คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #10 : ออกลาย
สายลมพัดพาเอากลิ่นหอมของทะเลเข้ามาให้รู้สึก ไวน์หายใจเข้าลึกก่อนอย่างพอใจ นัยน์ตาคมจ้องมองไปยังหน้าจอคอมพิวเตอร์โน้ตบุ๊คของตัวเองที่ขณะนี่กำลังแสดงภาพของเด็กน้อยในชุดสีชมพูนอนเล่นกับกระพรวนหลากสีอยู่บนพื้นที่นอนสีขาวสะอาด
“วันนี้ไม่มีปัญหาอะไรใช่มั้ย” ไวน์ถามออกมาผ่านไมโครโฟนตัวจิ๋วที่ติดอยู่บนหูฟังซึ่งตัวเองสวมอยู่ ได้ยินเสียงกล้วยไม้ตอบกลับมา
“ก็ปกติดีค่ะ ตอนบ่ายๆ พี่ยี่ทำก๊อกน้ำพัง แต่ก็ออกไปซื้อมาซ่อมแล้ว” กล้วยไม้รายงานผ่านโปรแกรมแชทที่สามารถสนทนาแบบวีดีโอ เห็นได้ทั้งภาพและเสียงในเวลาเดียวกัน ที่ต้องคุยกันแบบนี้ก็เพราะว่าไวน์ติดงานถ่ายโฆษณาที่ต้องยกกองมาถ่ายกันที่ทะเล
หลังจากกรำงานหนักกันมาทั้งวันจนมืดค่ำ การถ่ายทำก็สำเร็จเรียบร้อย เหล่าทีมงานจึงพากันไปดื่มฉลองตามประสาในขณะที่ไวน์เลือกที่จะมานั่งพักผ่อนเพียงลำพัง บังกะโลริมชายหาดที่สร้างเป็นบ้านชั้นเดียวหลังเล็ก มีระเบียงหน้าห้องยื่นออกมา และนี่ก็เป็นที่ๆ ไวน์เลือกที่จะผ่อนคลายอิริยาบถหลังจากเหนื่อยจากการทำงานมาทั้งวัน
กล้องทางด้านของกล้วยไม้นั้นจับภาพไปยังน้องยิ้มหวานที่นอนเล่นคนเดียวอยู่ ในขณะที่กล้องฝั่งของไวน์นั้นติดมากับคอมพิวเตอร์โน้ตบุ๊ค จึงสามารถมองเห็นใบหน้าของคนที่นั่งอยู่ได้อย่างชัดเจน กล้วยไม้ใช้โอกาสนี้สำรวจท่าทางและอาการของคนที่นั่งมองเด็กน้อยยิ้มๆ แบบนี้ได้โดยไม่ต้องกลัวว่าอีกฝ่ายจะรู้ตัว
อดไม่ได้ที่จะคิดว่าเวลาที่ไวน์ไม่ได้ปากหมา ทำหน้าใสใจดีกับเด็กแบบนี้ก็ดูน่ารักดีเหมือนกันนะ มิน่าสาวๆ ถึงเรียงหน้ากันเข้ามาหาเยอะแยะทั้งๆ ที่รู้ดีว่าออกจะเสี่ยงกับการโดนฟันแล้วทิ้งก็เถอะ
“ที่นั่นเป็นยังไงบ้างคะ กล้วยได้ยินเสียงคลื่นด้วย” หญิงสาวถามออกมา
“ได้ยินด้วยเหรอ หูดีจังเลยนะเจ้าชิวาว่า” ไวน์บอกพร้อมกับหัวเราะน้อยๆ ให้คนฟังทำปากยื่น นั่นปะไรพึ่งจะนึกชมอยู่ในใจอยู่แหม่บๆ ปากเสียอีกแล้ว แต่หญิงสาวก็อดยิ้มออกมาไม่ได้ ปกติเวลาโดนอีกฝ่ายหลอกด่าไม่ค่อยได้มีโอกาสมองหน้า พึ่งจะรู้ว่าเวลาไวน์พูดไปหัวเราะไปแบบนี้จริงๆ แล้วก็ไม่ได้น่าโมโหเท่าไหร่ ออกจะดูขี้เล่นเสียด้วยซ้ำ
“แล้วใครมาซ่อมก๊อกน้ำให้ล่ะ” คนที่นั่งริมทะเลถามต่อ ออกจะนึกสงสัยอยู่เหมือนกันที่พักนี้เพื่อนสาวมีอาการกระดี๊กระด๊าเสียเหลือเกิน สาเหตุคงไม่พ้นเรื่องของผู้ชายแน่ กล้วยไม้ได้โอกาสเลยปรึกษาเรื่องนี้กับไวน์
“ใช่ๆ พี่ยี่อ่ะไม่ยอมให้กล้วยบอกเพื่อนว่าตัวเองเป็นกะเทย”
“เอาอีกแล้ว ไม่บอกเค้า เดี๋ยวพอเค้ารู้ความจริงก็โดนทิ้งแล้วก็มานั่งอกหักซึมกระทืออีก”
“อืม กล้วยก็เห็นใจพี่ยี่อยู่นะ แต่ก็ไม่รู้จะทำยังไงเหมือนกัน แบงค์เองก็ยังไม่เคยมีแฟน”
“ตกลงว่าไม่ได้มีไรพิเศษกับเธอแน่นะ ถ้าหากว่าเจ้าหนุ่มนั่นเป็นมากกว่าเพื่อน เธอก็บอกยี่ไปตรงๆ ก็ได้ จะได้ไม่ต้องมาปวดหัวทีหลัง”
“ไม่ช่ายๆ ไม่ใช่แฟนจริงๆ ไม่เคยคิดอะไรกันเลย” กล้วยไม้รีบปฏิเสธเสียงหลง แต่เมื่อพูดขึ้นมาก็เหมือนจะคิดขึ้นมาได้กับความสัมพันธ์ระหว่างเธอกับแบงค์ เพื่อนชายที่สนิทมากที่สุด
ในช่วงที่เริ่มสนิทกันใหม่ๆ นั้นหญิงสาวก็เคยมีคำถามในใจเหมือนกันว่า ความรู้สึกสนิทสนมกับชายหนุ่มนั้น มันมีอะไรที่มากกว่าคำว่าเพื่อนหรือเปล่า เพราะเธอเองก็ไม่เคยสนิทสนมกับผู้ชายคนไหน เท่าๆ กับที่แบงค์ก็ไม่เคยสนิทกับผู้หญิงคนไหนเหมือนเธอเช่นกัน
แต่เมื่อเวลาเลยผ่านความรู้สึกที่เคยสงสัยก็เริ่มจางหาย เพราะความเป็นเพื่อนนั้นมั่นคงและยืนยาวมากกว่า ดังนั้นเรื่องของเธอกับแบงค์จึงไม่เคยเริ่มขึ้น และไม่เคยจบลงในฐานะอื่น นอกจากความเป็นเพื่อนเท่านั้นที่ยังคงอยู่ด้วยความสบายใจทั้งสองฝ่ายนั่นเอง
ร่างเพรียวของหญิงสาวในชุดเสื้อแขนกุดสีขาวกับกางเกงเลสีน้ำเงินเข้มย่องอย่างเงียบกริบไปยังเรือนพักของ ผู้กำกับที่หายหน้าไปจากวงเหล้าของเหล่าทีมงานได้อย่างประหลาด ทั้งๆ ที่ปกติออกจะทำตัวเป็นปีศาจสุราบ้าปาร์ตี้ ทำให้แพทอดไม่ได้ที่จะแอบมาดูด้วยตาตัวเองว่า ที่ไวน์หายไปจากงานเลี้ยงนั้น เป็นเพราะได้สาวที่ไหนกลับห้องมาแล้วหรือเปล่า
แสงสว่างจากเรือนพักทำให้หญิงสาวรู้ว่าเจ้าของห้องน่าจะอยู่ ก่อนที่จะมองเห็นร่างสูงที่นั่งเอกเขนกอยู่บนระเบียงหน้าห้อง ดวงตาจ้องมองดูบนหน้าจอคอมพิวเตอร์ สวมหูฟังจนไม่รับรู้ถึงการมาของใครบางคน ได้ยินเสียงพูดคุยเรื่อยๆ พร้อมกับรอยยิ้มน้อยๆ บนใบหน้า
นั่นปะไร กำลังทำเจ้าชู้ใส่สาวที่แชทด้วยอยู่สินะ ว่าแต่คุยกับใครอยู่หนอถึงได้แสดงท่าทางสบายๆ ไม่เหมือนกับบุคลิกปกติเวลาทำงานที่จะนั่งเก๊กหล่อแบบที่เห็นจนชินตา ไวเท่าความคิดหญิงสาวย่องกริบไปทางด้านหลัง เอาน่ายอมเสียมารยาทสักนิดหน่อยเพื่อประเมินความเป็นไปของคนเจ้าชู้ตรงหน้า ก็แหมเห็นชอบมาก้อร่อก้อติกกับเธอเสียจริง ไม่ใช่ว่าแอบซ่อนสาวที่ไหนเอาไว้อีกมากมายหรอกหรือ
แต่เมื่อได้มองเห็นชัดเจนว่าภาพบนหน้าจอนั้นคือใคร ก็ทำให้หญิงสาวหลุดเสียงหัวเราะออกมา โธ่เอ๋ย นึกว่าหนีออกจากงานเลี้ยงมาทำอะไร มานั่งมองหน้าลูกสาวตัวน้อยอยู่อย่างนั้นหรอกหรือ โถ ติดลูกเหมือนกันนี่นา คิดได้อย่างนั้น หญิงสาวก็เอื้อมมือไปสะกิดหลังร่างสูงจนคนโดนสะกิดสะดุ้ง ไวน์หันมามองอย่างแปลกใจพร้อมกับถอดหูฟังออก
“แหม แอบมานั่งเงียบๆ คนเดียว ทำอะไรอยู่เหรอคะ” หญิงสาวถามพร้อมกับรอยยิ้ม
“อ๋อ เอ่อเปล่า ก็คุยกับเด็กที่บ้านว่าวันนี้เป็นยังไงบ้างน่ะค่ะ”
“อ๊ะ น้องยิ้มหวานนี่นา แหมไม่ได้เจอแค่แป๊บเดียวโตขึ้นอีกแล้วนะคะ”
“งั้นเหรอคะ พอคุณแพทพูดอย่างนี้แล้วฉันก็พึ่งจะสังเกตเหมือนกันนะเนี่ย” ไวน์มองตามหญิงสาวแล้วก็ยิ้มออกมาเป็นรอยยิ้มใสๆ ที่หาดูยากจนทำให้คนมองอดไม่ได้ที่จะเอ่ยออกมาเย้าๆ
“แหม ติดลูกสาวจังเลย ไม่น่าเชื่อนะคะว่าไวน์ก็มีด้านที่น่ารักๆ แบบนี้เหมือนกัน” พอโดนแซวอย่างนี้ก็ทำให้ไวน์ออกอาการหน้าแดงขึ้นมา ได้แต่หันไปยิ้มให้เก้อๆ
“อืมมมม พูดอย่างนี้จะดีใจดีมั้ยเนี่ย” ตั้งแต่เกิดมาไม่เคยมีสาวที่ไหนชมแบบนี้ อาจจะมีคนเคยชมว่าเท่ห์ ดูดี มีเสน่ห์ แต่ชมว่าน่ารักเพราะติดลูกสาวนี่ไม่เคยมีใครบอกกับไวน์มาก่อน เล่นเอาเจ้าตัวหน้าเขินจนไปต่อไม่ถูกเลยทีเดียว เป็นอาการที่ทำให้คนมองจากอีกฟากของคอมพิวเตอร์เกิดอาการหงุดหงิดขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูก
กล้วยไม้ก้มลงมองหน้าจอ จนหน้าแทบจะแนบกับจอคอมพิวเตอร์แล้วกับภาพหญิงสาวที่อยู่ๆ ก็โผล่ออกมา ยัยคนนี้เป็นใครกันเนี่ย ทำไมคนปากเสียอย่างไวน์ต้องหันไปพูดจาหวานๆ ด้วย ทั้งๆ ที่ไม่เคยพูดกับเธอด้วยน้ำเสียงแบบนี้เลยแท้ๆ พูดจาคะขาแถมยังทำเขินแก้มแดง
เป็นอาการที่ทำให้กล้วยไม้รู้สึกหงุดหงิดขึ้นมาอย่างหาสาเหตุไม่ได้ เมื่ออยู่ๆ ความสนใจของไวน์ก็ถูกดึงไปยังผู้หญิงหน้าสวยคนนั้น กล้วยไม้จึงกดเขย่าหน้าจอก่อนจะอุ้มน้องยิ้มหวานขึ้นมานั่งตักแล้วหันกล้องเข้าตัวเอง ในที่สุด สองคนที่คุยกันอยู่ก็ต้องหันไปมองด้วยความสงสัย แพทก้มลงมองภาพตรงหน้า หญิงสาวแว่นหนาใบหน้าบึ้งตึงที่กำลังอุ้มเด็กน้อยอยู่ในอ้อมกอดทำให้อดไม่ได้ที่จะถามออกมา
“ใครคะนั่น” ยังไงดีล่ะ ถ้าจะคิดว่าเป็นสาวที่ไวน์ซ่อนไว้ที่ห้องก็ดูเหมือนจะเป็นการดูถูกรสนิยมของไวน์ไปสักหน่อย ไม่ใช่ว่าผู้หญิงในหน้าจอจะดูขี้เหร่มากหรอกนะ เพียงแต่ว่าไม่ได้ดูใกล้เคียงกับสาวๆ ที่คนเจ้าชู้คนนี้เคยควงเลยสักนิด
“นางตานี
.” ไวน์ตอบยิ้มๆ ทำให้หญิงสาวต้องถามซ้ำ
“คะ?”
“อ๋อ พี่เลี้ยงน้องยิ้มหวานน่ะค่ะ” เพราะว่าเล่นแชทกันแบบวีดีโอ ทำให้กล้วยไม้ได้ยินบทสนทนาทุกอย่างจากอีกฟาก หนอย...ไอ้พี่ไวน์บังอาจเรียกฉันว่านางตานีต่อหน้าคนอื่นเหรอ แถมยังเป็นต่อหน้ายัยคนสวยนี่เสียด้วย กล้วยไม้คิดในใจด้วยความโมโห ก่อนจะก้มหน้าลงหอมแก้มน้องยิ้มหวานเสียฟอดใหญ่ให้คนคิดถึงเด็กได้อิจฉาเล่น ได้ผลทันทีเมื่อไวน์โวยวาย
“ยัยบ้า เพิ่งกินมาเมื่อกี้ล้างปากหรือยัง ดูน้ำลายติดแก้มน้องแล้ว” กล้วยไม้ทำลอยหน้าลอยตาอย่างสะใจก่อนจะก้มลงหอมแก้มน้องอีกครั้งแล้วหัวเราะฮ่าๆ
แพทมองดูท่าทางของไวน์แล้วก็อดหัวเราะตามไม่ได้ โถ
อิจฉาพี่เลี้ยงที่ได้หอมแก้มลูกสาว ยังน่ารักได้อีกนะนี่คนเรา หญิงสาวคิดในใจหากแต่ก็รู้สึกถึงอีกสิ่งหนึ่งด้วย เธอไม่ชินกับการที่อยู่ต่อหน้าไวน์แล้วไม่ได้รับความสนใจ ไวน์ไม่เคยเป็นแบบนี้กับเธอ ไม่ว่าจะยุ่งแค่ไหน ทุกครั้งที่เธอปรากฏตัวไวน์จะวางสิ่งที่กำลังทำตรงหน้า แล้วหันมาหาเธอก่อนเสมอ และหญิงสาวก็ต้องการให้เป็นเหมือนกันในครั้งนี้ หญิงสาวโน้มตัวลงทำทีเป็นก้มลงมองดูหน้าจอเพื่อที่จะได้มองเห็นน้องยิ้มหวานชัดๆ ก่อนจะกระซิบที่ข้างหูคนที่นั่งอยู่
“แหม น่าอิจฉานะคะ แพทก็อยากจะหอมแก้ม
..น้องยิ้มหวานบ้าง” ลมหายใจที่กรุ่นข้างหูเรียกความสนใจจากไวน์ได้ทันที และเมื่อหันหน้ากลับมามอง ผิวแก้มขาวเนียนของหญิงสาวก็อยู่ใกล้แค่ปลายจมูก เป็นความใกล้ชิดที่เกิดจากความจงใจ ผู้หญิงย่อมรู้จักวิธีบริหารเสน่ห์ที่คนสวยเท่านั้นจึงจะรู้ดีว่าการหว่านเสน่ห์แบบไหน ถึงจะใช้มัดใจใครต่อใครได้อยู่หมัด
ภาพที่เกิดขึ้นต่อหน้าต่อตาทำเอากล้วยไม้ออกอาการฉุนกึก ไอ้พี่ไวน์บ้า รู้ทั้งรู้ว่ามีคนดูอยู่ แต่ก็ยังทำแบบนี้อีก เมื่อไหร่ๆ ก็ดีแต่โชว์หื่นออกมาหน้าไม่อาย เด็กตัวเล็กตัวน้อยตาจะเป็นกุ้งยิงเคยสนใจมั่งไหม ซึ่งไวน์ก็เหมือนจะรู้ตัว เมื่อหันกลับมาหน้าจอแล้วเห็นหน้าถมึงทึงของกล้วยไม้ และหน้าตาบ้องแบ๊วไม่รู้เรื่องรู้ราวของน้องยิ้มหวาน สั่งผ่านไมโครโฟนเสียงเรียบ
“ดูแลน้องดีๆ ล่ะ” เพียงแค่นั้นแล้วก็ออฟไลน์หนีเสียดื้อๆ ปล่อยให้กล้วยไม้ร้อง เฮ้ย แล้วบ่นกระฟัดกระเฟียดอยู่คนเดียว
“อ้าว ไม่คุยต่อแล้วเหรอคะ” แพทถามหน้าซื่อด้วยรอยยิ้ม ทั้งๆ ที่รู้ดีว่าการลงทุนหว่านเสน่ห์ของตัวเองนั้นได้ผล ทำให้ไวน์ละความสนใจจากเด็ก และนางตานีหันมาหาตัวเองได้ในที่สุด
“คุยมาตั้งนานแล้วค่ะ ชักอยากจะไปหาอะไรดื่ม คุณแพทสนใจไหมคะ”
“ฟังดูเป็นความคิดที่ดีนะคะ ไวน์สักแก้ว
ก็คงจะดี” คำพูดของหญิงสาวสร้างประกายตาขึ้นในนัยน์ตาคม
“ถ้าเป็นไวน์ล่ะก็ รู้สึกว่าในห้องจะมีไวน์แดงอยู่ขวดหนึ่ง
”
“ออกไปนั่งบาร์ริมหาดดีกว่าไหมคะ ไหนๆ ก็มาทะเลทั้งที” หญิงสาวชวนพร้อมร้อยยิ้มอย่างรักษาท่าที ซึ่งคนเจ้าชู้ก็รับสารได้เป็นอย่างดีว่าไม่ควรผลีผลาม
“ถ้าคุณแพทว่าอย่างนั้น” ไวน์บอกพร้อมกับผายมือให้หญิงสาว เอาเถอะไม่ต้องเร่งรีบ ขนมเค้กหอมหวานจะทานให้อร่อยมันก็ต้องค่อยๆ ละเลียดไม่ใช่หรือ
ดังนั้นทั้งสองจึงเดินคุยกันไปเรื่อยๆ บนชายหาด ก่อนจะปักหลักในบาร์ริมทะเล สองสายตาประสานกันบ่อยครั้ง หากแต่หญิงสาวก็ยังคงวางตัวได้อย่างเหมาะสม จริงอยู่ที่ก่อนหน้านี้ แพทไม่เคยแสดงออกว่าสนใจไวน์ ความจริงก็คือ เธอค่อนข้างพอใจบุคลิก รูปร่างหน้าตาของไวน์เลยทีเดียวแหละ ติดอยู่ที่เรื่องความเจ้าชู้ที่ขึ้นชื่อ ทำให้ไม่อยากเอาตัวเข้ามาพัวพันด้วยให้เสียหายถึงเรื่องงาน
แต่ยิ่งได้ใกล้ชิดได้เห็นมุมมองหลายด้านของไวน์ ความพึงพอใจก็เพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ แววตาคมคายที่ทำให้รู้สึกตื่นเต้นน่าค้นหาทุกครั้งที่ได้ประสานสายตา ความอ่อนโยนที่ซ่อนเอาไว้ภายใต้ความขี้เล่นเอาแต่ใจนั้น
หากแต่การรับมือกับไวน์ไม่ใช่เรื่องง่าย หากหวังเพียงแค่ความสัมพันธ์ชั่วคราวก็คงไม่ต้องคิดหนัก แต่แพทไม่ใช่ผู้หญิงแบบนั้น หญิงสาวถือคติว่าในเกมความรัก หากต้องการป้องกันตัวเองให้ปลอดภัยจากความเจ็บปวด ก็จงขึ้นเป็นผู้นำในเกมนั้นให้ได้ เพราะอย่างนั้นหญิงสาวจึงไม่บุ่มบ่ามรีบร้อน ด้วยรู้ดีว่าของที่ได้มาง่ายๆ นั้นย่อมไม่มีค่าพอให้จดจำ ยิ่งเจ้าชู้ได้โล่อย่างไวน์ หากไม่วางแผนรับมือให้ดีก็อาจจะเป็นฝ่ายเพลี่ยงพล้ำน้ำตาเช็ดหัวเข่าเองก็ได้
บทสนทนามีทั้งเรื่องงาน และเรื่องเรื่อยเปื่อยจนเวลาล่วงเลยถึงยามดึก ไวน์ และแพทเดินเคียงกันเรื่อยๆ ระหว่างทางไปส่งหญิงสาวที่ห้อง
“น้องยิ้มหวานนี่ น่ารักขึ้นทุกวันเลย ถ้ายังไงหากมีงานเกี่ยวกับเด็ก แพทขอยืมตัวน้องมาถ่ายโฆษณาหน่อยได้ไหมคะ”
“จะว่าได้ก็ได้อยู่หรอกค่ะ แต่ค่าตัวน้องยิ้มหวานแพงนะ คุณแพทจะสู้ไหวเหรอคะ”
“แหม ค่าตัวแพงนี่ เงินเข้าบัญชีน้อง หรือบัญชีคุณไวน์คะ”
“ถึงเข้าบัญชีไวน์ แต่ก็เก็บไว้เป็นทุนการศึกษาให้น้องนั่นล่ะค่ะ” คนสูงกว่าบอกพร้อมกับหัวเราะ รอยยิ้มขี้เล่นทำให้คนมองอดไม่ได้ที่จะอมยิ้มตามไปด้วย ไม่นานนักร่างสูงก็ยืนอิดออดอยู่หน้าห้องพักของแพท โดยมีเจ้าของห้องยืนมองอยู่ด้วยรอยยิ้ม
“ขอบคุณมากนะคะ เกรงใจจัง คุณไวน์เลี้ยงตลอดเลย”
“พูดอะไรอย่างนั้น ถือว่าเป็นเกียรติมากกว่าที่ได้ไปดื่มกับคุณแพทแบบนี้ หวังว่าคงไม่ใช่ครั้งสุดท้ายนะคะ” ไวน์บอกตาเป็นประกาย
“ก็ยังรับปากไม่ได้หรอก แล้วแต่สถานการณ์”
“หมายความว่ายังไงเนี่ย”
“ก็หมายความว่าอย่างนั้นล่ะ กลับเถอะค่ะ ดึกแล้ว ฝันดีนะคะ”
“อะไรกัน แค่นี้เองเหรอคะ”
“แค่นี้สิคะ ต้องมีอะไรอีกเหรอ”
“ก็นึกว่าคนสวยจะใจดีแถม Good night kiss มาให้ด้วย”
“หืม นี่อายุเท่าน้องยิ้มหวานหรือเปล่าคะ ถึงอยากได้ Good night kiss แบบนี้”
“ถ้าทำให้คนสวย kiss ได้ก็ยอมล่ะค่ะ” ไวน์บอกยิ้มๆ แล้วยื่นหน้าให้ทำแก้มป่อง
หญิงสาวช้อนสายตาขึ้นมองคนสูงกว่าอย่างหมั่นไส้ เออหนอ บทจะอ้อนก็อ้อนได้เหมือนเด็กๆ เลย เอาเถอะจะยอมให้เพราะเห็นว่าทำแล้วน่ารักดีหรอกนะ หญิงสาวบอกกับตัวเอง ก่อนจะเขย่งปลายเท้าเพื่อที่จะจุ๊บแก้มคนขี้อ้อน
ริมฝีปากของเธอเกือบจะสัมผัสแก้มใสอยู่แล้ว เมื่ออีกฝ่ายขยับใบหน้าอย่างรวดเร็ว ความไวเป็นเรื่องของปีศาจจอมเจ้าเล่ห์โดยแท้ และแล้วคนสวยก็เป็นฝ่ายเพลี่ยงพล้ำ เมื่อรู้สึกถึงริมฝีปากระอุของคนสูงกว่าที่บดลงบนเรียวปากเธอพร้อมกับรั้งร่างบางเข้ามากอดให้หญิงสาวดิ้นอึกอัก
แต่ก็เพียงไม่นานความรู้สึกวาบหวามก็เข้ามาแทนที่ การได้ใกล้ชิดกับคนที่ตัวเองมีใจในบรรยากาศดีๆ เช่นนี้ ต่อให้ใจแข็งมาจากไหน หัวใจก็ต้องหวั่นไหวบ้างเป็นธรรมดา ทั้งๆ ที่คิดว่าตัวเองซ่อนร่องรอยในแววตาได้มิดชิดดีแล้วแท้ๆ แต่ตาคนเจ้าชู้ก็ยังมองออกอีกหรือนี่ ร้ายกาจจริงๆ หญิงสาวยกมือขึ้นทุบเบาๆ ที่ไหล่คนสูงกว่า เมื่ออีกฝ่ายถอนริมฝีปากออกไปในที่สุด เอ่ยเสียงพร่าทั้งที่ยังคงหายใจแรงด้วยความวาบหวิว
“คนบ้า Good night kiss ที่ไหนเค้าทำกันแบบนี้กันเล่า”
“อ้าว ไม่ใช่แบบนี้หรอกเหรอ” คนเจ้าเล่ห์ยังคงหัวเราะชอบใจ ให้คนเสียรู้ดันตัวเองออกจากอ้อมกอด
“ไว้ใจไม่ได้เลยนะคุณน่ะ แพทแค่ประมาทไปนิดเดียว”
“อะไรกันคะ แพทเป็นคนจะจุ๊บเค้าก่อนแท้ๆ”
“นั่นก็เป็นเพราะว่าคุณไวน์ขอให้จุ๊บที่แก้มไม่ใช่เหรอคะ”
“ไวน์ไม่ได้บอกสักหน่อยนี่ว่าจะให้จุ๊บที่แก้ม โมเมนี่นา”
“ไม่เอา ไม่คุยด้วยแล้ว คนอะไรลื่นเป็นปลาไหลเลย” หญิงสาวว่างอนๆ ก่อนจะเปิดประตูเข้าห้องไป ทิ้งให้คนเจ้าเล่ห์ยืนยิ้มอยู่คนเดียวหน้าประตู
ไวน์ก้าวเอื่อยๆ กลับห้องตัวเอง ฮัมเพลงอย่างอารมณ์ดี เมื่อคิดถึงริมฝีปากนุ่มๆ ของหญิงสาวพร้อมกับอารมณ์วูบวาบที่เกิดขึ้นในอก นี่ล่ะน้า เพราะเสพติดสารอะดรีนาลีนที่หลั่งออกมาจากความตื่นเต้นในรสสัมผัส ก็เลยทำให้ไวน์ไม่สามารถห้ามความเจ้าชู้ในตัวเองได้เสียที
ในขณะที่ไวน์ดื่มกับสาวไปตั้งไหนถึงไหนแล้ว กล้วยไม้ยังคงนั่งกระฟัดกระเฟียดอ่านกระทู้นิยายของตัวเองอยู่ คนเดียว เวลาดึกแบบนี้ เป็นช่วงเวลาที่หญิงสาวมักจะใช้ในการแต่งนิยาย หากแต่ความหงุดหงิดที่อยู่ในอก แม้จะปลดระวางภาระหน้าที่วันนี้ ส่งเด็กน้อยเข้านอนแล้ว แต่อารมณ์เขียนหนังสือก็ยังไม่บังเกิด จนต้องเข้ามาเช็คเรทติ้งนิยายของตัวเองใน อินเทอร์เน็ตแทน อ่านความคิดเห็นแล้วก็ยิ่งรู้สึกหงุดหงิด เมื่อแฟนนิยายหลายรายเริ่มทิ้งข้อความแปลกๆ เอาไว้ให้
‘ฉากของพี่ชายกลางกับน้องชายน้อยชวนจิ้นวายมาก จากคุณ น้ำแข็งเย็น’
‘ชอบคุณชายกลางจังค่ะ เจ้าชู้ดูร้ายๆ แต่น่ารักโฮก ถ้ารัศมีไม่เอาผักบุ้งขอได้ไหมคะ จากคุณผักบุ้ง’
‘เปลี่ยนให้คุณชายกลางเป็นพระเอก แล้วขอฉากตบจูบได้มั้ยคะ จากคุณ อ่ะนะ’
‘คุณชายใหญ่เป็นเกย์ที่แอ๊บแมนหรือเปล่าคะ เห็นมีโอกาสปล้ำนางเอกตั้งหลายทีแล้ว ไม่ทำสักที จากคุณ แมวซ่า’
และอีกมากมายหลายความเห็นที่ทำให้คนเขียนเริ่มปวดประสาท นี่นิยายรักคลาสสิคของฉันกลายเป็นนิยายหื่นตั้งแต่เมื่อไหร่ เพราะตัวละครอย่างอีตาชายกลางจอมเจ้าชู้โผล่มาใช่ไหม คอมเมนต์มากขึ้นก็ดีใจอยู่ แต่ที่รับไม่ได้ที่สุดก็คือเรื่องนี้ล่ะ ทำไมคุณชายใหญ่ของฉันถึงถูกเมิน รัศมี เอ้ย กล้วยไม้รับไม่ด๊ายยยย!
“นิสัยแบบนั้น จะให้ขึ้นมาเป็นพระเอกได้ยังไง นักอ่านสมัยนี้เป็นอะไรไปกันหมด!” กล้วยไม้กรี๊ดออกมาอย่างหงุดหงิด ชักจะขโมยซีนท่านชายใหญ่สุดที่รักของฉันมากไปแล้ว อย่างนี้ต้องโดนสั่งสอนเสียบ้าง คิดอย่างนั้นแล้ว หญิงสาวก็เริ่มเขียนนิยายทันที
ฉากใหม่ที่คิดขึ้นมาสดๆ ร้อนๆ ในคฤหาสน์ยามบ่ายที่ไร้ผู้คน และคุณหญิงแม้นมาศแวะเข้ามาเยี่ยม หากแต่คุณชายใหญ่ไม่อยู่ ทำให้คุณชายกลางต้องออกมาต้อนรับ หากแต่นิสัยเจ้าชู้ก็อดไม่ได้ที่จะทำกรุ้มกริ่มกับหญิงสาว แม้รู้ทั้งรู้ว่าคุณหญิงแม้นมาศนั้นเป็นคู่หมั้นคู่หมายของท่านชายใหญ่ แล้วท่าทางของสาวเจ้าก็ดูจะมีอาการเสียด้วย
เพราะถึงแม้ท่านชายใหญ่จะหล่อแต่ก็มีบุคลิกเป็นผู้ใหญ่ที่สุขุมเงียบขรึม หากแต่ชายกลางนั้นเป็นคนหนุ่มรูปร่างหน้าตาสำอางหูตาแพรวพราว ถึงเนื้อถึงตัว ปากหวานเอาใจเก่ง ทำให้สาวเจ้าเกิดอาการหวั่นไหวขึ้นมา หลังจากส่งหญิงแม้นมาศกลับ รัศมีที่มองเห็นเหตุการณ์โดยตลอด ก็อดไม่ได้ที่จะพูดให้คนที่ชอบลักกินขโมยกินรู้สึกตัวว่า สิ่งที่ทำอยู่นั้นไม่ได้เป็นความลับอย่างที่คิด
“ดีจังนะคะ พอคนรักของเขาไม่อยู่ก็มาทำก้อร่อก้อติกกับคู่หมั้นของเขา” คำพูดลอยๆ ของหญิงสาวทำให้ท่านชายกลางหันไปมอง เอ่ยทักด้วยรอยยิ้ม
“แหม คุณรัศมี หากผมทราบว่าคุณแอบมองอยู่ ผมจะแสดงฉากพิเศษกว่านี้ให้ดูแล้วล่ะครับ” นัยน์ตาคมของเขาพราวเป็นประกายในคำพูดที่ซ่อนความหมาย ทำให้ใบหน้าของคนฟังแดงซ่านด้วยความโกรธ
“น่าเกลียดที่สุด!”
“คร้าบๆ ได้ยินจนชินแล้ว”
“ทำไม่คุณถึงกล้าทำอย่างนั้นกับพี่ชายของตัวเองได้ลงคอ”
“แล้วทำไมถึงทำไม่ได้ล่ะครับ อย่างไรเสียพี่ชายใหญ่ก็ไม่ได้คิดพิศวาสหญิงแม้นอยู่แล้ว” ชายหนุ่มตอบอย่างไม่ยี่หระ
“ถึงอย่างไรคุณก็ไม่ควรทำแบบนั้น ในเมื่อคุณไม่ได้คิดจริงจังกับคุณหญิงแม้นอยู่เช่นกัน”
“คุณทราบได้อย่างไรว่าผมไม่ได้คิดจริงจัง คุณหญิงแม้นน่ะ มาจากราชสกุลที่สูงส่ง และที่สำคัญได้ข่าวว่าเป็นทายาทสืบทอดทรัพย์สมบัติมหาศาลด้วยนะครับ จะปล่อยให้หลุดมือไปก็น่าเสียดายไม่ใช่หรือ หากพี่ชายใหญ่ไม่สนใจ ผมในฐานะน้องชายก็ย่อมมีสิทธิ์ไม่ใช่หรือ”
“คุณชายกลาง ฉันไม่คิดเลยว่าคุณจะมีความคิดเช่นนี้ ช่างต่ำทรามแตกต่างจากคุณชายใหญ่เหลือเกิน” คำพูดของหญิงสาวเปลี่ยนแววตาขี้เล่นของชายหนุ่มให้วาววูบขึ้นมาทันที เขาคว้าข้อมือบางของหล่อนไว้ เอ่ยเสียงต่ำ
“หากผมได้ยินคุณพูดแบบนี้อีก ผมจะไม่ใจดีอีกต่อไปแล้วนะครับ ผมก็คือผมไม่ใช่พี่ชายใหญ่ เลิกเปรียบเทียบระหว่างผมกับเขาเสียที หากพอใจผู้ชายน่าเบื่อแบบนั้นนัก ก็วิ่งเข้าหาเลยสิหลอกล่อไว้ด้วยเสน่ห์ มัดใจให้อยู่หมัด ไม่ต้องมาวางท่า ทำตัวเป็นแม่พระอย่างนี้”
“ดิฉันไม่เคยคิดเรื่องต่ำทรามเช่นนั้น”
“ถ้าอย่างนั้นก็คิดเสีย ก่อนที่จะต้องสูญเสียพี่ชายใหญ่ให้หญิงแม้นไปจริงๆ รักเขาไม่ใช่หรือ”
“จะรักหรือไม่รักอย่างไรก็ไม่เกี่ยวกับคุณชายหรอกค่ะ”
“หึ ไม่เกี่ยวอย่างนั้นหรือ หากคุณมองเห็นแค่นั้นก็แล้วแต่จะคิดเถิดครับ ต้องขอโทษที่ก้าวก่ายเรื่องส่วนตัว หวังว่าคุณคงจะไม่ก้าวก่ายเรื่องส่วนตัวของผมเช่นกัน” เอ่ยอย่างนั้นแล้วเดินจากไป ทิ้งให้รัศมีมองตามด้วยสายตาผิดหวังและดูถูก ทั้งๆ ที่เคยคิดว่ามองเห็นความดีความอ่อนโยนจากคนๆ นี้บ้างแล้วแท้ๆ แต่ในที่สุดตัวตนที่แท้จริงของเขาก็ปรากฏจนได้ ผู้ชายที่ไม่มีความดีในตัว ช่างน่ารังเกียจเสียจริง
กล้วยไม้หัวเราะหึๆ อยู่คนเดียวหน้าจอคอมพิวเตอร์ เป็นยังไงล่ะ ธาตุแท้อันเลวร้ายของชายกลางที่สาวๆ คลั่งไคล้กันนักหนา ดูสิว่าความจริงปรากฏถึงขนาดนี้ เรทติ้งยังจะแซงท่านชายใหญ่ได้อีกก็ให้มันรู้ไป หญิงสาวคิดกับตัวเองพร้อมกับหัวเราะออกมาด้วยความสะใจ
ความคิดเห็น