คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #15 : ประสบการณ์
เมื่อถูกยู่ยี่ปฏิเสธแบงค์ก็ปล่อยให้สุราพาตัวเองให้จมดิ่งสู่ความทุกข์ ในที่สุดเขาก็ได้รับบทเรียนราคาแพง รักครั้งแรกของชายหนุ่มที่ไม่รู้จักเจียมตัว ทั้งๆที่เป็นแค่หนอนน้อยยังบังอาจเผยอไปรักนางฟ้า
ในขณะที่แบงค์เสียใจที่ถูกปฏิเสธ ยู่ยี่ก็ปวดร้าวไม่แพ้กัน เพียงแต่ชายหนุ่มนั้นเจ็บปวดที่ตัวเองถูกทิ้ง หากแต่ยู่ยี่นั้นเจ็บปวดกับความจริงที่ไม่อาจเปิดเผยกับเขาได้ ท่าทางของยู่ยี่นั้นเศร้าซึมจนเห็นได้ชัดจนกล้วยไม้สังเกตได้ไม่ยากเลย ครั้นโทรหาเพื่อนชายเมื่อไหร่ก็เจอแต่ตอนที่กำลังเมาหัวราน้ำ สงสัยว่าทั้งสองคนไม่พ้นโดนพิษรักเล่นงาน แถมท่าทางจะกำลังซึมซาบแล่นเข้าสู่หัวใจเสียด้วย
กล้วยไม้ค่อยๆเช็ดจานทีละใบ ก่อนจะเรียงเก็บเข้าชั้นแล้วหันไปมองรอบห้องที่ว่างเปล่า ยู่ยี่ออกไปทำงานแล้ว และไวน์ยังไม่กลับ เวลานี้ ทุกคนราวกับจะถูกปกคลุมไปด้วยบรรยากาศอึมครึม ทำให้ห้องที่เคยสดใสกลับหม่นหมอง ทั้งๆที่กล้วยไม้อยากจะช่วยเหลือ แต่ก็ไม่รู้จะทำยังไง ด้วยแค่เรื่องของตัวเองก็ยังเหมือนจะเอาตัวไม่รอดอยู่แล้ว
หลายครั้งหลายคราที่กล้วยไม้เผลอยกมือขึ้นลูบหัวตัวเองแล้วเรียก ขวัญเอ้ยขวัญมา และทุกครั้งที่ทำก็อดสงสัยไม่ได้ว่าถ้ายกมือขึ้นลูบหัวใจแล้วเรียก หัวใจเอ๋ยจงกลับคืนมา แล้วมันจะยอมกลับมาง่ายๆไหม ด้วยตั้งแต่เกิดมาก็ไม่เคยจะเป็นแบบนี้มาก่อน ในหัวใจมันไหววูบวาบและเจ็บแปลบทุกครั้งที่คิดถึงคนๆนั้น
คนบ้า เจ้าชู้ เอาแต่ใจ นิสัยไม่ดี อยู่ๆก็มากอดฉัน ใช้ฉันเป็นเครื่องมือยั่วผู้หญิงอีกคนหนึ่ง หลอกกันให้หวั่นไหวได้อย่างหน้าตาย แถมยังไม่เคยเอ่ยถึงเรื่องในคืนนั้นอีกเลยราวกับไม่เคยมีอะไรเกิดขึ้น นี่คงจะทำเรื่องแบบนั้นเสียจนชินชาไม่รู้สึกรู้สาไม่สนใจว่าจะทำให้ใครรู้สึกอย่างไรกับผลจากการกระทำของตัวเอง
แค่เพียงคิดขึ้นมาหญิงสาวก็เผลอยกมือขึ้นกุมหัวใจอีกครั้ง เธอถอดผ้ากันเปื้อนแล้วแขวนกลับที่เดิม ก่อนจะเดินดุ่มๆเข้าห้องตัวเอง ชะเง้อมองดูน้องยิ้มหวานที่ยังคงนอนหลับสนิท แล้วเปิดคอมพิวเตอร์ตั้งใจว่าจะเช็คเรทติ้งนิยายของตัวเองเสียหน่อย
หน้าเวปบอร์ดถูกโหลดขึ้นมาอย่างรวดเร็ว หญิงสาวไล่สายตาไปตามคอมเม้นท์ที่นักอ่านทิ้งเอาไว้ให้ คิ้วเรียวกดลงน้อยๆ ก่อนจะเบิกตากว้างด้วยความประหลาดใจกับความคิดเห็นทั้งหลายเหล่านั้น โดยเฉพาะ
.
‘อ่านแล้วอินมากเลยค่ะ ดีใจที่ได้คุณรับฟังความคิดเห็นแนะนำจากนักอ่านแล้วเอาไปปรับปรุง จนสามารถถ่ายทอดอารมณ์ของตัวละครออกมาได้อย่างละมุนละไมแบบนี้ เส้นทางนักเขียนมืออาชีพที่คุณหวังเอาไว้ คงไม่ไกลเกินเอื้อมแล้วนะคะ’
กล้วยไม้ไล่สายตาไปตามข้อความนั้นซ้ำแล้วซ้ำเล่า ความรู้สึกอิ่มเอมแผ่ซ่านในหัวใจ เป็นครั้งแรกที่เธอได้รับคำชมแบบนี้ นั่นหมายถึงงานเขียนของเธอพัฒนาขึ้น สามารถถ่ายทอดอารมณ์ความรู้สึกจากตัวหนังสือให้ผู้ที่อ่านได้สัมผัส
ในที่สุดหญิงสาวก็ได้เข้าใจความหมายของคำว่า ‘ยังไม่สมจริง’ ที่เคยใคร่ครวญมาตลอด สิ่งสำคัญที่ทำให้สามารถงานเขียนของเธอมีมิติที่สมจริงมากขึ้นสิ่งที่เรียกว่า ‘ประสบการณ์’ ที่เธอไม่เคยมี เพราะตลอดเวลาที่ผ่านมาเธอเขียนนิยายโดยใช้เพียงภาพจากจินตนาการและความฝันมาตลอด มองความรักเพียงสองมิติทั้งๆที่แง่มุมของมันนั้นมีหลากหลาย หากแต่ถ้าเธอพอใจกับปัจจุบันแค่นี้ เธอก็จะไม่อาจสามารถพัฒนาขึ้นไปมากกว่านี้ได้ ในเมื่อรู้แล้วว่าสิ่งที่ขาดหายไปสำหรับเธอคืออะไร เธอก็ต้องขวนขวายเสาะหา เพื่อความฝันที่กำลังมองเห็นรำไรอยู่เบื้องหน้านี้แล้ว
กว่าจะจัดการเรื่องงานทุกอย่างได้เรียบร้อยก็ดึกมากแล้ว ไวน์ลากสังขารโทรมๆเข้าห้องจัดการอาบน้ำชำระคราบไคลก่อนจะมานอนเหยียดยาวบนโซฟาหน้าจอทีวี รู้สึกเหนื่อยหน่ายอย่างบอกไม่ถูก เป็นอาการที่เกิดขึ้นตั้งแต่งานเปิดตัวน้ำหอมและต่อเนื่องยาวนานมาจนถึงยามนี้
มือเรียวกดรีโมทเปลี่ยนช่องไปเรื่อยเปื่อย ก่อนจะหลับตาลงอย่างอ่อนล้า ช่วงนี้ชีวิตฉันช่างน่าเบื่อเสียจริง กลับมาจากทำงานน้องยิ้มหวานก็เข้านอนแล้ว ยัยกล้วยตานีทำอาหารทิ้งไว้ให้แล้วก็ขังตัวเองในห้องเงียบกริบ ยู่ยี่ก็ผีเข้าผีออก บางวันก็หัวเราะไฮเปอร์ผิดปกติบางวันก็นั่งซึมเหมือนหมาเหงา
ไวน์ถอนหายใจยาวเหยียดคิ้วหนาขมวดมุ่นอย่างครุ่นคิด ไม่ได้การต้องลองหาอะไรตื่นเต้นทำเพื่อเรียกความกระชุ่มกระชวยกลับคืนมาบ้างแล้ว อา
ใช่สิ ตั้งแต่มีน้องยิ้มหวานก็ไม่ได้ไปเที่ยวกลางคืนอีกเลย ไหนๆก็มียัยตานีอยู่โยงดูแลอยู่แล้ว ถ้าอย่างนั้นฉันไปเที่ยวตามประสาคนโสดเหมือนเคยท่าจะดีกว่า
ทั้งๆที่คิดแบบนั้น ไวน์กลับพบว่าเปลือกตาของตัวเองหนักขึ้นทุกที ในที่สุดก็เผลอหลับไปบนโซฟา เรื่องราวที่วางแผนเอาไว้ก็คงจะต้องรอคืนต่อไป ไม่ใช่ยามที่ร่างกายต้องการพักผ่อนแบบนี้
ในห้องที่มืดสลัวของกล้วยไม้ แว่นสายตากรอบสี่เหลี่ยมหนาเตอะสะท้อนแสงไฟจากหน้าจอคอมพิวเตอร์จนเป็นประกาย ดวงตาของเธอยังคงจับจ้องหน้านิยายที่ยังคงพิมพ์ค้างเอาไว้อย่างครุ่นคิด ในขณะที่มือก็ตักโยเกิร์ตรสสตรอเบอรี่กล่องสุดท้ายที่ไวน์ซ่อนไว้ในตู้เย็นใส่ปากไปด้วย
หญิงสาวตั้งหน้าตั้งตาเขียนนิยายมาตั้งแต่บ่ายจนถึงดึกดื่นป่านนี้ แต่กระนั้นก็ยังรู้สึกไม่พอใจในงานเขียนของตัวเองเท่าที่ควร ทำไมกันหนอ ทั้งๆที่ก่อนหน้านี้ยังสามารถถ่ายทอดอารมณ์ความรู้สึกของตัวละครออกมาได้ดีอยู่เลยแท้ๆ แต่มายามนี้หัวสมองกลับเหมือนจะกลายเป็นตีบตันอย่างบอกไม่ถูก ช่างเป็นความรู้สึกที่แสนหดหู่เหลือเกิน
ทั้งๆที่ได้รับการยอมรับในระดับหนึ่งแล้ว แต่เธอกลับไม่สามารถก้าวต่อไปได้อย่างที่ใจหวัง ความสมจริงที่เธอต้องการ หรือว่าประสบการณ์ที่ได้มาของเธอยังไม่เพียงพออีกอย่างนั้นหรือ
โยเกิร์ตสีชมพูคำแล้วคำเล่าถูกตักใส่ปากจนเกลี้ยงฉาด กล้วยไม้กระแทกแก้วเปล่าลงบนโต๊ะ ขยับแว่นสายตาของตัวเองอย่างหมายมาด ถ้าหากว่าประสบการณ์ที่มีของเธอยังไม่เพียงพอ ถ้าอย่างนั้นก็ต้องหาเพิ่มขึ้นอีก ใช่แล้ว เพื่อความฝัน ฉันจะไม่มีวันท้อแท้อย่างเด็ดขาด!
กล้วยไม้ค่อยๆโผล่หน้าออกมาจากประตู ร่างบางเดินย่องอย่างเงียบกริบ กวาดสายตาไปรอบห้อง ก่อนจะได้พบกับเป้าหมายที่ตัวเองต้องการ นั่นยังไงเล่า นี่ต้องเป็นเพราะสวรรค์มีเมตตารู้ว่าอนาคตข้างหน้าในเส้นทางนักเขียนของเธอนั้นจะต้องเปล่งประกายสดใส ถึงได้เปิดทางสะดวกให้หล่อนได้ถึงขนาดนี้
ดวงตากลมภายใต้แว่นสายตาเปล่งประกายหมายมาด เมื่อเธอย่องเข้าไปหาโซฟายาวที่หน้าทีวี คนอย่างกล้วยไม้เมื่อตัดสินใจในสิ่งใดแล้วย่อมเต็มไปด้วยความมุ่งมั่นและจะต้องทำให้สำเร็จ ต่อให้ต้องพลีกายไปบ้าง แต่ว่ากับผู้หญิงด้วยกันก็คงจะไม่ทำให้เสียหายอะไรหรอก
ตาคนเอาแต่ใจยังใช้เธอเป็นเครื่องมือแก้แค้นแฟนเก่าได้เลย เธอก็ต้องสามารถใช้ไวน์เป็นวัตถุดิบในการเขียนนิยายของเธอได้บ้างสิ คิดได้อย่างนั้นก็ค่อยๆทรุดกายลงนั่งข้างโซฟา ใบหน้าขาวใสอยู่ห่างไปไม่ถึงคืบเท่านั้นเอง
เอ
แล้วไอ้ประสบการณ์ที่เธอต้องการนี้ จะเริ่มหายังไงดีล่ะนี่ เริ่มจากเบสิคก่อน งั้น
ก็ต้องหอมแก้มสินะ คิดได้อย่างนั้นหญิงสาวก็ตัดสินใจก้มหน้าลงช้าๆ ด้วยหัวใจที่เต้นโครมคราม กล้วยไม้ได้พบว่าแก้มของไวน์นั้นนิ่มอย่างไม่น่าเชื่อเลยทีเดียว
เธอยกมือขึ้นลูบใบหน้าแดงก่ำของตัวเองพยายามสะกดกลั้นความรู้สึกอยากกรี๊ดออกมาดังๆเอาไว้ โอย ตื่นเต้นเป็นบ้า แค่หอมแก้มยังขนาดนี้ แล้วคนที่เค้าทำกันจนหมดทุกสิ่งทุกอย่างเค้าจะไม่หัวใจวายกันไปบ้างหรือ กล้วยไม้นั่งกระพริบตาปริบๆมองดูคนโดนลักหลับไม่รู้เรื่องรู้ราว พร้อมกับเรียกสติตัวเองกลับคืนมา แย่เลย เกือบจะลืมเป้าหมายที่แท้จริงไปซะแล้ว ในที่สุดก็สำเร็จไปหนึ่งขั้น
เอ
แล้วหลังจากหอมแก้ม เค้าต้องทำอะไรกันต่อละนี่ ไวเท่าความคิด ดวงตาของหญิงสาวจ้องเป๋งไปยังริมฝีปากได้รูปสีแดงสดของไวน์ทันที พลันใบหน้าที่แดงอยู่แล้วก็ยิ่งแดงจัดยิ่งไปกว่าเดิม
ใช่แล้วล่ะ จูบ ต้องจูบสิ เมื่อคิดได้แล้วหญิงสาวจึงเริ่มพยายามอีกครั้ง แต่แล้ววินาทีนั้นเองคนนอนหลับก็ขยับตัวน้อยๆ เล่นเอามือใหม่หัดลักหลับสะดุ้งเฮือก รีบคลานไปหลบหลังโซฟาแทบไม่ทัน หากแต่ไวน์ก็แค่ขยับตัวเท่านั้น ไม่ได้ตื่นขึ้นมา
กล้วยไม้รอจนมั่นใจว่าเหยื่อจะยังคงหลับสนิท จึงย่องออกมาอีกครั้ง แต่แล้วก็ต้องถอนใจเมื่อเห็นท่านอนของไวน์ ใบหน้าขาวใสนั้นเอียงไปทางพนักพิง ดังนั้น การจะนั่งแอบหอมแก้มแบบครั้งแรกคงจะทำไม่ได้แล้ว กล้วยไม้มองซ้ายมองขวา ก่อนจะตัดสินใจ ยันแขนกับพนักพิงเพื่อเป็นหลักพยุงกายพร้อมกับค่อยๆก้มหน้าลงไปอีกครั้ง
น้ำหนักของคนที่เพิ่มขึ้นมาทำให้โซฟายุบลงน้อยๆ กล้วยไม้กลั้นหายใจมองใบหน้าขาวของไวน์ด้วยหัวใจที่เต้นระทึก ด้วยกลัวว่าอีกฝ่ายจะตื่นขึ้นมาเสียก่อน หากแต่เมื่อไม่เห็นปฏิกริยาใดๆจากคนนอน ก็ทำให้มือใหม่หัดลักหลับได้หายใจโล่งขึ้นมาบ้าง เธอโน้มใบหน้าลงไปช้าๆ เกือบจะได้เชยชิมเรียวปากได้รูปนั้นอยู่แล้ว เมื่อคิ้วหนาขมวดน้อยๆ พร้อมกับนัยน์ตาคมที่ลืมออกมาช้าๆ
.
สองสายตาประสานกันในระยะประชิด ไวน์กระพริบตาอย่างงุนงง ก่อนจะเบิกกว้างด้วยความตกใจ
“เฮ้ย จะทำอะไรน่ะ” กล้วยไม้ที่ตอนนี้ไม่มีทางเลือกแล้ว จึงตัดสินใจปล่อยน้ำหนักตัวทั้งหมดกอดรัดไวน์เอาไว้
“อย่าดิ้นสิ ขอลองหน่อยเดียว” บอกเสียงต่ำพร้อมกับพยายามก้มลงจูบไวน์ ในขณะที่คนโดนปล้ำดิ้นรนสุดชีวิต ไวน์ที่ทั้งตกใจทั้งยังสลืมสะลือ ร้องออกมาเสียงหลง
“อย่านะ จะทำอะไรเนี่ยยัยปอบ คิดจะกินตับฉันหรือไง!”
“ก็บอกแล้วไงว่าขอลองหน่อย เพื่อประสบการณ์น่ะ ไม่เสียหายหรอก” กล้วยไม้บอกหื่นๆแถมยังปล้ำจูบไวน์อย่างไม่ลดละ ไวน์ยกมือขึ้นดันใบหน้าของสาวหื่นออกไป
“ว๊าก หยุดนะ ยัยบ้า”
“อย่าให้ต้องใช้กำลังสิพี่ไวน์ ยอมเสียดีๆเถอะน่า”
“ไม่ย้อมเฟ้ย เฮ้ยอย่าจับตรงนั้น” สองคนปลุกปล้ำกันอยู่ในที่แคบๆบนโซฟา ก่อนที่จะกลิ้งตกลงพื้นไปด้วยกัน ทันทีที่เป็นอิสระ ไวน์ก็คว้าหมอนขึ้นมากอดแน่น ร้องถามเสียงหอบ
“นี่เธอเป็นบ้าอะไรเนี่ย” กล้วยไม้ที่บัดนี้ความหื่นเข้าบังตาไม่สนใจอะไรแล้ว อีกแค่นิดเดียวก็จะได้ประสบการณ์ที่ตัวเองต้องการ เพื่อความฝันกล้วยไม้สามารถทำได้ทุกอย่างแล้ว
“ขอร้องล่ะพี่ไวน์ กล้วยอยากได้ประสบการณ์จริงไปเขียนนิยายนี่นา ขอลองจูบแค่นิดเดียวเองทำหวงไปได้ ยังไงพี่ไวน์ทำบ่อยอยู่แล้วไม่ใช่เหรอ ”
“บ่อยแล้วไง ฉันเลือกกินนะเฟ้ย ไม่อยากท้องเสีย อยากลองนักก็ไปหาคนอื่นเซ่”
“จะไปลองกับใครล่ะ อย่างน้อยพี่ไวน์ก็เป็นผู้หญิง ไม่มีอะไรเสียหายอยู่แล้ว คิดว่าเค้าอยากจะปล้ำตัวเองนักหรือไง ทอมก็แค่ผู้หญิงน่ะ โดนผู้หญิงด้วยกันจูบจะไปรู้สึกอะไรกันเล่า” กล้วยไม้เริ่มงอแงเมื่อไม่ได้ดังใจ หากแต่นั่นกลับกลายเป็นการจี้ใจดำไวน์เข้าอย่างจัง ไม่รู้สึกงั้นเหรอ จูบกับผู้หญิงด้วยกันแล้วมันจะไม่รู้สึกอะไรงั้นเหรอ ยัยกล้วยเน่า จะดูถูกกันมากเกินไปแล้ว!
“งั้นเหรอ ตกลงที่อยากจูบนี่เพราะจะเอาไปเขียนนิยายสินะ” ไวน์ถามออกมาเสียงเรียบให้กล้วยไม้กระพริบตาปริบๆ ด้วยความประหลาดใจ
“เอ่อ ก็ใช่ค่ะ กล้วยยังไม่เคยมีประสบการณ์ก็เลยทำให้เขียนนิยายไม่ได้อารมณ์อย่างที่ตัวเองต้องการ”
“แล้วเธอยากจะได้จูบแบบไหน”
“หา มันมีหลายแบบด้วยเหรอ”
“เวร นี่เธอหาข้อมูลมาเขียนนิยายยังไงเนี่ย แค่นี้ก็ไม่รู้ ไม่ได้เรื่องเลย”
“เอ๊ะพี่ไวน์ ง.งู มันก็ต้องมาก่อน ค.ควายสิ พี่ไวน์เองก็ไม่ได้ทำเรื่องแบบนี้เป็นมาตั้งแต่เกิดหรอกใช่มั้ยล่ะ”
“ฉันเรียนรู้จากประสบการณ์เฟ้ย ไม่ต้องให้ใครมาสอนหรอก”
“ขี้โม้”
“ไม่เชื่อก็มาเลย เดี๋ยวจะทำให้ดู” ไวน์บอกน้ำเสียงจริงจัง ก่อนจะกลับมาทิ้งตัวลงนั่งบนโซฟา พร้อมกับยกมือขึ้นตบแปะๆไปด้วย เป็นสัญญาณให้รู้ว่าถ้าอยากจะเรียนรู้ ก็มาหย่อนก้นลงนั่งตรงนี้เสียดีๆ
ทั้งๆที่ก่อนหน้านี้ยังทำปากเก่ง แต่เมื่อไวน์ยอมสอนให้กล้วยไม้ก็ใจแกว่ง เป็นสาวเป็นนางอยู่ๆถูกเรียกให้ไปจูบแบบนี้ ไม่อายก็แปลกแล้ว กล้วยไม้คิดในใจทั้งๆที่ก่อนหน้านั้นยังปล้ำไวน์อยู่เลย คนมากประสบการณ์มองดูอาการลังเลของหญิงสาว เสียงหัวเราะหึดังออกมาจากลำคอพร้อมกับสายตาดูแคลน
“ว่าแล้วเชียว ดีแต่ปาก”
“ใครกันดีแต่ปาก คิดว่ากลัวหรือไง กะอีแค่จูบ” หญิงสาวพูดอย่างไม่ยอมแพ้ก่อนจะทิ้งตัวลงนั่งกอดอกตรงหน้าคนสอน เกิดความเงียบขึ้นมาเมื่อสองสายตาประสานกันนิ่ง ไวน์ยักคิ้วก่อนจะขยับเข้าไปใกล้หญิงสาวขึ้นอีกนิด มือเรียวยกขึ้นเชื่องช้าเพื่อที่จะถอดแว่นสายตาให้แก่เธอ
“ถอดแว่นออกแล้วกล้วยจะเห็นอะไรมั้ยเนี่ย” หญิงสาวประท้วงไม่เต็มเสียงนัก ด้วยตอนนี้รู้สึกประหม่าจนไม่รู้จะทำยังไงแล้ว ไวน์วางแว่นกรอบสี่เหลี่ยมลงบนโต๊ะข้างโซฟา เอ่ยเสียงเบา
“ไม่จำเป็นต้องเห็นหรอก หลับตาลงได้แล้ว”
“ตะ ต้องหลับด้วยเหรอ” ถามเสียงพร่า คนถูกถามไม่ยอมตอบ แต่กลับยกมือขึ้นแตะเบาๆที่เปลือกตาของหญิงสาว ขนกายอ่อนๆของเธอลุกชันเมื่อได้ยินเสียงทุ้มนุ่มของคนตรงหน้า กระซิบออกมาแผ่วเบา
“ห้ามลืมตานะ
” กล้วยไม้ที่หลับตาอยู่หัวใจเต้นแรงเหมือนจะหลุดออกมาจากอก รู้สึกว่าลมหายใจของตัวเองกระชั้นชิดมากขึ้นทุกที เมื่อยิ่งหลับตาก็กลับทำให้ราวกับได้มองเห็นภาพที่ชัดเจนมากขึ้น กลิ่นน้ำหอมอ่อนๆที่มาพร้อมกับสัมผัสอ่อนนุ่มร้อนผ่าวที่ริมฝีปาก หญิงสาวผ่อนลมหายใจขาดห้วงออกมา เมื่อจุมพิตแผ่วเบานั้นค่อยๆเลือนหาย แว่วเสียงกระซิบที่ราวกับจะลอยมากับสายลม
“เป็นยังไงบ้าง
” หญิงสาวลืมตาขึ้นมาช้าๆด้วยความรู้สึกที่บอกไม่ถูก เอ่ยถามออกไปอย่างเบลอเต็มที
“เมื่อกี้
อะไรอ่ะ”
“จูบไง พอใจหรือยัง”
“จูบแบบนี้คนเป็นแฟนเค้าจูบกันเหรอ”
“ถ้าของฝรั่งก็เป็นแค่การทักทาย ถ้าคนไทยก็เหมือนเด็กๆจูบกันล่ะมั้ง”
“แล้ว จูบแบบผู้ใหญ่ล่ะ”
“อยากรู้เหรอ” หญิงสาวพยักหน้าทั้งๆที่ดวงตายังคงเบลอ ทำให้คนมองอดยิ้มออกมาไม่ได้ เอ่ยเสียงเบา “งั้นก็หลับตาสิ
” และคราวนี้กล้วยไม้ก็ยอมทำตามให้อย่างว่าง่าย
ไวน์เพ่งพิศใบหน้าของหญิงสาว ยังจำได้ดีเมื่อครั้งที่โดนยัยเฉิ่มแว่นหนาขโมยของกินเพราะความหิว ใครเล่าจะคิดว่าผู้หญิงคนนั้นจะสามารถเปลี่ยนแปลงตัวเองให้ดูดีขึ้นได้อย่างทุกวันนี้ อย่างที่ยู่ยี่เคยบอกนั่นแหละ ความจริงแล้วกล้วยไม้ไม่ใช่ผู้หญิงขี้ริ้วขี้เหร่อะไร เพียงแต่ไม่รู้จักดูแลตัวเอง ทั้งๆที่หากเปลี่ยนการแต่งตัว หาคอนแทคเลนส์มาใส่แทนแว่นขยายอันเก่า เปิดเผยวงหน้าขาวใส ยังไงก็คงหาแฟนได้ไม่ยาก
ทั้งๆที่คิดแบบนั้น แต่ไวน์กลับรู้สึกขัดแย้งขึ้นมาภายในใจ ว่าถ้าหากกลายเป็นอย่างนั้นจริง ยัยกล้วยตานีก็จะไม่ต่างจากหญิงสาวทั่วไปที่ตัวเองเคยคบ สวยแต่รูปจูบไม่หอมกล้วยไม้ไม่จำเป็นต้องเลียนแบบใคร ในเมื่อความซื่อสัตย์จริงใจนั้นก็ทำให้ทุกคนที่อยู่ใกล้มีความสุขได้อยู่แล้ว
กล้วยไม้ยังคงหลับตารอคอยด้วยหัวใจที่เต้นแรงเมื่อรู้สึกถึงปลายนิ้วที่ไล้แผ่วเบาบนผิวแก้ม ก่อนที่ใบหน้าหวานจะถูกประคองให้เงยขึ้นรับเรียวปากได้รูปที่ประทับลงบนริมฝีปากของเธอ จูบที่แผ่วหวิวที่ก่ออารมณ์ให้พลุ่งพล่านได้อย่างไม่น่าเชื่อ
“ไม่ต้องเกร็งนะ
” เสียงของไวน์กระซิบแผ่วเบา ก่อนจะแตะปลายลิ้นให้หญิงสาวทำตามอย่างว่าง่าย ร่างบางสะท้านน้อยๆเมื่อรู้สึกถึงความร้อนระอุที่เกี่ยวกระหวัดให้หวั่นไหวได้กลิ่นหอมของสตรอเบอรี่อบอวลอยู่ในรสจูบอ่อนหวานจนทำให้ไวน์เผลออมยิ้มออกมา ขนาดซ่อนโยเกิร์ตกล่องสุดท้ายเอาไว้ ยัยชิวาว่ายังอุตสาห์หาเจอจนได้ แต่เอาเถอะ แบบนี้ก็อร่อยดีเหมือนกัน
พร้อมกับความคิดที่ล่องล่อย ไวน์เชยชิมสตรอเบอรี่จากริมฝีปากของหญิงสาวด้วยปลายลิ้น เป็นจูบที่เนิ่นนานอย่างที่กล้วยไม้ไม่เคยคิดจินตนาการได้มาก่อน ยินเสียงหัวใจของตัวเองเต้นกระหน่ำ ลมหายใจขาดห้วงที่ไม่อาจควบคุม ร่างบางสะท้านน้อยๆ กับอารมณ์หวามที่ไม่เคยพบเจอ
มือบางป่ายเปะปะด้วยไร้ประสบการณ์ให้ผู้ชำนาญจับขึ้นมาโอบรอบคอของตัวเอง เพื่อที่จะได้รั้งร่างบางเข้ามากอดแนบชิด มือเรียวล้วงเข้าไปสัมผัสลูบไล้แผ่นหลังนวลเนียน และด้วยเวลาที่ไม่ถึงหนึ่งวินาทีตะขอเสื้อบราเซียร์ก็หลุดจากกันอย่างง่ายดายโดยที่เจ้าของแทบจะไม่รู้ตัว ริมฝีปากระอุยังคงเชยชิมรสหวานไม่คิดสร่างซา เมื่อร่างบางถูกโถมทับให้เอนกายลงบนโซฟาหญิงสาวก็ทำได้เพียงร้องขอเสียงสะท้าน
“พี่ไวน์
พอแล้วค่ะ ใจมันหวิวๆยังไงก็ไม่รู้
”
“อะไรกัน นี่แค่จูบเองนะ ยังไม่ได้ทำอย่างอื่นเลย” ไวน์ที่ตอนนี้อารมณ์ถูกจุดติดขึ้นมาแล้วบอกเสียงพร่า พร้อมกับซุกไซ้ใบหน้าไปตามซอกคอและใบหูให้หญิงสาวสยิวกายจนหลุดเสียงครางเบาๆออกมา และนั่นก็ทำให้ความรู้สึกของคนฟังยิ่งพลุ่งพล่าน มือเรียวเคลื่อนไหวไปตามอารมณ์ปรารถนา
เมื่อสัมผัสถึงหน้าอกอวบหยุ่นในมือ เสียงครางอย่างพึงใจก็ดังออกมาจากริมฝีปากที่ยังคงซุกไซ้บนใบหูของหญิงสาว กล้วยไม้ขนลุกเกรียว ในที่สุดก็เข้าใจแล้วว่าอ้อยเข้าปากช้างมันเป็นอย่างไร ทั้งๆที่เคยบอกตัวเองว่าผู้หญิงกับผู้หญิงนั้นไม่ทำให้เสียหาย แต่ทำไมถึงได้รู้สึกเหมือนกำลังจะเสียตัวอย่างไรบอกไม่ถูก นี่มันเกินเลยไปจากที่เธอต้องการมากเหลือเกินแล้ว ควรจะหยุดมันเสีย ออกแรงผลักสิ ผลักคนมือไวให้ให้พ้นออกไปจากตัว
ทั้งๆที่บอกกับตัวเองอย่างนั้น หากร่างกายกลับไร้เรี่ยวแรง มือบางไม่สามารถแม้แต่จะดึงกลับมา ด้วยยังจิกแน่นอยู่ที่แผ่นหลังของอีกฝ่าย ในวินาทีที่กล้วยไม้เกือบจะต้องบอกลาความสาว เสียงกึกกักที่ดังจากประตูก็ทำให้สองร่างบนโซฟาสะดุ้งเฮือก
ยู่ยี่ที่ไขประตูเข้ามายืนเบิกตากว้าง ถามออกมาด้วยความประหลาดใจ
“อ้าว ยังไม่นอนอีกเหรอไวน์” เอ่ยพร้อมกับก้มลงมองดูนาฬิกาข้อมือของตัวเอง ไม่บ่อยหรอกนะที่จะกลับมาแล้วเจอไวน์นั่งดูทีวีอยู่แบบนี้ คนโดนถามยักไหล่มือก็กดรีโหมดเปลี่ยนช่องไปเรื่อยๆก่อนตอบ
“อืม พอดีวันนี้เผลอหลับตอนเย็นน่ะ ก็เลยยังไม่ง่วง” คำตอบที่หลุดออกมาจากหน้าตาเรียบเฉยของเพื่อนทำให้ยู่ยี่พยักหน้าหงึกหงักอย่างรับรู้
“แล้วกล้วยน่ะ จะมาขยันอะไรตอนนี้” ยู่ยี่ถามอย่างนั้นเพราะเหลือบตาไปเห็นกล้วยไม้กำลังจัดหนังสือหน้าทีวีอย่างขะมักขะเม่น ทั้งๆที่ไม่ได้ตั้งใจจะเอาคำตอบจริงจังนัก หากแต่คนโดนถามก็ยังสะดุ้งเฮือก หันไปตอบตะกุกตะกัก
“กะ ก็ พอดีทำมาตั้งแต่เย็นแล้ว มันติดพันน่ะค่ะ พี่ยี่หิวมั้ยคะ”
“พี่ทานมาแล้ว ไม่เป็นไรหรอก”
“อ๋อค่ะ เอ่อ เพิ่งคิดได้ว่าเมื่อกี้ล้างจานยังไม่เสร็จ กล้วยไปล้างต่อก่อนนะคะ” พูดแล้วก็รีบเดินไปยังห้องครัวทันที กะเทยสาวสวยกดหัวคิ้วมองตาม ก่อนหันมาถามเพื่อนที่ยังนั่งเปลี่ยนช่องทีวีไปเรื่อยอย่างนั้น
“ยัยกล้วยไม่สบายอีกแล้วเหรอ หน้าแดงๆ”
“ไม่นี่ ขืนไม่สบายอีกฉันหาคนเลี้ยงเด็กใหม่แน่ คนอะไรสามวันดีสี่วันไข้”
“โห อิทอมใจยักษ์ ใช้งานหนักขนาดนั้น ทั้งเลี้ยงเด็ก ทั้งทำกับข้าว แถมทำความสะอาดอีก” ยู่ยี่บ่นเพื่อนพลางถอดรองเท้าส้นสูงไปด้วย “ว่าแต่แกทำไรอยู่ ดูสักช่องได้ไหมทีวีเปลี่ยนไปเปลี่ยนมาอยู่ได้ฉันลายตา” ไวน์ขมวดคิ้วมองเพื่อนจุ๊ปากอย่างขัดใจ
“โว้ย ขี้บ่นจริง เวลาพักผ่อนของฉันแกจะให้ทำไรวะ ก็ต้องนั่งๆนอนๆดูทีวี
กินโยเกิร์ต” ท้ายประโยคแม้จะไม่ได้พูดเสียงดังนักแต่ยู่ยี่ก็ยังอุตสาห์ได้ยิน ร้องโวยวาย
“อ๊าย อย่าบอกนะว่าแกกินโยเกิร์ตรสมะพร้าวของฉัน”
“ใครจะไปกินของแก ระวังไว้เหอะกินมากเดี๋ยวก็ทรุดหรอก”
“ลองกินสิ ฉันจะกินสตรอเบอรรี่ของแก”
“ของฉันไม่เหลือหรอก ยัยปอบฟาดเรียบไปแล้ว” เมื่อได้ยินอย่างนั้นยู่ยี่ก็ปราดเข้าไปหาตู้เย็นพร้อมกับร้องเรียกกล้วยไม้เสียงดัง
“ยัยกล้วยไม้ นี่หล่อนกินโยเกิร์ตของฉันเหรอยะ”
“ไม่ใช่นะ เมื่อกี้กล้วยกินสตรอเบอรรี่ต่างหาก นี่ไงของพี่ยี่ยังอยู่ในตู้เย็น” กล้วยไม้รีบวิ่งมาหาโยเกิร์ตให้ยู่ยี่ กะเทยสาวพยักหน้าอย่างพอใจ แล้วอยู่ๆก็ทำหน้าเหมือนจะคิดอะไรขึ้นมาได้
“อ๊ะ เมื่อกี้ไอ้ไวน์ก็บอกว่ากินโยเกิร์ตสตรอเบอรรี่ไป แล้วเธอก็บอกว่ากินไปแล้วเหมือนกัน ตกลงว่าแบ่งกันกินเหรอ”
“มันเหลืออยู่แค่กล่องเดียวเอง เรื่องไรจะแบ่งพี่ไวน์ล่ะ” หญิงสาวตอบงงๆ ก็จริงนี่นา โยเกิร์ตกล่องเดียวก็กินคนเดียวสิ เพิ่งกินเสร็จด้วยกลิ่นยังหอมในปากอยู่เลยด้วย เออ แล้วพี่ไวน์เอาโยเกิร์ตอีกอันมาจากไหน อ๊ะหรือว่าแอบซ่อนไว้ที่อื่นอีก คิดได้อย่างนั้นก็เผลอหันไปมองร่างสูงที่นั่งเอกขเนกคนเดียวอยู่หน้าทีวี สองสายตาประสานกันวูบและนั่นก็ทำให้ใบหน้าขาวเนียนของกล้วยไม้แดงแปร๊ดขึ้นมาอย่างรวดเร็ว จะว่าไปจูบแรกของเธอ รสชาติคล้ายๆกับสรอเบอรรี่อยู่เหมือนกันนะ
กล้วยไม้ ไวน์ ยู่ยี่ และน้องยิ้มหวานนั่งอยู่ในห้องนั่งเล่นด้วยกันพร้อมหน้า หากแต่กลับไร้ซึ่งบทสนทนาเมื่อทุกสายตาจ้องมองไปยังหน้าจอทีวี สองสาวออกอาการตื่นเต้นอย่างเห็นได้ชัด ในขณะที่ไวน์ผู้ซึ่งอุ้มน้องยิ้มหวานอยู่บนตักส่ายหน้าเนือยๆ ทันทีที่ภาพโฆษณาถูกฉาย เสียงกรี๊ดกร๊าดก็ดังขึ้นมาทันที
“ออกแล้วๆ นั่นไงน้องยิ้มหวาน” กล้วยไม้ร้องบอกมือก็สะกิดยู่ยี่ที่ยกมือขึ้นแปะแก้มปากก็พูดไปด้วยดังไม่แพ้กัน
“ว๊าย ดูสิ ลูกใครกันเนี่ย น่ารักน่าชังจริงจริ๊งงง” กะเทยสาวงามร้องออกมาด้วยความปลื้มใจสุดฤทธิ์ สาเหตุที่ทำให้ทั้งสองตื่นเต้นได้ขนาดนี้ก็เป็นเพราะความน่ารักของน้องยิ้มหวานที่ไปถูกใจแพท จนทำให้ได้เป็นนางแบบตัวน้อย ได้ถ่ายโฆษณาให้แก่ผลิตภัณฑ์แป้งเด็กจนออกมาเผยแพร่สู่สายตาทางทีวีแบบนี้ ไวน์มองอาการของสองสาวแล้วก็ได้แต่ส่ายหน้า บ่นพึมพำ
“โฆษณาเค้าออกไปเป็นสิบรอบแล้ว ยังกรี๊ดกันอีก” ใช่แล้ว โฆษณาชิ้นนี้ออกมาได้สักพักแล้วและได้รับเสียงตอบรับที่ดีมากจากผู้ชม ตอนนี้น้องยิ้มหวานเป็นคนดังแล้ว ไปไหนมาในมีแต่คนทัก โดยเฉพาะคนในคอนโดที่ยู่ยี่กับกล้วยไม้อวดด้วยความภาคภูมิใจทุกครั้งที่มีโอกาส ทำให้แม้จะผ่านมานานแค่ไหนก็ทำให้สองสาวอดที่จะกรี๊ดกร๊าดกันทุกครั้งที่เห็นไม่ได้
แม้กล้วยไม้และยู่ยี่จะออกอาการตื่นเต้นออกหน้าออกตา แต่ไวน์กลับกำลังคิดถึงเรื่องอื่นอยู่ ก็เรื่องของคุณแพทคนสวยนั่นอย่างไรเล่า ทั้งๆที่ก่อนหน้านี้ตอนที่ไปทำงานที่ทะเลด้วยกันยังแสดงท่าทีว่ามีใจอยู่เลย แต่เดี๋ยวนี้นอกจากเรื่องงานแล้วแทบจะไม่ยอมมองหน้า แถมบางทีเวลาเผลอยังส่งสายตาอาฆาตมาให้อีกต่างหาก เล่นเอาไวน์เดาอารมณ์ไม่ถูก
โดยไม่รู้ตัวเลยว่าสาเหตุที่ทำให้แพทปั้นปึงใส่นั้นก็เป็นเพราะตั้งแต่งานเลี้ยงเปิดตัวน้ำหอมนั่นแหละ ที่ไวน์ควงสาวน่ารักข้ามหน้าข้ามตาแพทไปอย่างอุกอาจ เป็นการกระทำที่คนสวยรับไม่ได้อย่างรุนแรง แต่จะให้ออกมาโวยวายใส่หน้าจอมเจ้าชู้ถึงความไม่พอใจของตัวเองแพทก็ไม่อยากจะทำให้เสียศักดิ์ศรี
สวยเลือกได้อย่างเธอจึงโยนขวดไวน์ที่แม้จะอุตสาห์ลงทุนหลอกล่อให้ได้มา แต่เมื่อดูแล้วไม่คุ้มราคาลงทุนแบบนี้ สู้โยนทิ้งแล้วหาไวน์ขวดใหม่มาดื่มแทนดีกว่า เพราะอย่างนั้นหญิงสาวจึงปิดประตูหัวใจกระแทกใส่หน้าจอมเจ้าชู้ ให้รู้ไปเลยว่า คนสวยเลือกได้ ไม่รักไม่ง้อค่ะ
ภาพน่ารักๆของน้องยิ้มหวาน เป็นฝีมือการกำกับโฆษณาของไวน์ ทำให้ทุกครั้งที่ได้เห็น กล้วยไม้อดที่จะหันมามองไวน์อย่างชื่นชมไม่ได้ เป็นความละเมียดละไมที่หากว่าไม่ได้สนิทชิดเชื้อ แค่เพียงมองดูจากบุคลิกภายนอกคงจะไม่มีวันได้สัมผัส คนปากร้ายที่ซ่อนความใจดีอ่อนโยนเอาไว้ภายใน
แม้จะกำลังเหม่อลอยคิดถึงเรื่องของแพทแต่ไวน์ก็ยังคงรู้สึกถึงสายตาของใครบางคนที่จ้องมองอยู่ ทันทีที่สองสายตาประสานกันกล้วยไม้ก็รีบเบือนหน้าหนีทันทีพร้อมกับผิวแก้มร้อนผ่าว หญิงสาวหายใจเข้าลึก บอกไม่ถูกว่าหัวใจที่กระตุกวูบวาบอยู่นี้มันเกิดขึ้นเพราะอะไร รู้แต่ว่าทุกครั้งที่ได้ประสานสายตากับไวน์หัวใจของเธอต้องทำงานหนักขึ้นแบบนี้ทุกที ตั้งแต่คืนนั้น ที่คุณครูจอมเจ้าเล่ห์สอนบทเรียนเริ่มต้นให้กับเธอ
ทั้งๆที่เคยคิดว่าผู้หญิงด้วยกันคงจะไม่ทำให้รู้สึกหวันไหว แต่เมื่อถึงเวลานี้เธอได้เรียนรู้แล้ว หากคืนนั้นยู่ยี่ไม่กลับมาขัดจังหวะ เธอคงไม่พ้นได้เรียนจนจบหลักสูตรเสร็จอาจารย์ไวน์ไปแล้วแน่ๆ ยิ่งคิดแก้มนวลก็ยิ่งแดงก่ำขึ้นมา
ไวน์มองใบหูขาวๆที่เปลี่ยนเป็นสีแดงของกล้วยไม้แล้วก็อดหัวเราะออกมาเบาๆไม่ได้ นับวันอาการของยัยพี่เลี้ยงจะยิ่งตลกมากขึ้นทุกวัน พอสบตากันปุ๊บก็หน้าแดงปั๊บ อะไรจะแดงสั่งได้ขนาดนั้น ไม่ต้องบอกก็รู้แล้วว่าเจ้าตัวกำลังคิดอะไรอยู่ ก็คงไม่พ้นเรื่องคืนนั้นนั่นแหละ คนอะไรอ่านง่ายเสียจริง ไวน์ที่อุ้มน้องยิ้มหวานอยู่ยกมือน้อยขึ้นจุ๊บเบาๆ เอ่ยถามออกมาอย่างไม่มีปี่ไม่มีขลุย
“ยัยปอบ นิยายของเธอไปถึงไหนแล้ว” เปิดฉากมาก็เล่นเอาคนโดนถามสะดุ้งเฮือก กล้วยไม้ตอบตะกุกตะกัก
“กะ ก็ดีค่ะ ใกล้จะเขียนจบแล้วล่ะ”
“ว่างๆเอามาให้ฉันอ่านบ้างสิ น่าสนุกแฮะ”
“จะอ่านไปทำไม ไม่ใช่แนวที่พี่ไวน์ชอบหรอก” นักเขียนมือสมัครเล่นปฏิเสธพร้อมกับส่ายหน้าดิก ให้อ่านได้ยังไง เขียนใส่ร้ายชายกลางไปถึงขนาดนั้น ฉลาดเป็นกรดอย่างพี่ไวน์ อ่านแล้วต้องรู้แน่ๆว่าต้นแบบชายกลางนั้นเอามาจากใคร หากแต่ยิ่งได้เห็นท่าทางแบบนั้นของหญิงสาวกลับยิ่งทำให้ไวน์นึกสนุก
“อ้าว ก็เอามาให้อ่านสิ ชอบไม่ชอบเดี๋ยวฉันก็บอกเธอเองแหละ”
“ไม่เอา คราวก่อนพี่ไวน์ก็อ่านไปแล้วนี้ แถมยังมาว่านิยายเค้า”
“อ้าว ก็ตอนนั้นที่เธอเขียน เธอยังไม่ค่อยมีประสบการณ์นี่
” พูดพร้อมกับอมยิ้มตาเป็นประกาย และนั่นก็ทำให้กล้วยไม้หน้าแดงแปร๊ดขึ้นมาอย่างห้ามไม่ได้เมื่อถูกจี้ใจดำ
โอ้ย ไม่ไหวแล้วนะ ถ้าในอกมันยังจะวูบๆทุกครั้งที่ได้คุยกับตาคนเจ้าเล่ห์แบบนี้ สักวันฉันคงจะหัวใจวายตายแน่ๆเลย กล้วยไม้หยิบหมอนใกล้มือปาใส่หน้าไวน์ด้วยความเขินและหมั่นไส้ หากแต่เป้าหมายกลับหลบได้อย่างสบายๆ แถมยังมีหน้ามายักคิ้วน่ารักให้อีก พี่เลี้ยงเด็กมองค้อนให้ควับๆ ก่อนจะหันไปสะกิดยู่ยี่
“พี่ยี่ๆ ลงไปซื้อของมาทำข้าวเย็นกันเถอะ”
“อ๊ะ ดีเหมือนกันนะ วันนี้ฉันอยากกินแกงส้มมะละกอล่ะ” ยู่ยี่หันมาบอกอย่างเห็นด้วย
“กล้วยว่าจะทำปลานึ่งมะนาวด้วย”
“จะทำกินกันแค่สองคนหรือไง” ไวน์ประท้วงอย่างไม่เห็นด้วย ยัยตานีตั้งใจแกล้งกันชัดๆ รู้ก็รู้อยู่ว่าฉันไม่ชอบทานปลานึ่ง กล้วยไม้หันมาเบ้ปากให้ไวน์ ตอบอย่างไม่สนใจ
“ก็ใช่ไง พี่ไวน์วันนี้กินแค่ไข่เจียวก็พอแล้ว ป่ะไปกันเถอะพี่ยี่” พูดแล้วสองสาวก็ตั้งท่าว่าจะพากันออกจากห้อง แต่ก็เป็นยู่ยี่ที่คิดขึ้นมาได้หันมาแบมือกระดิกนิ้วใส่หน้าไวน์จนเพื่อนต้องขมวดคิ้วถาม
“อะไร”
“ตังค์” ตอบสั้นๆแต่ได้ใจความ ไวน์ส่ายหน้าดิก บ่นพึมพำแต่ก็ยังควักกระเป๋าสตางค์ให้
“แบบนี้มันน่าให้ตังค์ใช้มั้ยน่ะ ซื้อปลามาได้แต่ต้องทอดนะ ฉันไม่ชอบกินปลานิ่มๆ”
“ค่า คุณชาย สั่งจริงๆเลย” ยู่ยี่จีบปากจีบคอรับคำ ก่อนจะพากันออกไปจากห้องพร้อมกับกล้วยไม้ ยังไม่ทันก้าวพ้นจากคอนโด ยู่ยี่ก็นึกขึ้นมาได้ ยกมือทาบอกร้องอุทานเสียงดัง
“ว้าย กล้วยฉันลืมโทรศัพท์ไว้บนห้อง”
“ไปแปบเดียว ไม่เป็นไรมั้งคะ”
“ไม่ได้หรอก คนสวยออกห้องไม่ได้พกโทรศัพท์ก็เหมือนกับไม่ได้แต่งหน้าออกบ้านมานั่นแหละ เอ้า ฝากกระเป๋าสตางค์ก่อน เดี๋ยวฉันมานะ แปบเดียว” บอกพร้อมกับยัดกระเป๋าสตางค์ของไวน์ใส่มือกล้วยไม้ แล้วก็วิ่งปรู๊ดกลับเข้าไปทันที
ความที่พี่เลี้ยงสาวยังไม่ทันตั้งตัวกระเป๋าสตางค์สีดำจึงร่วงลงพื้น บัตรต่างๆและเศษเงินในกระเป๋าหล่นกระจายเต็มไปหมด กล้วยไม้รีบก้มลงเก็บ ก่อนที่สายตาจะมาสะดุดอยู่ที่บัตรประชาชนที่มีรูปเจ้าของติดอยู่ กล้วยไม้แยกเขี้ยวใส่ใบหน้าขาวใสที่เก๊กหล่อใส่กล้องนั้นด้วยความหมั่นไส้ แล้วดวงตากลมโตก็หรี่ลงด้วยความประหลาดใจเมื่อมองไล่มาถึงวันเดือนปีเกิด และชื่อเจ้าของบัตร
หญิงสาวกระพริบตาปริบๆพยายามเพ่งมองให้มั่นใจว่าตัวเองไม่ได้ตาฝาดไป เสียงยู่ยี่ร้องเรียกมาแต่ไกลทำให้กล้วยไม้ต้องรีบเก็บบัตรนั้นใส่ที่เดิมของมัน
“มาแล้วๆ เห็นมั้ยห่างมือถือแป๊บเดียวนังซินดี้ก็โทรมาอัพเดทข่าวให้ฟังแล้ว ป่ะรีบไปกันเถอะ ไอ้ไวน์มันบ่นจนฉันรำคาญแล้วเนี่ย” ยู่ยี่จีบปากจีบคอพูดทั้งๆที่ยังหายใจหอบ กล้วยไม้ไม่ตอบว่าอย่างไร ได้แต่พยักหน้าและเดินตามยู่ยี่ไปเงียบๆ ทั้งๆที่หัวใจยังคงเต้นแรงและสับสน แม้ยากที่จะยอมรับ แต่เธอมองไม่ผิดแน่ รูปของคนบนบัตร ชื่อที่ปรากฏบนนั้น และคำนำหน้าชื่อเจ้าของ ไวน์
แต่งงานแล้วอย่างนั้นหรือ
--------- ------------------ ------------------ ------------------ ------------------ ---------
อิอิ เอาตอนใหม่มาเสิร์ฟตามคำเรียกร้อง enjoy คร้าบบบบ ^___^
ความคิดเห็น