ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    12Tails: Tails Apocalypse Ⓣ (Turn Bringer Invasion)

    ลำดับตอนที่ #3 : Chapter 3: Kshatriya(กษัตริยา)

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 429
      4
      10 พ.ค. 59

    นานมาแล้วในอดีตกาล ก่อนที่เหล่าเดรัจฉานจะขึ้นมาปกครองโลก มนุษย์ผู้เรียกตนเองว่าเป็นสัตว์ประเสริฐ

    พวกเขาเป็นชนเผ่าที่มีอารายธรรมสูงส่งแต่แล้วพวกเขาก็ล่มสลายและสาปสูญไปจากหน้าประวัติศาสตร์

    ทิ้งไว้เพียง  MANA หรือ Mutation of Advanced Nuclear Atomic  มันคือมวลอนุภาคที่เกิดจากการพัฒนา

    พลังงานนิวเคลียร์ มานา นี่เองที่ได้ให้กำเนิดเหล่าเทพเจ้า และ จิตวิญญาณแห่งธรรมชาติ

     

     และ มานาก็คือทรัพยากรสำคัญที่ทำให้สิ่งมีชีวิตในยุคหลังการล่มสลาย 5,000ปีสามารถใช้ท่าวิชาที่เรียกว่าเวทมนต์

    ได้ มานา ซึ่งตกค้างอยู่บนโลก ไม่สิสำหรับเหล่าสัตว์หางแล้วพวกเขาคงจะต้องให้เกียรติกับมันในฐานะ

    ที่เป็นแหล่งพลังงานของเหล่าเทพเจ้าคงจะต้องบอกว่า มานา สถิตย์อยู่ในธรรมชาติ

     

    เมื่อใดที่มีการเรียกขานบทกล่าวแห่งมนตรา มานา จะถูกรวบรวมและแปรเปลี่ยนเป็นรูปธรรมที่ชัดเจนยิ่งขึ้น

     ตั้งแต่การควบคุมสภาวะอากาศ การระเบิดเป็นแสงสว่างศักดิ์สิทธิ์(Grand Cross) ไปจนถึงการเคลือบอาวุธเพื่อ

    เสริมความแข็งแกร่งในการเจาะทะลวง(Dark Edge) ทุกสิ่งล้วนเกิดขึ้นจาก มานา

     

    …………………………………………………………………………………..

     

    ไม่รู้ว่าตั้งแต่เมื่อไหร่ ที่พวกเขาเรียกข้าว่า ยุวราช(องค์ราชาผู้เยาว์วัย)  นามนั้นคือนามอันมีเกียรติ ข้ารู้สึกได้

    ว่ามันเป็นเช่นนั้น เพราะทุกคนก็เรียกมันด้วยความเกรงขาม แล้วเหตุใดผู้คนถึงเรียกข้าเช่นนั้น เพราะพลังของข้า

    หรือเพราะว่า…..ข้าเป็นบุตรของเทพเจ้า……ที่จริงแล้วตัวข้าเป็น สตรี ต้องเป็นธิดาสิ! แต่พวกเขาก็ยังคงเรียก

    ข้าว่าราชาอยู่ดี แม้แต่นามที่แท้จริงของข้าก็ไม่ได้มีความหมายที่ต่างกันเลย ข้าคือ กษัตริยา…..


     
     

    ราชาแกะสาวผู้มีผมสั้นสีชมพู แต่งองค์ด้วยเสื้อหุ้มเกราะสีขาวตัดขอบสีทองประดับประดาหลังด้วยปีกทองคำ

    สี่แฉก ที่เอวเหน็บหนังสือซึ่งหน้าปกของมันหุ้มด้วยโลหะขาวและล็อคไว้ด้วยแม่กุญแจอัญมณีสีแดงสด

    นางคือผู้ที่มีศักดิ์เป็นราชาของนครแห่งแสง และถูกเรียกขานในนามของ ยุวราชแห่งแสง

     

    เอ่อ….ไม่ทราบว่าฝ่าบาทจะทรงตามกระหม่อมไปถึงไหนกันพะยะค่ะ? ”

    เสียงเอ่ยถาม ดึงให้ ยุวราชแสง ออกจากภวังค์แห่งความคิด ก่อนจะหันไปสนทนากับเจ้าของคำถาม

    ซึ่งเป็นกิ้งก่าหนุ่มผิวสีเหลือง ร่างกายผอมแห้งบอบบางแต่สูงใหญ่ สวมใส่เครื่องแบบนักธนูสีฟ้าของศาสนจักร

    โดยเสื้อท่อนบนมีลักษณะเป็นท่อนแขนเย็บต่อกันและปะติดเข้ากับคอเสื้อซึ่งมีโกร่งคอสูงตั้งแต่ช่วงอกลงมา

    ปล่อยว่าง

     

     

    เจ้าไม่พอใจที่เราตามมาด้วยงั้นรึ? ”

    ยุวราชแห่งแสง ตรัสถามกลับเสียงเรียบ

     

    มิได้พะย่ะค่ะ แต่ว่าหนทางข้างหน้านั้นอาจมีอันตรายและกระหม่อมเองก็ไม่ได้ฝีมือสูงส่งมากนัก

    อาจปกป้องฝ่าบาทไม่ได้…. ”

    สามหาว~~~ ”

     

    ยุวราชแห่งแสง ตรัสถ้อยวาจาที่ราวกับจะต่อว่าเขาแต่ทว่าน้ำเสียงหาใช่แบบนั้นไม่ นางเพียงแค่ยิ้ม

    แล้วก็พูดเสียงหวานเหมือนกับหยอกเด็กเล่นยังไงยังงั้น แต่กระนั้นกิ้งก่าหนุ่มก็อึ้งไปชั่วขณะที่

     

    เจ้าคิดว่าเราไม่อาจดูแลตัวเองได้งั้นรึ อันที่จริงเราต่างหากที่ต้องเป็นผู้ปกป้องเจ้าซึ่งประชาชนของเรา ถูกหรือไม่? ”

    กระหม่อมมิบังอาจ ขอทรงประทานพระอภัยโทษให้กระหม่อมด้วย

    กิ้งก่าหนุ่ม รีบก้มหัวขอโทษทันที

     

    ไม่เป็นไรเราไม่ได้ถือโทษโกรธแต่อย่างใด อีกอย่างทั้งที่วันนี้ก็เป็นวันหยุดพักผ่อนของเจ้า แล้วข้าที่บังเอิญไปเจอเจ้า

    ตอนกำลังจะออกจากแล้วขอตามมา เจ้าก็ไม่เห็นจะต้องคิดมากเลย นี่ไม่ใช่การตามเสด็จเสียหน่อย เราแค่อยากจะ

    ออกมาชมนกชมไม้ข้างนอกบ้าง~~ ”

     

    ยุวราชแห่งแสง ตัรสก่อนจะมองไปยังผู้ติดตตามอีกสองตัว หนึ่งคือสหายคนสนิททั้งเป็นองครักษ์และพี่บุญธรรม

    ของตน ชาวสัตว์หางเผ่าไบซันเพศผู้ ผู้มีร่างกายใหญ่โตเนื้อหนังเต็มไปด้วยมัดกล้าม เป็นจอมพลังของแท้

    ทั้งร่างคลุมไว้ด้วยขนสีส้มและสวมทับด้วยชุดเกราะหนาทั้งตัว ห่มทับด้วยผ้าคลุมหนังสีแดงผืนใหญ่

    ไบซันผู้นี้มีนามว่า เอนกิดู(Enkidu)

     

     

    และอีกหนึ่งคือ สัตว์หางแมวหนุ่ม ผู้มีขนสีเทาสวมใส่เสื้อเชิตแขนยาวสีขาวทับเสื้อเอี้ยมสีน้ำตาลอีกทีและ

    ชอบมากที่จะมีไพ่ เหรียญ ลูกเต๋า และสัพเพเหระของเกี่ยวกับการพนันและโชครางติดตัวอยู่เสมอ

    แมวหนุ่มผู้มีนามว่า คอย์น(Coin)

     

     

    แต่ว่านา ข้าไม่ได้มาเที่ยวเล่นหรอกนะ แต่มาเช็คดวงน่ะ ดวง เข้าใจ๋?  ”

    แมวหนุ่มผู้หลงใหลในเรื่องโชคลาง คอย์น ออกตัวคัดง้างกับคำพูดที่เหมารวมของ ยุวราชแห่งแสง

    ตัวเขานั้นเพียงแต่เดินดุ่มๆอยู่ในตัวเมืองก็ถูก ราชาน้อย สั่งให้องครักษ์ ร่างถึกลากตัวมาตามออกมาด้วย

    แต่กระนัน้เขาก็ไม่ได้ขัดอะไร เพราะจากคู่มือพยากรณ์สุดรักสุดหวงบอกไว้ว่า วันนี้สถานที่ซึ่งให้พลังและความหวัง

    กับคุณคือทุ่งดอกไม้ พลังแห่งความสดชื่นจะอวยพรให้เป้าหมายของคุณสัมฤทธิ์ผล

     

    และพวกเราก็กำลังจะมุ่งไปยังทุ่งดอกไม้ ที่อยู่ ณ อีกฟากหนึ่งของป่า เหตุก็ไม่ใช่เพราะอะไรหรอก แต่เป็นผม

    ที่อยากจะไปนั่นแล จริงสิผมยังไม่แนะนำตัวเลยนี่ กิ้งก่าสุดเท่ห์ มือธนูแสนฉกาจแห่งศาสนจักร

    สังกัดภาคีอัศวินขัตติยะ ส่วนอายุขออุบไว้ละกัน  งานอดิเรก คือ ขัดธนูกับไปกินบานาน่าซันเดย์ด้วยกันกับ

    ทอมมี่ ของที่ชอบก็ ทอมมี่ กับ ธนู แล้วก็ลูกศร ฯลฯ และชื่อสุดเท่ห์ของ ผมก็คือ ซาจิทารีอัส(Sagittarius)

    หรือจะเรียกสั้นๆว่า ซาจิ ก็ได้นาไม่ว่ากัน ฮ่าๆๆ

     

    ส่วนที่เรากำลังจะมุ่งหน้าที่ทุ่งดอกไม้กันก็เพราะ ทอมมี่ ซึ่งเพื่อนอัศวินร่วมภาคี กำลังไปทำคดีที่นั่น แล้ววันนี้ก็เป็น

    วันหยุดของผม ซึ่งมันก็ว่างชะมัดเลยกะว่าจะไปช่วย ทอมมี่ ทำคดีแต่ก็เพราะงี้แหละ เลยทำให้มีพรรคพวกตามมา

    ด้วยอีกเป็นพรวนเลย ทั้งฝ่าบาท แล้วก็ คุณเอกิดูมมี่ แล้ว คอย์มมี่ ด้วยเห้ออีแบบนี้สงสัยจะวุ่นวายตายเลย

    แต่ช่างเถอะไงๆ ตอนนี้ต้องรีบไปก่อนอยากเจอหน้า ทอมมี่ จะแย่แล้วววว (>_<)

     

     

    ขณะที่กำลังคิดเพลินๆอยู่นั้นเอง ก็เกิดฟ้าแลบฟ้าร้องขึ้นจนดึงให้ กิ้งก่าหนุ่ม หลุดจากภวังค์

    และแหงนหน้าขึ้นมองท้องฟ้าซึ่งกำลังครึ้มไปด้วยเมฆฝนที่สำคัญ เมฆเหล่านี้ขยายตัวมาจากทิศของทุ่งดอกไม้

     

    จากทางใต้งั้นเรอะ? ที่นั่นมันทุ่งดอกไม้ที่เรากำลังจะไปนี่

    ยุวราชแห่งแสง ตรัสจบก็มีบางอย่างวิ่งตัดพระพักต์ไปอย่างรวดเร็ว จนชำเหลืองพระเนตรมองตามแทบไม่ทัน

    ซาจิทารีอัส นั่นเองที่วิ่งตรงฝ่าเข้าไปในป่าลึกโดยไม่รอพวกเขา

     

    เห้อใจร้อนกันซะจริงๆนะ 

    พระองค์ ตรัสเสียงหน่ายและถอนพระปัสสาสะ(ลมหายใจออก)ก่อนจะทรงคว้าเอาหนังสือที่เหน็บเอวไว้ขึ้นมา

    และใช้พระหัตถ์สัมผัสลงไปยังล็อคอัญมณีบนหนังสืออย่างนุ่มนวล อัญมณีเกิดส่องสว่างขึ้นชั่วครู่ก่อนที่หน้าหนังสือ

    จะพลิกเปิดออกให้ได้ทอดพระเนตร

     

    ทรงสูดลมหายใจเข้า และทำใจสงบก่อนจะเริ่มตรัสกล่าวด้วยเสียงอันดังก้อง

    ครั้งหนึ่งเจ้าเคยแยกแผ่นฟ้าและแผ่นดินออกจากกัน และบัดนี้เจ้าก็ยังคงพัดผ่านจากอาณาจักรสู่อาณาจักร

    ภายใต้นามแห่งกษัตริย์นี้สายลมเอ๋ยเจ้าจงมาเป็นที่รองบาทแก่เรา 

    สิ้นคำ ก็บังเกิดสายลมพัดหมุนวนรอบๆพระบาทขององค์ยุวราชแห่งแสง ในทันทีที่คำกล่าวของพระองค์

    คือบทกล่าวแห่งเวทมนต์ มันก็ได้ชักจูง มานา ในธรรมชาติให้มารวมตัวกันและปฏิบัตตามถ้อยคำที่ได้กล่าวไว้

    สายลมถูกบังคับให้มารองรับพระบาท และยกองค์ขึ้นสูงจากพื้นดิน  

     

    ====================Feather Weight========================

     

     ข้าจะไปดูข้างหน้าก่อนพวกเจ้าก็รีบตามมาล่ะ

    ยุวราชแห่งแสง ตรัสจบ ก็โผทะยานขึ้นสู่ท้องฟ้าด้วยสายลมที่เรียกมาแล้วบินข้ามป่าไปทันที

     

     

    ……………………………………………………………………

    เหนือทุ่งดอกไม้ ยุวราชแห่งแสงได้ทอดสายตาลงไปยังทุ่งดอกไม้ซึ่งราบเรียบจนไม่เหลือเค้าเดิม ไม่มีดอกไม้

    ดอกไหนที่ยืนต้นอยู่ได้ ล้วนล้มระเนระนาด บ้างรากชี้ฟ้า บ้างก็แหลกเละจนกลีบกระจัดกระจาย

    และที่ดึงดูดสายตามากที่สุดคือ ร่างของแมลงยักษ์ ที่กำลังบินวนไปวนมาอยู่เหนือทุ่งแห่งนี้

     

      แมลงแห่งนภา เจ้านี่คือตัวการเองงั้นรึ?

    ยุวราชแห่งแสง กุมหนังสือในมือแน่น สิ่งที่อยู่ตรงหน้าไม่ใช่คู่ต่อสู้ธรรมดาๆ นางอาจจะต้องใช้

    ทั้งหมดที่มีสู้กับมัน แต่แล้วจู่ท้องฟ้าก็เปิดออกเมฆหมอกกำลังไหลลงไป ยังทุ่งดอกไม้ เหตุการณ์อัศจรรย์

    สร้างความประหลาดใจกับนางไม่ใช่น้อย แทบไม่อยากเชื่อสายตานับแต่จำความได้ การเมฆหมอกซึ่งเบากว่า

    อากาศจะตกลงไปยังพื้นโดยที่ไม่ได้กลายเป็นน้ำเสียก่อน ราวกับว่ามีอะไรกำลังดูดพวกมันลงไป

     

    ครู่ต่อมาท้องฟ้าในทิศที่แมลงแห่งนภา บินวนอยู่นั้นก็พลันแยกตัวออก ก่อนต่อติดกันสนิทดังเดิมในเวลาไม่นานนัก

    และตามด้วยร่างของแมลงแห่งนภาที่แตกละเอียดและมอดไหม้เป็นจุล

     

    ทุงอย่างค้างอยุ่ในดวงตาของ นาง ก่อนจะทันรู้สึกตัวสายตาก็เบี่ยงลงไปมองเบื้องล่าง ซึ่งเด็กหนุ่มผมสีทอง

    ที่รูปร่างดูคล้ายกับลิงแต่ไม่มีหาง  และหมาป่าอีกสองตัว ซึ่งหนึ่งในนั้นนางรู้จักเป็นอย่างดี

    ด้วยความอยากรู้เกี่ยวกับเหตุการณ์เมื่อครู่ ยุวราชแห่งแสงไม่รอช้า โรยตัวลงสู่พื้นในทันที

    และก้าวเดินเข้าไปถามพวกเขาที่กำลังสนทนากัน

     

    เมื่อครู่เป็นฝีมือของพวกเจ้ารึ…. ”

     

    ทั้งสามหันมามองนางและผู้ที่ออกอาการก่อนใครอื่นก็คือหมาป่าหนุ่มขนสีดำ ทอล ผู้เป็นอัศวินพิทักษ์พระราชวัง

    และรู้จักมักจี่กับ กษัตริย์น้อยผู้นี้เป็นอย่างดีจนถึงกับเผลอพลั้งปากออกมาด้วยความตกใจที่เห็นนางมาอยุ่ที่นี่

     

      ท่านกษัตริยา!!!

     

    เซเวอร์ ทันทีที่ได้ยิน ทอล พูดชื่อของนางก็มีท่าทีเอะใจขึ้นมาราวกับนึกอะไรออก

     

      กษัตริยา…..อ๋อ ยุวราชแห่งแสง บุตรแห่งอัลคาเซีย สินะ

    เด็กหนุ่มเปรย และสบตากับ ยุวราชราวกับว่าอยากจะพูดอะไรบางอย่าง

     

      ทอมมมมมมมมมมมมมมมมมมี่!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!

     

    โครม กลุกๆๆๆๆๆๆ ตึง

     

    เสียงกรีดร้องสูงแต่โทนต่ำแบบผู้ชาย ดังขึ้นก่อนความวินาศสันตะโรจะบังเกิด และกว่าจะรู้ตัว พาลาดินหนุ่ม

    ก็ลงไปคลุกฝุ่นเสียแล้ว โดยที่มี กิ้งก่าหนุ่มผิวสีเหลือง คร่อมตัวเอาไว้

     

      ทอมมี่ไม่เป็นไรน้า!!!! ไม่บาดเจ็บใช่ม้ายยยย มะกี้ฉันเห็น แมลงยักษ์บินวนไปวนมาอยู่

    แถวนี้ด้วย มันทำร้ายทอมมี่ใช่ป่าวมันไปไหนแล้วเด๋วฉันจะสอยมันลงมาเอง! ไหนๆอยู่ไหนๆ

    กิ้งก่าหนุ่ม พล่ามเป็นต่อยหอยโดยไม่ได้ดูสีหน้าของหมาป่าหนุ่มีท่เขากำลังนั่งทับอยู่เลย

     

    ทอล กำลังขบเขี้ยวเคี้ยวฟันด้วยความอึดอัดที่ถูกนั่งทับจนหายใจไม่ออก และเมือเห็นว่าเจ้าตัวยังไม่ยอมลุก

    ออกไปซักทีจึงจัดการถีบร่างอันผอมบางนั้นให้กระเด็นออกไป แล้วลุกพรวดขึ้นมาหอบหายใจ

    อย่างเอาเป็นเอาตาย

     

      แอ่ก….ใจร้ายทำไมต้องถีบเค้าด้วย ทอมมี่ อ่า~~~~~

    มานั่งทับตัวกันแบบนี้มันอึดอัดนะ ซาจิ!!! แล้วที่สำคัญซี่โครงฉันหักอยู่ด้วยอุบ 

    ทอล สบถได้ไม่ทันไรซี่โครงเขาก็เจ็บแปลบขึ้นมาทันทีจนต้องเอามือไปกุมไว้

     

    อ๊า!!!!!!!!! ทอมมี่กระดูกหักเหรอ ต้องรีบไปรักษาแล้ว 

    ไม่ทันไรพอรู้ว่าทอลบาดเจ็บจริงๆ ซาจิ  ก็เริ่มโวยวายอีกจน ทอล เองที่ต้องเป็นคนปิดปาก

    เจ้ากิ้งก่าจอมโวยวายตัวนี้

     

    ขณะนั้นเอง ยุวราชแห่งแสง ก็หันไปให้ความสนใจกับหมาป่าสีแดงที่ทั้งเนื้อทั้งตัวเต็มไปด้วย

    บาดแผลกำลังจ้องมอง ทอลกับซาจิ ด้วยสายตาไร้เดียงสา ยุวราชแห่งแสง ไม่ได้พูดอะไรแต่ยก

    หนังสือในมือขึ้นมาเปิดหาหน้าที่ต้องการก่อนจะเริ่มกล่าวด้วยเสียงอันดังก้อง

     

      พระองค์ทรงกระทำให้ข้าพเจ้านอนลงที่ทุ่งหญ้าเขียวสด พระองค์ทรงนำข้าพเจ้าไปริมน้ำแดนสงบ ( He maketh me to lie down in green pastures: he leadeth me beside the still waters) [Psalms บทที่ 23 วรรคที่ 2]

    เมื่อถ้อยคำถูกกล่าว มานาในธรรมชาติก็ได้มารวมตัวกัน ณ ที่แห่งนี้จนเกิดเป็นเป็นประกายแสงระยิบระยับ

    ราวกับดวงดาวบนท้องฟ้า ล่องลอยอยุ่รอบพวกเขา

     

    “ พระองค์ทรงฟื้นจิตวิญญาณของข้าพเจ้า พระองค์ทรงนำข้าพเจ้าไปในทางชอบธรรม เพราะเห็นแก่พระนามของพระองค์
    (He restoreth my soul: he leadeth me in the paths of righteousness for his name's sake.) [Psalms บทที่ 23 วรรคที่ 3]

    เมื่อสิ้นสุดถ้อยคำ ประกายแสงทั้งหมดก็ไปรวมตัวกันที่หมาป่าทั้งสองตัว บาดแผลที่สัมผัสกับประกายแสงเริ่มสมานตัว

    อย่างรวดเร็วจนหายสนิทในที่สุด แม้แต่ อาการบาดเจ็บภายในอย่างกระดูกซี่โครงที่หักของ ทอล

    ก็หายเป็นปลิดทิ้ง นี่คือเวทมนต์ในสำหรับรักษาซึ่งมีเพียงสัตว์หางเผ่าพันธุ์แกะเท่านั้นที่พึงมี

    ==============Heal====================

     

    ขอบพระทัยฝ่าบาท ทรงเมตตารักษาพวกข้า 

    ทอล กล่าวพร้อมกับลุกขึ้นนั่งเข่าลงหนึ่งข้างเพื่อแสดงความเคารพ ทว่าตัว ยุวราชแห่งแสง เองกลับ

    ไม่ค่อยชอบใจที่ ทอล แสดงปฏิกริยาแบบนั้น แต่ก็ไม่ได้พูดอะไรออกมาหากแต่เดินเข้าไปหา

    เรจิหมาป่าหนุ่มสีแดง แทน

     

    เจ้ามีบาดแผลเต็มไปหมดทั้งตัว เป็นเจ้าหรือเปล่าที่ต่อสู้กับแมลงยักษ์นั่น

    ยุวราชแห่งแสง ถามโดยสบตาเขาอย่างตรงๆ เป็นการจับโกหกแบบเดียวกับที่ ทอลเคยใช้

    กับพวก นิโค่ ทว่าหมาป่าหนุ่มกลับพยักหน้าสั้นๆ แทนการพูดตอบ ทำเอายุวราชแห่งแสง

    ถึงกับเสียสูญ เพราะถ้าไม่พูดตอบวิธีการนี้ก็ใช้ไม่ได้ผล แต่กระนั้นนางก้คิดไปเองอยู่ดีว่า

    เรจิ คือผู้ที่ทำการต่อสู้อย่างแน่นอน และ เมื่อต่อสู้แล้วยังมีชีวิตรอดอยู่ ก็แปลว่าจะต้องเป็นผู้จัดการกับแมลงยักษ์นั่น

    เมื่อสรุปความได้แล้วนางจึงเดินกลับออกไปก่อนจะหันกลับมาแล้วชี้ไปที่ เรจิ

     

    เช่นนั้นเจ้าผู้ที่ต่อกรกับแมลงยักษ์นั่น จงรับคำท้าของเราเสียดีๆ

     

    ทุกสายตาหันมามองที่หมาป่าแดงกันหมด จนเจ้าตัวยกนิ้วชี้ใส่หน้าตัวเองแล้วหันซ้ายทีขวาที

    เพื่อจะเช็คว่าหมายถึงตนจริงรึเปล่าแต่ก็ไม่มีใครอื่นที่แสดงท่าทีว่าเป็นคนที่ถูกเรียก

     

    เรียก เรจิ หรอ?

    หมาป่าแดง ชี้ที่ตัวเองพร้อมกับยิงคำถามด้วยความฉงน โชคร้ายที่เขาไม่รู้ว่า ยุวราชแห่งแสง

    กำลังท้าเขาต่อสู้ เพราะคำว่า คำท้า นั้นเขาไม่เคยได้ยินมาก่อนเลย

     

    ใช่ เจ้านั่นแหละมาเล่นกับข้าซะดีๆ

    อ๋อจะเล่นด้วยกันหยอ เอาสิๆ จะเล่นไรอ่ะ ซ่อนหาอ้ะเปล่า

    หมาป่าแดง กระดิกหางด้วยความลิงโลด ทันทีที่ได้ยินคำว่า เล่น เจ้าตัวเข้าใจเอาเองว่า

    อีกฝ่ายกำลังชวนเขาเล่น

     

    อยากจะหนีไปซ่อนก็ตามใจแต่ที่นี่ไม่มีที่ให้เจ้าได้ซ่อนตัวหรอก

    งั้นจะเล่นซ่อนหากันยังไงอ่า?

     

    เมื่อเห็นว่า เจ้าหมาป่าน้อยของตนยังไม่เข้าใจสถานการณ์จึงออกปากอธิบายเสียเอง

     

    เรจิ เขาหมายถึงอยากจะสู้กับนายน่ะ

    ห๊ะอ๋อ แบบที่เคยเล่นกับเซเวอร์อะหรอ ไอนั่นใช่ป่าว

     

    เรจิ หันไปตอบรับ เซเวอร์ ก่อนจะชักดาบไม้คู่ใจของตนขึ้นมา

     

    ดูเหมือนจะเข้าใจแล้วสินะ

    ยุวราชแห่งแสง ยิ้มน้อยๆก่อนจะยื่นมือขวาออกไปสุดแขน แล้วดีดนิ้วหนึ่งครั้ง การดีดนั้น

    ได้รวมมานาเอาไว้ด้วย มานาที่ถูกดีดดออกไปแผลสภาพกลายเป็นกระสุนแสง

    เมื่อกระสุนสัมผัสถูกร่างกายของ เรจิ ก็ได้สร้างความเจ็บปวดด้วยการเผาส่วนที่สัมผัสจน

    ขนสีแดงของเขาเกรียมไหม้ หมาป่าหนุ่มกัดฟันทนต่อความเจ็บปวดก่อนจะเริ่มออกวิ่งเข้าไป

    เพื่อตอบโต้

     

    หวา~~~พี่เรจิ จะสู้กับท่านพระราชาหรอ พี่ทอลไปห้ามทีสิ

    นิโค ที่เห็นเหตุการณ์ได้วิ่งกลับเข้ามาในทุ่งโดยมี ฟา วิ่งตามมาด้วย

    และขอร้อง  พาลาดินหนุ่มให้ช่วยยับยั้งการต่อสู้นี้ แต่จะทำได้อย่างไรกัน ตัวเขานั้น

    เป็นเพียงแค่อัศวินยศต่ำต้อย มีหรือจะไปสั่งราชาได้ มิหนำซ้ำด้วยนิสัยของ องค์กษัตริยา

    แล้วเป็นผู้ที่ไม่ฟังใคร และกระทำตามใจตัวเองเป็นที่สุด

     

    การต่อสู้ของทั้งสองจึงต้องดำเนินไปอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ แม้แต่ตัวเซเวอร์ เองก็ไม่คิดจะห้าม

    แต่กลับสนับสนุนให้ เรจิ ทำการประมือกับ ราชา

     

    หมาป่าแดง วิ่งเข้ามาอย่างตรงๆ ในสายตาของ ยุวราชแห่งแสงแล้ว นับเป็นการจู่โจมที่สิ้นคิดราวกับเด็กหัดใหม่

    มือข้างที่เคยยิงกระสุนแสงจึงกระหน่ำดีด กระสุนออกไป ทว่าหมาป่าแดงไม่ได้วิ่งดุ่มๆเข้ามาให้โดน

    กระสุนเฉยๆ แต่หักหลบอย่างรวดเร็ว นั่นทำให้นางแสยะยิ้ม อย่างพอใจก่อนจะยกมือขึ้นหัวและรวบรวม

    มานาจำนวนมากจนเกิดเป็นลูกบอลแสงสว่างลูกใหญ่

     

    ลองรับมันให้ข้าดูหน่อยซิ!

    ลูกบอลพลังเวทย์ ถูกทุ่มลงใส่หมาป่าแดง ทว่าเขาก็กระโดดหลบมันพ้น ลูกบอลพลังกระแทกกับพื้นจนยุบ

    ลงไปเป็นนิ้ว  ด้วยท่วงท่าที่ ยุวราช ค้างอยู่ในท่าทุ่มลูกบอลนี้ จึงไม่อาจป้องกันการจู่โจมจากดาบของหมาป่าแดง

    ที่กำลังจะฟันลงมาหลังจากที่กระโดดหลบลูกบอลนั่นไป

     

    โผละ!!!!

    ดาบไม้ทั้งสองในมือของ เรจิ หักท่อนในทันทีที่มันกระทบเข้ากับ เส้นแสงสีชมพู ที่ถูกวาดขึ้นในอากาศ

    วงแสงบรรจบเข้าหากันเป็นบ่วงสามวงกำลังหมุนตัดไขว้กัน เป็นเกราะคุ้มกันให้กับ ยุวราชแห่งแสง

     

    ข้าได้ภาวนาและกล่าวอย่างนอบน้อมต่อมหาวงแหวนทั้งเจ็ดแห่งสรวงสวรรค์  โรห์ เอียส สามในเจ็ดของ

    เจ้าจงมาปกปักพิทักษ์ข้า

    ==============Repel=======================

     

    ในตอนที่ เรจิ กำลังจะฟาดดาบลง นางได้ร่ายมนต์รอเอาไว้ก่อนแล้วเกราะวงแหวนจึงปรากฏขึ้นมารับดาบ

    ของเขาไว้และด้วยพลังอำนาจของเกราะ ทำให้ดาบไม้ธรรมดาๆ ของเขาหักสะบั้นในทันที

     

    หึ เจ้าหมาป่าเอ๋ย เจ้าคิดจะดูถูกข้ารึไงกัน พลังที่เจ้าใช้กำราบแมลงยักษ์นั่นน่ะ แสดงให้ข้าดูสิ

    ยุวราชแห่งแสง กล่าวก่อนจะฟาดหนังสือใส่หน้า หมาป่าแดงเข้าเสียฉาดหนึ่ง จนร่างลอยละลิ่ว

    ไปกองกับพื้น

     

    จงแผลงออกไปจากหน่วยเป็นสิบ จากร้อยเป็นพัน พรหมมาสตร์ เอ๋ย เจ้าจงพิฆาตอริข้าให้สิ้นไป

     

    มานา จำนวนมหาศาลปรากกฏขึ้นราวกับเมฆหมอก นี่เป็นการย้ำยิ่งถึงพลังอำนาจของ ยุวราช ผู้นี้ที่สามารถ

    กลั่นกรองมานาในธรรมชาติออกมา จนปรากฏเป็นเมฆหมอกได้เช่นนี้ บรรยากาศรอบๆ ปรากฏการกระเพื่อม

    ของมิติรอยกระเพื่อมนั้นคือช่องทางที่เชื่อมต่อกับคลังสรรพวุธแห่งสวรรค์ ที่มีแต่ผู้ได้รับนามแห่งกษัตริย์เช่นนางที่

    จะเอามาใช้ได้  ลูกศรทองคำซึ่งทอประกายเจิดจ้านับร้อยนับพัน ทยอยโผล่ออกมาจากรอยกระเพื่อม

    ทันทีที่ นางสะบัดมือลง ลูกศรทั้งหมดได้ถาโถมใส่ หมาป่าแดง ราว ห่าฝน

     

    =============Light Bind==============

     

    เหล่าผู้ที่ดูการประลองนี้ต่างนิ่งเงียบ ท่ามกลางฝนธนู เช่นนั้นจะมีใครรอดชีวิตบ้างหรือถึงรอดมาได้ก็คงพรุน

    เป็นฟองน้ำ  ทว่า เรจิ ก็ทำได้แม้ว่าทั้งแขนขา และกลางหลังจะถูกธนูทองคำเสียบทะลุและปักอยู่ก็ตาม

    แต่เขาก็หนีพ้นจากการถูกเสียบจุดตายมาได้ด้วยการ วิ่งเข้ามาประชิดตัวนาง ที่เป็นผู้ร่ายมนต์ ซึ่งเป็นพื้นที่

    เดียวที่ลูกศรจะไม่สาดลงมา

     

    ชั่วพริบตานั้นข้ามองออกทั้งหมด เจ้าใช้ท่าวิชาวิ่งฝ่าออกมาจากดงฝนธนูเหล่านั้นสินะ

    ยุวราชแห่งแสง กล่าวนางมองดูเขาที่คลานหอบหนีตายมาล้มอยู่ต่อหน้านาง นี่ไม่ต่างอะไรกับ

    ช้างเหยียบ มดเลยในสายตาของ ทอล หมาป่าแดงกำลังตกเป็นของเล่นของนาง

     

    ข้ารอและอดทนรอนานเกินไปแล้ว ที่ข้ารักษาเจ้าก็เพื่อให้เจ้าต่อสู้กับข้าได้อย่างเท่าเทียม

     แต่เจ้ากลับทำได้เพียงแค่หนี แล้วก็หนี บางทีข้าคงเข้าใจผิดไป คนที่ฆ่าแมลงนั่นไม่ใช่เจ้าสินะ เจ้าคงเพียงแค่ต่อสู้

    กับมันจนสะบักสะบอม แต่ว่าทอล เองก็ไมได้มีพลังพอที่จะทำอะไรแบบนั้นได้ งั้นก็เหลือแต่เจ้า….เจ้าลิงไร้หาง

    เจ้าเป็นผู้ที่ปราบมันใช่หรือไม่

     

    ยุวราชแห่งแสง ถามพลางสบตากับ เซเวอร์ เด็กหนุ่มนิ่งเงียบอยู่ซัพครู่ ก่อนจะกล่าวออกมา

     

    ใช่เป็นข้าเองแล้วจะทำไมรึ? ยุวราชแห่งแสง

    เช่นนั้นเจ้าก็จงมาสู้กับข้าเสียดีๆ

    ยุวราชแห่งแสง หันความสนใจมาที่ เด็กหนุ่มแทน

     

    ข้าไม่เข้าใจ

    เซเวอร์ ตอบ

     

    เจ้าไม่เข้าใจงั้นรึ? ข้าก็แค่ต้องการจะทดสอบพลังของเจ้า การที่มีผู้มีพลังอำนาจแต่ข้าไม่รู้จักอยู่ในอาณาจักรของข้า

    มันสั่นคลอนต่อความมั่นคง ต้องให้แน่ใจว่าข้าจะอยู่เหนือกว่าเจ้า เพื่อการนั้นข้าจึงต้องกำราบเจ้า ทีนี้พอจะเข้าใจแล้วรึยังเจ้าลิงไร้หาง

     

    ทว่าเซเวอร์กับส่ายหน้าก่อนจะโต้ตอบกลับมา

     

    ข้าไม่เข้าใจว่าทำไมเจ้าถึงได้อ่อนหัดเช่นนี้ กษัตริย์แห่งแสงเอ๋ย เจ้าได้ยื่นท้าประลองกับสหายของข้า

    แต่กลับหมิ่นเกียรติของเขาและจักมาสู้กับข้าแทนหากเจ้าอยากจะประมือกับข้าก็ล้มเขาเสียก่อน

     

    สหายของเจ้า? อ๋อหมาป่าแดงตัวนี้นะรึ ตาของเจ้าบอดรึไง ไม่เห็นรึว่าข้าได้กำรา…..

    ยุวราชแห่งแสงไม่ทันที่จะได้เอ่ยจบ ก็ชะงักไป เพราะคอของตนกำลังถูกบีบด้วยแรงมหาศาล

    ราวกับถูกคีมดัดเหล็กหนีบเข้าให้ และที่ไม่อยากจะเชื่อยิ่งกว่าคือ หมาป่าแดงที่น่าจะฟุบไปแล้วเพราพิษบาดแผล

    กลับยังมีแรงเหลือมากพอจะหักคอนางได้ เพื่อเอาตัวรอด มือขวาของนางรวบรวมประจุมานาเป็นลูกบอลแสง

    แล้วอัดกระแทกใส่ท้องของหมาป่าแดงอย่างแรง จนสำลักและปล่อยมือจากคอของนาง

     

    แค่กๆ.. บังอาจมาบีบคอข้างั้นรึท่าทางเจ้าอยากจะตายเต็มแก่แล้วสินะงั้นก็ได้ จงแผลงออกไปจากหน่วยเป็นสิบ จากร้อยเป็นพัน พรหมมาสตร์ เอ๋ย เจ้าจงพิฆาตอริข้าให้สิ้นไป 

    มิติรอบๆกระเพื่อมขึ้นอีกครั้ง อย่างกระจัดกระจาย ลุกธนูทองคำได้ไหลเทลงมาราวฝนอีกครั้ง

    ทว่า เรจิ ที่กุมท้องจากอาการจุกได้ลุกขึ้นยืนและยันเท้าถีบตัวพุ่งออกจากฝนธนูทองคำ อย่างรวดเร็วจนลูกธนู

    ทั้งหมดไม่อาจสัมผัสถูกตัว การพุ่งตัวอันรุนแรงนั้น ยังคงลากยาวมาจนจะถึงตัวนางอยุ่รอมร่อแล้ว

    กระบวนท่านี้คืออันเดียวกับที่ใช้ตอนที่หลบออกจาก ฝนธนูในครั้งแรก

     

    ==================Feral Strike=====================

     

    ข้าได้ภาวนาและกล่าวอย่างนอบน้อมต่อมหาวงแหวนทั้งเจ็ดแห่งสรวงสวรรค์  โรห์ เอียส วงแหวนทั้งเจ็ดของ

    เจ้าจงมาปกปักพิทักษ์ข้า  

    ยุวราชแห่งแสงกล่าวอย่างรวดเร็วจนลิ้นแทบจะพันกัน วงแหวนแสงที่นางเคยใช้เป็นโล่ห์ป้องกันได้ปรากฏขึ้นอีกครั้ง

    ทว่าครั้งนี้แสงของมันเป็นสีทองอมเขียว หมาป่าแดงที่เข้าประชิดตัวนางได้ ก็ชิงตวัดกรงเล็บขว่นใส่

    ทว่าวงแหวนเวทย์ก็เข้ามารับเอาไว้ทั้งหมด

     

    ==============Reverse==============

     

    เมื่อเห็นว่าการโจมตีไม่ได้ผล เรจิ จึงถอยกลับออกมา ตอนนี้ลูกธนูที่ปักอยู่ตามร่างกายได้สลายไปหมดแล้ว

    เพราะลูกธนูเหล่านั้นเกิดจากมานา เมื่อมันเผาพลาญพลังต้นทุนของมันจนหมดจึงได้สูญสลายไป

    แต่ตอนนี้เขาก็บอบช้ำมามากแล้ว ทั้งการฝืนขยับร่างกายที่ถูกตรึงด้วยลูกศร และ บาดแผลจากการ

    ถูกบอลพลังเวทย์อัดตรงๆ แม้กระทั่งอาวุธที่จะใช้ต่อกรก็ยังไม่มี เรียกได้ว่าหมดสภาพแล้วจริงๆ

     

    แต่กระนั้นกลับเป็นตัว กษัตริยา เสียเองที่รู้ว่ากำลังถูกไล่ต้อน ในตอนแรกนางไม่รู้สึกเลยถึงความกดดัน

    ที่อยู่ๆก็เกิดขึ้นมานี้ เพราะสายตาของ เรจิ เปลี่ยนไปแล้วจากมันเป็นสายตาของนักล่า ที่พร้อมจะลงมือสังหาร

    ไม่ใช่สายตาของเด็กไร้เดียงสาที่แต่จะเล่นท่าเดียวแบบตอนแรก

     

    ราชาผู้หลับไหลในศิลาหิน ผู้ผูกพันด้วยพันธะ ข้าขอน้อมรับชัยชนะตามคำสัตย์ของท่าน…..

    กษัตริยา รู้ตนดีว่าควรเตรียมใจที่จะทุ่มทุกอย่างเพื่อโค่นหมาป่าตรงหน้า  มานาถูกรวบรวมให้ปรากฏในอากาศ

    และกระเพื่อมมิติให้เป็นรอยอีกครา คบดาบสีทองหนึ่งคู่ ไหลเทออกมาและพุ่งเข้าใส่หมาป่าแดง

     

    ==========Divinity Sword==========

     

    ดาบทั้งสองเล่มเสียบทะลุเท้าของเขา และทรุดตัวลงในทันที ยุวราชแห่งแสง ไม่รีรอ เปิดรอยกระเพื่อมของมิติ

    อีกครั้งแล้วใช้มือจับเอาดาบทองคำที่ไหล ออกมา ก่อนจะวิ่งตรงเข้าไปหมายจะจบศึกนี้เสียที

     

    จงแผลงออกไปจากหน่วยเป็นสิบ จากร้อยเป็นพัน พรหมมาสตร์ เอ๋ย เจ้าจงพิฆาตอริข้าให้สิ้นไป

    ไม่มีผู้ใดจะคิดแม้แต่ตัว กษัตริยา เองก็เห็นว่ามันไร้สาระสิ้นดีที่จะมากล่าววาจาเลียนแบบ

    นาง พลังในการเอาอาวุธศักดิ์สิทธ์เหล่านี้ มีเพียงนางเท่านั้นในโลกนี้ที่จะพึงทำมันได้

    แต่เรจิ ก็ท่องมันออกมาแล้วอัศจรรย์ก็บังเกิดขึ้น มิติอากาศรอบๆกระเพื่อมขึ้น ลูกธรนับร้อยนับพัน

     

    /เป็นไปได้รึที่จักมีผู้อื่นนอกจากเราผู้เป็นกษัตริย์ แห่งแสง ที่จักใช้อาวุธศักดิ์ได้/ กษัตริยา คิดในใจ

    ด้วยเชิงดาบของนางที่มีอยู่พอตัวและอาวุธในมือก็เป็นดาบศักดิ์สิทธิ์ที่มีฤทธิ์เดชทัดเทียมกัน

    นางควงดาบ และปัดลูกศรทั้งหมดที่จะเสียบเข้าจุดตาย จนสามารถรอดชีวิตมาได้ และต้องขอบคุณ

    หนังสือของนางที่ปกหุ้มจากเหล็กกล้า จึงใช้มันปัดป้องไปด้วยได้เช่นกัน แต่ก็มีธนูดอกหนึ่งที่ผ่านการปัดป้องเข้า

    มาเสียบทะลุหัวเข่าของนางพอดี  นางปักดาบทองคำลงกับพื้นแล้วกล่าวร่ายเวทรักษาที่หัวเข่าของตนทันที

     

      พระองค์ทรงกระทำให้ข้าพเจ้านอนลงที่ทุ่งหญ้าเขียวสด พระองค์ทรงนำข้าพเจ้าไปริมน้ำแดนสงบ ( He maketh me to lie down in green pastures: he leadeth me beside the still waters)

    ทว่าบทกล่าวนี้กำลังถูกกล่าวขึ้นโดยพร้อมกันจากหมาป่าแดงด้วย เป็นเรื่องบ้าสุดกรู่ ที่นางเคยเจอมาเลย

    เผ่าหมาป่าจะใช้เวทรักษา นี่มันขัดกับความสามารถเฉพาะตัวของเผ่าพันธ์เกินไปแล้ว

     

    “ พระองค์ทรงฟื้นจิตวิญญาณของข้าพเจ้า พระองค์ทรงนำข้าพเจ้าไปในทางชอบธรรม เพราะเห็นแก่พระนามของพระองค์
    (He restoreth my soul: he leadeth me in the paths of righteousness for his name's sake.)

    =============Heal==============

     

    เมื่อสิ้นคำ บาดแผลของทั้งคู่ก็ได้รับการเยียวยา ทั้งตัวกษัตริยาเอง และคนอื่นที่ดูอยู่ต่างก็ทึ่งไปตามๆกัน

    แต่นั่นยังไม่ใช่ทั้งหมด เมื่อหมาป่าแดงเริ่มกล่าวบทต่อไป

     

    ราชาผู้หลับไหลในศิลาหิน ผู้ผูกพันด้วยพันธะ ข้าขอน้อมรับชัยชนะตามคำสัตย์ของท่าน…..

    ==========Divinity Sword==========

     

    เคร้ง!!!!~

     

    ดาบทองคำสองเล่มปักลงบนพื้นดินต่อหน้า เรจิ และขเก็ดึงมันมาใช้เป็นดาบของตัวเอง

     

    นี่มันเรื่องบ้าอะไรกัน?! นี่เจ้าเป็นใครกันแน่ ไม่น่าที่จะมีผู้ใดเลียนแบบท่าวิชาของข้าได้ไม่สิแม้แต่ข้อจำกัด

    ของเผ่าพันธุ์ก็ตามที เจ้าเป็นหมาป่าแต่ทำไมถึงใช้เวทย์รักษาได้ ทำไมกัน?

    กษัตริยา ตะคอกสบถ แทบไม่เป็นภาษา ทั้งหัวเสียทั้งสับสน และใคร่รู้ตัวจริงของหมาป่าแดง

    เซเวอร์ ที่เห็น นางหลุดวีนออกมาแบบนี้ ก็อดกลั้นขำไว้ไม่ได้ ในขณะที่ ตัวอื่นๆได้แต่นิ่งอึ้ง

    ครั้งแล้วครั้งเล่า พวกเขาเพิ่งจะเคยเห็น พระนางวีนแตกหัวฟัดหัวเหวี่ยงเช่นนี้

     

    ยุวราชแห่งแสง เอ๋ย ถึงเจ้าจะเป็นราชาของแสงสว่างแต่ตัวเข้าก็อยุ่ในโลก ทุกสิ่งที่อยู่บนดาวดวงนี้ล้วน

    เป็นวิชาของ เรจิ ทั้งสิ้น ข้าว่าทางที่ดีเจ้าอย่าใช้อะไรออกมาให้มากกว่านี้เลยจะดีกว่า ไม่งั้นเจ้าจักต้องหัวเสียยิ่งกว่านี้แน่

     

    เซเวอร์ เตือนเชิงเยาะเย้ย ใส่เพราะรู้ดีว่ายิ่งห้ามก็เหมือนยิ่งยุ กษัตรีแห่งแสงยังเยาวัยนัก ทั้งอ่อนประสบการณ์

    จึงตกเป็นเหยื่อของการหลอกล่อนี้ นับเป็นความตั้งใจแต่แรกของ เซเวอร์ ที่ให้ เรจิ ได้สู้กับนาง

    ทั้งนี้ก็เพื่อที่จะขโมยเลียนแบบท่าวิชาของนางนั่นเอง ยิ่งเห็นมากจะยิ่งเป็นภัยมากตามที่เห็น

     

    บังอาจมาล้อเล่นกับศักดิ์ศรีของข้า เจ้าของปลอมข้าจะไม่อภัยให้เจ้าแล้วจงเตรียมใจไว้เสียเถอะ

    ยุวราชแห่งแสง สบถก่อนจะเปิดหน้าหนังสือที่ถือในมือซ้ายข้ามไปอีกหลายสิบหน้า

     

    ราชาผู้ประทับบนพระหัตถ์ของพระเจ้า ผู้ไล่ล่าไม่ลดละ ข้าขอน้อมรับการไล่ล่าไม่สิ้นสุดของท่าน…..  

    ยุวราชแห่งแสง กล่าวจบก็บังเกิดรอบกระเพื่อมบนพื้นที่ เรจิ ยืนอยู่

     

    จงรับไปหอกที่ไม่วันพลาดเป้า เจ้ามาได้แค่นี้แหละ

    กษัตริยา ฉายแววตาแห่งความมั่นใจ เพราะแม้ว่า เรจิ จะวิ่งสุดกำลังแล้ว รอยกะเพื่อมนั้นก็ยังคง

    ไล่ตามอยู่ที่พื้นที่เขาเหยียบ เสี้ยววินาทีที่ หอกทองคำพุ่งทะลวงจากพื้นดินเสียบทะลุ ท้องของ

    เขาจนเลือดอาบ

    ==========Divinity Spear==========

     

    พี่เรจิ

    นิโค ร้องดวงตาปลิ่มจะร้องไห้ ฟา ไม่อาจทนดูต่อไปได้อีก ก็เอาแต่ร้องไห้ไม่ยอมหยุดจนทอลต้องมาปลอบ

    เขาเริ่มรู้สึกว่ามันเปลีย่นจากการประลองเป็นการเข่นฆ่ากันโดยสมบูรณ์ไปแล้ว แม้ว่าก่อนหน้านี้

    เซเวอร์ จะเป็นผู้ต้องหาที่เขาต้องการจะจับกุมก็ตาม แต่เขาอยากจะข้อร้องเสียเหลือเกินให้ห้ามการต่อสู้นี้

    แม้จะไม่ได้ผูกพันอะไรกับเรจิเลยก็ตาม เพราะอย่างไรก็เป็นผู้ที่ได้ช่วยชีวิตเขาเอาไว้

     

    อา~~~วู้วววววววววววววววว

    หมาป่าแดงหอน เสียงโหยหวน มานาในธรรมชาติกำลังถูกเรียกให้มารวมที่ร่างกายของเขา มานาเหล่านั้นแปรเปลี่ยน

    เป็นสีดำ เคลือบร่างทั้งร่างและดาบทองคำ ย้อมจนดำสนิท

     

    ================Lunar Eclipse==================

     

    มานาสีดำย้อมแม้กระทั่งดวงตาของเขา จนมืดสนิทไม่ต่างไปจากเงา ราวกบัว่าฝันร้ายกำลังจะเริ่มจากตรงนี้

    บริเวญใบดาบที่ถูกย้อมจนดำสนิท ยังปรากฏออร่าสีดำแผ่ออกมา ทอล จำได้ทันทีนั่นเป็นวิชาที่ใช้เจาะทะลวง

    เกล็ดของแมลงแห่งนภา

     

    ================Dark Edge==================

     

    ราชาผู้จมปักในพระศอ ผู้ประหารทรราชย์ ข้าขอน้อมรับภาระกิจของท่าน…..  

    ยุวราชแห่งแสง ร่ายมนต์พร้อมกับยื่นมือเข้าไปในวงกระเพื่อมของมิติที่ปรากฏในอากาศ

    แล้วล้วงเอาขวานทองคำเล่มใหญ่ ออกมาขว้างใส่

     

    ==========Divinity Axe==========

    ขวานทองคำวิ่งมาจนถึงจุดที่ เรจิ ยืนอยู่และเริ่มหมุนควงทว่าเพียงพริบตา เขาก็ไม่ได้อยู่ตรงนั้นเสียแล้ว

    เพื่อจะหยุดการเคลื่อนไหวของหมาป่าแดง กษัตริยา ดีดกระสุนแสง ออกไปยังจุดที่คิดว่าเขาจะไปทว่า

    เรจิก็หักเลี้ยวหลบได้ทั้งหมด ในรูปลักษณ์ของเงาดำนี้ เขารวดเร็วเสียยิ่งกว่าสายลม ยากจะจับตัวได้

    ยุวราชแห่งแสง ไม่คิดอันใดอีกแล้วเมื่อไม่อาจไล่ได้ทันจึงร่ายมนต์ป้องกันใส่ตัวเพื่อจะยืนแลกดาบกัน

    ในตอนที่อีกฝ่ายเข้าประชิดตัว

     

    ข้าได้ภาวนาและกล่าวอย่างนอบน้อมต่อ มหาวงแหวนทั้งเจ็ดแห่งสรวงสวรรค์  โรห์ เอียส วงแหวนทั้งเจ็ดของ

    เจ้าจงมาปกปักพิทักษ์ข้า 

    ==============Reverse==============

     

    วงแหวนทองคำอมเขียว ปรากฏขึ้นและหมุนตัดไปมารอบตัวคุ้มกายนางเอาไว้ พร้อมกันนั้นยุวราชแห่งแสง

    ก็คว้าเอาดาบทองคำที่ตนได้ปักทิ้งไว้บนพื้นขึ้นมกระชับมั่น รอจังหวะที่อีกฝ่ายจะเข้ามาฟันใส่เกราะ

    ป้องกัน จังหวะนั้นนางจะฟันสวนให้จบในดาบเดียวทันที เรจิ ที่วิ่งวนอยู่รอบนางด้วยความเร็วสูง

    ได้หักเลี้ยวเข้ามาเพื่อจะฟัน แม้ว่าดาบจะเงื้อขึ้นแล้วก็ตาม แต่นางเชื่อว่าไม่มีสิ่งใดจะทะลวงปราการ

    อันแข๊งแกร่งอย่าง รีเวิส(Reverse) ของนางได้อย่างแน่นอน

     

    ฉัวะ!!

     

    คมดาบของเรจิ ฟันทะลุวงแหวนแสงนั้นและบาดลึกลงไปตั้งแต่หัวไหล่ขวาลากตัดหน้าอกคัพ C

    ของนาง โลหิตสีแดงสดพุ่งกระฉูดราวน้ำพุ นับเป็นแผลแรกของนางตั้งแต่เริ่มการประลองนี้

    ปฏิกิริยาของนางมีเพียงดวงตาที่เบิกโผลง บาดแผลที่ไหล่ขวายังผลให้มือนางไร้ซึ่งเรี่ยวแรงและ

    ปล่อยดาบในมือทิ้ง

     

    ดาบซึ่งตัดได้ทุกสิ่งทะลวงได้ทุกการป้องกัน คมดาบแห่งความมืดซึ่งกลืนกินทุกสิ่งลุกโชนด้วยไฟ

    โลกัณฑ์จากขุมนรกอันดำทมิฬ ดาร์คเอจ(Dark Edge) ยุวราชแห่งแสงเอ๋ย วิชานี้นับเป็นปรปักษ์โดยแท้จริงกับ

    เกราะป้องกันทั้งปวง

    เซเวอร์ อธิบายพลางยิ้มอย่างพึงพอใจกับสีหน้าของ กษัตริยา  มันคือความสิ้นหวังและยอมแพ้โดยศิโรราบ

     

    /พลังของความมืด…..งั้นเองเหรอนั่นสินะถ้างั้นเราก็สู้ไม่ได้หรอก เหมือนกับตอนนั้น…/

    ความนึกคิดมากมายผุดขึ้นในหัวของราชา ความสิ้นหวังค่อยๆกัดกินหัวใจลงไปทีละน้อยๆ

     

    /….ไม่เอาอีกแล้วนะ…./

     

    ไม่เอาไม่ยอมรับข้าไม่อยากจะสูญเสียไปอีกแล้ว!!!!!

    ยุวราชแห่งแสง ตะโกนด้วยเสียงอันดังก้อง พริบตานั้นเองที่ เซเวอร์ สัมผัสได้ถึงความหวัง

    มีอะไรบางอย่างผลักดันราชาผู้อ่อนโลกในสายตาของเขางั้นหรือ?

     

    พรึ่บๆๆๆๆๆๆ

    ลมกรรโชคพัดรอบตัวของนางหน้ากระดาษในหนังสือของนาง หลุดปลิวออกมา มานาในธรรมชาติกำลังร่ำร้อง 

    และซึมซับสู่หน้ากระดาษที่ปลิว

     

    ข้าขอวิงวอนต่อกษัตริย์ทั้งสี่ที่ได้รับเลือก

    ยุวราชแห่งแสง พูดด้วยเสียงอันดังก้อง ขณะเดียวกันสายลมก็พัดกรรโชกแรงขึ้น และพัดเอาฝุ่นทรายขึ้นบดบังวิสัยทัศน์

    จนหมด แม้แต่เรจิ ที่ยืนใกล้นางที่สุดก็ยังไม่เห็นตัวนางเลย

     

    ผู้หลับไหลในศิลาหิน ผู้ประทับบนพระหัตถ์ของพระเจ้า ผู้จมปักในพระศอ ผู้สถิตย์กับองค์ศาสดาภายใต้นามแห่งกษัตริย์ เอกซ์คาลิเบอร์ กุงกเนีย ปรศุ อาเกดะห์

    ถ้อยคำถูกกล่าวออกมาครั้งแล้วครั้งเล่า ท่ามกลางฝุ่นทรายที่ตลบ อบอวลจนเมื่อเสียงเงียบลง สายลมกสงบลงเช่นกัน

    เรือนร่างซึ่งฉะโลมไว้ด้วยเลือด กำลังยืนอย่างองอาจ  พร้อมกับหน้าหนังสือจำนวนมาก ที่ค่อยๆโรยตัวลงสู่พื้น

     

     

    “… ข้าขอน้อมรับ วิญญูศาสตรา!! 

    ศาสตราศักดิ์สิทธิ์ทั้งสี่ ล้วนมีสีทองอร่ามทอประกายเจิดจ้า กำลังลงมาจากฟากฟ้า

    ประกอบด้วยดาบแห่งพันธะสัญญาแห่งชัยชนะ เอกซ์คาลิเบอร์  , หอกซึ่งไม่มีวันพลาดเป้า กุงกเนียร์

    ,ขวานปราบทรราชย์ ปรศุ และ กริชสังหารบุตร อาเกดะห์

     

    ==================Soul of Arm==================

     

    ไม้ตายสูงสุดของยุวราชแห่งแสง จู่โจมด้วยอาวุธศักดิ์สิทธิ์สี่ประการ บัดนี้นางได้ให้สัญญาณด้วยการผายมือกางแขนร่ายรำ

    ดาบแห่งชัยชนะ ก็พลันดิ่งเข้าไปฉะกับหมาป่าแดง แต่เขาก็ใช้ดาบคู่รับไว้ทัน ไม่ทันไร

    หอกแห่งการไล่ล่า ก็ทะยานเข้ามาจะเสียบจากด้านหลัง แต่ เรจิ ก็ย้ายมืออีกข้างเอาดาบไปรับไว้ทันเช่นเคย

    กริชสังหารบุตร ได้จ้วงซ้ำเข้าที่แผลตรงท้อง จนถึงกับกระอักเลือด

    ความเร็วของอาวุธทั้งสามนั้นรวมเร็วเกินกว่าจะหนีได้ และ พร้อมเพรียงกันปิดหนทางหนีจนยากที่จะหลบ

     

    ยุวราชแห่งแสง เตรียมจะง้างขวานปราบทรราชย์ เข้าใส่ในตอนนั้นเอง ที่บรรยากาศรอบตัวเริ่มบิดผัน

    ทุกคนรู้ได้ว่ามีบางอย่างแปลกไป ความรู้สึกผิดปกติที่บอกไม่ได้ว่ามันคืออะไร

     

      I am the Glass of those Glasses. - ตัวข้าคือแก้วของกระจกเหล่านั้น

    หมาป่าแดง กระซิบด้วยเสียงอันแผ่วเบา นั่นทำให้เซเวอร์ ฉีกยิ้มหน้าระรื่น บางที่เขาหวังเอาไว้

    กำลังจะเป็นผล

     

    มานา ปรากฏขึ้นมากมายคละคลุ้งเป็นเมฆหมอก ซักพักจึงเริ่มตกตะกอน เป็นทราย ความชื้นในอากาศค่อยๆเหือด

    หายไป แสงจากดวงตะวันร้อนแรงขึ้นเรื่อยๆ และที่สุดจะอัศจรรย์ สภาพต่างๆรอบตัวพวกเขากำลังถูกบิดเบือน

    สัมผัสรับรู้ได้ว่าพงกเขากำลังอยุ่ในอีกที่ ที่ไม่ใช่ทุ่งดอกไม้ตรงหน้าพวกเขา

     

    มนต์ดำอะไรของเจ้าอีกงั้นรึ? ช่างมันสิข้าจะไม่ยอมแพ้เจ้า เจ้าหมาป่าแดง!!!

    ยุวราชแห่งแสงตะโกน พร้อมกันนั้นขวานปราบทรราชย์ ก็ดิ่งตรงเข้าไปหา

     

    ย้ากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!

     

    เคร้งงงงงงงงงงงงงงงงงงงง!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!

     

    ดาบเล่มมหึมา โผล่พรวดขึ้นมาระหว่างทั้งสอง และยันรับเอาขวานปราบทรราชย์ไว้  พร้อมกันนั้นอาการบิดเบือนของมิติ

    ก็หยุดลง ท่ามกลางความเงียบสงัดซึ่งเต็มไปด้วยความสงสัย ผู้ที่เข้ามาห้ามปรามศึกนี้คือ

    ไลเกอร์สูงวัย ผู้ได้รับการเรียกขานในฐานะจอมทัพของนครแห่งแสง

     

    เจ้า!?….โบดาส…. ยุวราชแห่งแสง กล่าวด้วยความฉงน

     

    ********************************โปรดติดตามตอนต่อไป********************************

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×