ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Apocalypse Online เกมโกงวันโลกาวินาศ

    ลำดับตอนที่ #42 : Login 40: ไฟฟ้าสถิต

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 929
      50
      14 ธ.ค. 59

    Login 40: ไฟฟ้าสถิต

     

                "ในที่สุดก็ได้ส่งไปซักทีเจ้าเมล์ฉบับยุ่งยากนั่นรู้ไหมว่าการบอกชะตากรรมล่วงหน้าของคนผู้นั้นเองตรงๆ มันเป็นเรื่องที่เลวร้ายเกินจะกระทำได้... แล้วผมก็เกือบจะทำเรื่องนั้นลงไปเสียแล้วตอนที่มนุษย์ผู้ถูกฟันเฟืองเลือกมาที่ห้องนี้เมื่อครั้งที่ผ่านมา ตอนนี้ได้แต่หวังให้สิงห์ตอบรับเมล์ฉบับนั้นอย่างที่ผมกำลังคิดก็แล้วกัน"

                คำพูดดังก้องท่ามกลางห้องเก่าโทรมที่ไร้วี่แววของผู้คน

                ทิวทัศน์ยามค่ำคืน

                ท้องฟ้ากว้างสุดลูกหูลูกตาแต่เส้นขอบฟ้ากลับเป็นสีดำสนิท

                ที่ปลายทางขอบฟ้านั้นคือความว่างเปล่า ความไร้ซึ่งตัวตน เรียกได้ว่าเป็น 'อนัตตา' ที่สมบูรณ์แบบ

                ผู้ถูกลืมเลือนปรากฏตัวขึ้น...บนท้องฟ้า

                เขากำลังลอยอยู่เหนือพื้นโดยที่ไม่ต้องมีเครื่องช่วยหรืออะไรทั้งนั้น

                แววตาคมกริบเหม่อมองความว่างเปล่าที่ถูกเรียกว่า 'อนัตตาอันสมบูรณ์แบบ'

                พื้นที่ของโลกอันทรุดโทรมนี้กำลังค่อยๆ แผ่ขยายออกไปทีละเล็กทีละน้อย

                ราวกับกำลังกลืนกินอะไรบางอย่าง

                "รากของอาคาชิกเรคคอร์ดนับวันมีแต่จะขยายใหญ่การกำจัดข้อมูลที่ไม่ได้ใช้เพื่อทวงคืนพื้นที่เก็บรักษายังคงดำเนินต่อไป...ต่อไป.."

                ผู้ถูกลืมเลือนปิดตาลง

                "โหมโรงก่อนฉากสุดท้ายเพิ่งจะจบลงไปม่านได้เปิดขึ้นแล้วเธอคงจะไม่กลับมาที่นี่อีกแล้วสินะมนุษย์ผู้ถูกฟันเฟืองเลือก"

                จากนั้นผู้ถูกลืมเลือนก็เบิกตาแล้วหันเหมันมายังความว่างเปล่า

                "เหล่ามนุษย์ผู้ถูกบทละครแห่งโชคชะตาเลือกมาเอ๋ยโลกกำลังจะจบสิ้นถ้ายังไม่แสดงความตั้งใจที่จะก้าวต่อไปออกมาล่ะก็..."

                ตอนนั้นเองที่หมอกเริ่มตกลงมา

                หมอกปกคลุมทุกสิ่ง

                ทุกอย่างกลายเป็นสีขาวโพลนเพราะหมอก

                แล้วผู้ถูกลืมเลือนก็หายไปจากรูนรูม

     

     

     

                ประตูทิศใต้

                ตอนที่พวกอิงศรมาถึงการต่อสู้ก็เกิดขึ้นไปนานแล้ว

                พื้นที่ต่อสู้ของประตูทิศใต้คือถนนสี่แยกที่ห่างจากประตูมหาลัยไปราวหนึ่งร้อยเมตร

                บริเวณตั้งแต่เกาะกลางสี่แยกไปนั้นเป็นจุดที่สัตว์เทวะรูปแบบเสือขาวร่างกายหุ้มด้วยเกราะเหล็กโทนสีเงินแซมด้วยสีทองเป็นบางจุดยืนเผชิญหน้ากับเหล่าทหารของเมตไตรย

                ขนาดตัวของเสือใหญ่กว่าพื้นที่เกาะกลางทำให้มีแค่เท้าหน้าข้างซ้ายที่เหยียบลงไปแล้วเกาะกลางก็บี้แบนป่นปี้ไปหมด

     

    Heraldic Beast Deity: Albino Claw Lv. 50

    [////.24008:55000.....]

     

                ในตอนที่กองกำลังของประตูทิศตะวันออกที่อิงศรกับพรรคพวกติดตามมาด้วยเคลื่อนย้ายมาถึงประตูทิศนี้แถบพลังชีวิตของเสือก็ลดลงไปเกินครึ่งแล้ว

                พอกวาดตามองดูกลุ่มของทหารที่ป้องกันประตูทิศนี้จึงได้เข้าใจว่าทำไมเสือถึงได้มีสภาพเหมือนถูกไล่ต้อนทั้งที่ตอนพวกเขาสู้กับมังกรยังลำบากกันขนาดนั้น

                นั่นเพราะว่าระดับเลเวลของทหารที่กำลังต่อสู้คุ้มกันประตูทิศใต้นั้นมีเกินห้าสิบขึ้นไปทุกคน แถมยังเป็นคนที่อยู่มานานแทบไม่มีเด็กใหม่จากชั้นเรียนทหารปะปนอยู่เลย

                ถึงจะมีกันแค่สี่สิบห้าคนตามที่รู้มาจากรายงานแผนต่อสู้ แต่ทุกคนที่นี่คงเป็นนักสู้ที่มากด้วยประสบการณ์และความเก๋าเกมกว่ากองร้อยจู่โจมประตูทิศเหนือที่เต็มไปด้วยเด็กหน้าใหม่จากห้องคิงและพวกเด็กมีแววทั้งหลายซึ่งยังขาดประสบการณ์แถมยังมีเลเวลคละกันไปตั้งแต่สี่สิบถึงหกสิบ

                อย่างไรก็ตามถึงสภาพจะดูเหมือนกำลังเป็นต่ออยู่แต่ทุกคนกลับมีท่าทีเหน็ดเหนื่อยและยังเต็มไปด้วยคนบาดเจ็บเล็กน้อยอีกมากมายที่ยังคงจับอาวุธต่อสู้โดยไม่ถอยหนีไหนยังจำนวนของคนก็ไม่ตรงตามที่รู้มา เท่าที่มองเห็นน่าจะมีกันประมาณสิบห้าถึงสิบหกคนเท่านั้นทำให้กลุ่มดูบางตาไปเลยเมื่อเทียบกับกองร้อยจู่โจมที่กำลังจะตามไปสมทบ

                "ท่าทางเจอมาหนักอยู่เหมือนกันนะเนี่ย"

                อิงศรพึมพำขณะที่วิ่งอยู่ท่ามกลางทหารกองร้อยจู่โจมโดยมีพวกพ้องห้อมล้อม

                แล้วนรินทร์ที่วิ่งนำอยู่ข้างหน้าก็ลดฝีเท้าลงเพื่อให้มาวิ่งเคียงกัน

                "อีกสองร้อยเมตรจะถึงเป้าหมายแล้วเอาไงต่อ"

                "เราจะตั้งกระบวนโจมตีมันตั้งแต่ตอนนี้เลยฝากเรื่องวิเคราะห์ศัตรูกับนายที"

                อิงศรตอบ

                ใบหน้าสวยๆ ของเด็กหนุ่มพยักตอบรับคำสั่ง

                "เข้าใจแล้ว"

                จากนั้นฝีเท้าของนรินทร์ก็หยุดลงส่วนอิงศรยังคงวิ่งต่อไป

                "จงมอบนัยตาปีศาจแด่ข้าเนตรแห่งลาพาส"

                ได้ยินเสียงสั่งใช้งานแอพพลิเคชั่นปีศาจดังคล้อยตามมาทีหลัง

                อิงศรเริ่มออกคำสั่งเพื่อจัดรูปขบวน

                "ทุกคนฟังนะเราจะใช้รูปแบบจู่โจมเหมือนตอนที่สู้กับมังกร"

                เสียงของเขาดังออกไป

                "..."

                แต่ไม่มีคนตอบรับ ไม่มีแม้แต่จะขานรับคำสั่งด้วยซ้ำไป

                จนเด็กหนุ่มเป็นงงกับปฏิกิริยาตอบโต้ที่ได้รับและ...

                จนกระทั่งเมื่อมีนาพูดขึ้นมา

                "ทุกคนคะเตรียมบุกด้วยอิงศรฟอเมชั่นค่า!"

                เพียงเท่านั้นทุกคนก็ขานรับ

                "โอ้ส!"

                "รับทราบ!"

                "โอเค!"

                แล้วแถวของกองร้อยก็เริ่มการแปรขบวน เป็นไปอย่างที่ตั้งใจเว้นเสียแต่

                "อะไรกันฟะเนี่ย..."

                อิงศรพูดพลางแสดงสายตาไม่สบอารมณ์ออกมา

                ตอนนั้นเองเมษาก็เร่งฝีเท้าจนวิ่งขึ้นมาคู่กับเขา

                "สั่งแบบนั้นแต่แรกซะก็สิ้นเรื่อง"

                แล้วพูดมาแบบนั้น

                "หมายความว่าไงฟะนั่น"

                "ก็มันจำง่ายกว่าไอ้คำว่าฟอร์เมชั่นเหมือนตอนที่สู้กับมังกรนี่หว่า"

                สรุปก็คืออย่างนั้นสินะ...

                รูปแบบจู่โจมที่คิดค้นขึ้นมาหลังจากเห็นการพลิกแพลงของกวินทร์ที่ใช้แอพพลิเคชั่นปีศาจสร้างโดมน้ำแข็งระหว่างที่ต่อสู้กับบอสประจำดันเจี้ยนกระจกตอนนั้น

                โดยอาศัยการสร้างน้ำจากสกิลเพื่อเพิ่มอานุภาพของแอพพลิเคชั่นทำให้นำมาใช้ต่อสู้ได้จริงตอนนี้ถูกจดทะเบียนด้วยชื่อของเขาเอง 'อิงศรฟอร์เมชั่น'

                "อย่าเที่ยวเอาชื่อคนอื่นมาตั้งให้ฟอร์เมชั่นตามอำเภอใจสิเว้ย!!"

                อิงศรพูดตะหวาด

                แต่ถึงประชดประชันไปก็เท่านั้นยังไงผลลัพธ์ที่ออกมาก็เห็นๆ กันอยู่ ตอนนี้เองรูปขบวนก็ตั้งเสร็จเป็นที่เรียบร้อย

                เมษากับกวินทร์ย้ายขึ้นไปรวมกับคนที่วิ่งนำอยู่ข้างหน้าเหลือแค่เขากับมีนาและพวกพ้องทหารกลุ่มที่เคยร่วมมือกันโจมตีมังกรด้วยสกิลสายน้ำวิ่งอยู่แถวหลัง

                พอเข้าระยะที่หนึ่งร้อยเมตรก่อนไปถึงตัวเสืออิงศรกับแถวหลังก็หยุดวิ่งส่วนพวกแถวหน้ายังคงวิ่งต่อ

                แถวหน้าไปรวมกับกลุ่มที่คุ้มกันประตูทิศใต้

                ได้ยินเสียงพูดคุยดังมาจากแนวหน้าที่เข้าปะทะอยู่ ซึ่งพอจะจับใจความได้ว่ากำลังบอกรูปแบบการจู่โจมที่ทางนี้เตรียมไว้ให้กับกลุ่มที่อยู่มาก่อน

                การเจรจาเหมือนจะเป็นไปด้วยดีกลุ่มที่อยู่มาก่อนเริ่มประสานการเคลื่อนไหวเข้ากับกลุ่มแถวหน้าแล้วจากนั้นก็เหลือแค่รอจังหวะที่ฝั่งแถวหลังจะโจมตีออกไปเพื่อให้กวินทร์ที่ปะปนอยู่กับพวกแนวหน้าจัดการจำกัดความเคลื่อนไหวของศัตรู จากนั้นที่เหลือก็แค่ยิงนัดเผด็จศึกด้วยมือของตัวเอง

                ทุกอย่างกำลังดำเนินไปอย่างราบรื่นพอหาจังหวะได้อิงศรก็ออกคำสั่ง

                “เตรียมตัวไว้พอให้สัญญาณแล้วจะยิงเลย

                ทุกคนทำตามที่สั่งแล้วคันธนูซึ่งเตรียมลูกธนูน้ำสำหรับสกิลชาร์คชู้ตก็ถูกเตรียม

                เมื่อสัตว์เทวะถูกแนวหน้าไล่ต้อนจนการเคลื่อนไหวหยุดนิ่งลงเวลาแห่งการตัดสินก็มาถึง

                “ยิงเลย!

                ลูกศรฉลามน้ำและสายธารพุ่งออกไปพร้อมๆ กัน จู่โจมสัตว์เทวะอย่างแม่นยำ

                น้ำจำนวนมากไหลบ่าทับร่างของเสือ

                ขณะเดียวกันกลุ่มแนวหน้าที่ประจัญบาญกันจนถึงเมื่อครู่ก็ทยอยถอยออกมาแต่หนึ่งนั้นกลับวิ่งเข้าหาเสือ กวินทร์นั่นเอง

                รุ่นน้องวิ่งตรงเข้าไปพร้อมกับดาบคู่ใจ

                “เดม่อนแอพแจ็คฟรอส!

                เสียงเรียกใช้งานแอพพลิเคชั่นปีศาจดังขึ้น น้ำแข็งตัวเป็นน้ำแข็งในพริบตา สัตว์เทวะถูกแช่แข็งเรียบร้อย

                ที่เหลือก็แค่ยิงไม้ตาย 'ดราโคเม็ท' ออกไป แต่ทว่า...

                "..."

                กวินทร์ที่ปักดาบลงบนพื้นเพื่อแช่แข็งสัตว์เทวะกลับไม่ยอมถอยออกมา ไม่แม้แต่จะขยับเขยื้อน

                "เฮ้รีบออกมาสิ!"

                อิงศรตะโกน

                ถ้ากวินทร์ยังอยู่ใกล้กับสัตว์เทวะถึงให้เมษาใช้สกิลดูดรวมการโจมตีของดราโคเม็ทไว้ก็ยังมีลูกหลงไปถึงอยู่ดี

                "..."

                แต่กวินทร์ไม่ตอบรับ ยังคงยืนค้างอยู่ในท่าเดิม

                เมษาที่ควรจะวิ่งขึ้นไปข้างหน้าเพื่อเหนี่ยวนำการโจมตีตามแผนการกลับถอยลงมาพร้อมกับพวกแนวหน้าที่เพิ่งมาถึง

                "มันชักจะแปลกๆ แล้วนะ"

                แล้วถามมาอย่างนั้น

                แต่อิงศรก็ตอบคำถามนั้นให้ไม่ได้เขาเองก็ไม่รู้เหมือนกันว่ามันเกิดอะไรขึ้น

                จู่ๆ หน้าจอสื่อสารก็เด้งตัวเปิดขึ้นมา

                'ตอนนี้สัตว์เทวะกำลังใช้สกิลอยู่'

                เป็นเสียงของนรินทร์ที่ไปคอยสังเกตการ์ณอยู่ด้านหลังไกลๆ

                อิงศรมองไปที่ร่างของเสือซึ่งถูกแช่ไว้ในน้ำแข็ง มองเห็นว่าปากของมันกำลังอ้ากว้างแถมยังกระพริบตาได้ แล้วพอมองไปที่กวินทร์อีกครั้งก็เห็นว่าบนแถบพลังชีวิตของหมอนั่น...

     

    กวินทร์ Lv. 60 (อัมพาต)

    [/////6000:6000/////]

     

                แสดงสภาวะ 'อัมพาต' เท่ากับว่าตอนนี้กวินทร์ขยับตัวไม่ได้เลย

                'เดี๋ยวผมจะขึ้นไปช่วยนะ'

                เสียงของนรินทร์กล่าวมาอย่างนั้น เด็กหนุ่มที่ปลายสายคงกำลังวิ่งขึ้นมารยมแถวกับพวกเขา

                ตอนนั้นเอง...

                น้ำแข็งที่เกาะร่างของสัตว์เทวะก็กระเทาะตัวแตก ส่วนหัวจนถึงช่วงคอของเสือโผล่พ้นออกมา

                โฮก!!

                เสือคำรามเสียงดังสนั่นเรียกสายตาของทุกคนมารวมกันเป็นที่เดียว

                ขณะนั้นเองนรินทร์ก็วิ่งมาถึงแถวของพวกเขาแล้ววิ่งเลยไปข้างหน้าแต่ไม่ไกลนัก เเด็กหนุ่มถือไม้เท้ามาด้วย

                “คับบาลาห์ เซฟิร่า บินาห์

                ไม้เท้าเปล่งแสง เขาตวัดมันขึ้นไปแล้วแสงก็พุ่งออกจากไม้เท้า

                แสงระเบิดกลางอากาศตรงที่กวินทร์ยืนอยู่ แสงร่วงโรยเป็นละอองที่จะช่วยรักษาสภาวะผิดปกติทุกแบบ

                สถานะ 'อัมพาต' หายไป รุ่นน้องเริ่มขยับตัวเขายกดาบขึ้นตั้งท่าจะวิ่งหนี แต่ทว่า

     

    กวินทร์ Lv. 60 (อัมพาต)

    [/////6000:6000/////]

     

                สภาวะ 'อัมพาต' ก็กลับมาอีก กวินทร์หยุดค้างลงในท่านั้น

                "อ๊ะ ติดอัมพาตอีกแล้ว"

                มีนาพูด

                "ทำไมล่ะก็รักษาไปแล้วนี่?!"

                เมษาถาม

                แต่นรินทร์ยังไม่ตอบ

                "..."

                เขารอจนกระทั่งแว่นตาปีศาจที่เรียกมาจากแอพพลิเคชั่นวิเคราะห์เสร็จแล้วค่อยตอบด้วยข้อมูลที่แม่นยำที่สุด

                พลาดจนได้สกิลที่มันใช้คือแสแตติกช็อค (Static Shock) เป็นสกิลประเภทยึดครองพื้นที่โดยการสร้างสนามพลังไฟฟ้ารอบตัวทำให้ศัตรูในรัศมีนั้นขยับไม่ได้ด้วยสถานะอัมพาตเมื่อกี้ถึงรักษาไปแล้วก็จริงแต่ถ้าไม่หนีออกมาให้พ้นรัศมีสกิลก็โดนอัมพาตใหม่อยู่ดี

                แผนการที่อุตส่าห์ดำเนินมาอย่างราบรื่นกลับพังทลายลงในพริบตาเพราะกวินทร์ที่เป็นหัวใจหลักของการจู่โจมถูกเล่นงานซึ่งจุดอ่อนนี้ไม่น่าจะถูกมองออกได้ง่ายขนาดนั้นแต่กลับถูกมองออก

                ตอนนั้นเองสายตาของสัตว์เทวะก็จ้องมาที่อิงศร

                แกเองสินะที่ปั่นหัวเซรูลีนอายส์ไว้เห็นบอกว่ามนุษย์คือสัตว์อัปลักษณ์ที่หากทำเพื่อพวกพ้องแล้วล่ะก็ต่อให้ต้องสละอะไรก็ยอมทั้งนั้นสินะงั้นข้าจะขอใช้จุดขายตรงนั้นหน่อยก็แล้วกัน

                แล้วพูดมาราวกับจะรับรู้เรื่องที่เกิดขึ้นตอนที่สู้กับมังกรได้

                “…”

                อิงศรพูดไม่ออกได้แต่ครุ่นคิดว่าทำไมศัตรูถึงรู้

    ถ้าหากว่ามันรู้จริงๆ ล่ะก็เท่ากับว่ารูปแบบการจู่โจมของพวกเขาได้รั่วไหลไปยังสัตว์เทวะ

    แต่ว่ามันรั่วไหลไปถึงไหนกันแล้วล่ะ?

                ระหว่างที่ขบคิดอยู่นี้เสือก็คำรามอีกครั้ง

                โฮก! ชาร์จบีม

                มันพูดคำราม

    ชิ้นส่วนเกราะบริเวณไหล่ทั้งสองข้างกางขึ้นไปด้านบนจากนั้นลำกล้องปืนที่ซ่อนเอาไว้ภายในก็ยื่นออกมาแล้วเริ่มสะสมพลังงานจนมองเห็นเป็นประจุแสงกำลังไหลหลั่งเข้าอัดแน่นอยู่ภายในกระบอกปืน

                ดูเหมือนว่าพวกเจ้าจะมีไม้เด็ดเป็นการโจมตีที่กินระยะมากสินะถ้ายังมีมนุษย์คนนี้เป็นตัวประกันอยู่คงยิงมาไม่ได้ล่ะซี่ถ้างั้นขอข้าดูหน่อยเถอะว่าพวกเจ้าจะดิ้นรนกันท่ามกลางความสิ้นหวังนี้ยังไง

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×