ตอนที่ 38 : Login 36: มังกรตาสีฟ้า
Login 36: มังกรตาสีฟ้า
รูนรูม
ที่นั่นผู้ถูกลืมเลือนยังคงประจำอยู่บนโซฟาตัวเดิม
ส่วนเบื้องหน้าคือไพ่อาคานาร์ดิเอ็มเพอเรอร์กำลังลอยอยู่กลางอากาศ พลางหมุนไปมาและเปล่งแสง
"การ์ดจักรพรรดิกุมขุมพลังในการบัญชาเอาไว้บัดนี้เธอได้ทำให้การ์ดส่องสว่างและได้อำนาจนั้นมาไว้ในอาณัติ ด้วยอำนาจที่ว่าก็ได้สั่งให้ปีศาจมีตัวตนขึ้นมา"
ผู้ถูกลืมเลือนยังคงพูดต่อไปเพียงลำพัง
"ปีศาจคืออะไรน่ะเหรอ...นั่นเป็นคำถามของพวกคุณสินะเหล่าแขกมนุษย์ผู้ถูกบทละครแห่งโชคชะตาเลือกมา ถ้าจะให้พูดล่ะก็ปีศาจคือหน่วยย่อยของโชคชะตาพวกมันเป็นดั่งข้อมูลที่เก็บรักษาไว้ที่อาคาชิกเรคคอร์ด เมื่อความปรารถนาอันแรงกล้าปรากฏขึ้นปีศาจที่สังกัดกับโชคชะตารูปแบบหนึ่งจากยี่สิบสองแบบจะถูกดาวน์โหลดและติดตั้งลงในตัวสิ่งที่สร้างความปรารถนาอย่างที่พวกเธอใช้คำเรียกมันว่า 'การสิงสู่' ยังไงล่ะ"
ผู้ถูกลืมเลือนผ่อนลมหายใจออกก่อนจะดำเนินคำพูดต่อ
"แต่ว่าเดิมทีแล้วสิ่งมีชีวิตที่เกิดและดับสูญลงในสวนศักดิ์สิทธ์จะมีโชคชะตา เพียงแค่แบบเดียวจากสิบสองรูปแบบและจะไม่มีทางเปลี่ยนแปลงได้ตลอดอายุขัย โชคชะตานั้นได้ผูกมัดกับเครื่องทำสวนศักดิ์สิทธิ์ทั้งสิบสอง แต่ว่าสิ่งที่เรียกว่ามนุษย์ก็ได้กลืนกินผลไม้ต้องห้ามพวกเขาเกิดรู้แจ้งในปัญญาแล้วนั่นก็นำไปสู่ขุมพลังในการเปลี่ยนแปลงโชคชะตา เข็มนาฬิกาของพวกเธอได้แบ่งแยกกลางวันและกลางคืนออกจากกันทำให้โชคชะตากลายเป็นยี่สิบสองรูปแบบและถูกผนึกลงในระบบของอาคานาร์"
พูดแล้วก็กดฝ่ามือลงบนหน้าผากพลางหลับตาลง
“แต่ว่าเพราะแบบนั้นพวกเขาจึงไม่พอใจ...”
หยาดน้ำใสแทรกตัวผ่านขอบดวงตาที่ปิดสนิท น้ำตากำลังไหลอาบใบแก้มทั้งสองของผู้ถูกลืมเลือน
“อา...ใช่ พวกเขาไม่พอใจที่มนุษย์จะรู้จักผิดชอบชั่วดี รู้จักสีขาวสีดำ รู้จักแยกกลางวันกลางคืน ..เรื่องนี้คงยากเกินไปสำหรับพวกเธอในตอนนี้ไว้รอจนกว่าเวลานั้นจะมาถึงก็แล้วกัน”
เขาพูดตัดบทเช่นนั้นก่อนที่ห้องจะถูกปกคลุมด้วยหมอก
สัมผัสได้เลือนรางและหายไป...
ที่สนามรบ
อิงศรเพิ่งจะรอดตายมาได้แบบหวุดหวิดด้วยแอพพลิเคชั่นปีศาจที่ปรากฏตัวออกมาช่วยชีวิตเอาไว้ แล้วตอนนี้สายตาของพวกพ้องกำลังจ้องมาที่เขาไม่สิ กำลังมองเอลิกอร์มากกว่า
ถ้าอย่างนั้นที่เอลิกอร์ปรากฏออกมาก็ไม่ใช่ภาพลวงตาแต่เป็นเพราะไพ่ใบนั้น...
พลังของไพ่อาคานาร์ดิเอ็มเพอเรอร์ได้ทำให้ปีศาจมีตัวตนออกมา
"นั่นตัวอะไรน่ะสกิลของมิสติกชูตเตอร์เหรอ"
เขาได้ยินกวินทร์ถามเพื่อนในกลุ่มว่าอย่างนั้น
"ไม่ใช่...มันไม่มีสกิลแบบนั้นซักหน่อย"
จากนั้นนรินทร์ที่สวมแว่นตาประหลาดก็พูดขึ้นมาว่า
"ปีศาจ..."
"หา?"
"ลาพาสบอกว่าเจ้านั่นคือปีศาจชื่อว่าเอลิกอร์น่ะ"
"เอลิกอร์มันชื่อของเดม่อนแอพที่พี่ศรใช้นี่ครับ"
พอได้ยินแบบนั้นเข้าเมษาก็พูดออกมาว่า
"งั้นนั่นก็คือรีลีสเสตท (Release State) น่ะสิ"
"รีลีส...มันคืออะไรเหรอครับ"
กวินทร์ถาม
แล้วนรินทร์ก็เป็นคนตอบคำถามนั้น
"มันเป็นสกิลของอาชีพซัมมอนเนอร์ทำให้อัญเชิญปีศาจจากเดม่อนแอพได้น่ะ แล้วคนที่จะใช้มันได้ก็ต้องมีเลเวลเก้าสิบด้วยจนถึงตอนนี้คนที่ผมพอจะรู้ว่าทำแบบนั้นได้ก็มีแต่พลเอกสิงห์เท่านั้นเองแล้วทำไมอิงศรถึง..."
เสียงพูดคุยของพวกพ้องเองก็ยังได้ยินแม้จะอยู่ห่างกันมากก็ตาม ดูเหมือนว่าต่อให้เรียกเอลิกอร์ออกมาผลการเพิ่มพลังกายจากแอพพลิเคชั่นปีศาจก็ยังไม่หายไป
อย่างไรก็ตามเวลาไม่คอยท่าอีกแล้ว
มีนา Lv. 60
[////.1950:4300.....]
แถบพลังชีวิตของมีนายังคงลดลงอย่างต่อเนื่องตั้งแต่ตอนที่เธอถูกกาฝากมังกรกัดกินร่างกาย ถ้าพลังชีวิตของเธอหมดลงทุกอย่างก็จบกัน
ไม่รู้ว่าเวลาในเมล์ตัวจับเวลาตายยังเหลืออยู่อีกเท่าไหร่ ไหนจะยังไม่ได้ดูรูปใบหน้ายามสิ้นชีพในเมล์อีกจึงไม่รู้ว่ามีนาจะเสียชีวิตแบบไหน
แต่ก็ไม่จำเป็นต้องดู แค่ช่วยให้ได้ก่อนที่จะกลายเป็นแบบนั้นก็พอ
อิงศรมองตรงไปข้างหน้าด้วยความปรารถนาเช่นนั้น
ตอนนั้นเองมังกรที่สิงสู่มีนาอยู่ก็มองลงมาที่เขา
“มนุษย์เอ๋ยพลังนั่น...มันไม่ใช่ของๆ มนุษย์เจ้าไปได้มันมาจากไหนตอบมาเดี๋ยวนี้!”
แล้วผลักมือมาข้างหน้าเป็นการสั่งให้รากไม้ที่ล้อมอิงศรไว้จู่โจมอีกครั้ง
แต่ทั้งหมดก็ถูกทวนของเอลิกอร์สะบั้นในพริบตาก่อนจะแหงนหน้าขึ้นไปแล้วพูด
“มังกรงั้นรึ...พวกเทพเนี่ยยังคงวาจาโอ้อวดตัวอยู่ไม่เปลี่ยนเลยนะ”
“ก็ยังไม่ถึงขั้นลดตัวลงไปเป็นขี้ข้าให้มนุษย์อย่างเจ้าหรอกน่ะปีศาจเอ้ย”
มังกรตอบกลับมาด้วยน้ำเสียงเย็นชา
เอลิกอร์ตอบโต้กลับไปว่า
“เฮอะพูดดีไปเถอะเดี๋ยวขี้ข้าคนนี้ที่เจ้าดูถูกนักหนาจะขอดเกล็ดเทพเก่งแต่ปากอย่างเจ้าให้ดู”
สิ้นคำเอลิกอร์ก็ควบม้าปีศาจทะยานขึ้นไปในอากาศ ระหว่างนั้นรากไม้ก็ตามขึ้นมาขัดขวาง อัศวินแดงควงทวนปัดรากไม้เหล่านั้นจนกระเด็นแล้วเข้าประชิดตัวมีนา
เด็กสาวตอบสนองไม่ทัน
มังกรรู้ตัวว่าในสภาพเช่นนี้ไม่อาจทัดเทียมกับพลังของปีศาจได้จึงเลือกป้องกันแค่ส่วนผลึกที่เป็นหัวใจโดยใช้แขนของเด็กสาวซึ่งหุ้มด้วยรากพันทับกันหลายชั้นโอบป้องกันเอาไว้
ความทนทานของมันนั้นขนาดทวนของเอลิกอร์ยังกระเด็นกลับมา
“เชอะ ถึงจะป้องกันหัวใจไว้แต่ถ้าปลิดชีวิตเหยื่อเจ้าของร่างล่ะก็วิญญาณเทพก็จะสลายไปอยู่ดี”
เอลิกอร์พูดแล้วเงื้อทวนหมายจะฟาดใส่ศีรษะของมีนาให้ตายในทีเดียว
”จบกันแค่นี้...”
ทว่าอิงศรก็พูดขัดขึ้นมา
“อย่าฆ่าเธอนะ”
เอลิกอร์ชะงักมือในทันที แต่นั่นไม่ได้เป็นเพราะความเต็มใจหากแต่เป็นเพราะพลังของอาคานาร์ที่ทำให้ปีศาจได้กายหยาบมาจึงต้องทำตามคำสั่งของอิงศรผู้ครอบครองพลังอย่างเลี่ยงไม่ได้
อิงศรพูดต่อไปว่า
“ห้ามฆ่าเด็ดขาดจับตัวเอาไว้แล้วพาเข้าไปตรงกลางวงล้อมที่ชั้นวางอาคมไว้”
ตอนนั้นเอง มีนาก็ปล่อยแขนผ่อนการป้องกันออกแล้วซัดมือขวาออกไป
มือขวาเปลี่ยนสภาพกลายเป็นแขนงรากที่มีปลายแหลมคมแทงทะลุอกของปีศาจไปถึงข้างหลัง
ความเสียหายนั้นสะท้อนไปถึงอิงศรด้วย
“อึก..”
เด็กหนุ่มรู้สึกถึงความเจ็บปวดที่แล่นปลาบขึ้นมาบริเวณเดียวกับที่เอลิกอร์ถูกจู่โจมกระนั้นพลังชีวิตของเขาก็ไม่ได้ลดลงไปแต่อย่างใด
“ตอนนี้แหละจับแขนยัยนั่นแล้วผลักเข้าไปทั้งอย่างนั้นเลย”
อิงศรตะโกน
ถึงมังกรจะได้ยินไปด้วยและพยายามถอนรากออกจากร่างของเอลิกอร์เพื่อจะหนีก็ตาม
แต่การเคลื่อนไหวนั่นก็ถูกมองออกแต่แรก เอลิกอร์คว้าแขนของเด็กสาวไว้จึงไม่สามารถหนีได้ แล้วกระโดดจากหลังม้าโผเข้ากอดรัดก่อนจะพาบินกลับเข้าไปตรงกลางวงล้อมข่ายอาคม
ทั้งสองยื้อกันอยู่กลางอากาศต่างฝ่ายต่างไม่ยอมผ่อนแรงให้กัน
อิงศรดึงแผ่นยันต์ออกมาจากแขนเสื้อเตรียมยิงลูกศรสร้างเขตอาคมนัดสุดท้าย แต่ทว่า
“หนอยแน่ะคิดว่าข้าจะยอมรึ”
มังกรก็สบถออกมาอย่างนั้นแล้วสอดมือให้แขนหลุดออกจากอ้อมกอดของปีศาจ ด้วยแขนเพียงข้างเดียวเธอได้สั่งให้รากไม้เส้นหนึ่งพุ่งไปที่แขนของอิงศรแล้วให้ที่เหลือไปขัดขวางพวกนรินทร์
แขนข้างซ้ายที่ถือคันศรถูกรากไม้มัดเอาไว้ ถึงพยายามดึงก็ไม่ขาดตอนนั้นเอง คนอื่นๆ ก็โดนแบบเดียวกันทำให้ปลีกตัวมาช่วยไม่ได้
เวลาของมีนาเหลือน้อยเต็มทีแถบพลังชีวิตของเธอใกล้จะว่างเปล่า
มีนา Lv. 60
[//.....950:4300.....]
“ไอ้ของพรรค์นี้”
อิงศรสบถแล้วชักดาบสั้นจากเอวมาฟันเข้าที่รากไม้แต่กลับตัดมันไม่ขาด
รากมีความเหนียวและแข็งกว่าที่คิดด้วยแรงมือที่จับดาบเพียงข้างเดียวคงตัดไม่ขาดแน่
ตอนนั้นเอง มังกรก็พูดว่า
“ฮะๆๆ มันจบแล้วมนุษย์”
แต่อิงศรกลับยิ้ม
“ก็ยังไม่แน่หรอก”
แล้วเงื้อดาบขึ้น
“ยังจะดันทุรังอีกรึ”
มังกรกล่าวอย่างนั้น แต่อิงศรไม่สนและยังคงเล็งดาบที่เงื้อขึ้นไปอยู่
ถึงจะตัดรากให้ขาดไม่ได้แต่ตอนนี้ถ้าหลุดออกไปได้ก็จะไม่มีใครหยุดเขาได้อีกดังนั้น...
เด็กหนุ่มเลยทำในสิ่งที่ไม่มีใครจะคาดคิด เขาเงื้อดาบแล้วฟันลง
ใบดาบฟันโดนข้อต่อและกระดูกแขนข้างขวา
“บ้าไปแล้ว!”
นรินทร์ที่ดูอยู่สบถออกมา คนอื่นๆ ก็พากันตกตะลึงกับการตัดสินใจนั้นไม่ต่างกัน
แต่แขนซ้ายของอิงศรก็ลอยคว้างกลางอากาศไปเสียแล้ว
เด็กหนุ่มวิ่งตัวปลิวในทันทีที่เป็นอิสระ พลางมุ่งหน้าสู่ระยะที่สร้างเขตอาคมแล้วสกิลจะทำงาน
เขาคาบแผ่นยันต์เอาไว้ในปากแล้วเสียบมันเข้ากับใบดาบที่ยังชุ่มไปด้วยเลือดของตน ด้วยสภาพที่เลือดทะลักออกจากแขนข้างที่ถูกตัดหยดลงเป็นทางโดยไม่กลัวว่าจะเสียเลือดมากเกินไป และถึงจะเป็นการทำร้ายตัวเองก็ตามแถบพลังชีวิตก็ยังคงลดลง
อิงศร Lv. 60
[/////2990:3560//...]
กระนั้นแล้วอิงศรก็ยังก้าวต่อไปข้างหน้าโดยไม่สนใจตัวเอง
เขาไม่อยากจะเห็นภาพนั้นอีก
ภาพที่ได้แต่มองดูคนที่ตนรักต้องจากไปคนแล้วคนเล่าโดยที่ทำอะไรไม่ได้
ดังนั้นต่อให้ต้องตัดแขนหรือขาก็ย่อมแลกได้โดยไม่มีความลังเล
ดวงตาของเด็กหนุ่มเปล่งประกายความปรารถนาเช่นนั้นแลtมังกรที่สบตามองมันก็กำลังหวาดกลัว
“น..หนอยมนุษย์!”
มันส่งเสียงด้วยความหวาดกลัวต่อสิ่งที่มันดูถูกเอาไว้
แต่ดาบที่เสียบแผ่นยันต์ก็ปักลงบนพื้นถนน แผ่นยันต์เริ่มเผาไหม้ตัวเอง ไฟลุกลามจากใบดาบแล้วไหลลงไปกองกันบนพื้นก่อนจะกลายเป็นวงเวท
“มหาเขตแดนตรวนผนึกหมาป่าไกรนิลพ์!!!”
อิงศรพูดแล้ววงเวทที่กางเอาไว้ทั้งห้าอันก็เปล่งแสงขึ้นมาราวกับจะตอบรับต่อคำสั่ง สายโซ่ถักทอขึ้นมาจากแสงของวงเวท พวกมันพุ่งขึ้นไปบนท้องฟ้า เป็นเวลาเดียวกับที่ร่างของเอลิกอร์สลายตัวไปคงเพราะอิงศรที่เป็นผู้มอบพลังให้อยู่ในสภาพที่อ่อนแอลงการคงอยู่ของพลังอาคานาร์ถึงได้หายไป แต่ถึงอย่างนั้นก็ไม่มีความหมายอีกแล้ว สกิลได้เล็งเป้าไว้ที่มังกรเรียบร้อย
โซ่แสงมัดร่างของเด็กสาวแล้วดึงลงมาบนดิน
พอเป็นอย่างนั้นรากไม้ที่ถูกควบคุมเอาไว้จนถึงเมื่อครู่ก็หยุดเคลื่อนไหวและล้มลง
“ปล่อยข้านะ...เจ้าพวกมนุษย์ชั้นต่ำพวกมนุษย์อัปลักษณ์!!”
มังกรพูดตะหวาดและพยายามดิ้นรนเอาเป็นเอาตายแต่ก็ไม่อาจสลัดหลุดจากอาคมผนึกได้
“ตอนนี้แหละเมษา!”
อิงศรหันกลับไปแล้วตะโกน
เมษาวิ่งตัดหน้าเขาไปโดยที่พูดเอาไว้ว่า
“ขอบใจ...ขอบใจนะศร”
แล้วตรงไปหามีนาที่ร่างถูกมัดเอาไว้พลางเงื้อฝ่ามือ
“ปลดยุทธภัณฑ์!”
ทันทีที่ฝ่ามือสัมผัสร่างของพี่สาวฝาแฝดเขาก็ผ่อนแรงลงเพื่อไม่ให้สร้างความเสียหายมากเกินไปจนกลายเป็นการสังหาร แต่การผ่อนแรงทำได้อย่างพอดีดังนั้นเสื้อเครื่องแบบของเด็กสาวจึงหลุดออกไปโดยที่ไม่เกิดความเสียหายแก่พลังชีวิต
“เชิ้ตออฟ!”
เมษาถลกเสื้อตัวเองออกแล้วสวมมันให้กับมีนาแทนตัวที่ปลดทิ้งไป
เสื้อที่มีผลึกของมังกรติดอยู่กระดอนกลิ้งจนออกไปนอกเขตอาคมแล้วระเบิดออก
Heraldic Beast Deity: Cerulean-Eyes (Spirit) Lv. 50
[/....3350:56000.....]
แถบพลังชีวิตกับชื่อของมังกรปรากฏขึ้นพร้อมกับร่างดั้งเดิมของมันพุ่งออกมาจากม่านควันที่เกิดขึ้นจากการระเบิดแต่กลับโปรงแสงราวกับวิญญาณ พลังชีวิตที่หลงเหลืออยู่นั้นเท่ากับจำนวนที่มันดูดไปจากมีนา
“ทำได้แสบนักนะมนุษย์ผู้ย้อนเกล็ดแห่งเราเอ๋ยเจ้าจะต้องชดใช้ด้วยวิญญาณทั้งหมดของเจ้า”
มังกรพูดแล้วพุ่งจู่โจมอิงศรที่ล้มทรุดอยู่
เด็กหนุ่มไม่ขยับตัวที่จริงเขาแทบจะไม่ตอบสนองกับอะไรแล้วเพราะเสียเลือดมากเกินไป
“อาร์เคนไบน์!”
เสียงของนรินทร์ดังแว่วมาจากทางด้านหลังวงแหวนแสงจำนวนสี่วงตรึงร่างโปร่งแสงของมังกรในวินาทีนั้นเอง
“ถ้าลงมาอยู่ใกล้ซะขนาดนี้ล่ะก็ไม่ต้องถึงมือมหาเขตแดนของอิงศรหรอกแค่อาร์เคนไบน์ของผมก็เหลือกินแล้ว”
นรินทร์พูดมาอย่างนั้นจากนั้นก็รู้สึกเหมือนมีคนวิ่งตัดหน้าไปอีก
กวินทร์นั่นเอง
เด็กหนุ่มผมชี้ตั้งตวัดดาบที่ใบดาบมีสีดำทั้งเล่มแถมยังใหญ่เอามากๆ ได้ราวกับไร้น้ำหนัก เขาไถลมือไปบนดาบนั่นแล้วใช้สกิล
“ไพโรเบลด ฟรอสเบลด อิเล็คทริคเบลด”
เปลวเพลิง น้ำแข็ง สายฟ้า พลังทั้งสามแบบผลัดกันไหลอาบตัวดาบ
กวินทร์เข้าไปใกล้มังกรแล้วเงื้อดาบขึ้น
“ท่าฟันสามธาตุ ไทรสแลช! (Tri Slash)”
ทันทีที่ใบดาบสับลงไปบนร่างของมังกรพลังงานสามธาตุก็ระเบิดพลุ่งพล่าน
บนร่างที่โปร่งแสงนั้นมีทั้งไฟลาม แช่แข็ง และไฟฟ้าช็อตพร้อมกัน
“อ๊ากกกก!!!!”
มังกรร้องโหยหวนขณะที่พลังชีวิตของมันลดลงจนหมดและได้พ่ายแพ้เป็นหนที่สอง
Heraldic Beast Deity: Cerulean-Eyes (Spirit) Lv. 50
[.....0:56000.....]
ร่างโปร่งแสงล้มหมอบลงกับพื้นอย่างหมดท่าต่อหน้าอิงศร พลางส่งเสียงครางปนคำรามกระหึ่มแต่ก็ทำได้แค่นั้นจึงไม่มีใครกลัวมันอีกต่อไป
มังกรกำลังจะหายไปร่างของมันเริ่มแตกตัวและเสื่อมสลายลง
จากนั้นมีนาที่เพิ่งฟื้นและสวมเสื้อของเมษาอยู่ก็เดินมาทางนี้พร้อมกับแผ่นยันต์เต็มสองกำมือ หล่อนเริ่มการผนึกสัตว์เทวะเพื่อทำเป็นแอพพลิเคชั่นปีศาจอีกครั้ง
“ผนึกซากเทวะ”
แผ่นยันต์ทั้งหมดกระจายตัวปิดลงบนร่างกายแต่ละส่วนของมังกรแล้วการพังทลายของร่างก็เริ่มชะลอตัวจนกระทั่งหยุดลง
มีนายังคงร่ายคาถาดำเนินสกิลต่อไปด้วยสีหน้าตึงเครียด
ระหว่างนั้นอิงศรก็จ้องไปที่ดวงตาซึ่งเปล่งแสงสีแดงของมังกรแล้วคิดคำพูดอยู่ในใจ
มีเรื่องหนึ่งที่อยากจะตอบโต้ถึงแม้ว่ามันจะไม่มีความหมายเลยก็ตามแต่เขากลับรู้สึกปล่อยผ่านไปไม่ได้
อิงศรเริ่มพูด
“มนุษย์อัปลักษณ์เพราะโลภมากงั้นเหรอ ก็รู้ดีสมเป็นเทพเลยนะ... มนุษย์น่ะถ้าเพื่อครอบครัวหรือพวกพ้องแล้วจะให้กลายเป็นฆาตกรหรือต้องลบหลู่เทพก็ทำทั้งนั้นล่ะ เพราะงั้นแกก็จงเจ็บใจที่ถูกมนุษย์แสนอัปลักษณ์นั่นกำจัดไปซะเถอะสัตว์เทวะ”
ได้ยินดังนั้นมังกรก็กัดฟันแล้วยิ่งส่งเสียงครางคำรามดังขึ้นกว่าเดิมก่อนจะพูดสบถด้วยความคับแค้นใจ
“โอหังนักนะมนุษย์ อย่าคิดเชียวว่าเรื่องจะจบแค่นี้บาปกรรมที่พวกแกมาลบหลู่เทพเจ้าไม่มีวันหายไปจงดิ้นรนกระเสือกกระสนไปเถอะพวกมนุษย์อัปลักษณ์”
อิงศรตอบกลับไปด้วยน้ำเสียงเย็นชา
“ที่กระเสือกกระสนน่ะมันแกต่างหาก”
แต่มังกรก็ไม่ได้พูดอะไรกลับมาอีกเพราะว่าสกิลผนึกของมีนาได้ดำเนินการเสร็จสิ้นแล้ว จิตของมังกรได้หายไป
ตรงหน้าเขาที่เหลืออยู่มีแต่ซากเท่านั้น ดวงตาที่หยุดเปล่งแสงสีแดงนั้นกลายเป็นสีฟ้าใสส่องประกายราวกับไพลิน
“ว่ากันว่ามังกรนั้นยามพิโรธดวงตาจะกลายเป็นสีแดงแต่ในยามปกติดวงตาของมันจะมีสีฟ้าเพราะงั้นถึงได้ชื่อเซรูลีนอายส์สินะคะ”
อยู่ๆ มีนาก็พูดออกมาอย่างนั้นก็ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไม
แต่ตอนนี้สติของเขาเลือนรางเต็มที
“อิงศรทำใจดีๆ ไว้”
ได้ยินเสียงของนรินทร์แต่เสียงนั้นก็ช่างแผ่วเบาเสียเหลือเกิน หลังจากนั้นก็ยังได้ยินอีกหลายเสียงพากันเรียกชื่อของเขาแต่ก็แยกไม่ออกว่าเป็นเสียงใครบ้าง มันค่อยๆ แผ่วเบาจนกลายเป็นความเงียบไป
แล้วอิงศรก็หมดสติลงในตอนนั้น
นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ

//เอาไงกะแขนแค่นิ้วผมก็ตัดผ
มผมก็บ่นละเกียจ-ครูหัวโบราณชิ้บ!ให้ตัดเกรียนอยู่นั่นแหละ-ฟวย!
ปล.ไรต์อย่าสปอยตอนตอบคอมเม้นสิเดี๋ยวไม่ลุ้น