ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    12Tails: Tails Apocalypse Ⓣ (Turn Bringer Invasion)

    ลำดับตอนที่ #24 : Chapter 21: สุดยอดท่าไม้ตาย The Final Move

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 90
      0
      26 พ.ค. 59

    Chapter 21: สุดยอดท่าไม้ตาย The Final Move

     

    ครืนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนน!!!!!

     

    เสียงดังกึกก้องซึ่งกังวานไปทั่วทั้งพีรามิดนี้คือเสียงสั่นไหวของพีรามิด เกิดเหตุการณ์บางอย่างขึ้นทำให้พีรามิดแห่งนี้

    กำลังสั่นไหว เหล่าผู้กล้าทุกคนที่กระจัดกระจายอยุ๋ภายในต่างรู้สึกได้ถึงความสั่นสะเทือนนี้

     

    ณ ส่วนหนึ่งของทางวงกตใต้พีรามิด อาร์คไนท์ เซอร์โอดิน และ เซอร์โบลดาส พวกเขาที่พบเจอกันในระหว่างทางจึงได้รวมเป็นกลุ่มที่มีกันสองคน ออกตะลุยกับฝูงมัมมี่ ในเส้นทางวงกตและสามารถไขปริศนาของรูปปั้นสุนัขและแมวได้แม้จะกินเวลานานกว่าที่กลุ่มของโลกิ ใช้ก็ตาม

     

    สั่นอีกแล้วนะ

    โอดิน เปรย

     

    นั่นสิตั้งแต่เมื่อกี้แล้ว นี่ก็ครั้งที่สองแล้ว

    โบลดาส พูดพวกเขาเดินไปตามทางวงกตซึ่งทอดเป็นเส้นตรงและหยุดฝีเท้าลงเมื่อเบื้องหน้าของพวกเขาคือประตูบาน

    ใหญ่ที่จะนำไปสู่ห้องใหม่ซึ่งเป็นต้นกำเนิดของความสั่นสะเทือนที่พวกเขาค้นหาอยู่

     

    เอาเถอะยังไงซะเราก็มาถึงแล้วนี่ต้นตอของแรงสั่นสะเทือนนั่น อยู่หลังประตูบานนี้ นี่แหละ……”

    โอดิน กล่าวพร้อมๆกับใช้สองมือดันบานประตูมันเปิดออกได้อย่างง่ายดาย เบื้องหลังของประตูนั้น สิ่งที่ปรากฏต่อหน้า

    ของพวกเขาคือ ความพินาศห้องทั้งห้องเต็มไปด้วยก้อนหินซึ่งกองระเนระนาดไปหมด เพดานของห้องโล่งจนเห็นแต่

    ความมืดมิดและเหนือสิ่งอื่นใด พวกเขาได้ร่างของเหล่าทหารเสือดำและเสือดาวที่กลายเป็นซากศพอยู่ใต้กองหิน

    รวมไปถึง โลกิ ที่กำลังจะถูกกลืนลงไปในปากของเดธคาเมล

     

    คุณโลกิ!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!”

    เสียงของแพนด้าแดง สะท้อนก้องไปทั้งห้อง โลกิ ถูกกลืนหายเข้าไปในปากของเดธคาเมลในคำเดียว

    ต่อหน้าต่อตา ของ โบลดาส และโอดิน

     

    โลกิ…..”

    โอดิน อาร์คไนท์หมาป่าขาว ผู้เป็นดั่งบิดาของ โลกิ ได้แต่เปรยออกมาสั้นๆด้วยน้ำเสียงฝืดๆ แววตา

    ของหมาป่าขาวสั่นไหวและหัวใจของเขาก็เต้นระรัวราวกับจะระเบิดออกจากอกเสียให้ได้

     

    เหนือขึ้นไปบนเพดานของห้องที่เหลือแต่เพียงความมืดมิดซึ่งอยู๋เบื้องหลังของเพดานที่ถล่มลงมาจาก

    การต่อสู้กับโลกิก่อนหน้านี้ แมวเฒ่าผู้ขายวิญญาณให้กับปีศาจมาโอห์ ลอยตัวอยู่กลางอากาศ

    และหัวเราะด้วยท่าทางขบขันสุดฤทธิ์สุดเดช

     

    ฮะๆๆๆ น่าตกใจจริงๆ เจ้าลิงน้อยนั่นมีฝีมือกว่าที่คาดไว้หลายขุมเลยน้า~~~~~~~~~แง้ววว

      ถึงกับให้ข้าคนนี้ต้องลงแรงมาด้วยตัวเอง

    มาโอห์ คือผู้ที่เรียกเดธคาเมลเพิ่มขึ้นในห้องถึง 5 ตัวด้วยกันหลังจากที่โลกิ จัดการระเบิดตัวแรกที่สังหารหมู่

    พวกฮาจิ  ให้เป็นจุลจนไม่อาจฟื้นคืนชีพได้ นั่นคือเหตุผลที่ มาโอห์ ได้มาเยือนถึงห้องนี้ด้วยตนเอง

     

     

    คนที่ขยับขึ้นเป็นคนแรกกลับเป็น โบลดาส แขนขวาของแม่ทัพไลเกอร์ยกดาบคู่ใจเล่มเขื่องขึ้นอย่างง่ายดายราวกับ

    มันเป็นแค่ดาบไม้ เขาชี้มันไปที่หน้าของมาโอห์ที่ลอยอยู่ เพื่อท้าทายด้วยตอนนี้สายเลือดสัตว์นักล่าที่สืบทอดจาก

    บรรพบุรุษนั้นเดือดพล่าน เขาเองก็เป็นคนที่เห็นพร้อมๆกับโอดิน ซากร่างมากมายของเหล่าทหารในห้องนี้

    และไม่สงสัยการตีความของตนเลยว่า มาโอห์ ที่อยู่ตรงหน้านั้นแหละคือผู้ที่สังหารเหล่าทหารของเขา

    อย่างเหี้ยมโหด จนสภาพร่างเละเทะแทบไม่เหลือเค้าให้แยกว่าใครเป็นใคร

     

    แกคือ มาโอห์งั้นเรอะ!การที่พวกเราต้องลงมาติดอยู่ในเขาวงกตบ้าๆนี่ก็เป็นฝีมือของแกงั้นสิ

    โบลดาส สบถลั่นบันดาลโทสะอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน แม้แต่แพนด้าแดงที่ได้เห็นก็เกิดผวาตามไปด้วย

    มาโอห์ย้ายสายตาไปยังอาร์คไนท์ทั้งสอง แล้วหรี่ตาลงเพื่อจะได้เพ่งสายตามองให้ชัดๆว่าทั้งสองเป็นใคร

     

    โฮ่! มากันอีกแล้วงั้นรึ ดีเลยจะได้จัดการไปพร้อมๆกันซะ เดธคาเมล ขย้ำพวกมันอย่าให้เหลือ!!”

    มาโอห์ พูดหลังจากเห็นชัดแล้วว่าผู้มาใหม่คือพวกของกองทัพจากเมืองแสง และสั่งให้เดธคาเมลทั้ง 5 ตัว

    จัดการโดยไม่ลังเล

     

    หนอยแน่ะ อย่ามา……”
    โบลดาส สบถพร้อมกับสะบัดดาบเล่มเขื่องในมือไปทางขวาแล้วย้ายมือซ้ายไปจับกุมด้ามของ

    ดาบไว้พร้อมกันสองมือ

     

    อย่ามาหยามกันนะเฟ้ยยยยยยยยย  ไลเกอร์สวิงงงงงงงงงงงงงงงง!!!!!!!!! (Liger Swing)

    โบลดาส เริ่มเหวี่ยงดาบไปรอบๆ ตัวของเขาก็หมุนตามแรงเหวี่ยงของดาบไปด้วย ในที่สุดโบลดาสซึ่งหมุนด้วย

    ความเร็วสูงและดาบยักษ์ของเขาซึ่งตีวงเหวี่ยงไปรอบๆนั้นได้กลายพายุที่พร้อมจะโหมทำลายสิ่งที่ขวางทางมัน

     

    ว้ากกกกกกกกกกกกกก!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!

    แม่ทัพไลเกอร์ คำรามสุดเสียงร่างซึ่งหมุนด้วยความเร็วสูงดั่งพายุเคลื่อนที่ตรงไปยังกลุ่มของเดธคาเมลที่กระจุกกันอยู่

    พวกมันทั้ง 5 ตัวตอบสนองต่อการโจมตีของ โบลดาสและจรลีเข้าหาโดยทันที พายุโบลดาสโถมเข้าใส่ขาของพวกมัน

    และสะบั้นขาดในทันที ร่างมหึมาทั้ง 5 ล้มหงายระเนระนาดไปตามแรงเหวี่ยงของดาบพวกมันกระจายกันไปคนละทิศละทาง  โบลดาสหยุดหมุนในทันทีและออกแรงถีบตัวกระโจนขึ้นด้านบนสุดแรงที่มี

     

    ลีปปิ้ง……”

    เมื่อขึ้นไปจนเกือบถึงเพดานห้อง  โบลดาสได้ หันดาบเล่มเขื่องของเขาลงพื้น

     

    ไลออนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนน!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!”

    แม่ทัพไลเกอร์ คำรามด้วยเสียงอันดังก้องพร้อมกันนั้นร่างกายของเขาราวกับเคลื่อนตัวกลางอากาศได้

    ร่างของแม่ทัพไลเกอร์ ตกลงสู่พื้นอย่างรวดเร็วเท่าๆกับความเร็วที่เขากระโดดขึ้นไป

     

    โอดิน ซึ่งรู้ดีว่าจะเกิดอะไรขึ้นหากโบลดาส ลงมาถึงพื้น จึงโดดลงไปยังบ่อแล้วคว้าตัวแพนด้าแดง ก่อนจะปีนกลับขึ้นมา

    ซึ่งหลังจากปีนขึ้นจากบ่อแล้ว โบลดาสก็ลงถึงพื้นพอดิบพอดี

     

    โฮกกกกกกกกกกกก!!!!!!!!!!!!!!!!!!!

    เสียงคำรามดังกึกก้องพร้อมๆกับเสียงระเบิดและความสั่นสะเทือนที่เขย่าห้องทั้งห้องให้โคลงเคลงไปมา

    ดาบเล่มเขื่องกับน้ำหนักตัวของแม่ทัพไลเกอร์และแรงกดจากการพุ่งลงมาสร้างหลุมขนาดใหญ่ขึ้นที่บ่อใจกลางห้อง

    แรงกระแทกคว้านเอาเนื้อดินขึ้นไปลอยตัวในอากาศ พร้อมๆกับพัดร่างมหึมาของมัมมี่ยักษ์ทั้ง 5 ตัวจนกระเด็นขึ้นไปด้วย

    นี่คือ ลีปปิ้งไลออน (LeapingLion)  วิชาเฉพาะตัวของโบลดาสที่จะสร้างคลื่นกระแทกขึ้นมาพัดเอาทุกสิ่งในอาณาบริเวณ

    ให้ลอยขึ้นไปข้างบน  เมื่อแรงส่งที่พัดเดธคาเมลทั้ง 5 ตัวให้ลอยขึ้นหมดลง พวกมันจึงร่วงหล่นสู่พื้นเบื้องล่าง

     

    ครัชชิ่ง !!!!!  ไทเกอร์!!!!!!!!!!!”(CrushingTiger )

    แม่ทัพไลเกอร์ ไม่ยอมปล่อยโอกาสที่พวกมันกำลังจะหล่นลงมาซึ่งเป็นสภาพที่ไร้การป้องกันตัว

    เขาเพิ่มความเร็วขึ้นจนเคลื่อนไหวขัดกับภาพพจน์ของร่างกายอันใหญ่โตของเขา แม่ทัพไลเกอร์หวดดาบขึ้น

    สะบั้นหัวของเดธคาเมล ไล่มาทีละตัว ก่อนที่พวกมันจะหล่นลงสู่พื้น ทั้งหมดนั้นกินเวลาเพียงเสี้ยววินาที

    เดธคาเมลทั้ง 5 ยังไม่ตายแม้พวกมันจะสูญเสียหัวไป ก็ยังขยับตัวลุกขึ้นมาหมายจะจัดการกับ

    แม่ทัพไลเกอร์ทว่า ถึงจะยังขยับได้แต่พวกมันก็ไม่สามารถรับรู้ตำแหน่งของศัตรูได้เหมือนกับ

    หุ่นยนต์ที่สูญเสียเซ็นเซอร์ตรวจจับเป้าหมาย พวกมันเคลื่อนไหวสะเปะสะปะ จนชนเข้ากันเองและ

    พากันล้มระเนระนาด

     

     

    แง้วววว!  แกนี่มันบ้าพลังจริงๆเลย แต่ว่านะ………”

    มาโอห์ ซึ่งจับตาดูการต่อสู้จากกลางอากาศโดยตลอดพูดขึ้นน้ำเสียงไม่สบอารมณ์และมีสีหน้าหงุดหงิด

    ก่อนจะเริ่มท่องคาถาด้วยภาษาโบราณ

     

    לחגוג את הגופה  ” (งานฉลองแห่งซากศพ) 

     

    เมื่อคาถาถูกร่ายออกมา ศรีษะของเดธคาเมล ซึ่งถูกตัดจนกระจัดกระจายไปคนละทิศคนละทาง

    กลับยกตัวลอยขึ้นได้เอง และลอยกลับไปต่อกับลำคอของแต่ละตัว เดธคาเมลทั้งหมดฟื้นคืนสภาพอีกครั้งอย่างสมบูรณ์

     

    ก็เท่านั้นละนะ ต่อหน้าพลังแห่งความเป็นอมตะ ต่อให้มีพลังมากเท่าไหร่ก็ไม่พอหรอกแง้ว

    มาโอห์ ประกาศด้วยความลำพอง ความมั่นใจอันล้นเปี่ยมนั้นไม่แสดงความกลัวต่อการบุกโจมตีอย่าง

    ดุดันของแม่ทัพไลเกอร์ชุดก่อนหน้านี้เลยแม้แต่น้อย นั่นคือเหตุผลที่โบลดาสแสดงรอยยิ้มของเขาขึ้นที่มุมปาก

    แล้วยกดาบขึ้นชี้หน้ามาโอห์พร้อมกับประกาศด้วยความมัน่ใจเต็มเปี่ยมพอๆกับการประกาศด้วยความลำพอง

    ของมาโอห์

     

    งั้นถ้าหากกำจัดเจ้าไปได้เรื่องทั้งหมดก็จบสินะ เช่นนั้นข้าก็จะขอทุ่มพลังทั้งหมดจัดการกับเจ้าซะ

    ละเมออยู่หรือไงเจ้าแมวพันธุ์ทาง  

    มาโอห์ เยาะเย้ยความเป็นไลเกอร์ของโบลดาสที่เป็น สิงโตผสมเสือ  และคำพูดที่ฟังดูเพ้อเจ้อ

    ก่อนที่จะต้องสะอึกกับสิ่งที่โบลดาสกำลังจะทำเป็นลำดับต่อไป

     

    ไฟนอลมูฟ!! (Final Move)”

    คำพูดที่โบลดาสเปล่งออกมา นั้นทั้งมาโอห์และโอดินต่างก็เข้าใจได้เป็นอย่างดี ใบหน้าของมาโอห์บิดเบี้ยวและ เหยเก

    ทันทีที่รู้ว่าโบลดาสกำลังจะทำอะไร

     

    เดี๋ยวก่อนโบลดาส! โลกิยังอยู่ในท้องเจ้านั่นนะ!”

    โอดิน พยายามที่จะปรามเอาไว้เช่นกัน เพราะสิ่งโบลดาสกำลังจะทำ

     

    ไม่ต้องห่วงไปหรอกโอดินข้าจัดการเจ้าตัวหัวโจกที่ขังพวกเราไว้ที่นี่ตอนนี้ด้วยกระบวนท่าเดียวนี่แหละ

    โบลดาส ให้คำมั่นและยืนกรานจะทำต่อเขา เหวี่ยงดาบเล่มเขื่องขึ้นพาดบ่า  อากาศภายในห้องเกิดการไหลเวียน

    อย่างรวดเร็วและรุนแรงกลายเป็นสายลมใหญ่พัดกรรโชกไปรอบๆ

     

    จัดการมันซะ! เร็วเข้าอย่าให้มันใช้ท่านั้นได้!”

    มาโอห์ สั่งการให้ มัมมี่ยักษ์ทั้งห้าบุกโจมตีทันที ทว่ารอบสายลมรอบกายของโบลดาสกลับพัดตีวงออกมา

    และพัดร่างทั้งห้าให้ปลิวกระเด็นลอยละล่องไปกระแทกติดฝาผนัง แม้แต่โอดิน ยังต้องเปลี่ยนท่าอุ้มแพนด้าแดง

    มาเป็นท่ากอด พร้อมกับชักดาบจากเอวมาเล่มหนึ่งปักคมลงบนพื้นเพื่อใช้เป็นหลักยันไม่ให้ถูกสายลมกรรโชกพัด

    ปลิว สายลมกรรโชกหมุนเหวี่ยงอย่างบ้าคลั่งและรุนแรงขึ้นทุกขณะ จนเมื่อเวลาผ่านไปสายลมจึงตีวงแคบลง

    มันกำลังย้อนกลับไปรวมกันที่โบลดาส สายลมทั้งหมดกำลังไหลไปรวมกันที่ใบดาบยักษ์ของเขา

    แม่ทัพไลเกอร์ อ้าปากคำรามสุดเสียงพร้อมกันนั้นเหวี่ยงดาบออกทุบลงไปบนพื้นห้องแรงกระแทกทุบใส่จนพื้นยุบตัว

    กลายเป็นหลุมบ่อขนาดย่อม ในขณะที่ที่ทุบลงไปนั้นก็เกิดแรงสะท้อน ทำให้ดาบเหวี่ยงตัวกลับขึ้นไป

    จนบัดนี้ร่างของแม่ทัพไลเกอร์ กำลังชูดาบขึ้นเหนือศีรษะ  สายลมภายในห้องสงบลงชั่วขณะ

     

    ไทกอนไลเกอร์!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!” (TIGONLIGER)

     

    ===================================================

      TIGONLIGER

    ===================================================

    เสียงคำรามของโบลดาส ลั่นออกมาพร้อมๆกับเสียงหวีดของสายลมซึ่งพัดกรรโชกขึ้นมาอีกครั้ง ราวกับเสียง

    คำรามสัตว์ป่า และเงียบสงบลงในทันทีโดยทิ้งไว้เพียงความสั่นสะเทือนของอากาศภายในห้องทุกสิ่งหยุดนิ่งไม่ขยับเขยื้อน

    ราวกับเวลาได้หยุดลง

     

    อุหวา!!! นี่มันอะไรกันเนี่ยรู้สึกรอบตัวสั่นไปหมดเลย

    แพนด้าแดง ร้องด้วยความหวาดกลัว

    อยู่นิ่งๆอย่าขยับ ถ้าหากยังไม่อยากกลายเป็นชิ้นๆ

    โอดิน สั่งพร้อมกับกอดร่างเล็กจ้อยของแพนด้าแดงเอาไว้สุดอ้อมกอด เขาต้องแน่ใจว่าตำแหน่งที่พวกเขา

    นั่งปักหลักกันอยู่นี้ จะไม่ย้ายออกจาก ระยะที่ซึ่งโบลดาสคาดคะเนเอาไว้ไม่ให้พวกเขาต้องโดนลูกหลง

    จากการโจมตี ในวินาทีที่ทั้งห้องสงบลงจากเสียงคำรามและเสียงหวีดของลม มีเพียงความสั่นสะเทือน

    ที่มองไม่เห็นเท่านั้นที่พวกเขารู้สึกได้ มันคือการสั่นตัวของอากาศรอบๆ

     

    ครืนนนนนนนนนนนนนนนน!!!!

     

    เสียงโทนต่ำกังวานขึ้นไม่ใช่แค่ในห้องนี้ แต่เป็นทั้งพีรามิด เพดานห้องกำลังเกิดการพังทลาย ฝุ่นควันและดิน

    ทรายไหลทะลักลงมา อย่างมากมายมหาศาลแต่ก็หาได้ร่วงหล่นลงสู่พื้นแม้แต่เม็ดเดียว ทั้งหมดถูกพัดให้ไหลย้อน

    กลับขึ้นไปด้านบนทั้งหมด

     

    เพดานขอทางใต้ดินถล่มลงมาหมดเลยงั้นเรอะ…..”

    เสียงของมาโอห์ ดังขึ้นมาจากกลุ่มควันทรายที่ยังคละคลุ้งอยู่บนเพดานห้อง

     

    เข้าใจแล้วไฟนอลมูฟ ของเจ้าคือการดึงสายลมมาฟาดฟันเหมือนกับดาบโดยใช้ดาบเขื่องนั่น

     ต่างด้ามจับของดาบลมสินะถึงได้พัดเอาเพดานของทั้งพีรามิดหายไปได้แบบนี้น่ะ อันตรายจริงๆ แง้ว

     

    ภาพซึ่งปรากฏขึ้นหลังจากฝุ่นควันจางหายนั้นสร้างความตระหนกใจแก่โบลดาสเป็นอันมาก

     

    บ้าน่า! ไม่เป็นอะไรเลยงั้นรึ กระบวนท่าของข้ามัน…”

    แม่ทัพไลเกอร์ สบถออกมาเขาไม่อยากจะเชื่อสายตาตนเอง ว่าร่างของมาโอห์ซึ่งโดนการโจมตีของเขาที่พัดเพดาน

    ของพีรามิดจนหายไปเต็มๆ กลับไม่เป็นอะไรเลยแม้แต่น้อย

     

    ที่น่าตกใจไม่ใช่แค่นั้นหรอกนะโบลดาส ดูที่เพดานที่เจ้าถล่มมันไปสิ

    โอดิน พูดเสริมขึ้นมาพร้อมกับชี้ให้ดูที่เพดานซึ่งถูกถล่มไป แทนที่พวกเขาจะมองเห็นท้องฟ้าแต่สิ่งที่ปรากฏกลับเป็น

    ความมืดมิดที่ไม่มีอะไรเลยแทน

     

    ทำไมกันทั้งที่เพดานถล่มไปหมดแล้วแต่ยังไม่เห็นท้องฟ้าอีก กำลังคิดแบบนี้กันใช่ไหมล่ะ

    ที่จริงเพดานมันก็ถล่มลงมาหมดแล้วตอนที่โดนไฟนอลมูฟของเจ้าน่ะแหละนะ แต่ว่าที่ๆพวกเจ้ายืนอยู่ในตอนนี้

    น่ะไม่ใช่ใต้พีรามิดหรอกนะ เพราะของแบบนั้นข้าพังมันทิ้งตั้งแต่ตอนที่พวกเจ้าลงมาอยู่ในทางใต้ดินนี้หมดแล้ว

     

    มาโอห์ กล่าวรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ ฉีกกว้าง สีหน้ากลืนไม่เข้าคายไม่ออกของโบลดาสที่แสดงให้เห็นหลังจากที่

    เขาเฉลยคำตอบของสถานที่แห่งนี้ไปนั้นช่างหอมหวานยิ่งสำหรับเขา

     

    ถ้าอย่างนั้นร่างของเจ้าที่เราเห็นอยู่น่าจะเป็นแค่จิตของเจ้าเท่านั้นส่วนร่างต้นนั้นน่าจะอยู่อีกที่ใช่ไหม

    โอดิน ถามขึ้น

     

    ตามนั้นแหละเพราะงั้นการโจมตีของเจ้าแมวพันธุ์ทางนั่นถึงไม่มีผลกับข้ายังไงล่ะเพราะมันก็เท่ากับหวดลมดีๆนี่เอง

     

    “…. เดี๋ยวก่อนนะ ถ้าเป็นอย่างที่เจ้าว่ามาจริงล่ะหรือว่าที่นี่คือ?!!”

    โบลดาส เหมือนจะนึกอะไรออก และสมมติฐานนั้นทำให้สถานการณ์ยิ่งน่าวิตกมากขึ้นกว่าเดิมหากว่ามัน

    เป็นไปอย่างที่เขาคิดที่นี่คือดินแดนสมมติที่สร้างขึ้นมา เหมือนกับของ เรจิ ที่เขาเคยสัมผัสในคืน

    วันคริสต์มาส

     

    อย่างที่บอกไปแล้วไง ทางวงกตใต้พีรามิดที่พวกเจ้ายืนอยู่ทั้งหมดคือร่างกายที่แท้จริงของข้ามันคือ

    เมนทาลูโทเปีย พีรามิดออฟดาร์คเนส(Pyramid of Darkness) ยังไงล่ะ

    คำตอบของมาโอห์ ตรงกับสิ่งที่ คิด และโอดินเองก็เหมือนจะรู้อยู่แล้ว ตั้งแต่ตอนที่มองไม่เห็นท้องฟ้าหลังจาก

    เพดานถล่มลงมา

     

    สร้างของแบบนี้ขึ้นมาได้ นี่ก็แปลว่ามันมีพลังเทียบเคียงกับท่านอัลคาเซียเชียวรึ?!”

    โบลดาส หันมาขอความเห็นกับโอดินบ้าง แต่ โอดินก็ไม่อาจตอบอะไรได้ เขาเองก็ได้แค่เดาเหมือนๆกับโบลดาส

     

    อาจจะไม่ถึงขนาดนั้น แต่น่าจะอยู่ระดับเดียวกับที่ เรจิ แสดงให้เราเห้นในคืนคริสต์มาส น่ะนะ

    โอดิน กล่าวอย่างรวดเร็ว ในระหว่างีท่พวกเขาสนทนากันอยู่เดธคาเมล ทั้ง 5 ตัวซึ่งเคยถูก ไฟนอลมูฟของ

    โบลดาสพัดไปติดกำแพงห้อง ตอนนี้พวกมันกำลังเดินกลับเข้ามาล้อมพวกเขา

     

    หึๆๆ รู้แล้วๆ กินกันให้อิ่มไปเลยพวกสัตว์เลี้ยงที่น่ารักของข้า ฮ่าๆๆๆๆ

    มาโอห์ ออกคำสั่งน้ำเสียงระรื่น ฝูงเดธคาเมล จึงตรงเข้ามาหวังจะรุมกินโต๊ะ พวกเขา

     

    เหวอ!! พวกมันมาแย้ว!!”  แพนด้าแดงกรีดร้อง และเอาหน้าซุกอก โอดิน ด้วยความหวาดกลัว

    จะทำยังไงดีล่ะโอดิน? ถ้าไม่ทำลายพวกมันให้สิ้นซากล่ะก็ .. แต่ว่าถ้าทำแบบนั้นโลกิก็จะ…”

    โบลดาส ถามพวกเขายังไม่ถึงกับอับสิ้นหนทาง ที่จะเอาตัวรอดแต่การจะทำแบบนั้น ก็ต้องตัดใจจากโลกิ

    แล้วจัดการขั้นเด็ดขาดกับพวกมันหรือถอยหนีไปทั้งอย่างนี้ซึ่งแบบนั้น โลกิ ก็อาจถูกย่อยจนตายอยู่ในกระเพาะของมัน

     

    “…………”

    ไร้ซึ่งการตอบกลับใดๆ โอดิน เพียงแค่ส่งตัวแพนด้าแดงที่เขาอุ้มอยู่ให้กับโบลดาส

     

    โบดาสคุ้มครอง คุณแพนด้าแดงที แล้วที่เหลือปล่อยให้ข้าจัดการเอง

     

    จะเอาอย่างนั้นเหรอ?”

    โบลดาส ถามพร้อมกับรับตัวแพนด้าแดงมา โอดิน ตอบรับด้วยการพยักหน้าสั้นๆ

     

    เข้าใจแล้ว

    โบลดาส ขานรับพร้อมกับ เดินจากไปโดยพาแพนด้าแดงไปด้วย

    ท่านโอดิน

    สายตาของแพนด้าแดง มองเห็นแต่แผ่นหลังสีขาวของ โอดินที่ไกลออกไป ในขณะที่ตัวเขาถูกโบลดาสอุ้มพาออก

    จากวงล้อมของเดธคาเมล ซึ่งพวกมันก็ไม่ได้สนใจพวกเขาเลย แต่มุ่งตรงไปหาโอดินที่ยังคงยืนนิ่งอยู่ที่เดิม

     

    แข็งใจหน่อยนะโลกิ พ่อจะช่วยเจ้าออกมาให้ได้

    โอดิน กระซิบกับตนเอง ก่อนจะชักดาบอีกเล่มจากเอวขึ้นมาถือเป็นดาบคู่

     

    พระแสงแห่งพระวิญญาณ คือพระวจนะของพระเจ้า !”

    ( the sword of the Spirit, which is the word of God.)

     

     

    =====================Holy Sword===================

     

    มานารอบๆกลั่นตัวกลายเป็นประกายแสงสะท้อนระยิบระยับในอากาศหลั่งไหลไปรวมกันยังใบดาบของ

    โอดิน และทำให้ดาบเปล่งประกายด้วยแสงสีขาว หมาป่าขาวสะบัดดาบออกแล้วโจนทะยานเข้าห้ำหั่นกับ

    มัมมี่ยักษ์ด้วยความสามารถทั้งหมดที่มี

     

    …………………………………………………………………………………..

    ……………………………………………..

    …………………….

     

    ตรงหน้าคือความมืดมิด ซึ่งไม่อาจมองเห็นอะไรได้เลยแม้แต่มือของตัวเอง แม้แต่จะนึกตัวเองเป็นใครก็ยังนึกไม่ออก

     ในความมืดที่เงียบสงบและอ้างว้างเช่นนี้ คือสิ่งที่เรียกว่าความตาย ใช่รึเปล่านะ?

     

    โลกิ มาอยู่นี่เองเหรอหาซะแทบแย่แน่ะ

     

    เสียงที่คุ้นเคยดังขึ้นท่ามกลางความมืดมิด

     

    ปล่อยผม….ผมอยากอยู่คนเดียว!”

    นายยังคิดมาดเรื่องนั้นอยู่อีกเหรอ?”

    “………………….”

     

    อย่าคิดมากน่า นายทำดีที่สุดแล้วโลกิ ที่พวกเราแพ้ไม่ได้เป็นเพราะนายซักหน่อย

     

    ผมน่ะรู้อยู่แต่แรกแล้วว่าพวกเราจะต้องแพ้ภาพมันเด่นชัดอยู่ในตาของผมตั้งแต่ก่อนที่เราจะแข่งแล้ว!”

     

    เฮ้ๆ นี่นายเอาเรื่องแบบนั้นมาคิดระหว่างแข่งด้วยเหรอเนี่ย? ไอ้ที่ว่าเห็นอนาคตอะไรนั่นน่ะนะ?”

     

    ผมเห็นจริงๆนะ หลายครั้งแล้วด้วยไม่ว่าจะเริ่มทำอะไร ภาพมันก็จะแทรกเข้ามาในหัวเอง แล้วส่วนใหญ่ก็ถูกต้องทั้งหมดเลยด้วย ไม่ว่าผมจะพยายามทำอะไรมันก็จะล้มเหลว ทุกอย่างจะพินาศหมดผมน่ะมันเป็นตัวซวยอย่างที่คนอื่นพูดกันจริงๆนั่นแหละ!!!”

     

    “…………….เฮ้อ~~~~~~~~ ”

     

    งั้นที่แพ้ก็ช่วยไม่ได้แล้วล่ะเพราะยังไม่ทันทำอะไรนายก็ชิงถล่มตัวเองซะก่อนแล้วนี่

    “………………………”

     

    โลกินายน่ะไม่ลองสู้กับมันดูซักตั้งล่ะ

     

    ยังไงล่ะครับก็มันไม่มีตัวตนนี่จะให้ไปต่อยหรือเตะมันก็ทำไม่ได้อยู่แล้ว ไอเจ้าพลังเห็นอนาคตเนี่ย

    ไม่ได้หมายความว่าอย่างง้านนนน…”

    ฉันหมายถึงเอ่อ….ว่ายังไงดีล่ะ

    ใช่แล้ว เปลี่ยนมันไง!”

     

    เปลี่ยน?...”

    ใช่ลองนึกว่าถ้าเราเปลี่ยนภาพที่เราเห็นได้อย่างเช่นถ้านายเห็นว่าตัวเองจะแพ้ก็ลอง

    พยายามนึกว่าถ้านายชนะภาพมันจะออกมาเป็นยังไงดูสิ

     

    อืมผมจะพยายาม…”

    ดีล่ะ!งั้นกลับกันเถอะ

     

    “…………………..”

    เอ้า! ยื่นมือมาสิ ถ้าหนนี้เกิดนายยอมแพ้ขึ้นมาอีกฉันจะไม่ปล่อยให้นายหลุดมือมาหลบอยู่ที่แบบนี้อีกแน่

     

    อื้อ!.........”

     

    บทสนทนาที่ดังก้องขึ้นในความมืดมิด ช่วยให้จำได้ว่าตนเองเป็นใคร โลกิ คือชื่อของเรา และเสียงนั่นคือ พี่

    จุ้นจ้านจริงๆพี่เนี่ยตั้งแต่เมื่อก่อนแล้ว ไม่ว่าเมื่อไหร่พี่ก็ไม่ยอมปล่อยมือเรา ทุกครั้งที่เราสิ้นหวังพี่ก็มักจะโผล่

    ออกมาเสมอๆกระทั่งจะถูกประหารก็ยังจะมาหาเราอีก  แต่ตอนนี้ในความมืดมิดที่น่าชิงชังนี่

    ถ้ามันเป็นความตายจริงๆล่ะก็ พี่จะมาหาไหมนะ?

     

    เรานี่มันอ่อนแอจริงๆ พอไม่มีพี่ก็ทำอะไรไม่ได้เลยรึไงกัน…..”

    เสียงของ ลิงหนุ่ม ลั่นออกจากปาก ความรู้สึกเริ่มกลับคืนมา เขารู้สึกถึงตัวตนของตนเองอีกครั้ง

    สัมผัสของความร้อน สายเลือดที่ไหลเวียนอยู่ในตัว ความรู้สึกของ มือ เท้า แขน และ ขาทั้งหมดกำลังกลับคืนมา

    และในที่สุดก็ได้แสงสว่างคืนมา เมื่อเปลือกตาของลิงหนุ่มคลี่ออก ภาพทิวทัศน์ที่เห็นยังคงมืดสนิท แต่ก็มีแสงสว่าง

    ลอดเข้ามาเพียงเล็กน้อยทำให้พอจะมองเห็นว่าเขาอยู่ตรงไหน สถานที่แห่งนี้ช่างคับแคบ แทบจะไม่มีที่ให้ขยับตัวมากนัก

     

    “…..ที่นี่ที่ไหนกัน?”

    โลกิ เปรยกับตัวเอง เขาพยายามนึกลำดับเรื่องราวต่างๆก่อนหน้าที่จะเข้ามาอยู่ในนี้ และในที่สุดเขาก็นึกออก

     

    นึกออกแล้วเราถูกเจ้าเดธคาเมล กลืนลงมางั้นที่นี่ก็เป็นกระเพราะของมันงั้นเหรอ

     

    เหวอ!!!!”

    โลกิ ร้องเสียงหลงเมื่อที่ๆเขาอยู่ในตอนนี้เกิดเคลื่อนตัวไปมา จนร่างของเขาเหวี่ยงตามไปด้วย และสัมผัสได้ถึงน้ำ

    เมือกเหนียวๆที่เจิ่งนองอยู่เต็มที่แห่งนี้ นำพวกนั้นทำให้เขารู้สึกแสบคัน เหมือนผิวหนังถูกกัดด้วยน้ำกรด

    นั่นทำให้เขาแน่ใจแล้วว่าตนกำลังถูกย่อยอยู่ในกระเพาะของ เดธคาเมล

     

    ขยับตัวซะขนาดนี้ข้างนอกนั่นมันกำลังสู้กันอยู่หรือ แต่ว่านอกจากแพนด้าแดงแล้วก็ไม่มีใครอยู่ในห้องอีกแล้วนี่

     

    อ๊ะ! จริงด้วยก่อนที่จะโดนกลืนลงมาตอนนั้นประตูห้องเปิดออกด้วยแล้วคุณพ่อกับโบลดาส

    …..งั้นหรือว่าเจ้านี่มันกำลังสู้กับพวกเขาอยู่

    โลกิ จำเหตุการณ์ในตอนที่เขาถูกกลืนได้ทั้งหมด และนั่นทำให้เขาเริ่มสงสัยขึ้นมา

     

    แต่ก็น่าแปลกนะถึงเดธคาเมลจะเก่งขนาดที่ว่าพวกเราสิบกว่าคนยังจัดการไม่ได้ก็ตามที แต่ว่าถ้าเป็นพวกคุณพ่อที่เป็นอาร์คไนท์……พวกเขามีไฟนอลมูฟ งั้นระดับแค่เจ้าเดธคาเมลนี่น่าจะจัดการได้ไม่ยากแท้ๆถ้างั้นเหตุผลที่เราซึ่งอยู่

    ในกระเพราะของมันยังไม่ถูกจัดการไปด้วยอีกก็มีแต่…..”

    การสันนิษฐานของ โลกินั้นแม้ไม่ต้องเป็นอัจฉริยะเช่นเขาก็ยังรู้ได้ว่าเพราะเหตุใด

     

    พวกเขารู้ว่าเราถูกกลืนลงมา! แสดงว่าคุณพ่อกับโบลดาส เชื่อว่าเรายังรอดอยู่ในท้องของมันสินะ งั้นก็ต้องรีบออกไปจากที่นี่แล้ว!!”

    โลกิได้ข้อสรุปในที่สุดและพยายามคิดหาทางออกจากที่นี่ก่อนที่พวกโอดินจะยื้อเอาไว้ไม่ไหว แต่ปัญหาก็ยังไม่หมด

    ไป ในตอนนี้ตัวเขาไม่มีพลังจิตใจหลงเหลืออยู่อีกแล้วทั้งหมดใช้ในการต่อสู้กับเดธคาเมล ตอนนี้เขาไม่สามารถกลั่นมานามาร่ายเวทมนต์ได้อีก

     

    แต่จะทำยังไงดีล่ะ? ตอนนี้ตัวเราไม่เหลือพลังจิตใจ(MP)จะกลั่นมานาแล้วจะออกไปจากที่นี่ยังไงดี?”

    ในขณะที่ความสิ้นหวังเริ่มจะกลืนกินเขาอีกครั้ง สายตาก็เหลือบไปเห็นแสงสว่างเพียงหนึ่งเดียวที่ส่องเข้ามา

    ในที่มืดมิดเช่นนี้ และแล้วความคิดก็พลันแล่นเข้ามาในหัว

     

    จริงสิที่นี่มันในกระเพาะนี่นาแล้วแสงที่ส่องเข้ามานี่มันมาจากไหนกัน?”

    โลกิ ขยับตัวเข้าหาแสงสว่างนั่นทันที และเขาก็พบว่ามันคือแสงซึ่งเปล่งประกายออกมาจากคมดาบ

    ที่เสียบติดกับผนังกระเพาะ วินาทีนั้น เขาจำมันได้ในทันที

     

    นี่มัน……ดาบของฮาจิ

    สันนิษฐานเช่นนี้ของโลกิ นั้นถูกต้องอย่างแน่นอน เพราะแสงสว่างที่เปล่งออมกาจากดาบคือ โฮลี่ซอร์ด ซึ่ง

    เป็นวิชาที่ ฮาจิ ใช้ก่อนจะสู้โดยเอาชีวิตเข้าแลกเพื่อปกป้องเขา ตั้งแต่ตอนนั้นจนถึงตอนนี้พลังเวทของฮาจิ

    ยังคงตกค้างอยู่ในดาบ

     

    แล้วทำไมมันถึงมาอยู่ในนี้ได้ล่ะ ตอนที่เราระเบิดเจ้าเดธคาเมลทุกอย่างกลายเป็นจุลไปหมดแล้วนี่

    โลกิ เปรยความสงสัยของเขาได้รับคำตอบในไม่ช้า

     

    จริงสิก่อนที่จะถูกกลืนลงมาใกล้ๆกับที่เรายืนอยู่ดาบนี่ก็ปักอยู่บนพื้นด้วย บางทีคงจะติดเข้ามาพร้อม

    กับตอนที่เขมือบเรา ดีล่ะถ้าใช้เจ้านี่ล่ะก็บางทีอาจจะออกไปได้ก็ได้

    โลกิ เข้าจับเอาดาบนั้นแล้วดึงออกมาทันที น้ำหนักของมันทำให้ตัวเขาถึงกับเซ และนึกสงสัยว่าพาลาดินส่วนใหญ่แบกดาบหนักขนาดนี้กันคนละสองเล่มได้อย่างสบายๆได้อย่างไรกัน

     

    เอาล่ะช่วยหน่อยนะฮาจิ…”

    โลกิ จับดาบด้วยสองมือ แล้วแทงมันเข้ากับผนังกระเพาะ  ในขณะที่แสงสว่างบนคมดาบ จางลงทุกขณะเพราะพลังเวท

    ของฮาจิที่ตกค้างอยู่นั้นค่อยๆหมดไป เขาจะต้องผ่าท้องของเดธคาเมลแล้วออกไปให้ได้ก่อนจะเป็นแบบนั้นไม่อย่างนั้นแล้ว

    ลำพังดาบเล่มนี้ก็ไม่คมพอที่จะตัดเยื่อหุ้มกระเพาะนี้ออกไปได้แน่

     

    ……………………………………………………………………

    ……………………….

     

     

    กลอเรีย พาร์ติ เอ็ท ฟิลิโอ้ เอ็ท สปิริตตู แซงโต้ ซิคัท เอรัท อิน พรินซิปิโอ้ เอ็ท นุนซ เอ็ท เซมเพอร์ เอ็ท อิน ซาเอคูล่า ซาเอคูโลรัม อาเมน!”

    [ GLORIA PATRI, et Filio, et Spiritui Sancto. Sicut erat in principio, et nunc, et semper, et in saecula saeculorum. Amen.]

    (สิริพึงมีแด่พระบิดา พระบุตร และพระจิต เหมือนในปฐมกาล บัดนี้. และทุกเมื่อตลอดนิรันดร อาเมน)

     

    เสียงร่ายพระสูตรของโอดิน เรียกร้องให้มานาในบรรยากาศกลั่นตัวเป็นแสงสว่างหลั่งไหลมา

    รวมกันบนใบดาบทั้งสอง เมื่อบทสวดจบลง จึงควงดาบในหมุนจบหนึ่งรอบ แสงสว่างบนใบดาบจึงย้ายมา

    สถิตกับร่างของเขาแทน ซึ่งทันกับที่ เดธคาเมล ทั้ง 5 ตัวเข้ามาใกล้เขา ก่อนที่พวกมันจะทันได้จับตัว

     

    โอดิน ก็ออกตัววิ่งฝ่าออกจากวงล้อมไปได้อย่างสบายๆ ด้วยความเร็วที่เพิ่มขึ้นอย่างกะทันหัน

    จนมาโอห์ ที่มองดูอยู่ถึงกับตกใจกับความคล่องแคล่วว่องไวของ หมาป่าขาว

     

    พระสูตรที่ โอดินร่ายนั้นคืออันเดียวกับ Brave Spirit ซึ่งเป็นวิชาสำหรับเพิ่มความเร็วและพลัง

    ให้กับผู้ใช้ชั่วขณะ เป็นวิชามาตรฐานของพาลาดิน ที่แม้แต่ทอล ก็เคยใช้มาแล้ว(จากตอนที่ 1)

    แต่ทว่าของ โอดินนั้นต่างออกไปนิดหน่อย เขาร่ายพระสูตรด้วยภาษาดั้งเดิมซึ่งมีเพียงพาลาดินระดับสูงเท่านั้นที่จะได้รับการสอนพระสูตรในรูปแบบนี้ การร่ายด้วยภาษาดั้งเดิมนั้น จะทำให้พลังของพระสูตรมีมากกว่าปกติ และเมื่อครู่นั้น จาก Brave Spirit ทั่วๆไปได้ยกระดับกลายเป็น ท่าวิชาที่พิเศษกว่านั้นมันคือ

    Glorious Spirit

     

    =============Glorious Spirit ============

     

    ซึ่งความแตกต่างนั้น  Brave Spirit จะเป็นเพียงแค่การ เพิ่มขวัญและกำลังใจด้วยพระสูตรที่ร่ายนั้นมีผลกับจิตใจ

    โดยไม่มีการกลั่นมานา มาร่วมในการใช้งาน แต่สำหรับ Glorious Spirit แล้วจะทำให้เกิดการกลั่นมานา

    และได้รับอานิสงค์เพิ่มเติมเป็นพลังที่เพิ่มขึ้นให้กับร่างกายจนสามารถเคลื่อนไหวเกินขีดจำกัดได้

     

    เมื่อโอดิน ฝ่าออกมาจากวงล้อมแล้ว จึงเริ่มร่ายพระสูตรกลั่นมานา มารวมไว้ที่ดาบอีกครั้ง

    ดาบเปล่งประกายด้วยแสงสว่างเจิดจ้าแล้วหมาป่าขาวก็ โจนทะยานขึ้นในอากาศ

     

    พาเธอร์ นอสเธอร์ คี เอส อิน คาเอลิส แซงทิฟิเคเทอร์ โนเมน ทูอัม แอดเวนนิแอท เรกนัม ทูอัม …”

    [Pater Noster, qui es in caelis, sanctificetur nomen tuum. Adveniat regnum tuum]
    (ข้าแต่พระบิดาของข้าพเจ้าทั้งหลาย พระองค์สถิตในสวรรค์ พระนามพระองค์
    จงเป็นที่สักการะ พระอาณาจักรจงมาถึง .....)

     

    เมื่อพระสูตรจบลงร่างของโอดิน ซึ่งทะยานขึ้นไปก็ได้หล่นลงมาตามแรงโน้มถ่วง ในจังหวะที่เท้า

    สัมผัสกับพื้น จึงฟาดดาบทั้งสองเล่มลงบนพื้น แสงสว่างจากดาบแปรเปลี่ยนเป็นไฟสีขาว

    แผ่พุ่งออกไปสี่ทิศทางเป็นรูปกา กบาท แผดเผาใส่เดธคาเมล

     

    ============Cross Impact===========

     

    ครอสอิมแพค เวอร์ชั่นดั้งเดิม ซึ่งให้อานุภาพรุนแรงกว่าที่ ทอล หรือ ฮาจิ กับ นานะ เคยใช้ ไฟสีขาวที่

    แผ่ออกจากดาบเผาไหม้ขาของเดธคาเมล สี่ตัวที่อยู่ในรัศมีให้กลายเป็นจุลได้ในพริบตาพวกมันซึ่ง

    สูญเสียขาไปจึงเสียหลักล้มระเนระนาด และเมื่อไฟดับลงบนพื้นที่เขาฟาดาบลงไปยังคงเหลืรอยแยกรูป

    กา กบาทอยู่บนพื้นโดยที่มีแสงสว่างเปล่งออกมาจากรอยแยก

     

     เดธคาเมล ตัวที่ไม่ถูกไฟครอกใส่ขา ได้กระโจนตัวข้ามพวกที่ล้มระเนระนาด ไปหมายจะเข้ามาจัดการกับ โอดินหมาป่าขาวขับขานพระสูตรอีกครั้ง พร้อมกับออกวิ่งเพื่อหนีจากการไล่ล่าของ เดธคาเมลตัวนั้น

     

     

    ฟิอัท โวลันตัส ทูอา ซิคัท อิน คาเอโล อิน เทอร่า!” [ Fiat voluntas tua, sicut in caelo et in terra. ]
    (.....พระประสงค์จงสำเร็จในแผ่นดินเหมือนในสวรรค์ )

    สิ้นคำ โอดิน ขว้างดาบในมือขวาออกไป ดาบพุ่งเข้าหารอยแยกกา กบาท บนพื้นที่เกิดขึ้นจาก

    ครอสอิมแพคเมื่อดาบปักลงไปบนรอยแยกแล้วแสงสว่างจากรอยแยกก็เปล่งประกายเจิดจ้า

    ยิ่งกว่าตามมาด้วยการระเบิดอย่างรุนแรง แสงสว่างซึ่งระเบิดออกมาจาก รอยแยกเผาผลาญร่าง

    ของเดธคาเมล สี่ตัวที่ล้มอยู่จนมอดไหม้เป็นเถ้าธุลีในพริบตา การระเบิดที่เกิดขึ้นนั้นคือ แกรนครอส

    ซึ่งมีพลังทำลายรุนแรงกว่าแบบปกติด้วยการร่ายแบบดั้งเดิมอีกด้วย

     


    ============Grand Cross===========

     

    แรงระเบิดของแกรนครอสนอกจากจะเผาเดธคาเมลทั้งสี่ตัวจนสิ้นซากไปแล้ว ลูกหลงจากการระเบิดยังเข้าปะทะใส่ เดธคาเมล ตัวสุดท้ายที่กำลังไล่จับ โอดิน จนมันกระเด็นไปล้มอยู่ที่ไกลๆ

     

    มาโอหซึ่งจับตาดูการต่อสู้นี้ได้พูดขึ้นด้วยความมั่นใจ

     

    เข้าใจแล้วที่แกไม่กล้าลงมือกับเดธคาเมลตัวนั้นเพราะมันเป็นตัวที่กลืนเจ้าลิงนั่นซึ่งเป็นลูกชายของแกสินะ

     ยังไม่ยอมตัดใจจากลูกชายงั้นสิ แล้วถ้าเจอแบบนี้ล่ะ

    แผนร้ายของมาโอห์ เริ่มขึ้นเมื่อจุดประสงค์ของโอดินได้ถูกล่วงรู้ แมวเฒ่ามาโอห์ เริ่มร่ายคาถา

    คืนสภาพเดธคาเมล สี่ตัวที่ถูกเผากลายเป็นเถ้าธุลี ขึ้นมาอีกครั้ง ทว่าหนนี้พวกมันไม่ได้แค่ฟื้นคืนกลับมา

    เฉยๆ เดธคาเมล ตัวที่กลืน โลกิ ลงไปเกิดการเปลี่ยนแปลงขึ้นด้วยเช่นกัน ผ้าพันแผล

    ที่พันรัดร่างของมันปลดตัวออก เผยผิวหนังของซากศพแห้งผากใต้ผ้าพันแผลออกมา และ ตอนนี้ตัวอื่นๆ

    ก็เริ่มทำตาม ในที่สุดร่างของพวกมันก็เปลือกปราศจากผ้าพันแผลใดๆ ร่างกายที่เป็นซากศพของพวกมันหลอมรวมกันเป็นเนื้อเดียว ใบหน้าทั้ง 5 ยื่นออกมาจากศีรษะเดียวกัน แขนและขาของทั้ง 5 ตัวรวมกัน

    อยู่ในร่างเดียว รูปร่างของมันเปลี่ยนไปกลายเป็นปีศาจโดยสมบูรณ์

     

    อึ้งเลยใช่ไหมล่ะนี่คือ ห้าพักตร์สิบกร เดธคาเมลอสุราโหมด(Death Camel Asura Mode)

     

    ดูเหมือนว่าเจ้า จะสืบรู้เรื่องของพวกเรามาเป็นอย่างดีเลยสินะ

    โอดิน มองดูร่างของเดธคาเมลที่เปลี่ยนไปด้วยอาการสงบนิ่ง แม้จะเผชิญหน้ากับอสูรร้ายที่น่าหวาดหวั่น

    แต่สิ่งที่น่าวิตกกว่า คือการที่เดธคาเมลทั้งหมดรวมเป็นตัวเดียวกันนั่นเท่ากับว่าไม่สามารถเลี่ยงการโจมตีใส่โลกิได้เลย หากต้องสู้กับมัน และ มาโอห์ คงจะเข้าใจดีถึงความผูกพันธุ์พ่อลูกระหว่างเขากับโลกิ

    จึงได้เล่นลูกไม้แบบนี้มา

     

    ก็ราวๆนั้นล่ะนะแง้ว เก็บพวกมันซะ!”

    มาโอห์ ออกคำสั่ง อสูรร้ายคำรามเสียงดังเพื่อข่มขวัญศัตรูตรงหน้า ขาทั้งสิบของมันขยับ

    เคลื่อนไหวคล่องแคล่วโดยที่จำนวนขาถึงสิบข้างนั้นไม่ได้สร้างภาระในการเคลื่อนไหวเลยแต่

    กลับทำให้มันเคลื่อนที่ได้เร็วขึ้นกว่าเดิม และด้วยจำนวนแขนที่เพิ่มขึ้นเป็นสิบแขน ในร่างเดียว

    ปัญหาที่จะชนกันเองเวลาไล่จับก็ไม่มีทางจะเกิดขึ้น ร่างอสูรของเดธคาเมลกลบจุดอ่อนก่อนหน้านี้

    ทั้งหมดโดยสิ้นเชิง โอดินตกที่นั่งลำบากในที่สุด เขาตระหนักดีว่าไม่อาจจะยื้อเวลาต่อไปได้อีกแล้ว

    หากไม่จัดการเสียตอนที่ยังมีแรงเหลืออยู่ก็จะเป็นเขาที่ถูกจัดการเสียเอง หมาป่าขาววิ่งกลับไปหาดาบ

    ที่ตนขว้างออกไปเพื่อใช้ท่าแกรนครอส โดยอาศัยวิ่งลอดใต้ระหว่างขาทั้งสิบของมัน ด้วยสรีระของร่างใหม่ทำให้มันก้มตัวได้ไม่ดีนัก จึงไม่สามรถก้มลงมาจับตัวเขาที่อยู่ข้างใต้มันได้ กระนั้นก็ตามขาทั้งสิบข้างของมันยังคงใช้เหยียบร่างของเขาให้บี้แบนได้การจะมาหลบภัยอยู่ใต้นี้ก็ไม่ใช่ทางเลือกที่ฉลาดเท่าไหร่นัก

     

    โอดิน ถอนดาบกลับมาได้สำเร็จและวิ่งออกไปตั้งหลักใหม่ให้ห่างจากมันจนเกือบสุดห้อง

    และรอจังหวะให้มันไล่ตามมา ดาบทั้งสองเล่มเลื่อนขึ้นตั้งฉากกับลำตัวโดยยกอยู่ในระดับเดียวกับหัวไหล่

    รอคอยให้เวลามาถึง เมื่อเงาของร่างมหึมาซ้อนทับกับเงาของหมาป่าขาว ใบดาบทั้งสองก็โลดแล่น

     

    เขี้ยวแฟดล่าสังหาร!”

    โอดิน หมุนตัวควงดาบให้วนไปรอบทิศทางพร้อมๆกับเขย่งขากระโดด ขึ้นไปด้วย รัศมีดาบของดาบที่ตีวง

    ขณะหมุนตัวนั้นเชือดเฉือน ใส่มือทั้งสิบที่พุ่งเข้ามาจนสะบั้นขาด  และเมื่อขึ้นไปถึงศีรษะของเดธคาเมล

    เขาจึงหยุดหมุนตัวแล้วสลับกันฟาดดาบในมือซ้ายและมือขวาลงไปยังศีรษะของมัน

     

    =================Dual Brand================

     

    เคร้ง!!

     

    เสียงกระทบของโลหะดังขึ้น และใบดาบทั้งสองได้แตกกระจายเป็นเศษเล็กเศษน้อยราวกับแก้ว

    โดยที่ศีรษะของมันไม่ได้มีรอยแผลเลยแม้แต่นิดเดียว

     

    ร่างใหม่ของมันแข็งขนาดดาบที่เสริมพลังด้วยโฮลี่ซอดยังฟันไม่เข้าเลยงั้นรึ?”

    โบลดาส พูดเขาจ้องตาไม่กระพริบเลยทั้งยังรู้สึกทึ่งกับสิ่งที่เกิดขึ้นเป็นอันมาก ในขณะที่มาโอห์ นั้นกลับ

    นิ่วหน้าคิ้วขมวด และจิกปากด้วยความสงสัยแทน

    เฮ้ยๆ อสุราโหมดน่ะไม่ได้เพิ่มความแข็งของร่างกายด้วยซักหน่อย…..แล้วทำไมดาบของมันถึง….”

     

    ระหว่างที่มาโอห์ กำลังสงสัยอยู่นี้เอง ที่ร่างกายของเดธคาเมล ก็เกิดสิ่งไม่คาดคิดขึ้นกับมัน

    บริเวณท้องของมันมีวัตถุปลายแหลมแทงทะลวงออกมา และมีน้ำเมือกสีเขียวสดไหลหยาดเหยิ้ม

    ออกมาจากรูที่ วัตถุนั้นแหวกออกมาด้วย เมื่อวัตถุนั้นโผล่พ้นออกมาอีกเล็กน้อย โอดินจึงสังเกตได้ว่า

    มันคือส่วนปลายของดาบ

    นั่นมัน!”

    โอดิน ไม่รอช้าอีกแล้วหลังจากเห็นปลายดาบที่ท้องของมันด้วยสัญชาตญาณ เขารู้ได้ทันทีว่านั่นคืออะไร

    ร่างสีขาวเหยียบเท้าลงไปบนไหล่ของเดธคาเมลแล้ววิ่งดิ่งลงไปตามลำตัว เข้าไปหาปลายดาบนั่นพร้อมกับร่ายพระสูตรเอาไว้

     

     “พาเธอร์ นอสเธอร์ คี เอส อิน คาเอลิส แซงทิฟิเคเทอร์ โนเมน ทูอัม แอดเวนนิแอท เรกนัม ทูอัม …”

     

    เมื่อลงมาจนเกือบถึงจุดหมายแล้วโอดินจึงได้ละทิ้งด้ามจับของดาบที่ใบดาบแตกละเอียดทิ้งไปแล้วใช้สองมือ

    สองเท้ากางกรงเล็บออกจิกเข้ากับผิวหนังของเดธคาเมล เพื่อยึดเกาะ แล้วปีนป่ายเข้าไปหาปลายดาบ

    ที่ยื่นออกมาจากร่างของมัน ในช่วงระหว่างที่โอดิน ทำแบบนั้น แขนทั้งสอบที่ถูกตัดด้วย Dual Brand

    ก็งอกออกมาครบพอดี  และเตรียมจะพุ่งเข้าไปจับตัวโอดินที่ไต่เล่นตามร่างกายของมัน

    แต่หมาป่าขาว ไวกว่าเขาใช้มือข้างหนึ่งแตะเข้าที่ปลายดาบ

     

    บรึมมมมมมมมมม!!!!!!!!!

     

    บริเวณที่ปลายดาบแทงออกมานั้นเกิดการระเบิดขึ้น แสงสว่างเจิดสาดส่องออกมาจากดาบนั้น ด้วยพระสูตรที่เขาร่าย

    ก่อนจะลงมา คือครอสอิมแพค และเมื่อแตะเข้าที่ปลายดาบก็เป็นการถ่ายย้ายให้มานา ที่รวบรวมมาเข้าไปที่ใบดาบ

    ซึ่งแทงออกมาก่อให้เกิดการโจมตีจากภายใน โดยจะสร้างความเสียหายที่พื้นผิวที่ซึ่งใบดาบแทงเอาไว้เท่านั้น

     

    ============Cross Impact===========

     

    วิธีนี้นับว่าอันตรายเพราะไม่เพียงแต่เขาที่จะต้องรับแรงสะท้อนของการระเบิด แต่โลกิที่อยู่ข้างใน ซึ่งเขาเองก็

    ไม่แน่ใจว่าจะเป็นผู้แทบดาบเล่มนี้ออกมาจาก กระเพาะของมันหรือไม่ ก็จะได้รับบาดเจ็บด้วยเช่นกันหาก

    ตอนที่เขาถ่ายเทพระเวทย์เข้าไปในดาบแล้วโลกิยื่นส่วนใดของร่างกายมาอยู่ในรัศมีของใบดาบก็จะถูกลูกหลงเข้าไป

    ทันที แต่ผลรับที่ออกมาตอนนี้นับว่าเป็นที่น่าพอใจ  แรงระเบิดทำให้ ร่างเดธคาเมล เอนล้มและหยุดชะงักไป

     

    ส่วนโอดิน ก็มีแผลไฟไหม้จากลูกหลงของครอสอิม แพค  มาเต็มๆเช่นกันแต่กระนั้น มือขวาของเขาก็ได้ไขว่คว้า

    ความหวังออกมาจาก รูที่เกิดขึ้นเพราะการระเบิด  ร่างซึ่งห่อหุ้มด้วยขนสีแดงเข้ม ชุ่มไปด้วยน้ำเมือกสีเขียว

    ที่เป็นน้ำย่อย คือลูกชายที่ยังมีลมหายใจรวยริน ในมือขวากำดาบที่ใช้แทงกระเพาะ ออกมาไว้อย่างเหนียวแน่น

    ไม่ยอมปล่อย

     

    แพนด้าแดงซึ่งมองเห็น ร่างของโลกิ ถูกดึงออกมาจากรูตรงช่องท้องของเดธคาเมลก็โพล่งออกมาด้วยความลิงโลด

    ..คุณโลกิ ปลอดภัยดีสินะ

     

    ชิ ยังไม่โดนย่อยเป็นเลือดอีกเรอะ หนังเหนียวจริงนะเจ้าลิงตัวนี้

    มาโอห์ จิกปากด้วยความเจ็บใจ ได้แต่มอง หมาป่าขาวอุ้มตัวลูกลิงหนีออกมา อย่างสบายๆ

     

    เดธคาเมล ฆ่าพวกมันไปพร้อมกันทั้งพ่อทั้งลูกเลย

    คำสั่งของ มาโอห์ ทำให้ เดธคาเมลกลับมาขยับตัวอีกครั้ง มันยันตัวลุกขึ้นมายืนใหม่หลังจากล้มลงไป  รูโหว่บริเวณท้อง

    ที่เกิดจากากรระเบิดสมานตัวปิดสนิทอย่างรวดเร็ว มันฟื้นคืนสภาพอย่างสมบูรณ์และพร้อมจะไล่ล่าต่อทันที

    เป้าหมายของมันอยู่ห่างไปไม่ไกลเกินเอื้อมมือ หนำซ้ำยังไม่มีอาวุธและยังแบกร่างของ โลกิ เป็นภาระเอาไว้ทำให้วิ่ง

    หนีไม่ได้

     

    สถานการณ์เช่นนี้ บีบให้โบลดาส จับดาบขึ้นมาหมายจะเข้าไปขัดขวางแต่โอดิน ก็ส่ายหน้าเป็นสัญญาณให้เขา

    ยังไม่ต้องทำอะไร

     

    เมื่อกี้เจ้าพูดสินะว่าข้าไม่กล้าลงมือเพราะลูกชายของข้าอยู่ในท้องของมัน…..ข้าขอแสดงความยินดีด้วยที่เจ้าตอบถูกและนี่คือรางวัล

    หมาป่าขาว เปรยด้วยน้ำเสียงสงบเยือกเย็น ราวกับว่าเมื่อได้ตัวลูกชายคืนมาก็ไม่มีความจำเป็นที่จะต้องกังวล

    กับศัตรูอีกแล้ว ทั้งที่ในตอนนี้ตัวเขาไม่อยู่ในสภาพที่จะจับดาบสู้ได้เลย แม้แต่ดาบของเขาพังยับเยินจนใช้การ

    ต่อไม่ได้แล้วอีก

     

     

    หา? ละเมออะไรของแก อาวุธก็ไม่มียังกล้าหันหลังให้ข้าอีก อะ………”

    มาโอห์ ชะงักคำพูดของตนทันทีเมื่อรุ้สึกได้ถึงระดับแสงของห้องที่อยู่ๆก็สว่างไสวขึ้นมาผิดปกติ

    ความผยองในแววตาแปรเปลี่ยนเป็นความวิตก มาโอห์ มองไปรอบๆห้องด้วยอาการลนลานเขาไม่ได้รู้สึกไปเอง

    ว่าห้องสว่างขึ้นแต่ ตอนนี้ทั่วทั้งห้องนั้นกำลังสว่างขึ้นอยู่จริงๆ  แสงสว่างเหล่านั้นมาจากเศษดาบ

    ที่แตกกระจายและยังล่องลอยอยู่ในอากาศ ทั้งที่เวลาผ่านมาเนิ่นนานตั้งแต่บัดนั้น ก็ควรจะหล่นลงไปอยู่บนพื้นหมดแล้ว

    แต่พวกมันกลับล่องลอยอยู่ในอากาศราวกับเศษกระดาษ และเปล่งประกายด้วยแสงสว่าง ระยิบระยับ

    ประปรายราวกับดวงดาวในท้องฟ้ายามราตรี

     

    แสงพวกนี่มันอะไรกัน?”

    แมวเฒ่า สบถกล้ามเนื้อทุกส่วนราวกับแผ่ความเครียดออกมาให้ได้สัมผัส มันไม่ใช่ความกลัวที่แสดงออกมาแต่เป็น

    ความรู้สึกเจ็บใจ ที่ตนไม่ได้เอะใจตั้งแต่แรกที่สงสัยเรื่องใบดาบของ โอดินแตกเป็นเสี่ยงแบบนั้น

     

    นั่นคือดาบของข้าที่เจ้าบอกว่าข้าไม่มีไงล่ะ

    โอดิน เปรยเสียงเรียบ พร้อมๆกันประกายแสงทั้งหมดได้แผ่ขยายตัวออกเป็นสีแฉก โดยจะมีแฉกหนึง่ที่ยาวกว่าแฉกอื่นๆ

    รูปลักษณ์นั้นราวดาบแห่งแสงสว่าง ดาบที่ว่านี้มีอยู่นับร้อยๆเล่ม ล่องรอยอยู่เหนือร่างของ เดธคาเมล

     

    นี่หรือว่าแก!!

    มาโอห์ สบถอีกครั้งบัดนี้เขาทราบแล้วว่าสิ่งที่โอดินพูดนั้นหมายความว่าอย่างไร

     

    ไฟนอลมูฟ เอ็กซีคิวชั่น(Execution)!!”

     

     

    ==================================================

       EXECUTION

    ==================================================

     

    ดาบแห่งแสงสว่างทั้ง หนึ่งร้อยเล่ม ถาโถมใส่ซากศพยักษ์ ในคราเดียวกันแขนขาลำตัวศีรษะ ทั้งหมดถูกเสียบ

    แทงด้วยแสงสว่าง ร่างมหึมาของอสูรกาย มีสภาพไม่ต่างไปจากหมอกปักเข็มที่ส่องแสงได้ มันยังไม่ถึงกับหมดสภาพแต่

    ก็ไม่อาจขยับตัวได้อีกแล้ว  ด้วยข้อต่อและเส้นเอ็นทั้งหมดบนร่างกายถูกปิดผนึกไว้ด้วยดาบแห่งแสงสว่าง

     

    เดธคาเมล อสุราโหมดของข้า ….”

    มาโอห์ วีนสุดเสียงที่มี หากว่าเดธคาเมลถูกทำลายก็ยังพอจะฟื้นคืนชีพมันขึ้นมาใหม่ได้ แต่ไฟนอลมูฟของโอดิน

    ทำไว้มากกว่านั้น เขาไม่ไดใช้มันสังหารจนสิ้นซากแต่กลับใช้พันธนาการแทน นั่นทำให้มาโอห์ ต้องสูญเสีย

    อสูรกายตัวนี้ไปเปล่าๆ

     

    มาโอห์ หันไปทางโอดิน และเริ่มต่อว่าด้วยอารมณ์

    หนอยแน่ะ อย่าได้ใจให้มากนักตราบใดที่ยังอยู่ในทางวงกตนี่พวกแกมันก็แค่หนูถีบจักรที่วิ่งไปตามบท

    ที่ข้าวางเอาไว้ เฮือก!”

    อยู่ๆแมวเฒ่าก็ชะงักคำพูดคำจาของตน 

     

    อะไรกันที่ห้องแห่งราห์ …..ผู้บุกรุกงั้นเรอะ ชิส์ฝากไว้ก่อนเถอะพวกแก!”

    สิ้นคำ มาโอห์ จึงอันตรธานหายไปจากห้องราวกับอากาศธาตุ และเดธคาเมลที่ถูกดาบแสงพันธนาการไว้

    ก็ได้สลายตัวเป็นผงขี้เถ้าไปในทันที

     

    เมื่อศัตรูจากไปพร้อมๆกับความตึงเครียด ที่คลายตัวออกจนหมดสิ้น สีหน้าของทุกคนจึงผ่อนคลายลง

    แพนด้าแดงกับโบลดาส วิ่งลงไปหาโลกิ ซึ่งโอดินจัดให้นอนลงบนพื้น  เพื่อจะตรวจสภาพร่างกาย

     

    เป็นไงบ้างโลกิ ลุกไหวไหม?”

    โอดิน ถามพลางมองลูกชายอย่างเป็นห่วงเป็นใย

     

    ครับ….อุก

    โลกิ รับคำพร้อมกับพยายามลุกขึ้นแต่เขากลับรู้สึกว่าร่างกายนั้นหนักอึ้งราวกับก้อนหิน แม้จะพยายามเค้นแรง

    ออกมาทั้งหมดแล้วก็ตามสุดท้ายเขาก็ได้แต่นอนแหมะอยู่กับพื้นทั้งอย่างนั้น  ดังนั้นเขาจึงใช้สายตากวาดมองไปรอบๆ

    แล้วถามขึ้นด้วยน้ำเสียงสั่นๆ   นี่ผมยังมีชีวิตอยู่?….”

     

    อืม เธอพยายามได้ดีมากตอนนี้พวกเราปลอดภัยแล้วอย่างน้อยก็ซักพักล่ะนะ

    โบลดาส ตอบเสียงเบา ก่อนจะจับมือเขาขึ้นมา มือข้างนั้นกำดาบของฮาจิเอาไว้แน่น โบลดาสพยายามจะแกะมันออก

    จากมือเขาแต่กลับไม่สามารถทำได้มือของเขากำมันไว้แน่นมาก แม้ว่าตัวเขาเองจะพยายามสั่งให้ร่างกายปล่อยมือ

    แต่มันก็ยังกำเอาไว้แบบนั้น

     

    ลูกพึ่งจะฟื้นร่างกายคงยังตอบสนองได้ไม่ดีเท่าไหร่ ไม่ต้องพยายามฝืนหรอกนะ

    โอดิน ขัดขึ้นเมื่อเห็นว่าลูกชายพยายามบังคับร่างกายเอาเป็นเอาตายจนแสดงออกทางสีหน้าอย่างชัดเจน

    ขณะนั้นเอง โบลดาสถึงสังเกตเห็นตราที่ดาบ และโพล่งขึ้นมาทันที

     

    หืม ดาบนี่มันของฮาจิ นี่?”

     

    สีหน้าของโลกิ ซีดขึ้นมาทันทีและเขาก็เริ่มกล่าวด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ

     

    “….ครับ….เพราะพวกเขายอมเอาชีวิตเข้าแลกเพื่อปกป้องผม ตอนนี้สารขอกำลังเสริมส่งถึงมือท่านกษัตริยาแล้วครับ

     

    งั้นรึ เท่านี้การเสียสละของพวกเขาก็จะไม่สูญเปล่า เธอทำได้ดีมาก

     

    คุณโลกิ!!!”

    เสียงของแพนด้าแดง ดังขึ้น โลกิ หันไปทางที่แพนด้าแดงอยู่ ใบหน้าเปื้อนน้ำตาของ สัตว์หางตัวจ้อย

    ยิ้มแก้มปริกำลังจ้องมาที่เขา

     

    แพนด้าแดง….”

    โลกิ เปรย สีหน้าของเขาแสดงออกชัดเจนถึงความโล่งอกโล่งใจที่ยังเห็นแพนด้าแดงปลอดภัย

     

    ….ผม….ผม ดีใจ….ที่คุณโลกิปลอดภัย ฮึก….ฮึก….แง!!!!!”

    แพนด้าแดง พุ่งเข้าซบที่หน้าอกของเขาอย่างกะทันหันและร้องไห้หนักขึ้น โลกิถึงกับทำอะไรไม่ถูก

    แต่มีสิ่งหนึ่งที่เขารับรู้ได้ เขารู้สึกได้ว่าตัวเองเปลี่ยนไป มีคนอื่นนอกจากพี่ชาย ที่ยอมร้องไห้ให้กับเขา

    มีคนที่ยอมปกป้องเขาถึงแม้จะร่างกายจะไม่อยู่แล้วก็ตาม โลกิมองดาบในมือของเขาด้วยสายตาที่อบอุ่น

    เขาไม่รู้สึกว่าตัวเองโดดเดี่ยวอีกแล้วแม้จะยังโศกเศร้ากับการจากไปของเหล่าเพื่อนแท้คนแรกในชีวิตของ

    เขาก็ตามที

     

    ......................................................................

    ……………………………………………..

    ……………………..

     

    ณ พระราชวังแห่งแสง สารขอกำลังเสริมที่โลกินำมาส่ง ได้มาถึงมือของกษัตริยา เป็นที่เรียบร้อย

    และทำให้สถานการณ์ภายในพระราชวังเกิดความกลลาหลไปหมด โดยเฉพาะ เรจิ ทันทีที่ได้รู้ว่าหมายสารนั้น

    มีความหมายว่าทอลกำลังตกอยู่ในอันตรายก็เตรียมจะพุ่งออกจากพระราชวังแทบจะทันทีหากไม่ได้ทหารเสือดำ

    สามนายช่วยกันรั้งตัวเอาไว้ก่อน

     

    ทอลกำลังอยู่ในอันตราย เรจิ ต้องรีบไปช่วยแล้ว!”

    หมาป่าแดงเรจิ ตะโกนลั่นและพยายามออกแรงฝืนการรั้งตัวของทหารเสือดำ โดยทั้งสะบัดและดิ้นไปมา

     

    ช้าก่อน เจ้าจะไปหาพวกเขายังไงน่ะ

    ราชาแกะสาว กษัตริยา ตรัสถามขึ้น

     

    วิ่งไปงิ!”

    จนถึงพีรามิดกลางทะเลทรายเนี่ยนะ?”

    กษัตริยา มองไปที่เรจิ อย่างทึ่งๆนางไม่คิดว่า มหาป่าแดงจะพูดเพ้อเจ้อ จากประสบการณ์ของนาง เรจิ เป็นคน

    ที่พูดจริงทำจริงเป้นหมาป่าที่แสนซื่อ บริสุทธิ์และไร้เดียงสา

     

    แต่เรจิต้องไปนี่! ต้องไปช่วยทอล!”

    เข้าใจแล้วๆ

    กษัตริยา ตรัสพระนางทราบดีว่ายังไงก็คงห้ามหมาป่าแดง ซึ่งกำลังร้อนใจแบบนี้เอาไว้ไม่ได้อย่างแน่นอน

    แต่สถานการณ์ภายในเมืองที่เกิดขึ้นอยู่ตอนนี้ ก็ทำให้นางส่งกองทัพออกไปช่วยพวกทอลที่กลางทะเลทรายไม่ได้เช่นกัน

     

    แต่ว่าท่านกษัตริยาขอรับ ตอนนี้เราต้องเตรียมการอพยพผู้คนในเมืองจะให้ส่งทัพหนุนไปช่วยพวกเขาตอนนี้มันก็…..”

    สังฆราชสิงโตทะเลเรกกุ ขัดขึ้นเพราะเห็นว่าพระนาง ตรัสยินยอมจะให้ เรจิ ออกไป

     

     

    รู้อยู่แล้วล่ะเพราะงั้นส่งอัศวินสวรรค์ที่เก่งที่สุดของเราไปแค่คนเดียวก็คงเหลือเฟือสำหรับทางนั้นแล้วล่ะ

    ท่านเรกกุ ช่วยจัดเตรียมเสบียงให้ที แล้วก็ติดต่อ สายการบินกาซ่าด้วย เราจะส่งเรจิกับเสบียงไปแบบด่วนพิเศษเลย

     

    ********************โปรดติดตามตอนต่อไป*************************

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×