คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #23 : chapter:20 Attack on Titan & Guren No Yumiya(Blazing Arrow)
chapter:20 Attack on Titan & Guren No Yumiya(Blazing Arrow)
ภายในเขาวงกตโลกิ และกลุ่มของเขาเดินทางไปถึงส่วนลึกสุดปลายทางที่รอพวกเขาอยู่ คือห้องแห่งโอเบลิคส์ ที่นั่นอสูรร้ายแห่งพีรามิด ได้ออกมาต้อนรับพวกเขา และพรากเอาชีวิตของสหายร่วมรบไปถึง2คน
มัมมี่ยักษ์สูง เกือบ 10เมตร หากมันไม่ได้ยืนก้มโค้ง คงจะสูงเกิน 12เมตรเป็นแน่ ขนาดที่ใหญ่โตของมันทำให้พีรามิดสั่นสะเทือนทุกครั้งที่เคลื่อนไหว ด้วยพลังขนาดที่สามารถถล่มเพดานห้องนี้ทั้งห้องลงมาทับพวกเขาให้บี้แบนได้ในพริบตาไม่มีทางเลยที่จะเอาชนะมันได้โดยไม่มีการสูญเสีย และพวกเขาก็สูญเสียพวกเสือดาวไปทั้งหมดแล้ว ตอนนี้ 9 คน ที่ยังต่อสู้ได้ไม่นับแพนด้าแดงก็มีแค่ 8 คนเท่านั้น คือ ฝาแฝดพาลาดิน กับพวกเสือดำอีก 6 คน และ โลกิ
“บ้าชิบนี่มันตัวอะไรกันเนี่ย!”
เสือดำไอน สบถ ด้วยความกดดันจากสถานการณ์เป็นตายในตอนนี้ทุกคนเองก็อยากจะตะโกน ออกมาเหมือนๆกันเพียงแค่เหยียบเข้ามาในห้องนี้ เพื่อนพ้องก็ตายไปแล้ว 2 คน แล้วยังต้องมาเจอกับยักษ์ใหญ่ที่ลำพังกองทหารเพียงหยิบมืออย่างพวกเขาไม่มีทางจะโค่นมันได้ง่ายๆเลย หนำซ้ำมันยังเป็น ซอมบี้ที่ไร้ความรู้สึกเจ็บปวดจะฆ่ามันมีแต่ต้องทำลายเป็นผุยผงหรือเผาให้มอดไหม้จนหมดในทีเดียว ช่างเป็นสถานการณ์ที่สิ้นหวังโดยแท้
--ยังไปไม่ถึงอีกเหรอ….ฟีนิกซ์--
นี่คือคำภาวนาในใจของโลกิ เขาภาวนาต่อมันซ้ำแล้วซ้ำเล่า ว่าฟีนิกซ์ที่เขาส่งไปยังเมืองแสงเพื่อส่งข้อความจะทำหน้าที่ลุล่วงโดยเร็วเพราะบัดนี้เขาจำเป็นที่จะต้องใช้มัน เพื่อที่จะโค่นมัมมี่ยักษ์เดธคาเมล จำเป็นต้องใช้พลังไฟที่แข็งแกร่ง กว่า ไฟร์บอล (Fire Ball)หรือ แฟลชไฟร์(Flash Fire) และการจะใช้มันได้เขาจำเป็นต้องใช้ฟีนิกซ์
ตอนนี้เขาต้องเลือกแล้วระหว่างตัดใจจากความช่วยเหลือที่เมืองแล้วช่วยทุกคนที่ยังรอดอยู่ที่นี่ หรือ ยื้อเวลาออกไปจนกว่าสารจะส่งสำเร็จแล้วค่อยเรียกฟีนิกซ์มา หากเลือกที่จะรอก็ไม่รู้ว่าจะต้องมีอีกกี่คนที่จะต้องสังเวยชีวิตในระหว่างการรอคอย
"เฮ้ยมีแผนอะไรไหม!"
เสียงของฮาจิดึงเขากลับมาจากภวังค์ความคิดตอนนี้ทุกคนรอคำสั่งเคลื่อนไหวจากฮาจิอยู่ซึ่งจะสั่งการทันทีเมื่อเขาเสนอแผนการ แต่หนนี้
โลกิแทบไม่เห็น ทางที่จะเอาชนะได้เลยทว่าหากมัวแต่ลังเลพวกเขาก็จะตายกันหมด ที่สุดแล้วการตัดสินใจที่เขาเลือกคือถ่วงเวลาจนกว่าฟีนิกซ์ จะส่งสารเสร็จ
"ขากับดวงตาเล็งการโจมตีที่สองจุดนี้ทำลายสมดุลของมัน"
"สมดุลงั้นเรอะ เข้าใจแล้ว"
ฮาจิตอบแล้วจึงหันไปออกคำสั่ง
" ไอน กับซไว ทำลายดวงตา ไดร ฟึนฟ เฟีย เซค ใช้ค่ายกลสี่ดาราล้อมวงโจมตีทำลายการทรงตัวของมัน ตอนที่มันล้มลงนานะ กับ ชั้นจะใช้ครอสอิมแพคกับแกรนครอส!!”
คำถามผุดขึ้นในหัวของโลกิ เขาตั้งใจฟังคำสั่งของฮาจิและได้ยินมันชัดถ้อยชัดคำทุกคำพูด แต่กลับไม่มีคำสั่งถึงตัวเขาเลยกระนั้นก็ตามการถามอะไรอย่างตรงไปตรงมาไม่ใช่นิสัยของเขา ในเมื่อไม่มีคำสั่งเขาก็จะรอจนกว่าจะได้รับเพราะตอนนี้หัวหน้ากลุ่มคือ ฮาจิ
โลกิ เฝ้าดูการจู่โจมของกลุ่มซึ่งเป็นไปตามรูปแบบ กลุ่มทหารเสือสี่นาย กระจายกันออกไปล้อมกรอบ
มัมมี่ยักษ์ ไว้สี่ทิศทาง และอีกสองแยกกันกระโจนขึ้นไปเกาะกับผนังห้องคนละฝั่ง เมื่อฮาจิ ให้สัญญาณ เสือดำที่ล้อมกรอบอยู่ก็เริ่มการโจมตี หอกยาวตั้งฉากกับลำตัวแล้วพุ่งทะยานออกไปสุดแรงขาที่มี ร่างของเสือดำกลายเป็นดั่งกระสุนปืนที่มีปลายแหลมของหอก ราวกับเป็นฉมวกที่ยิงออกไปด้วยปืนใหญ่
คมหอกแทงทะลุแข้งของมัมมี่ยักษ์ แล้วจึงบิดข้อมือหันคมหอกออกเพื่อกระชากเฉือนเนื้อของมัน
ด้วยสภาพร่างที่เป็นศพแห้งๆ ทำให้การถอนคมหอกออกมาไม่ใช่เรื่องยากเย็นและยังสร้างความเสียหายให้กับมันได้หมากกว่าการแทงแล้วถอนออกตรงๆ ขาที่บาดเจ็บทำให้ร่างมหึมาเริ่มเสียสมดุล
ขาขวาของมัมมี่ยักษ์ทรุดลงหนึ่งข้าง ร่างของมันทรุดตามลงมาด้วยนั่นทำให้ความสูงของมันลดต่ำลงมาจนถึงระยะกระโดดของ เสือดำสองนายที่เกาะผนังห้องรออยู่ก่อนแล้ว ทั้งคู่ก็กระโจนออกจากผนังทั้งสองฝั่งพร้อมๆกันแล้วซัดหอกออกไปโดยเล็งที่ดวงตาของมัน คมหอกเสียบทะลุเบ้าตาของเหลวสีเขียวไหลทะลักออกจากดวงตาของมันมันร้องคำรามโหนหวนราวกับเจ็บปวดเจียนตายทั้งที่มันเป็นเพียงซากศพที่ตายไปแล้ว
เมื่อดวงตาถูกทำลายการเคลื่อนไหวจึงเริ่มสะเปะสะปะ ในที่สุ ร่างมหึมาก็เสียหลัก ทรุดล้มลงกับพื้นขนาดร่างกายของมันแทบจะยัดเต็มบ่อกลางห้องที่พวกเขายืนอยู่ วินาทีนี้ทุกคนกระจายแยกย้ายกันไปคนละทิศ จนแตกออกจากรูปกระบวนจู่โจมในตอนแรก
“ ข้าแต่พระบิดาของข้าพเจ้าทั้งหลาย พระองค์สถิตในสวรรค์ พระนามพระองค์จงเป็นที่สักการะ
..........”
พระสูตรขับขานพี่น้องหมาป่าประสานเสียง มานาในบรรยากาศกลั่นตัวกลายเป็นอณูของแสงสว่าง
หลั่งไหลมารวมยังคมดาบของทั้งคู่ ใบดาบเปล่งแสงสว่างเจิดจ้าราวกับแสงแรกเช้าแห่งรุ่งอรุณ หมาป่าทั้งสองกระโจนตัวขึ้นสู่อากาศ เบื้องบนเหนือร่างของมัมมี่ยักษ์ เมื่อแรงส่งจากากรกระโดดหมดลงทั้งคู่ร่อนลงพร้อมกับฟาดดาบแสงสว่าง
ลงบนร่างของมัน
“พระอาณาจักรจงมาถึง !!”
เสียงประกาศก้องกังวาน จากแสงสว่างบนใบดาบได้แผ่พุ่งออกไปสี่ทิศทางเป็นลักษณะของกางเขน แสงสว่างลุกไหม้กลายเป็นอัคคีสีขาว เผาไหม้ร่างมหึมาอย่างรวดเร็ว เมื่อไฟดับลงก็เหลือเพียงกองขี้เถ้ามากมายมหาศาลเท่านั้น
สายตาของทุกคนจับจ้องอยู่แต่ซากขี้เถ้าที่เคยเป็นร่างมหึมาของมัมมี่ยักษ์ ซึ่งมันได้ฆ่าพวกของเขาไปถึงสองคนตอนนี้พวกเขาได้ล้างแค้นให้กับเพื่อนนักรบด้วยกันได้แล้ว
นูบี้!!!
เสียงร้องแหลมเล็กดังลอดเข้ามาท่ามกลางความเงียบสงัด ทุกคนหันไปยังทิศทางเดียวกัน ที่ประตูอีกฟากหนึ่งของห้องอานูบี้ มากกว่าสิบตัว กำลังทยอยเข้ามาภายในห้องแล้วเริ่มบริกรรมคาถา เกิดแสงสว่างขึ้นบนพื้นห้องตีเส้นเป็นสัญลักษณ์วงเวทย์ พวกเขารู้ได้ในทันทีว่านั่นหมายถึงอะไร หากพวกมันทำสำเร็จสิ่งที่พวกเขาทำกันมานั้นจะสูญเปล่าในทันที ทุกคนจับอาวุธของตนเองแล้วบุกตรงเข้าไปหมายจะขัดขวางพิธีกรรม ทว่า
โอววววววววววววววววว!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!
เสียงคำรามอันคุ้นเคย ดังกึกก้องไปทั่วทั้งห้องอีกครา เมื่อพวกเขาหันกลับไปมอง ร่างมหึมาที่ฟื้นคืนชีพขึ้นมาจากกองขี้เถ้า พวกอานูบี้ชุบชีวิตให้กับ เดธคาเมล เป็นที่เรียบร้อยไปแล้ว
ร่างมหึมานั้นยกเท้าขึ้นก่อนจะปล่อยให้กระแทกลงกับพื้นห้องอย่างรุนแรง ผลที่ตามมาคือห้องทั้งห้องสั่นสะเทือนไปชั่วขณะ เพดานก้อนอิฐเริ่มถล่มลงมา โดยที่ไม่ทันตั้งตัว เสือดำ 3 นายก็ถูกทับอยู่ใต้กองก้อนอิฐเหล่านั้นเสียแล้ว
“ไอน! ซไว! ไดร!”
พวกเสือดำที่ยังเหลือรอด พยายามเรียกชื่อของเพื่อนๆที่ถูกทับอยู่ใต้กองก้อนอิฐ พวกเขาพยายามจะขนย้ายก้อนอิฐออก
อ๊ากกกกกกกกกกกก!!
เสียงกรีดร้องอย่างทรมาน ดังลั่นไปทั้งห้อง ฮาจิหันไปมองยังต้นเสียงนั้น สายตาของเขาได้เผชิญกับภาพอันหน้าสยดสยองที่สุดยิ่งกว่าสมรภูมิไหนๆ พวกทหารเสือดำที่เหลือรอดอยู่นั้นถูกบี้จนร่างแหลกเหลวเละกลายเป็นกองเลือดสดๆอาบชโลมบนกองก้อนอิฐที่ทับพวกเสือดำที่หนีจากการถล่มของเพดานไม่ทัน
ฮาจิ กัดฟันของเขาแน่น เพื่อข่มความเศร้าโศกเอาไว้ ตอนนี้เขาต้องรวบรวมพรรคพวกที่ยังเหลือรอด ไป
ตั้งหลักกันใหม่เสียก่อน นอกจาก นานะ น้องชายฝาแฝดของเขาที่ตอนนี้ขาหักเพราะถูกลูกหลงจากเพดานถล่มใส่จนขยับไม่ได้ ที่ฝั่งตรงกันข้าม เขาเห็นโลกิ กำลังอุ้มแพนด้าแดง หลบหลีก เพดานที่ถล่มลงมา โดยพยายามวิ่งมารวมกลุ่มกับพวกเขา
ในที่สุดเพดานก็หยุดถล่มลงมา พวกพ้องของเขาตายจากการถล่มของเพดานไปถึง 6 คนหนำซ้ำ ศัตรูยังฟื้นคืนชีพได้เรื่อยๆ พวกเขาไม่มีกำลังมากพอจะจัดการกับ อานูบี้จำนวนขนาดนั้น ไปพร้อมๆกับจัดการ
เดธคาเมลไปด้วยหนทางรอดของพวกเขามันถูกปิดตายโดยสมบูรณ์
โอวววววววววววววววว
เดธคาเมล คำรามด้วยเสียงอันกึกก้องของมันอีกครั้ง ราวกับกำลังหยามน้ำหน้าพวกเขาว่ามีปัญญาทำได้เพียงเท่านี้เองงั้นหรือ
ในที่สุด ฮาจิ ก็พยุง นานะน้องชาย ของตนมารวมกลุ่มกับโลกิ ที่อุ้มแพนด้าแดงมาแต่พวกเขาก็ยังไม่รู้ว่าจะรับมือกับสถานการณ์ตอนนี้อย่างไรดี
“ระวัง!!”
นานะ ตะโกนเสียงดังลั่น พร้อมกับใช้แรงเฮือกสุดท้ายเท่าที่จะเค้นได้จากร่างกายที่บอบช้ำผลักเอาร่างของพี่ชายให้กระเด็นออกไปจนไปล้มอยู่กับพื้นใกล้ๆ
“ทำบ้าอะไรของนายวะน่ะ นานะ…..”
ฮาจิ บ่นขณะที่พลิกตัวลุกจากพื้น คำพูดของเขาถูกกลืนลงไปในลำคอจนหมด ร่างของน้องชายฝาแฝด
ตกอยู่ในอุ้งมือของมัมมี่ยักษ์ ค่อยๆถูกแรงบีบจากมืออัด เสียงกระดูกในร่างกายหักเปาะเลือดทะลัก
ออกจากปาก หู จมูกและดวงตา อวัยวะภายในร่างกายแหลกเหลว โดยสมบรูณ์ ร่างของนานะที่สิ้นใจไป
แล้ว ถูกจับกรอกลงไปในปากของมัน ฟันหน้าเขมือบกัดและฉีกทึ้งจนร่างกายขาดออกจากกันเป็นส่องท่อน
ร่างกายส่วนบนของนานะ ตกลงไปอยู่ในท้องของมันแล้วก่อนจะตามไปด้วยส่วนที่เหลือยู่ในมือ
พี่ชายฝาแฝดซึ่งเห็นน้องของตนถูกกินไปต่อหน้าแบบนั้น ความรู้สึกของเขาจะเป็นอย่างไร
โลกิ เริ่มเป็นกังวลถึงเรื่องนี้ขึ้นมา เขามองไปยัง ฮาจิ ที่นิ่งค้างอยู่อย่างนั้นหลังจากนานะถูกกินเข้าไป
หลังจากที่กลืนทั้งหมดของนานะลงท้องไปแล้ว เดธคาเมล จึงเริ่มเกมล่าของมันต่อใครกันที่จะถูกเขมือบเป็นรายต่อไป พวกเขาต้องรีบขยับตัวกันแล้วแต่ถึงกระนั้นก็ไม่มีที่จะให้พวกเขาหนีไปได้อยู่ดี
รอบห้องถูกล้อมไว้ด้วยฝูงอานูบี้ไม่มีหนทางหนีออกไปได้เลย ด้วยจำนวนคนเพียงเท่านี้
อุ้งมืออันใหญ่โต เคลื่อนเข้ามาหาพวกเขาทั้งสาม โลกิ ตัดสินใจว่าจะต้องทำอะไรซักอย่างแล้ว
แต่เพราะการตัดสินใจชักช้านี้เอง ตอนนี้เขาไม่มีเวลาจะมาร่ายคาถา เพื่อโจมตีสวนกลับได้
อุ้งมือยักษ์ตรงรี่เข้าหาแพนด้าแดงที่อยู่ในอ้อมแขนของเขา โลกิ รีบพลิกตัวเพื่อหันเอาแพนด้าแดงออกจากทิศของมือ ทำให้ร่างของเขาตกเป็นเป้าแทน
“ จงถือพระแสงแห่งพระวิญญาณ คือพระวจนะของพระเจ้า !”
( the sword of the Spirit, which is the word of God.)
แสงสว่างเจิดจ้าลอดผ่านหลังมือของมัมมี่เข้ามาตกกระทบใส่พวกเขาตามมาด้วยเสียง หึ่งสั้นๆเหมือน
เสียงเหวี่ยงอะไรบางอย่าง เมื่อโลกิ หันกลับไปก็พบว่ามือของเดธคาเมล ตกอยู่บนพื้นตรงหน้าพวกเขา
เสียงร้องคำรามของมันดังลั่นไปทั้งห้องอีกครั้ง มือของมันถูกตัดจนขาดออกจากแขนก่อนที่จะได้ทันแตะต้องถูกพวกเขา และคนที่ทำแบบนั้นได้ก็คือ ฮาจิ ที่เขาคิดว่าตกห้วงภวังค์ของการสูญเสียน้องชายไปจนไม่เป็นอันทำอะไรแล้ว ด้วยพระสูตรที่ ฮาจิ ร่ายขึ้นมาก่อนหน้านี้ทำให้ดาบคู่ของเขาเปล่งรัศมีแสงสว่างเจิดจ้า
และแสงนั้นยังคงรูปของความพลิ้วไหวที่หักเหไปมาให้อยู่ในรูปของคมดาบ สิ่งนี้คือวิชาที่พลังรองลงมาจากครอสอิมแพค เมื่อพาลาดินต้องการจะต่อสู้ด้วยเพลงดาบ พวกเขาจะรวบรวมมานา
มาสถิตลงยังใบดาบและคงรูปของมันให้เป็นออร่าแสงสว่าง จนคล้ายคลึงกับ ดาร์คเอจ
ที่ เรจิ หรือ คากามิ ใช้ ออร่าสีดำห่อหุ้มใบดาบ มันคือดาบแห่งพระวจนะ ดาบศักดิ์สิทธิ์(Holy Sword)
=====================Holy Sword===================
ฮาจิใช้ดาบแสงนี้ตัดมือของ เดธคาเมลจนขาดสะบั้นก่อนที่มันจะแตะต้องโลกิ พลังแสงที่ห่อหุ้มใบดาบ
จะก่อให้เกิดความร้อนยามที่สัมผัสถูกวัตถุและจะเผาไหม้วัตถุจนทำให้สถานะของวัตถุอ่อนลงและง่ายต่อการตัดเฉือนของคมดาบด้วยการเสริมพลังแบบนี้เอง ดาบของฮาจิจึงมีพลังทำลายมากพอจะสู้กับมันได้
บ้าง
“จนกว่าจะส่งสารสำเร็จห้ามตายไปก่อนฉันซะล่ะ”
ฮาจิ พูดโดยไม่ได้มองหน้าโลกิ และไม่ได้เห็นสายตาของโลกิที่สะท้อนแววของความแปลกใจออกมา
และเมื่อได้มองดูการขยับร่างกายของ ฮาจิ โลกิจึงรู้ได้ในที่สุดว่าตอนนี้ ฮาจิ กำลังฝืนร่างกายตัวเอง
จิตใจที่ท้อแท้และโศกเศร้า ถูกข่มเอาไว้ด้วยความเชื่อต่ออะไรบางอย่าง ไม่อย่างนั้นแค่จะลุกขึ้นเดิน
เหินไปมา ฮาจิ ก็คงจะทำไม่ได้ หัวใจของเขาคงหมดอาลัยตายอยากไปแล้วก็ได้ แต่ถึงอย่างนั้น
เขาก็ยังลุกขึ้นสู้เพื่อปกป้องโลกิ ที่ไม่ได้สนิทอะไรกันมาก ทั้งที่ไม่ได้รู้จักกันมาก่อนแต่อย่างใด
ไม่มีเหตุผลอะไรที่ต้องต่อสู้เพื่อเขาขนาดนี้เลย ด้วยความสงสัยที่มีอยู่อย่างเต็มอก จึงถามออกไปในทันที
“ทำไมถึงต้องทำขนาดนั้น เพื่อผมงั้นเหรอ?!”
รอยยิ้มเล็กๆปรากฏขึ้นที่มุมปากของ ฮาจิ เขาทำท่าเหมือนจะหัวเราะอยู่ในลำคอแต่ก็เงียบเสียงลงไปก่อน
จะตอบด้วยน้ำเสียงที่ปกติที่สุดของเขา
“เพื่อนายเหรอ…..ก็ไม่เชิงฉันไม่ใช่คนดีขนาดจะปกป้องคนที่ไม่รู้จักกันได้หรอก แต่นายตัดสินใจจะแบกรับภาระที่จะส่งสาร ภาระที่จะเป็นตัวกำหนดความเป็นตายของพวกเรา ถ้าหากไม่มีนายพวกเราทั้งหมดที่
อยู่ที่นี่ก็คงจะตายกันหมดหรือไม่ก็ตายอย่างไร้ค่า ในเมื่อนายตัดสินใจที่จะแบกรับสิ่งเหล่านั้นแล้ว
ทั้งฉัน ทั้งนานะ แล้วก็พวกพ้องที่ตายไป ก็จะขอแบกรับชีวิตของนายในฐานะพวกพ้องของพวกเราด้วยเหมือนกัน”
สิ้นคำ พาลาดินหมาป่าสีแดง ก็โจนทะยานออกไปดังสายลมยกดาบแสงทั้งสองเล่มขึ้นเข้าต่อกรกับ
มันมี่ยักษ์ด้วยแรงเฮือกสุดท้ายทั้งหมดที่มีเพื่อจะปกป้อง พวกพ้องที่สำคัญ บัดนี้ ความรู้สึกของเขาได้ส่งไปถึงโลกิ ผู้ไม่เคยมีเพื่อนแล้ว สิ่งที่ทำให้ทั้งสุขและเศร้าในเวลาเดียวกัน ทั้งแข็งแกร่งและเปราะบาง
โปร่งใสและไร้สีสันแต่กระนั้นมันก็ยังสวยงาม มันสามารถกดข่มความรู้สึกของการสูญเสียที่ยิ่งใหญ่
ให้สามารถลุกขึ้นมาต่อสู้ได้ นี่คือคำตอบของคำถามที่เขาสงสัย
ด้วยอุ้งมืออันแข็งแกร่งอีกข้างที่ยังเหลืออยู่ เดธคาเมลจับ หมาป่าแดงได้ในที่สุด และหมายจะบดขยี้
ให้ตายคามือเหมือนที่ทำกับ นานะ แต่หนนี้มันจะไม่ได้กลืนกินเหยื่อของมันอย่างที่หวังได้ง่ายๆ
ด้วยดาบแห่งแสง ฮาจิ ออกแรงบิดตัวเพื่อให้ดาบแสงที่ถูกมือของมันกำอยู่กับร่างของเขา
ผ่านิ้วของมันจนขาดสะบั้น เมื่อหลุดออกจากอุ้งมือมาได้แล้วเขาถีบตัวสุดแรงอีกครั้ง กระโจนขึ้นไปจนถึงระดับศีรษะของมัน แต่ เดธคาเมล ก็รออยู่แล้วเช่นกันจังหวะก่อนที่ ฮาจิ จะทันฟาดดาบนั้นเอง
ปากของ เดธคาเมล ก็ยกขึ้นพร้อมกับเขมือบร่างกายท่อนบนของฮาจิ เข้าไปร่างกายช่วงล่างขาดสะบั้นและหลุดร่วงลงจากปากของมัน มันกลื่นร่างท่องบนของ ฮาจิ เข้าไปด้วยท่าทีสบายอารมณ์
และในตอนัน้นเองที่มันได้รับรู้ว่า ความน่ากลัวของการจู่โจมพลีชีพนั้นเป็นอย่างไร ภายในท้องของมัน
ฮาจิ ที่น่าจะขาดใจตายไปแล้วยังประคองสติใช้แรงเฮือกสุดท้าย ปักดาบแสงลงบนร่างของตนเอง
“…….พระประสงค์จงสำเร็จในแผ่นดินเหมือนในสวรรค์!!”
คำพูดสุดท้ายเท่าที่เขาจะเค้นแรงพูดออกมาได้ คือพระสูตรของท่าแกรนครอส และในตอนนี้
ดาบแสงที่ปักอยู่บนร่างของเขาก็ได้เปล่งแสงสว่างเจิดจ้าขึ้นยิ่งกว่าเดิมแสงสว่างนั้นกลืนกินทั้งหมด
ทั้งร่างของเขา ไปจนถึงชิ้นส่วนร่างของ นานะ ที่ถูกย่อยอยู่ในกระเพาะของมัน
ร่างของมัมมี่ยักษ์ แตกกระจายออกเป็นเสี่ยงๆ และลุกไหม้ด้วยไฟสีขาว พร้อมกับแสงสว่างที่แพรกระจาย
ไปทั้งห้อง
แสงสว่างนี้ให้ความกระจ่างกับคำตอบของคำถามที่ โลกิ ถามไป
-ทำไมต้องทำเพื่อตัวเขาเองขนาดนี้-
-เพราะนายคือพวกพ้อง-
“….ทั้งโศกเศร้าและมีความสุขไปด้วยกัน ทั้งอ่อนแอ แต่ ก็เข้มแข็ง ทั้งที่ไร้ซึ่งสีสันแต่ก็สวยงาม
นี่สินะมิตรภาพ น่ะ”
โลกิ ซึ่งได้เข้าใจและได้เห็นในสิ่งที่ไม่เคยเห็นมาก่อน สิ่งที่เรียกว่ามิตรภาพนั้น ได้เฉิดฉายดังแสงสว่าง
ไฟชีวิตของ ฮาจิ ได้มอดดับลงไปพร้อมๆกับแสงสว่างของ แกรนครอส ที่จางลง
“คุณโลกิ…”
แพนด้าแดง เรียกชื่อของเขาแต่โลกิ ก็ไม่ได้ตอบรับอะไรกับคำเรียกนั้นสายตาของเขายังคงค้างอยู่กับ
ภาพเมื่อครู่
……………………………………………………………..
………………………………….
ขณะเดียวกันที่นครแห่งแสงนั้น กษัตริยา ราชาแกะสาวผู้ปกครองนคร ก็ได้รับหมายสารจาก
ฟีนิกซ์ของโลกิเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
……………………………………
…………………………………………………………………………………………
ด้วยสัมผัสที่เชื่อมโยงถึงกันระหว่าง ฟีนิกซ์กับโลกิ เขารับรู้ได้ว่าหน้าที่ ซึ่งได้มอบหมายให้กับฟีนิกซ์
จบลงแล้ว ถึงอยากจะแสดงความดีใจที่ภารกิจของเขาสำเร็จลงในที่สุด และคนอื่นที่ยังเหลือรอดในพีรามิดก็จะได้รับความช่วยเหลือแล้วก็ตามแต่ มัมมี่ยักษ์ เดธคาเมล ก็ฟื้นคืนชีพขึ้นมาอีกครั้ง แม้จะถูกระเบิดจากภายในจนร่างกายกระจายเป็นเสี่ยง แต่เพราะไม่ได้จัดการกับพวกอานูบี้ที่ล้อมห้อมเอาไว้ พวกมันจึงได้บริกรรมคาถาคืนชีพให้กับ เดธคาเมล
อย่างไรก็ตามในตอนนี้ถึงแม้เขาจะตายก็ไม่สำคัญอีกแล้ว และไม่มีความจำเป็นที่จะต้องดิ้นรนอีก เพราะไม่ว่าอย่างไรเขาก็คงไม่สามารถรอดไปจากตรงนี้ได้
“ไม่ได้!”
โลกิ สบถออกมา เขาแทบไม่รู้ตัวเองด้วยซ้ำว่าทำไมถึงได้สบทออกมาแบบนั้น แพนด้าแดงเองก็มองมาที่เขาด้วยสายตาฉงน
“ถ้าตัดใจไปทั้งๆแบบนี้แล้วชีวิตของพวกนั้นล่ะ! นายเข้าใจแล้วไม่ใช่เหรอไงว่ามันคืออะไร!”
ปากของเขาขยับไปเอง ทั้งที่ใจไม่ได้นึกจะพูดแบบนั้น เพราะในตอนนี้ไม่ว่าจะประมวลผลยังไง
เขาไม่มีทางจัดการกับเดธคาเมลได้ตามลำพังแน่ หากเป็นเขาในตอนนี้ที่ยังทุกคนอยู่ ก็ยังพอจะจัดการ
กับปีศาจที่ไม่มีวันตายตรงหน้านี้ได้ แต่มันก็สายเกินไปแล้ว ตอนนี้ถึงเขาจะฆ่าเดธคาเมลได้ แต่ก็จัดการอานูบี้ไมได้ หรือต่อให้จัดการอานูบี้ทั้งหมดได้เขาก็คงไม่เหลือพลังพอจะจัดการกับเดธคาเมล
“ฉันจะ….มีชีวิตอยู่ต่อไปใช้ชีวิตต่อไปแทนในส่วนของพวกนั้น ฉันจะสู้!!”
ในที่สุดโลกิ ก็เข้าใจว่าคำพูดที่สวนทางกับความสิ้นหวังในหัวใจของเขามันมาจากไหน
มันหลั่งไหลออกมาจากจิตใต้สำนึก ว่ากันว่าสิ่งมีชีวิตเมื่อมีภูมิปัญญาในระดับสูงก็จะสามารถ
ควบคุมตัวเองไม่ให้เต้นไปตามอารมณ์และความรู้สึก เขารู้ว่ามันคืออารมณ์ชั่ววูบที่อาจจะมาจาก
ความโกรธแต่เขากลับสมเพชปัญญาของตัวเองมากกว่าที่ไม่เข้าใจว่าตัวเองต้องการอะไรจริงๆกันแน่
โลกิ ตัดสินใจได้ดังนั้นเขาจึงวางแพนด้าแดงลง แล้วดีดนิ้วเปาะนึงเพื่อเรียกมิเกะมิเกะ ภูตรับใช้ของเขาออกมา ไอควันปรากฏขึ้นในอากาศพร้อมกับการมาถึงของ ภูตรับใช้ตัวน้อยซึ่งมีรูปร่างกลมป้อมขนาดเท่าฝ่ามือ มานาในบรรยากาศกลั่นตัวมารวมกันยังร่างของโลกิ พวกมันแทรกซึมเข้าไปไหลเวียนในกระแสเลือด
จนทำให้ร่างกายของเขากลายเป็นสีแดง นี่คือวิชาที่จะช่วยให้เขาใช้เวทได้โดยไม่ต้องร่ายคาถา
อินสแตนท์คาส
“อินสแตนท์คาส! ออกมาฟีนิกซ์!!”
+
===========================================
[InstantCast + Phoenix] Combo to --> Instant Pheonix
===========================================
เมื่อผสาน อินสแตนท์คาส เข้ากับการอัญเชิญอสูรรับใช้ ทำให้เขาเรียกฟีนิกซ์ออกมาได้โดยละขั้นตอนการร่ายคาถาไป วิหกเพลิง พุ่งขึ้นมาจากพื้นทะยานขึ้นไปสู่อากาศบัดนี้การตอบโต้ของ อัจฉริยะ ผู้ลุกโหมไปด้วยความโกรธกำลังจะเริ่มขึ้นแล้ว
จากการที่ โลกิ เรียกฟีนิกซ์ ซึ่งเป็นสาวกของสังกัดแห่งเทพไฟมูราดิน ออกมานั้นก่อให้เกิดความโกลาหลในหมู่พวกอานูบี้ขึ้นมา ราวกับว่าพวกมันหวาดกลัวต่อเปลวไฟสีแดงฉานที่ปล่อยออกมาจากร่างของ
วิหกเพลิง
“ย้อมนภาให้เป็นสีชาด จงทะยานไปด้วยปีกแห่งเพลิง สกายคริมสัน!!”
===================Sky Crimson=============
โลกิ ออกคำสั่ง แล้ววิหกเพลิงจึงขับเปลวไฟออกจากขนของมันมาห่อหุ้มร่างเอาไว้จากนั้นจึงทะยานขึ้นสู่เพดานห้องแสงสีแดงสาดออกมาจากร่างเพลิงของ ฟีนิกซ์อาบย้อมห้องทั้งห้อมให้กลายเป็นสีแดงไปชั่วขณะ ร่างเพลิงของฟีนิกซ์ ร่ายรำอย่างงดงาม และยามมันร่ายรำ ไฟซึ่งห่อหุ้มร่างกายก็จะหลุดและ
ตกลงไป ยังกลุ่มของพวกอานูบี้ ที่ยืนล้อมอยู่รอบห้อง
เพียงแค่พริบตาฝูงอานูบี้ ได้แตกกระเจิงกันไปคนละทิศทาง หลายตัวถูกไฟครอกตายในทันที และฟีนิกซ์
ก็ยังไม่หยุดร่ายรำ ลูกไฟจึงโปรยปรายลงมาราวกับฝนแห่งเพลิง เดธคาเมล ที่ถูกฝนเพลิงเล่นงาน ก็ต้องขยับเดินไปมาเพื่อหลบหลีกและนั่นทำให้มันเผลอไปเหยียบโดนเอาพวกอานูบี้ที่หนีไฟลงมายังบ่อข้างล่าง
ในระหว่างที่พวกมันกำลังวุ่นวายกันนี้เอง โลกิ คว้าตัวแพนด้าแล้วปีนขึ้นจากบ่อ ทันที
เมื่อขึ้นมาได้แล้วเขาวางตัวแพนด้าแดงลง ก่อนจะเริ่มร่ายคาถาใหม่ โดยที่ ภูตรับใช้ มิเกะมิเกะ
คอยบินวนอยู่รอบๆระหว่างพวกเขาเพื่อป้องกันอันตรายให้
เดธคาเมล เริ่มหมดความอดทน มันกระทืบเท้าเพื่อถล่มเพดานลงมาหวังจะให้หินเพดานทับ
ทั้งฟีนิกซ์ ทั้งโลกิ และพวกอานูบี้ที่ ลงมาวุ่นวายอยู่ที่เท้าของมันไปพร้อมกัน นี่อยู่นอกเหนือจากที่เขาคาดการณ์เอาไว้มาก แต่มันกลับเป็นผลดีกว่าที่คิด เพราะต่อให้ฟีนิกซ์ถูกเพดานถล่มทับแต่มันก็จะ
ฟื้นคืนชีพกลับมาได้เพราะเป็นวิหกอมตะ และตอนนี้พวกเขาก็มีมิเกะมิเกะ ที่คอยปัดป้องหินเพดานที่
ตกลงมาในระหว่างร่ายคาถาอีกด้วย ดังนั้นการถล่มเพดานนี้เท่ากับเป็นการช่วยพวกเขาฆ่าพวกอานูบี้ทั้งหมดไปในตัว
เมื่อเพดานห้องหยุดถล่มลงมา ผู้ที่ยังรอดชีวิตอยู่ในห้องนี้ก็เหลือเพียง เดธคาเมล กับพวกเขาเท่านั้น
ฟีนิกซ์ และ อานูบี้ต่างก็ถูกทับตายอยู่ในกองหินเพดานที่ถล่มลงมา
โลกิ ดีดนิ้วขึ้นหนึ่งเปาะ ซากของฟีนิกซ์ที่ถูกทับอยู่ใต้กองหินก็เกิดลุกไฟขึ้นและมอดไหม้กลายเป็นธุลีเถ้า
แล้วกลับฟื้นคืนชีพขึ้นมาใหม่จากเถ้าธุลีนั้น ในช่วงที่เพดานห้องถล่มเขาได้บริกรรมคาถา ไฟร์บอล
แล้วทำการหน่วงเวทเอาไว้เพื่อรอการปลดปล่อย โดยหน่วงไว้สองลูกด้วยกัน
==================Fire Up Keep==============
[ เพิ่ม 20 dmg ให้สกิล fireBall และทำให้สามารถเก็บไว้ใช้ได้สองลูก (กดโจมตีปกติครั้งต่อไป)]
“เกนลูเบนิล ดิ นิลเบลูเกน!”
โลกิ ประกาศรหัสเริ่มต้นการร่ายคาถาของเขา พร้อมๆกับจับตัว มิเกะมิเกะ ขว้างออกไป มิเกะมิเกะ ลอยเข้าไปกระแทกใส่หัวของ มัมมี่ยักษ์ นั่นทำให้มันเบนความสนใจมาที่เขา โลกิ รีบวิ่งออกจากที่ไปทันที
เพื่อล่อให้มันตามเขาออกมา เมื่อทิ้งระยะห่างมามากพอ ก็ผายมือทั้งสองข้างให้หงายขึ้นแล้วอังมือเป็นงุ้ม
พร้อมกับใช้พลังจิตใจที่เหลืออยู่กลั่นมานาในบรรยากาศมาก่อดวงไฟแห่งเวทมนต์บนงุ้มมือทั้งสองของตน
ไอควันจากดวงไฟก่อตัวเป็นอักษรโบราณ 5 ตัวด้วยกันริมฝีปากขยับเอ่ยร่ายบทคาถาด้วยภาษาโบราณ
“เกโอฟู โอเธล ซีเกล ยูวห์ อิง ”( Geofu Othel Sigel Eoh Ing)
[พรแห่งราชาสุริยะล้างผลาญโลกา]
เดธคาเมล ไล่ตามเข้ามาในระหว่างที่ บริกรรมคาถามานาจำนวนมากปรากฏขึ้นในอากาศด้วยสภาพของ
อณูละอองที่เปล่งประกายด้วยแสงสีแดงเพลิง พวกมันล่องลอยอยู่รอบๆตัวของโลกิ และมารวมตัว
กันที่ดวงไฟในงุ้มมือทั้งสองข้างของเขา เมื่อการร่ายคาถาสิ้นสุดลง ดวงไฟในมือแปรเปลี่ยนเป็น
เป็นแสงสว่างพุ่งผ่านอักษรควันแล้วกลายเป็นตัวอักขระโบราณจำนวนมากเรียงต่อกันเป็นสายพุ่งเข้า
ไปมัดร่างของมัมมี่เดธคาเมล แต่สายอักขระนั้นก็มิได้พันธนาการ ร่างของมันไว้ยังคงตรงรี่เข้ามา
หมายจะจับเขากิน
“อันซูส!!(จงตอบรับ) ปลดปล่อย!! ไฟร์บอล “
โลกิ ประกาศลั่น พร้อมกับยื่นมือทั้งสองข้างออกไปด้านหน้า ลูกบอลเพลิงสองลูกพุ่งทะยานออกจากมือของเขาด้วยความเร็วราวกับลูกกระสุน เดธคาเมล รับลูกไฟในระยะเผาขน ความแรงของการระเบิดตัวของลูกบอลไฟทำให้มันชะงักไปชั่วขณะ มิหนำซ้ำ พลังทำลายที่มันได้รับจากลูกบอลเพลิงยังมีมากกว่าปกติ
ซึ่งนั่นเป็นผลมาจากเวทย์สายอักขระที่รัดตัวมันเอาไว้ช่วยเพิ่มพลังทำลายของไฟร์บอลทำให้
มันโดนการโจมตีนี้แรงขึ้น
“ไฟร์บอลของคุณโลกิ แรงขนาดนั้นเลยเหรอเนี่ย?!”
แพนด้าแดงอุทาน ที่ผ่านมาเขาก็เห็นวิชานี้มาหลายครั้งแล้วแต่มีครั้งนี้ที่เขารู้สึกได้ว่ามันรุนแรงกว่าทุกครั้ง
================= World Ignition ==================
“เวิลด์อิกนิชั่น เวทอักขระขั้นสูงสุด ซึ่งช่วยเพิ่มความเสียหายให้กับสิ่งที่ถูกเวทนี้”
โลกิ กล่าวพร้อมกันเปลี่ยนมือมาวางในท่าใหม่โดยให้มือขวายื่นออกไปสุดแขนส่วนมือซ้าย
เลื่อนมาประชิดอกทำเป็นซองแขน ขาซ้ายแยกออกเพื่อวางสมดุลของเท้า
โดยพร้อมกันฟีนิกซ์ ได้บินลงมาและเปลี่ยนร่างของตัวเองให้กลายเป็นลูกศรเพลิง
“กุเรนโนะยูมิยะ!!” (Guren No Yumiya = Blazing Arrow)
สิ้นคำ ศรแห่งเพลิงซึ่งเกิดจากฟีนิกซ์ ถูกผลักออกไปด้วยมือซ้ายดันออกไปจนสุดแขน ศรเพลิงพุ่ง
ทะยานออกจากซองแขน พุ่งผ่านร่างของเดธคาเมล และเผาไหม้มันด้วยเพลิงที่ร้อนแรงที่สุด
=================Blazing Arrow=================
ร่างของมัมมี่ตกอยู่ในเปลวไฟ และทำท่าจะล้มลงโดยจะทับใส่ โลกิ พอดีแต่ทว่า
“และความสามารถอย่างที่สองของ เวิลด์อิกนิชั่น เมื่อสะสมความเสียหายจนถึงระดับหนึ่งก็จะระเบิดออกมา”
โลกิ เปรยพร้อมกับดีดนิ้วขึ้นอีกเปาะหนึ่ง แล้วเอ่ยด้วยน้ำเสียงเรียบเฉยราวกับไม่หวั่นเกรงต่อ
ร่างยักษ์ที่ลุกโหมด้วยไฟกำลังจะหล่นลงมาทับตน
“เวิลด์ เอนด์”(World End)
สิ้นคำเสียงที่ตามมาคือการระเบิดครั้งใหญ่ที่เสียงนั้นสะท้อนกึกก้องไปทั่วทั้งพีรามิด ร่างของ
เดธคาเมลที่ลุกไหม้เกิดการระเบิดอย่างรุนแรง เปลวเพลิงที่ลุกไหม้อยู่บนตัวของมันลุกลามมากขึ้น
และเผาไหม้รุนแรงขึ้น ร่างมหึมาตรงหน้ามอดไหม้เป็นจุลโดยไม่เหลือแม้แต่เศษขี้เถ้าใดๆให้มันฟื้นคืน
ชีพได้อีกต่อให้ยังมีอานูบิสที่ยังหลงเหลืออยู่ในห้องนี้อีกก็ตาม
“ชนะแล้ว!”
แพนด้าแดง พูดออกมาโดยอัตโนมัติ หลังจากที่ได้เห็นร่างมหึมาของ เดธคาเมล อันตรธานหายไปต่อหน้า
ในที่สุดพวกเขาก็มั่นใจได้แล้วว่ามันจะไม่ฟื้นคืนชีพขึ้นมาอีกอย่างแน่นอน หลังจากการต่อสู้จบลง
โลกิ รู้สึกว่าร่างกายของเขาหนักอึ้งราวกับก้อนหิน เป็นผลมาจากการรีดเร้นพลังจิตใจทั้งหมดที่มี
ออกมากลั่นมานาเพื่อโจมตีต่อเนื่องชุดใหญ่ ทำให้จิตประสาทของเขารับภาระมากเกินไปจนรู้สึกเหนื่อยล้า
เขาเดินโซเซ เข้าไปหาแพนด้าแดงที่กำลังโบกมือรอเขาอยู่
“คุณโลกิ ข้างหลัง!”
แพนด้าแดง จู่ก็ตะโกนขึ้นมา โลกิ ชะงักไปเป็นเพราะเขาเห็นเงาของอะไรซักอย่างซ้อนทับร่างของเขาอยู่
เงานั้นมีขนาดที่ใหญ่พอๆกับความสูงของห้อง เขารู้ได้ในทันทีมันกลับมาอีกครั้งแล้ว
เดธคาเมล แต่คราวนี้ในห้องมีเพิ่มขึ้นมาถึง 5 ตัวด้วยกันและหนึ่งในนั้น ได้เงื้อคมเขี้ยวเข้าหาเขา
ร่างของ ลิงหนุ่มถูกกลืนลงไปในคำเดียว ต่อหน้าต่อตา
“คุณโลกิ!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!”
**************************โปรดติตดามตอนต่อไป***************************
ความคิดเห็น