นเลยเหรอ ตกลงฉันมีแอลกอฮอล์ผสมอยู่ในสายเลือดเลยใช่มั้ยเนี่ย”
“หากงานออกมาไม่ดีไม่ได้มีเพียงพวกคุณเท่านั้นหรอกนะคะที่จะโดนตำหนิ ฉันเองในฐานะที่เป็นผู้ประสานงานก็จะแย่ไปด้วยและอาจจะเสียลูกค้าก็ได้ หากมีเวลาไปดื่มเที่ยวมากขนาดนั้น ก็หันมาสนใจงานอย่างจริงจังบ้างเถอะค่ะ”
สาวสวยมาดเข้มตำหนิออกมาด้วยสีหน้าจริงจังจนทำให้เกิดความเงียบ ก่อนที่ไวน์จะยิ้มออกมา เออหนอคนเราโดนว่าแล้วยังจะมาทำหน้ารื่นอีกคนอะไร
“ยิ้มอะไรเหรอคะ”
“เปล่าหรอกค่ะ แค่ดีใจที่คุณแพทให้ความสนใจกันขนาดนี้”
“เอ๊ะ คุณนี่ ฉันไม่ได้สนใจคุณสักหน่อย ฉันสนใจแค่เรื่องงาน”
“แต่ก็ทำให้คุณมองตรงมาที่ฉันได้นะ ไม่รู้ล่ะฉันถือว่าเป็นการห่วงใยให้ความสนใจกันในระดับหนึ่งเลยนะ” เอ่ยพร้อมกับส่งยิ้มหวานให้ ก่อนจะหันกลับไปสั่งงานต่อ เล่นเอาสาวเจ้าต้องกลอกตาก่อนจะเบือนหน้าหนีอย่างระอา พึมพำกับตัวเอง
“คนอะไร ลื่นไหลได้ไม่มีที่สิ้นสุด”
ถึงแม้จะถูกสาวสวยกระแนะกระแหน แต่นั่นก็ทำให้ไวน์อารมณ์ดีขึ้นเดินกลับมาหาลูกน้อยได้ด้วยใบหน้าที่มีรอยยิ้มประดับอยู่มุมปาก ความจริงไวน์รู้สึกพอใจความสวยของแพทมาตั้งแต่พบกันครั้งแรกแล้ว
สาวมั่น AE คนเก่งของเอเจนซี่เจ้าประจำที่มักจะมีงานดีๆป้อนเข้ามาให้ทำเสมอ ทั้งๆที่เพียรพยายามหยอดคำหวานมาตลอด แต่สาวเจ้าก็ไม่เคยให้ความสนใจ ก็อย่างนี้ล่ะนะสวยเลือกได้ของจริง หากแต่ไวน์ก็ไม่ยี่หระ ขอแค่ได้แทะโลมไปวันๆให้หัวใจมันสูบฉีดก็พอใจแล้ว
ไม่ใช่ว่าไวน์ไม่กล้าจีบสาวมั่นคนนี้อย่างจริงจัง หากแต่เป็นเพราะสันดานของคนเจ้าชู้ที่เสพติดอารมณ์วาบหวิวยามเมื่อได้ใกล้ชิดหญิงสาว ความตื่นเต้นลุ้นระทึกในยามที่กำลังจะได้ร่างกายของหญิงสาวมาครอง ทำให้ไม่เคยคิดที่จะรักและจริงใจกับใครสักคน
อากาศยังคงร้อนอบอ้าว นางแบบลูกครึ่งหน้าตาน่ารักจำเป็นต้องออกมาปั้นหน้าสดชื่นทั้งๆที่ร้อนเหงื่อซกใบหน้าขาวแดงอมชมพูเพราะความร้อน หากแต่รอยยิ้มกลับเหี่ยวแห้งทั้งๆที่สินค้าที่ต้องขายคือโคโลญจ์และกลุ่มเป้าหมายคือเด็กสาวที่มองหาความสดชื่นแจ่มใสของวัยแรกรุ่น เล่นเอาผู้กำกับต้องสังเทคแล้วเทคอีก
“ค้าททททท ก็บอกแล้วไงว่าไม่ใช่แบบนี้!” เสียงตะโกนอย่างหงุดหงิดของผู้กำกับทำให้นางแบบสาวน้อยถึงกับหน้าซีดด้วยเห็นฤทธิ์ไวน์ตั้งแต่มาถึงกองถ่ายแล้ว ทั้งๆที่หน้าตาก็ดีแต่ปากจัดขนาดที่ด่ากราดได้ตั้งแต่กระถางต้นไม้ยันแมวข้างถนนที่เผลอวิ่งโผล่เข้ามาในฉาก ร่างสูงโยนขวดน้ำในมือทิ้งอย่างหงุดหงิดก่อนจะก้าวอาดๆเข้ามาหา
แพทจับตามองการทำงานของไวน์ด้วยความไม่พอใจเท่าไหร่นัก จริงอยู่ที่ผลงานโฆษณาส่วนใหญ่ของโปรดักชั่นนี้ที่ถูกผลิตออกมาต่างก็เป็นที่กล่าวขวัญและถูกใจลูกค้า หากแต่นิสัยส่วนตัวของไวน์ต่างหากที่หญิงสาวรู้สึกหงุดหงิด
เป็นถึงผู้บริหารและควบตำแหน่งผู้กำกับ แต่กลับไม่มีความรับผิดชอบต่องานเท่าที่ควร ไม่ตรงต่อเวลาชอบวางอำนาจใส่ลูกน้อง ดูวันนี้เถอะ นัดกันตั้งแต่เช้ากว่าจะมาก็สายเดินผ่านทีกลิ่นตัวอย่างกับโรงงานผลิตเหล้าเมาค้างแถมยังมีหน้ามาโวยวายอีก เล่นเอาทีมงานที่มาเตรียมตัวรอแต่เช้าถึงกับแตกกระเจิง
หญิงสาวจับตามองดูร่างสูงที่ก้าวยาวๆไปหานางแบบสาวน้อยลูกครึ่ง ลูกค้าคราวนี้จู้จี้เอาเรื่อง กว่าจะคัดตัวพรีเซนเตอร์ที่ถูกใจได้นั้นแทบแย่ ยิ่งนางแบบคนนี้ยังเด็ก และเป็นหน้าใหม่ที่ยังไม่มีประสบการณ์ ต้องมาเจอกับที่ดุขนาดนี้เด็กสาวก็ต้องเสียขวัญเป็นธรรมดา คอยดูเถอะถ้าไวน์ทำให้นางแบบร้องไห้ ฉันจะฟ้องนายใหญ่บริษัทฉันให้จัดการเสียให้เข็ดเลย แพทบอกกับตัวเองอย่างหมายมาด
ร่างสูงของไวน์ยืนกอดอกตรงหน้านางแบบท่ามกลางสายตาทีมงานที่มองตามด้วยความระทึกว่าลูกพี่จะวีนอะไรอีก นัยน์ตาคมจ้องมองเด็กสาวลูกครึ่งที่ยืนคอตกทำหน้าเจื่อนนิ่ง ก่อนจะเอ่ยถามออกมาเสียงเรียบได้ยินกันเพียงแค่สองคนเท่านั้น
“น้องเกรสรู้หรือเปล่าคะ ว่าโฆษณาชิ้นนี้เราตั้งใจจะขายอะไร”
“ก็ โคโลญจ์ไม่ใช่เหรอคะ”
“สำหรับน้องเกรสโคโลญจ์มีความสำคัญยังไงบ้างเหรอ”
“ก็….ใส่ให้ตัวมีกลิ่นหอมไงคะ”
“แค่กลิ่นหอม แค่นั้นก็พอแล้วเหรอ”
“หรือว่า มันช่วยบำรุงผิวด้วยคะ” คำถามซื่อๆทำให้คนฟังอดที่จะยิ้มออกมาไม่ได้ เป็นรอยยิ้มใจดีที่ทำให้คนมองใจชื้นขึ้นโข ไวน์ส่ายศีรษะน้อยๆ ก่อนพูดต่อ
“ว้า น้องเกรสยังเด็กเกินไปจริงๆด้วยสินะ”
“พูดอย่างนี้หมายความว่าไงคะ เกรสสิบสี่แล้วนะ อีกไม่นานก็สิบห้าแล้ว ไม่เด็กสักหน่อย” เด็กสาวเถียงงอนๆ แก้มใสป่องน้อยๆแต่ไม่จริงจังนักทั้งๆที่ตอนแรกกลัวคนตรงหน้านักหนา แต่พอได้มองหน้ากันใกล้ๆก็ยิ่งได้เห็นว่าผู้กำกับคนนี้ยิ้มได้น่ามองแค่ไหน ไม่ได้น่ากลัวอย่างที่คิดนี่นา
“เรื่องแค่นั้นเกรสรู้อยู่แล้วค่ะ หม่ามี๊เคยบอกว่าให้ฉีดน้ำหอมให้ฟุ้งกระจายก่อนแล้วก็เดินผ่าน”
“อืม อันนั้นก็ใช่ แต่อีกวิธีหนึ่งก็คือแต้มตรงนี้…” บอกพร้อมกับเอื้อมมือไปแตะที่ข้อมือบางของนางแบบให้คนโดนแตะก้มลงมองตามมือขาวเรียวนั้น ก่อนจะขยับมืออีกครั้งเพื่อสัมผัสใบหูของเด็กสาวแผ่วเบา “แล้วก็…หลังใบหู เกรสรู้ไหมว่าทำไม….” สัมผัสแปลกใหม่ที่ไม่เคยรู้จักทำให้ร่างบางสะดุ้งเล็กน้อย หากแต่กลับไม่สามารถถอนสายตาจากนัยน์ตาคมของคนสูงกว่าได้ เด็กสาวส่ายศีรษะเชื่องช้าให้คนมองยิ้มน้อยๆ บอกเสียงกระซิบ
“กลิ่นมันจะได้หอมตรึงใจคนที่เรารักเวลาที่เค้าก้มลงจูบเราไงคะ น้ำหอมกับโคโลญจน์ก็มีความหมายใกล้เคียงกัน มันสร้างเสน่ห์ให้ผู้หญิง พี่อยากให้เกรสถึงเสน่ห์ของตัวเองออกมา เกรสอยากจะปรากฏบนหน้าจอทีวีในรูปลักษณ์ของเด็ก หรือหญิงสาว ทุกอย่างก็ขึ้นอยู่กับเกรสนะคะ” เป็นคำพูดสุดท้ายที่ไวน์ทิ้งไว้ให้ ก่อนจะหันไปสั่งช่างแต่งหน้าให้มาซับหน้าให้นางแบบ
หากแต่ดวงตากลมโตของเด็กสาวก็ยังคงติดตามไปยังร่างสูงที่เดินกลับไปประจำตำแหน่งเดิมของตัวเองเรียบร้อยแล้ว ไวน์ทรุดตัวลงนั่งสองสายตาประสานกันพร้อมกับรอยยิ้มน้อยๆบนริมฝีปากได้รูป และนั่นทำให้เด็กสาวรีบหลบสายตาพร้อมกับแก้มใสที่แดงปลั่งขึ้นมา แปลกจริงหนอทำไมอยู่ๆหัวใจก็เต้นแรงแค่เพียงได้เห็นแววตาแบบนั้น แววตาที่แตกต่างจากเด็กหนุ่มรุ่นราวคราวเดียวกันที่สาวน้อยเคยรู้จัก
นัยน์ตาคมคู่นั้นยังคงจับจ้องมายังเด็กสาว เสียงสั่งแอคชั่นดังผ่านริมฝีปากแดงสดที่เคลือบไปด้วยรอยยิ้ม เกรสคิดถึงคำพูดของผู้กำกับ กลิ่นหอมแบบไหนหรือที่ทำให้ใครสักคนหันมามอง รอยยิ้มแบบไหนหรือที่จะทำให้ชายหนุ่มจดจำเธอได้ตั้งแต่ครั้งแรกที่ได้พบ เสน่ห์แบบไหนจึงจะมัดใจใครคนนั้นได้…. นัยน์ตากลมโตของเด็กสาวจ้องมองดูร่างสูง พลันแววตาก็ทอประกายพร้อมกับรอยยิ้มอ่อนหวาน เป็นการแสดงความรู้สึกเขินอายได้น่ารักสมวัยจนผู้เฝ้ามองทุกคนอดที่จะยิ้มตามออกมาด้วยความเอ็นดูไม่ได้ เสียงสั่งคัทดังออกมาจากผู้กำกับ ไวน์ส่งยิ้มและยกนิ้วโป้งให้เด็กสาว ก่อนที่จะหันไปสั่งลูกน้องให้เตรียมฉากต่อไป
แพทถอนหายใจยาวเมื่อมองเห็นความคืบหน้าของการทำงาน เพราะอย่างนี้แหละเอเจนซี่ของเธอจึงยังมีสายสัมพันธ์เหนียวแน่นกับโปรดักชั่นเฮ้าส์แห่งนี้ ถึงผู้กำกับอย่างไวน์จะเจ้าอารมณ์ หากแต่เมื่อได้รับมอบหมายงานที่ตัวเองถนัดก็ไม่เคยเลยสักครั้งที่จะทำให้ผู้ว่าจ้างต้องผิดหวัง เหมือนพ่อมดที่ไม่ว่าจะร่ายมนต์ใส่หญิงสาวคนไหนก็อ่อนระทวย ก็แล้วใครเล่าจะมาสามารถรู้ใจผู้หญิงได้เท่าผู้หญิงด้วยกัน
กว่าการถ่ายทำจะเสร็จก็บ่ายคล้อย ความวุ่นวายทำให้ไวน์ลืมไปแล้วเรื่องปัญหาที่รออยู่ที่บ้าน จนลูกน้องวิ่งเข้ามาหาพร้อมกับยื่นโทรศัพท์ให้
“ไวน์เมื่อไหร่จะกลับมาเนี่ย” เสียงต่ำห้าวของยู่ยี่ที่ลืมแอ๊บแบ๊วดังมาตามสายพร้อมกับเสียงเอะอะที่ดังรอบกายทำให้ไวน์คิดถึงภาพเพื่อนสาวกำลังเฮฮาอยู่ในงานปาร์ตี้สักแห่ง ดวงตาคมยังคงจดจ้องที่จอมอนิเตอร์เมื่อเอ่ยถามออกมาเสียงห้วน
“ทำงานอยู่ มีอะไร”
“อ้าว ก็ไหนแกบอกว่าจะกลับมาพาเด็กไปโรงพักด้วยกัน”
“เด็กไหนวะ…” ถามงงๆ ก่อนเสียงที่แทรกเข้ามาในสายของยู่ยี่จะทำให้คิดได้ ลิลลี่ยกเด็กขึ้นสูงเมื่อเห็นมีรอยเปียกเป็นดวงบนหน้าขาตัวเองโวยวายเสียงดัง
“อ๊าย ชะนีน้อยฉี่ใส่ฉ๊านนนนน” ได้ยินแค่นั้นไวน์ก็ยกมือขึ้นตบหน้าผาก
“เออ ฉันก็ลืมไปเลย แล้วใครนักหนาวะนั่นเสียงดังเต็มห้องไปหมด”
“พวกนังลิลลี่มันมาช่วยเลี้ยงเด็กน่ะแก ไม่งั้นฉันจะทำยังไงล่ะ แกรีบมาเลยนะไม่ไหวแล้วเดี๋ยวตอนเย็นฉันก็ต้องไปทำงาน” ยู่ยี่หมายถึงคณะคาบาเร่ต์ที่ตัวเองทำงานอยู่ ทั้งๆที่หน้าตายู่ยี่นั้นขาวผ่องสวยงามยิ่งกว่าชะนีบางนางเสียด้วยซ้ำ หากแต่ความมีดกลัวหมอจนขึ้นสมองจนไม่มีปัญญาไปทำนมเหมือนอย่างชาวบ้านทำให้ยู่ยี่ไม่อาจขึ้นมาเป็นตัวเอกของคณะได้อย่างที่หวัง แต่ทุกอย่างที่ทำไปก็ล้วนแต่เป็นเพราะใจรัก
“เออๆรู้แล้ว จะไปเร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้แล้วกัน” คนทำงานตอบกลับเสียงห้วน ทั้งสองคุยกันอีกไม่กี่ประโยคก่อนจะวางสาย
ไวน์ยกมือขึ้นเสยผมสั้นของตัวเองอย่างเหนื่อยหน่ายตัดสินใจหันไปสั่งงานลูกน้องเก็บของตัวเองแล้วก้าวออกจากกองถ่ายในที่สุด ร่างสูงก้าวขึ้นรถอย่างเริ่งรีบยังมีอีกหลายเรื่องที่ต้องทำแต่ท้องที่ดันมาร้องโครกคราก ก็ทำให้เจ้าตัวสำเหนียกได้ว่าวันนี้ทั้งวันนอกจากคายของเก่าแล้วยังไม่ได้หาอะไรใหม่ใส่ท้องเลย เมื่อคิดได้อย่างนั้นก็บ่ายหน้าไปร้านอาหารใกล้คอนโดทันที
หมี่กรอบราดหน้าควันฉุยเรียกน้ำลายคนมองให้ต้องรีบกลืนอึ๊กๆ ไวน์รีบหยิบชุดเครื่องปรุงรสมา เริ่มจากน้ำตาลนิดหน่อย ตามด้วยน้ำส้มและน้ำปลา คลุกเคล้าให้เข้ากัน ใช้ส้อมม้วนหมี่กรอบขึ้นมาเป่า กำลังจะส่งเข้าปากก็ต้องชะงักกึกเมื่อรู้สึกถึงสายตาเร่าร้อนที่ส่งตรงมา
ใครบางคนกำลังยืนเกาะกระจกมองเข้ามาในร้านอย่างหิวกระหาย ใบหน้าขาวซีดนั้นรุ่ยร่ายไปด้วยเส้นผมยาวปรกหน้า สองมือยกแปะกระจกดวงตาภายใต้แว่นหนาเตอะกรอบน้ำตาลนั้นจ้องมายังจานราดหน้าเขม็งตาไม่กระพริบ เล่นเอาคนกำลังจะกินแทบจะหมดอารมณ์ไวน์สาบานเลยว่าเห็นน้ำลายย้อยออกมาจากมุมปากของยัยแว่นขี้เหร่ด้วย จำได้ทันทีว่าเป็นคนเดียวกับที่เดินพึมพำบนลานจอดรถเมื่อเช้า
ผู้หญิงอะไรกันไม่ดูแลตัวเองเสียเลยแต่งตัวก็เชยผมเผ้ารุงรังคอนแทคเลนส์ไม่คิดจะหามาใส่เลยหรือ แถมมายืนมองอยู่ได้คนจะกิน ท่าทางจะหิวโซ แต่ถึงอย่างนั้นก็เถอะความหิวย่อมไม่เข้าใครออกใคร ไวน์ไม่ใช่นักสังคมสงเคราะห์ ถึงหน้าตาจะดีแต่นิสัยก็ไม่ได้ดีเหมือนหน้าตาจะได้มาเห็นใจพวกเร่ร่อนไม่มีปัญญาหากิน มือเท้าก็มีไม่ใช่หรือหากไม่ขี้เกียจก็คงไม่ต้องมาตกอับแบบนี้ คิดได้อย่างนั้นก็หมุนจานราดหน้าหนีแล้วเริ่มสวาปามอย่างไม่สนใจใครอีกต่อไป
กล้วยไม้ยืนเกาะกระจกกลืนน้ำลายมองดูราดหน้าที่ถูกจัดการจนร่อยหรอลงตาละห้อย ก่อนจะตัดใจเดินจากมาในที่สุด มือข้างหนึ่งลูบท้องที่ร้องโครกครากของตัวเองแล้วได้แต่ถอนใจ จริงๆเลยตั้งแต่มีมือถือเธอก็ไม่เคยคิดที่จะจดเบอร์โทรของเพื่อนใส่สมุดเอาไว้ พอเวลาแบบนี้อยากจะโทรหายังไงก็ไม่มีปัญญา เอาเถิดบางทียัยส้มอาจจะเปลี่ยนใจกลับมาแล้ว เพื่อนกันแท้ๆคงไม่คิดจะทิ้งกันให้อดตายจริงๆหรอก ลองไปดูที่ห้องอีกครั้งดีกว่า หญิงสาวปลอบใจตัวเองพร้อมกับเดินกลับห้องหงอยๆ
เสียงเอะอะของเด็กๆที่วิ่งวนเวียนอยู่รอบกายทำให้สองเพื่อนซี้อย่างภวรัญชน์และยู่ยี่ต้องหันมามองตากันก่อนจะพร้อมใจกันก้มลงมองตะกร้าสีชมพูที่มีเด็กน้อยหน้าตาจิ้มลิ้มนอนดูดนิ้วอยู่ด้วยความกังวล
หลังจากพาเด็กไปส่งที่โรงพัก ทั้งสองคนถูกสอบปากคำเสียเนิ่นนาน ทุกสายตาในโรงพักมองตามพวกเขาราวกับตัวประหลาด คนหนึ่งกะเทยอีกคนเป็นทอมพาเด็กอายุประมาณสี่เดือนมาส่งพร้อมกับบอกว่าเป็นเด็กที่มีคนเอามาทิ้งไว้หน้าห้อง เป็นคดีประหลาดที่ไม่ค่อยจะเกิดขึ้นบ่อยนัก ทำให้นอกจากร้อยเวรที่รับแจ้งความแล้ว ยังมีตำรวจคนอื่นๆมายืนมองด้วยความสนใจอีกด้วย ร้อยเวรหนุ่มมองดูทอมผมสั้นหน้ากวนกับกะเทยหน้าหวานสลับกันไปมาอย่างพิเคราะห์ก่อนเอ่ยถาม
“นี่หมายความว่า มีคนเอาเด็กคนนี้มาทิ้งไว้หน้าห้องพวกคุณใช่ไหม” ยู่ยี่ถอนหายใจเฮือกที่สิบตอบเสียงห้วน
“ใช่ค่ะ ก็บอกไปตั้งหลายครั้งแล้ว”
“ก็คือเด็กคนนี้ไม่ใช่ลูกของพวกคุณแค่มีคนเอามาทิ้งไว้หน้าห้อง” ตำรวจยังถามให้สองเพื่อนซี้หันมามองหน้ากันอย่างหงุดหงิด ไวน์ตอบบ้าง
“อ้าวจ่า แล้วจะมาพูดให้มันวกวนทำไมเนี่ยก็บอกไปตั้งหลายรอบแล้ว กล้องวงจรปิดในตึกก็มีนะ ลองไปขอตรวจสอบดูก็ได้”
“ผมหมวดครับ อันนั้นทางเราต้องสืบสวนอยู่แล้วไม่ต้องห่วง ว่าแต่พวกคุณแน่ใจนะว่าไม่ได้แอบขโมยเด็กมาเพราะอยากมีลูก แต่กลัวความผิดก็เลยเอามาคืนแล้วแกล้งทำเป็นบอกว่ามีคนเอามาทิ้งไว้หน้าห้อง”
“โอ้ยจ่า ใครจะไปทำอย่างนั้น อยู่แบบโสดๆก็สบายอยู่แล้วจะไปหาเรื่องใส่ตัวทำไม”
“อย่าลดขั้นผมสิครับ แต่ใครจะรู้ล่ะ ท่าทางเหมือนพวกคุณจะยังตกลงกันไม่ได้ว่าจะให้ใครเป็นคนท้องดี เลยอาจจะต้องปั้นเรื่องขึ้นมา นี่แจ้งความเท็จมีความผิดเป็นคดีความได้นะครับ” เป็นข้อกล่าวหาที่ทำให้ไวน์ของขึ้นทันที
“เออฉัน ชักอยากจะฟ้องตำรวจเพิ่มขึ้นมาอีกคดีแล้วด้วยล่ะ พวกฉันไม่ใช่ผัวเมียกันเฟ้ยนี่เอาอะไรดูเนี่ยน้ำหน้าอย่างนังนี่ไม่ได้แอ้มฉันหรอก ตกลงจะทำอะไรก็รีบทำฉันยังมีงานที่ต้องสะสาง เรื่องเด็กน่ะจะว่าไง” ไวน์โวยวายในขณะที่ตำรวจที่อยู่ใกล้ๆก็หันมามองอมยิ้มขำๆ
“ครับ ผมบันทึกปากคำเสร็จแล้ว แต่ว่ายังไงก็ต้องรอผลการสืบสวนก่อนครับ ระหว่างนี้ก็คงต้องฝากเด็กไว้กับสถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้าไว้ก่อนจนกว่าจะตามหาแม่ที่แท้จริงได้…”
และนั่น ก็เป็นสาเหตุที่ทำให้สองเพื่อนซี้ต้องมายืนอึ้งกับสภาพทรุดโทรมของสถานรับเลี้ยงเด็กแห่งนี้
“โห นี่มันบ้านเด็กกำพร้าหรือว่ารังมด ทำไมเด็กมันยั้วเยี๊ยะขนาดนี้วะ” ไวน์บ่นพลางทำท่าสยิวกายลูบแขนตัวเองไปด้วย
“สถานเลี้ยงเด็กกำพร้า แกจะให้มีแต่คนชราหรือไงไอ้บ้า มีแต่เด็กก็ถูกแล้ว”
“แต่ฉันว่ายังมีคนชรานะ” บอกพร้อมกับบุ้ยใบ้ไปทางผู้ดูแลคนหนึ่งที่เดินยงโย่ยงหยกแล้วพูดต่อ “ดูยายคนนั้นสิ หงำเหงือกขนาดนี้จะรบกับเด็กไหวเหรอวะท่าทางยายแกยังกะจะหลับคาจานข้าวได้เลยงั้นแหละ”
“ปากหมาอีกละไอ้ไวน์ ยายเค้าจะกินไปหลับไปก็เรื่องของเค้า ส่งเด็กให้เค้าก็หมดเรื่องแล้ว พวกเราจะได้กลับกัน” สองคนมองหน้ากันก่อนจะตัดสินใจส่งเด็กให้กับเจ้าหน้าที่สถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้า แต่ทันทีที่ตะกร้าสีชมพูถูกส่งออกไป เสียงเด็กน้อยก็เริ่มร้องไห้หน้าเบี้ยว ทำเอายู่ยี่ใจคอไม่ดีมองตามตาละห้อย กับความผูกพันที่ก่อเกิดกับด้วยว่าตัวเองเป็นคนที่ดูแลเด็กทั้งวัน
“เด็กจะเป็นไรมั้ยแก”
“ไม่เป็นไรหรอก เค้าเลี้ยงของเค้าได้ตั้งเยอะ เลี้ยงเพิ่มอีกสักคนจะเป็นไรไป” ไวน์บอกพร้อมกับลากแขนเพื่อนให้เดินออกมา ยู่ยี่จำใจพยักหน้าแม้จะตามมาอย่างอิดออดก่อนจะทำตาเหลือกเมื่อลับหลังครูพี่เลี้ยงเด็กๆแถวนั้นก็เริ่มฟาดกันตุ๊บตั๊บเสียงร้องไห้ดังระงมยู่ยี่หันมาถามไวน์
“เด็กจะเป็นไรมั้ยนะแกนี่เริ่มตีกันแล้วด้วย”
“เด็กมันอยู่รวมกันก็เป็นงี้แหละคิดไรวะ ตีกันเดี๋ยวก็ดีกัน อย่างน้อยคนเค้าเคยเลี้ยงเด็กเค้าก็ต้องรู้เรื่องสุขภาพอนามัยของเด็ก” พูดยังไม่ทันขาดคำก็เห็นเด็กอีกกลุ่มรุมกันเล่นน้ำเสียที่ไหลออกมาจากท่อน้ำทิ้งยกมือเปื้อนโคลนขึ้นลูบหน้ากันหัวเราะเอิ๊กอ๊าก
“ไวน์ เด็กจะเป็นอะไรมั้ยแก๊!” ยู่ยี่ออกอาการจิตตกอย่างรุนแรงถามเพื่อนไม่พอยังเขย่าแขนไวน์อีกต่างหาก คนโดนถามหันมาตะคอกอย่างหงุดหงิด
“นี่แกจะถามฉันอีกกี่รอบเนี่ย”
“ก็ฉันเป็นห่วงนี่” ตอบเสียงอ่อย
“ห่วงนักก็เอามาเลี้ยงเองเลยมั้ยล่ะ” ทั้งๆที่เป็นคำพูดประชด แต่กลับทำให้ยู่ยี่ตาเป็นประกาย
“ได้จริงเหรอ”
“เฮ้ยนังบ้า จะเอามาเลี้ยงให้เป็นภาระทำไม”
“แต่ฉันเป็นห่วงเด็กนี่นา”
“ห่วงทำไมเดี๋ยวเค้าก็หาพ่อแม่เด็กเจอแล้ว”
“แต่ถ้าเค้าหาไม่เจอล่ะ เด็กคนนั้นก็ต้องอยู่ในสถานที่แบบนี้จนโตเลยเหรอ”
“ไม่โตหรอก เด็กน่ารักเดี๋ยวก็คงมีคนขอไปเลี้ยง”
“ถ้าอย่างนั้นเราก็ดูแลเด็กไปจนกว่าจะหาพ่อแม่เจอหรือหาคนเลี้ยงได้ไม่ดีกว่าเหรอ” ยู่ยี่เริ่มเกิดอาการดื้อตาใสขึ้นมาเสียแล้ว สัญชาติญาณความเป็นแม่เริ่มปรากฏ แต่ไวน์เป็นทอมใจร้ายและไม่รักเด็ก จึงไม่มีอารมณ์ด้วย
“แกจะบ้าเหรอยี่แล้วใครจะมาเลี้ยงเด็กเล่า”
“ฉันไง ฉันจะดูแลเองรับรองไม่ทำให้แกลำบาก”
“แกจะพูดง่ายไปไหน เด็กนะว้อยไม่ใช่หมาใช่แมวจะได้เอามาเลี้ยงเล่นแบบนี้”
“ก็ฉันสงสารเด็กนี่นา ฉันรู้สึกเหมือนมันเป็นวาสนาที่มีต่อกัน แกคิดดูสิว่าทั้งคอนโดมีกี่ห้อง ทำไมต้องเป็นห้องของเราที่เค้าเอาเด็กมาทิ้ง”
“วาสนงวาสนาอะไรของแก ซวยเค้าเรียกซวย นั่นน่ะตัวปัญหาของแท้เลยนะ”
“แต่ว่าฉันอยากดูแลเด็กนี่”
“แต่ฉันไม่อยาก”
“แต่ฉันอยาก”
“แต่ฉันไม่อยาก!!!” ไวน์ประกาศเสียงก้องในขณะที่ยู่ยี่มองหน้าเพื่อนน้ำตาคลอ
อิอิ มาแร้ว ตอนใหม่ ตอนนี้คนเขียนติดเกาะอยู่ เนทเต่ามากถึงมากที่สุด ตกใจเลยเกาะพะงันฝั่งท้องนายปาน True ไม่มีสัญญาณ = =” โทรศัพท์เดี้ยงไปหนึ่งเครื่อง
แล้วก็ข้อความเหมือนเดิม ประกาศหาคนช่วยคิดชื่อไทยของเรื่อง 45 Days ค่ะ เงื่อนไขก็คือ
ต้องเป็นชื่อเท่ๆ มีคำว่า 45 วันด้วยนะ ของรางวัลก็เป็นหนังสือพร้อมลายเซ็นต์ที่ไม่ว่าจะอยากได้หรือไม่อยากได้ก็จะยัดเยียดให้ค่ะ อิอิ อย่าขอเป็นตังค์นะ เดี๋ยวเราต้องไปกู้คุณ อนิลกับคุณpatza มาให้ซะงั้น เอิ๊กๆ
เอาล่ะมาตอบเม้นท์กันดีกว่า
พาย : แหม ทิ้งคอมเม้นท์ไว้ให้พี่จิ้นอีกแล้ว ที่บอกว่า 'อย่าหยุดอะชอบ' นี่หมายความว่ายังไง พี่คิดตื้นไม่เป็นนะ ชอบคิดลึกๆ ฮ่าๆ
ca' ฮ่าๆ มีเขินด้วยเหรอ ไม่ต้องเขินหรอกใหม่ๆก็งี้ ตอนแรกพี่ก็เขินเหมือนกันเวลาตอบเม้นท์
แต่ว่าพี่ชอบขอคอมเม้นท์นักอ่าน ถ้าไม่ตอบก็เสียมารยาทเนาะ ก็เลยชินแระ หัดเอาๆ เดี๋ยวก็ชิน อิอิ
เออแล้วก็แต้งกิ้วที่เตือนให้คิดชื่อนิยายนะ ฮ่าๆ พี่ได้โอกาสประกาศถามเลย
koko1358 ยังมาทันนะไฮน์ ไม่ตกเทรน เปลี่ยนม่างเซ่ พี่จัดหล่อๆมาหลอกล่อน้องบุ่งน่ะ อิอิละนิยายเราอ่ะเมื่อไหร่จะอัพพี่รออ่านอยู่ ตื่นเต้นดีชอบๆ
p-cha-ruch หนูพูดถูกมากค่ะ คนก็ชอบตัดสินว่าพี่หื่นจากหน้าตา ทั้งๆที่พี่ออกจะเรียบร้อยใสซื่อ เอิ๊กๆ
^_^" ลูกใครเหรอ ขอคิดก่อนฮ่าๆ ยังไม่บอก เก็บไว้ทีหลัง อิอิ
zero เพราะเหนื่อยจากเขียน 45 นั่นแหละถึงได้มีเรื่องนี้ ผ่อนคลายทั้งคนอ่านคนเขียนละเนาะ อิอิ
WinD ฮ่าๆ เป็นคำถามที่ต้องรอคำตอบว่าลูกใครกันหนอ คนเขียนยังตัดสินใจไม่ได้เลยว่าจะให้เป็นลูกยู่ยี่หรือว่าลูกไวน์ดี อิอิ
Pudtan น่าน มีเข้ามาเที่ยวไม่อ่านด้วย เอาน่าแค่มาให้เห็นพี่ก็ดีใจแล้ว เรียนหนักหักโหมเหลือแต่หัวโตๆแล้วม้างพุดตาน
ยิ้ม....ยิ้ม พี่เกือบเขินจนกลิ้งกลุกๆแล้วในวงเล็บที่ทิ้งไว้นึกว่าบอกรักคนเขียนฮ่าๆ เอาน่าถึงรักแค่ตัวหนังสือก็ปลื้มแล้วล่ะ อิอิ
528522 อันนั้นแค่ First impressionนะ เดี๋ยวพอ เจอ Second impression แล้วจะอึ้งฮ่าๆ
poohjung เรื่องนี้คลายเครียดคนเขียนเลยเขียนเรื่อยๆค่ะ ถ้าเขียนเร็วอัพบ่อยคนเขียนจะเครียดแทนฮ่าๆ เพราะงั้นเรื่อยๆมาเรียงๆเนาะ
patza อิอิ คอมเม้นท์ค่อยกระเตื้องจาก 45 Days หน่อยเนาะ เรื่องนั้นผีจะหลอกเล่นเอาเกือบเขียนไม่จบ ตอนใหม่มาแร้ว เจอคำผิดก็ทักได้นะ อิอิ
Ma-Bung น้องบุง ชอบอิมเมจไวน์มากขนาดนี้ต้องตบตีกะพี่อนิลเองนะคะ ฮ่าๆ ออร่าสีม่วงแปร๋นออกมาเรยนะน้อง
nantasingha คอมเม้นท์สั้นๆ เข้ามาฮาของจริงเลยนะนี่ อิอิ
JEEDZ หง่ะ = =" ดูจิทักเราโดนเจ้าkoko1358 ล้อเลย เราไม่ได้เป็นทอมโฉดซักกะหน่อย เป็นคนขี้อายพูดน้อย หลอกใครไม่เป็น (อ้วกกก) อิอิ ได้ไวน์มาซดหรือยัง ค่อยๆจิบไวน์ดีกว่าไหม เรื่อยๆได้อารมณ์ เหอๆๆๆๆๆ
Bn_playgirl ดีใจที่อ่านแล้วสนุกนะคะ ^_^
aikawa_taku จะเอายู่ยี่เหรอ แล้วยู่ยี่จะยอมให้เอามั้ยน่ะ ได้ข่าวว่ายู่ยี่ประกาศเอาไว้ว่าชาตินี้ยังไงก็จะไม่ยอมเสียตัวให้ชะนีเด็ดขาดฮ่าๆ พี่กัญณ์ยังไม่ถึงเชียงรายหรอก กทม ก็ยังหาไม่ได้เลย รออีกสักอาทิตย์กว่าๆน่าจะได้แระ อิอิ
ความคิดเห็น