คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #96 : Login 93: ผู้ป่าวประกาศเวลาแห่งจุดจบ
Login
93: ผู้ป่าวประกาศเวลาแห่งจุดจบ
“อัก”
มิ่งขวัญใบหน้าหันไปตามแรงชก
หมัดนั่นทำให้ริมฝีปากแตกจนมีเลือดคั่ง
พริบตานั้น
สายตาของทุกคนก็จับจ้องมายังที่นี่...
“เออ!!
ไม่เห็นจะเข้าใจเลยซักนิด...สู้คนเดียวอะไรกัน...แข็งแกร่งขึ้นบ้าบออะไรกัน!!
ที่นายทำมันก็แค่การวิ่งหนีเท่านั้นแหละ"
กวินทร์พูดแล้วดึงหมัดกลับ
"..."
มิ่งขวัญค่อยๆ
หันใบหน้าที่ปูดขึ้นเล็กน้อยมา
"อย่าเอาเรื่องปกป้องมาอ้างหน่อยเลยทำแบบนั้นมันจะไปปกป้องอะไรได้
ก็แค่หนีเพราะไม่ยอมรับว่าตัวเองอ่อนแอไม่ใช่รึ...”
คำพูดของกวินทร์ไม่ทันจะจบดีคราวนี้เป็นทีของมิ่งขวัญที่ซัดหมัดคืนมา
"อุก"
"นายมันไม่ได้เข้าใจอะไรเลย
ฉันน่ะ..."
มิ่งขวัญพูดแต่ไม่ทันไรก็โดนกวินทร์ซัดกลับ
"ไม่ได้อยากจะเข้าใจคนทำตัวเป็นฮีโร่หรอกน่า!"
พอกวินทร์พูดก็โดนซัดคืนมาอีก
"อย่างนายจะมาเข้าใจความรู้สึกฉันได้ยังไงเล่า.."
จากนั้นก็กลายเป็นการแลกหมัดกับคำพูดไป
"อ้าว เฮ้ย!!
ไหงไปซัดกันเองแบบนั้นเล่า!!"
ฟูพูดด้วยสีหน้าตกใจคนอื่นเองก็ไม่แพ้กัน
เพราะอยู่ๆ มิ่งขวัญกับกวินทร์ก็ทะเลาะกันเสียอย่างนั้น
ทั้งสองคนผลัดกันต่อยและดึงยื้อกันจนกระทั่งล้มกลิ้งลงไปบนพื้นอยู่หลายตลบและหยุดลงที่มิ่งขวัญขึ้นคร่อมตัวกวินทร์เอาไว้
พลางพูดด้วยเสียงเหนื่อยหอบ
"นายไม่เข้าใจหรอก!
ว่าความโดดเดี่ยวที่ฉันเจอมามันหนักหนาขนาดไหนฉันไม่อยากจะกลับไปรู้สึกแบบนั้นอีกแล้วเพราะงั้นคราวนี้...คราวนี้น่ะ...คนที่สู้โดยเดิมพันด้วยชีวิตขอให้มีแค่ฉันคนเดียวก็พอแล้ว"
แววตาของมิ่งขวัญสะท้อนความมืดบอดออกมาเป็นแววตาของคนที่สิ้นหวังและพร้อมจะตายได้ทุกเมื่อ
พอเห็นแบบนั้นเข้า...กวินทร์ก็หลับตาลงโดยนึกถึงความรู้สึกที่น่าจะคล้ายคลึงกับมิ่งขวัญ
เรื่องมันก็ผ่านมาได้ปีหนึ่งแล้วนับจากวันที่เขาต้องพลัดแยกกับลูกพี่ลูกน้องคนที่รักเหมือนเป็นพี่สาวแท้ๆ
"แต่ยังไงฉันก็คิดว่าแบบนั้นมันผิด"
กวินทร์ลืมตาขึ้นอีกครั้งดวงตาฉายประกายอันแน่วแน่ออกมาแล้ว..
"ทำไมถึงพยายามเก่งขึ้นอยู่คนเดียวล่ะแบบนั้นมีแต่จะรู้สึกแย่มากขึ้นไม่ใช่เหรอ
ไม่ต้องแบกรับเอาไว้คนเดียวหรอกพวกเราน่ะแค่สู้ไปด้วยกันก็พอเก่งขึ้นไปด้วยกันก็พอแล้วนี่"
พูดพร้อมกับค่อยๆ
ดันตัวมิ่งขวัญออกจนลุกขึ้นมานั่งจ้องตากันได้
"..."
แววตาของมิ่งขวัญที่เหมือนกับมืดบอดจนถึงเมื่อครู่นั้นดูจะสดใสขึ้นเล็กน้อยแม้จะยังมีความลังเลเจือปนอยู่บนสีหน้าก็ตามแต่คำพูดนั้นน่าจะเข้าถึงจิตใจของมิ่งขวัญไปแล้ว
"เจ้าพวกนั้นเองก็น่าจะต้องการแบบนั้นนะ"
กวินทร์ชี้ไปข้างหลังแล้วพอมิ่งขวัญหันไปก็ได้พบกับบรรดาครอบครัวที่ครั้งหนึ่งเคยสูญเสียไปแล้วทำหน้าเหมือนกับจะฉุกคิดขึ้นได้
พวกนั้นดูเหมือนจะรู้งานเพราะกำลังตามมาทางนี้กันแล้ว
มิ่งขวัญลุกขึ้นแล้วส่วมือมาให้
"อย่าเข้าใจผิดล่ะ...ไว้เรื่องจบแล้วจะเอาคืนที่ต่อยหมัดนั้นแน่"
สายตาของมิ่งขวัญดูเอาจริงเอาจังจนน่าหวาดเสียว
"ก็อัดคืนมาซะน่วมไปหมดแล้วไม่ใช่รึไง"
กวินทร์พูดตอบพลางยิ้มไปด้วยแล้วจับมือมิ่งขวัญเพื่อพยุงตัว
พอลุกขึ้นมาได้ทุกคนก็มารวมกันที่นี่ครบพอดี
จากนั้นมิ่งขวัญก็เรียกหน้าจอขึ้นมาแล้วใส่คำสั่งบางอย่างทำให้ชุดกับเครื่องเกราะที่ใส่อยู่เปล่งแสงวาบ...
...แล้วหายไป
ทั้งหอกทองคำกับโล่แล้วก็ปีกสลายหายไปในพริบตาดูเหมือนว่าจะเป็นคำสั่งยกเลิกโกลด์กาแลนต์
"อ้าวแล้วเกราะชุบทองนั่นล่ะ"
ฟูถามด้วยสายตาเป็นงง
"ยกเลิกไปแล้วไอ้นั่นมันทำให้เคบื่อนไหวไม่ค่อยสะดวกแล้วก็ยัยนั่นคงอ่านทางออกหมดแล้วด้วยสู้ใช้สกิลอื่นพลิกแพลงเอายังจะมีโอกาสชนะมากกว่า"
มิ่งขวัญตอบพลางตั้งดาบขึ้นแล้ว...
"รอยัลเซเบอร์"
ร่ายสกิลพร้อมกับไถลมือไปบนตัวดาบทำให้มันกลายเป็นดาบแสง
"เล่นละครกันจบแล้วสินะ"
ไทเทเนียมพูด
กวินทร์มองไปที่หล่อนด้วยสงสัยในความคิดของอีกฝ่ายว่าทำไมถึงรอให้พวกเขาเคลียร์กันจนเสร็จทั้งที่ฉวยโอกาสตอนนั้นเลยศึกนี้คงจบไปแล้ว
ตอนนั้นเอง...
"คงไม่ได้รอเพราะทางนี้เป็นอดีตน้องชายสินะ"
ซากิริก็พูดขึ้นมา
"ขอแก้หน่อยนะกวินทร์น่ะไม่ใช่น้องชายพวกเราแค่เป็นญาติกันไม่ได้สัมพันธ์ชิดเชื้อกันขนาดนั้นแล้วก็ระหว่างที่รอเนี่ยฉันก็ร่ายไอ้นี่ไปด้วย"
ไทเทเนียมตอบแล้วชี้ขึ้นไปข้างบนที่ซึ่งตอนนี้เต็มไปด้วยลูกไฟยูนิทสีดำเวียนว่ายอยู่เต็มเพดานโถง
"อัสสิอาห์ซิมโฟนี"
ทันใดนั้นบริเวณปลายนิ้วก็ปรากฏก้อนพลังงานสีดำที่ต่อมาแตกตัวออกเป็นลูกไฟยูนิทจำนวนห้าลูกลอยขึ้นไปรวมกันข้างบน
"เพิ่มยูนิทขึ้นมาอีกแล้วคิดจะทำอะไรของเขากัยแน่เนี่ย"
มิกซ์พูด
จำนวนของยูนิทที่ลอยอยู่เหนือห้องเริ่มจะไม่มีที่ให้ถม
ถ้านับก็น่าจะได้เกินครึ่งร้อย
"ยังขาดอยู่อีกหน่อย..."
ไทเทเนียมพูดแต่เเหมือนพึมพำอยู่คนเดียวจากนั้นหล่อนก็กระชับเคียวแล้วบุกเข้ามา
ด้วยพลังของมนุษย์ต่างดาวร่างของไทเทเนียมเลือนหายไปแล้วมาปรากฏอีกทีตรงกลางกลุ่มที่พวกมิ่งขวัญยืนกระจุกกัน
ไทเทเนียมแกว่งเคียวไปรอบๆ
จนวงแตกกระเจิงแล้วเพียงแค่นั้น...
ก็มีคนได้รับบาดเจ็บ
มิกซ์ถูกบาดเข้าที่ต้นแขนทำให้สกิลของอาวุธทำงาน
"รับบลาสดาเมจไปซะ"
ไทเทเนียมพลิกเคียวแล้วปักลงไปบนพื้นทันที
ตรงกลางวงนี้เองทำให้คลื่นพลังที่แผ่ออกมากระแทกทุกคนตัวลอยข้ามห้องไปกันคนละทิศละทาง
คนเดียวที่โดนคลื่นพลังเข้สไปแล้วไม่ล้มก็มีแต่มิ่งขวัญทันทีที่ลงพื้นก็พุ่งตัวกลับไปฟาดดาบใส่ไทเทเนียมทันที
ร่างของไทเทเนียมเลือนหายไปก่อนที่ดาบจะทันเข้าถึงตัวทำให้ฟันพลาดจนทุบพื้นแตกเป็นรอยไปอีกแห่ง
"ชิ
พอไม่มีพลังจากบัพแล้วความเร็วเราตกขนาดยี้เลยเหรอ"
มิ่งขวัญสบถพลางดึงดาบกลับทันทีเพราะคิดว่าไทเทเนียมคงโจมตีเข้ามาแน่
แต่กลับไม่เป็นแบบนั้น...
ไทเทเนียมย้ายยืนอยู่ตรงหน้าพลอยแล้วกำลังเงื้อเคียวขึ้นหมายจะฟันใส่เธอ
"พลอย!"
มิ่งขวัญพยายามจะตามเข้าไปช่วย
อย่างไรก็ตามจากระยะทางตรงนี้คงไปไม่ทัน
เคียวตวัดลงไปแล้ว...
เคร้ง!!
เกิดเสียงโลหะแหลมสูงดังขึ้นมา เคียวฟาดลงไปบนดาบคู่ที่ขัดกันเป็นกากากบาทของกวินทร์
"อึก"
แต่ดาบกลับโดนกดลงเรื่อยๆ
เพราะแรงของมนุษย์เทียบกับเอเลี่ยนไม่ได้
มิ่งขวัญเข้าหาทางด้านหลังของไทเทเนียมแล้วเงื้อดาบจะฟันแต่หล่อนก็หายตัวไปอีกเลยต้องใช้มืออีกข้างดึงแขนตัวเองยั้งดาบไม่ให้ฟาดใส่พวกเดียวกันเอง
คราวนี้ไทเทเนียมไปโผล่ตรงหน้านิว
น้องเล็กของกลุ่มที่ไม่สามารถปกป้องตัวเองได้ ไทเทเนียมแค่แกว่งเคียวเบาๆ
ประทับบาดแผลลงบนหลังของเด็กสาวราวกับกำลังเล่นสนุก
หล่อนกำลังเล่นสนุกกับพวกเขาที่ได้แต่วิ่งไล่ตามเธอจนหัวปั่น
หล่อนยิ้มอย่างเยือกเย็นและมีใบหน้าอำมหิต
เมื่อทำความเสียหายได้สกิลของเคียวก็ทำงานอีกครั้งไทเทเนียมปักมันลงบนพื้นทำให้คลื่นพลังแผ่กระจายและส่งร่างของนิวลอยไปชนมิกซ์ที่พยายามจะเข้ามาช่วยจนกระเด็นไปตามกัน
คลื่นพลังแผ่ไปกระทบใส่ทุกคนจนร่างลอยละลิ่วไปกระแทกโดนผนังบ้าง
พระพุทธรูปบ้างจนหล่นมาแตก
...และในทุกๆ
ครั้งที่มีคนเจ็บจำนวนของยูนิทสีดำก็ยิ่งเพิ่มพูนขึ้น
ที่บอกว่าจะล่าวิญญาณคงหมายถึงแบบนี้
ก้อนยูนิทที่เป็นเสมือนวิญญาณลอยละล่องเต็มเพดานห้อง
แต่ไทเทเนียนก็ยังไม่รู้จักพอ...
"ชาโดวสเปลไนท์ไนฟ์"
เอเลี่ยนสะบัดมือออกไปพร้อมกับร่ายสกิลเสกให้มีดเงาจำนวนสิบเล่มพุ่งใส่เหยื่อที่คราวนี้คือซากิริ
"ขอเชือดเทวทูตดูหน่อยเถอะ"
ไทเทเนียมว่ามาแบบนั้นแล้วฝูงมีดก็เตรียมจะทำให้เทวทูตกลายเป็นต้นกระบองเพชร
"ซุสนัคเคิล!!"
สิ้นเสียงประกาศนั้นก็เกิดเสียงเหมือนฟ้าร้องดังเปรี้ยงออกมาพอดีกับที่หมัดของมิ่งขวัญปะทะเข้ากับมีดเล่มหนึ่งจากทั้งหมดแล้วปล่อยกระแสไฟฟ้าออกไปดึงดูดมีดให้เข้ามารวมกันที่หมัดซึ่งตอนนี้อาบไว้ด้วยพลังของสกิลมีดจึงกระเด็นกลับออกไป
กวินทร์มองไปที่ปฏิกิริยาซึ่งเกิดขึ้นระหว่างสายฟ้ากับมีดแล้วฉุกคิดขึ้นมาได้
"จริงด้วย!
ตามตารางธาตุของเกมธาตุสายฟ้ามันชนะความมืดนี่นา"
ด็กหนุ่มทุบมือโดยให้ดาบยื่นออกไปคนทางแล้วเริ่มคิดหาทางบุกโดยอาศัยประโยชน์จากเรื่องนั้น
"ก่อนอื่นก็ต้องเอนแฮนส์รีชาร์จ!"
สิ้นคำเพลิงไฟที่หมุนวนกับน้ำแข็งที่จับอยู่รอบดาบทั้งสองเล่มก็สลายหายไปและมียูนิทสีม่วงครามกับสีแดงสดอย่างละหนึ่งลอยออกมาวนเวียนรอบตัว
ก่อนจะเปลี่ยนธาตุบนดาบเพื่อไม่ให้สกิลที่ใช้ไปต้องเสียเปล่าจึงทำให้พวกมันกลายเป็นยูนิทแล้วเก็บสะสมไว้
กวินทร์ประสานดาบเข้าด้วยกันแล้วร่าย...
"สโตนเบลด!
อิเล็กทริคเบลด!"
จากนั้นดาบเล่มหนึ่งก็ถูกห่อหุ้มด้วยหินออบซิเดียนสีดำเมี่ยมส่วนอีกเล่มมีสายฟ้าวนพันรอบตัวดาบ
กวินทร์วิ่งตรงเข้าไปโจมตีไทเทเนียมทันที
เป็นการจู่โจมจากมุมบอดโดยอาศัยช่วงที่เขาร่ายสกิลอยู่ไทเทเนียมก็กำลังสาละวนอยู่กับมิ่งขวัญที่ตามกัดไม่ปล่อยอย่างกระชั้นชิด
กวินทร์เงื้อดาบที่มีสายฟ้าขึ้น
แต่ไทเทเนียมกลับเห็นมันเสียก่อนเลยตวัดเคียวออกไป
แกร๊ง!
คราวนี้เสียงปะทะของเคียวแปร่งออกไปไม่ใช่เสียงเหมือนโลหะกระทบกันนั่นก็เพราะดาบอีกเล่มที่กวินทร์ตวัดออกไปรับเคียวนั้นเป็นดาบหินออบซิเดียนส่วนดาบไฟฟ้า...
สับลงไปบนไหล่ซ้ายของไทเทเนียม...
"เคล็ดวิชา!"
พริบตานั้นเองร่างของไทเทเนียมก็กลายเป็นเคียว
ทำให้ดาบฟาดลงไปจนเคียวกระดอนตัวขึ้นไปข้างบน
จากนั้นไทเทเนียมก็ปรากฏตัวที่อีกฟากของห้องพร้อมรอรับเคียวที่หลังจากลอยขึ้นไปแล้วก็บินกลับไปหาเจ้าของทันที
"ศาสตราแทนกาย"
หล่อนตั้งมือข้างที่ว่างขึ้นเป็นประสานอินครึ่งเดียวเพื่อเป็นค่าใช้สกิลสำหรับหลบหลีกการโจมตีเมื่อครู่
"ใช้ศาสตราแทนกายแต่เคียวไม่ถูกทำลายแบบนี้ก็ใช้ฟรีเลยน่ะสิ"
กวินทร์พูด
"คอมโบระดับนี้มันเป็นเรื่องง่ายสำหรับเกมเมอร์ที่แท้จริงอยู่แล้วไม่ใช่ของที่น่าอวดเลยซักนิดถ้ายังตกใจกับของแค่นี้ฉันคงประเมินนายสูงไปสินะกวินทร์"
ไทเทเนียมพูดตอบ
จนถึงตอนนี้ก็ยังลดพลังชีวิตของหล่อนลงไม่ได้
ทั้งที่พวกกวินทร์รุมโจมตีต่อเนื่องถึงขนาดนั้น
ระดับพลังต่างชั้นกันอย่างเห็นได้ชัด
และแล้ว...
"หกสิบแปด...หกสิบเก้า...เจ็ดสิบครบแล้วสินะ"
ไทเทเนียมพึมพำเหมือนกำลังนับจำนวนยูนิทที่สะสมมาเพื่อเป้าหมายบางอย่างและมันคงจะเฉลยออกมาเร็ว
นี้แต่ในจังหวะที่เหม่อลอยอยู่นี่เอง
ไทเทเนียมก็เปิดช่องว่างให้ถูกล้อมโดยสามเสาหลักจู่โจมที่ประกอบด้วยมิ่งขวัญ
ฟู และกวินทร์ เด็กหนุ่มทั้งสามคนต่างประเคนอาวุธใส่เธอ
พริบตานั้นเอง...
"เดม่อนแอพ เซราฟตกสวรรค์มาสเทม่า!"
แววตาของไทเทเนียมก็เปลี่ยนเป็นแข็งกร้าวไปชั่วขณะหนึ่งในวินาทีที่ประกาศใช้แอพพลิเคชั่นปีศาจ
วินาทีนั้นเองดวงตาของซากิริก็เบิกกว้างขึ้นเล็กน้อย
หล่อนเป็นมนุษย์ต่างดาวไม่ใช่เหรอ?
แล้วใยจึงใช้พลังของปีศาจได้กันล่ะ?
คำถามดังก้องในจิตใจยามที่ได้เห็นปีกสีดำทมิฬซึ่งปรากฏออกมาเป็นภาพเสมือนอยู่ด้านหลังไทเทเนียมแต่คำตอบมันก็พอจะเดาได้เพราะว่ามีกรณีของมิ่งขวัญ
เด็กหนุ่มผู้ถูกเลือกจากฟันเฟืองที่กลายเป็นมนุษย์ต่างดาว ถ้าสมมติฐานเรื่องเงื่อนไขการใช้แอพพลิเคชั่นปีศาจคือการที่เคยเป็นมนุษย์มาก่อนเป็นความจริงการที่เก็บงำมันไว้มาจนกระทั่งตอนนี้ก็อาจจะมีเหตุผลบางอย่าง
ปีกสีดำสยายกางออกพร้อมกับเสียงคันแตรดังก้อง
แตรแห่งวันสิ้นโลก
แตรที่ปลดปล่อยปีศาจออกมา
แล้วการโจมตีทั้งหมดก็ทะลุผ่านตัวเธอไป
ไม่มีการโจมตีใดกร้ำกรายไทเทเนียมได้
บางทีคงเป็นเพราะพลังของแอพฯ
เริ่มทำงานไปแล้ว
"กวินทร์ รู้รึเปล่าว่าในบรรดาคลาสทั้งสามของเวพ่อนเอนแชนเตอร์
ชาโดว์เอนฟอร์สเซอร์มีสกิลที่ใช้ยูนิทอยู่น้อยมากแต่กลับมีสกิลที่ใช้เพิ่มยูนิทอยู่เป็นจำนวนมากมันกลับกันเลยใช่ไหมล่ะ"
ไทเทเนียมพูดมาอย่างนั้นแล้วจับเคียวดึงมันให้แยกกลับไปเป็นสองอันอีกครั้ง
จากนั้นร่ายสกิลทำให้เคียวหายไป
"เอนแฮนส์รีชาร์จ"
แต่ไม่ใช่แค่เคียว...
บรรดาอาวุธเงาทั้งหมดที่เสกออกมาก็หายไปด้วยกลายเป็นยูนิทสีดำจำนวนมหาศาลลอยขึ้นไปข้างบน
ไม่รู้ว่าทำไมหล่อนถึงทำแบบนั้นเป็นไปได้ว่าการสะสมยูนิทอาจจะถึงเป้าหมาแล้วถ้าอย่างนั้นไพ่ตายคงจะถูกงัดออกมาใช้ในอีกไม่ช้า
ไทเทเนียมมองมาทางนี้...
"ชุดสกิลที่นายใช้อยู่ตอนนี้เป็นของที่พี่ชายของมิ่งขวัญเป็นคนจัดให้สินะ"
แล้วพูดมาแบบนั้น
กวินทร์ไม่ได้ตอบแต่สีหน้าแสดงออกมาอย่างชัดเจนจนรู้ได้
"..."
"ทำหน้าแบบนั้นแสดงว่าใช่สินะแต่ก็ไม่มีทางผิดไปจากที่คาดเดาไว้หรอกเพราะชุดสกิลที่จัดอย่างไม่ได้ความพวกนั้นน่ะมันเหมือนกับสกิลของมิ่งขวัญก่อนที่ฉันจะยื่นมือเข้าไป"
พอพูดไปแบบนั้นมิ่งขวัญก็ทำหน้าหงุดหงิดไม่พอใจ
"ชุดสกิลที่จัดขึ้นเพื่อให้ทำในสิ่งที่อยากทำแบบนั้นมันใกล้ชิดกับตัวผู้เล่นเกินไปมีแต่ช่องโหว่ไร้ซึ่งความสมบูรณ์
ผู้เล่นไม่ได้เป็นคนใช้สกิล แต่สกิลต่างหากที่ใช้ผู้เล่นผลแพ้ชนะมันวัดกันตั้งแต่ตอนที่วางกลยุทธ์แล้วการต่อสู้ก็เป็นแค่ของแถมเพื่อประกาศความเทพของคนวางกลยุทธ์ยังไงล่ะ"
"เพ้ออะไรของเธอฟะตั้งแต่เมื่อกี้แล้วนะ!
แถมฟังแล้วเหมือนตั้งใจว่าพี่ศรอยู่ใช่มะ!"
ฟูพูดแทรกพร้อมกับชี้หน้า
แต่ไทเทเนียมเมินเขาไปอย่างไม่ใยดีแล้วพูดกับกวินทร์ต่อ
"จะบอกอะไรให้นะกวินทร์ถ้านายคิดว่าฉันปกป้องนายไว้ในวันนั้นล่ะก็นายคิดผิดแล้วล่ะฉันยอมรับชะตากรรมในวันนั้นก็เพื่อโลกที่สมบูรณ์แบบมันก็เท่านั้นเอง"
"เฮ้ยอย่าทำเมินกันงี้เด้!"
เสียงง้องอนของฟูดังขึ้นขณะที่...
"โลกที่สมบูรณ์แบบเหรอ?"
มิ่งขวัญทวนคำพูดนั้นด้วยสีหน้าไม่เข้าใจความหมายของมัน
แต่กวินทร์เหมือนจะรู้คำตอบถึงได้โต้แย้งกลับไปว่า
"ตาสว่างซักทีเถอะพี่ความสมบูรณ์แบบที่พี่ว่ามันสุดโต่งเกินไปแล้วถึงกับทิ้งความเป็นมนุษย์ไปเพื่อของพรรค์นั้นน่ะมันผิดนะ"
"นั่นเพราะนายยังไม่เข้าใจความสูงส่งของมันน่ะสิถึงไปหลงได้ปลื้มในตัวอิงศรชายคนนั้นเป็นนักวางกลยุทธที่สมบูรณ์แบบไม่ได้หรอกนะซักวันหนึ่งเขาจะทำพลาดและทำให้นายต้องตายเหมือนกับตอนนั้น..."
แวบหนึ่งที่แววของไทเทเนียมเหมือนจะหมองลงทำให้ใบหน้าของหล่อนดูเศร้าโศกไปกับคำพูดที่น่าจะกล่าวถึงเรื่องราวในอดีตระหว่างเธอกับกวินทร์
"..."
กวินทร์ไม่ได้แย้งกลับไปการสนทนาเลยขาดตอน
ไทเทนียมสูดลมหายใจเข้าแล้วผ่อนออกจากนั้นก็เริ่มพูด...
"ฉันเบื่อจะคุยกับนายแล้วเพราะงั้นจงดูแล้วตระหนักเอาเองเถอะว่าทัศนคติของนายมันเล็กกระจ้อยขนาดไหน”
พลางยืดแขนขึ้นไปด้านบนหันหลังมือที่มีอัญมณีประดับติดอยู่บนสนับออก
”จ่ายยี่สิบยูนิทร่ายเกเฮน่าซิมโฟนี"
สิ้นคำลูกไฟดำก็ลอยลงมาและเข้าไปอยู่ในอัญมณี
“เพิ่มจำนวนของแบล็กยูนิทที่เหลือเป็นสองเท่าทั้งหมดคือหนึ่งร้อยอัน”
วินาทีถัดมาลูกไฟดำก็แตกตัวเพิ่มจำนวนเป็นเท่าทวีจนถมเพดานได้ไม่หมดแถมยังล้นลงมาจนถึงด้านล่างดลบันดาลให้ห้องกลายเป็นสุสานในบ้านผีสิงไป
“ที่ชาโดวเอนฟอร์ซเซอร์มีสกิลเพิ่มยูนิทได้เร็วกว่าใครๆ
คำตอบมันอยู่ตรงนี้นี่ล่ะ...”
ไทเทเนียมเว้นคำพูดไว้แล้วสูดลมหายใจลึกจากนั้น...
”เวพอนไนซ์!!”
ก็ป่าวประกาศเวลาแห่งจุดจบออกมา
ความคิดเห็น