ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Love you Baby ! "รักนี้เบบี๋จัดให้!" [ YURI ]

    ลำดับตอนที่ #13 : สายตาสั้น

    • อัปเดตล่าสุด 19 ก.ย. 52


    ในขณะที่ไวน์กำลังเริงร่ากับสาวคนใหม่ ยู่ยี่ก็กำลังมีความสุขพร้อมกับความทุกข์หนักเช่นกัน ช่วงนี้หล่อนไปไหนมาไหนกับแบงค์บ่อยมากขึ้น ท่าทีของชายหนุ่มก็แสดงออกถึงความรู้สึกมากมายอยู่หรอก แต่ก็ยังมีเรื่องที่ยู่ยี่ไม่สบายใจ ก็ความจริงที่ปิดบังเขาอยู่อย่างไรเล่า

    ยิ่งนานวันก็ยิ่งยากที่จะบอกเพราะแววตาของเขาที่มองมานั้นเต็มไปด้วยความซื่อตรงในแบบที่หล่อนไม่เคยพบจากผู้ชายคนไหนมาก่อน  หล่อนไม่อยากเสียเขาไปหากแต่จะให้คบกันแบบปิดบังอย่างนี้สักวันเขาก็ต้องเดินจากไปอยู่ดี ยู่ยี่ตัดสินใจได้ในที่สุด เกิดมาถึงขนาดนี้แล้วหากมัวแต่กลัวก็คงต้องมีชีวิตอยู่อย่างว่างเปล่าต่อไป หล่อนอยากจะอยู่อย่างมีความสุข อยากจะได้พบกับความรักที่แท้จริง ซึ่งสิ่งเหล่านั้นหล่อนรู้ตัวดีว่าจะไม่มีวันเอื้อมถึงหากไม่ยอมไขว่คว้าด้วยตัวเอง

     และเมื่อตัดสินใจได้อย่างนั้นก็ต้องมีการวางแผน จะต้องค่อยๆบอกเขา ต้องใช้สถานที่เงียบๆเป็นส่วนตัว ใช้เวลาคุยกัน แล้วที่นั่นมันจะเป็นที่ไหนดีล่ะเนี่ย

    กะเทยสาวคนสวยระดมความคิดอย่างจริงจัง หากแต่ยิ่งคิดยิ่งตันร่างบางจึงนอนเลื้อยไปเลื้อยมาอยู่บนโซฟาหน้าทีวี จนเพื่อนรักที่เพิ่งจะกลับมาจากทำงานเปิดประตูเข้ามาเจอนั้นแหละ ไวน์ถอดรองเท้าพลางเอียงคอมอง

    “คราวก่อนผีแม่ลูกอ่อน คราวนี้ผีเมียงูเข้าสิงหรือไงนังยี่” คำทักทายแรกทำเอากะเทยสาวสวยไม่เสร็จค้อนประหลับประเหลือก นั่นปะไร ไหนคอนโดนี้เค้ายืนยันหนักหนาว่าห้ามเลี้ยงสัตว์ แล้วยามปล่อยให้เพื่อนฉันพาหมาเข้ามาได้ยังไงล่ะเนี่ย

    “ไวน์ไปรับการรักษาให้หมอผ่าหมาออกจากปากเถอะ กัดเค้าไปทั่วฉันเริ่มไม่ไหวแล้วนะ” ยู่ยี่พูดเซ็งๆ

    “อ๊ะ พูดแค่นี้ทำเป็นจริงจัง เป็นไรมากป่าวเนี่ยเมนส์ไม่มาเหรอ” ถามพลางปล่อยกระเป๋าเอกสารลงบนพื้นพรม ก่อนจะทิ้งตัวนั่งบนโซฟาอีกตัวหนึ่ง หน้าตาที่บ่งบอกถึงความอารมณ์ดีนั้นทำให้คนมองหมั่นไส้

    “ย่ะ ขาดไปแค่ยี่สิบกว่าปีเอง วุ้ยถามอะไรแมวๆ”

    “ขาดไปแค่ยี่สิบกว่าปี เฮ้ย แน่ใจนะว่าไม่ใช่ย่างเข้าวัยทอง”

    “ว๊าย ไอ้ไวน์ พูดมาแต่ละอย่าง ฉันเกลียดแก เชอะ” กะเทยหน้าหวานสะบัดหน้าใส่แรงจนไวน์กลัวแทนว่าหัวจะหลุดเสียก่อน หากแต่ได้ด่าเพื่อนแล้วก็หัวเราะชอบใจ ร่างสูงดีดตัวขึ้นยืนก่อนจะก้าวยาวๆไปยังห้องของกล้วยไม้แปบเดียวก็เดินหน้ามุ่ยออกมา

    “ยัยกล้วยตานีไปไหน”

    “แหม เดี๋ยวนี้มีถามหากันนะยะ ลงไปซื้อของข้างล่าง เดี๋ยวก็มาทำไมคิดถึงเหรอ”

    “นี่หน้าฉันมันดูมืดดูหมองขนาดนั้นเลยเหรอ ยัยปอบพาน้องลงไปข้างล่างอีกแล้วสิ ไม่เข้าใจเลยแค่ลงไปซื้อของแค่นี้ไปคนเดียวไม่ได้เหรอ แดดก็ร้อน”

    “นี่ จะหวงลูกอะไรนักหนา ยังไงเราก็ปกป้องเค้าจากสิ่งสกปรกตลอดเวลาไม่ได้อยู่แล้วนะ”

    “หืม พูดยังกะสปอตโฆษณา แถมยังเป็นจากบริษัทคู่แข่งฉันอีกนะ ฉันไม่ได้หวงเด็กเว้ย เข้าใจอะไรผิดหรือเปล่า ก็แค่คิดว่าถ้าเกิดไปโดนแดดแรงๆแล้วไม่สบายขึ้นมาจะลำบากฉันอีก” ไวน์รีบแก้ตัวให้เพื่อนสาวหัวเราะหึพลางยักไหล่ให้รู้เลยว่าฉันไม่เชื่อ ก่อนที่เสียงก๊อกแก๊กจะดังจากประตูห้องพร้อมกับกล้วยไม้ที่หิ้วของกินเข้ามาในขณะที่มือข้างหนึ่งก็กระเตงน้องยิ้มหวานเอาไว้ด้วย

    “อ้าวพี่ไวน์กลับมาแล้วเหรอ” หญิงสาวถามออกมาทันทีที่เห็นหน้าไวน์

    “กลับมาเป็นชั่วโมงแล้ว พาน้องไปไหนมา” ตอบหน้าตาเฉยแถมยังปั้นน้ำเป็นตัวอีกต่างหาก ให้หญิงสาวมองค้อนอย่างหมั่นไส้

    “อย่าๆ กล้วยลงไปแค่สิบนาที พี่ไวน์จะเอาชั่วโมงมาจากไหน”

    “ไวน์มันรอน้องยิ้มหวานอยู่กลับบ้านมาไม่เจอหน้าลูก ห้านาทียาวนานเหมือนเป็นชั่วโมง ฮิฮิ” ยู่ยี่เสริมให้หัวคิ้วของไวน์กระตุกน้อยๆที่โดนรู้ทัน หมดกันจะแย่งน้องยิ้มหวานมาหอมแก้มให้หายคิดถึงก็ทำไม่ได้แล้วเดี๋ยวเสียฟอร์มเลยจำเป็นต้องรีบเก๊กหน้าเข้ม

    “เปล่าเว้ยไม่ได้รอเลยอย่ามามั่ว ว่าแต่ยัยกล้วยเธอลงไปซื้อของกินมาอีกแล้วเหรอ ขนมในตู้เย็นมันหมดแล้วหรือไง”

    “ลงไปซื้อโยเกิร์ตค่ะ รสมะพร้าวของพี่ยี่ แล้วก็สตรอเบอรี่ของกล้วย”

    “อ้าว แล้วของฉันล่ะ” จอมยียวนถามอย่างรวดเร็ว

    “ไม่ได้ซื้อหรอก กะว่าจะกินให้หมดก่อนพี่ไวน์จะกลับมา อิอิ” กล้วยไม้ตอบหน้าระรื่นพลางหันไปหัวเราะกับยู่ยี่สองคน

    “เฮ้ยอะไรวะ ถ้ามันมีสองกล่องก็เอามาให้ฉัน แล้วเธอก็ลงไปซื้อใหม่มาเลย”

    “แหม ล้อเล่นหรอก ของพี่ไวน์ก็สตรอเบอรี่เหมือนกัน นี่ไง” หญิงสาวเอ่ยอย่างเอาใจก่อนจะยืนถุงโยเกิร์ตให้ดูอดไม่ได้ที่จะหัวเราะออกมา ก็แหมมาดเข้มเป็นคุณชาย ใครจะไปคิดว่าชอบกินโยเกิร์ตสตรอเบอรี่ ไม่ได้เข้ากับหน้าเอาเสียเลย ท่าทางของหญิงสาวแสดงออกอย่างชัดเจนมากกว่ากำลังคิดอะไรทำให้ไวน์รู้ตัวแทบจะทันที ลุกยืนที่เดียวเต็มความสูงก็ข่มหญิงสาวได้หมด ก่อนจะยกมือเคาะหน้าผากคนตัวเล็กกว่าเบาๆอย่างหมั่นไส้

    “พูดมาก เอาโยเกิร์ตไปใส่ตู้เย็นไป” บอกแล้วก็แย่งน้องยิ้มหวานมาอุ้ม กล้วยไม้ทำตามอย่างว่าง่ายแต่ก็ไม่วายบ่นพึมพำกับความขี้เก๊กของไวน์ ร่างสูงทรุดตัวลงนั่งบนโซฟาอีกครั้งหันไปพูดกับยู่ยี่

    “เออยี่ มะรืนมีงานเปิดตัวน้ำหอม แกอยากไปไหม”

    “งานเปิดตัวน้ำหอม ว้ายจริงเหรอ” ทันทีที่ได้ยินคำว่าน้ำหอม ยู่ยี่ก็ตาเป็นประกายทันที

    ไวน์หมายถึงงานเปิดตัวน้ำหอมตัวใหม่ที่จะเปิดตัวในไทยเป็นครั้งแรก และเอเจนซี่ของแพทก็ได้งานนี้มา ถือว่าเป็นงานใหญ่ชิ้นหนึ่งทีเดียว และนั้นก็ทำให้ไวน์ไม่สามารถเลี่ยงที่จะไม่ไปงานนี้ได้ ความจริงแล้วงานประเภทนี้แหละที่ยู่ยี่ชอบนักหนา ได้แต่งตัวสวยๆเดินกรุยกรายในงานเลี้ยงสุดหรู หล่อนเกือบจะตอบรับไปแล้ว แต่ก็คิดได้ขึ้นมาเสียก่อน ว่าเอ นี่อาจจะเรียกว่าเป็นโอกาสดีที่ฟ้าประทานมาให้ก็ได้นะ กะเทยสาววางแผนอย่างรวดเร็วและเริ่มปั้นสีหน้าเหนื่อยอ่อน

    “ช่วงนี้ฉันเบื่อๆยังไงไม่รู้ไวน์ อยากอยู่บ้าน” ไวน์กดหัวคิ้วมองดูเพื่อนสาวอย่างประหลาดใจ

    “เฮ้ย นี่เข้าวัยทองจริงๆแล้วใช่ไหม ถึงไม่สนใจงานแบบนี้ ทุกทีนี่ชักดิ้นชักงอตอนไม่ยอมพาไป”

    “ว้าย ไอ้บ้า ทำไม คนสวยก็ต้องมีวันที่รู้สึกเบื่อๆบ้างสิ”

    “เอ้า เบื่อก็ไปออกงานสิ ได้แต่งตัวสวยๆ เห็นอะไรงามๆจะได้สดชื่น” คำพูดของไวน์มีเหตุผลทีเดียว แต่คนเจ้าแผนการอย่างยู่ยี่ยังไม่ยอมแพ้

    “ไม่รู้สิไวน์ ฉันรู้สึกว่าเรื่องแบบนั้นมันไร้สาระไปแล้ว คนเราพอโตขึ้นก็เริ่มมองหาสิ่งอื่นที่ทำให้จิตใจสงบทำ” นั่นไง ว้าย กะเทยพูดจาดูดีมีชาติตระกูลมากค่ะ อ้างแบบนี้ขึ้นมาทำเอาสาวหล่อถึงกับเหวอเหมือนคนโดนผีหลอกไปเลย ยู่ยี่ฉวยโอกาสที่ไวน์ยังอึ้งอยู่พูดต่อ “ ให้คนอื่นไปแทนได้ไหม”

    “คนอื่น ใครวะ”

    “ก็โน่นไง” พูดพลางบุ้ยใบ้ไปทางกล้วยไม้ที่เดินกลับมาทันได้ยินพอดี “พาไปออกงานบ้างก็ได้นะคนนั้น ฉันเห็นอยู่บ้านทำงานเลี้ยงน้องงกๆ น่าสงสารเหมือนกันนะ” อยู่ๆก็โดนพาดพิง เล่นเอากล้วยไม้หน้าเหวอไปเลยด้วยความงง แต่ยังไม่เท่าไวน์ที่สวนออกก่อน

    “แกจะบ้าหรือเปล่า งานใหญ่ขนาดนี้จะให้ฉันควงยัยกล้วยไปงานงั้นเหรอ”

    “นั่นสิ ทำไมกล้วยต้องไปด้วย กล้วยไม่ชอบออกงานแบบนี้” กล้วยไม้เสริมขึ้นมาและก็เป็นไวน์อีกที่ก็ตอบกลับมาทันควัน

    “กล้าไปก็แปลกแล้ว เค้ามีแต่คนสวยๆไปกันเท่านั้นแหละ”

    “ว้าย พี่ไวน์ว่ากล้วยไม่สวยอีกแล้วนะ พี่ยี่ดูสิ” กล้วยไม้หันไปฟ้องยู่ยี่

    “ไอ้ไวน์แกก็พูดเกินไป น้องมันก็ไม่ได้ขี้ริ้วขี้เหร่ขนาดน้าน” คนโดนฟ้องช่วยแก้ต่างให้แต่ไวน์ยังยืนยันคำเดิม

    “เฮ้ย ยอมรับความจริงเห๊อะ ไม่สวยก็คือไม่สวย” บอกแล้วสองคนก็ทำหน้าฮึ่มๆใส่กันจนยู่ยี่เริ่มระอาขึ้นมาแล้ว แต่งานนี้แผนของหล่อนอาจจะไม่สำเร็จถ้าหากกล้วยไม้ยังอยู่ในบ้าน เพราะอย่างนั้นกะเทยแผนสูงก็เริ่มใช้แผนหลอกล่อที่จุดอ่อน

    “แหม แต่งานแบบนี้ของกินอร่อยๆท่าจะเยอะนะ” แม้จะเป็นแค่คำพูดลอยๆ แต่ก็เล่นเอากล้วยไม้หูผึ่งหันมาถามอย่างรวดเร็ว

    “จริงเหรอคะพี่ยี่”

    “ย่ะ ฉันจะมาโกหกหล่อนทำไม งานหรูๆแบบนี้เค้าสั่งอาหารจากโรงแรมห้าดาวมาเลยนะ คิดดูสิ อาหารเลิศหรูที่เติมได้ไม่หมดสิ้น” กล้วยไม้จินตนาการตามตาลอย ไอ้อยากกินก็อยากอยู่หรอก แต่ว่า….

    “ถ้าไปก็ต้องอยู่กับพี่ไวน์ตลอดงานเลยเหรอคะ” แค่คิดภาพตัวเองโดนโขกสับโดยตาคนเอาแต่ใจอย่างนี้ ถึงได้ไปงานก็คงไม่พ้นสภาพนางซินเป็นแน่ ยู่ยี่ที่อ่านความคิดของกล้วยไม้ออกอย่างทะลุปรุโปร่งว่ายัยสาวจอมเขมือบเริ่มเกิดอาการลังเลแล้วรีบบอก

    “แค่เดินเข้างานด้วยกันไม่ต้องตัวติดกับไวน์ตลอดเวลาก็ได้ เดี๋ยวสักพักไวน์มันก็ได้สาวในงานเองแหละ” นั่นไงล่ะทางออกดีๆทีเตรียมไว้ให้น้องแต่ไวน์ได้ยินเข้าถึงกับเต้นผ่าง

    “อ้าว อียี่ทำไมพูดงี้วะ”

    “หรือว่าไม่จริง”

    “จะจริงไม่จริงก็เรื่องของฉันว้อย”

    “นั่นแหละ เพราะอย่างนั้นฉันจะไปหรือไม่ไปก็ไม่สำคัญอยู่แล้ว ฉันอยากอยู่บ้าน อยากอยู่กับน้องยิ้มหวาน แกก็รู้เวลาของฉันกับลูกเหลืออีกไม่มากแล้ว ถ้าต้องไปออกงานหรูๆ สู้อยู่บ้านเลี้ยงลูกดีกว่า” ยู่ยี่พูดพลางแกล้งตีหน้าเศร้า

    เมื่องัดข้อนี้ขึ้นมาใช้แล้ว แม้แต่ไวน์ก็พูดไม่ออก เพราะหากจะถามว่าใครรักและผูกพันกับน้องยิ้มหวานมากที่สุดก็คงจะไม่พ้นยู่ยี่ แต่ถึงอย่างนั้นก็เถอะจะให้พายัยกล้วยตานีออกงาน มันจะเสียสละเกินไปหน่อยไหม ในเมื่อเพื่อนสาวไม่อยากไปไวน์ก็ไม่บังคับ

    “เออๆๆ อยากอยู่ก็อยู่ไป แต่ฉันบอกไว้เลยนะว่าจะไม่พายัยกล้วยตานีไปด้วยเด็ดขาด งานเปิดตัวน้ำหอมนะเว้ย ไม่ใช่วันปล่อยผี” แต่พูดลิ้นยังไม่ทันเข้าปาก กล้วยไม้ก็ปรี่เข้ามาจับแขนไวน์ดวงตาเป็นประกาย อาหารที่กินได้ไม่อั้นเหรอ สวรรค์ชัดๆ

    “พี่ไวน์ขา พากล้วยไปด้วยสิ”

    “อ้าวเฮ้ย ไหนบอกไม่อยากไปไง”

    “ก็แหม กล้วยก็อยากจะออกไปเปิดหูเปิดตาบ้าง” หญิงสาวบอกอย่างขวยเขิน ไม่ได้หรอกขืนบอกความจริงไปว่าอยากไปกินของอร่อยในงานมีหวังอีตาคนใจร้ายไม่ยอมให้ไปด้วยแน่ ทั้งๆที่พูดอย่างนั้นนั้นแต่ไวน์ก็อ่านท่าทางน้ำลายสอของหญิงสาวออกนี่คงจะคิดไปกินของในงานสินะ ยัยปอบหยิบนี่ฝันไปเถอะ

    “ไม่เอาหรอก ฉันไปคนเดียวดีกว่า” พูดแล้วก็อุ้มน้องยิ้มหวานเดินหนี หากแต่กล้วยไม้ที่รู้ดีอยู่แล้วว่าต้องถูกปฏิเสธรีบทรุดตัวลงกอดขา ปากก็อ้อนวอนไปด้วย

    “นะๆๆ พี่ไวน์ กล้วยอยากกินของหรูๆจากโรงแรมนี่นา” ได้ยินอย่างนั้นไวน์ก็หันมามองตาโตอย่างกล่าวหาที่เดาไม่ผิด

    “นั่นไง ยอมรับแล้วใช่มั้ยว่าจะไปกิน ไม่เอาหรอก พาเธอไปฉันก็ขายหน้าเปล่าๆ”

    “กล้วยสัญญาว่าจะไม่ทำให้พี่ไวน์ขายหน้า จะค่อยๆกิน ตอนห่อกลับบ้านก็จะไม่ให้ใครเห็น”

    “ห๊ะ นี่คิดจะห่อกลับด้วยเหรอยัยปอบ บ้าหรือเปล่า!” สองคนลากกันไปกันมาอย่างนั้นต่างฝ่ายต่างไม่ยอม แต่ยู่ยี่ที่จับตามองอยู่แอบหัวเราะกระหยิ่มในใจอยู่คนเดียว

    ถึงตอนนี้ไวน์จะยังปฏิเสธเสียงแข็ง แต่อีกไม่นานหรอกคนใจอ่อนอย่างไวน์ก็ต้องยอมเหมือนอย่างทุกทีนั่นแหละ คบกันมาตั้งนานทำไมยู่ยี่จะไม่รู้นิสัยปากร้ายใจดีของเพื่อน ทีนี้ก็เหลือเพียงแค่หลอกเหยื่อให้เข้ามาติดกับ หล่อนจะอ้างว่าอยากให้แบงค์วาดรูปให้ แล้วทีนี้ในห้องเงียบๆเป็นการส่วนตัวคงจะมีโอกาสให้หล่อนได้พูดคุยเปิดใจกับเขา วางแผนไว้พร้อมขนาดนี้ แล้วน้องแบงค์จะหนีไปไหนพ้น หึ หึ หึ กะเทยสาวบอกกับตัวเองอย่างมีความหวัง

     

     

     

     

     

     

    ร่างสูงในชุดสูทสีดำที่ตัดเย็บมาอย่างหรูหรายืนมองภาพสะท้อนของตัวเองอยู่หน้ากระจกยาว ไวน์ยกมือขึ้นจัดทรงผม เอียงคอมองซ้ายขวาก่อนจะส่งยิ้มเก๋ให้กับตัวเองด้วยความพอใจ

    “หล่อมาก ช่างดูดี จะหาใครหน้าตาดีอย่างนี้ได้อีกไหมเนี่ย” ไวน์บอกกับคนในกระจกอย่างไม่อายฟ้าอายดินพร้อมกับเก๊กหน้าหล่ออีกครั้ง เป็นความมั่นใจที่คนหน้าตาดีเท่านั้นถึงจะสามารถพูดออกมาได้ คนหน้าตาธรรมดาเข้าขั้นขี้เหร่คงไม่มีวันเข้าใจ

    หากแต่อยู่ๆรอยยิ้มนั้นก็เลือนหายเมื่อคิดขึ้นมาได้ว่าคู่ควงของตัวเองในวันนี้คือใคร ไวน์ได้แต่ก่นด่าตัวเอง ไม่น่าเลยใจอ่อนไม่เข้าเรื่อง แค่โดนผียัยกล้วยตานีเกาะขาไม่ยอมปล่อยอยู่สองชั่วโมงก็ไปหมดแรงจนต้องยอมพาไปงานด้วย ทุกอย่างเป็นเพราะยู่ยี่แท้ๆ ตัวเองจะไม่ไปก็ไม่เห็นต้องยัดเยียดยัยชิวาว่ามาให้ หวังว่าคงไม่ก่อเรื่องอะไรให้อายหรอกนะ

    ไวน์ถอนใจยาว ไร้อารมณ์ออกงานอย่างสิ้นเชิง นี่ถ้าไม่ติดว่างานใหญ่จะเบี้ยวเสียให้เข็ด แต่เมื่อไม่มีทางเลือก ในที่สุดไวน์ก็ลากขาออกจากห้องด้วยความเหนื่อยหน่าย

    ในห้องรับแขกยังคงเงียบกริบไร้วี่แววของกล้วยไม้ ยู่ยี่นั้นเล่นอยู่กับน้องยิ้มหวานในห้องเพื่อให้สาวแว่นได้มีโอกาสแต่งตัว แต่อย่างยัยปอบต่อให้ขนแป้งแต่งหน้ามาทั้งโรงงานก็คงไม่ได้ช่วยให้ดูดีขึ้นมาได้หรอก ขอแค่ไม่แย่ไปกว่าเดิมก็พอแล้ว

    คนในชุดสูทยกนาฬิกาข้อมือขึ้นมอง ก่อนจะทำเสียงจึ๊กจั๊กในลำคอ สวยก็ไม่สวยยังจะแต่งตัวนานอีก คิดได้อย่างนั้นก็เดินตรงไปเคาะประตูห้องของกล้วยไม้ทันที เสียงปังๆหน้าห้องทำให้คนที่กำลังแต่งสวยสะดุ้งสุดตัวเสียงบอกเดี๋ยวๆ ดังจากคนข้างในอย่างรีบเร่งแต่ไวน์ไม่สนใจตะโกนเรียกเสียงดัง

    “จะแต่งอะไรนักหนา ฉันจะไปงานวันนี้นะยัยปอบ” เพียงไม่นานประตูห้องก็ถูกเปิดออกพร้อมกับร่างบางของกล้วยไม้

    ไวน์รู้สึกเหมือนตัวเองมองภาพสโลว์โมชั่น หญิงสาวในชุดราตรีสีโอรสก้าวออกมาจากห้องอย่างเชื่องช้าบนไหล่มีประเป๋าเป้ใบเล็กสีฟ้า ผมหยักโศกของเธอประดับด้วยดอกกุหลาบดอกใหญ่สีเดียวกับชุด ใบหน้าขาวถูกบดบังด้วยแว่นสายตาสีน้ำตาลกรอบสี่เหลี่ยมหนาเตอะที่เปลี่ยนดวงตาให้โตกว่าปกติ

    ภาพตรงหน้าทำให้คนมองถึงกับกลั้นหายใจไปพักหนึ่ง เมื่อเรียกสติตัวเองกลับมาได้แล้วไวน์ก็ยกมือลูบอกเอ่ยออกมาเสียงพร่า

    “นี่ ฉันบอกแล้วไม่ใช่เหรอว่ามันเป็นงานเปิดตัวน้ำหอม ไม่ใช่แฟนซีย้อนยุค” คำพูดของไวน์ทำให้หญิงสาวหน้าตึงขึ้นมาทันที

    “อะไร พูดอย่างนี้หมายความว่าไง นี่กล้วยอุตส่าห์กลับไปยืมชุดสวยของแม่จากที่บ้านเลยนะ”

    “ของแม่ โอ๊ย ฉันจะบ้า นี่นึกว่ายืมยายมาใส่ แฟชั่นยุคไหนเนี่ย ก่อนจะเลือกเคยมองตัวเองในกระจกบ้างไหม” ไวน์บ่นอย่างหงุดหงิด

    “ก็มองแล้วไง สวยดีออกไม่สวยตรงไหน”

    “ก็ไม่สวยทั้งตัวนั่นแหละ แล้วนี่แต่งหน้าแล้วเหรอ ผมเผ้าน่ะหวีบ้างหรือเปล่า”

    “ทำไมต้องแต่งหน้า คนมันสวยแบบธรรมชาติ”

    “อืม ชาติก่อนทำเวรทำกรรมอะไรเอาไว้ ธรรมชาติถึงได้ลงโทษขนาดนี้ แล้วกระเป๋าเป้น่ะจะเอาไปทำไมนี่อย่าบอกนะว่า

    “อะ อะไร” กล้วยไม้พูดตะกุกตะกัก พยายามซ่อนกระเป๋าเป้ใบเก่าให้พ้นสายตาแต่ก็ไม่พ้นช่วงแขนยาวๆของไวน์ไปได้ สองคนยื้อแย่งกันอยู่พักหนึ่งก่อนที่คนสูงกว่าจะเป็นฝ่ายชนะได้กระเป๋ามาอยู่ในมือ และเมื่อเปิดออกมาก็พบว่าข้างในเต็มไปด้วยถุงพลาสติก แถมยังมีหลายขนาดเสียด้วย ไวน์หันมามองกล้วยไม้เอ่ยเสียงเหี้ยม

    “นี่คิดจะแอบเอาอาหารกลับมากินที่บ้านจริงๆเหรอเนี่ย!

    “แหะๆ ก็แหม ของกินเยอะแยะ ถ้ากินไม่หมดก็น่าเสียดายนะ” กล้วยไม้บอกเขินๆแต่ไวน์ไม่ตลกด้วย

    “ในหัวเธอมันมีแต่กระเพาะอาหารหรือไงถึงคิดได้แต่เรื่องกินแบบนี้ โอ้ย ฉันจะบ้า” ท่าทางของไวน์เหมือนจะบ้าได้ตามที่พูดจริงๆ เล่นเอาคนมองอยู่จิตตกแทน

    “ง่า พี่ไวน์ใจเย็นค่ะ”

    “ไม่เย็นแล้ว มานี่เลยเธอน่ะมานี่” ตะคอกใส่พลางลากแขนสาวสวยไม่เสร็จอย่างกล้วยไม้ให้เดินตามกันมา

    “อะไรอ่ะพี่ไวน์จะลากกล้วยไปไหน”

    แล้วคำถามก็ได้คำตอบเมื่อไวน์มาหยุดในห้องครัวบนโต๊ะใหญ่มีอาหารที่กล้วยไม้ทำเอาไว้ให้ยู่ยี่ ไวน์หยิบไก่ทอดชิ้นใหญ่ขึ้นมาและไม่พูดพร่ำทำเพลง ยัดมันใส่ปากกล้วยไม้ทันที เล่นเอาหญิงสาวร้องเสียงอู้อี้ ทั้งๆที่อยากจะคายออก แต่กล้วยไม้เป็นคนเห็นคุณค่าของอาหารทำให้ไม่ว่าจะจับอะไรยัดใส่ปากเธอก็เคี้ยวกลืนๆแทบจะไม่ได้หยุดพักหายใจ และเมื่อกลั้นใจกลืนไก่ชิ้นสุดท้ายลงคอได้ หญิงสาวก็ผลักไวน์เต็มแรง

    “พี่ไวน์ทำอะไรเนี่ย คนเค้าจะเก็บท้องไปกินของในงาน” กล้วยไม้ต่อว่าไวน์อย่างกล่าวหา แต่ไวน์ไม่สนใจ

    “งานหรูๆเค้าไม่ได้เตรียมอาหารให้กินจนอิ่มหรอกบ้าหรือเปล่า กินจากบ้านไปให้อิ่มเลย เดี๋ยวจะไปทำฉันเสียหน้าอีก”

    “ไม่เอาอ่ะ กล้วยจะไปกินในงาน”

    “ไม่ต้อง บอกให้กินที่นี่ จะกินหรือไม่กิน”

    “ไม่กิน!

    “ต้องกิน!

    “ไม่กิ๊นนนนนนนน!!!” กล้วยไม้เถียงอย่างไม่ยอมแพ้ สองคนจ้องหน้ากันเหมือนกับจะเกิดกระแสไฟผ่านนัยน์ตา ก่อนที่ไวน์จะคำรามออกมา

    “ไม่กินใช่ไหม ได้!” ไวน์จ้องหน้ากล้วยไม้ด้วยดวงตาที่วาวโรจน์ มือก็ถอดเสื้อสูทของตัวเองออก ทั้งปลดกระดุมแขนเสื้อ ทั้งถอดเนคไท้ กล้วยไม้เบิกตามองอย่างหวาดสยิว(?) ร้องบอกตัวเองในใจ

    ไม่นะ อย่าปล้ำฉัน ม่ายย แต่เปล่าหรอก ไวน์ไม่ได้คิดจะปล้ำกล้วยไม้ ไม่เคยมีในสมองเลยสักนิด ร่างสูงก้าวอาดๆเข้าไปหาพร้อมกับถลกแขนเสื้อขึ้น แล้วยกมือขึ้นบีบแก้มกล้วยไม้ให้อ้าปากพร้อมกับเอาไก่บนจานยัดใส่ๆ ทั้งๆที่กล้วยไม้ตั้งใจแล้วว่าจะไม่กินเด็ดขาดแต่ด้วยเป็นคนที่รู้คุณค่าของอาหารแม้จะพยายามดิ้นรนช่วยตัวเองให้รอดพ้นจากคนใจร้ายแต่ก็อดกลืนไก่ลงคอไม่ได้ตามสัญชาติญาณ หลังจากต่อสู้กันจนไก่หมดไปสองชิ้นกล้วยไม้จึงได้อิสระคืนมา หญิงสาวกลืนคำสุดท้ายลงคอโวยวายเสียงดังทั้งๆที่ยังหายใจหอบ

    “ไอ้พี่ไวน์บ้า ทำอะไรน่ะ ดูสิเผลอกินเข้าไปอีกแล้วเนี่ย” หลังการปลุกปล้ำให้อาหาร ในที่สุดกล้วยไม้ก็ยิ่งกลายเป็นยัยเพิ้งยิ่งกว่าเก่าผมที่รวบไว้กระเซิงแถมเศษอาหารก็ยังเปรอะเลอะเต็มตัวไปหมด แต่ไวน์ไม่สนใจหรอก อย่างยัยกล้วยตานีถึงจะแต่งตัวสะอาดแค่ไหนก็ไม่ได้ต่างกันอยู่แล้ว อย่างน้อยไม่ให้ไปก่อเรื่องทำตัวน่าอายในงานก็ยังดี

    “ก็ดีแล้วนี่ยัยบ้า กินเข้าไปเยอะๆเลยนะ ถ้าไปทำมูมมามในงานฉันเอาเธอตายแน่”

    เสียงโวยวายลั่นบ้านของทั้งสองทำให้ยู่ยี่ที่เพิ่งจะอาบน้ำให้น้องยิ้มหวานเสร็จต้องเดินออกมาถามด้วยความรำคาญ หากแต่สภาพของกล้วยไม้ก็ทำให้กะเทยคนสวยถึงกับยกมือทาบอก

    “ว้าย อกอียี่จะแหก ชุดหล่อนนี่ไปขุดมาจากหลุมไหนเนี่ยยัยกล้วย แล้วทำไมสภาพหล่อนเป็นอย่างนี้”

    “ก็พี่ไวน์อ่ะพี่ยี่ บังคับให้กล้วยกินอยู่ได้ กล้วยบอกว่าจะไปกินที่งานก็ไม่ยอม” กล้วยไม้ฟ้องทันทีให้ไวน์ทำเสียงในลำคออย่างหงุดหงิด

    “ขืนปล่อยให้ยัยนี่ไปทำปอบลงในงานแล้วฉันจะเอาหน้าไปไว้ที่ไหน” เมื่อโดนว่ากล้วยไม้ก็ตั้งท่าจะเถียง ทำให้ยู่ยี่ต้องรีบสงบศึก

    “ก็แล้วไปทำน้องมันอย่างนั้น แล้วมันจะได้ไปงานไหม เละตั้งแต่ยังไม่ได้ออกห้องแล้ว ไปยัยกล้วยไปอาบน้ำใหม่เลย ว๊ายยย ฉันจะบ้าตายอยู่แล้วกับพวกแกเนี่ย!” พูดแล้วก็ยกมือขึ้นปาดเหงื่อ ให้ตายเถอะแล้วอย่างนี้แผนฉันจะไปรอดไหมนี่ ยู่ยี่มองตามกล้วยไม้ที่เดินกระฟัดกระเฟียดกลับเข้าห้องไปอาบน้ำก่อนจะรู้สึกถึงความเงียบที่เกิดภายในห้อง ร่างบางสะดุ้งโหยงเมื่อรู้สึกถึงสายตาจับผิดของเพื่อน

    “แล้วนี่ไหนบอกจะอยู่บ้าน แต่งหน้าทำไมเนี่ย” อยู่ๆก็โดนถามทำเอายู่ยี่สะดุ้งเฮือกเหมือนกะเทยสันหลังหวะ รีบบอกเสียงละล่ำละลัก

    “เปล่าจะบ้าเหรอ คนสวยไม่แต่งหน้าก็สวยย่ะ สวยตามธรรมชาติ”

    “แหวะ กูจะอ้วก รีบๆไปจัดการยัยกล้วยตานีเลย ถ้าอีกสิบนาทีไม่ออกมาฉันจะไปละนะ”

    “ว้ายไอ้บ้า สิบนาทีจะไปพอทำอะไร หรือจะให้กระเตงกันไปทั้งสภาพแบบนี้ล่ะ ฉันล่ะเบื่อพวกแกจริงจริ๊งง ไม่รู้จะทะเลาะอะไรกันนักหนา” ยู่ยี่บ่นพึมพำก่อนจะเดินตามกล้วยไม้ไป ไวน์มองตามอย่างหงุดหงิดก้มลงมองเสื้อเชิร์ตที่เปื้อนของตัวเองแล้วก็ถอนใจในที่สุดก็ต้องเดินกลับไปเปลี่ยนด้วยอีกคนหนึ่ง เพราะยัยกล้วยปอบแท้ๆเลยเชียว

    หลังจากอาบน้ำเสร็จกล้วยไม้ก็เดินบ่นกระปอดกระแปดออกมาจากห้องน้ำในสภาพที่มีเพียงผ้าขนหนูพันตัว มือบางขยี้ผ้าเช็ดผมที่เปียกชื้นของตัวเองด้วยความหงุดหงิด เพราะรบรากับไวน์เรื่องไก่ทอด ทำให้หญิงสาวต้องสระผมใหม่อีกครั้ง 

    “พี่ไวน์อ่ะ ใจร้าย นิสัยเสีย บ้าอำนาจ คนอะไรเอาแต่ใจเป็นบ้าเลย”

    “เออ มันก็เป็นของมันอย่างนี้แหละ ว่าแต่หล่อนน่ะอาบน้ำเสร็จแล้วก็รีบๆมานี่ไปห้องฉันเดี๋ยวนี้เลย” พูดพร้อมกับลากแขนกล้วยไม้เข้าห้องตัวเอง หญิงสาวเดินตามงงๆ

    “ทำไมคะพี่ยี่”

    “ขืนปล่อยให้หล่อนแต่งตัวเองอีกฉันได้เห็นหล่อนวางมวยกับไอ้ไวน์อีกแน่ มาฉันจะแต่งหน้าแต่งตัวให้ แล้วก็นี่ชุดเธอ” พี่เลี้ยงเด็กเบิกตามองดูชุดเดรสสีหวานที่ยู่ยี่ยื่นให้ ร้องออกมาด้วยความหวั่นใจ

    “โห สีสดมากจะให้กล้วยใส่นี่จริงเหรอ”

    “เอ้า ใส่สิยะหล่อนน่ะขาวอยู่แล้วกลัวอะไร”

    “แต่ว่ามันโป๊ไปหน่อยมั้ย กล้วยไม่เคยใส่ชุดแบบนี้เลย”

    “ไม่เคยก็เคยซะ หล่อนเองก็ไม่ใช่ผู้หญิงขี้ริ้วขี้เหร่ แค่ไม่รู้จักดูแลตัวเอง คอยดูเถอะ คืนนี้ถ้าหล่อนไม่ได้เกิดฉันให้กล่อนกลับมาเหยียบหน้ากะเทยได้เลย” ยู่ยี่ยืดอกประกาศอย่างเชื่อมั่น และนั่นทำให้กล้วยไม้มองดูคนพูดอย่างมีความหวัง

    “โห อย่างนี้หมายความว่ากล้วยเองก็เป็นคนสวยคนหนึ่งเหมือนกันใช่ไหมคะ เหมือนกับนางเอกในละครมั้ย แบบว่าลูกเป็นขี้เหร่กลายร่างเป็นนางหงส์”

    “เปล่า ฉันหมายถึงว่า ระดับฉันน่ะ ต่อให้เป็นกะเทยควายมายังไงฉันก็แต่งให้สวยได้ นับประสาอะไรกับชะนีอย่างหล่อน”

    “แป่วซะงั้นอ่ะ” หมดกัน กำลังใจที่กำลังจะมาของกล้วยไม้ แล้วยู่ยี่ก็ไม่เปิดโอกาสให้หญิงสาวได้ต่อปากต่อคำอีก เริ่มกระบวนการแปลงโฉมสาวเซอร์ทันที แต่กว่าผู้หญิงจะสวยได้นั้นมันไม่ใช่เรื่องง่าย ต้องใช้เทคนิคและการทุ่มเท ดังนั้นแม้เวลาจะผ่านไปเกือบชั่วโมงแล้วสองสาวก็ยังจัดการกันไม่เสร็จ ทำให้ไวน์ที่แต่งตัวง่ายกว่าเคาะประตูห้องปังๆอย่างหงุดหงิด

    “วันนี้จะได้ไปไหม ใช้แป้งหมดโรงงานละมั้งเนี่ย”

    “เดี๋ยวสิยะไอ้ไวน์ใจเย็นๆได้ม๊ายยย” ยู่ยี่ตะโกนออกมาจากห้อง

    “ไม่ยงไม่เย็นมันแล้วว้อย นี่เลยเวลางานเค้ามาเป็นชั่วโมงแล้วช้ากว่านี้อีกสิบนาทีไม่เหลือของกินแน่” พอจบประโยคก็เกิดเสียงตึงตังในห้องเมื่อกล้วยไม้เกิดอาการกลัวอดขึ้นมาทันควัน ร้อนถึงยู่ยี่ที่พยายามแต่งสวยให้เจ้าหล่อน ไวน์ก็ยังคงทุบประตูปังๆ เป็นจังหวะเดียวกันกับที่มันถูกเปิดออกพอดี ร่างของหญิงสาวในชุดราตรีสีฟ้าสดถลาเข้าสู่อ้อมกอดของร่างสูงที่ยืนจังก้าอยู่หน้าห้องเข้าอย่างจังจนเกือบจะล้มไปด้วยกัน ไวน์ดันร่างบางออกอย่างหัวเสีย

    “ไหนบอกจะไม่ไปแต่งตัวทำไมนังยี่” หากแต่คำพูดถัดมาก็ต้องถูกกลืนหายเมื่อได้เห็นใบหน้าหวานนั้นอย่างชัดเจน ชุดอาจจะเป็นของยู่ยี่ แต่หญิงสาวแสนสวยตรงหน้านั้นไม่ใช่เพื่อนรักแน่ ปาฏิหาริย์เกิดขึ้นแล้วด้วยฝีมือของกะเทยมืออาชีพ เมื่อเส้นผมที่เคยไม่เป็นทรงถูกมวยขึ้นเผยวงหน้าขาวใสให้โดดเด่น ซึ่งตอนนี้ไวน์เข้าใจแล้วว่าเหตุใดก่อนหน้าจึงไม่เคยสังเกตเห็นความน่ารักของคนตรงหน้า ก็ดวงตาคู่หวานถูกซ่อนไว้อย่างมิดชิดในแว่นสายตาหนาเตอะที่ขยายดวงตาให้โตเกินขนาดซึ่งเจ้าตัวใส่อยู่เป็นประจำนั้นอย่างไรเล่า ดวงตากลมโตที่ประดับด้วยขนตาหนางอนถูกช้อนขึ้นมองคนสูงกว่าพร้อมกับน้ำเสียงประหม่าที่ถูกเปล่งออกมาจากริมฝีปากอิ่มสีหวาน

    “พี่ไวน์เหรอ ขอโทษพอดีกล้วยมองไม่เห็น ไม่ได้ใส่แว่นน่ะ” เกิดความเงียบขึ้นมาชั่วครู่ เมื่อคนที่ยืนขวางประตูอยู่ไม่เอ่ยว่าอย่างไรนอกจากยืนมองหญิงสาวในอ้อมกอดนิ่ง

    “เอ่อแล้วทำไมไม่ใส่” ไวน์ถามเสียงเรียบออกมาในที่สุด แม้จะสามารถซ่อนความประหลาดใจเอาไว้ได้มิดชิดจนกล้วยไม้ไม่อาจมองออก แต่ก็ไม่สามารถซ่อนมันจากเพื่อนรักอย่างยู่ยี่ได้ กะเทยสาวกอดอกหัวเราะคิกด้วยความภูมิใจที่สามารถแปลงโฉมสาวเฉิ่มให้กลายเป็นสาวน้อยน่ารักได้ขนาดนี้

    “ก็พี่ยี่แหละไม่ยอมให้ใส่” กล้วยไม้บอกพร้อมกับยกมือขึ้นดึงเกาะอกที่ตัวเองสวมอยู่อย่างขัดเขินด้วยไม่เคยชิน นัยน์ตาคมของไวน์สำรวจหญิงสาวตรงหน้าอย่างรวดเร็ว ด้วยความที่สูงกว่าเมื่อหญิงสาวก้มหน้าลงจึงสามารถมองเห็นผมหยักโศกยาวสลวยที่ถูกมวยขึ้นให้ผิวแก้มและต้นคอกระจ่างใสน่ามอง ชุดราตรีสายเดี่ยวเผยช่วงไหล่ขาวนวล ตั้งแต่ช่วงอกเป็นอกผ้าไหมสีฟ้าอ่อนเน้นรูปร่างให้ดูอ้อนแอ้น ชายประโปรงจับขดเป็นดอกไม้ที่ชายบอลลูน แต่งจีบด้วยผ้าไหมสีเดียวกันทั้งตัว รสนิยมดีสมกับเป็นชุดที่ยู่ยี่เลือกให้ เปลี่ยนหญิงสาวธรรมดาให้น่ารักขึ้นทันตา เดรสแบบนี้ ซิบคงอยู่ข้างหลังสินะ……

    ไวน์ใช้เวลากับความคิดเหล่านี้เพียงห้าวินาทีเท่านั้น เมื่อได้ยินเสียงเพื่อนสาว นัยน์ตาคมก็หันไปมองด้วยสีหน้าเรียบเฉยดังเดิม

    “แหงแหละย่ะ ฉันจะยอมปล่อยผลงานบกพร่องให้เดินไปเดินมาได้ยังไง”

    “แต่ไม่ใส่แล้วจะเห็นอะไรล่ะคะพี่ยี่” กล้วยไม้ประท้วง

    “อ๊าย ฉันอุตส่าห์แต่งหน้าแต่งตัวหล่อนเสียสวย จะมายอมให้มีรอยด่างพร้อยเพราะอีแว่นหนาเตอะนั้นได้ไงยะ ไม่รู้แหละ ถ้าจะใส่แว่นก็ไม่ต้องไปไหนกันแล้ว เลือกเอาว่าไง” ยู่ยี่ยื่นคำขาดทำให้กล้วยไม้ไม่รู้จะเถียงยังไงได้แต่หน้าจ๋อย

    “จะเถียงกันอีกนานมั้ยเนี่ย ฉันไม่รอแล้วนะ” ไวน์เอ่ยเบาๆ บอกพร้อมกับทำท่าจะเดินออกจากห้องทิ้งให้ กล้วยไม้ยืนละล้าละลังอยู่ชั่วครู่ แต่เมื่อความห่วงกินมีมากกว่า หญิงสาวจึงรีบวิ่งตามร่างสูงไปอย่างยอมจำนน หากแต่เมื่อไร้แว่นสายตากล้วยไม้ก็เหมือนเกย์หนุ่มที่ไร้เกย์ด้า เดินยังทันถึงไหนก็ชนกับโต๊ะเข้าอย่างจัง แรงเสียจนหญิงสาวมั่นใจว่าหน้าแข้งคงได้เขียวกันบ้างแล้วหากแต่นั่นก็ทำให้คนที่เดินดุ่มๆอยู่ชะงัก

    “ไอ้ไวน์ ช่วยน้องหน่อยสิแก จะได้ไปกันเสียที” ยู่ยี่แหววใส่เพื่อนที่ทำเพียงหันมายืนมองหน้าตาเฉยเท่านั้น ไวน์ถอนใจก่อนจะเดินเข้าไปจับมือกล้วยไม้

    “ถ้าไปถึงแล้วไม่มีอะไรกิน ฉันจะหัวเราะให้” บ่นพึมพำให้ได้ยินกันแค่สองคน กล้วยไม้ทุบไหล่คนใจร้ายบอกงอนๆ

    “ถ้าเป็นอย่างนั้นก็เพราะพี่ไวน์นั่นแหละ ฮึ!

    ในที่สุด หลังจากวุ่นวายกันนาน ยู่ยี่ก็ได้มองตามคนในชุดออกงานทั้งสองที่จับมือเดินไปด้วยกันอย่างโล่งอก ในที่สุดก้างขวางคอก็ไปกันได้เสียที โอ้ยนึกว่าจะเสียแผนซะแล้ว ทีนี้ก็เหลือแต่พาน้องยิ้มหวานเข้านอน แล้วแต่งตัวสวยๆรอน้องแบงค์ที่กำลังจะมา กะเทยสาวหัวเราะหึหึ ตาเป็นประกาย ในห้องที่เหลือแค่เด็กน้อยไม่รู้เรื่องรู้ราวกับหนุ่มสาววัยกลัดมัน คืนนี้ฉันจะเปลี่ยนห้องให้กลายเป็นสวรรค์เบี่ยง โฮ๊ะๆๆๆๆ คิดได้อย่างนั้นหล่อนก็ปิดปากหัวเราะสะใจ

     

    แม้จะออกจากห้องมาแล้วแต่ทั้งไวน์และกล้วยไม้ก็ยังคงเถียงกันไม่หยุดหย่อนในขณะที่ยืนรอลิฟท์อยู่ด้วยกัน

    “เธอนี่ เมื่อไหร่จะหายเฉิ่มเสียที”

    “ก็เพราะใครล่ะ ถ้าพี่ไวน์ไม่แกล้งกล้วย ป่านนี้คงไปถึงงานแล้ว คอยดูนะถ้าไปถึงแล้วไม่มีของกินเหลือกล้วยจะไม่คุยกับพี่อีกเลย” หญิงสาวว่างอนๆ จนคนฟังอดหัวเราะไม่ได้

    “สภาพอย่างนี้ไปถึงแล้วจะมีปัญญาไปหาของกินเหรอ มองอะไรเห็นบ้างเนี่ยเรา”

    “ก็ ประมาณนี้” พูดแล้วยกมือขึ้นมามอง มือขาวห่างจากใบหน้าเจ้าของแค่ไม่เกินหนึ่งฟุต เป็นระยะที่เรียกว่าใกล้มากจนคนมองตามขมวดคิ้วด้วยความประหลาดใจ ก่อนจะชี้ให้หญิงสาวหันไปมองดูตัวเลขหน้าลิฟท์

    “แล้วแบบนี้เห็นไหม ตัวเลขเนี่ย” กล้วยไม้หยีตามองก่อนบอก

    “เห็นลางๆอ่ะ อ่านไม่ออกหรอก”

    “โห สั้นขนาดนี้ อีกนิดเดียวเรียกว่าตาบอดแล้วนะ ฮ่าๆ” แม้จะเป็นเพียงคำพูดหยอกล้อ แต่ดันไปจี้จุดอ่อนสาวแว่นเข้าอย่างจัง จนกล้วยไม้เกิดอารมณ์จี๊ดขึ้นมา หญิงสาวคว้าใบหน้าคนสูงกว่าหมับยื่นหน้าเข้าไปประชิดเพื่อจะได้มองเห็นหน้ากันชัดๆ

    “พี่ไวน์คะ ถ้าไม่จำเป็นพี่ก็ไม่ต้องพูดอะไรก็ได้นะคะ หน้าตาพี่เวลาเงียบๆน่ะดูดี แต่เวลาอ้าปากทีนี่อยากเอามีดแทงให้ลองหายใจทางชายโครงดู” ทั้งๆที่เป็นคำขู่แต่ไม่ได้ทำให้คนโดนรู้สึกกลัวขึ้นมาได้เลย นัยน์ตาคมประสานสายตากับหญิงสาวด้วยสีหน้าเรียบเฉย เกิดความเงียบขึ้นมาชั่วครู่และเมื่อคนสูงกว่าก้มหน้าลงอีกเพียงนิดเดียว หน้าผากกลมมนของกล้วยไม้ก็ถูกโขก เสียงดัง ป๊อก! ด้วยศีรษะของไวน์

    “พี่ไวน์ทำอะไรน่ะ” หญิงสาวโวยพร้อมกับยกมือขึ้นลูบหน้าผากตัวเองป้อยๆ ความจริงมันก็ไม่ได้เจ็บอะไรมากมายหรอกนะ เพียงแต่ตกใจที่อยู่ๆก็โดนแบบนี้ ไวน์ยักไหล่ก่อนจะเงยหน้าขึ้นมองประตูลิฟท์ที่กำลังเปิดออก

    “สั่งสอนคนปากดี วันหลังจะได้ไม่ทำอะไรแบบนี้อีก”

    “ทำอะไร”

    “ไม่ต้องพูดมาก ลิฟท์มาแล้ว” พูดแล้วก็ดึงมือหญิงสาวให้ก้าวเข้าไปด้วยกัน

    กล้วยไม้ได้แต่ยืนงงด้วยความไม่เข้าใจ ในขณะที่คนตัวสูงกว่าเอาแต่ยืนกอดอกนิ่งไม่พูดไม่จา หญิงสาวเหลือบตามองดูคนที่ยืนข้างๆแม้จะยังมองเห็นเป็นภาพเบลอๆแต่ใบหน้าขาวใสริมฝีปากแดงสดนั้นก็ยังคงชัดเจนในความรู้สึก ทำให้คนมองอดสงสัยไม่ได้ว่าถ้าหากยืนใกล้กันขนาดนี้แล้วเธอยังเห็นหน้าอีกฝ่ายไม่ชัด แล้วตอนที่เห็นนัยน์ตาคมนั้นชัดแจ๋วแล้วมันจะใกล้กันมากแค่ไหนกันหนอ ก็จำได้ว่าหลังจากนั้นแค่ไวน์ก้มหน้าลงมาอีกนิดเดียวหน้าผากก็ชนกันแล้วนี่นา

    พลันใบหน้าหวานก็แดงซ่านขึ้นมาทันที นึกดีใจที่ตัวเองเป็นคนความรู้สึกช้า ถ้าหากไปคิดได้ตั้งแต่ตอนแรกแล้วหน้าก็แดงเป็นลูกตำลึงขึ้นมาแบบนี้ ตาคนเอาแต่ใจจะต้องรู้แน่เลยว่าเธอเขินมากแค่ไหน หญิงสาวยกมือขึ้นพัดใบหน้าร้อนๆของตัวเอง อยู่ๆก็รู้สึกถึงบรรยากาศเก้อเขินแปลกๆที่เกิดขึ้นมา หรือว่านั้นจะเป็นการเตือน ว่าอย่าได้ประมาทมากนักสาวน้อย ถ้าหากไม่อยากกลายเป็นลูกแกะที่เดินหลงเข้าปากหมาป่าด้วยตัวเอง

    เพียงแค่คิดก็ทำให้หญิงสาวรู้สึกหวั่นไหววาบหวิวขึ้นมาตามประสาสาวโสดที่ไม่เคยมีแฟน ถ้าหากว่านักอ่านในบอร์ดของเธอที่เคยพร่ำเพ้อว่าอยากเจอกับคุณชายกลางตัวเป็นๆ รู้เรื่องวันนี้เข้ารับรองต้องอิจฉาเธอเป็นแน่ อาชายกลาง ทำไมไม่เป็นชายใหญ่หนอ ถ้าหากว่าหน้าตาดีหล่อเลิศมาดแมนอบอุ่นอ่อนโยน ป่านนี้คงได้หัวใจของสาวน้อยอย่างเธอไปครอบครองเสียตั้งนานแล้วล่ะ

     

     

     

     

     

     

    - - - - -- - - - -- - - - -- - - - -- - - - -- - - - -- - - - -- - - - -- - - - -- - - - -- - - - -- - - - -- - - - -- - - - -- - - - -

     

    เอาตอนใหม่มาฝากตามสัญญาค่ะ รีบมาแล้วก็รีบไป งานกองท่วมหัวเลย T^T คิดถึงทุกคนนะคะ

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×