ตอนที่ 97 : Login 94: Variable End
Login 94: Variable End
ในอดีตมีเด็กผู้หญิงคนหนึ่ง...
เธอมีชีวิตที่เกือบจะเรียกได้ว่าเพียบพร้อมแต่กลับต้องอยู่อย่างโดดเดี่ยว
แม่ของเธอแยกทางไปเพราะพ่อที่เอาแต่เล่นเกมการเมืองจนไม่สนใจครอบครัว
ทุกวันเด็กสาวต้องอยู่เพียงลำพังโดยมีแค่เกมที่เป็นเครื่องอุ้มชูหัวใจมาตลอด
และแล้ววันเวลาก็ผ่านไป...
เมื่อเกมกลายเป็นสังคมที่กว้างขึ้นมีการรวมตัวการแข่งขันเกิดขึ้นเด็กสาวก็เข้าร่วมการแข่งขันนั้นและขึ้นเป็นผู้เล่นชั้นนำกวาดรางวัลและเกรียติยศมากมายมาครอง
...ทว่าเมื่อเทียบกับโลกที่พ่อของเธออยู่สังคมแห่งนี้มันก็แค่ปลาซิวปลาสร้อยที่ไม่ได้อยู่ในสายตามิหนำซ้ำเธอยังถูกพ่อใช้ประโยชน์
เขาซึ่งได้ชื่อว่าเป็นพ่อได้ใช้อำนาจในฐานะผู้ปกครองปฏิเสธไม่ให้เธอเป็นตัวแทนของประเทศที่จะไปแข่งขันแล้วสร้างประเด็นเรื่อง 'เกมเป็นสิ่งมอมเมาเยาวชน' เพื่อสร้างคะแนนให้กับตัวเองแล้วพวกผู้ที่น่ารังเกียจก็พากันกอบโกยจากเรื่องนี้
จนถึงขั้นกดดันให้เด็กสาวต้องฝืนกล้ำกลืนทำในสิ่งที่ไม่อยากทำที่สุด
พวกเขาให้เธอประกาศวางมือเพื่อเป็นตัวอย่างแก่เยาวชนด้วยคำพูดที่สวยหรูนั่นพ่อกับพวกผู้ใหญ่นั่นก็ได้หน้าตาในสังคมไปมากมาย
โดยที่เด็กสาวต้องสูญเสียสิ่งค้ำจุนและหยุดก้าวเดิน
เมื่อมนุษย์ไม่ปรารถนาจะก้าวเดินต่อไปโลกจึงล่มสลายลง
มีเรื่องที่เล่าขานกันมาว่าในวันที่พระเจ้าจะพิพากษาโลกก็จะให้เทวทูตเป่าคันแตรเพื่อทำลายคนบาป
เทวทูตแห่งเกมได้เป่าคันแตรเพื่อล้างบางพวกผู้ใหญ่ที่ฟอนเฟะและไม่เข้าใจความสูงส่งของเกมไปจนหมด สรรสร้างโลกในอุดมคติให้กับเธอ
....
"เหล่าดาราที่สูญเสียแสงแห่งชีวิตจะก่อกำเนิดโมงยามแห่งความมืด!!"
เมื่อไทเทเนียมเริ่มร่ายสกิลเสียงระฆังก็ดังก้องกังวาน
มิติเกิดการบิดเบี้ยว ฉายภาพแห่งอวกาศแสนเวิ้งว้างลงบนห้อง ทุกขั้นตอนเหมือนกับที่เกิดขึ้นในตอนที่มิ่งขวัญใช้โกลด์กาแลนต์
เหมือนกับสกิลไม้ตายอื่นๆ ที่ลากเข้ามายังมิติอวกาศทุกสรรพสิ่งล้วนหยุดนิ่งเพื่อป้องกันการแทรกแซงพิธีกรรม
ท่ามกลางความมืดมิดแสงของดวงดาวเฉิดฉาย
เจิดจ้า
เจิดจ้า
เจิดจ้า...
เจิดจ้าขึ้นเรื่อยๆ ดวงดาวที่เปล่งประกายเหล่านั้นกำลังพองตัวจนกระทั่งระเบิดออกเหมือนลูกโป่ง เศษเสี้ยวของดวงดาวกระจัดกระจายไปทั่วแต่ในพริบตาถัดมา
ตรงใจกลางการระเบิดของดวงดาวแต่ละดวงได้ปรากฏจุดสีดำขึ้น
จุดดำเริ่มปรากฏให้เห็นมากขึ้นเป็นเหมือนรอยด่างพร้อยแล้วต่อมารอยด่างเหล่านั้นก็ขยายตัวเป็นหลุมดำ
ดำมืด
ดำทมิฬ
ดูดแสงสว่างรอบข้างเจ้าไปแล้วก่อกำเนิดโมงยามอันมืดมิด
เหมือนกับปรากฏการณ์ซุปเปอร์โนว่า
ท่ามกลางความสับสนอลหม่านที่เกิดขึ้นเสียงร่ายสกิลของไทเทเนียมดังก้องกังวานปนกลั้วไปกับเสียงระฆังที่ยิ่งทวีความดังกึกก้อง
"ประวัติศาสตร์จะหยุดนิ่ง"
หลุมดำแต่ละที่เริ่มขยายตัว...
"ราตรีจะเยือกแข็ง"
แผ่ขยายและกลืนกินบริเวณทั้งหมด
"ป่าวประกาศเวลาแห่งการสูญสิ้น"
มาถึงตรงนี้ทุกอย่างก็ตกอยู่ในความมืดดำที่ไร้ซึ่งแสงสว่าง
มองไม่เห็นสิ่งใดอีก
หยุดนิ่งราวกับความตาย
มีเพียงเสียงร่ายสุดท้ายที่ดังกู่ก้อง
"รวมร่างเกราะมาร!!"
วินาทีถัดมาหลังจากเสียงประกาศดังขึ้นทุกอย่างก็กลับไปยังจุดเริ่มต้น
พื้นที่อวกาศอันเวิ้งว้าง ดวงดาวพร่างพราย
ราวกับว่าเรื่องเมื่อครู่นั้นไม่เคยเกิดขึ้นจริงแต่ก็ยังมีสิ่งหนึ่งต่างออกไปจากเดิม...
มีจักรกลประหลาดปรากฏขึ้นเบื้องหลังของไทเทเนียมไม่มีใครรู้ว่ามันมาอยู่ตรงนี้ตั้งแต่ตอนไหน
จักรกลซึ่งสร้างขึ้นด้วยวัสดุที่ไม่ทราบแน่ชัดแต่มันสะท้อนแสงมันวาวเหมือนอลูมิเนียมรูปร่างเหมือนมนุษย์มีสายไฟหรืออะไรที่คล้ายกันงอกออกมาจากบริเวณศีรษะเหมือนกับเส้นผมและมีรอยนูนบริเวณเนินอกทำให้ดูเป็นเพศหญิงแต่กลับมีลำตัวช่วงล่างกับขาเหมือนนกและมีปีกแทนแขน ขนาดตัวใหญ่กว่าพระพุทธรูปยักษ์ในห้องโถงราวสิบเท่า
จักรกลนี้น่าจะเป็นสิ่งเดียวกับมังกรที่เคยออกมามอบพลังให้กับมิ่งขวัญ สิ่งที่โพธิสัตว์อวโลกิตะเรียกมันว่าเครื่องทำสวนศักดิ์สิทธิ์
นอกจากนั้นยังมีอีกเรื่องที่ต่างออกไปจากเดิม...
ชุดของไทเทเนียมเปลี่ยนไป ถูกเปลี่ยนเป็นชุดผ้าสีดำที่มีแสงนีออนสีเขียวครามเปล่งเป็นลวดลายดูล้ำยุคกับกระโปรงและเกราะขาสีขาวครีมที่ช่วยขับสีดำอันงดงามของเสื้อให้เด่นชัดท่ามกลางความมืด
เครื่องทำสวนศักดิ์สิทธิ์เลือนหายไปแล้วปรากฏเป็นหลุมดำกว้างเบื้องหลังไทเทเนียมอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นลูกไฟดำทั้งหนึ่งร้อยดวงที่เวียนว่ายอยู่เหนือเพดานโถงก็เริ่มกระจายตัวกัน
ทุกยูนิทสองลูกจะรวมตัวกันเป็นโดรนหนึ่งชิ้น
โดรนรูปทรงอวบและเรียวไปจนสุดปลายคล้ายกับพินโบวลิ่งผิวสีดำมันวาวมีหลอดไฟนีออนสีเขียววาดเป็นลวดลาย
"นานมาแล้วพวกผู้ใหญ่ที่ไม่เคยจะเข้าใจในอะไรเลยได้ทำให้โลกใบนี้ฟอนเฟะจนกระทั่งเทวทูตแห่งเกมเป่าคันแตรทำลายโลกและสร้างอุดมคติของเกมเมอร์ขึ้นมาแต่ว่าแค่นั้นมันยังไม่พอ"
หลังจากโลกล่มสลายลงเด็กสาวก็เหลือแค่ตัวคนเดียวกับน้องที่เป็นญาติและด้วยความสามารถด้านเกมที่มีมาแต่เดิมเด็กสาวจึงใช้ชีวิตในโลกหลังการล่มสลายได้ราวกับสรวงสวรรค์มีผู้คนที่ได้เธอช่วยเอาไว้มาคอยสรรเสริญ เป็นโลกในอุดมคติจนกระทั่งมารู้เอาทีหลังว่าคนเหล่านั้นก็ยังไม่ใช่ตัวตนที่คู่ควรกับสวนสวรรค์แห่งนี้
มีเพียงน้องชายที่เป็นญาติคนนั้นที่จะช่วยเติมเต็มความทะเยอทะยานอันสูงส่งนี้ได้
"ในการที่โลกจะได้เห็นพลังของฉันจำเป็นต้องมีผู้ร่วมอุดมการณ์เดียวกันที่เข้าใจถึงความสูงส่งของเกมเมอร์ดังนั้นก็เลยเลือกนายมาไงล่ะกวินทร์"
จนกระทั่งวันหนึ่งมนุษย์ต่างดาวก็มาหาเด็กสาว
พลังอันเหนือล้ำจินตนาการได้ทำให้พลังของเธอกลายเป็นเรื่องไร้สาระ
แต่นั่นไม่ใช่จุดจบ...
'พรสวรรค์ด้านเกมนั่นคือสิ่งจำเป็นดังนั้นจะขอใช้พลังของเธอล่ะนะ'
คำพูดของชายผู้ทำให้เธอกลายเป็นอุดมคติที่แท้จริงยังคงดังก้องในอก รวมถึงเรื่องน้องชายที่ได้วิ่งหนีไปในวันนั้นเพราะไม่ยอมรับอุดมคติของเธอ
"แต่แล้วนายก็ยังหักหลังฉัน"
ไทเทเนียมแววตาขุ่นมัวและกัดฟันจนเกิดเสียงดังกรอดลอดออกมาความโกรธพองตัวขึ้นในจิตใจ
ตอนนั้นเองยูนิททั้งหมดก็กลายเป็นโดรนจำนวนห้าสิบชิ้นบินรายล้อมดั่งดาวบริวารที่โคจรเป็นวงแหวนรอบตัวเธอ
"เวพอนไนซ์!! แวริเอเบิลไนท์!!"
.
[Weaponize! Variable Night Lv(1/1)
Element: Dark
Attribute: Ultimate, Transform, Shadow, Awakening
(Cast Cost) ทำลายอาวุธเงาตั้งแต่ 30 ชิ้นขึ้นไป , ร่าย ‘เหล่าดาราที่สูญเสียแสงแห่งชีวิตจะก่อกำเนิดโมงยามแห่งความมืด ประวัติศาสตร์จะหยุดนิ่ง ราตรีจะเยือกแข็ง ป่าวประกาศเวลาแห่งการสูญสิ้นรวมร่างเกราะมาร’;
ขณะร่ายสกิลนี้จะไม่ถูกขัดขวางและไม่ได้รับดาเมจ , ล้างสถานะทั้งหมดออกแล้วTransform (Transform: ไม่ถือเป็นสถานะ ไม่มีระยะเวลาคงอยู่ ไม่สามารถถูกล้าง ได้ ไม่ถูกยกเลิกหรือทำให้ไร้ผล) ทุก Awakening Black Unit 2 หน่วยจะกลายเป็น Shadow Arm; รับพลังจากอวตารแห่งกลุ่มดาวพรหมจรรย์ ทรงฉลองพระองค์เป็นเจ้าหญิงแห่งดวงดาวผู้หยุดยั้งประวัติศาสตร์]
'เพื่อที่จะสร้างโลกแห่งอุดมคติมันจำเป็นต้องพึ่งพาพลังของเธอนะไทเทเนียม'
คำพูดของชายผู้มีพระคุณยังคงตราตรึงมาจนวันนี้ได้ทำลายความโกรธลงไป มันเป็นเหมือนพลังอันยิ่งใหญ่ที่สยบทุกอารมณ์ที่คอยรังควาน
ไทเทเนียมปิดดวงตาลงครู่หนึ่งแล้วปรือมันขึ้นอีกครั้งเปลี่ยนแววตาอันขุ่นมัวให้กลายเป็นความสงบเยือกเย็น ไร้อารมณ์… ว่างเปล่า… ให้เป็นเหมือนเช่นชายผู้มีพระคุณคนนั้น
"แต่ตอนนี้มันมีคนที่เข้าใจในตัวฉันแล้วเขาคนนั้นได้ทำให้เทวทูตเป่าแตรแห่งเกมเพื่อฉัน ทำลายพวกผู้ใหญ่โง่เง่าที่ไม่เข้าใจความสูงส่งของเกมดังนั้นเพื่อโลกที่เขาปรารถนาฉันจึงกลายเป็นเทวทูตเพื่อให้โลกที่ถูกปกครองด้วยพละกำลังโลกที่ผู้แข็งแกร่งกลืนกินผู้อ่อนแอจนก่อเกิดเป็นกฎและระเบียบใหม่ได้ถือกำเนิดขึ้น”
ภาพแห่งอวกาศหายไป ห้องกลับคืนสู่สภาพปกติแต่กลับจะถูกโดรนทั้งฝูงกลบเอา
พวกมันบินฉวัดเฉวียนไปมาอย่างรวดเร็วจนชวนให้รู้สึกตาลาย
“ดูไว้ให้ดีนี่ก็คือร่างอวตารสมบูรณ์แบบของเทวทูตแห่งจุดจบที่คู่ควรกับวันสิ้นโลก เดม่อนแอพมาสเทม่าทำให้การโจมตีที่ไม่ใช่สกิลใช้กับฉันไม่ได้ผลและแวริเอเบิลไนท์เมื่อใช้พลังจากชาโดวอาร์มหนึ่งชิ้นจะทำให้สกิลรวมถึงความเสียหายไร้ผลได้หนึ่งครั้ง ไม่ถูกปลดออก! ไม่สูญสลาย! ไม่มีกำหนดเวลา!”
ไทเทเนียมประสานมือไว้บนหน้าอกแล้วโดรนก็เริ่มเรียงแถวไปตามความนึกคิด
หล่อนผายมือออกพร้อมกับป่าวประกาศพลังของตนอย่างภาคภูมิใจ
”เท่ากับจะต้องใช้สกิลโจมตีเข้ามาห้าสิบครั้งถึงจะทำลายร่างนี้ได้ขอขนานนามมันว่า มาสเทม่าแวริเอเบิลเอ็นด์!!”
“จะอะไรก็ไม่รู้ล่ะแต่อลังการชะมัด”
มิกซ์กล่าวด้วยใบหน้าตกตะลึงแต่มือที่จับปืนกลับสั่นไม่หยุดเพราะอีกใจหนึ่งก็นึกหวาดกลัวพลังอันยิ่งใหญ่นี้
หลังจากนั้นแล้วก็ไม่มีใครพูดอะไรออกมาอีกเพราะต่างก็ทึ่งไปกับสถานการณ์ที่กำลังดำเนินไปแบบไม่ร็เหนือรู้ใต้
แต่ฟูก็กล่าวทำลายความเงียบนั้น
“เฮอะ! จะเป็นอะไรก็ไม่รู้หรอกนะแต่เล่นบอกจุดอ่อนมาแบบนี้ก็เสร็จโก๋ล่ะเมื่อกี้ที่ตีวืดไปเพราะแอพแปลกๆ นั่นทำให้โจมตีปกติไม่ได้สินะงั้นแค่ใช้สกิลตีเข้าไปก็หมดเรื่อง”
ฟูทำหน้ามั่นใจแล้วเงื้อค้อนเหวี่ยงออกไปพร้อมกับร่ายสกิล
“บูมเมอร์แรงแฮมเมอร์!!”
ค้อนเหล็กถูกเหวี่ยงออกด้วยพลังที่เป็นไปไม่ได้ก็หมุนควงสว่านอ้อมไปด้านหลังไทเทเนียมและเข้าจู่โจม
ไทเทเนียมไม่ได้เคลื่อนไหว ไม่แม้แต่จะขยับหลบ หล่อนทำเพียงแค่พูดด้วยเสียงที่เบาราวกับกระซิบ
“มาสเตอร์โพรเทคชั่น...”
เพียงเท่านั้นก็มีโดรนตัวหนึ่งบินเข้ามาขวางทางค้อน
ค้อนปะทะเข้ากับกำแพงที่มองไม่เห็นอย่างจังแล้วกระดอนกลับไปหามือของฟู
“ชิ! ไมได้ผลเหรอเนี่ย”
ฟูสบถขณะเดียวกันแสงนีออนสีเขียวที่ส่องออกมาจากโดรนเครื่องนั้นก็เปลี่ยนเป็นสีแดงนั่นคือสัญญาณที่บ่งบอกว่ามันได้ใช้ป้องกันสกิลไปแล้วตามที่ไทเทเนียมว่า
“เขาก็บอกไว้แล้วไม่ใช่เหรอว่าต้องใช้สกิลโจมตีเข้าไปห้าสิบครั้งน่ะ”
ซากิริพูดเหมือนกับจะเหน็บแนมเด็กหนุ่ม
“งั้นแค่ใช้สกิลอัดไปเรื่อยๆ จนกว่าจะหมดก็พอ”
ฟูสรุปเอาทื่อๆ แต่มันก็เป็นวิธีการเดียวที่อีกฝ่ายเหลือไว้ให้ตอบโต้ทุกคนก็คิดแบบนั้น
“มันไม่ใช่แค่นั้นหรอกนะลองดูสกิลที่ใช้มาเมื่อกี้ให้ดีๆ สิเปิดหน้าต่างออกมาเช็คเลย”
ไทเทเนียมกล่าวมาแบบนั้นและยิ้มอย่างมีเลศนัย
ไม่รู้ว่าทำไปแล้วจะมีความหมายอะไร...ทั้งที่คิดแบบนั้นแต่ฟูก็ทำตาม
เขาเปิดหน้าจอที่เก็บสกิลติดตั้งไว้ขึ้นมาแล้วมองไปที่สกิลซึ่งใช้ไปเมื่อครู่ก่อนจะทำตาโต
“เฮ้ย! สกิลมันไม่คูลดาวน์อ่ะ”
สกิลบนหน้าจอของฟูกลายเป็นสีทึบและไม่มีสัญญาณที่บ่งบอกว่ามันจะกลับมาใช้งานได้
“อีกความสามารถของแวริเอเบิลไนท์สกิลที่ใช้งานต่อหน้าร่างนี้จะถูกแช่แข็งรวมถึงสกิลที่มีชื่อเดียวกันของคนอื่นก็จะถูกแช่แข็งไปด้วยเท่ากับว่าสกิลทั้งหมดจะใช้กับฉันได้แค่ครั้งเดียวเท่านั้น”
สีหน้าของทุกคนที่ได้ยินเรื่องนั้นต่างก็ตกตะลึง
ซากิริเริ่มพูด...
“แย่ล่ะสิถ้าต้องใช้สกิลที่แตกต่างกันโจมตีถึงห้าสิบครั้งแบบนั้นต่อให้ขนกันมาครบทุกอาชีพยังไม่แน่ว่าจะทำลายได้เลยนะ”
อิซานามิที่ยืนอยู่ข้างๆ หันมา
“งั้นที่สะสมยูนิทเป็นจำนวนมากก็เพราะมีเหตุผลจะอี้สินะ”
ซากิริพยักหน้ารับแล้วพูดต่อไปว่า
"แต่ทำไมถึงต้องจงใจทำขนาดนี้ด้วยทั้งที่ถ้าจะฆ่าพวกเรามันก็ง่ายนิดเดียว"
กวินทร์เป็นคนตอบคำถามนั้นให้อย่างง่ายดาย
"คงเพราะอยากให้รับรู้เท่านั้นแหละครับว่าพี่เขามีพลังขนาดไหนน่ะ"
เพราะรู้อยู่แก่ใจว่านี่คือสารท้าจากไทเทเนียม หล่อนกำลังท้าทายให้พิสูจน์ว่าทางเลือกและอุดมคติของตัวเองมันผิดจริงหรือไม่ในการต่อสู้นี้
ตอนนั้นเองไทเทเนีนมก็พูดมาว่า
"กวินทร์นายเคยบอกว่าทางที่ฉันเลือกมันผิดสินะแล้วตอนนี้เปลี่ยนความคิดรึยังล่ะ"
"ยังไงมันก็ผิดอยู่ดีนั่นแหละ"
กวินทร์ตอบ
"ไม่ว่ายังไงนายก็ไม่ยอมเข้าใจสินะงั้นก็ดี"
ไทเทเนียมทำหน้าเสียดายแล้วดีดนิ้วเปาะเหมือนเป็นสัญญาณพร้อมกับ...
"มาสเตอร์แวริเอชั่น!"
ร่ายสกิลสั่งการโดรนทั้งหมด
ทันใดนั้นเครื่องทั้งหมดก็หยุดลอยอยู่กับที่ทำให้ห้องทั้งห้องเหมือนถูกหยุดเวลาไปชั่วขณะ
ปลายแหลมของแต่ละเครื่องหันและเล็งไปที่พวกกวินทร์ จากในนั้นมีจำนวนหนึ่งที่กางครึ่งหนึ่งออกจากกันเหมือนกำลังอ้าปาก เผยให้เห็นใบมีดเลเซอร์ทอประกายแสงสีฟ้าระยิบระยับเชื่อมชิ้นส่วนปากบนกับปากล่างเข้าไว้ด้วยกัน
โดรนอ้าปากเหล่านั้นพุ่งลงมา
มิกซ์ตอบโต้ก่อนเป็นคนแรกเพราะอาวุธที่ได้เปรียบเรื่องระยะมากกว่าคนอื่น เขายิงตอบโต้ใส่โดรนเหล่านั้นแต่กระสุนกับทะลุผ่านโดรนทุกเครื่อง
"หรือว่าต้องใช้สกิลโจมตีโดรนด้วยน่ะนี่ก็เป็นผลของเดม่อนแอพนั่นด้วยเหรอ"
กวินทร์คาดเดาไว้อย่างนั้นแล้วก็มีคนที่ตอบสนองคำพูดของเขาทันที มิ่งขวัญตั้งโล่ในมือขึ้นแล้วร่ายสกิล
"โอดินเบรธ!"
นี่คือสกิลที่จะเป่าทุกสิ่งเบื้องหน้าโล่ให้กระเด็นออกไป ถ้าสกิลได้ผลโดรนที่พุ่งเข้ามาก็จะ...
ตอนที่คิดแบบนั้นลมกรรโชกของสกิลก็พุ่งออกไปแล้ว
แต่กลับทะลุผ่านโดรนทุกเครื่องไปเหมือนกระสุนของมิกซ์ แม้แต่สกิลก็ใช้กับพวกมันไม่ได้ผลและค่าตอบแทนของการทดลองนั่นก็คือแขนข้างที่ติดโล่ไว้นั่นเอง
เพราะผลพวงจากการใข้สกิลทำให้มีการหน่วงเวลาเพื่อให้ปลดปล่อยสกิลออกไปจนเสร็จก่อนจึงจะขยับตัวได้ พวกโดรนที่ฝ่าสายลมมาอย่างง่ายดายก็เลยตัดเอาแขนไปข้างหนึ่ง
"ขวัญ!"
เสียงของพลอยดังขึ้น
แขนของมิ่งขวัญลอยเคว้งกลางอากาศ
แต่ยังไม่ทันที่จะได้รู้สึกเจ็บ...
ก็มีแสงสว่างสะท้อนลงมาทั่วไปหมด แสงมาจากโดรนทุกเครื่องที่หันปลายเล็งมากำลังรวบรวมพลังงานจนเกิดเป็นประกายไฟ
โดรนที่เหลือปลดปล่อยการโจมตีต่อเนื่องด้วยลำแสงมฤตยู
เผาทำลายห้องจนวอดวาย
พระพุทธรูปที่ต้องแสงก็หลอมละลาย
ผนังถูกยิงจนพรุน
เพดานถล่มลงมา
แต่มันไม่ได้หยุดอยู่แค่นั้น โดรนที่ปล่อยแสงยังคงปล่อยต่อเนื่องและหมุนขยับลากให้ลำแสงตัดผ่ากำแพงหรือเสาค้ำได้และหลอมละลายราวกับตัดเนย
ไม่นานตัวของโบสถ์ก็พังทลายยุบตัวและถล่มลง
พังพินาศสิ้นไปทุกสิ่ง
......
ข้าวหลามกำลังนั่งอยู่บนฐานของพระพุทธรูปปางไสยาสน์องค์ใหญ่ที่มีขนาดเกือบจรดปลายผนังห้องทั้งสองฝั่ง
สถานที่คือห้องโถงหลังคาทรงโดมภายในพระเจดีย์หลักของอารย-สนธยา
ห้องถูกประดับตกแต่งอย่างหรูหราอลังการมีที่นั่งกว่าร้อยที่
เวทีปราศรัยและโพเดียมชุดหนึ่งสำหรับผู้ประกาศ
อดีตเคยใช้เป็นที่จัดประชุมคณะสงฆ์มาก่อนแต่ตอนนี้กลายเป็นฐานที่มั่นสำคัญแห่งสุดท้ายของอารย-สนธยา
ประตูห้องเปิดแง้มออกเพียงเล็กน้อยจากนั้นก็มีใครบางคนยื่นศีรษะเข้ามา
ข้าวหลามเงยหน้าขึ้นมอง
“หืม? กุมภกรรณ...มีอะไรหรือไง”
แล้วถามไปแบบนั้นพลางจ้องมองใบหน้าของอสูรยักษาที่เคยเป็นปีศาจในครอบครองของกุมภา ธุวดารกะ
“…”
แต่กุมภกรรณกลับนิ่งเงียบ
ด้วยความสงสัยจึงลองถามไปอีกครั้ง
“เฮ้! ตกลงมีอะไรกันแน่”
“…”
สถานการณ์ดูไม่ค่อยชอบมาพากลนักข้าวหลามจับปืนไว้มั่นแล้วลุกจากฐานตั้งพระเตรียมจะเดินไปที่ประตู
ทว่า...
หัวของอสูรกลับร่วงหล่นกระแทกพื้นแล้วกลิ้งหลุนๆ เข้ามา
มีแต่หัวเท่านั้นคอกับลำตัวไม่ได้ตามมาด้วย
สายตาและจิตต่อสู้ของข้าวหลามมั่งเป้าไปที่ประตูทันทีเขาตั้งปืนขึ้นเล็งมันไปที่นั่น
ข้างนอกนั่นน่าจะเกิดเรื่องผิดปกติขึ้นบางทีอาจเป็นพวกผู้บุกรุก
ข้าวหลามคาดการณ์เอาไว้อยู่แล้วว่าจะต้องเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นเพราะระบบของเกมเพิ่งจะกลับมาทำงานพวกปีศาจคงต้านทานพลังของผู้บุกรุกที่เป็นมนุษย์ต่างดาวได้ยาก
ทันใดนั้นเองก็มีเสียงเรียกอีกชื่อของเขาดังขึ้น
“ตักษกะ”
จากทางด้านหลังได้ปรากฏเงาร่างอันเลือนรางของสิ่งมีชีวิตขนาดใหญ่สูงจรดเพดานและขดตัววนรอบห้องโถง มันคืออนันตาเจ้าแห่งนาคาผู้เป็นสหาย
ข้าวหลามตอบเสียงนั้นกลับไปว่า
“รู้แล้วล่ะน่า!”
พร้อมกับเปลี่ยนเป็นร่างปีศาจที่เรียกว่า ‘ดิวินิแดด’ หรือครึ่งมนุษย์ครึ่งปีศาจ ผิวหนังทั้งหมดกลายเป็นเกล็ดงูและมีเขี้ยวกับหางงอกออกมา
หัวของกุมภกรรณที่กลิ้งเข้ามาได้คืบหนึ่งก็ถูกเหยียบโดยเท้าของผู้บุกรุกจนแหลกสลายกลายเป็นควันและหายไป
ชายผมสีเงินย่างเท้าเข้ามาในห้องหนึ่งคน สองคน สามคน มีผู้หญิงผมสีเงินอีกคนรวมเป็นทั้งหมดเป็นสี่คน
คนเหล่านั้นล้วนแต่มีใบหน้าที่ชวนให้คุ้นตา
อิงศรผมสีเงิน
มิ่งขวัญผมสีเงิน
กวินทร์ผมสีเงิน
และมีนาผมสีเงิน...
ทั้งหมดคือทีมของอิงศรเวอร์ชั่นมนุษย์ต่างดาว
ชายคนที่หน้าเหมือนอิงศรพูดขึ้นว่า
“เพราะนายมาสายนะลิเธียมพวกฉันก็เลยรอกันจนแง่กไปหมดแล้วเนี่ย”
จากนั้นก็มีคนใหม่เดินตามเข้ามาในห้องอีกเป็นราชครูมนุษย์ต่างดาวผมสีแดงเครื่องแบบสีแดงที่มีส่วนคล้ายกับเมษา
รวมทั้งหมดเป็นห้าคนเป็นทีมอิงศรที่สมบูรณ์แบบ...
...แล้วอิงศรคนนั้นก็ จับจ้องสายตามาทางนี้...
มองมาที่อนันตาแต่เมินข้ามหัวข้าวหลามไปพลางพูดเปรยๆ ว่า
“สู้กับตัวพรรค์นี้แถมคนครบแบบนี้อีกทำเอานึกถึงขึ้นมาเลยนะเนี่ย”
ชายผู้นั้นยิ้มเยาะด้วยใบหน้ามาดร้าย
สายตาจดจ้องมาราวกับนักล่า
“งั้นก็มาใช้กันอีกครั้งเถอะอิงศรฟอเมชั่นนีโอน่ะ”
***เจอกันใหม่วันอังคารหน้านะคร้าบบ***
นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ
