คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #62 : Chapter 47 LimitBreak 2
Chapter 47 LimitBreak 2
“อินฟินิทเฮลสแตนด์”
เสียงของมอร์กาน่าดังก้องกังวานด้วยจิตใจฮึกเหิม จากการถูกกดดันเทพแห่งเงา ทำให้เธอต้องงัดเอาไฟนอลมูฟออกมาใช้ ร่างแยกมอร์กาน่าเงานับพันร่าง หันไม้คฑาเข้าใส่เทพแห่งเงาทั้งสามองค์ กระนั้นก็ยะงไม่อาจสร้างความหวั่นเกรงใดๆให้กับทวยเทพได้
"หึๆๆ คิดว่าการโจมตีของร่างแยกที่มีแค่หนึ่งพันร่างมันจะทำอะไรเราได้งั้นหรือ"
เทพแห่งเงาปรามาสไม้ตายของเธอด้วยความลำพองในพลังของตนแต่แล้วปลายไม่คฑาทั้งหมดก็หันเข้าหาเสาที่ล้อมรอบชิ้นส่วนจักรกลของเทพโบราณแทน
"ยิงงง!!"
สิ้นคำลำแสงเวทมนต์ก็กระหน่ำยิงลงมาจากทุกทิศทาง โดยเล็งไปที่คริสตัลสีม่วงซึ่งติดอยู่กับเสาค้ำ ทันทีที่คริสตัลดวงหนึ่งระเบิดเพราะทนรับการโจมตีไม่ไหว ร่างจำแลงหนึ่งของเทพแห่งเงาก็หยุดเคลื่อนไหวแขนตกคอตกราวกับหุ่นเขิดที่ถูกตัดสายเชิด ต่อมาคริสตัลดวงที่สองและสามก็ถูกทำลายเทพแห่งเงาที่เหลือก็หยุดเคลื่อนไหวไปด้วย
พร้อมกับที่พลังของไฟนอลมูฟหมดลงร่างแยกของมอร์กาน่าก็สลายหายไปทั้งหมด
มอร์กาน่าที่เป็นตัวจริงร่อนลงพื้นด้วยสภาพอิดโรยเต็มที่การใช้ไฟนอลมูฟทำให้รอดพ้นจากคำสาปโคม่า มาได้แต่ก็สูญเสียเรี่ยวแรงไปเกือบทั้งหมด
ร่างจำแลงของเทพทั้งสามที่หยุดเคลื่อนไหวได้สลายกลายเป็นเงาแล้วไปรวมกันเป็นหนึ่งเดียว ร่างที่แท้จริงของเทพแห่งเงาปรากฏขึ้นต่อหน้า มอร์กาน่าที่ไร้ซึ่งเรี่ยวแรงจะต่อกร
"มองเวทมายาลวงตาของเราออกด้วยรึ"
เทพแห่งเงาถาม แต่มอร์กาน่าก็เอ่อนเปลี้ยเกินกว่าจะตอบโต้ใดๆแล้ว จึงสรุปเอาเองว่าเป็นตามที่ถาม
"ร่างทั้งสามที่ต่อสู้กับเจ้ามิใช่ร่างจริง คริสตัลที่ล้อมรอบชิ้นส่วนของเทพโบราณคือแก่นพลังที่สร้างขึ้นมาเพื่อชักเชิดร่างแยก จริงคือเท็จและเท็จคือจริงการที่เจ้ามองออกได้ก็ถือว่าสอบผ่านแล้ว"
"ส...สอบผ่าน.." มอร์กาน่าพยายามเปล่งเสียงออกมาเท่าที่ร่างกายจะเอื้ออำนวย ความสงสัยต่อเจตนาของเทพแห่งเงามีแต่จะเพิ่มมากขึ้น
"มอร์กาน่าเอ๋ยเรื่องซ่อมแซมขิ้นส่วนเทพโบราณนั้นสำหรับเรามันเป็นไปไม่ได้มาตั้งแต่แรกที่ต้องการคือดูว่าเจ้าจะเหมาะสมที่จะสืบทอดพลังโบราณที่ข้าเก็บรักษาไว้หรือไม่"
"พลัง...โบราณ.."
ความสับสนลอยอยู่บนหน้าของมอร์กาน่า ไม่เข้าใจเลยว่าเทพแห่งเงากำลังหมายถึงเรื่องใด
"เราจะมอบมันให้แก่เจ้า ลิมิตเบรกของเฟิสแบท(First Bat)"
……………………………………
…………………
เป็นเช้าที่แจ่มใส แดดแรกของวันแย้มผ่านบานหน้าต่างเข้ามาในห้องนอนเสียงเคาะประตูห้องดังระรัวไม่หยุดก่อนจะเงียบไป แล้วก็มีเสียงเหมือคนเปิดประตูห้องเข้ามาต่อด้วยเสียงฝีเท้า ฟังจากจังหวะก้าวเดินนั้นทำให้รู้ว่าผู้ที่เข้ามากำลังเดินไปที่หน้าต่าง หลังจากนั้นก็มีเสียงผ้าม่านถูกกระชากออก ความร้อนของแดดที่เพิ่มขึ้นได้ปัดเป่าความง่วงออกไป แล้วน้ำเสียงที่ใสดุจน้ำค้างยามเช้าก็เปล่งออกมา
-ตื่นได้แล้วจ้าเฟนริล ยอร์มุนเช้าแล้วนะ-
ความรู้สึกแรกที่เข้ามาให้สัมผัสหลังจากพยายามแง้มเปลือกตาออกคือความง่วงสุดหยั่งถึง สัมผัสที่ข้างกายเสียดสีไปมาเล็กน้อยดูเหมือนเจ้าน้องชายที่นอนอยู่ข้างๆพึ่งจะลุกจากเตียงไป ทั้งที่สมองพยายามสั่งให้ลุกจากเตียงแต่ร่างกายกลับตรงกันข้าม การต่อต้านกันระหว่างความง่วงกับคำสั่งเกิดขึ้นในหัว แล้วผลลัพธ์ก็ออกมาจขที่การกลิ้งเกลือกไปมาอยู่บนเตียง แล้วจู่ๆก็รู้สึกสัมผัสได้ถึงความไม่ประสงค์ดีจากผู้มาปลุก
ทันทีที่การประมวลผลจากสมองเสร็จสิ้นทั้งความง่วงและคำสั่งก็จับมือเป็นพวกกันเริ่มสตาร์ทร่างกายให้ตื่นโดยพลันแต่ก็สายเกินไปแล้วที่จะลุกขึ้นมาตอนนี้
-นึง ส่อง ซั่ม-
ภายหลังจากเสียงนั้นดวงตาก็ตื่นเต็มที่พอดี โลกหมุนเหวี่ยงไปมาก่อนจะหยุดลงที่โลกทั้งใบนอนตะแคงสัมผัสของพื้นที่เย็นเยียบส่งผ่านมาให้ร่างกายตอบกลับด้วยการสะดุ้งตัวลุกขึ้นมานั่งโดยอัตโนมัติ ที่ฝั่งตรงข้ามเตียงนั้นเองเจ้าน้องชายสีขาวกับคุณแม่ตัวแสบกำลังสุมหัวกันหัวเราะคิกคักที่ผลักเราตกจากเตียงได้
-วันนี้อุตส่าได้หยุดทั้งทีขอนอนเต็มอิ่มบ้างไม่ได้เหรอที่ค่ายก็ตื่นเข้าทุกวันจนเบื่อ...ฮ้าว-
ดูเหมือนคุณความง่วงจะยังไม่ยอมไปแต่โดยดีและเปิดฉากโจมตีด้วยหาวหวอดใหญ่
ซ้ำต่อด้วยหมัดฮุคที่เรียกว่าสลึมสลือจนเกือบจะโดนน็อกเคโอไปแล้วถ้าไม่ติดว่าตอนนี้ถึงจะง่วงก็นอนไม่ลงเพราะร่างกายอยู่ในสภาพตื่นแล้วนั่นเอง
-ลูกลืมแล้วรึไงวันนี้คุณลุงจะมาหานะแม่เตรียมกับข้าวข้างล่างรอไว้แล้ว รีบลงไปกินกับยอร์มุนก่อนมันจะเย็นเหอะ-
-คร้าบๆ-
นี่คือครอบครัวของผม คุณแม่หมาป่าดำ อังคราเมนยุ พวกคนรู้จักเขาเรียกคุณแม่สั้นๆว่า อัง แล้วก็ผมเป็นคู่แฝดชายน้องชายชื่อยอร์มุนเป็นเผ่าหมาป่าเหมือนกันแต่ต่างกันที่สีขนประจำตัวของผมนั้นเป็นสีดำเหมือนกับแม่ส่วนยอร์มุนจะมีสีขาวเหมือนพ่อแทน
พวกเราสองพี่น้องทำอาชีพทหาร โดยปกติจะนอนอยู่ที่ค่ายแต่ในข่วงวันหยุดจะกลับมานอนที่บ้านแล้วก็มักจะถูกแม่มาปลุกเอาตอนเช้าแบบนี้เสมอถึงจะไม่มีธุระสำคัญอย่างวันนี้ก็ตาม
เมื่อลงมาที่โต๊ะอาหารที่อยู่ชั้นล่างของบ้านก็มีอีกสองคนที่นั่งรออยู่ก่อนแล้วคือคุณพ่อชื่อโอดิน เป็นหนึ่งในมหาอัศวินแห่งภาคีอัศวินโต๊ะกลม แล้วที่นั่งอยู่อีกคนก็คือโลกิเป็นเผ่าวานรสายพันธ์ชิมแปนซีเขาเป็นลูกชายของเพื่อนสนิทพ่อ โลกิทำงานเป็นนักวิจัยศาสตร์เวทมนต์อยู่ที่ภาคีอัศวินพิธีกรรม พวกเราสนิทกันตั้งแต่เด็กๆ จนเห็นเป็นน้องชายอีกคนไปแล้ว
"แล้วนี่ก็คือคุณปู่ของผม นิลเบรุงค์ เป็นเจ้าบ้านของซอร์ดเบรกเกอร์"
คำพรรณนาถึงชีวิตครอบครัวในฝันจบลงพร้อมกับภาพลวงตาที่สมมติขึ้นมาด้วยพลังของเทิร์นบริงเกอร์แตกเป็นเสี่ยง
ในความเป็นจริงแล้วสิ่งที่ทอลในปัจจุบันกำลังเผชิญอยู่คือกลุ่มคนของตระกูลซอร์ดเบรกเกอร์ที่ระดมกำลังกันมาต้านยันเขาที่บุกรุกเข้ามา
หลังจากทำลายประตูรั้วจนไม่เหลือชิ้นดี สัญญาณเตือนก็ดังไปทั่วทั้งอาณาเขต หน่วยรักษาความปลอดภัยแห่กันออกมารุมสกัม แต่ไม่อาจหยุดทอลเทิร์นนิ่งไว้ได้ หนำซ้ำพวกที่ออกมาหยุดเขาก็ถูกเทิร์นนิ่งกลายเป็นลูกสมุนช่วยก่อความวุ่นวายเข้าไปอีก
ด้วยวิธีการรุกรานในแบบฉบับของเทิร์นบริงเกอร์ ทอลได้รุกเข้ามายังส่วนสำคัญที่สุดของซอร์ดเบรกเกอร์ คฤหาสน์ที่สร้างขึ้นภายในต้นไม้ยักษ์ขนาดของมันมหึมาเสียยิ่งกว่าตึกใบหยกประมาณสองถึงสามเท่าความสูงเกือบที่จะทะลุยอดเมฆนามของคฤหาสน์คือ อิกดราซิล(Yggdrasil) เป็นคฤหาสน์ลับแลที่ไม่มีใครมองเห็นจากด้านนอกอาณาเขตทั้งที่มีความยิ่งใหญ่อลังการถึงเพียงนี้
เจ้าบ้านซอร์ดเบรกเกอร์รุ่นที่สิบสอง นิลเบรุงค์ ทราบถึงการคุกคามของทอลจึงได้ออกมาหยุดเขาด้วยตัวเองและบัดนี้ทั้งคู่กำลังเผชิญหน้ากัน ทอลเปิดฉากคุกคามด้วยการสร้างภาพมายาของครอบครัวที่เขาใฝ่ฝันและเป็นเป้าหมายที่แท้จริงหลังจากถูกเทิร์นนิ่ง
พลังแห่งความว่างเปล่าได้กัดกินจิตใจของวีรบุรุษใจเหล็กจนบิดเบี้ยว ทั้งความหวังและความสิ้นหวังถูกผสมรวมเข้าด้วยกันจนไม่อาจแยกออกจากกัน กลายเป็นการสร้างความหวังด้วยความสิ้นหวังและความสิ้นหวังก็ถูกรังสรรค์ด้วยความหวังลักลั่นย้อนแย้งไปมานั่นก็คือเทิร์นบริงเกอร์
ที่ยืนอยู่เบื้องหน้าคือ หมาป่าเฒ่าขนสีเงินแม้จะแก่ชราลงตามวัยแต่ขนาดของร่างกายก็ยังใหญ่โตกว่าทอลที่ยังหนุ่มแน่นกันแบบคนละชั้น
"แกเป็นลูกของไอคนทรยศนั่นเหรอ..."
น้ำเสียงของเจ้าบ้านซอร์ดเบรเกอร์หยาบกระด้างและดุดัน ไม่เหมือนกับคนแก่ไม้ใกล้ฝั่งเลยซักนิด หากเป็นตัวเขาก่อนจะถูกเทิร์นนิ่งที่ยังมีอารมณ์แบบตรงไปตรงมาการข่มขู่เช่นนี้คงมีผลไม่น้อยแต่ทว่าสำหรับจิตใจที่บิดเบี้ยวไปแล้วนั้นมันก็เป็นเพียงเสียงเห่าหอนที่น่าเอ็นดู สายตาและสีหน้าที่เมินเฉยของทอลบ่งบอกออกมาเช่นนั้น
"ผมเองก็ค้นคว้ามานิดหน่อยที่ซอร์ดเบรกเกอร์นี่มีธรรมเนียมการตั้งชื่อผู้ที่จะรับสืบทอดตระกูลด้วยชื่อโอดินแล้วก็จะเปลี่ยนเป็นนิลเบรุงค์ตอนที่ขึ้นเป็นเจ้าบ้านสินะครับ"
ทอลปรับน้ำเสียงให้นุ่มนวลขึ้นและใช้คำสุภาพหวังจะยั่วยุอีกฝ่าย แต่ดูจะใช้ไมได้ผลกับเจ้าบ้านที่มีความเก๋าของประสบการณ์ที่อยู่มานาน การที่อีกฝ่ายไม่ยอมเดินตามเกมที่วางไว้ทำให้รู้สึกสนุกยิ่งขึ้น ทอลแสดงความรู้สึกลิงโลดที่พลุกพล่านอย่างน่าประหลาดผ่านรอยยิ้มที่ฉีกกว้างยิ่งกว่าเดิม
"จริงสิยังไม่ได้แนะนำตัวเองเลยผมมีนามว่า เฟลริล แล้วก็ยังมีน้องชายฝาแฝดอีกคนชื่อยอร์มุนด้วยครับ"
เมื่อหมาป่าเฒ่าได้ยินที่พูด ก็เผลอแสดงท่าทางพิรุธออกมา รอยยิ้มของทอลขยายกว้างขึ้นพร้อมกับรีบพูดดักคอทันที
"ปฏิกิริยาแบบนั้นไม่เลวเลยครับคุณปู่ได้ยินมาว่าที่นี่ยังมีธรรมเนียมอยู่อีกอย่างเรื่องชื่อต้องห้ามที่ไม่ให้ตั้งให้กับคนในตระกูลอาธิ เช่น เฟนริล ยอร์มุนกัล เฮล วานากัลด์ "
"เธออยากจะพูดอะไรกันแน่"
ผู้ที่แทรกเข้ามาขัดจังหวะคือนางแมววัยชราที่อายุไล่ๆกับเจ้าบ้านจากลักษณะของชุดที่แต่งเป็นกิโมโนที่มีความคล้ายกันกับของเจ้าบ้านเธอผู้นี้น่าจะเป็นนายหญิงแห่งซอร์ดเบรกเกอร์
"ขอผมเดาก่อนนะคุณคือคุณย่าของใช่ไหมเอ่ย" ทอลยิ้มแฉ่งขณะถาม
"เธอยังค้างคำตอบฉันอยู่นะเจ้าเด็กไร้มารยาทหุบยิ้มของเธอลงด้วยเห็นแล้วมันหงุดหงิด"
"เอ๋ ทำไมล่ะครับผมยิ้มไม่สวยเหรอ รอยยิ้มเนี่ยเป็นสิ่งที่ดีมากๆเลยนะครับเพราะมันเป็นการถวายความบันเทิงให้กับราชาของเรา เหล่าตัวตลกแห่งความว่างเปล่าถึงได้มีรอยยิ้มพิมพ์ใจกันทุกคน..."
ยังไม่ทันที่จะพูดจบมีดสั้นจากมือของนายหญิงก็พุ่งตรงเข้ามาหาแต่ทอลก็เอี้ยวตัวหลบได้แบบหวุดหวิด
"โอ๊ยโย๋ หวุดหวิดไปแล้วนะเนี่ยมันชวนหงุดหงิดขนาดนั้นเลยหรือครับรอยยิ้มผมน่ะ แหมพอหงุดหงิดแล้วก็ชวนหวุดหวิดมุกแจ่มขนาดนี้ช่วยขำหน่อยเถอะคร้าบ"
รอยยิ้มของทอลยิ่งฉีกกว้างกว่าเดิมเรียกได้ว่ายิ้มหน้าบานตาระรื่นเลยทีเดียว บนใบหน้าอันงดงามของนายหญิงเกิดเส้นเลือดปูดขึ้นมาเพราะความโมโหเธอตะคอกกลับใส่ไปว่า
“หึ เจ้าบอกว่าตัวเองเป็นจำอวดสินะอยากให้ขำงั้นรึถ้าอย่างนั้นก็แสดงที่มันน่าขำขันกว่านี้หน่อย”
พร้อมกับดึงกิโมโนที่สวมอยู่ออกภายใต้ผืนผ้ากิโมโนอันงดงามนั้นคือชุดนินจาที่ประกอบด้วยเสื้อตาข่ายที่ถักด้วยเหล็กคลุมทับด้วยผ้าสีดำสนิทเพื่อให้กลืนไปกับความมืด หลังจากถอดกิโมโนออกไปแล้วก็ดึงผ้าส่วนที่ยื่นออกมาจากคอเสื้อของชุดนินจาขึ้นมาครอบปิดใบหน้าส่วนล่างเอาไว้
“โหว นินจาเต็มรูปแบบเลย อ่านเจอมาเหมือนกันเป็นตระกูลสายวิชาตะวันออกแต่ไม่ยักกะนึกว่าจะจัดเต็มขนาดนี้นะเนี่ยแล้วพ่อเค้ากลายเป็นพาลาดินตะวันตกจ๋าได้ไงกันล่ะเนี่ย ฮะๆๆๆ”
ถึงจะพูดจาติดตลกแต่ทอลก็ตั้งท่าเตรียมรับมือการจู่โจมไว้เหมือนกัน เพราะประเมินจากความเร็วในการขว้างมีดเมื่อครู่แล้วว่าฝีมือของนายหญิงแห่งซอร์ดเบรกเกอร์เป็นของจริง
“วิชานินจาแยกเงา ชาโดว์อิลูชั่น!!”
นายหญิงประกาศด้วยเสียงอันดังพร้อมกับหยิบเอาม้วนคัมภีร์สีดำขึ้นมาถือ ละอองแสงของมานาซึ่งถูกกลั่นออกมาจากบรรยากาศโดยรอบได้หลั่งไหลไปรวมยังคัมภีร์ ครู่ต่อมาก็เกิดระเบิดขึ้นควันจำนวนมหาศาลแผ่พุ่งออกมาจากม้วนคัมภีร์ ควันกระจายฟุ้งตลบอบอวลไปทั่วบริเวณ กระทั่งเจ้าบ้านและพวกซอร์ดเบรกเกอร์ด้วยกันยังต้องเอามือขึ้นมาปิดปากปิดจมูกไม่ให้สูดดมควันเข้าไปจนสำลัก
[img]http://i292.photobucket.com/albums/mm35/BigBugStudio/12TailsOnline/Icon/Bat/shadowIllusion1.png[/img]
===Shadow Illusion===
“แค่ก แค่ก แค่ก …ควันจะโขมงไปไหนเนี่ย…”
เสียงไอของทอลนั้นเป็นเพียงแค่การแกล้งไอเท่านั้นที่จริงควันเหล่านี้ไม่มีผลอะไรกับเขาอีกแล้วร่างกายที่พัฒนาขึ้นไปด้วยพลังของวอยด์สตาร์ทำให้ทนทานต่อพิษภัยทั้งปวงและยังตอบสนองได้รวดเร็วขึ้น เมื่อฝูงดาวกระจายนับร้อยดวงพุ่งเข้ามาจากทุกทิศทาง แต่ความเร็วของดาวกระจายเหล่านั้นกลับเฉื่อยชาจนหลบได้อย่างง่ายดายทั้งนี้ก็เป็นเพราะพลังของการถูกเทิร์นนิ่ง ทอลเบี่ยงตัวหลบดาวกระจายทั้งหมดด้วยท่วงท่าพริ้วไหวราวกับเริงระบำ ว่าแล้วก็แกล้งทำเป็นเต้นท่า B-Boy ตีลังกากลับหัวแล้วหมุนตัวสว่านเป็นลูกข่างแถมไปด้วย
“ทำเป็นเล่นดีนักนะ แต่ก็มาได้เท่านี้แหละ”
น้ำเสียงของนายหญิงแฝงไปด้วยความมั่นใจ พริบตานั้นสายโซ่ติดลูกตุ้มก็เหวี่ยงเข้ามามัดพันแขนขาเอาไว้จากสามทิศทาง ที่ปลายสายของโซ่แต่ละเส้นมีร่างของนายหญิงบวกกับร่างจำแลงของเธอจับโซ่ตรึงเขาเอาไว้ไม่ให้ขยับหนี ในตอนนี้เอง เจ้าบ้านก็สั่งให้พรรคพวกที่รออยู่ด้านหลังเข้าไปจู่โจม
“จัดการมันเลย!”
ชายเผ่าไบสันร่างกำยำกว่าสิบห้าคนเฮโลกันเข้ามาหาหมายจะฉีกทึ้งร่างของผู้บุกรุกให้แหลกเหลว ส่วนเขาที่ยื่นจากศีรษะของไบสันทุกตัวงอกยาวมากกว่าปกติและเปล่งแสงสีทองเจิดจ้าออกมา เป็นวิชาเฉพาะที่เผ่าไบสันจะเพิ่มพลังด้วยการรีดเร้นพลังออกมาจากร่างทำให้มีพลังกำลังมหาศาลในช่วงเวลาหนึ่ง
[img]http://i292.photobucket.com/albums/mm35/BigBugStudio/12TailsOnline/Icon/Bison/overPower0.png[/img]
=== Over Power ===
“อุบ๊ะเล่นกันแบบนี้เลยเหรอ ปล่อยให้คนดูเล่นมุกซะเองแบบนี้เสียชื่อตัวตลกแย่เลยนะเนี่ยงั้นผมขอโชว์บ้างล่ะนะ”
ถึงจะตกอยู่ในสถานการที่แย่ที่สุดแต่รอยยิ้มก็ไม่ได้จางหายไปจากใบหน้าของทอล
“ซัพพอตสกิล ประตูนรกจงเปิด เฮลเกทโอเพ่น!"
เกิดช่องว่างที่นำไปสู่โลกอันดำมืดขึ้นในอากาศ เงาของบางสิ่งกระโดดออกมาจากช่องว่างก่อนที่จะหายไป
===Hell Gate===
สิ่งที่กระโดดออกมาจากช่องว่างมิติ ได้เข้ามาขวางทางพวกไบสันไว้ รูปร่างของมันคล้ายกับชนเผ่าไร้หางแต่มีเล็บมือและเล็บเท้าที่ยาวกว่าปกติ รยางค์สีขาวอวบใหญ่ที่ยืดออกมาจากศีรษะทุกเส้นจะมีก้อนกลมสีดำติดไว้ที่ปลายและทั้งที่แต่งตัวเหมือนตัวตลกแต่กลับมีใบหน้าสยดสยองเหมือนปีศาจฟันแหลมคมเป็นเขี้ยวเขมือบทุกซี่เหมือนฟันฉลาม
=== Hell Riser Killjoy ===
[img]https://lh3.googleusercontent.com/fXSBNegRFVmi180IGIewAyFPxhSBts3h0ibwQTpMKhwEjnf0ir033gJpitPTvYM1M8S5_QNuC4dOM8R1VSBFuY-WBwFzabxOYLIkolL2h4l0g9Hbl7BSIPOr9KvAg9gv9snLLHx-IuZR93fhubAZm5iCAOkF78vb2s_PoWw9cEw8HUl7qx4qnGDA8M5VFjmXW8uDZ4OiYIBAA28_YLQOiDEzuxjq410xaeykqvqyav5lZISEvD5Qq7HHhtgwAiDRM7pjSbkrS590OsTMqkSa3pi-wZX_cW6Lh_eaSRw8Ql4Jro5YQzOVpItUZAOKfNubkdOWlOUYlStzEHU5LPL9Zl2ndw-w2wgomSpeeHcDK1JhEXpgqGFY9LkEVrX6O3o1rysrzpr7Gpu9dQB2H9LtdfSqI2xG7niQnrT343oKIVOqG82cIpnA5a6_etBbD5UlEBWqD6Dr5y9uyexb-6-6p4B9Nxerg-HiIyEx0gzipuNS15DNMhAkcyV8dNcBupAMI0DPfO3K7yKFrHL0037PNipUQRLbxp_wSEu-Z957Lbk=w454-h639-no[/img]
ด้วยร่างที่บอบบางของมันนั้นไม่อาจรับมือไบสันที่ขนาดตัวใหญ่กว่าอย่างแน่นอน แต่สิ่งที่มันทำเพื่อช่วยทอลที่ตกอยู่ในสภาพจนตรอกก็เพียงแค่เล่นพันด้ายด้วยมือ
“ปุจฉา” ตัวตลกปีศาจพูดด้วยเสียงที่เบาราวกับกระซิบ ใบหูของทอลกระดิกรับเสียงกระซิบนั้นและทำความเข้าใจได้ในทันที จึงตอบกลับไปว่า “วิสัชนา”
เมื่อได้ยินที่ทอลตอบกลับมาเจ้าตัวตลกปีศาจก็กระชากด้ายที่พันมือเล่นจนขาดสะบั้น พริบตานั้นเองไบสันทุกตัวก็สะดุดขาล้มหน้าคะมำพื้นกันหมด
พลพรรคซอร์ดเบรกเกอร์ต่างตกตะลึงงึงงันกับสิ่งที่เกิดขึ้น ทอลจึงฉวยโอกาสนี้หาทางหนีจากพันธนาการ
“ตอนนี้แหละจัดการเลย”
สิ้นคำก็มีกลุ่มหมาป่ากับแมวจากซอร์ดเบรกเกอร์ เฮโลเข้ามาพร้อมกับดาบและมีด รุมจัดการร่างแยกของนายหญิงส่วนร่างจริงนั้นอาศัยฝีมือกับความเร็วถอยหนีไปได้ทัน แต่ก็แลกกับการต้องปล่ยให้ทอลเป็นอิสระ
“นี่มันอะไรกันทำไมถึงทำแบบนี้” นายหญิงสบถ
“คิดจะหักหลังพวกเดียวกันรึไง รีบวางอาวุธลงซะ” เจ้าบ้านสั่งแต่ก็ไม่มีใครยอมทำตาม
“ระหว่างที่ดูการแสดงของผมอยู่จนถึงเมื่อครู่นี้ผมก็ได้ให้พวกที่ถูกเทิร์นนิ่งก่อนหน้านี้ไปไล่เก็บคนที่เหลืออยู่มาเป็นพวกให้หมดไปแล้ว รวมถึงพวกไบสันที่หน้าคะมำพื้นเมื่อกี้ก็พึ่งจะเสร็จไปเองนะครับ”
ทอลดีดนิ้วเปาะหนึ่งเป็นสัญญาณ พวกไบสันที่ล้มไปเมื่อครู่ก็พากันลุกขึ้นมาแล้วหันอาวุธเข้าหาเจ้าบ้านกับนายหญิงอย่างไม่ลังเล ลวดลายสีแดงปรากฏขึ้นใต้ดวงตารวมถึงวงแหวนสีดำสัญลักษณ์ของเทิร์นบริงเกอร์ก็กำลังหมุนพัดอยู่เบื้องหลังทุกคน
"แกใช้พลังล้างสมองให้ไปเป็นพวกเดียวกันแล้วก็ใช้ให้ไปล้างสมองคนมาเพิ่มอย่างนั้นสินะ"
เจ้าบ้านกล่าว ตอนนี้ซอร์ดเบรกเกอร์ตกอยู่ในความควบคุมของทอลทั้งหมดแล้ว
เว้นแต่นายหญิงกับเจ้าบ้านเท่านั้น
“อย่างที่ว่ามานั่นแหละครับ ก่อนอื่นขอแนะนำคู่ตบมุกของผมหน่อยเขาคือตัวตลกปีศาจที่เชี่ยวชาญการเล่นกล เฮลไรเซอร์คิลจอย กลเมื่อซักครู่ทำให้พวกที่ยังเหลืออยู่แถวนี้ถูกเทิร์นนิ่งทั้งหมด”
ทอลย้ายตัวเข้าไปใกล้ตัวตลกปีศาจแล้ววางแขนเท้าไหล่อย่างสนิทสนมก่อนจะโดนตบหัวฉาดจนล้มกลิ้ง
"เฮ้ยทำไรฟระอยู่ๆก็มาตบหัวกันเฉย"
"อย่ามาตีสนิทศิษย์ส่ายหน้าไม่อยากเป็นเพื่อน"
"โหยเชยยุคนี้แล้วยังเล่นมุกแสบสนิทอีกเรอะ"
"เชยตรงไหนแบบนี้มันดูถูกเดี่ยวเซเว่นอีเลฟเว่นนี่หว่า"
"แหล! เฮีย นมอุโด๊ตแกไม่เคยเล่นมุกนี้อย่ามาแหลแล้วแหลเล่าเฝ้าแต่แหลแหละซะจนเป็นลิงพับแห"
"ขอซักคำเห๊อะมุกขัดคอเอ็งมันจะยาวไปไหนไม่ชวนดับขันธ์เอ้ยขำขัน"
"อ้าวแล้วเขาจะเรียกตัวตลกแห่งความว่างเปล่าเรอะไอพวกเรามันก็เล่นได้แต่แก๊กฝืดเนี่ยแหละขืนเล่นแล้วขำก็ไม่เข้าแก๊ปซิ"
"เถียงอะไรขอบพวกมันเนี่ยทะเลาะกันเองเรอะ"
เม็ดเหงื่อแห่งความหนักใจเอ่อล้นท่วมหลังนายหญิง
"ช่างหัวพวกมันเถอะเดี๋ยวจะเก็บกวาดให้หมดทีเดียวนี่แหละ"
เจ้าบ้านกล่าวเสียงเครียดพลางบรรจงก้มตัวลงเก็บเศษใบไม้บนพื้นขึ้นมาใบไม้สีเงินยวงของอิกดราซิลที่เป็นเสาหลักของคฤหาสน์มีสีประหลาดจากใบไม้ทั่วใบและยังสะท้อนแสงวาววับได้ราวกับโลหะแต่สัมผัสของก็ยังเหมือนกับใบของพืชทั่วๆไปแต่ไม่มีร่อวรอยของการถูกกัดแทะจากแมลงแม้แต่ใบเดียวเพราะสารบางตัวในใบมีฤทธิ์พิเศษช่วยขับไล่แมลงได้
"พึ่งสังเกตแหะว่าใบของต้นไม้ยักษ์นี่เป็นสีเงินแปลกดีจริงๆ"
ทอลสังเกตุเห็นท่าทีของเจ้าบ้านเปลี่ยนไปจึงหยุดทะเลาะกับคิลจอยก่อน
"งดงามดีใช่ไหมล่ะแต่ว่าอิกดราซิลไม่ได้มีสีเงินเพื่อประดับประดาหรอกนะแต่มีไว้เพื่อเตือนว่ามันคือกระสุนเงินสำหรับขับไล่ปีศาจอย่างพวกแก"
เจ้าบ้านซอร์ดเบรกเกอร์นิลเบรุงค์ ตัดสินใจตั้งแต่วินาทีที่พรรคพวกของตนถูกล้างสมองไปสถานการได้บีบให้ต้องใช้ไม้ตายที่สืบทอดกันรุ่นสู่รุ่นไฟนอลมูฟที่แท้จริงของซอร์ดเบรกเกอร์
"ไฟนอลมูฟ..."
นิลเบรุงค์ประกาศพร้อมกับปล่อยใบไม้ในมือเมื่อมันตกลงถึงพื้นสายลมพัดโหมมาอย่างรุนแรงพัดหอบเอาเศษใบไม้ลอยขึ้นในอากาศ เศษใบไม้หมุนวนเป็นสายรอบลำต้นของอิกดราซิล เมื่อวนขึ้นไปจนถึงส่วนของกิ่งก้านที่เต็มไปด้วยใบ ใบไม้ทั้งหมดก็สลัดตัวหลุดร่วงโรย มานาในบรรยากาศเกิดการกลั่นตัวเป็นอณูละอองแสงแล้วถูกใบไม้ซึมซับเอาไว้ทำให้ใบไม้สีเงินเปล่งประกายด้วยแสงสว่างท่ามกลางท้องฟ้ายามค่ำคืนราวกับดวงดาว
"เอ็กซีคิวชั่นซอร์ดอายส์"
สิ้นเสียงใบไม้ทั้งหมดเริ่มแตกตัวออกจากกันเป็นเศษเสี้ยว แต่ละชิ้นแปรเปลี่ยนเป็นดาบแสงสีเงิน จำนวนที่ปรากฏออกมานั้นไม่อาจนับได้ ทิวทัศน์ของฝูงดาบโรยตัวลงมานั้นราวกับหมู่ดาวบนฟากฟ้ากำลังลอยลงมายังพื้นดิน แสงของดาบสะท้อนไปสู่ดวงตาของทุกผู้ในอาณาเขตตามชื่อของมัน
>>>EXECUTION SWORD EYES<<<
***โปรดติดตามตอนต่อไป***
ความคิดเห็น