คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #47 : Login 45: Game Over แห่งการพบกันอีกครั้ง
"ศร"
มิ่งขวัญพูด
"ขวัญ"
อิงศรพูด
แล้วโลกอันแสนวุ่นวายก็หยุดแล่นไปพริบตาหนึ่ง
มือที่หันอาวุธเข้าหากันต่างผ่อนแรง
พวกเขาลดมือลงโดยไม่ทันคิด
อิงศรจ้องมองใบหน้าของน้องชายที่มาอยู่บนตัวของมนุษย์ต่างดาว
รู้สึกเหมือนภายในหัวโล่งไปหมด
ทั้งแผนการ ทั้งวิธีต่อสู้ ทั้งความคิด
ถูกลบหายไปจากสมองเหลือแต่เรื่องของมนุษย์ต่างดาวตรงหน้า ไม่สิน้องชายต่างหาก
น้องชายที่น่าจะตายไปแล้วแต่กลับมาปรากฏตัวที่นี่?
พอลองเชื่อมข้อมูลที่เหลืออยู่เพียงน้อยนิดนั่นในสมองที่ว่างเปล่าก็ได้ใจความสำคัญแบบบ้าสุดกู่เลยทีเดียว
‘น้องชายกลายเป็นมนุษย์ต่างดาว’
แบบนั้นควรจะดีใจหรือเสียใจดีล่ะ?
คำตอบคือทั้งคู่แต่หนักไปทางดีใจซะมากกว่าอย่างไรก็ตามการพบกันอีกครั้งที่น่าประหลาดใจก็ต้องจบลง
มิ่งขวัญรู้สึกได้ถึงกลิ่นอายความอันตรายเป็นอย่างมากกำลังเข้าใกล้พี่ชาย
"หลบไป"
น้องชายพูดแล้วดิ่งลงไปทั้งที่โซ่ยังรัดพันอยู่
ผลักร่างของอิงศรจนกระเด็นในวินาทีนั้นเอง
วินาทีที่อิงศรลอยกระเด็นไปใบดาบอันคมกริบก็ฟาดลงมาอย่างไร้ความปราณีเฉียดไปชนิดเส้นยาแดงผ่าแปดและเกือบจะฟันโดนมิ่งขวัญไปด้วย
"ทำอะไรน่ะถ้าผมฟันเร็วกว่านี้เธอได้ตายไปแล้วนะ"
เจ้าของดาบพูด
มิ่งขวัญจ้องมองไปยังชายเจ้าของดาบ
มนุษย์ต่างดาวผู้มีผมสีแดงก่ำสวมเครื่องแบบราชครูสีแดงเป็นเอกลักษณ์
ลิเที่ยมราชครูลำดับที่หกนั่นเอง
ลิเที่ยมเก็บดาบลงฝักแล้วจึงถามว่า
"ทำไมถึงช่วยมนุษย์"
แต่มิ่งขวัญไม่ตอบ
สายตาของเด็กหนุ่มจับจ้องแต่พี่ชายที่กระเด็นไปซึ่งตอนนี้พวกมนุษย์ที่ต่อสู้ด้วยกำลังเข้าไปห้อมล้อม
พวกมนุษย์ที่น่ารังเกียจซึ่งหลอกใช้พี่ชายของตน
ขณะเดียวกันอิงศรก็จ้องมองมิ่งขวัญด้วยความรู้สึกเหลือจะกล่าว
สายตาของตนมองไม่ผิดแน่มนุษย์ต่างดาวนั่นคือมิ่งขวัญ แต่ทำไมล่ะ?
ตอนนั้นเอง
มีนาที่มารวมกลุ่มเป็นคนแรกก็ถามด้วยท่าทางเป็นห่วง
"คุณอิงศรเป็นอะไรรึเปล่าคะ"
เมษาตามมาทีหลังแล้วก็ถามคำถาม
"ทำอะไรน่ะเมื่อกี้ฆ่าได้ชัดๆ
แล้วทำไมถึงหยุดมือฟะ"
นรินทร์กับพันโทข้าวหลามพยุงกวินทร์ตามมาสมทบเป็นกลุ่มสุดท้าย
พันโทข้าวหลามเองก็ถามคำถามเดียวกัน
"มีอะไรรึเปล่าที่เห็นไม่ใช่แค่นายที่หยุดนี่หว่าเจ้าเอเลี่ยนเด็กเวรนั่นก็หยุดเหมือนกันมันเกิดอะไรขึ้นกันแน่"
สายตาของพันโทว่องไวพอจะมองช่วงเวลาเพียงพริบตานั้น
"..."
อิงศรยังไม่พูดเขาอยากจะให้แน่ใจจึงลุกขึ้นแล้วพยายามมองใบหน้าของมนุษย์ต่างดาวให้ชัดเจนทำให้เหลือบไปเห็นชื่อของมนุษย์ต่างดาวตนนั้นที่ก่อนหน้านี้ไม่เห็น
จนแทบจะแน่ใจ
"เอเลี่ยนนั่น...คือน้องชายของชั้น"
พอพูดไปอย่างนั้นสายตาของพวกพ้องก็เปลี่ยนไป
ทุกคนทำหน้าตกตะลึงไม่ต่างกันแล้วจ้องมองไปที่มนุษย์ต่างดาวซึ่งอิงศรบอกว่าเป็น 'น้องชาย'
อิงศรเดินแหวกกลุ่มออกไปด้านหน้าแล้วตะโกนถาม
"เฮ้ย...นายน่ะคือขวัญงั้นเรอะ"
ถึงจะฝืนทำเสียงกระด้างแต่น้ำเสียงก็สั่นไปหมด
กลับกันมิ่งขวัญไม่ยอมตอบอีกทั้งยังพยายามหลบหน้า
ปฏิกิริยาแบบนั้นทำแน่ใจอย่างไม่ต้องสงสัย นั่นคือ มิ่งขวัญ ตัวจริงความรู้สึกของเด็กหนุ่มฟันธงเช่นนั้น
"ใช่...ขวัญจริงๆ สินะ"
ราวกับน้ำตาที่หลั่งออกมาไม่หมดในวันนั้นได้หวนคืนมา
นัยน์ตาที่เคยแห้งผากด้วยความเย็นชากลับมาชุ่มชื้นอีกครั้งในรอบสามปีจนไม่อาจกลั้นมันไว้ได้อีก
หยาดน้ำตาไหลรินอาบแก้มของเด็กหนุ่ม
มิ่งขวัญที่เห็นแบบนั้นก็เริ่มแสดงท่าทีหวั่นไหว
นั่นทำให้ลิเที่ยมพอจะเดาเหตุการณ์ได้จึงหันไปมองทางอิงศร
ตรวจสอบจนแน่ใจว่าใช่คนเดียวกับเด็กชายที่เจอเมื่อสามปีก่อน
ดังนั้นจึงเสนอตัวเข้าช่วย
"พอจะเข้าใจแล้วล่ะนั่นคือพี่ชายของเธอที่หนีรอดไปสินะถ้างั้นผมจะช่วยดึงความสนใจคนอื่นเอาไว้ส่วนเธอก็ไปพาเขากลับมาแล้วกัน"
มิ่งขวัญได้ยินดังนั้นก็หันไปพูดว่า
"คิดจะทำอะไรกันแน่"
ตอนนั้นเองโซ่อาคมของอิงศรที่พันธนาการร่างกายไว้ก็คลายออกรวมถึงปีกที่เรียกจากแอพพลิเคชั่นปีศาจก็พลอยหมดฤทธิ์ไปด้วย
ลิเที่ยมตอบคำถามนั้นด้วยคำพูดง่ายๆ
"เพราะดูเป็นหนทางที่ดีที่สุดถ้าจะทำให้เธอยอมตามผมกลับไปโดยดีแถมท่านลำดับที่สามเองก็อยากได้ตัวพี่ชายเธอด้วยนี่นะ"
แล้วตอนนั้นมิ่งขวัญก็จับสัมผัสได้อีก
รู้สึกถึงตัวตนแบบเดียวกันเดินมาจากทางด้านหลังจึงหันกลับไป
มนุษย์ต่างดาวเพศหญิงผมสีเงินไว้ผมสั้นมากจนเกือบจะเป็นทรงตัดเกรียน
เครื่องแบบชั้นครูติดผ้าคลุมสีขาวเหมือนกับตน
แววตาเย็นชาที่จับจ้องมายังเขากับลิเที่ยมชวนให้รู้สึกคุ้นเคยเหมือนกับพบเจอกันมาก่อนใช้เวลาไม่นานนักมิ่งขวัญก็จำได้ว่าเธอคนนั้นคือ
ไทเทเนียม ผู้ติดตามคนสนิทของราชครูลำดับที่สี่
ไทเทเนียมเข้ามาสมทบด้วยแล้วพูดว่า
"ท่านโพแทสเซียมสั่งให้มาช่วยเหลือการจับกุมตัวผู้หลบหนีค่ะ"
แล้วชายตามองไปยังมิ่งขวัญ
"ท่านลำดับที่สี่ยังน่ากลัวไม่เปลี่ยนเลยนะท่าทางว่าทั้งเธอทั้งผมคงจะกลายเป็นของเล่นที่ถูกจับมาวางบนฉากซะแล้วสิ"
ลิเที่ยมพูดราวกับมองสถานการณ์ออกพลางยิ้มกระหยิ่ม
ขณะเดียวกันฝั่งของอิงศรพอได้เห็นมนุษย์ต่างดาวมากันถึงสามตนทุกคนก็ออกอาการร้อนรน
ในบรรดาพวกเขานั้นกวินทร์เป็นคนเดียวที่จ้องเขม็งไปยังมนุษย์ต่างดาวเพศหญิงที่มาใหม่แล้วพึมพำคำพูดที่เบาเสียจนไม่มีใครได้ยิน
"...พี่..."
จู่ๆ เมษาก็หน้าซีดเผือดแล้วพูดว่า
"เฮ้ยเจ้าผมแดงนั่นมัน"
พลางชี้ให้มีนาดูมนุษย์ต่างดาวผมสีแดง
"ราชครูลำดับที่หกลิเที่ยม
เจ้านั่นก็มางั้นเหรอเนี่ย"
มีนาพูดโดยมีสีหน้าตกตะลึง
"ใช่เจ้านั่นไงที่ฆ่าไอ้หัวหน้าเฮงซวยนั่นแล้วหยามน้ำหน้าพวกเราด้วยการไว้ชีวิตน่ะ"
ดังนั้นเรื่องราวในอดีตจึงเป็นที่กระจ่างมนุษย์ต่างดาวที่เคยไว้ชีวิตพี่น้องฝาแฝดไว้ก็คือลิเที่ยมนั่นเอง
นรินทร์ที่ได้ยินชื่อลิเที่ยมก็โพล่งด้วยความตกใจ
"เดี๋ยวก่อนนะลิเที่ยมนั่นน่ะใช่ดาวหางสีแดงลิเที่ยมที่ว่ากันว่าเป็นมนุษย์ต่างดาวที่เร็วที่สุดน่ะเหรอ"
มีนาพยักหน้าตอบ
"ค่ะเจ้าหมอนั่นแหละราชครูที่ถล่มกองกำลังขององค์กรเราจนพินาศย่อยยับไปหลายครั้ง"
อิงศรได้ยินเสียงของมีนาพูดว่า 'ลิเที่ยม'
ขณะตกอยู่ในภวังค์ความคิดมากมายที่มีต่อมิ่งขวัญซึ่งน่าจะตายไปแล้วแต่กลับมาปรากฏตัวต่อหน้าแล้วสวิตซ์ที่เป็นเหมือนบาดแผลในความทรงจำก็ทำงานภาพใบหน้าของมนุษย์ต่างดาวที่ฆ่าเหล่าครอบครัวในโลกหลังการล่มสลาย
ภาพของมิ่งขวัญที่ถูกลิเที่ยมฟันจนตายที่สถานีเพื่อให้เขาได้หนีก็ย้อนกลับมา
อิงศรจ้องมองไปที่ลิเที่ยมแล้วสมองก็ตีความว่ามิ่งขวัญถูกลิเที่ยมควบคุมตัวไว้
เป็นการคิดโดยละทิ้งซึ่งเหตุผลและการวิเคราะห์สภาพแวดล้อมนั่นก็เพราะตอนนี้
ภายในตัวของเด็กหนุ่ม...
ภายในจิตใจทุกอย่างถูกย้อมเป็นสีดำ
ดำสนิท ดำเป็นอย่างมาก
กลายเป็นสีดำที่ไม่มีอะไรเลยแล้วจากที่ไม่มีอะไรเลยนั่นเอง
ความโกรธ ความเกลียดชัง ความแค้น
ความรู้สึกสามอย่างก็ผุดตัวเป็นรูปเป็นร่าง
ปีศาจนั่นเอง...
เอลิกอร์นั่นเอง...
'ไงล่ะคราวนี้ตัดสินใจได้รึยังลองมีอารมณ์ด้านลบมากมายขนาดนี้คงไม่ลังเลแล้วสินะมนุษย์'
เสียงของเอลิกอร์พูดขึ้นในจิตใจ
อิงศรจ้องมองปีศาจแล้วดวงตาก็ถูกย้อมเป็นสีดำ
ตาขาวกลายเป็นสีดำ ดวงตาเปลี่ยนเป็นสัตว์ป่าแล้วพูดตอบปีศาจไปว่า
"เออ อยากได้อะไรก็เอาไปเลยแต่ขอแค่พลัง...ขอพลังให้มากกว่านี้อีก
ขอพลังที่จะช่วยปลดปล่อยขวัญจากเจ้านั่น"
พริบตาที่ตอบออกไปก็รู้สึกได้ว่ามองเห็นรอยยิ้มสะท้อนจากใบหน้าใต้หมวกเกราะของเอลิกอร์
ปีศาจได้พูดเอาไว้ว่า
'แบบนั้นแหละดีแล้วยอมรับข้าเข้าไปอีกสิแล้วกลายเป็นปีศาจเพื่อทำลายทุกสิ่ง'
จากนั้นอิงศรก็รับเอาปีศาจเข้าไปแล้วกลายเป็นหนึ่งเดียวกัน
ภาพทิวทัศน์แห่งความจริงกลับคืนมาอีกครั้ง อิงศรตื่นจากภวังค์ความคิด
สายตาจ้องเขม็งไปที่มนุษย์ต่างดาวผมสีแดง
หยาดน้ำตาที่เอ่อล้นถึงกับแห้งผากไปเพราะไฟแห่งความแค้นที่ปะทุขึ้นในหัวใจเนื่องจากปีศาจยังคงจ้องเล่นงานในสภาวะที่จิตใจของอิงศรอ่อนแอลงเป็นอย่างมากนี้
อิงศรตะโกนคำพูดอย่างเกรี้ยวกราด
"ไอ้เอเลี่ยนหัวสตรอเบอรี่ปล่อยน้องชั้นนะโว้ย"
รวมถึงแผลงศรออกไปพร้อมกันชนิดที่ไม่มีใครมองตามจังหวะการขึ้นลูกธนูได้ทัน
ไม่แน่ใจด้วยซ้ำว่าอิงศรได้เล็งก่อนยิงหรือไม่แต่ธนูก็พุ่งไปหาลิเที่ยมราวกับตอปิโดติดระบบนำวิถี
แต่ทว่า...
"สตรอเบอรี่คืออะไรงั้นเหรอ"
ลิเที่ยมหันไปถามกับไทเทเนี่ยมโดยไม่ได้สนใจเลยว่าลูกธนูที่ยิงมานั้นเร็วขนาดไหนแม่นยำถึงเพียงใดที่เขาทำก็แค่ตวัดดาบโดยที่ไม่ต้องมองแล้วลูกธนูอันทรงพลังซึ่งอาบไว้ด้วยกลิ่นอายแห่งปีศาจก็ถูกปัดกระเด็นไปอย่างง่ายดาย
ไทเทเนี่ยมตอบคำถามเมื่อครู่ว่า
"เป็นผลไม้สีแดงที่มีรสเปรี้ยวออกหวานน่ะค่ะ"
ลิเที่ยมยกมือที่ว่างขึ้นมาชันคาง
"ผลไม้สีแดงงั้นรึ"
กล่าวออกมาอย่างนั้นแล้วจ้องมองอิงศร
"มีรสนิยมดีเหมือนกันนี่รู้จักความวิไลของสีแดงไม่ใช่น้อยเลยนะ"
"กรอด..."
เสียงกัดฟันข่มความโกรธของอิงศรดังระงมแล้วเขาก็วิ่งออกจากกลุ่มแวะก้มตัวเก็บดาบสั้นที่ใช้สร้างเขตแดนก่อนหน้านี้แล้ววิ่งต่อทันทีโดยไม่ต้องหยุดตั้งตัวจากนั้นก็...
"สเลปเนียร์"
สั่งให้แอพพลิเคชั่นปีศาจทำงานเมื่อรวมพลังของเอลิกอร์ที่กำลังสิงสู่ร่างไปด้วยฝีเท้าขอบอิงศรก็ย่างเข้าสู่โลกของความเร็วที่มนุษย์ไม่อาจแตะต้อง
พริบตาก่อนที่ร่างกายจะหายไปก็แลเห็นเขาสีดำงอกขึ้นจากขมับทั้งสองข้าง
นรินทร์พูด
"อิงศรโดนเดม่อนแอพครอบงำอีกแล้ว"
จากนั้นอิงศรก็หายไปจากจุดที่ยืนอยู่
ก่อนจะปรากฏตัวขึ้นด้านหน้าของลิเที่ยม
"ใช้ได้นี่"
มนุษย์ต่างดาวผมแดงยิ้มแล้วใช้ดาบรับดาบสั้นของอิงศรที่ชุ่มไปด้วยไอปีศาจ
"ถ้างั้นดิฉันขอห้าคนตรงนั้นก็แล้วกัน"
ไทเทเนี่ยมพูดขึ้นในจังหวะนั้นแล้วมุ่งหน้าไปหากลุ่มของมีนาทันที
"งั้นเพื่อขอบคุณคำชมที่มีต่อสีแดงเมื่อกี้จะขอเล่นด้วยซักพักก็แล้วกัน"
ลิเที่ยมพูดแล้วดันดาบกลับพร้อมกับใช้สกิล
"เร้ดโซล"
แล้วใบดาบก็ถูกย้อมด้วยออร่าจนกลายเป็นสีแดงก่ำ
เพียงเท่านั้นแรงกายก็จะเพิ่มขึ้นอย่างมหาศาล
แค่ออกแรงเล็กน้อยก็ดันอิงศรกระเด็นไปพร้อมกับดาบได้
ลิเที่ยมไล่ตามอิงศรที่กระเด็นไป
แต่เด็กหนุ่มไม่ยอมให้ถูกตามจึงได้เรียกปีศาจออกมา
"อาคานาร์ฟอร์ซออกมาเอลิกอร์"
ร่างของปีศาจที่สิงสู่ปรากฏขึ้นบนโลกแห่งความจริงเหมือนตอนที่สู้กับมังกร
ปีศาจพูดว่า
"กำลังรออยู่เลย"
แต่อิงศรก็พูดขัด
"ฆ่ามันซะ"
แล้วปีศาจก็เงื้อทวนขึ้น
ลิเที่ยมที่มองเห็นสิ่งนั้นก็พูดว่า
"ปีศาจงั้นรึน่าสนุกนี่
ถ้าเป็นเธอในตอนนี้อาจจะตามความเร็วของผมทันก็ได้เอาล่ะนะ เร้ดวอริเออร์ (Red Warrior)"
หลังคำพูดสนุกสนานนั่นจบลงร่างของเอลิกอร์ที่ปรากฏขึ้นก็ถูกผ่าเป็นสองส่วนด้วยความรวดเร็วที่มองตามไม่ทัน
"บ...บ้าน่าข้าผู้นี้เนี่ยนะ....แพ้"
เอลิกอร์สั่งเสียไว้แค่นั้นก่อนร่างจะสลายไป
ดวงตาของเด็กหนุ่มเบิกกว้างยามที่เห็นปีศาจของตนถูกทำลายลงอย่างง่ายดาย
แล้วความกลัวก็เริ่มก่อตัวขึ้นแทนที่ความแค้น
กลัวที่จะพ่ายแพ้ให้กับสัตว์ประหลาดที่เก่งยิ่งกว่าปีศาจซึ่งอยู่ต่อหน้า
ร่างของลิเที่ยมหลังจากใช้สกิล 'เร้ดวอริเออร์'
ก็ถูกปกคลุมด้วยออร่าสีแดงทั้งตัว
นั่นเป็นการเพิ่มความเร็วจนทะลุขีดจำกัด
สำหรับความเร็วที่ใช้สังหารเอลิกอร์ไปนั้นอาจจะเรียกได้ว่าเป็นความเร็วแสงไปแล้ว
ลิเที่ยมเคลื่อนไหวอีกครั้ง
กลายเป็นลำแสงสีแดงที่ทะยานไปอย่างรวดเร็วจนกระทั่งแซงหน้าอิงศรที่ยังลอยกระเด็นอยู่
อ้อมไปด้านหลังแล้วเงื้อดาบ
"เสร็จกัน"
อิงศรรับรู้ได้ว่าลิเที่ยมอยู่ข้างหลังแต่ตอบโต้ไม่ได้
ความเร็วไม่พอ พลังมีไม่พอ
ไม่มีอะไรเทียบกับอีกฝ่ายได้เลยแค่จะหันตัวกลับไปเพื่อใช้ดาบบล็อกเอาไว้ยังทำไม่ได้
ถ้างั้นก็มีแต่ต้องตายไม่มีทางให้หนีอีกแล้ว
วินาทีที่คิดว่าความตายกำลังยื่นมือมานั้น
แต่ทว่า...กลับห่างออกไป
“...”
มิ่งขวัญที่อยู่ห่างไปหลายเมตรตวัดดาบขึ้นในวินาทีนั้นแรงพลังของการตวัดนั้นสร้างคลื่นลมอันรุนแรงพุ่งเข้ามาปะทะกับดาบของลิเที่ยม
แรงลมเป่าดาบกระเด็นหลุดมือไป แรงลมพัดเอาแว่นตากรอบสีรุ้งปลิวไป
รวมถึงพัดเอาจิตสังหารทิ้งไปด้วย
ลิเที่ยมกระโดดตีลังกาม้วนหลังไปสองรอบ
ขณะที่ม้วนตัวกลางอากาศก็คว้าดาบกับแว่นตาที่หลุดไปกลับมาก่อนจะลงพื้นอย่างสวยงามแล้วหันไปกล่าวขอโทษกับมิ่งขวัญที่กำลังถลึงตาใส่อย่างน่ากลัว
“ขอโทษนะเพลินไปหน่อยพอของขึ้นแล้วเป็นแบบนี้ทุกทีสิ”
ใบหน้าของลิเที่ยมเปิดเผยออกมาแวบหนึ่งก่อนจะถูกแว่นตาสวมทับลงไป
แล้วอิงศรก็มองเห็นใบหน้านั้น แถมยังรู้สึกว่าเคยเห็นจากที่ไหนมาก่อน
ลิเที่ยมหันมาพูดกับอิงศร
“แต่เธอเนี่ยมีอะไรน่าสนใจเยอะนะทั้งทำให้ปีศาจสิงสู่ตัวเองทั้งเรียกออกมาตัวเป็นๆ
ได้เธอเป็นใครกันแน่นะ”
ถึงจะพูดและจ้องมองด้วยแววตาสนอกสนใจก็ตามแต่ตอนนี้อิงศรกลายเป็นแค่มนุษย์ธรรมดาๆ
คนหนึ่งไปแล้วเพราะเมื่อเอลิกอร์พ่ายแพ้พลังปีศาจที่สิงสู่อยู่ในร่างก็พลอยหยุดไปด้วยรวมถึง
สเลปเนียร์ เองก็ถึงขีดจำกัดเช่นกัน
อิงศรมองไปที่มิ่งขวัญโดยไม่ได้สนใจคำพูดของลิเที่ยมแม้แต่น้อย
สิ่งที่เขาครุ่นคิดอยู่ในหัวตอนนี้คือเรื่องที่ตัวเองรอดมาต่างหาก
เพราะน้องชายช่วยเอาไว้จึงรอดจากการโจมตีที่ไม่สามารถตอบโต้ได้แต่มิ่งขวัญกลับตอบโต้มันแล้วช่วยชีวิตเขาไว้
นี่คือเรื่องย้ำเตือนอย่างหนึ่งว่ามิ่งขวัญไม่ใช่คนอีกต่อไปแล้ว
ที่ยืนอยู่ข้างหน้าคือมิ่งขวัญ...
ที่ยืนอยู่ข้างหน้านี่คือมนุษย์ต่างดาว...
ถ้างั้นที่ยืนอยู่ข้างหน้าคืออะไรกัน? น้องชายหรือศัตรู?
ครอบครัวหรือศัตรู? อิงศรตอบคำถามนั้นไม่ได้จึงตกอยู่ในความลังเล
ลังเลว่าควรจะไปหามิ่งขวัญหรือว่าควรถอยห่าง
ต้องเลือกอย่างไหนถึงจะดีล่ะ?
ตอนนั้นเอง เมษา มีนา กวินทร์
และนรินทร์ ทั้งสี่คนที่กำลังปะทะกับมนุษย์ต่างดาวหญิงก็ได้รับเมล์
ปิ๊บๆๆ
เสียงเมล์เข้าดังขึ้น
หน้าจอเปิดเองโดยอัตโนมัติถ่ายทอดข้อความอันน่าตกใจแก่ทั้งสี่คน
======================
Subject: @Clipius Death Timing
Delivery
Form: GM
Detail:
ตัวจับเวลาตายของเพื่อนคุณมาถึงแล้ว!
เวลาชีวิตที่เหลือของ อิงศร โรจน์จุฬาคือ
[00:00:012]
======================
เมล์แบบเดียวกับที่อิงศรได้รับจากผู้ถูกลืมเลือนกลับถูกส่งให้ทั้งสี่คนแทน
เวลานับถอยหลังเหลือเพียงสิบสองวินาที
ในสิบสองวินาทีนี้มีแต่ความสับสน
12
11
สามวินาทีถัดมา มีนาก็รู้ตัว
10
9
เด็กสาวมองไปข้างหน้า
อิงศรมายืนขวางอยู่หน้ากลุ่มของพวกเธอตั้งแต่เมื่อไหร่กัน?
8
7
6
“คุณอิงศรหนีไป!”
เสียงตะโกนของมีนากระตุ้นให้เด็กหนุ่มรู้สึกตัวและตื่นจากห้วงแห่งความคิด
ยามเมื่อสัมผัสของสนามรบกลับคืนมาก็รู้สึกอึดอัดอย่างน่าประหลาด
อิงศรหันไปทางซ้ายที่รู้สึกถึงแรงกดดันอันน่าอึดอัดนั่น
สิ่งที่มองเห็นก็คือลำพระเพลิงขนาดใหญ่กำลังพุ่งเข้ามา
แต่ยังหลบได้
ถ้าเป็นตอนนี้ก็ยังหลบทัน อิงศรคิดเช่นนั้นแล้วก้าวเท้า แต่ทว่า...
อิงศรกลับนึกขึ้นได้
นึกเรื่องไม่เป็นเรื่องเอาเวลาแบบนี้เสมอ
นึกขึ้นได้ว่ามีนาและพวกพ้องที่อยู่ข้างหลังเขาตอนนี้จะเป็นฝ่ายโดนลำพระเพลิงเผาผลาญแทนถ้าเขาหลบออกไป
แต่ถ้าไม่หลบก็ได้ตายแน่
มีโอกาสที่จะตายสูงมากหากรับการโจมตีระดับนี้เข้าไปถึงพลังชีวิตจะเหลืออยู่เกือบเต็มก็ตามที
อิงศร Lv.
60
[/////3400:3560////.]
เวลานับถอยหลังของเมล์ใกล้จะหมดลงไปทุกขณะ
ตอนนี้เหลืออีกเพียงห้าวินาที
5
4
ถ้าตายตอนนี้ก็จะช่วยน้องชายไม่ได้
ถูกบีบให้เลือกระหว่างมิ่งขวัญกับพวกพ้องอีกแล้ว
เหมือนกับเมื่อตอนนั้นที่ชานชาลารถไฟ ครั้งนี้ก็จะก้าวซ้ำรอยเดิมอีกหรือ?
แล้วอิงศรก็คิดว่า...
เพราะเอาแต่ลังเลแบบนี้เสมอที่ควรจะช่วยไว้ได้ ก็เลยกลายเป็นช่วยอะไรไว้ไม่ได้เลย
ถ้าตอนนั้นเลือกที่จะหนีไปกับ 'ขวัญ'
ก็คงไม่ต้องมาพบกับชะตากรรมแบบนี้
ไม่ต้องมาพานพบเจ้าพวกน่ารำคาญที่กองกันอยู่ด้านหลังตอนนี้ด้วย
ความลังเลช่วงชิงเวลาไปสองวินาที
3
2
"ขวัญ"
แล้วอิงศรก็ตัดสินใจในวินาทีนั้น
ว่าเขาเลือกน้องชายและทิ้งพวกพ้อง
1
แต่มันสายไปแล้วเวลาแค่หนึ่งวินาทีไม่มีทางที่จะชักเท้าหนีทันด้วยซ้ำ
ร่างกายที่เต็มไปด้วยปรารถนาอันมากเกินพอจึงหนักอึ้งเพราะความละโมบ
แล้วความละโมบนั้นก็ถูกไฟชำระเผาไปพร้อมกับร่างกาย
เบา...
รู้สึกว่าร่างกายเบาขึ้นเป็นอย่างมาก ภาระที่เคยแบกไว้บนไหล่ได้หลุดออกไปแล้ว
อิงศรถูกไฟคลอกแล้วตายลงที่นั่น
อิงศร Lv.
60
[.....0:3560.....]
คุณเกมโอเวอร์แล้วจะเล่นต่อไหม?
เล่นต่อ
จบเกม
อิงศรเลือกจบเกม...
Login 45: Game Over แห่งการพบกันอีกครั้ง
แวะคุยท้ายตอน
เอ่อ...ยังไงก็ตามเรื่องยังไม่จบนะครับยังมีต่ออีกวันจันทร์หน้าเน่อ
ตอนนี้ตั้งใจให้ชื่อตอนไปต่อกับตอน 'Restart
แห่งการจากลา' น่ะครับตั้งใจแบบนี้ไว้ตั้งแต่ตอนที่วางพล็อตแล้วล่ะครับ
ความคิดเห็น