ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Apocalypse Online เกมโกงวันโลกาวินาศ

    ลำดับตอนที่ #96 : Login 93: ผู้ป่าวประกาศเวลาแห่งจุดจบ

    • เนื้อหานิยายตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 458
      25
      29 มี.ค. 60

    Login 93: ผู้ป่าวประกาศเวลาแห่งจุดจบ

     

                “อัก

                มิ่งขวัญใบหน้าหันไปตามแรงชก หมัดนั่นทำให้ริมฝีปากแตกจนมีเลือดคั่ง

                พริบตานั้น สายตาของทุกคนก็จับจ้องมายังที่นี่...

                “เออ!! ไม่เห็นจะเข้าใจเลยซักนิด...สู้คนเดียวอะไรกัน...แข็งแกร่งขึ้นบ้าบออะไรกัน!! ที่นายทำมันก็แค่การวิ่งหนีเท่านั้นแหละ"

                กวินทร์พูดแล้วดึงหมัดกลับ

                "..."

                มิ่งขวัญค่อยๆ หันใบหน้าที่ปูดขึ้นเล็กน้อยมา

                "อย่าเอาเรื่องปกป้องมาอ้างหน่อยเลยทำแบบนั้นมันจะไปปกป้องอะไรได้ ก็แค่หนีเพราะไม่ยอมรับว่าตัวเองอ่อนแอไม่ใช่รึ...

                คำพูดของกวินทร์ไม่ทันจะจบดีคราวนี้เป็นทีของมิ่งขวัญที่ซัดหมัดคืนมา

                "อุก"

                "นายมันไม่ได้เข้าใจอะไรเลย ฉันน่ะ..."

                มิ่งขวัญพูดแต่ไม่ทันไรก็โดนกวินทร์ซัดกลับ

                "ไม่ได้อยากจะเข้าใจคนทำตัวเป็นฮีโร่หรอกน่า!"

                พอกวินทร์พูดก็โดนซัดคืนมาอีก

                "อย่างนายจะมาเข้าใจความรู้สึกฉันได้ยังไงเล่า.."

                จากนั้นก็กลายเป็นการแลกหมัดกับคำพูดไป

                "อ้าว เฮ้ย!! ไหงไปซัดกันเองแบบนั้นเล่า!!"

                ฟูพูดด้วยสีหน้าตกใจคนอื่นเองก็ไม่แพ้กัน เพราะอยู่ๆ มิ่งขวัญกับกวินทร์ก็ทะเลาะกันเสียอย่างนั้น

                ทั้งสองคนผลัดกันต่อยและดึงยื้อกันจนกระทั่งล้มกลิ้งลงไปบนพื้นอยู่หลายตลบและหยุดลงที่มิ่งขวัญขึ้นคร่อมตัวกวินทร์เอาไว้

                พลางพูดด้วยเสียงเหนื่อยหอบ

                "นายไม่เข้าใจหรอก! ว่าความโดดเดี่ยวที่ฉันเจอมามันหนักหนาขนาดไหนฉันไม่อยากจะกลับไปรู้สึกแบบนั้นอีกแล้วเพราะงั้นคราวนี้...คราวนี้น่ะ...คนที่สู้โดยเดิมพันด้วยชีวิตขอให้มีแค่ฉันคนเดียวก็พอแล้ว"

                แววตาของมิ่งขวัญสะท้อนความมืดบอดออกมาเป็นแววตาของคนที่สิ้นหวังและพร้อมจะตายได้ทุกเมื่อ

                พอเห็นแบบนั้นเข้า...กวินทร์ก็หลับตาลงโดยนึกถึงความรู้สึกที่น่าจะคล้ายคลึงกับมิ่งขวัญ

                เรื่องมันก็ผ่านมาได้ปีหนึ่งแล้วนับจากวันที่เขาต้องพลัดแยกกับลูกพี่ลูกน้องคนที่รักเหมือนเป็นพี่สาวแท้ๆ

                "แต่ยังไงฉันก็คิดว่าแบบนั้นมันผิด"

                กวินทร์ลืมตาขึ้นอีกครั้งดวงตาฉายประกายอันแน่วแน่ออกมาแล้ว..

                "ทำไมถึงพยายามเก่งขึ้นอยู่คนเดียวล่ะแบบนั้นมีแต่จะรู้สึกแย่มากขึ้นไม่ใช่เหรอ ไม่ต้องแบกรับเอาไว้คนเดียวหรอกพวกเราน่ะแค่สู้ไปด้วยกันก็พอเก่งขึ้นไปด้วยกันก็พอแล้วนี่"

                พูดพร้อมกับค่อยๆ ดันตัวมิ่งขวัญออกจนลุกขึ้นมานั่งจ้องตากันได้

                "..."

                แววตาของมิ่งขวัญที่เหมือนกับมืดบอดจนถึงเมื่อครู่นั้นดูจะสดใสขึ้นเล็กน้อยแม้จะยังมีความลังเลเจือปนอยู่บนสีหน้าก็ตามแต่คำพูดนั้นน่าจะเข้าถึงจิตใจของมิ่งขวัญไปแล้ว

                "เจ้าพวกนั้นเองก็น่าจะต้องการแบบนั้นนะ"

                กวินทร์ชี้ไปข้างหลังแล้วพอมิ่งขวัญหันไปก็ได้พบกับบรรดาครอบครัวที่ครั้งหนึ่งเคยสูญเสียไปแล้วทำหน้าเหมือนกับจะฉุกคิดขึ้นได้

                พวกนั้นดูเหมือนจะรู้งานเพราะกำลังตามมาทางนี้กันแล้ว

                มิ่งขวัญลุกขึ้นแล้วส่วมือมาให้

                "อย่าเข้าใจผิดล่ะ...ไว้เรื่องจบแล้วจะเอาคืนที่ต่อยหมัดนั้นแน่"

                สายตาของมิ่งขวัญดูเอาจริงเอาจังจนน่าหวาดเสียว

                "ก็อัดคืนมาซะน่วมไปหมดแล้วไม่ใช่รึไง"

                กวินทร์พูดตอบพลางยิ้มไปด้วยแล้วจับมือมิ่งขวัญเพื่อพยุงตัว พอลุกขึ้นมาได้ทุกคนก็มารวมกันที่นี่ครบพอดี

                จากนั้นมิ่งขวัญก็เรียกหน้าจอขึ้นมาแล้วใส่คำสั่งบางอย่างทำให้ชุดกับเครื่องเกราะที่ใส่อยู่เปล่งแสงวาบ...

                ...แล้วหายไป

                ทั้งหอกทองคำกับโล่แล้วก็ปีกสลายหายไปในพริบตาดูเหมือนว่าจะเป็นคำสั่งยกเลิกโกลด์กาแลนต์

                "อ้าวแล้วเกราะชุบทองนั่นล่ะ"

                ฟูถามด้วยสายตาเป็นงง

                "ยกเลิกไปแล้วไอ้นั่นมันทำให้เคบื่อนไหวไม่ค่อยสะดวกแล้วก็ยัยนั่นคงอ่านทางออกหมดแล้วด้วยสู้ใช้สกิลอื่นพลิกแพลงเอายังจะมีโอกาสชนะมากกว่า"

                มิ่งขวัญตอบพลางตั้งดาบขึ้นแล้ว...

                "รอยัลเซเบอร์"

                ร่ายสกิลพร้อมกับไถลมือไปบนตัวดาบทำให้มันกลายเป็นดาบแสง

                "เล่นละครกันจบแล้วสินะ"

                ไทเทเนียมพูด

                กวินทร์มองไปที่หล่อนด้วยสงสัยในความคิดของอีกฝ่ายว่าทำไมถึงรอให้พวกเขาเคลียร์กันจนเสร็จทั้งที่ฉวยโอกาสตอนนั้นเลยศึกนี้คงจบไปแล้ว

                ตอนนั้นเอง...

                "คงไม่ได้รอเพราะทางนี้เป็นอดีตน้องชายสินะ"

                ซากิริก็พูดขึ้นมา

                "ขอแก้หน่อยนะกวินทร์น่ะไม่ใช่น้องชายพวกเราแค่เป็นญาติกันไม่ได้สัมพันธ์ชิดเชื้อกันขนาดนั้นแล้วก็ระหว่างที่รอเนี่ยฉันก็ร่ายไอ้นี่ไปด้วย"

                ไทเทเนียมตอบแล้วชี้ขึ้นไปข้างบนที่ซึ่งตอนนี้เต็มไปด้วยลูกไฟยูนิทสีดำเวียนว่ายอยู่เต็มเพดานโถง

                "อัสสิอาห์ซิมโฟนี"

                ทันใดนั้นบริเวณปลายนิ้วก็ปรากฏก้อนพลังงานสีดำที่ต่อมาแตกตัวออกเป็นลูกไฟยูนิทจำนวนห้าลูกลอยขึ้นไปรวมกันข้างบน

                "เพิ่มยูนิทขึ้นมาอีกแล้วคิดจะทำอะไรของเขากัยแน่เนี่ย"

                มิกซ์พูด

                จำนวนของยูนิทที่ลอยอยู่เหนือห้องเริ่มจะไม่มีที่ให้ถม ถ้านับก็น่าจะได้เกินครึ่งร้อย

                "ยังขาดอยู่อีกหน่อย..."

                ไทเทเนียมพูดแต่เเหมือนพึมพำอยู่คนเดียวจากนั้นหล่อนก็กระชับเคียวแล้วบุกเข้ามา ด้วยพลังของมนุษย์ต่างดาวร่างของไทเทเนียมเลือนหายไปแล้วมาปรากฏอีกทีตรงกลางกลุ่มที่พวกมิ่งขวัญยืนกระจุกกัน

                ไทเทเนียมแกว่งเคียวไปรอบๆ จนวงแตกกระเจิงแล้วเพียงแค่นั้น...

                ก็มีคนได้รับบาดเจ็บ

                มิกซ์ถูกบาดเข้าที่ต้นแขนทำให้สกิลของอาวุธทำงาน

                "รับบลาสดาเมจไปซะ"

                ไทเทเนียมพลิกเคียวแล้วปักลงไปบนพื้นทันที ตรงกลางวงนี้เองทำให้คลื่นพลังที่แผ่ออกมากระแทกทุกคนตัวลอยข้ามห้องไปกันคนละทิศละทาง

                คนเดียวที่โดนคลื่นพลังเข้สไปแล้วไม่ล้มก็มีแต่มิ่งขวัญทันทีที่ลงพื้นก็พุ่งตัวกลับไปฟาดดาบใส่ไทเทเนียมทันที

                ร่างของไทเทเนียมเลือนหายไปก่อนที่ดาบจะทันเข้าถึงตัวทำให้ฟันพลาดจนทุบพื้นแตกเป็นรอยไปอีกแห่ง

                "ชิ พอไม่มีพลังจากบัพแล้วความเร็วเราตกขนาดยี้เลยเหรอ"

                มิ่งขวัญสบถพลางดึงดาบกลับทันทีเพราะคิดว่าไทเทเนียมคงโจมตีเข้ามาแน่

                แต่กลับไม่เป็นแบบนั้น...

                ไทเทเนียมย้ายยืนอยู่ตรงหน้าพลอยแล้วกำลังเงื้อเคียวขึ้นหมายจะฟันใส่เธอ

                "พลอย!"

                มิ่งขวัญพยายามจะตามเข้าไปช่วย

                อย่างไรก็ตามจากระยะทางตรงนี้คงไปไม่ทัน

                เคียวตวัดลงไปแล้ว...

                เคร้ง!! เกิดเสียงโลหะแหลมสูงดังขึ้นมา เคียวฟาดลงไปบนดาบคู่ที่ขัดกันเป็นกากากบาทของกวินทร์

                "อึก"

                แต่ดาบกลับโดนกดลงเรื่อยๆ เพราะแรงของมนุษย์เทียบกับเอเลี่ยนไม่ได้

                มิ่งขวัญเข้าหาทางด้านหลังของไทเทเนียมแล้วเงื้อดาบจะฟันแต่หล่อนก็หายตัวไปอีกเลยต้องใช้มืออีกข้างดึงแขนตัวเองยั้งดาบไม่ให้ฟาดใส่พวกเดียวกันเอง

                คราวนี้ไทเทเนียมไปโผล่ตรงหน้านิว น้องเล็กของกลุ่มที่ไม่สามารถปกป้องตัวเองได้ ไทเทเนียมแค่แกว่งเคียวเบาๆ ประทับบาดแผลลงบนหลังของเด็กสาวราวกับกำลังเล่นสนุก

                หล่อนกำลังเล่นสนุกกับพวกเขาที่ได้แต่วิ่งไล่ตามเธอจนหัวปั่น

                หล่อนยิ้มอย่างเยือกเย็นและมีใบหน้าอำมหิต

                เมื่อทำความเสียหายได้สกิลของเคียวก็ทำงานอีกครั้งไทเทเนียมปักมันลงบนพื้นทำให้คลื่นพลังแผ่กระจายและส่งร่างของนิวลอยไปชนมิกซ์ที่พยายามจะเข้ามาช่วยจนกระเด็นไปตามกัน

                คลื่นพลังแผ่ไปกระทบใส่ทุกคนจนร่างลอยละลิ่วไปกระแทกโดนผนังบ้าง พระพุทธรูปบ้างจนหล่นมาแตก

                ...และในทุกๆ ครั้งที่มีคนเจ็บจำนวนของยูนิทสีดำก็ยิ่งเพิ่มพูนขึ้น

                ที่บอกว่าจะล่าวิญญาณคงหมายถึงแบบนี้ ก้อนยูนิทที่เป็นเสมือนวิญญาณลอยละล่องเต็มเพดานห้อง

                แต่ไทเทเนียนก็ยังไม่รู้จักพอ...

                "ชาโดวสเปลไนท์ไนฟ์"

                เอเลี่ยนสะบัดมือออกไปพร้อมกับร่ายสกิลเสกให้มีดเงาจำนวนสิบเล่มพุ่งใส่เหยื่อที่คราวนี้คือซากิริ

                "ขอเชือดเทวทูตดูหน่อยเถอะ"

                ไทเทเนียมว่ามาแบบนั้นแล้วฝูงมีดก็เตรียมจะทำให้เทวทูตกลายเป็นต้นกระบองเพชร

                "ซุสนัคเคิล!!"

                สิ้นเสียงประกาศนั้นก็เกิดเสียงเหมือนฟ้าร้องดังเปรี้ยงออกมาพอดีกับที่หมัดของมิ่งขวัญปะทะเข้ากับมีดเล่มหนึ่งจากทั้งหมดแล้วปล่อยกระแสไฟฟ้าออกไปดึงดูดมีดให้เข้ามารวมกันที่หมัดซึ่งตอนนี้อาบไว้ด้วยพลังของสกิลมีดจึงกระเด็นกลับออกไป

                กวินทร์มองไปที่ปฏิกิริยาซึ่งเกิดขึ้นระหว่างสายฟ้ากับมีดแล้วฉุกคิดขึ้นมาได้

                "จริงด้วย! ตามตารางธาตุของเกมธาตุสายฟ้ามันชนะความมืดนี่นา"

                ด็กหนุ่มทุบมือโดยให้ดาบยื่นออกไปคนทางแล้วเริ่มคิดหาทางบุกโดยอาศัยประโยชน์จากเรื่องนั้น

                "ก่อนอื่นก็ต้องเอนแฮนส์รีชาร์จ!"

                สิ้นคำเพลิงไฟที่หมุนวนกับน้ำแข็งที่จับอยู่รอบดาบทั้งสองเล่มก็สลายหายไปและมียูนิทสีม่วงครามกับสีแดงสดอย่างละหนึ่งลอยออกมาวนเวียนรอบตัว

                ก่อนจะเปลี่ยนธาตุบนดาบเพื่อไม่ให้สกิลที่ใช้ไปต้องเสียเปล่าจึงทำให้พวกมันกลายเป็นยูนิทแล้วเก็บสะสมไว้

                กวินทร์ประสานดาบเข้าด้วยกันแล้วร่าย...

                "สโตนเบลด! อิเล็กทริคเบลด!"

                จากนั้นดาบเล่มหนึ่งก็ถูกห่อหุ้มด้วยหินออบซิเดียนสีดำเมี่ยมส่วนอีกเล่มมีสายฟ้าวนพันรอบตัวดาบ

                กวินทร์วิ่งตรงเข้าไปโจมตีไทเทเนียมทันที เป็นการจู่โจมจากมุมบอดโดยอาศัยช่วงที่เขาร่ายสกิลอยู่ไทเทเนียมก็กำลังสาละวนอยู่กับมิ่งขวัญที่ตามกัดไม่ปล่อยอย่างกระชั้นชิด

                กวินทร์เงื้อดาบที่มีสายฟ้าขึ้น

                แต่ไทเทเนียมกลับเห็นมันเสียก่อนเลยตวัดเคียวออกไป

                แกร๊ง! คราวนี้เสียงปะทะของเคียวแปร่งออกไปไม่ใช่เสียงเหมือนโลหะกระทบกันนั่นก็เพราะดาบอีกเล่มที่กวินทร์ตวัดออกไปรับเคียวนั้นเป็นดาบหินออบซิเดียนส่วนดาบไฟฟ้า...

                สับลงไปบนไหล่ซ้ายของไทเทเนียม...

                "เคล็ดวิชา!"

                พริบตานั้นเองร่างของไทเทเนียมก็กลายเป็นเคียว ทำให้ดาบฟาดลงไปจนเคียวกระดอนตัวขึ้นไปข้างบน

                จากนั้นไทเทเนียมก็ปรากฏตัวที่อีกฟากของห้องพร้อมรอรับเคียวที่หลังจากลอยขึ้นไปแล้วก็บินกลับไปหาเจ้าของทันที

                "ศาสตราแทนกาย"

                หล่อนตั้งมือข้างที่ว่างขึ้นเป็นประสานอินครึ่งเดียวเพื่อเป็นค่าใช้สกิลสำหรับหลบหลีกการโจมตีเมื่อครู่

                "ใช้ศาสตราแทนกายแต่เคียวไม่ถูกทำลายแบบนี้ก็ใช้ฟรีเลยน่ะสิ"

                กวินทร์พูด

                "คอมโบระดับนี้มันเป็นเรื่องง่ายสำหรับเกมเมอร์ที่แท้จริงอยู่แล้วไม่ใช่ของที่น่าอวดเลยซักนิดถ้ายังตกใจกับของแค่นี้ฉันคงประเมินนายสูงไปสินะกวินทร์"

                ไทเทเนียมพูดตอบ

                จนถึงตอนนี้ก็ยังลดพลังชีวิตของหล่อนลงไม่ได้ ทั้งที่พวกกวินทร์รุมโจมตีต่อเนื่องถึงขนาดนั้น ระดับพลังต่างชั้นกันอย่างเห็นได้ชัด

                และแล้ว...

                "หกสิบแปด...หกสิบเก้า...เจ็ดสิบครบแล้วสินะ"

                ไทเทเนียมพึมพำเหมือนกำลังนับจำนวนยูนิทที่สะสมมาเพื่อเป้าหมายบางอย่างและมันคงจะเฉลยออกมาเร็ว นี้แต่ในจังหวะที่เหม่อลอยอยู่นี่เอง

                ไทเทเนียมก็เปิดช่องว่างให้ถูกล้อมโดยสามเสาหลักจู่โจมที่ประกอบด้วยมิ่งขวัญ ฟู และกวินทร์ เด็กหนุ่มทั้งสามคนต่างประเคนอาวุธใส่เธอ

                พริบตานั้นเอง...

                "เดม่อนแอพ เซราฟตกสวรรค์มาสเทม่า!"

                แววตาของไทเทเนียมก็เปลี่ยนเป็นแข็งกร้าวไปชั่วขณะหนึ่งในวินาทีที่ประกาศใช้แอพพลิเคชั่นปีศาจ

                วินาทีนั้นเองดวงตาของซากิริก็เบิกกว้างขึ้นเล็กน้อย

                หล่อนเป็นมนุษย์ต่างดาวไม่ใช่เหรอ?

                แล้วใยจึงใช้พลังของปีศาจได้กันล่ะ?

                คำถามดังก้องในจิตใจยามที่ได้เห็นปีกสีดำทมิฬซึ่งปรากฏออกมาเป็นภาพเสมือนอยู่ด้านหลังไทเทเนียมแต่คำตอบมันก็พอจะเดาได้เพราะว่ามีกรณีของมิ่งขวัญ เด็กหนุ่มผู้ถูกเลือกจากฟันเฟืองที่กลายเป็นมนุษย์ต่างดาว ถ้าสมมติฐานเรื่องเงื่อนไขการใช้แอพพลิเคชั่นปีศาจคือการที่เคยเป็นมนุษย์มาก่อนเป็นความจริงการที่เก็บงำมันไว้มาจนกระทั่งตอนนี้ก็อาจจะมีเหตุผลบางอย่าง

                ปีกสีดำสยายกางออกพร้อมกับเสียงคันแตรดังก้อง

                แตรแห่งวันสิ้นโลก

                แตรที่ปลดปล่อยปีศาจออกมา

                แล้วการโจมตีทั้งหมดก็ทะลุผ่านตัวเธอไป

                ไม่มีการโจมตีใดกร้ำกรายไทเทเนียมได้

                บางทีคงเป็นเพราะพลังของแอพฯ เริ่มทำงานไปแล้ว

                "กวินทร์ รู้รึเปล่าว่าในบรรดาคลาสทั้งสามของเวพ่อนเอนแชนเตอร์ ชาโดว์เอนฟอร์สเซอร์มีสกิลที่ใช้ยูนิทอยู่น้อยมากแต่กลับมีสกิลที่ใช้เพิ่มยูนิทอยู่เป็นจำนวนมากมันกลับกันเลยใช่ไหมล่ะ"

                ไทเทเนียมพูดมาอย่างนั้นแล้วจับเคียวดึงมันให้แยกกลับไปเป็นสองอันอีกครั้ง

                จากนั้นร่ายสกิลทำให้เคียวหายไป

                "เอนแฮนส์รีชาร์จ"

                แต่ไม่ใช่แค่เคียว... บรรดาอาวุธเงาทั้งหมดที่เสกออกมาก็หายไปด้วยกลายเป็นยูนิทสีดำจำนวนมหาศาลลอยขึ้นไปข้างบน

                ไม่รู้ว่าทำไมหล่อนถึงทำแบบนั้นเป็นไปได้ว่าการสะสมยูนิทอาจจะถึงเป้าหมาแล้วถ้าอย่างนั้นไพ่ตายคงจะถูกงัดออกมาใช้ในอีกไม่ช้า

                ไทเทเนียมมองมาทางนี้...

                "ชุดสกิลที่นายใช้อยู่ตอนนี้เป็นของที่พี่ชายของมิ่งขวัญเป็นคนจัดให้สินะ"

                แล้วพูดมาแบบนั้น

                กวินทร์ไม่ได้ตอบแต่สีหน้าแสดงออกมาอย่างชัดเจนจนรู้ได้

                "..."

                "ทำหน้าแบบนั้นแสดงว่าใช่สินะแต่ก็ไม่มีทางผิดไปจากที่คาดเดาไว้หรอกเพราะชุดสกิลที่จัดอย่างไม่ได้ความพวกนั้นน่ะมันเหมือนกับสกิลของมิ่งขวัญก่อนที่ฉันจะยื่นมือเข้าไป"

                พอพูดไปแบบนั้นมิ่งขวัญก็ทำหน้าหงุดหงิดไม่พอใจ

                "ชุดสกิลที่จัดขึ้นเพื่อให้ทำในสิ่งที่อยากทำแบบนั้นมันใกล้ชิดกับตัวผู้เล่นเกินไปมีแต่ช่องโหว่ไร้ซึ่งความสมบูรณ์ ผู้เล่นไม่ได้เป็นคนใช้สกิล แต่สกิลต่างหากที่ใช้ผู้เล่นผลแพ้ชนะมันวัดกันตั้งแต่ตอนที่วางกลยุทธ์แล้วการต่อสู้ก็เป็นแค่ของแถมเพื่อประกาศความเทพของคนวางกลยุทธ์ยังไงล่ะ"

                "เพ้ออะไรของเธอฟะตั้งแต่เมื่อกี้แล้วนะ! แถมฟังแล้วเหมือนตั้งใจว่าพี่ศรอยู่ใช่มะ!"

                ฟูพูดแทรกพร้อมกับชี้หน้า

                แต่ไทเทเนียมเมินเขาไปอย่างไม่ใยดีแล้วพูดกับกวินทร์ต่อ

                "จะบอกอะไรให้นะกวินทร์ถ้านายคิดว่าฉันปกป้องนายไว้ในวันนั้นล่ะก็นายคิดผิดแล้วล่ะฉันยอมรับชะตากรรมในวันนั้นก็เพื่อโลกที่สมบูรณ์แบบมันก็เท่านั้นเอง"

                "เฮ้ยอย่าทำเมินกันงี้เด้!"

                เสียงง้องอนของฟูดังขึ้นขณะที่...

                "โลกที่สมบูรณ์แบบเหรอ?"

                มิ่งขวัญทวนคำพูดนั้นด้วยสีหน้าไม่เข้าใจความหมายของมัน

                แต่กวินทร์เหมือนจะรู้คำตอบถึงได้โต้แย้งกลับไปว่า

                "ตาสว่างซักทีเถอะพี่ความสมบูรณ์แบบที่พี่ว่ามันสุดโต่งเกินไปแล้วถึงกับทิ้งความเป็นมนุษย์ไปเพื่อของพรรค์นั้นน่ะมันผิดนะ"

                "นั่นเพราะนายยังไม่เข้าใจความสูงส่งของมันน่ะสิถึงไปหลงได้ปลื้มในตัวอิงศรชายคนนั้นเป็นนักวางกลยุทธที่สมบูรณ์แบบไม่ได้หรอกนะซักวันหนึ่งเขาจะทำพลาดและทำให้นายต้องตายเหมือนกับตอนนั้น..."

                แวบหนึ่งที่แววของไทเทเนียมเหมือนจะหมองลงทำให้ใบหน้าของหล่อนดูเศร้าโศกไปกับคำพูดที่น่าจะกล่าวถึงเรื่องราวในอดีตระหว่างเธอกับกวินทร์

                "..."

                กวินทร์ไม่ได้แย้งกลับไปการสนทนาเลยขาดตอน

                ไทเทนียมสูดลมหายใจเข้าแล้วผ่อนออกจากนั้นก็เริ่มพูด...

                "ฉันเบื่อจะคุยกับนายแล้วเพราะงั้นจงดูแล้วตระหนักเอาเองเถอะว่าทัศนคติของนายมันเล็กกระจ้อยขนาดไหน

                พลางยืดแขนขึ้นไปด้านบนหันหลังมือที่มีอัญมณีประดับติดอยู่บนสนับออก

                ”จ่ายยี่สิบยูนิทร่ายเกเฮน่าซิมโฟนี"

                สิ้นคำลูกไฟดำก็ลอยลงมาและเข้าไปอยู่ในอัญมณี

                เพิ่มจำนวนของแบล็กยูนิทที่เหลือเป็นสองเท่าทั้งหมดคือหนึ่งร้อยอัน

                วินาทีถัดมาลูกไฟดำก็แตกตัวเพิ่มจำนวนเป็นเท่าทวีจนถมเพดานได้ไม่หมดแถมยังล้นลงมาจนถึงด้านล่างดลบันดาลให้ห้องกลายเป็นสุสานในบ้านผีสิงไป

                ที่ชาโดวเอนฟอร์ซเซอร์มีสกิลเพิ่มยูนิทได้เร็วกว่าใครๆ คำตอบมันอยู่ตรงนี้นี่ล่ะ...

                ไทเทเนียมเว้นคำพูดไว้แล้วสูดลมหายใจลึกจากนั้น...

                ”เวพอนไนซ์!!”

                ก็ป่าวประกาศเวลาแห่งจุดจบออกมา


    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×