คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #302 : Extra Log 298: ตอนที่แล้วมันอวสานซะที่ไหนกันเล่ามาต่อจากตอนที่ 297 กันเถอะ!
Extra
Log 298: ตอนที่แล้วมันอวสานซะที่ไหนกันเล่ามาต่อจากตอนที่
297 กันเถอะ!
“ไฮพีเรี่ยนอิมแพค
รีเวิร์สแอกเกรเซอร์ดาร์คโซดิแอคซีล็อท!”
เทพมารแห่งความมืดมิดและแสงสว่างประกาศกร้าว
ก่อนหน้านั้นเพียงเล็กน้อย
แค่พริบตาเดียวเท่านั้นเองที่อิงศรเอาชนะเทพมารตนนั้นได้
เรื่องราวดำเนินไปจนกระทั่งม่านโรงละครถูกรูดลงแล้วด้วยซ้ำ
แต่แค่พริบตาเดียวทุกอย่างก็หวนคืนมาสู่ไคลแมกซ์
กลับมายังจุดวิกฤตอันน่าสิ้นหวังโดยที่สูญเสียความหวังที่จะกอบกู้วิกกฤตนี้ไปพร้อมๆกัน
“…”
หอกแห่งผู้กอบกู้ถูกทำลายด้วยพลังที่ทำความเข้าใจไม่ได้ของราหู
พลังที่ปฏิเสธตอนจบของบทละครแห่งโชคชะตา
‘ผู้รุกราน’ ทำกันได้ถึงขนาดนั้น
ขีดจำกัดพลังของพวกมันอยู่ตรงไหนกันแน่?
อิงศรพร่ำสบถอยู่ในใจ
พร่ำถามตัวเองว่าควรจะโทษอะไรดี
อะไรคือสาเหตุที่จะทำให้มนุษย์คนหนึ่งยอมรับความเป็นจริงสุดกู่ตรงหน้านี้ได้
โชคชะตาแสนบิดเบี้ยวเหรอ
หรือ ผู้รุกรานที่มีพลังแหกกฎแห่งโชคชะตากันล่ะจะอย่างไหนมันก็ถูกทั้งคู่และผิดทั้งคู่ไปพร้อมกัน
ว่างเปล่า
ว่างเปล่า
ไม่มีทั้งคำตอบ
ไม่มีทั้งคำถาม สำหรับสถานการณ์พรรค์นี้อีกแล้ว
ที่มีอยู่เหลือแต่ความพ่ายแพ้เท่านั้น
เมื่อตระหนักได้ว่าพวกเขาพ่ายแพ้อย่างหมดรูป
“เป็นไงเป็นกันเซ่!!”
อิงศรก็เลิกคิด
แล้วแผลงศรสู้อย่างจนตรอก
ลูกธนูไม่ได้ระคายผิวมันหรอกเขารู้อยู่แก่ใจดี
แต่มันไม่มีหนทางอื่นอีก
ราหูพูด
“วาระสุดท้ายของหมาป่าที่ไล่ล่าพระเจ้าต้องจบลงอย่างหมาจนตรอกตัวหนึ่งช่างเป็นบทที่วิเศษไปเลยใช่ไหมล่ะจะช่วยรูดม่านฉากสุดท้ายให้เดี๋ยวนี้ล่ะด้วยมือของข้าคนนี้เอง”
แล้วเปิดปากของใบหน้าตรงช่วงอก
ไอรอนระอุลอยออกมาส่งกลิ่นฉุนเหมือนกำมะถัน เปลวไฟแลบ ออกมาดั่งลิ้นงู
“ดาร์คเนสซีโร่เบลซเซอร์
(Darkness Zero Blazer) !”
ปากนั่นอ้ากว้างเร็วขึ้นกางออกจนกขากรรไกรแทบจะตั้งตรง
ปลดปล่อยลำพระเพลิงขนาดมหึมาโถมลงมาทางนี้
“บ้าเอ้ย!”
อิงศรหยุดยิงแล้วเริ่มวิ่ง
ที่จริงก่อนหน้านี้เขาน่าจะวิ่งให้เร็วกว่านี้แต่ถึงทำแบบนั้นก็ยังหนีการโจมตีนั่นไม่พ้นอยู่ดี
“สเลปเนียร์!”
ต้องพึ่งพาพลังของเดม่อนแอพ
ทว่า
“ไม่ให้ทำได้หรอกสกิลของข้าทำงาน!”
ซวนหนี่มังกรขาวที่แบกดาบซึ่งพันทับด้วยผ้ายันต์ไว้บนบ่าก็เริ่มขัดขวาง
มันชี้มาทางนี้และพูด
“เมื่อผู้รุกรานที่เป็นไมสเตอร์โจมตี
อีกฝ่ายจะไม่สามารถใช้เดม่อนแอพหรือสกิลในระหว่างนั้นจนกว่าการโจมตีจะเสร็จสิ้น”
“ว่ายังไงนะ?!”
อิงศรพูดสบถ
“…”
เป็นอย่างที่เจ้ามังกรนั่นบอก
เดม่อนแอพไม่ตอบสนองต่อคำสั่งของเขา
ไฟไล่หลังมาแล้ว
“บัดซบเอ้ย!”
อิงศรได้แต่เร่งฝีเท้าด้วยแรงทั้งหมดเท่านั้นแต่นั่นก็ยังไม่พอที่จะหนีรอด
เร็วขึ้น
เร็วขึ้นอีก
เร็วให้มากกว่านี้อีก
ขอร้องล่ะ!
อิงศรอ้อนวอนกับขาตัวเองที่เริ่มจะก้าวช้าลงเพราะความล้า
แต่เปลวไฟที่ไล่หลังมากลับไม่ยอมทิ้งห่างออกไปเลย หนำซ้ำยังเร็วขึ้น
ไม่สิ
ตัวเขาที่ช้าลงเองต่างหาก
ถึงขีดจำกัดแล้ว
ไฟลากขึ้นมาที่หลัง
ลามไปทั้งตัว ขาหยุดวิ่งในวินาทีนั้น ความเจ็บปวดแล่นไปร่าง
ร้อน
ร้อนนน ร้อนนนน
“อ๊ากกกกก!”
อิงศรล้มตัวลงกลิ้งไปมาหวังให้ไฟดับ
แต่ไฟจากราหูยังถาโถมลงมากลบฝังร่างกาย
“ฮะฮะฮะ แบบนั้นแหละกรีดร้องให้มากๆ
ความพ่ายแพ้ของซูลวานมันจะสลักอยู่ที่ร่างกายของเธอ”
ราหูพูดแล้วยิ่งเพิ่มไฟสุมลงไปอีกหวังเผาอิงศรให้วอดวาย
“….”
อิงศรเกือบจะหมดสติไปแล้วเพราะความเจ็บปวดที่ได้รับ
แต่เขาเติบโตมากขึ้นกว่าเมื่อก่อนชินชากับความเจ็บปวดที่กัดกินร่างกายในยามที่ใกล้ตายมาหลายต่อหลายครั้ง
จึงหยิบยันต์ออกมามาจากหน้าจอคลัง
ด้วยพลังของระบบเกมโลกาวินาศทำให้ยันต์ที่เป็นกระดาษไม่ถูกไฟไหม้ไปก่อนจะใช้มัน
“ชาร์ค…ชู้ต”
“หืม…”
ราหูยิ่งจ้องมาทางนี้มากขึ้นบางทีมันคงสังเกตเห็นแล้วล่ะมั้ง
อิงศรหันคันธนูขึ้นไปดึงโก่งสายธนูที่แนบแผ่นยันต์แล้วปล่อย
ลูกศรน้ำรูปฉลามพุ่งขึ้นไปด้านบนก่อนจะโน้มตกลงมาท่วมรดใส่ตัวเอง
น้ำช่วยดับไฟที่ติดอยู่ตามตัว ไอควันลอยโขมงบดบังทัศนวิสัย
แต่เพราะไอควันพวกนี้เลยทำให้ไฟเหมือนจะไม่ไล่ตามมา
มันคงบดบังตัวเขาจนราหูเล็งไม่ได้หลังจากที่ไฟดับแล้วเขากลิ้งตัวหนีออกจากจุดเดิม
“ยังมีสติรับมืออีกนะ”
ราหูพูด
“ชิ”
อิงศรเดาะลิ้นด้วยความเจ็บใจ
ถึงจะรอดมาได้แต่....
อิงศร
Lv.144
[//...5000:48000.....]
พลังชีวิตก็ร่อยหรอเต็มทีแล้ว
เมื่อไอควันจางลง
อิงศรจึงสำรวจบาดแผลบนร่างกาย
แขนเสื้อส่วนใหญ่ถูกไฟไหม้ไปหมดแล้วเพราะวัสดุพิเศษที่ออร์ฟี่ใช้ทำชุดทำให้มันไม่ถูกเผาไปทั้งหมด
และไม่ทำให้ผิวหนังเสียหายมากนัก
รวมถึงใบหน้าที่ไมได้ใส่อะไรปกปิดไว้ก็ยังแทบไม่เสียหายคาดว่านั่นก็มาจากพลังคุ้มครองของชุดที่ใส่อยู่เหมือนกัน
“ขนาดนายไม่อยู่แล้วยังช่วยคุ้มครองฉันไว้อีกนะ”
รู้สึกขอบคุณหมอนั่นจากใจจริงขึ้นมาเอาตอนนี้
บางทีนี่อาจจะแย่จริงๆ แล้วก็ได้
“ให้ตายสิเผลอปักธงตายใส่ตัวเองไปแล้วสิวะ”
อิงศรสบถแล้วพยุงตัวเองให้ลุกขึ้น
แต่แล้ว
“อะ...”
จู่ๆ
ภายในหัวก็มีภาพลอยขึ้นมา
“อึก นี่มัน….อะไรอีกวะเนี่ย”
อิงศรกุมขมับ
รู้สึกปวดหัวราวกับสมองจะระเบิดออกมา
ทรมาน
ทรมานเหลือเกิน อีกทั้งภาพที่เห็นยังไม่ชวนสบอารมณ์เป็นอย่างมาก
“ข..ขวัญ”
เขาเห็นมิ่งขวัญเมื่อสามปีก่อนหรือตอนอายุสิบสามกำลังถูกทำร้าย
ถูกทุบตี
....ทำไมไม่สู้กลับไปเล่า
ปกติอย่างนายไม่น่าจะมาอยู่มนสภาพนี้สิ
อิงศรได้แต่สบถด้วยความคิดอยู่ในใจเพราะปากตัวเองได้แต่กัดฟันอดทนต่อความเจ็บปวดนี้เอาไว้
ตอนนั้นเอง
ราหูก็พูดขึ้นมา
“อ้อ ดูเหมือนจะเริ่มเชื่อมต่อกันแล้วสินะคงเพราะตอนนี้อินโดร่าไม่ได้ใช้ตัวข้าเป็นร่างทรงก็เลยเริ่มเชื่อมต่อกับอิงศรที่เป็นตัวตนเดียวกันแล้วเป็นไงบ้างล่ะความทรงจำของอินโดร่าที่ทำร้ายน้องชายตัวเองของโลกฝั่งทางนี้น่ะ”
“ว่า…ยังไงนะ”
อิงศรพยายามมองมโนภาพในหัวให้ชัดเจน
มุมมองแต่แรกของมโนภาพคือมุมมองคนที่กำลังทุบตีขวัญอยู่
ภาพค่อยๆ
ถอยห่างออก
“…”
เริ่มจะมองเห็นตัวคนที่กำลังทุบตีขวัญแล้ว
ในตอนแรกไม่คิดเลยว่ามันจะกลายเป็นแบบนี้
มุมมอง
ถอยห่างออกมาจนมองเห็น เจ้าคนที่ทุบตีขวัญอยู่ก็คือตัวเองเมื่อสามปีก่อน
ราหูยังพูดมาอีกว่า
“คงจะได้ฟังจากแฟรนเซียมมาบ้างสินะเรื่องที่เกิดขึ้นมนโลกคู่ขนานแต่ละโลกน่ะไม่เหมือนกันเลยไม่ว่าจะศัตรูของมนุษย์
การล่มสลายเกิดขึ้นหรือไม่เคยเกิดขึ้น”
เรื่องนั้น...ก็พอจะรู้มาบ้างเพราะบางครั้งจิตใจของตัวเองก็จะลอยออกไปยังโลกใบอื่นไปอยู่ในตัวตนที่เป็นคู่ขนานของตัวเองในโลกนั้นๆ
โลกที่วันโลกาวินาศเป็นเพียงแค่เกมคอมพิวเตอร์
โลกที่แฟรนเซียมจากมา
โลกที่ล่มสลายลงเหมือนกับโลกในตอนนี้แต่เลวร้ายยิ่งกว่าเพราะมีราหูเป็นศัตรูโดยตรง
โลกที่เจอกับตัวเองอีกคนแล้วก็....
“อะ...จะว่าไปแล้วที่นั่นมัน”
ราหูยังคงดำเนินคำพูดของมันต่อไป
”แน่นอนว่าความสัมพันธ์พี่น้องก็ด้วย
อิงศรในโลกของอินโดร่าแบกรับภาระที่หนักหนากว่าโลกใบนี้มากนักเพราะว่าตัวข้าคือศัตรูของทางนั้นตั้งแต่ต้นความสิ้นหวังยิ่งมากตาม
อิงศรที่แบกรับไม่ไหวเลยมาลงกับมิ่งขวัญ แต่ก็ไม่ใช่แค่นั้นนะ
มิ่งขวัญของทางนั้นก็บิดเบี้ยวพอกันเป็นพวกที่พอโดนพี่ชายทำร้ายแล้วก็เกิดอารมณ์ขึ้นมาเรียกได้ว่ามีความสัมพันธ์เกินพี่น้องเลยล่ะ”
เรื่องที่มันพูดค่อยๆ
ปรากฏเป็นภาพขึ้นมาในหัว
ไม่เพียงทุบตีแต่ยังขืนใจด้วย
“….”
นี่มันเลวร้าย
เลวร้ายที่สุด
“เป็นไงล่ะรับไม่ได้ล่ะสิ
ตัวเองที่เลวร้ายแบบนั้นอยากจะปฏิเสธแล้วตะโกนดังๆ ว่านั่นมันไม่ใช่ฉันก็ได้นะ”
ที่ราหูพูดมานั่นคือความในใจของเขา
“…..”
แต่ว่า
มันไม่ใช่เขาไม่ได้ตำหนิตัวเองอย่างที่มันว่าหรือไม่ก็แค่เมินความคิดจากจิตใต้สำนึกไปเพราะกำลังจดจ่อกับความคิดอันหนึ่งที่นึกขึ้นมาได้
เรื่องของโลกที่ได้พบเจอกับตัวเองอีกคนและไพ่แปลกๆ
พวกนั้น
ไพ่พวกนั้นที่เขาเห็นพอมานึกดูอีกครั้งแล้วมันเหมือนกับไพ่ออริจินอาคานาร์ตรงที่มีรูปของทุกคนอยู่บนไพ่
อย่างไรก็ตามมโนภาพเหมือนจะชัดเจนยิ่งขึ้นกว่าเมื่อก่อน
เหมือนกับว่ามันกระตุ้นรุนแรงขึ้น
“ม…ไม่”
มโนภาพที่ชัดเจนยิ่งขึ้นทำให้ความรู้สึกภายในพุ่งพล่านขึ้นมา
ความโกรธกำลังพองตัวขยาย
ความอยากปฏิเสธความเลวร้ายกำลังชักจูงอารมณ์ให้นำพาไป
เมื่อเห็นท่าทางทรมานของอิงศร
ราหูก็หัวเราะ
“หึหึหึ เอาเลยข้ารอฟังอยู่ นั่นมันไม่ใช่ตัวฉัน พูดออกมาได้เลยปฏิเสธมาเลย”
“ไม่ใช่แบบนั้นหรอก”
“หา”
อิงศรคลายมือที่กุมขมับออกเล็กน้อยความเจ็บปวดเริ่มทุเลาลงตั้งแต่ที่ตัวเขาเองยอมรับมัน
“ฉันยอมรับว่าตัวฉันเองก็อาจจะทำแบบนั้นก็ได้ มันเป็นความเป็นไปได้นี่นะ”
“โห
ถ้างั้นขอฟังเหตุผลหน่อยสิยังพูดไหวใช่ไหมน่ะ”
อิงศรยิ้มแสยะ
“ที่จริงก็ไม่ชอบหรอกที่รู้ว่าตัวเองเป็นแบบนั้น
รวมถึงไอ้ความทรงจำปัญญาอ่อนจากตัวเองในโลกที่สงบสุขก็ด้วย”
“หืม โลกที่สงบสุขเหรอ อ้อ
ส่วนของพวกอิงศรจากโลกใบอื่นก็เริ่มไหลไปหาแล้วสินะ
เพราะว่าแต่เดิมร่างไฮพีเรี่ยนอิมแพคนี่สร้างขึ้นมาจากตอนกวนอมฤตด้วยทุกโลกคู่ขนานเลยมีความทรงจำของอิงศรคนอื่นๆ
เข้ามาด้วย”
“ถึงจะแค่ความเป็นไปได้หนึ่งก็เหอะ
แต่ว่าการที่ตัวฉันเองเริ่มเชื่อมต่อเข้าหากันมันก็แปลว่านั่นใช่ไหมล่ะ”
“อะไร
ทำไมจู่ๆ ถึงได้ทำหน้าระรื่นแบบนั้น”
หน้าระรื่นงั้นเรอะ...ไม่รู้ตัวเลยซักนิดว่าตัวเองกำลังทำหน้าแบบนั้น
ก็คงจะอย่างที่มันว่าเพราะว่าตัวเขาจนตรอกจนมุมสุดๆ
แล้วตอนนี้ที่ทำได้ก็แค่ทำเป็นอวดดีไม่ยอมรับความพ่ายแพ้ที่มันยัดเยียดมาก็เท่านั้น
อิงศรแค่นเสียงหัวเราะเท่าที่จะทำได้
“เฮอะ ก็แปลว่าตัวฉันเองไม่ได้ตกอยู่ใต้อาณัติของแกไง”
“ว่าไงนะ”
ทั้งที่อ่านใจเขามาตลอดแต่ก็ยังจะถามมาบางทีคงอ่านได้แค่ความนึกคิดที่เป็นแบบแผนเป็นตัวอักษรแต่ไม่สามารถรับรู้อารมณ์กับความรู้สึกที่แฝงมากับความคิดโดยตรงได้เพราะไม่อย่างนั้นคงไม่ถามหรอก
ไม่สิ
ถ้าดูจากพฤติกรรมที่ผ่านๆ
มาของมันแล้วการเล่นตลกด้วยการแกล้งถามให้รู้สึกมีหวังขึ้นมานิดหน่อยก็อาจจะกำลังทำแบบนั้นอยู่ก็ได้
ถึงอย่างนั้นอิงศรก็ยังพูด
มันเป็นสิ่งเดียวที่จะทำได้สำหรับตอนนี้
“มันชัดเจนแล้วไงเล่าว่าถึงตัวฉันจะไม่เหมือนกันเลยก็ตามถึงไอ้เจ้าอินโดร่าอะไรนั่นมันจะโหลยโท่ยขนาดหนักก็เหอะแต่มันก็เชื่อมต่อกับฉันโดยที่แกไม่ได้สั่งนั่นก็หมายความตัวฉันทุกคนคิดเหมือนๆ
กันว่าเกลียดแกไงเล่า”
ราหูพูด
“อย่างนั้นเองเหรอ
ความหวังกระจ้อยร่อยพรรค์นั้นมันไม่พอเปลี่ยนเป็นความว่างเปล่าหรอกนะไม่รู้สึกว่าอยากได้เธอมาอยู่ในมือเลยล่ะคงต้องขอกำจัดทิ้ง”
ปากตรงหน้าอกเผยอขึ้นเตรียมจะปล่อยไฟออกมาอีกครั้ง
“ชิ”
อิงศรสบถ
เขาหนีไม่ได้อีกแล้วร่างกายบอบช้ำเกินกว่าจะขยับตัวไปมากกว่านี้
เขาก้มหน้าลงรอรับชะตากรรม
แต่ในใจก็ยังไม่คิดอยากยอมแพ้อยู่ตรงนี้
“ไม่อยากให้มันจบแบบนี้เลย ขอโทษนะทุก…”
ทั้งที่พูดมันออกไปอย่างเลื่อนลอย
พูดราวกับวิงวอนขอปาฏิหาริย์
ทั้งที่รู้ว่ามันเปล่าประโยชน์และคงไม่มีใครตอบรับคำวิงวอนนี้ได้
“กำลังรอให้นายพูดอยู่เลย”
แต่ก็ดันมีคนตอบกลับมา
“หา?”
อิงศรเงยหน้าขึ้นเพราะรู้สึกว่ามีเงาทาบลงมาเหมือนมีอะไรมาบังไฟที่ราหูปล่อยมา
“กำลังรอให้พูดว่าไม่อยากยอมแพ้เพราะว่าฉันจะมาทันเวลาพอดีไง”
“น....นาย”
คนที่กำลังปกป้องเขาจากไฟด้วยบาเรียที่แผ่ออกจากมือก็คือ
อดัมคัดมัน
แต่ก็มีอีกเสียงเรียกเขา
“ไม่เป็นไรอิงศร”
อิงศรหันไปตามเสียงเรียกนั่น
“อ…ออร์ฟี่ นายไม่เป็นไรงั้นเหรอ”
ออร์ฟี่ที่น่าจะถูกส่งไปเพลนัลตี้บ็อกซ์แล้วกลับมาอยู่ตรงนี้ ถึงจะอยู่ในชุดเสื้อวอร์มสีแดงกางเกงยีนส์ตามปกติก็ตาม
แต่ก็เป็นออร์ฟี่
“เมื่อตอนนั้นผมถูกซัดจนกระเด็นไปถึงทางที่เราเข้ามาที่นี่น่ะแต่อดัมช่วยผมเอาไว้เขาไม่ใบ่พวกเดียวราหูอีกแล้ว”
ออร์ฟี่พูด
“พูดจริงอ่ะ”
อิงศรยังไม่คิดจะเชื่อตามที่ว่ามา
แต่ว่า...
ที่หนึ่ง....
ถึงจะเล็กเอามากๆ แต่ดวงไฟแห่งความหวังก็เหมือนกับจะลุกโชนขึ้นมา
“แต่ว่าสถานการณ์ก็ไม่เปลี่ยนไปหรอกนะ”
ราหูกล่าวขัด
“นี่คงเป็นการดิ้นรนสุดท้ายของซูลวานสินะแต่มาแย่งตัวลูกน้องข้าไปคนหนึ่งมันไม่ทำให้พลิกกลับมาชนะได้หรอก”
อดัมหันมาทางนี้แล้วพูด
“อิงศร”
“มีอะไร”
“อาคานาร์ทั้งหมดยังอยู่กับนายรึเปล่า”
ได้ยินดังนั้นอิงศรจึงลองเรียกดู
“อาคานาร์ฟอร์ซ!”
เขาตะโกนเรียก แล้วแทบจะในทันที
ไพ่อาคานาร์ทั้งยี่สิบสองใบซึ่งรวมถึงเดอะแชริออทของเมอร์คาบาห์ กับ
เดอะเวิร์ลของออร์ฟี่ก็ออกมาลอยห้อมล้อมรอบตัวเขา
“จะให้ยืมเดอะฟูลของผมด้วย”
พอ
อดัมพูดไพ่เดอะฟูลที่เคยได้มาจากออร์ฟี่ก็เปลี่ยนเป็นสีทองเหมือนกับเดอะแชริออทและเดอะเวิร์ลที่เป็นมหาโชคชะตาของเขากับออร์ฟี่
ไพ่อาคานาร์เขยิบเข้าหากัน
พวกมันรวมกันเป็นไพ่ใบเดียว
หน้าไพ่คือรูปของโลกที่อยู่ตรงกึ่งกลางของวงแหวนสิบสองวงที่ซ้อนทับกัน
“นั่นคือมหาโชคชะตาของเดอะเวิร์ล การซ้อนประสานที่สมบูรณ์แบบ เดอะอิออน (The Aeon) ถ้าเป็นตัวนายในตอนนี้น่าจะเข้าใจความหมายของไพ่นั่นได้”
สิ่งที่อดัมพูดมาถึงจะฟังไม่ค่อยเข้าใจนัก
“อืม”
แต่ไพ่กำลังบอกทั้งหมดกับเขาโดยที่ไม่ต้องฟังเสียงอะไรเลย
เพียงแค่จับมันก็มีความทรงจำแปลกๆ
ที่พยายามจะอธิบายวิธีใช้สิ่งนี้
ภาพของเด็กหนุ่มที่เขาไม่รู้จักจั่วไพ่แห่งปาฏิหาริย์ขึ้นมาในตอนที่ถูกเทิร์นบริงเกอร์ไล่ต้อนจนมุม
****อาทิตย์นี้ไรท์งานเข้ารัวๆ จนไม่มีเวลาเขียนเลย TwT
อาทิตย์นี้ก็อีกเช่นกันตอนต่อไปรอวันอาทิตย์เลยฮะ
ตอนแรกตั้งใจว่าอาทิตย์นี้จะโค่นราหูแล้วนะแต่งานเข้าจนเขียนไม่ทันเลยโอเมก้า!!!***
ความคิดเห็น