คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #42 : Login 40: ไฟฟ้าสถิต
Login 40: ไฟฟ้าสถิต
"ในที่สุดก็ได้ส่งไปซักทีเจ้าเมล์ฉบับยุ่งยากนั่นรู้ไหมว่าการบอกชะตากรรมล่วงหน้าของคนผู้นั้นเองตรงๆ
มันเป็นเรื่องที่เลวร้ายเกินจะกระทำได้...
แล้วผมก็เกือบจะทำเรื่องนั้นลงไปเสียแล้วตอนที่มนุษย์ผู้ถูกฟันเฟืองเลือกมาที่ห้องนี้เมื่อครั้งที่ผ่านมา
ตอนนี้ได้แต่หวังให้สิงห์ตอบรับเมล์ฉบับนั้นอย่างที่ผมกำลังคิดก็แล้วกัน"
คำพูดดังก้องท่ามกลางห้องเก่าโทรมที่ไร้วี่แววของผู้คน
ทิวทัศน์ยามค่ำคืน
ท้องฟ้ากว้างสุดลูกหูลูกตาแต่เส้นขอบฟ้ากลับเป็นสีดำสนิท
ที่ปลายทางขอบฟ้านั้นคือความว่างเปล่า
ความไร้ซึ่งตัวตน เรียกได้ว่าเป็น 'อนัตตา' ที่สมบูรณ์แบบ
ผู้ถูกลืมเลือนปรากฏตัวขึ้น...บนท้องฟ้า
เขากำลังลอยอยู่เหนือพื้นโดยที่ไม่ต้องมีเครื่องช่วยหรืออะไรทั้งนั้น
แววตาคมกริบเหม่อมองความว่างเปล่าที่ถูกเรียกว่า
'อนัตตาอันสมบูรณ์แบบ'
พื้นที่ของโลกอันทรุดโทรมนี้กำลังค่อยๆ
แผ่ขยายออกไปทีละเล็กทีละน้อย
ราวกับกำลังกลืนกินอะไรบางอย่าง
"รากของอาคาชิกเรคคอร์ดนับวันมีแต่จะขยายใหญ่การกำจัดข้อมูลที่ไม่ได้ใช้เพื่อทวงคืนพื้นที่เก็บรักษายังคงดำเนินต่อไป...ต่อไป.."
ผู้ถูกลืมเลือนปิดตาลง
"โหมโรงก่อนฉากสุดท้ายเพิ่งจะจบลงไปม่านได้เปิดขึ้นแล้วเธอคงจะไม่กลับมาที่นี่อีกแล้วสินะมนุษย์ผู้ถูกฟันเฟืองเลือก"
จากนั้นผู้ถูกลืมเลือนก็เบิกตาแล้วหันเหมันมายังความว่างเปล่า
"เหล่ามนุษย์ผู้ถูกบทละครแห่งโชคชะตาเลือกมาเอ๋ยโลกกำลังจะจบสิ้นถ้ายังไม่แสดงความตั้งใจที่จะก้าวต่อไปออกมาล่ะก็..."
ตอนนั้นเองที่หมอกเริ่มตกลงมา
หมอกปกคลุมทุกสิ่ง
ทุกอย่างกลายเป็นสีขาวโพลนเพราะหมอก
แล้วผู้ถูกลืมเลือนก็หายไปจากรูนรูม
ประตูทิศใต้
ตอนที่พวกอิงศรมาถึงการต่อสู้ก็เกิดขึ้นไปนานแล้ว
พื้นที่ต่อสู้ของประตูทิศใต้คือถนนสี่แยกที่ห่างจากประตูมหาลัยไปราวหนึ่งร้อยเมตร
บริเวณตั้งแต่เกาะกลางสี่แยกไปนั้นเป็นจุดที่สัตว์เทวะรูปแบบเสือขาวร่างกายหุ้มด้วยเกราะเหล็กโทนสีเงินแซมด้วยสีทองเป็นบางจุดยืนเผชิญหน้ากับเหล่าทหารของเมตไตรย
ขนาดตัวของเสือใหญ่กว่าพื้นที่เกาะกลางทำให้มีแค่เท้าหน้าข้างซ้ายที่เหยียบลงไปแล้วเกาะกลางก็บี้แบนป่นปี้ไปหมด
Heraldic Beast Deity: Albino Claw
Lv. 50
[////.24008:55000.....]
ในตอนที่กองกำลังของประตูทิศตะวันออกที่อิงศรกับพรรคพวกติดตามมาด้วยเคลื่อนย้ายมาถึงประตูทิศนี้แถบพลังชีวิตของเสือก็ลดลงไปเกินครึ่งแล้ว
พอกวาดตามองดูกลุ่มของทหารที่ป้องกันประตูทิศนี้จึงได้เข้าใจว่าทำไมเสือถึงได้มีสภาพเหมือนถูกไล่ต้อนทั้งที่ตอนพวกเขาสู้กับมังกรยังลำบากกันขนาดนั้น
นั่นเพราะว่าระดับเลเวลของทหารที่กำลังต่อสู้คุ้มกันประตูทิศใต้นั้นมีเกินห้าสิบขึ้นไปทุกคน
แถมยังเป็นคนที่อยู่มานานแทบไม่มีเด็กใหม่จากชั้นเรียนทหารปะปนอยู่เลย
ถึงจะมีกันแค่สี่สิบห้าคนตามที่รู้มาจากรายงานแผนต่อสู้
แต่ทุกคนที่นี่คงเป็นนักสู้ที่มากด้วยประสบการณ์และความเก๋าเกมกว่ากองร้อยจู่โจมประตูทิศเหนือที่เต็มไปด้วยเด็กหน้าใหม่จากห้องคิงและพวกเด็กมีแววทั้งหลายซึ่งยังขาดประสบการณ์แถมยังมีเลเวลคละกันไปตั้งแต่สี่สิบถึงหกสิบ
อย่างไรก็ตามถึงสภาพจะดูเหมือนกำลังเป็นต่ออยู่แต่ทุกคนกลับมีท่าทีเหน็ดเหนื่อยและยังเต็มไปด้วยคนบาดเจ็บเล็กน้อยอีกมากมายที่ยังคงจับอาวุธต่อสู้โดยไม่ถอยหนีไหนยังจำนวนของคนก็ไม่ตรงตามที่รู้มา
เท่าที่มองเห็นน่าจะมีกันประมาณสิบห้าถึงสิบหกคนเท่านั้นทำให้กลุ่มดูบางตาไปเลยเมื่อเทียบกับกองร้อยจู่โจมที่กำลังจะตามไปสมทบ
"ท่าทางเจอมาหนักอยู่เหมือนกันนะเนี่ย"
อิงศรพึมพำขณะที่วิ่งอยู่ท่ามกลางทหารกองร้อยจู่โจมโดยมีพวกพ้องห้อมล้อม
แล้วนรินทร์ที่วิ่งนำอยู่ข้างหน้าก็ลดฝีเท้าลงเพื่อให้มาวิ่งเคียงกัน
"อีกสองร้อยเมตรจะถึงเป้าหมายแล้วเอาไงต่อ"
"เราจะตั้งกระบวนโจมตีมันตั้งแต่ตอนนี้เลยฝากเรื่องวิเคราะห์ศัตรูกับนายที"
อิงศรตอบ
ใบหน้าสวยๆ
ของเด็กหนุ่มพยักตอบรับคำสั่ง
"เข้าใจแล้ว"
จากนั้นฝีเท้าของนรินทร์ก็หยุดลงส่วนอิงศรยังคงวิ่งต่อไป
"จงมอบนัยตาปีศาจแด่ข้าเนตรแห่งลาพาส"
ได้ยินเสียงสั่งใช้งานแอพพลิเคชั่นปีศาจดังคล้อยตามมาทีหลัง
อิงศรเริ่มออกคำสั่งเพื่อจัดรูปขบวน
"ทุกคนฟังนะเราจะใช้รูปแบบจู่โจมเหมือนตอนที่สู้กับมังกร"
เสียงของเขาดังออกไป
"..."
แต่ไม่มีคนตอบรับ
ไม่มีแม้แต่จะขานรับคำสั่งด้วยซ้ำไป
จนเด็กหนุ่มเป็นงงกับปฏิกิริยาตอบโต้ที่ได้รับและ...
จนกระทั่งเมื่อมีนาพูดขึ้นมา
"ทุกคนคะเตรียมบุกด้วยอิงศรฟอเมชั่นค่า!"
เพียงเท่านั้นทุกคนก็ขานรับ
"โอ้ส!"
"รับทราบ!"
"โอเค!"
แล้วแถวของกองร้อยก็เริ่มการแปรขบวน
เป็นไปอย่างที่ตั้งใจเว้นเสียแต่
"อะไรกันฟะเนี่ย..."
อิงศรพูดพลางแสดงสายตาไม่สบอารมณ์ออกมา
ตอนนั้นเองเมษาก็เร่งฝีเท้าจนวิ่งขึ้นมาคู่กับเขา
"สั่งแบบนั้นแต่แรกซะก็สิ้นเรื่อง"
แล้วพูดมาแบบนั้น
"หมายความว่าไงฟะนั่น"
"ก็มันจำง่ายกว่าไอ้คำว่าฟอร์เมชั่นเหมือนตอนที่สู้กับมังกรนี่หว่า"
สรุปก็คืออย่างนั้นสินะ...
รูปแบบจู่โจมที่คิดค้นขึ้นมาหลังจากเห็นการพลิกแพลงของกวินทร์ที่ใช้แอพพลิเคชั่นปีศาจสร้างโดมน้ำแข็งระหว่างที่ต่อสู้กับบอสประจำดันเจี้ยนกระจกตอนนั้น
โดยอาศัยการสร้างน้ำจากสกิลเพื่อเพิ่มอานุภาพของแอพพลิเคชั่นทำให้นำมาใช้ต่อสู้ได้จริงตอนนี้ถูกจดทะเบียนด้วยชื่อของเขาเอง
'อิงศรฟอร์เมชั่น'
"อย่าเที่ยวเอาชื่อคนอื่นมาตั้งให้ฟอร์เมชั่นตามอำเภอใจสิเว้ย!!"
อิงศรพูดตะหวาด
แต่ถึงประชดประชันไปก็เท่านั้นยังไงผลลัพธ์ที่ออกมาก็เห็นๆ
กันอยู่ ตอนนี้เองรูปขบวนก็ตั้งเสร็จเป็นที่เรียบร้อย
เมษากับกวินทร์ย้ายขึ้นไปรวมกับคนที่วิ่งนำอยู่ข้างหน้าเหลือแค่เขากับมีนาและพวกพ้องทหารกลุ่มที่เคยร่วมมือกันโจมตีมังกรด้วยสกิลสายน้ำวิ่งอยู่แถวหลัง
พอเข้าระยะที่หนึ่งร้อยเมตรก่อนไปถึงตัวเสืออิงศรกับแถวหลังก็หยุดวิ่งส่วนพวกแถวหน้ายังคงวิ่งต่อ
แถวหน้าไปรวมกับกลุ่มที่คุ้มกันประตูทิศใต้
ได้ยินเสียงพูดคุยดังมาจากแนวหน้าที่เข้าปะทะอยู่
ซึ่งพอจะจับใจความได้ว่ากำลังบอกรูปแบบการจู่โจมที่ทางนี้เตรียมไว้ให้กับกลุ่มที่อยู่มาก่อน
การเจรจาเหมือนจะเป็นไปด้วยดีกลุ่มที่อยู่มาก่อนเริ่มประสานการเคลื่อนไหวเข้ากับกลุ่มแถวหน้าแล้วจากนั้นก็เหลือแค่รอจังหวะที่ฝั่งแถวหลังจะโจมตีออกไปเพื่อให้กวินทร์ที่ปะปนอยู่กับพวกแนวหน้าจัดการจำกัดความเคลื่อนไหวของศัตรู
จากนั้นที่เหลือก็แค่ยิงนัดเผด็จศึกด้วยมือของตัวเอง
ทุกอย่างกำลังดำเนินไปอย่างราบรื่นพอหาจังหวะได้อิงศรก็ออกคำสั่ง
“เตรียมตัวไว้พอให้สัญญาณแล้วจะยิงเลย”
ทุกคนทำตามที่สั่งแล้วคันธนูซึ่งเตรียมลูกธนูน้ำสำหรับสกิลชาร์คชู้ตก็ถูกเตรียม
เมื่อสัตว์เทวะถูกแนวหน้าไล่ต้อนจนการเคลื่อนไหวหยุดนิ่งลงเวลาแห่งการตัดสินก็มาถึง
“ยิงเลย!”
ลูกศรฉลามน้ำและสายธารพุ่งออกไปพร้อมๆ
กัน จู่โจมสัตว์เทวะอย่างแม่นยำ
น้ำจำนวนมากไหลบ่าทับร่างของเสือ
ขณะเดียวกันกลุ่มแนวหน้าที่ประจัญบาญกันจนถึงเมื่อครู่ก็ทยอยถอยออกมาแต่หนึ่งนั้นกลับวิ่งเข้าหาเสือ
กวินทร์นั่นเอง
รุ่นน้องวิ่งตรงเข้าไปพร้อมกับดาบคู่ใจ
“เดม่อนแอพแจ็คฟรอส!”
เสียงเรียกใช้งานแอพพลิเคชั่นปีศาจดังขึ้น
น้ำแข็งตัวเป็นน้ำแข็งในพริบตา สัตว์เทวะถูกแช่แข็งเรียบร้อย
ที่เหลือก็แค่ยิงไม้ตาย 'ดราโคเม็ท'
ออกไป แต่ทว่า...
"..."
กวินทร์ที่ปักดาบลงบนพื้นเพื่อแช่แข็งสัตว์เทวะกลับไม่ยอมถอยออกมา
ไม่แม้แต่จะขยับเขยื้อน
"เฮ้รีบออกมาสิ!"
อิงศรตะโกน
ถ้ากวินทร์ยังอยู่ใกล้กับสัตว์เทวะถึงให้เมษาใช้สกิลดูดรวมการโจมตีของดราโคเม็ทไว้ก็ยังมีลูกหลงไปถึงอยู่ดี
"..."
แต่กวินทร์ไม่ตอบรับ ยังคงยืนค้างอยู่ในท่าเดิม
เมษาที่ควรจะวิ่งขึ้นไปข้างหน้าเพื่อเหนี่ยวนำการโจมตีตามแผนการกลับถอยลงมาพร้อมกับพวกแนวหน้าที่เพิ่งมาถึง
"มันชักจะแปลกๆ แล้วนะ"
แล้วถามมาอย่างนั้น
แต่อิงศรก็ตอบคำถามนั้นให้ไม่ได้เขาเองก็ไม่รู้เหมือนกันว่ามันเกิดอะไรขึ้น
จู่ๆ
หน้าจอสื่อสารก็เด้งตัวเปิดขึ้นมา
'ตอนนี้สัตว์เทวะกำลังใช้สกิลอยู่'
เป็นเสียงของนรินทร์ที่ไปคอยสังเกตการ์ณอยู่ด้านหลังไกลๆ
อิงศรมองไปที่ร่างของเสือซึ่งถูกแช่ไว้ในน้ำแข็ง
มองเห็นว่าปากของมันกำลังอ้ากว้างแถมยังกระพริบตาได้
แล้วพอมองไปที่กวินทร์อีกครั้งก็เห็นว่าบนแถบพลังชีวิตของหมอนั่น...
กวินทร์ Lv.
60 (อัมพาต)
[/////6000:6000/////]
แสดงสภาวะ 'อัมพาต'
เท่ากับว่าตอนนี้กวินทร์ขยับตัวไม่ได้เลย
'เดี๋ยวผมจะขึ้นไปช่วยนะ'
เสียงของนรินทร์กล่าวมาอย่างนั้น
เด็กหนุ่มที่ปลายสายคงกำลังวิ่งขึ้นมารยมแถวกับพวกเขา
ตอนนั้นเอง...
น้ำแข็งที่เกาะร่างของสัตว์เทวะก็กระเทาะตัวแตก
ส่วนหัวจนถึงช่วงคอของเสือโผล่พ้นออกมา
โฮก!!
เสือคำรามเสียงดังสนั่นเรียกสายตาของทุกคนมารวมกันเป็นที่เดียว
ขณะนั้นเองนรินทร์ก็วิ่งมาถึงแถวของพวกเขาแล้ววิ่งเลยไปข้างหน้าแต่ไม่ไกลนัก
เเด็กหนุ่มถือไม้เท้ามาด้วย
“คับบาลาห์ เซฟิร่า บินาห์”
ไม้เท้าเปล่งแสง
เขาตวัดมันขึ้นไปแล้วแสงก็พุ่งออกจากไม้เท้า
แสงระเบิดกลางอากาศตรงที่กวินทร์ยืนอยู่
แสงร่วงโรยเป็นละอองที่จะช่วยรักษาสภาวะผิดปกติทุกแบบ
สถานะ 'อัมพาต'
หายไป รุ่นน้องเริ่มขยับตัวเขายกดาบขึ้นตั้งท่าจะวิ่งหนี
แต่ทว่า
กวินทร์ Lv.
60 (อัมพาต)
[/////6000:6000/////]
สภาวะ 'อัมพาต'
ก็กลับมาอีก
กวินทร์หยุดค้างลงในท่านั้น
"อ๊ะ ติดอัมพาตอีกแล้ว"
มีนาพูด
"ทำไมล่ะก็รักษาไปแล้วนี่?!"
เมษาถาม
แต่นรินทร์ยังไม่ตอบ
"..."
เขารอจนกระทั่งแว่นตาปีศาจที่เรียกมาจากแอพพลิเคชั่นวิเคราะห์เสร็จแล้วค่อยตอบด้วยข้อมูลที่แม่นยำที่สุด
“พลาดจนได้สกิลที่มันใช้คือแสแตติกช็อค (Static Shock)
เป็นสกิลประเภทยึดครองพื้นที่โดยการสร้างสนามพลังไฟฟ้ารอบตัวทำให้ศัตรูในรัศมีนั้นขยับไม่ได้ด้วยสถานะอัมพาตเมื่อกี้ถึงรักษาไปแล้วก็จริงแต่ถ้าไม่หนีออกมาให้พ้นรัศมีสกิลก็โดนอัมพาตใหม่อยู่ดี”
แผนการที่อุตส่าห์ดำเนินมาอย่างราบรื่นกลับพังทลายลงในพริบตาเพราะกวินทร์ที่เป็นหัวใจหลักของการจู่โจมถูกเล่นงานซึ่งจุดอ่อนนี้ไม่น่าจะถูกมองออกได้ง่ายขนาดนั้นแต่กลับถูกมองออก
ตอนนั้นเองสายตาของสัตว์เทวะก็จ้องมาที่อิงศร
“แกเองสินะที่ปั่นหัวเซรูลีนอายส์ไว้เห็นบอกว่ามนุษย์คือสัตว์อัปลักษณ์ที่หากทำเพื่อพวกพ้องแล้วล่ะก็ต่อให้ต้องสละอะไรก็ยอมทั้งนั้นสินะงั้นข้าจะขอใช้จุดขายตรงนั้นหน่อยก็แล้วกัน”
แล้วพูดมาราวกับจะรับรู้เรื่องที่เกิดขึ้นตอนที่สู้กับมังกรได้
“…”
อิงศรพูดไม่ออกได้แต่ครุ่นคิดว่าทำไมศัตรูถึงรู้
ถ้าหากว่ามันรู้จริงๆ
ล่ะก็เท่ากับว่ารูปแบบการจู่โจมของพวกเขาได้รั่วไหลไปยังสัตว์เทวะ
แต่ว่ามันรั่วไหลไปถึงไหนกันแล้วล่ะ?
ระหว่างที่ขบคิดอยู่นี้เสือก็คำรามอีกครั้ง
“โฮก! ชาร์จบีม”
มันพูดคำราม
ชิ้นส่วนเกราะบริเวณไหล่ทั้งสองข้างกางขึ้นไปด้านบนจากนั้นลำกล้องปืนที่ซ่อนเอาไว้ภายในก็ยื่นออกมาแล้วเริ่มสะสมพลังงานจนมองเห็นเป็นประจุแสงกำลังไหลหลั่งเข้าอัดแน่นอยู่ภายในกระบอกปืน
“ดูเหมือนว่าพวกเจ้าจะมีไม้เด็ดเป็นการโจมตีที่กินระยะมากสินะถ้ายังมีมนุษย์คนนี้เป็นตัวประกันอยู่คงยิงมาไม่ได้ล่ะซี่ถ้างั้นขอข้าดูหน่อยเถอะว่าพวกเจ้าจะดิ้นรนกันท่ามกลางความสิ้นหวังนี้ยังไง”
ความคิดเห็น