คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #93 : Login 90: ผู้ทำลายปาฏิหาริย์
Login
90: ผู้ทำลายปาฏิหาริย์
เราเข้าใจกองเลือดของหมอนั่นแล้ว...
มิ่งขวัญหมายถึงกวินทร์
เราเข้าใจแล้วว่าทำไมศรถึงต้องทำตัวน่ากลัว...
มิ่งขวัญหมายถึงตอนที่อิงศรวางระเบิดสถานีเมื่อสามปีก่อน
ทั้งสองคนต่างก็กำลังปกป้องเราอยู่...
เพราะแบบนั้นเรื่องร้ายๆ
มันถึงไม่ยอมจบซักที
นั่นก็เพราะว่าเราอ่อนแอก็เลยปกป้องใครไว้ไม่ได้เลยถูกคนอื่นปกป้องเพราะว่าเราอยากจะเป็นมนุษย์...
แต่ในโลกแบบนี้มนุษย์คือความอ่อนแอ...
ดังนั้นมิ่งขวัญจึงตัดสินใจเลิกเป็นมนุษย์
“นี่คือคมดาบที่ใช้ปกป้องผู้อื่นฉันจะไม่กลัวความโดดเดี่ยวอีกแล้วจากนี้ไป...”
มิ่งขวัญประกาศกร้าวพร้อมกับจับหอกด้วยร่างที่เปล่งประกายแสงทองคำแห่งความยุติธรรม
‘โกลด์กาแลนต์’
“ฉันจะสู้คนเดียว!”
เด็กหนุ่มสาบานกับดาบเล่มนั้นโดยการสังเวย
’ความต้องการที่จะเป็นมนุษย์’ เพื่อแลกกับพลัง
ตั้งแต่ตอนที่ไทเทเนียมชูสามนิ้วขึ้นมาเพื่อบอกใบ้ถึงโกลด์กาแลนต์มันก็ได้เชื่อมโยงถึงสกิลที่จะร่ายได้ก็ต่อเมื่อมีสามยูนิท
สกิลใหม่ที่หล่อนเป็นคนติดตั้งเพิ่มขึ้นมาให้จากสกิลชุดเดิมที่เคยบิลด์ด้วยชุดสกิลที่อิงศรจัดให้
จัสติค, รีเบลเลี่ยน, ลิเบอเรเตอร์
การใช้มันเท่ากับว่าเขายอมรับคำพูดของไทเทเนียม
‘ไม่สามารถเป็นมนุษย์ได้’ กับ ’ไม่เหมาะที่จะเป็นมนุษย์’ คำพูดประจำที่หล่อนพูดเสมอ
ตอนที่สวมใส่ ‘ความยุติธรรม’ ลงในดาบความเป็นมนุษย์ก็ลดลง
ตอนที่สวมใส่ ‘การปฏิวัติ’ ลงในดาบความเป็นมนุษย์ก็ลดลง
ตอนที่สวมใส่ ‘ผู้ปลดปล่อย’ ลงในดาบความเป็นมนุษย์ก็ลดลง
เมื่อสังเวยความเป็นมนุษย์ทั้งหมดมิ่งขวัญก็ได้กลายเป็นอัศวินแห่งโมงยามสีทอง
สกิลขั้นสูงสุดของ ‘ไชนิ่งเอ็นฟอร์ซเซอร์’ หากใช้มันก็จะกอบกู้วิกฤติคราวนี้และจัดการกับปีศาจได้อย่างแน่นอน
...แต่นั่นก็หมายความว่าจะต้องเลเวลอัพและปลดขีดจำกัดพลังของมนุษย์ต่างดาวเต็มตัว
มิ่งขวัญ Lv. 90 (Gold Galant)
[/....2690:16000.....]
“คิดว่าอะไรซะอีกที่แท้ก็แค่บัพเองหรอกเหรอจัดซะอลังการเชียวนะแต่ชุดลิเกๆ
ของนายนั่นฉันขอทำลายทิ้งเลยก็แล้วกัน”
พลอยพูดพลางยิ้มย่องอย่างได้ใจ
“คับบาลาห์เซฟิร่าเจบูราห์!!”
หล่อนร่ายสกิลแล้วจึงบังเกิดแสงสว่างขึ้นในมือ
แสงกลายเป็นใบมีดเหมือนเสี้ยวพระจันทร์แล้วจึงร่อนมันออกไป
ใบมีดมุ่งตรงไปยังมิ่งขวัญแต่เขาใช้โล่รับมันไว้
การปะทะกันทำให้เกิดแสงสว่างเจิดจ้าทำให้ตาพร่ามัวไปชั่วขณะ
ด้วยผลของสกิลนี้จะทำลายสถานะเสริมพลังของเป้าหมายลงทั้งหมดซึ่งนั่นก็หมายความว่า
[Kabbalah
Sephirah Geburah Lv(1/1)
Element:
Light
Attribute:
Support, Kabbalah, Sephirah
(Cast
Cost) ร่าย ‘คับบาลาห์ เซฟิร่า เจบูราห์’; ความแข็งแกร่งคือสิ่งจำเป็นเพื่อธำรงค์ไว้ซึ่งสมดุลแห่งชีวิตจงใช้พลังนี้ทำลายสถานะที่เสริมพลังทั้งหมดของเป้าหมาย]
...ร่างทองคำของมิ่งขวัญจะต้องหายไป
มิ่งขวัญ Lv. 90 (Gold Galant)
[/....2690:16000.....]
แต่มันกลับไม่ยอมหายไป
มิหนำซ้ำยังเหมือนกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น
พลอยถึงกับถลึงตามองอย่างไม่อยากเชื่อสายตาตัวเอง
“ทำไมถึงทำลายไม่ได้ล่ะ”
ไทเทเนียมซึ่งถูกพระพุทธรูปจับตัวไว้ได้ตอบคำถามนั้นทันที
“ไม่ได้ผลหรอกเวพอนไนซ์คือสกิลขั้นสูงสุดของสายอาชีพเวพ่อนเอนแชนท์เตอร์ซึ่งมีแตกต่างกันไปตามบิลด์คลาสแต่ละแบบ
ทั้งโกลด์กาแลนต์นี่แล้วก็อีกสองสกิลต่างก็เป็นสถานะที่ไม่สามารถทำลายหรือทำให้หายไปได้”
“สกิลบ้าบอพรรค์นี้มีด้วยเหรอเนี่ยไม่เห็นจะเคยได้ยินมาก่อนเลย”
พลอยสบถ
“ไม่เคยได้ยินก็ไม่แปลกนี่เป็นสกิลชุดอเวคเคนนิ่งพาวเวอร์ที่เพิ่งจะเพิ่มขึ้นตอนอัพเดทครั้งล่าสุดที่ผ่านมานี่เองฉันก็เพิ่งจะเคยเห็นของจริงครั้งแรกนี่แหละ”
ไทเทเนียมตอบหล่อนเองก็จ้องมองร่างทองคำของมิ่งขวัญด้วยความตกตะลึงไม่แพ้กันแม้ว่าจะเป็นคนที่ใส่สกิลนั้นให้กับมิ่งขวัญเองก็ตาม
แล้วตอนนั้นอวโลกิตะที่เริ่มออกอาการลนลานก็สั่งการพวกเด็กๆ
ว่า...
“สานุศิษย์ทั้งหลายหยุดมันไว้”
“รับทราบค่ะ!”
พลอยตอบแล้วหันไปออกคำสั่งทุกคนต่ออีกทอด
“บุกไปพร้อมกันเลยถึงจะเปลี่ยนไปแต่ก็ยังเป็นขวัญนั่นแหละไม่กล้าทำร้ายพวกเราหรอก”
แล้วทั้งห้าคนก็บุกไปพร้อมกัน
มิ่งขวัญสายตามองตรงไปข้างหน้ามองไปยังเหล่าครอบครัวที่กำลังหันคมอาวุธเข้าใส่แล้วกระชับหอกในมือทันใดนั้น...
/Tachyon Spear Standing by/
ก็มีเสียงสังเคราะห์ดังมาจากหอกตอนนั้นเองก็เกิดเปลวไฟสีฟ้าหมุนวนพันรอบคมหอก
ไฟศักดิ์สิทธิ์ที่จะชำระคำสาปและสยบมนตราได้ทั้งปวง มิ่งขวัญนึกกระบวนท่าขึ้นมา
คิดว่าจะจู่โจมครอบครัวอย่างไรเพื่อช่วยพวกเขาแล้วปีกทองคำบนหลังก็ตอบสนองความนึกคิด
/All device link OK!, PTS active/
เมื่อสิ้นเสียงวงแหวนเพลิงด้านหลังก็เริ่มหมุนพัดเร็วขึ้นแล้ววินาทีต่อมานั้นมิ่งขวัญก็พุ่งทะยานก้าวข้ามแสงสว่าง
ชั่วพริบตา...ไม่สิมันเร็วยิ่งยวดไปกว่านั้นมันคือความเร็วที่แสงไม่อาจหนีพ้น
มิ่งขวัญโผล่มาอยู่ด้านหลังครอบครัว
ไม่มีใครรู้ว่าเขาทะยานผ่านไปตอนไหนและผ่านไปได้ด้วยวิธีใดมันเพียงแค่ ‘ฟุ่บ’ นิยามด้วยเสียงแบบนั้นแล้วมิ่งขวัญก็หายตัวมาปรากฏอยู่อีกที่ในทันใด
“ขอโทษนะทุกคน”
มิ่งขวัญเอ่ยแล้วร่างของทั้งห้าคนก็ล้มคว่ำลงในเวลาเดียวกันทั้งที่บนร่างกายต่างก็มีบาดแผลแค่รอยเฉี่ยวแบบถากๆ
ตรงหลังมือเท่านั้นส่วนสาเหตุที่ล้มก็เพราะ...
“อะไรกันการควบคุมของเรามัน...”
ดูเหมือนจะเป็นเพราะการควบคุมของอวโลกิตะถูกตัดขาดไปนั่นเอง
ไทเทเนียมเริ่มบรรยายสรรพคุณของสกิลขึ้นมาอีก
“ผลจากเซเบอร์ดีไวซ์ลิเบอเรเตอร์ยังไงล่ะเมื่อทำดาเมจได้ก็จะล้างสถานะของเป้าหมายออกจนหมดโกลด์กาแลนต์จะสืบทอดเอ็ฟเฟ็คของบัพธาตุแสงทั้งหมดมาด้วยแกน่ะแพ้แล้วล่ะ”
“ถ้าแค่นั้นร่ายอาคมเข้าควบคุมใหม่ซะก็หมดเรื่อง”
อวโลกิตะพูดแล้วยื่นมือออกไปหมายจะร่ายอาคมควบคุมแต่มิ่งขวัญก็เข้าขัดขวางทันทีเขาถอยกลับไปยืนท่ามกลางครอบครัวด้วยความเร็วชั่วพริบตา
“กาแล็กซี่อิลิมิเนชั่น!”
แล้วร่ายสกิลจากนั้นร่างของเขาก็เปล่งแสงทองคำออกมาห่อหุ้มทุกคนไว้แล้วอันตรธานหายไปจากที่นั่น
อาคมที่ใช้ควบคุมจึงสูญเสียเป้าหมายไปแล้วอึดใจต่อมา
มิ่งขวัญก็พาทุกคนกลับมาอีกครั้งในที่เดิม
“กาแล็กซี่อิลิมิเนชั่นคือสกิลที่ใช้ได้เมื่ออยู่ในร่างโกลด์กาแลนต์จะตัดตัวเองกับสิ่งที่อยู่รอบตัวออกไปจากมิติเดิมชั่วขณะแล้วกลับมาอีกครั้งเป็นสกิลที่ใช้หลบหลีกได้อย่างสมบูรณ์แบบ”
ไทเทเนียมเริ่มพากย์อีกครั้งราวกับว่าหล่อนก็ตื่นตาตื่นใจไปกับพลังนี้
“ถ้างั้นเราจะจัดการเก็บกวาดด้วยตัวเองก็ได้”
อวโลกิตะพูดอย่างนั้นแล้วให้ร่างอวตารทั้งสิบตนที่ล้อมพวกซากิริไว้ย้ายมาทางนี้แทน
เหล่าพุทธะและวิทยราชต่างมุ่งเข้ามาโจมตีด้วยพลังต่างๆ
นานา
ทั้งลำแสง
คลื่นแสง ร่ายอาคม ศาสตราวุธประเคนทั้งหมดเข้ามาพร้อมกัน
มิ่งขวัญตั้งโล่ขึ้นเพื่อรับการโจมตีทั้งหมด
“โฟตอนการ์ด!!”
ทันใดนั้นแสงที่ห้อมล้อมตัวของมิ่งขวัญก็ขยายออกเป็นกำแพงโดยมีจุดศูนย์กลางเป็นโล่
การโจมตีทั้งหมดปะทะเข้ากับกำแพงแสงแล้วสะท้อนกลับออกไปพวกที่โจมตีด้วยอาวุธก็กระดอนตัวลอยข้ามห้องไปเช่นกัน
มิ่งขวัญ Lv. 90 (Gold Garant)
[/....2590:16000.....]
แต่ก็ทำให้พลังชีวิตของมิ่งขวัญลดลงไปได้เล็กน้อย
“โฟตอนการ์ดจะลดทอนดาเมจลงครึ่งหนึ่งและสามารถกางเป็นกำแพงเพื่อปกป้องพวกพ้องได้รวมถึงสะท้อนสิ่งที่เข้ามาปะทะกลับไป
ในร่างเวพอนไนซ์จะไม่สามารถใช้สกิลและโจมตีด้วยอาวุธดั้งเดิมได้แต่ยังใช้สกิลและอาวุธที่เวพอนไนซ์มอบให้ได้
โกลด์กาแลนต์มีหอกกับโล่และปีกกับวงแหวนไฟที่ทำให้บินอย่างอิสระเคลื่อนไหวอย่างรวดเร็วและมีอยู่สามสกิล
อันแรกคือกาแล็กซี่อิลิมิเนชั่นที่ใช้หลบหลีก
ต่อมาก็คือโฟตอนการ์ดที่ใช้ป้องกันและสกิลสุดท้ายสำหรับโจมตี...”
ไทเทเนียมพากย์โดยที่รอดูจังหวะมาซักพักจนแน่ใจแล้วว่าอีกประเดี๋ยวมิ่งขวัญจะต้องเผด็จศึกด้วยสกิลที่ว่าเพราะนั่นคือหัวใจสำคัญในการสังหารศัตรูที่เป็นอมตะซึ่งอยู่ในคำใบ้ที่เธอบอกกับเด็กหนุ่มก่อนหน้านี้
พวกร่างอวตารกับตัวอวโลกิตะตอนนี้ต่างก็มารวมกันอยู่เป็นกระจุกเดียวถึงจะอยู่กันกระจัดกระจายไปบ้างแต่ก็ยังอยู่ในรัศมีทำการของสกิลมิ่งขวัญจึงยื่นหอกไปข้างหน้าแล้วเริ่มคิดถึงความเร็วสูงสุดกับท่าที่จะพิฆาตศัตรูในคราเดียวเพื่อส่งให้ชุดเกราะตอบสนองความต้องการของเขา
/Full Charge/
“แทคีออนสไลเซอร์”
มิ่งขวัญพูดเบาราวกับกระซิบ
วงแหวนเพลิงด้านหลังขยายวงรัศมีแล้วลอยผ่านตัวออกมาข้างหน้า
จากนั้นปีกทองคำก็พาให้ร่างเขยิบเข้าไปในวงแหวนเพลิง
ในวินาทีนั้นร่างของมิ่งขวัญก็ทะยานผ่านวงแหวนเพลิงออกไปจนเห็นเป็นแสงพุ่งไปข้างหน้า
เสี้ยววินาทีถัดมาแสงก็หายไป
สิ่งที่เกิดตามมาคือเสียงแหลมสูงที่บาดลึกโสตประสาทราวกับว่าเกิดโซนิคบูม*
ขึ้นที่นั่น
**
Sonic Boom คือ เสียงดังเช่นเสียงฟ้าร้อง
อันเกิดจากอากาศยานเคลื่อนผ่านอากาศด้วยความเร็วสูงกว่าความเร็วของเสียง**
มิ่งขวัญปรากฏตัวขึ้นด้านหลังอวโลกิตะ
เขาพุ่งทะยานผ่านกลุ่มร่างอวตารและผ่านตัวปีศาจไปได้โดยที่ไม่มีใครทันรู้สึกตัวหรือบางที
อาจจะมาอยู่ตรงนี้ตั้งแต่ตอนที่ยังเห็นตัวเขาแสดงเอ็ฟเฟ็คของสกิลอยู่เลยด้วยซ้ำ
แล้วเมื่อเวลาเสี้ยววินาทีที่หยุดค้างเอาไว้จากตอนที่เห็นแสงสว่างหายไปเริ่มเดินอีกครั้ง
อวโลกิตะก็รู้สึกถึงความเจ็บปวดขึ้นมา
ในขณะที่อีกสิบร่างอวตารนั้นไม่ทันแม้แต่จะรับรู้ด้วยซ้ำว่าตนได้ถูกกำจัดเป็นที่เรียบร้อย
ร่างอวตารทั้งหมดล้วนถูกสับเป็นชิ้นๆ
ส่วนอวโลกิตะร่างกายก็เริ่มจะแยกออกเป็นชิ้นๆ
เช่นเดียวกัน
“อึก...แต่ข้าจะกลับมา...”
ทว่าไทเทเนียมก็พูดแทรกคำพูดของปีศาจ
“เปล่าประโยชน์แทคีออนสไลเซอร์คือคมดาบที่ตัดได้กระทั่งแสง
แกน่ะไม่มีอนาคตให้ย้อนกลับมาได้อีกแล้วไม่ว่าจะชาตินี้หรือชาติหน้าหรือก็คือโนฟิวเจอร์ยังไงล่ะ”
แล้วเสียงสังเคราะห์ก็ดังมาจากร่างของมิ่งขวัญเป็นคำพูแบบเดียวกับที่หล่อนป่าวประกาศ
/No Future/
แล้วจากตรงนั้นเองที่ร่างของอวโลกิตะซึ่งกำลังฉีกร่อนเป็นชิ้นก็ปรากฏหลุมอากาศสีดำขยายตัวออกมาและกลืนกินชิ้นส่วนเข้าไป
“นี่มัน...อะไรกัน...สกิลมัน...ไม่ทำงาน”
อวโลกิตะเริ่มพูดลำบากเพราะร่างกายฉีกร่อนจากต้นคอไปเกือบถึงปาก
“แทคีออนสไลเซอร์จะทำให้สกิลทั้งหมดของสิ่งที่ถูกทำลายด้วยสกิลนี้เป็นโมฆะไม่ว่าจะความสามารถคืนชีพหรือพลังที่ใช้กลับมาเกิดใหม่ก็จะไม่ทำงาน
เดิมทีมันเอาไว้ใช้จัดการพวกสัตว์เทวะจ่าฝูงที่มีสกิลทำงานหลังจากที่ตายแต่เอามาใช้แบบนี้ก็ได้เหมือนกัน”
ไทเทเนียมพูด
ขณะเดียวกันซากิริก็เสริมเข้ามา
”หรือถ้าจะให้พูดแบบเข้าใจมากขึ้นก็คือโชเน็นน่ะได้ใช้เวลาแค่เสี้ยววินาทีนั้นข้ามไปจัดการกับตัวเจ้าในอนาคตทั้งหมดแล้วไงล่ะพุทธะ”
“น...หนอยแต่ถ้าเราถูกกำจัดพวกสานุศิษย์ก็จะต้องตายไปด้วยเจ้าจะต้องเสีย...”
แต่ไทเทเนียมก็พูดขัดคำพูดอวโลกิตะอีก
“ก็บอกไปแล้วไงว่าสกิลทั้งหมดจะถูกทำให้ไร้ผลแน่นอนว่ารวมถึงผลที่จะลากคนที่แกชุบชีวิตมาลงนรกไปด้วยก็ต้องเป็นโมฆะนี่คือกฎของโลกนี้ที่กลายเป็นเกมไปยังไงล่ะ”
ดวงตาของอวโลกิตะแสดงความโกรธเกรี้ยวออกมานั่นเป็นครั้งแรกที่ปีศาจได้ลืมตาขึ้นหลังจากทำใบหน้าสงบนิ่งอย่างนักปราชญ์มาโดยตลอด
“เป็นความจริงรึ...นี่เราจะต้องมาเสียท่าให้บุตรแห่งมนุษย์พวกนี้...เราผู้เป็นถึงเทพเจ้า”
อวโลกิตะพูดเหมือนไม่ค่อยจะเชื่อความจริงนักทั้งที่ร่างกายแทบจะไม่มีเหลืออีก
แล้วตอนนั้นเองใบหน้าเกรี้ยวกราดก็แสดงรอยยิ้มแสยะอย่างเจ้าเล่ห์เพทุบาย
“เอาเถอะ..ถ้าข้าดับสูญไปจอกศักดิ์สิทธิ์ก็จะ....”
อวโลกิตะไม่สามารถพูดจนจบได้เพราะส่วนปากถูกดูดลงไปในหลุมดำ
“...”
แล้วชิ้นส่วนทั้งหมดก็จมลงในความมืดมิดท่ามกลางความเงียบสงัดที่ไม่มีใครพูดอะไรอีกจนกระทั่งทุกชิ้นส่วนสาบสูญไปจากโลกหลุมมิติจึงหดตัว
เมื่อ
อวโลกิตะถูกลบล้างตัวตนโลกก็ไม่มีพุทธะอีก
ในเวลาเดียวกับที่คนบาปได้ทำลายปาฏิหาริย์แห่งโลก
เขาก็ต้องจ่ายค่าตอบแทนของการกระทำนั้นไปด้วย...
มิ่งขวัญ Lv. 91 (Gold Galant)
[//...4540:17850.....]
รู้สึกได้ว่าอุณหภูมิของร่างกายเพิ่มสูงขึ้น
ร้อนรุ่มไปทั้งตัวเพราะพลังเอ่อล้นออกมา
“…”
ร่างกายไม่ได้มีการเปลี่ยนแปลงอะไรและทุกอย่างยังคงเหมือนเดิมแต่ก็เข้าใจได้ว่าตอนนี้ร่างกายไม่ได้มีความเป็นมนุษย์หลงเหลืออีก
น่าแปลก...
ทั้งที่หวาดกลัวมาตลอดแต่พอเป็นแล้วกลับรู้สึกโล่งอย่างบอกไม่ถูกราวกับว่าตอนนี้จะทำอะไรก็ได้
จะต่อสู้หรือปกป้องอะไรก็ได้ยกเว้นเพียงอย่างเดียว
เพียงอย่างเดียวที่ทำอีกไม่ได้แล้ว...
อาคมปราบมารที่อวโลกิตะร่ายไว้คลายลง
ซากิริจึงรีบลุกแล้วผละตัวเข้าไปปลุกพลอยกับคนอื่นๆ
พระพุทธรูปที่จับตัวไทเทเนียมไว้ก็ถูกพังทิ้งได้อย่างง่ายดายกว่าตอนแรก
ไทเทเนียมบีบนิ้วทองเหลืองที่พันรอบตัวหล่อนจนแหลกละเอียดแล้วกระโดดลงมา
เขาเห็นว่าพลอยลืมตาขึ้นมาแล้วแถมยังทำหน้างุนงงเหมือนไม่รู้ตัวว่าเกิดอะไรขึ้นแต่ก็ถูกซากิริเร่งเร้าให้ไปดูอาการกวินทร์ที่นอนจมกองเลือด
“รักษาให้เขาได้รึเปล่า”
ซากิริถามขณะที่พลอยเดินเข้าไปตรวจสอบเธอจับร่างของกวินทร์พลิกให้นอนหงาย
บาดแผลลึกแถมยังมีเครื่องในไหลออกมาเล็กน้อยทำเอาเด็กสาวเกือบกลั้นเสียงกรีดร้องไม่ทัน
พลอยหันกลับมาด้วยใบหน้าเหมือนจะร้องไห้
“อยากรักษาให้เหมือนกันค่ะแต่ตอนนี้หนูไม่มีสกิล...”
แต่ซากิริก็พูดขัดคำพูดนั้น
“เพราะอวโลกิตะไม่อยู่แล้วก็เลยใช้สกิลไม่ได้สินะงั้นรอประเดี๋ยว”
แล้วเปิดคอมฯโน็ตบุคขึ้นมาป้อนค่าเข้าเครื่องไปอย่างต่อเนื่อง
หลังจากนั้นก็มีเสียงดัง วิ้ง ยาวๆ
พร้อมกับพื้นโบสถ์เริ่มเปล่งแสงสว่างเป็นลวดลายที่วาดเอาไว้ทั่วทั้งห้องโถง
แสงสว่างคงอยู่อย่างนั้นราวสิบวินาทีก่อนจะดับวูบลง
แล้วจากนั้น....
จากตอนนี้ไป...
โลกแห่งการล่มสลายก็กลับคืนมา
ราวกับสายลมที่ถูกหยุดยั้งเริ่มพัด
แถบพลังชีวิตบนหัวของพลอย
ของฟู ของมิกซ์และของทุกคนกลับมาปรากฏ
โลกกลับมาเป็นเกมอีกครั้ง
จากนั้นพลอยก็เริ่มรักษากวินทร์
“ฮีลลิ่ง!!”
เด็กสาวร่ายสกิลพร้อมกับอังมือรอบๆ
บาดแผลทันใดนั้นก็ปรากฏแสงสว่างเปล่งออกมาจากรอบอังมือนั่น
แสงช่วยเยียวยาบาดแผลรวมถึงทำให้เครื่องไหลกับเข้าที่ไปด้วยขณะเดียวกันพลังชีวิตก็เริ่มฟื้นฟู
กวินทร์ Lv. 69
[//...750:8300....]
[////.4500:8300....]
[/////7932:8300///..]
สกิลรักษานี้สามารถรักษาได้จนกระทั่งหายสนิทแต่ก็มีข้อจำกัดตรงที่ต้องใช้เวลาและห้ามขยับไปไหนในระหว่างทำการรักษาจึงไม่สามารถเอาไปใช้ระหว่างต่อสู้ได้
ที่ผ่านมาการรักษาในลักษณะนี้จึงมักทำกันเมื่อจบศึกหรือในระหว่างพัก
จนกระทั่งพลังชีวิตของกวินทร์กลับมาเต็มเด็กหนุ่มก็ปรือตาขึ้น
พอลุกได้กวินทร์ก็มองหามิ่งขวัญทันทีแล้วก็เอาแต่จดจ้องอยู่อย่างนั้น
คนอื่นๆ
ก็ลุกขึ้นมาแล้ว เหล่าเด็กกำพร้าทั้งห้าโผเข้าสวมกอดอย่างยินดี ถึงพลอย เน็กส์ นิว
จะจำอะไรไม่ค่อยได้เพราะเคยถูกควบคุมจิตใจไปอย่างสมบูรณ์ก็ตาม
มิ่งขวัญเหลือบตากลับมามองเหล่าครอบครัวที่กำลังยิ้มแย้มแล้วก็พลอยยิ้มตามไปด้วย
แต่มันก็เป็นเพียงรอยยิ้มเสียดายที่ไม่สามารถเข้าไปร่วมแสดงความยินดีกับทุกคนได้
ตัวเขาในตอนนี้ไม่ใช่มนุษย์ดังนั้นควรจะหายตัวไปเสียแต่ตอนนี้
มิ่งขวัญคิดเช่นนั้นแล้วเตรียมจะก้าวเท้าออกไปโดยไม่คิดเสียดายชีวิตอีกหากว่าไทเทเนียมจะกดสวิตซ์ระเบิดเพราะว่าพยายามจะหลบหนีเขาก็ไม่คิดเสียดายชีวิต
"มิ่งขวัญ!"
มีเสียงเรียกเด็กหนุ่มมาแบบนั้น
เป็นเสียงของกวินทร์
เป็นน้ำเสียงที่มีความขุ่นเคืองเจือปนอยู่ราวกับว่ากำลังโกรธในตัวผู้ถูกเรียก
"..."
มิ่งขวัญไม่ได้หันกลับไปเพียงแค่หยุดเท้ารอว่าอีกฝ่ายจะพูดอะไร
"เดี๋ยวสินั่นมันขวัญไม่ใช่เหรอ"
พลอยพูดเพราะเธอเพิ่งสังเกตเห็นแม้ว่าจะเป็นแค่แผ่นหลังก็ตาม
เด็กสาวจำเรื่องที่เกิดก่อนหน้านี้ไม่ได้จึงไม่รู้ว่าได้ทำอะไรลงไปบ้างแต่ด้วยความเคยชินก็เลยจะเดินเข้าไปหา
เมื่อเสียงฝีเท้าดังขึ้น...
"อย่าเข้ามานะ!"
มิ่งขวัญก็ตะหวาดออกไปด้วยเสียงที่พยายามอดกลั้นความเศร้าไว้ในอก
เสียงของเขาทำให้พลอยและทุกคนพากันหยุดชะงัก
"ทำไมล่ะขวัญ
นี่พลอยเองนะพวกเราเองไงขวัญจำไม่ได้..."
แต่คำพูดของพลอยก็หยุดลงเพราะฟูเข้ามาแตะไหล่เธอแล้วส่ายหน้าเหมือนจะบอกว่าไม่ต้องพูดต่อแล้ว
จากนั้นมิกซ์ก็เริ่มพูด
"ขวัญพวกเรารู้เรื่องที่นายกำลังกลุ้มใจอยู่นะแต่ว่าไอ้เรื่องไร้สาระพรรค์นั้นน่ะช่างมันไปเถอะไม่ว่านายจะเป็นอะไรพวกเราก็ยังเป็น..."
มิ่งขวัญรู้ดีว่ามิกซ์อยากจะพูดว่า
'พวกเราก็ยังเป็นครอบครัว'
แต่สำหรับตัวเขาในตอนนี้คำพูดนั่นมันทิ่มแทงหัวใจเกินไป
ดังนั้นจึงต้องหยุดคำพูดนั้นด้วยการตะหวาดออกไป
"พอได้แล้ว!"
เพื่อให้จับคมดาบสำหรับปกป้องทุกคนได้
สิ่งตอบแทนที่จะต้องจ่ายคืนไปก็คือสายสัมพันธ์อันล้ำค่าไม่ว่าจะครอบครัวหรือพี่น้องก็ตาม
มิ่งขวัญยอมหันกลับมาเพื่อทำให้เหล่าโซ่ตรวนที่พยายามเหนี่ยวรั้งไว้ได้เข้าใจ
"มันไม่เกี่ยวกับเรื่องนั้นหรอก
แต่ถ้ากลับไปอยู่กับทุกคนอีกฉันก็คงจะรู้สึกมีแต่ความสุข"
“ถ้าอย่างงั้นก็กลับมาสิ!”
ฟูพูดแล้วออกมายืนข้างหน้า
“ไม่ได้หรอกถ้าทำแบบนั้นฉันก็จะกลับไปอ่อนแออีก! ฉันเคยเป็นสาเหตุให้ทุกคนต้องตายแล้วก็คราวนี้อีก
พวกนายเกือบจะต้องมือเปื้อนเลือดเพราะฉันเอาแต่ลังเลเพราะฉันกลัวว่าจะสูญเสียความสุขแบบนั้นไปดังนั้นความรู้สึกแบบนั้นจะยอมให้มีอีกไม่ได้”
หลังจากได้ยินคำพูดของมิ่งขวัญความรู้สึกของฟูและครอบครัวก็ไม่ได้แตกต่างกันนัก
พวกเขาต่างก็รู้ตัวดีว่าสาเหตุที่มิ่งขวัญพยายามตีตัวออกห่างเพราะพวกตนได้กลายเป็นจุดอ่อนของมิ่งขวัญซึ่งมีศัตรูมากมายที่เล็งใช้ประโยชน์...
“มันมีเรื่องบ้าบอแบบนั้นด้วยเหรอ!”
กวินทร์พูดเสียงดัง
ดวงตาของซากิริขยายขึ้นเล็กน้อยเนื่องจากหาได้ยากที่จะได้ยินคนอย่างกวินทร์ขึ้นเสียงมาแบบนี้รวมถึงกำลังถลึงตาใส่มิ่งขวัญอย่างจริงจัง
“ที่นายกำลังทำอยู่น่ะมันก็แค่การหนี...”
ทว่าคำพูดของกวินทร์ยังไม่ทันจบดีไทเทเนียมก็พูดแทรกเข้ามา
“คิดจะหนีไปสินะถ้างั้นก็”
ทันใดนั้นสวิซต์ระเบิดในมือหล่อนก็ถูกกด
ตูม!! เสียงระเบิดดังสนั่นหวั่นไหวกึกก้องสะท้านไปทั้งโถง
ปลอกคอของมิ่งขวัญได้ระเบิดออกจนเกิดควันลอยโขมงปกคลุมศีรษะซึ่งน่าจะลอยกระเด็นไปที่ไหนซักแห่ง
หยดหยาดเลือดสาดกระจายไปทั่วบริเวณ
“ขวัญ!!”
ฟูตะโกน
มิกซ์ดึงตัวเน็กส์กับนิวเข้ามาหาแล้วปิดตาของทั้งสองคนไว้เด็กหนุ่มเองก็เบือนสายตาหนีจากภาพอันโหดร้ายนั่นเช่นกัน
พลอยยกมือขึ้นปิดปากอย่างใจหาย
แล้วในตอนนั้นเอง...
ท่ามกลางความตกใจและโศกเศร้าของเหล่าครอบครัวกวินทร์ก็ระเบิดความโกรธออกมาแล้วหันไปพร้อมกับชักดาบจากหน้าจอคลังบุกเข้าจู่โจมไทเทเนียมทันที
“พี่!!”
“ชาโดว์สเปลไนท์เบลด”
ไทเทเนียมร่ายสกิลสร้างดาบเงาขึ้นมาแล้วตวัดดาบมาป้องกันดาบของกวินทร์ไว้
เด็กหนุ่มตะคอกใส่อดีตลูกพี่ลูกน้องน้ำเสียนั้นเปี่ยมล้นด้วยโทสะ
“ทำอะไรลงไป!!!”
“กำจัดของที่ไม่ได้ใช้น่ะสิรวมถึงนายจะเป็นรายต่อไปกวินทร์”
ไทเทเนียมตอบรับมันอย่างเยือกเย็นด้วยน้ำเสียงที่เย็นเยียบไร้ความปราณีใดๆ
ดวงตาฉายแววจิตสังหารจริงจัง
และแล้ว....
ศึกของครอบครัวก็จะเริ่มขึ้น
ศึกระหว่างเวพ่อนเอนแชนเตอร์กำลังจะอุบัติขึ้นที่โถงแห่งนี้
ความคิดเห็น