คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #297 : Extra Log 293: มังกรแห่งความว่างเปล่าทั้งเก้า
Extra
Log 293: มังกรแห่งความว่างเปล่าทั้งเก้า
“โซเดียเดลต้าเกเซอร์!!”
อิงศรร่ายสกิลพร้อมกับลั่นไกปืนหน้าไม้
กระบอกปืนใหญ่ที่ไหล่ทั้งสองส่งเสียงคำรามกึกก้อง
ถึงปืนจะไม่ได้พาดลงบนไหล่ตรงๆ แต่แรงกระชากก็ดึงลำตัวตัวไปด้านหลังเล็กน้อย
ลำแสงสีแดงชาดพุ่งทะยานไปข้างหน้าราวกับทะลักออกมา
ความร้อนแผ่ซ่านไปทั่วบริเวณนั้น เม็ดเหงื่อจำนวนมากผุดขึ้นรอบใบหน้า
เป็นผลมาจากความร้อนของพลังงานที่ปลดปล่อยออกมา
ปืนหน้าไม้ก็ปลดปล่อยลำแสงเช่นเดียวกัน
ลำแสงทั้งสามสายไปประสานเป็นหนึ่งเดียวกันข้างหน้าแล้วพุ่งใส่มังกรขาว
ทว่า
มันเองก็เริ่มเคลื่อนไหวตอบโต้การโจมตีของเขาเหมือนกัน
มังกรขาวยกแขนทั้งสองยื่นมาข้างหน้า
“เมอบิอุสบลาสเตอร์
(Mobius Blaster)”
แล้วพูดเหมือนร่ายสกิล
จากนั้นตรงกึ่งกลางระหว่างกรงเล็บทั้งสองของมันก็ปรากฏกังหันไฟสีดำหมุนกวัดแกว่ง
พ่นลำแสงสีดำออกมาจากตรงกลางของกังหัน ยิงต่อเนื่องหลายสิบครั้งติดๆ
กันทุกครั้งที่ยิงจะเกิดเสียงดัง ซู่ เหมือนเสียงน้ำพุ
ลำแสงดำปะทะกับลำแสงสีแดง
ตูม!!
เกิดระเบิดขึ้นแล้วการโจมตีแบบทุ่มสุดตัวของอิงศรถูกทำให้ไร้ผลไปเรียบร้อย....
หมด
เวลาได้หมดลงแล้ว
ร่างไฮพีเรี่ยนมาถึงขีดจำกัด
นอกจากออร์ฟี่แล้วทุกคนต่างคืนสู่ร่างปกติ
ทว่า
ราหูก็คืนร่างด้วยเหมือนกัน
มังกรขาวหายไป แล้วเทพมารสีดำก็ปรากฏตัวขึ้นอีกครา
“ร่างไฮพีเรี่ยนหมดเวลาแล้วสินะน่าเสียดายที่ยังเก็บข้าตามแผนไม่ได้นะ”
เจ้านั่นกำลังเยาะเย้ยเรื่องแผนโจมตีสายฟ้าแลบของพวกเขาที่เพิ่งจะเละไม่เป็นท่าไป
สถานการณ์เป็นแบบ
เจ็ดต่อหนึ่ง แต่ดูอย่างไรฝ่ายที่ได้เปรียบก็เป็นราหูที่มีแค่คนเดียวอยู่ดี
พลังมันยังห่างชั้นกันเกินไป
ก่อนหน้านี้ที่เผชิญหน้ากันตรงๆ
เป็นครั้งแรกพวกเขาตามปกติสู้มันไม่ได้เลยแล้วสถานการณ์ตอนนี้ก็เหมือนย้อนกลับไปเป็นแบบนั้น
สถานการณ์ที่ไม่มีพลังที่จะกอบกู้อะไรได้เลย
ราหูเพิ่มไพ่ขึ้นมาบนมือของมันอีก
“รอบของข้าดรอว์”
ดูเหมือนจะมีกฎสำหรับตัวของมันเองที่จะเพิ่มไพ่อาคานาร์บนมือ
อาคานาร์
พลังแห่งโชคชะตาจนถึงตอนนี้ยังจะเรียกสิ่งที่มันใช้ว่าอาคานาร์ได้อีกหรือ?
มันไม่เหมือนอาคานาร์ที่เขารู้จักอีกต่อไปแล้วสิ่งที่ราหูทำมาตั้งแต่เริ่มสงครามคราวนี้มันแปลกประหลาดเกินทำความเข้าใจ
“นี่
จะไม่ใช้ไพ่ของพวกพ้องจริงๆ น่ะเหรอ”
ราหูพูด
มันกำลังหมายถึงพวกพ้องของเขาที่โดนทำให้เป็นอาคานาร์แล้วก็ส่งอาคานาร์ชุดนั้นมาให้เขาอีกที
หากทำเหมือนกับที่มันทำ เพียงแค่ใช้ไพ่ที่ว่าก็จะเรียกทุกคนออกมาได้แต่ว่าถูกจำกัดจำนวนเอาไว้ที่ห้าคนเท่านั้นเนื่องจากพวกเขาเพิ่งจะเสียข้าวหลามไปทำให้มีช่องว่างเพิ่มขึ้นมา
“….”
อิงศรเหลือบสายตามองชุดไพ่ที่กำไว้ในมือ
ควรจะเรียกพวกพ้องออกมาเพิ่มดีไหมนะ
แต่การส่งพวกพ้องที่เคยแพ้ให้กับมันไปแล้วออกมาก็เหมือนส่งให้ทุกคนออกไปตายไม่ใช่เหรอ
ตอนนั้นเองราหูก็
“ถ้าไม่ทำล่ะก็จะไม่รอแล้วนะ”
ส่งไพ่บนมือลงมา
ถ้าหากว่าสมุนที่พวกเขากำจัดไปก่อนหน้านี้เป็นเงื่อนไขเดียวกับพวกเขาด้วยล่ะก็เท่ากับว่าเจ้านี่ไม่ได้สนใจว่าพวกเดียวกันจะเป็นอย่างไรเลย
กล้าใช้งานได้เหมือนกับเป็นเบี้ยตัวหนึ่งแม้แต่การเอาตัวตนของพวกเขาจากโลกคู่ขนานมาใช้งานแบบเดียวกับที่ว่าก็ตาม
ตรงข้ามกันโดยสิ้นเชิง อิงศรยังคงลังเลว่าควรจะทำหรือไม่
ไม่
ไม่ได้
ไม่ได้แน่ๆ
ถึงจำเป็นขนาดไหนแต่จะให้ใช้ทุกคนเป็นเหมือนเบี้ยอย่างที่เจ้านั่นใช้มันก็เกินไป
“ออกมา เวิร์สแอกเกรเซอร์แห่งการตกผลึก
เนออน”
สมุนตนใหม่เพิ่มขึ้นมาหลังจากที่พวกเขาเพิ่งจะทำลายทั้งหมดไปเองแท้ๆ
ผู้รุกรานคนใหม่คือเด็กผู้หญิงตัวเล็ก
อายุของเธอดูคร่าวๆ
แล้วน่าจะประมาณสิบห้าเท่าดันกับเน็กส์จากโลกคู่ขนานที่ถูกเรียกด้วยชื่อใหม่ว่าเซนจิน
และเธอคนนี้ก็คือนิวที่มาจากโลกคู่ขนานนั้นด้วยกันอย่างแน่นอน
แล้วตอนนี้เธอก็ถูกเรียกด้วยชื่อ เนออน
เด็กสาวใส่ชุดของผู้รุกรานและสวมผ้าคาดตาสีดำเหมือนคนก่อนๆ
เธอมาตัวเปล่าในขณะที่คนอื่นๆ
ที่ตามออกมาจากไพ่ที่ราหูเพิ่งจะส่งลงมาเพิ่มนั้นแบกอาวุธประจำตัวมากันครบมือ
“เวิร์สแอกเกรเซอร์แห่งค้อนอัสนีฟูมอล”
ผู้รุกรานเด็กหนุ่มที่คล้ายกับฟูแบกค้อนแบบเดียวกับเจ้าตัว
“เวิร์สแอกเกรเซอร์แห่งคมกระสุนไมเซอร์”
ผู้รุกรานที่เหมือนกับมิกซ์และใช้ปืนพกเป็นอาวุธเหมือนๆ
กัน
“เวิร์สแอกเกรเซอร์แห่งท่วงทำนองศักดิ์สิทธิ์กฤษณะ”
ถึงจะเป็นกฤษณะเหมือนกันกับคนก่อนหน้าแต่คราวนี้คือนรินทร์ที่มาในชุดผู้รุกรานรวมถึงบรรยากาศรอบตัวก็แตกต่างออกไปจากคนก่อนอย่างชัดเจน
ทั้งสี่คนที่ถูกเรียกออกมานั้นท่าทางแข็งทื่อราวกับเป็นตุ๊กตา
แค่พริบตาเดียวความได้เปรียบเรื่องจำนวนก็กลายเป็นเรื่องตลกไปเลย
ใช้เวลาแค่เสี้ยววินาทีก็สามารถเรียกกำลังเสริมที่พึ่งพาได้ออกมาได้
ที่ผ่านมายังไม่เคยเจอศัตรูแบบไหนทำอย่างนี้มาก่อน ต่อให้เป็นเครื่องทำสวนก็ตาม
มันก็ยังมีขั้นตอนและคุณภาพของสมุนที่สร้างขึ้นมาด้วยโซเดียมิราจที่ยังเทียบไม่ติด
ราหูไม่ได้หยุดเพียงแค่นั้น
“ส่วนตัวข้าจะเขียนทับด้วยร่างนี้”
มันใข้ไพ่ใบสุดท้ายบนมือกับตัวเองวาวไพ่ทับลงบนหน้าผาก
ไพ่เปลี่ยนแปลงร่างกายของมัน
ร่างกายหดเล็กลงเหลือขนาดเท่าๆ
กับมนุษย์คนหนึ่ง
เป็นผู้รุกรานเด็กหนุ่มที่ค่อนข้างคุ้นตาอีกคนหนึ่ง
“ไรท์เป็น
เวิร์สแอกเกรเซอร์แห่งการแก้แค้น การ์เวน”
ผู้รุกรานคนนั้น…
“นั่นมัน”
กวินทร์พูดด้วยความตกใจ
นั่นก็เพราะผู้รุกรานที่ราหูเปลี่ยนร่างไปคือตัวกวินทร์นั่นเอง
กวินทร์จากโลกคู่ขนานจากรูปร่างแล้วน่าจะอายุมากกว่าฝั่งนี้ราวๆ
สองปีเหมือนกับกรณีของมิ่งขวัญ
นอกจากชุดเกราะรัดรูปเหมือนชุดอวกาศแบบผู้รุกรานแล้ว
การ์เวนก็ไม่ได้พกอาวุธมาแต่มีอุปกรณ์คล้ายปลอกแขนสวมมาที่แขนทั้งสองข้างมีใบมีดขนาดเล็กยื่นออกมาจากอุปกรณ์
ราหูที่อยู่ในร่างการ์เวนพูด
“สกิลของกฤษณะทำงานเมื่อไรท์จะได้จั่วไพ่เพิ่ม”
ไพ่ใบใหม่ปรากฏขึ้นมาที่ด้านหน้าการ์เวน
“สกิลของไมเซอร์ทิ้งไพ่ไปใบหนึ่งทำลายไพ่ที่เพลย์ลงมาในสนามหนึ่งใบ”
พอพูดแบบนั้นไพ่ที่เพิ่งจะเพิ่มขึ้นมาก็แตกสลายไปจากนั้น
ผู้รุกรานที่เหมือนกับมิกซ์
เวิร์สแอกเกรเซอร์แห่งคมกระสุนไมเซอร์
ก็เริ่มเคลื่อนไหว
“ทำลายไทเทเนียม”
เป้าหมายของมันคือพี่สาวของกวินทร์
“พี่!”
กวินทร์หันไปทางที่หล่อนอยู่
“คุ้มกันเธอเร็ว!”
อิงศรตะโกน
กวินทร์กับมิ่งขวัญวิ่งไปหาหล่อนแล้วเอาตัวขวางทางปืนศัตรู
“สิงห์!”
อิงศรพูดพร้อมกับดึงโก่งสายธนูสร้างลูกศรเล็งจะยิงไปที่ไมเซอร์ตรงนี้จะต้องให้คนที่แข็งแกร่งพอไปไล่ต้อนหรือรบกวนศัตรูที่กำลังเล็งเป้ามาที่นี่เพื่อจะซื้อเวลาและหาจังหวะสังหาร
“อย่าให้พลาดก็แล้วกัน”
แฟรนเซียมตอบรับอย่างเข้าใจแล้วพุ่งตัวออกไปทันที
“ลีลีสสเตจ
สุซาคุ”
ร่ายสกิลแล้วตวัดดาบ
อัญเชิญปีศาจจากเดม่อนแอพที่อยู่ในดาบออกมา ตัวดาบถูกปกคลุมด้วยเพลิงไฟ
ต่อมาไฟนั่นก็แยกออกจากดาบแล้วก่อรูปร่างเป็นวิหกเพลิง
จากตรงนี้ไปถึงตัวไมเซอร์ยังมีระยะห่างอีกพอสมควร
แต่เส้นทางเปิดกว้างไม่มีสิ่งกีดขวาง
เป้าหมายก็ยังสนใจแต่ไทเทเนียมถ้าหากเข้าถึงตัวได้ก็จะฆ่าได้ทันทีนอกจากนี้ข้างหลังยังมีอิงศรช่วยยิงคุ้มกันในกรณีที่มันหันปืนมาเล่นงานทางนี้แทน
เมื่อวิ่งไปได้ราว
70% ของเส้นทาง
ฟูมอลก็ปรากฏตัวขึ้นที่กลางทาง
“ชิ”
แฟรนเซียมสบถแล้วแทงดาบไปข้างหน้า
“จัดการ”
สั่งให้วิหกเพลิงพุ่งใส่ผู้รุกรานหวังให้เผาทั้งแบบนั้นไปเลย
ทว่า
“สกิลของผมทำงานเมื่อสมุนต่อสู้กับอีกฝ่ายจะเลือกเทิร์นออฟศัตรูได้หนึ่งคน”
การ์เวนก็พูดขัดขึ้นมาแล้วชี้ไปที่มิ่งขวัญ
“พลิกกลับไปซะ
ขวัญ....เทิร์นออฟ!”
พริบตาถัดมามิ่งขวัญก็กลายเป็นไพ่และถูกกังหันสีดำล็อกเอาไว้
พลังสำหรับปกป้องไทเทเนียมลดลงทั้งที่ฝ่ายบุกคือพวกเขาแต่ยังสามารถทำให้กำลังรบเปลี่ยนแปลงได้ตามใจชอบ
“บ้าเอ้ย!”
อิงศรยิงธนูไปที่ไมเซอร์สองดอกติดกัน
“ป้องกันด้วยกฤษณะ”
ด้วยคำสั่งของการ์เวน
กฤษณะเอาตัวพุ่งเข้ามารับลูกศรทั้งหมดแล้วแตกสลายไป
การ์เวนพูด
“ทีนี้พอมีไพ่ในสนามออฟ
ฟูมอลก็จะได้พลังเพิ่มล่ะ”
หลังจากที่พูดแล้ว
ฟูมอลก็เคลื่อนไหวได้รวดเร็วกว่าเดิมจนแฟรนเซียมเองก็ตอบโต้การเคลื่อนไหวนั่นไม่ทัน
วิหกเพลิงถูกค้อนซึ่งปกคลุมด้วยคลื่นไฟฟ้าทุบจนสลายหายไปหมดในการโจมตีเพียงครั้งเดียว
เท้าของแฟรนเซียมหยุดลง
“พลังอะไรกันเนี่ย”
ต้องตกใจเป็นเรื่องธรรมดาอยู่แล้ว
ก็ปีศาจที่อัญเชิญออกไปนั้นเป็นถึงระดับสัตว์เทพและยังเป็นวิหกเพลิงที่มีจุดเด่นเรื่องความทรหดไม่มีทางที่จะเสียท่าให้การโจมตีพื้นๆ
แบบนั้นในครั้งเดียวแน่
คำตอบที่มีคือคำพูดของราหูที่พูดผ่านการ์เวนก่อนที่ฟูมอลจะลงค้อน
ด้วยสกิลที่พวกเขาเองก็ยังไม่เข้าใจว่ามันเป็นสกิลของเกมหรือสกิลอะไรกันแน่แต่เพราะสิ่งที่เรียกว่าสกิลพวกนั้นทำให้ค่าพลังเพิ่มขึ้นอย่างก้าวกระโดดถึงขนาดนั้น
แต่ยังมีกวินทร์อยู่ตรงนั้นคงช่วยปกป้องไทเทเนียมเอาไว้ได้
อิงศรแหงนหน้าขึ้น
มองตรงไปที่เมอร์คาบาห์ซึ่งเอาแต่ดูอยู่เฉยๆ โดยไม่ทำอะไรมาซักพักแล้ว
“เมอร์คาบาห์!”
เขาตะโกนเรียก
“….”
แต่ปีศาจกลับเพิกเฉย
ปีศาจที่เรียกได้ว่าเป็นครึ่งหนึ่งของตัวเองเมินเฉยต่อเสียงเรียกร้อง
หรือว่าเมอร์คาบาห์จะเปลี่ยนไปอยู่ฝ่ายซูลวานแล้วกันล่ะ
“ชิ”
อิงศรเดาะลิ้น
ตอนนี้มีแต่ต้องเดิมพันกับสายสัมพันธ์ที่น่าจะมีเหลืออยู่น้อยนิดเพราะว่าตนยังรู้สึกถึงเมอร์คาบาอยู่
ถึงจะเบาบางมากก็ตาม
“วินด์ช็อก”
อิงศรร่ายสกิลพลางเผากระดาษยันต์อาคมแล้วขึ้นลูกศรเล็งไปที่ไมเซอร์อีกครั้ง
“จงคำรามดาวอัสนี
จูปิเตอร์สไตรค์!”
แล้วแผลงศรอาคมออกไป
ลูกศรระเบิดเมื่อพุ่งไปได้ครึ่งทาง
วงเวทแสงสีม่วงขยายออกมาและปลดปล่อยสายฟ้าจู่โจมไปที่เป้าหมาย
การโจมตีนี้ทำให้ถึงตายไม่ได้ก็จริงแต่ยังหวังให้ติดผลอัมพาตได้
“สายไปแล้วล่ะ”
การ์เวนพูด
ก่อนที่สายฟ้าจะทันฟาดใส่ไมเซอร์ก็ลั่นไกปืนยิงกระสุนไปแล้วจากนั้นจึงโดนสายฟ้าฟาดใส่
กระสุนมุ่งหน้าไปหาไทเทเนียม
ส่วนไมเซอร์ก็ล้มพับลงเพราะเกิดสภาวะอัมพาตจากการโจมตีของเขา
แต่นั่นไม่ใช่สิ่งที่เล็งเอาไว้ตั้งแต่แรก
อิงศรไม่ได้คิดว่าจูปิเตอร์สไตรค์จะหยุดยั้งได้ทันอยู่แล้วที่ต้องการก็คือยูนิทที่ได้จากการใช้สกิลต่างหาก
“เมอร์คาบาห์ใช้เมสไซอาบัสเตอร์ทำลายกระสุนนั่นที”
เพื่อจะหยุดกระสุนลูกนิดเดียวที่ดูไร้พิษสงมากสำหรับพวกเขาที่เผชิญวันโลกาวินาศมานานแต่เพราะอีกฝ่ายที่ลั่นไกปืนคือผู้รุกรานที่มีพลังที่ไม่รู้จักอยู่มากดังนั้นจะปล่อยให้การโจมตีที่ดูไร้พิษภัยนั่นไปถึงตัวพวกพ้องไม่ได้
คำสั่งที่เหมือนกับอ้อนวอนของอิงศรดูเหมือนจะได้ผล
เมอร์คาบาห์ยอมรับยูนิทที่เขาส่งให้แล้วขว้างใบมีดที่แขนออกไปทำลายหัวกระสุน
และไม่ใช่แค่นั้น แต่ใบมีดยังหมุนควงเลี้ยวเปลี่ยนทิศทางหลังจากทำลายกระสุนแล้วก็มุ่งหน้าไปหาผู้ที่ยิงมัน
ไมเซอร์ที่ขยับตัวไม่ได้ถูกใบมีดตัดร่างออกเป็นสองส่วนแล้วร่างกายก็แตกสลายไป
การรุกรับหนนี้พวกเขาเป็นฝ่ายกำชัย
แต่ราหูไม่ยอมให้เป็นแบบนั้น
“ถ้างั้นไปฆ่าเองกับมือก็ได้”
ได้ยินมันพูดออกมาว่าแบบนั้นก่อนที่ร่างกายจะเลือนหายไป
“หายไปไหนแล้วน่ะ”
อิงศรกวาดตามองหาแต่ไม่พบ
จู่ๆ
กวินทร์ที่อยู่ด้านหลังก็ร้องออกมา
“อ๊ากก!”
“เกิดอะไร...ขึ้น”
ทันทีที่หันกลับไปก็พบว่าการ์เวนมาโผล่อยู่ตรงนั้นแล้ว
ใบมีดอันเล็กที่ปลอกแขนของมันสร้างใบดาบขึ้นด้วยแสงสีแดงที่ดูคล้ายกับดาบอมฤตในร่างไฮพีเรี่ยนของเขาไม่มีผิด
ดาบข้างซ้ายเสียบท้องกวินทร์อยู่
ส่วนอีกข้างชี้ไปที่ไทเทเนียม
“กวินทร์!”
อิงศรเก็บไพ่ลงกระเป๋าเสื้อแล้วชักดาบพร้อมกับพุ่งตัวออกไป
“อะ”
แต่ก็ต้องชะงักเท้าเพราะจับสัมผัสมุ่งร้ายกำลังตรงมาที่ตัวเอง
อิงศรหันกลับไป
ค้อนที่ปกคลุมด้วยสายฟ้ากำลังบินมาที่นี่
“วูฟล์เมอแรง”
อิงศรเหวี่ยงดาบออกไปเหมือนบูมเมอแรงและด้วยพลังของสกิลที่ร่ายเสริมเข้าไปทำให้ดาบถูกปกคลุมด้วยไฟสีฟ้าคราม
ไฟก่อตัวเป็นหมาป่าและปะทะกับค้อนสายฟ้า ผลของการปะทะทำให้ทั้งค้อนและดาบกระเด็นไปตกคนละทิศละทาง
ฟูมอลที่ขว้างค้อนนำมาก่อนตามมาทีหลังแล้วเหวี่ยงกำปั้นชกมาทางนี้แต่อิงศรอ่านทางแล้วหลบมัน
อย่างไรก็ตามการถูกขัดขวางทำให้เข้าไปช่วยกวินทร์กับไทเทเนียมไม่ทันแล้ว
“ออร์ฟี่ช่วยที”
“เข้าใจแล้ว”
ออร์ฟี่ซึ่งยังคงอยู่ในร่างไฮพีเรี่ยนบินตรงไปทางการ์เวน
ถ้าเป็นพลังของหมอนั่นตอนนี้น่าจะหยุดได้
“ตัวยุ่งยากอย่างแกเนี่ยถึงจะเทิร์นออฟไม่ได้แต่มันก็ยังมีวิธีจัดการอยู่ล่ะนะ”
การ์เวนกล่าว
ทันใดนั้นก็มีไพ่ปรากฏขึ้นมาสามไพ่หลังจากที่ใช้ไปหมดแล้ว
“ไพ่ที่ทิ้งเป็นค่าให้ไมเซอร์คือแอคชั่นการ์ด
‘คัมภีร์เวทปีศาจ
ไนอะลาโทเทป 4:3’
ถ้าถูกทิ้งไปและบนมือไม่มีไพ่จะจั่วได้สามใบ”
การ์เวนเลือกไพ่หนึ่งในนั้นแล้วใช้มันกับออร์ฟี่
“แอคชั่น!
เวทมนตร์เคลื่อนย้ายต่างมิติ ’4HL1’ ทรัคซัง ไปเที่ยวต่างโลกซักแปบหนึ่งแล้วกัน”
ไพ่ส่งเสียงดังฟุ่บแล้วหายไป
ต่อมามิติเบื้องหน้าก็ฉีกออกและมีเสียงคำรามของเครื่องยนต์ 150
แรงม้าดังกระหึ่มออกมาจากรอยแยกมิตินั่น
“หา...”
ออร์ฟี่ชะงักเอากลางทางเพราะไม่อย่างนั้นจะทะลุเข้าไปในรอยแยกมิติแต่กลับมีบางอย่างพุ่งออกมา
รถบรรทุกนั่นเอง
“อุบ”
ออร์ฟี่ถูกรถบรรทุกชนใส่จากนั้นมิติด้านหลังก็แยกตัวออกเป็นรอยแยกเหมือนกับที่รถบรรทุกพุ่งออกมา
ออร์ฟี่ถูกรถบรรทุกดันหายเข้าไปในรอยแยก
“ออร์ฟี่!”
อิงศรมองด้วยสายตาเหลือเชื่อ
แต่ว่าออร์ฟี่ที่เป็นความหวังเดียวหายไปแล้ว
ภายหลังจากนั้นก็มีหน้าจอระบบปรากฏขึ้นมา
หน้าจอลอยอยู่ตรงจุดที่ออร์ฟี่หายไปและมันกำลังฉายภาพของออร์ฟี่
สถานที่ในหน้าจอนั่นคือห้องโถงในพระราชวัง
ในฉากคล้ายกับเกมผจญภัยแบบสมมติบทบาท
ที่พระราชากับพวกขุนนาง
จอมขมังเวทย์ที่ปรึกษา
มารวมตัวกันรอต้อนรับผู้กล้าที่ถูกอัญเชิญมาช่วยกอบกู้อาณาจักร
และออร์ฟี่ก็คือผู้กล้าคนที่ว่า
ออร์ฟี่ถูกห้อมล้อมด้วยสถานการณ์ประหลาดจนตอบสนองและทำตัวไม่ถูก
การ์เวนพูด
“ขอตั้งชื่อเรื่องว่าเครื่องทำสวนเกิดใหม่เป็นผู้กล้าหน้าตายที่ต่างโลกก็แล้วกันถ้าเคลียเนื้อเรื่องปราบจอมมารไม่ได้ก็จะไม่ได้กลับมาคงถ่วงเวลาได้ซักพักเนอะ”
แล้วหันไปเพื่อจะฆ่าไทเทเนียม
อิงศรคิดจะยิงเพื่อสกัดแต่ก็ถูกขัดขวางโดยฟูมอล
“โธเว้ย
ขืนเป็นแบบนี้”
จะต้องเสียพวกพ้องไปอีกโดยที่ทำอะไรไม่ได้เลยอย่างนั้นเหรอ
ในตอนนั้นเอง…
“คู่ต่อสู้ของแกคือฉันไม่ใข่รึไง”
แฟรนเซียมก็พุ่งเข้ามาจากทางด้านหลังใช้ดาบเสียบท้องฟูมอลแล้วดันออกไปให้ห่าง
“มัวเหม่ออะไรอยู่อิงศร”
พลางพูดเรียกสติเขา
พอตั้งสติได้ก็พบว่าเส้นทางเปิดแล้วแถมไทเทเนียมก็ไม่ได้อยู่เฉยรอให้การ์เวนฆ่า
มีดเงาจำนวนสามสิบว่าเล่มหล่นเกลื่อนพื้นรอบตัวเธอนั่นน่าจะใช้เวลาช่วงที่พวกเขาขัดขวางศัตรูทำขึ้นมา
“คงไม่ได้คิดว่าฉันจะอยู่เฉยมองนายรังแกน้องฉันหรอกนะ”
ไทเทเนียมพูดด้วยสีหน้าจริงจัง
หล่อนแสดงออกอย่างตรงไปตรงมาจนนีกภาพของเธอคนก่อนที่เคยเคียดแค้นกวินทร์ไม่ออกเลย
ไทเทเนียมกำลังโกรธที่กวินทร์ถูกเล่นงาน
ถ้าใช้ความรู้สึกนั่นของหล่อนก็อาจจะรวมพลังกันขับไล่ราหูออกไปได้
อย่างไรก็ตามหล่อนเป็นคนที่เก่ง
เก่งมากๆ
อิงศรรู้ว่าแทบจะไม่ต้องเข้าไปช่วยหล่อนก็คุมสถานการณ์ได้หมด
“นายบอกว่าที่นี่ไม่ต้องใช้ยูนิทก็ใช้ท่าไม้ตายได้สินะแต่ว่าสกิลของฉันมันติดเงื่อนไขทำลายอาวุธอยู่”
“หืม
จะใช้ไอ้นั่นน่ะเหรอ”
การ์เวนพูด
“เอนแชนท์รีชาร์จ
ทำลายอาวุธเสริมพลังทั้งหมดแล้วเปลี่ยนเป็นยูนิทธาตุตามอาวุธ”
ไทเทเนีนมร่ายสกิล
วินาทีถัดมามีดเงาบนพื้นก็แตกสลาย
ยูนิทสีดำจำนวนสามสิบดวงลอยออกมาจากตรงนั้น
บินมาโคจรรอบตัวหล่อนเหมือนเป็นดาวบริวาร
“เหล่าดาราที่สูญเสียแสงแห่งชีวิตจะก่อกำเนิดโมงยามแห่งความมืด”
ด้วยคำร่ายสกิลที่ไทเทเนียมกล่าว
ยูนิททั้งหมดที่เป็นเหมือนกับดาวบริวารจึงเริ่มเคลื่อนไหว
“ไม่ให้ทำได้หรอก”
การ์เวนพูดแล้วดึงดาบที่เสียบท้องกวินทร์ออก
กวินทร์ทรุดตัวลงคุกเข่ากับพื้น
“ไม่ได้ผลหรอกน่าสกิลนี้ตอนที่ร่ายจะไม่ถูกขัดขวาง”
เป็นไปตามที่ไทเทเนียมพูด
เมื่อการ์เวนขยับเข้าไปใกล้ก็ถูกขวางโดยกำแพงที่มองไม่เห็นซึ่งสร้างขึ้นด้วยพลังคุ้มครองจากเครื่อวทำสวนที่เรียกออกมาตอนร่ายสกิลนี้
เครื่องทำสวนศักดิ์สิทธิ์เซปทรูสตาร์ในร่างมนุษย์ครึ่งวิหกปรากฏตัวรางๆ
ที่ด้านหลัง
“ประวัติศาสตร์จะหยุดนิ่ง
ราตรีจะเยือกแข็ง ป่าวประกาศเวลาแห่งการสูญสิ้น”
ยูนิทจับตัวรวมกันสองดวงกลายเป็นโดรนสีดำ
ชุดของไทเทเนียมถูกเปลี่ยนด้วยพลังของสกิลและ นี่คือสกิลท่าไม้ตายที่เคยทำพวกเขาหืดขึ้นคอมาแล้ว
“รวมร่างเกราะมาร
เวพ่อนไนซ์ แวริเอเบิลไนท์!”
[Weaponize!
Variable Night Lv(1/1)
Element:
Dark
Attribute:
Ultimate, Transform, Shadow, Awakening
(Cast
Cost) ทำลายอาวุธเงาตั้งแต่ 30 ชิ้นขึ้นไป , ร่าย ‘เหล่าดาราที่สูญเสียแสงแห่งชีวิตจะก่อกำเนิดโมงยามแห่งความมืด
ประวัติศาสตร์จะหยุดนิ่ง ราตรีจะเยือกแข็ง ป่าวประกาศเวลาแห่งการสูญสิ้นรวมร่างเกราะมาร’;
ขณะร่ายสกิลนี้จะไม่ถูกขัดขวางและไม่ได้รับดาเมจ
, ล้างสถานะทั้งหมดออกแล้วTransform (Transform: ไม่ถือเป็นสถานะ
ไม่มีระยะเวลาคงอยู่ ไม่สามารถถูกล้างได้ ไม่ถูกยกเลิกหรือทำให้ไร้ผล) ทุก Awakening Black Unit 2
หน่วยจะกลายเป็น Shadow Arm; รับพลังจากอวตารแห่งกลุ่มดาวพรหมจรรย์
ทรงฉลองพระองค์เป็นเจ้าหญิงแห่งดวงดาวผู้หยุดยั้งประวัติศาสตร์]
ทันทีที่ร่ายสกิลไม้ตายเสร็จหล่อนก็สั่งให้เดม่อนแอพทำงานทันที
“เดม่อนแอพมาสเทม่าทำให้ฉันไม่รับความเสียหายจากการโจมตีปกติแต่จะรับความเสียหายจากสกิลเป็นสองเท่า”
ผลของเดม่อนแอพทำให้มีปีกเหมือนทูตสวรรค์กางออกมาจากแผ่นหลังของหล่อน
ปีกสีดำสนิทโบกกระพือสลัดขนนกหล่นกระจายไปทั่วบริเวณแล้วหายไป
เท่านี้คอมโบผสานระหว่างเดม่อนแอพกับสกิลไม้ตายก็เสร็จสมบูรณ์
”แต่ด้วยพลังของแวริเอเบิลไนท์ทำให้ยับยั้งการใช้สกิลได้เท่ากับจำนวนของโดรนที่มีและการคูลดาวน์สกิลที่ใช้ไปแล้วต่อหน้าฉันจะถูกแช่แข็ง”
ไทเทเนียมพูด
คอมโบของไทเทเนียมถูกนำออกมาใช้ในสถานการณ์นี้นับว่าพึ่งพาได้มากทีเดียว
ด้วยการผสานระหว่างแวริเอเบิลไนท์ที่หยุดยั้งสกิลและมาสเทม่าเดม่อนแอพที่ทำให้ไม่รับการโจมตีตามปกติ
ทำให้หล่อนแทบจะเป็นอมตะ
ทว่า
“นี่สินะ
มาสเทม่าแวริเอเบิลเอนด์ ก็ไม่เห็นจะเท่าไหร่เลยนี่”
การ์เวนกลับพูดออกมาอย่างง่ายดาย
น้ำเสียงก็ไม่เหมือนกับว่าจะเป็นการบลัฟด้วยคำพูดด้วย
“แค่ทำให้เดม่อนแอพหรือสกิลใบ้การไม่ได้อย่างใดอย่างหนึ่งก็จบแล้วนี่”
การ์เวนกล่าวอย่างมั่นใจ
“เนออน
สละตัวเองทำให้เดม่อนแอพหยุดการทำงานทั้งสนามซะ”
“แต่ถ้าใช้สกิลล่ะก็ทางนี้ก็สามารถยับยั้งได้น่ะ
ไปเลย มาสเตอร์โพรเทคชั่น”
“เฮ้ยๆ
ลืมอะไรไปรึเปล่าพลังยับยั้งของเธอมันไม่ใช่การห้ามใช้สกิลซักหน่อยแค่ทำให้ความเสียหายกับผลของสกิลที่จะเกิดกับตัวเองไร้ผลไม่ใช่เรอะ
แบบที่อิงศรใช้เดม่อนสกิลทำลายความทนทานอาวุธของเธอไงสกิลของเนออนไม่ได้เล็งเป้าไปที่เธอแต่เป็นสนามนี้ทั้งหมดต่างหาก”
“ว่าไงนะ!”
ไทเทเนียมทำหน้าเชื่อที่พูดมาไม่ลง
แต่อิงศรคิดว่านั่นอาจจะเป็นความจริงเพราะตัวเขาเองก็ใช้วิธีนั่นล้มคอมโบของหล่อนมาก่อน
“หนีเร็วเข้า!”
แต่มันสายเกินไป
ตอนที่รู้ตัวว่าอีกฝ่ายเตรียมแก้ทางไม้นี้ไว้ตั้งแต่แรกมันก็สายเกินไปแล้ว
น่าจะรู้ตั้งแต่ตอนที่มันเล็งเป้ามาที่ไทเทเนียมแล้วนั่นหมายความว่าจะต้องเตรียมรับมือกับคอมโบที่แก้ได้ยากของหล่อนเอาไว้ด้วย
ร่างของเนออนที่อยู่ไกลออกไปแตกสลายลง
เดม่อนแอพทั้งหมดหยุดการทำงานอย่างที่การ์เวนบอก
อิงศรที่คิดจะเรียกเอลิกอร์ให้ไปขัดขวางก็ทำไม่ได้
ปีศาจเพียงตัวเดียวที่ยังลอยหน้าบอยตาอยู่ในสนามรบนี้มีแค่เมอร์คาบาห์ที่ไม่รู้ทำไมถึงไม่ได้รับผลกระทบนั้น
แต่ต้องฝากความหวังแล้ว
“เมอร์คาบาห์ใช้เมสไซอาร์บัสเตอร์”
“เรื่องยูนิทฉันจัดการเอง”
แฟรนเซียมส่งเสียงบอก
เนื่องจากในสนามรบไม่มียูนิทเหลือให้เมอร์คาบาห์ดูดไปเป็นพลังงาน
พลางก็แทงดาบใส่ฟูมอลแต่อีกฝ่ายหลบได้
“เอเลเมนทัลชาร์จ
(Elemental Charge)”
จากนั้นจึงร่ายสกิลพร้อมกับไถลมือไปบนตัวดาบทำให้พลังแห่งธาตุทั้งห้า
ดิน น้ำ ไฟ ไม้ ทอง ห่อหุ้มตัวดาบจนเกิดเป็งแสงสีทั้งห้าเปล่งประกายออกมา
นี่เป็นสกิลเสริมพลังอาวุธเหมือนกับพวกเวพอนเอนแชนท์เตอร์แต่มันเป็นสกิลของบิลด์คลาสอาร์คชาแมนและการเสริมพลังนี้ก็มีผลต่อการโจมตีเพียงครั้งเดียว
แฟรนเซียมงัดดาบขึ้นทั้งท่านั้น
การแทงก่อนหน้าเป็นการปิดทางหนีเพื่อปูเส้นทางให้ดาบนี้
พลังของสกิลล้วนๆ
ไม่รุนแรงพอจะปลิดชีวิตได้แต่ถ้ารวมกับพลังของราชามนุษย์ต่างดาวแล้วล่ะก็
“ย้าก”
หลังเสียงคำรามดาบของแฟรนเซียมก็ผ่าร่างฟูมอลออกเป็นสองส่วนศัตรูตายในทันที
พลังธาตุที่เคลือบอยู่บนตัวดาบจึงกระจายออกมาเป็นยูนิทจำนวนห้าอันอันละธาตุ
นี่คือจุดประสงค์แต่แรกของแฟรนเซียม
ทีนี้ในสนามรบก็จะมียูนิทให้เมอร์คาบาห์แล้ว
แต่ทว่า…
“เฮ้
เมอร์คาบาห์”
แต่เทวทูตของอิงศรกลับไม่ยอมตอบสนองต่อเสียงเรียก
แล้วการ์เวนก็พูดขึ้นมา
”เมอร์คาบาห์ก็โดนสกิลของเนออนด้วยนะเพราะวั้นถึงขยับตัวไม่ได้ไงล่ะ”
ในตอนที่มันลงมือกับไทเทเนียมไปแล้ว
“อ๊า!!”
ไทเทเนียมกรีดร้อง
หล่อนถูกเสียบจากด้านหลังทะละออกมาที่หน้าอก ใบดาบลำแสงเผาทำลายอวัยวะภายในของเธอ
“อั่ก อึก”
หล่อนกระอักเลือดจากนั้นก็ทรุดตัวลงพลังขีวิตลดลงอย่างฮวบฮาบ
Titanium
Lv. 100
[//...9800:27000.....]
ต่อหน้าต่อตากวินทร์
การ์เวนมันจงใจให้เป็นแบบนั้นหลังจากเสียบทะลุร่างหล่อนก็จัดแจงหันตัวเธอให้ใบหน้าที่แสดงความเจ็บปวดทรมานจนดูไม่ได้หันไปทางกวินทร์พอดิบพอดี
การ์เวนเริ่มพูด
“อา
รู้สึกนึกถึงวันเก่าๆ ขึ้นมาเลย”
พูดด้วยใบหน้าของกวินทร์ที่มาจากโลกคู่ขนาน
“นายเองก็เคยฆ่าเธอมาแล้วนี่นะผมเองก็เหมือนกันฆ่าเธอแล้วย่ำยีหัวใจเธอนายมันเลวประมาณนั้นเลยล่ะ”
พูดว่าตัวเองฆ่าพี่สาวลูกพี่ลูกน้องเหมือนกับกวินทร์
บอกว่ากวินทร์เป็นเหมือนกับมัน
ไม่รู้ว่าในโลกที่แตกต่างไปจากตอนนี้ใบนั้นเกิดอะไรขึ้น
กวินทร์จากโลกใบนั้นบิดเบี้ยวไปจากตอนนี้ถึงขั้นไหน
แต่ความเป็นจริงก็คือมันกำลังจี้จุดกวินทร์ด้วยข้อเท็จจริงที่เคยฆ่าไทเทเนียมไปในคราวที่บุกวัดอารย-สนธยา
“หยุดนะ”
อิงศรพูดแทนกวินทร์ที่ไม่สามารถพูดได้เพราะบาดแผลโดนแทงที่ท้อง
ต้องหยุดไม่ให้มันฆ่าไทเทเนียมไม่อย่างนั้นกวินทร์คงได้เสียสติแน่
”เทคนิคัลเวพ่อน”
อิงศรเปลี่ยนธนูเป็นหน้าไม้แล้วระดมยิงใส่การ์เวนหวังให้มันถอยจากไทเทเนียมแต่ก็ถูกมองออกว่าเป็นการยิงขู่และนัดที่จะยิงโดนตัวมันจริงๆ
ก็ถูกปัดออกไปอย่างง่ายดาย
ทำอะไรไม่ได้แล้ว
ไม่ทันแล้ว
วินาทีที่การ์เวนเงื้อดาบอีกข้างขึ้น
ปากของไทเทเนียมก็ขยับและส่งเสียงอย่างแผ่วเบา
เขาไม่ได้ยินที่หล่อนพูดแต่พออ่านปากได้
“ขอ…โทษ”
มันเป็นข้อความที่ส่งถึงกวินทร์
หล่อนขอให้ยกโทษ
ไม่ว่าจะขอโทษเรื่องที่เคยทำเอาไว้ก่อนจะมาเป็นพวกเดียวกันหรือขอโทษที่ไม่สามารถมีชีวิตรอดทั้งที่พวกเขาทุ่มตัวปกป้องเธอก็ตามคำพูดนั้นก็ได้เผาฟางเส้นสุดท้ายไปแล้ว
ฉัวะ
เสียงน่ารังเกียงดังขึ้น
ใบดาบลำแสงของการ์เวนตัดผ่านร่างของเธอในแนวทแยงทำให้พลังชีวิตกลายเป็นศูนย์
ร่างกายของหล่อนแตกสลายกลายเป็นฝุ่นละอองลอยไปหากวินทร์
ราวกับจะบอกลา
“พ…พี่”
กวินทร์พยายามจะจับฝุ่นละอองเหล่านั้นไว้แต่มันก็หายไปเสียก่อน
…และแล้ว
“อึก…อะ…”
มันก็ได้ปลุกปีศาจในตัวของเด็กหนุ่มขึ้นมา
ปีศาจที่กวินทร์พยายามข่มเก็บมันไว้
ปีศาจที่ชื่อว่าความโกรธนั่นกำลังจะทำให้เขาเสียสติ
“ว้ากกกกกกกกกกก!!!!!!!”
“กวินทร์!”
อิงศรพยายามจะเรียกสติรุ่นน้องกลับมาแต่กวินทร์ไม่ฟัง
รุ่นน้องถีบตัวกระดอนออกไปจากท่านั่งคุกเข่าโดยลืมความเจ็บปวดจากบาดแผลที่ท้องไปทั้งหมด
“นี่คือพันธะสัญญาว่าจะร่วมเคียงบ่าเคียงไหล่ไปสู่เส้นทางทำลายล้าง”
พลางกล่าวร่ายสกิลไม้ตาย
เพราะที่นี่เป็นมิติที่ช่วยให้ใช้สกิลได้โดยไม่เกี่ยงเงื่อนไขของยูนิทดังนั้นจึงร่ายได้ทันทีแต่กวินทร์ที่เสียสติอยู่จะคิดได้ถึงขนาดนั้นเลยหรือ?
ไม่สิ
เสียสติไปแล้วจริงๆ นั่นแหละแต่เพราะความแค้นทำให้สมองเค้นหาวิธีการที่ดีที่สุดที่จะฆ่าตัวเองจากโลกคู่ขนานคนนั้นออกมาอย่างแยบยลที่สุดต่างหาก
“จงกู่ร้องดาบที่ใช้ปลดพันธนาการสวรรค์!!'
ท้องฟ้าด้านบนที่เป็นกระดานแสดงภาพสะท้อนของสนามรบเป็นเกมไพ่ถูกบดบังโดยเมฆที่ไม่รู้ที่มา
เมฆค่อยๆ
แหวกตัวออก เครื่องทำสวนศักดิ์สิทธิ์รูปกระต่าย จูลลับบิทตาร์ตกลงมาจากที่นั่น
“กีก้าสลาฟแรคน่าบัสเตอร์!!!”
[Giga
Slave, Ragna-Buster Lv(1/2)
Element:
-
Attribute:
Ultimate , Physical Attack , Special
Attack , Awakening
(Cast
Cost) 4 Awakening Unit (สีต้องไม่ซ้ำกัน), ร่าย 'นี่คือพันธะสัญญาว่าจะร่วมเคียงบ่าเคียงไหล่
ไปสู่เส้นทางทำลายล้าง จงกู่ร้องดาบที่ใช้ปลดพันธนาการสวรรค์!!'; อัญเชิญอวตารแห่งนักษัตรกระต่าย
จู่โจมด้วยดาบแห่งการทำลายล้าง ความเสียหายจะเกิดแก่เป้าหมายเดี่ยว
หากความเสียหายทำให้ถึงตายจะไม่สามารถหักล้างความตายนั้นได้ (สามารถร่ายสวนกลับ Ultimate Skill ได้โดยจะเกิดผลก่อน)]
จูลลับบิทตาร์เปลี่ยนตัวเองเป็นดาบแล้วพุ่งใส่การ์เวน
จู่ๆ
เจ้านั่นก็คืนร่างเป็นราหูแล้วหยิบไพ่ใบใหม่ขึ้นมา
“กำลังรออยู่เลยจังหวะที่ใช้สกิลท่าไม้ตายใส่ข้าคนนี้”
ว่าแล้วเชียวเจ้านั่นมันเล็งเก็บกวินทร์ไปพร้อมกันตั้งแต่แรก
“หยุดนะกวินทร์!”
แต่คำพูดของอิงศรหยุดอะไรไม่ได้อีกแล้ว
“ไรท์เป็น เวิร์สแอกเกรเซอร์แห่งแสงจรัสมิทธริล”
ราหูใช่ไพ่แล้วเปลี่ยนร่างเป็นผู้รุกรานคนใหม่
ผู้รุกรานมิ่งขวัญ…
“สกิลเคาท์เตอร์อัลติเมททำงานใช้สวนท่าไม้ตายของอีกฝ่าย
รับไปซะหอกสังหารที่ทะลวงข้ามเหตุและผล เกโบล์กแนก!!”
มิทธริลแทงดาบที่ถือติดมาไปข้างหน้า
ใบดาบเป็นแบบสามใบซ้อนทบกันกางออกเหมือนตรีศูลแล้วปลดปล่อยลำแสงอันแหลมคมเหมือนหอกพุ่งออกไป
ทั้งที่มันยังอยู่ในขอบเขตหยุดเวลาของมิติท่าไม้ตายของกวินทร์แต่หอกสังหารนั่นก็พุ่งเสียบทะลุหน้าอกซ้ายของกวินทร์และทำลายหัวใจ
กวินทร์ Lv.144 [.....0:82200…..]
“กวินทร์!!!”
อิงศรตะโกน
ร่างกายของรุ่นน้องกำลังจะสลายไป
ในตอนนั้นเอง
มิ่งขวัญที่ถูกทำให้กลายเป็นไพ่ก็หลุดจากพันธนาการ
ออร์ฟี่ที่โดนส่งไปเป็นผู้กล้าที่ต่างโลกก็จบเนื้อเรื่องหลังจากสังหารจอมมารลงได้และหวนคืนสู่สนามรบ
ทันเห็นวาระสุดท้ายของกวินทร์ที่เกิดขึ้นเพราะความไม่เอาไหนของตัวเอง
อิงศรตำหนิตัวเองที่นึกลังเล
ถ้าหากว่าใช้อาคานาร์ของพวกพ้องเรียกใครซักคนออกมาก็อาจจะเปลี่ยนแปลงความจริงที่แสนเลวร้ายนี่ได้
“ทั้งหมดนี่เป็นความผิดของพี่”
มิทธริลหรือมิ่งขวัญจากโลกคู่ขนานพูด
อิงศรจ้องมองเจ้านั่น
“….”
แล้วคิดว่าค่อนข้างคล้ายกัน...
ไม่สิ
นั่นคือมิ่งขวัญจากโลกคู่ขนานที่เคยสละตัวเองช่วยพวกเขาเอาไว้ก่อนหน้านี้อย่างแน่นอน
เสียงของราหูพูดแทรกออกมาจากตัวของมิทธริล
“ได้ตายด้วยมือของมิ่งขวัญที่เคยช่วยเอาไว้แบบนี้รู้สึกสิ้นหวังจนว่างเปล่าขึ้นมาเลยใช่ไหมล่ะกวินทร์แต่มันยังไม่สายเกินไปที่จะแค้นหรอกนะเพราะเธอจะถูกส่งไปที่เพลนัลตี้บ็อกซ์เหมือนกับพี่สาวไงล่ะ
และถ้าจะแค้นก็จงไปแค้นอิงศรที่ลังเลไม่ยอมเรียกพวกพ้องออกมานั่นแหละบ๊ายบาย”
ร่างของกวินทร์ที่สิ้นใจแล้วแตกสลายลงพร้อมๆ
กับไม้ตายดาบเครื่องทำสวนที่หายไปเมื่อผู้ใช้ไม่อยู่อีกต่อไป
ตอนนี้ในสนามรบเหลือ
ออร์ฟี่ มิ่งขวัญ แฟรนเซียมและตัวเอง
ส่วนฝั่งราหูเหลือแต่เจ้าตัวที่ใช้ร่างของมิ่งขวัญจากอนาคตอยู่
มิทธริลพูด
“หลังจากที่พวกเธอหลบหนีไปแล้วมิ่งขวัญคนนี้ก็สู้จนตัวตายแต่ข้าได้มอบความหวังให้ในวาระสุดท้ายทำให้ได้เกิดใหม่มาอยู่กับครอบครัวและพวกพ้องแบบนี้อีกไงล่ะข้าใจดีใช่ไหมล่ะนี่แหละนโยบายของเทิร์นบริงเกอร์
กิฟแอนด์เทค ให้มาเราก็ให้ตอบแล้วสุดท้ายเราก็จะเทคโอเวอร์ทั้งหมดไปจนว่างเปล่า
ฮะฮะฮะ”
แล้วก็หัวเราะ
หัวเราะเยาะเย้ยโชคชะตาของผู้มีพระคุณต่อพวกเขาที่กลายมาเป็นนักโทษหุ่นเชิดของกังหันสีดำอันชั่วร้าย
มิทธริลนั้นมีรูปร่างเหมือนกับผู้รุกรานคนอื่นที่เป็นตัวตนจากโลกคู่ขนานของพวกเขา
แต่กลับมีสภาพที่น่าเวทนากว่ามาก
มีปีกเหมือนพังพืดงอกออกมาจากแผ่นหลัง
กังหันสีดำที่เป็นตัวแทนของการจองจำนั้นล็อกติดกับข้อมือทั้งสองข้างและมีอีกหนึ่งอันใหญ่กว่าอันอื่นๆ
หมุนกวัดแกว่งอยู่เหนือศีรษะราวกับกงจักรพัดบนหัวเปรต
“น่าเบื่อเหลือเกินถ้าอิงศรไม่ยอมเรียกพวกพ้องออกมาให้ทำร้ายเพิ่มงั้นก็ไม่มีความหมายที่จะเล่นเกมต่อไปอีกแล้วจะทำให้จบด้วยมังกรแห่งความว่างเปล่าตนนี้แหละ”
ราหูกล่าวและหยิบไพ่ใบสุดท้ายบนมือมาใช้
“ไฮพีเรียลไรซ์”
แสงสว่างจากไพ่ห่อหุ้มร่างของมิทธริลเหมือนตอนที่ราหูกลายร่างเป็นมังกรครั้งแรก
เงาร่างขยายใหญ่ขึ้นจนผิดรูปผิดร่าง
กำลังเคลื่อนไหวอย่างพริ้วไหวอยู่ภายในแสงสว่างนั่น
“ดาราจุติมังกรคัดสรรต้นกำเนิดกงฟู่
(Star-Vatar Original Selection
Dragon Gongfu)”
สิ้นคำแสงสว่างที่ปกปิดร่างของมันก็มอดหายไป
กายเนื้อสีแดงฉานส่องสว่างเหมือนคบไฟเปล่งประกายอย่างน่าขนลุกขนพองปรากฏต่อสายตา
ท่ามกลางมิติอันมืดมิดคล้ายห้วงอวกาศนี้มันเป็นเหมือนกับดาวยักษ์แดงดวงมหึมา
ร่างกายยาวดั่งงูและมีปีกหกคู่ด้วยกัน
กังหันสีดำแสดงความชั่วร้ายหมุนพัดอยู่ตรงปลายของแต่ละปีกและบนศีรษะ
ราวกับเป็นทูตสวรรค์แห่งจุดจบ
มังกรแดงร้องคำรามราวกับผู้ประกาศวจนะว่า
"การสูญพันธ์คือต้นทุนของวิวัฒนาการ
ความว่างเปล่าคือต้นทุนของทุกสรรพสิ่ง พวกเจ้าจงวิวัฒนาการเป็นเทิร์นบริงเกอร์"
รูปร่างของมังกรที่แตกต่างกันมากกว่าหนึ่งเริ่มจะทำให้อิงศรนึกเป็นกังวลขึ้นมา
ในขณะเดียวกันก็ฉุกคิดขึ้นมาด้วยว่าเหมือนเคยเห็นรูปลักษณ์อย่างนี้มาก่อน
“….”
ที่ไหนนะ
เคยเห็นที่ไหนมาก่อนกันนะ
เมื่อพยายามบีบเค้นความทรงจำมโนภาพหนึ่งก็ลอยขึ้นมา
มโนภาพที่เคยเห็นมาแล้วนิมิตซึ่งเมอร์คาบาห์แสดงให้เห็นที่แชงกริล่า
มังกรดำทั้งเก้าตนที่เผาสวนศักดิ์สิทธิ์
“นี่หรือว่าพวกแกคือมังกรเก้าตัวนั่นน่ะ”
“เพิ่งจะมานึกออกเอาป่านนี้เรอะ
ใช่นี่คือร่างของแม่ทัพทั้งเก้าแห่งแนวหน้าการรุกรานของจักรวรรดิเทิร์นบริงเกอร์ข้าใช้ไฮพีเรี่ยนเหล่านี้สู้กับซูลวานมาก่อนยังไงล่ะ”
“.....”
“ดังนั้นคงจะรู้ตัวแล้วสินะว่าไม่มีทางเอาชนะได้เพราะแม้แต่ซูลวานก็ยังต้องหนีหัวซุกหัวซุนเลยนี่แล้วพวกเจ้าที่เป็นเหมือนเบี้ยของซูลวานก็ไม่อาจเอาชนะได้อย่างแน่นอน”
“….”
“ไม่มีอะไรจะพูดแล้วสินะถ้างั้น”
“….”
“สกิลของมิทธริลที่ถูกไฮพีเรียลไลซ์ทับทำงานเทริ์นออฟไพ่หนึ่งใบ
แฟรนเซียมหงายหน้าคว่ำไปซะ”
“ชิ อีกแล้ว...”
แฟรนเซียมพูดก่อนจะกลายเป็นไพ่และถูกขังเอาไว้ในกังหันดำโดยที่ขัดขืนไม่ได้
ราหูพูดต่อ
“ตามด้วยสกิลของกงฟู่
มิ่งขวัญเธอก็เทิร์นออฟไปด้วยอีกคนซะ”
“ศร!”
มิ่งขวัญพยายามจะพูดบางอย่างแต่ก็ถูกขังในไพ่เสียก่อนเพลิงดำก่อตัวเป็นกังหันล็อกไพ่ไว้อีกชั้นหนึ่ง
ตอนนี้ในสนามรบเหลือแค่เขากับออร์ฟี่เท่านั้น
“อิงศร”
ออร์ฟี่เรียกเขา
“….”
“ต้องทำอะไรซักอย่างแล้วนะ”
จะทำอะไรได้อีกล่ะสถานการณ์แบบนี้แล้ว
มองไม่เห็นทางชนะเลย
“อิงศร....นี่เธอหมดกำลังใจไปแล้วเหรอ”
ดูเหมือนจะถูกออร์ฟี่อ่านใจไปแล้ว
“ก็อย่างที่เห็นนั่นแหละนะออร์ฟิอูคูมันนาร์มันจบแล้วเกมนี้ข้าคือผู้ชนะ”
ราหูพูด
“เมื่อตัวข้าโจมตีสกิลทำงานเทิร์นออนไพ่ทุกใบในสนาม”
กังหันที่ขังมิ่งขวัญกับแฟรนเซียมหายไปทั้งสองคนกลับคืนสภาพ
“...เรอะ”
แฟรนเซียมยังคงลั่นคำพูดที่ค้างไว้ก่อนหน้า
“ศร! อะ...”
มิ่งขวัญตระหนักว่าสภาพรอบๆ
เปลี่ยนไปเหมือนกับสติวูบไปช่วงหนึ่ง
“จากนั้นจั่วไพ่เท่ากับจำนวนนั้นจั่วสองใบแล้วก็....”
ไพ่ของราหูเพิ่มขึ้นมาสองใบ
”เทิร์นออฟอีกครั้งหนึ่งแฟรนเซียมหงายกลับไปซะ”
“อะไรนะอีกแล้วเรอะ!”
แฟรนเซียมกลับไปเป็นไพ่อีกครั้ง
เหมือนกับโดนเล่นตลกอยู่อย่างไรอย่างนั้น
ใช่
สำหรับราหูพวกเขาก็เป็นแค่หมากตัวหนึ่งบนกระดานที่จะทำตามใจชอบอย่างไรก็ได้
ทันทีที่เข้าใจความแตกต่างของพลังนี้ก็รู้สึกมืดมนขึ้นมา
รู้สึกเหมือนสายตามืดบอดมองไม่เส้นเห็นทางใดๆ
จะให้ก้าวเดินต่อไปแล้ว
"จงสูญสิ้นเพื่อวิวัฒนาการจงดับสูญเพื่อเป็นหนึ่งเดียวกับความว่างเปล่า
อีโวลูชั่นเอ็กทิงค์ชั่น! (Evolution Extinction)"
มังกรแดงสยายปีกทั้งหกออก
กังหันดำที่ปลายปีกขดตัวเป็นก้อนกลม เริ่มเปล่งแสงและร้อนมากขึ้นกลายเป็นลูกปืนใหญ่ที่พร้อมจะยิง
มังกรอ้าปากของมันแล้วพ่นไฟ
ลำแสงทำลายหกสายกับลำธารไฟ
การโจมตีกวาดล้างชนิดหลบไม่พ้นนั่นเล็งมาที่อิงศร
มิ่งขวัญขยับตัว
“ศร!”
พยายามจะเข้ามาป้องกันให้
แต่ทำแบบนั้นไปก็ไม่มีความหมายการโจมตีของศัตรูกินพื้นที่กว้างมากแล้วก็ยังดูรุนแรงมากด้วย
“อิงศรยิงสกัดก่อนเถอะ”
ออร์ฟี่เสนอความคิดและทำทันทีโดยไม่รอคำตอบใช้ทั้งลำแสงอมฤตและแส้ใบมีด
เห็นด้วยกับความคิดนั้นเป็นอย่างยิ่ง
มันไม่มีเวลากับที่ให้หลบแล้วมีแต่ต้องยิงสกัดไม่ให้การโจมตีมาถึงตัว
แต่พลังของมังกรมีมากเกินไปแล้วก็ไม่รู้ทำไมเหมือนกันแต่มือที่จับหน้าไม้ถึงได้สั่นตลอดเวลา
แทบจะเล็งเป้าไม่ได้เลย
อิงศรใช้มืออีกข้างจับมือที่ถือหน้าไม้ไว้มันสั่นไม่ยอมหยุดหัวใจของเขากำลังหวาดกลัว
กำลังกลัวว่าจะสูญเสียพวกพ้อง
กลัวว่าจะแพ้
กลัว
กลัว
กลัวไปหมดทุกอย่าง
ลำแสงที่จะพุ่งมาที่นี่ถูกสกัดไว้หมดแต่ลำพระเพลิงที่มังกรพ่นออกมายังไม่ถูกยิงร่วงและมีแต่อิงศรที่อยู่ในทางไฟ
“วะ...เหวอออ!!”
รู้สึกกลัวจนต้องกรีดร้องออกมา
ไม่รู้ทำไมความกลัวถึงได้พองโตถึงขนาดนี้
เขาเป็นไอ้ขี้ขลาดถึงขนาดนี้เลยเหรอ
กลัวจนขยับเท้าไม่ได้ด้วยซ้ำ
ไฟเคลื่อนที่เข้ามาใกล้จนแทบโลมเลียเส้นผม
“อิงศร”
“ศร”
ออร์ฟี่กับมิ่งขวัญพยายามจะเข้ามาช่วยแต่มันสายเกินไป
ไม่ทันแล้ว
ทว่า ในตอนนั้นเอง
ก็มีไพ่อาคานาร์ใบหนึ่งพุ่งออกไปจากกระเป่าเสื้อ
ไพ่เปลี่ยนเป็นเมษา
เมษาที่ออกมาเองชักแผ่นยันต์อาคมขึ้นมาใบหนึ่ง
“จักระโฮล (Chakra
Hole)”
แล้วร่ายสกิลสร้างวงแหวนเหมือนกงจักรขึ้นที่ฝ่ามือพลางยื่นมันออกไป
นั่นเป็นสกิลสำหรับย้ายเป้าการโจมตีมาที่ตัวเองเป็นสกิลที่ใช้ทำจังหวะใน
‘อิงศรฟอเมชั่น’ รุ่นที่หนึ่ง
“อะ....เมษา!”
เปลวเพลิงหักลำกะทันหันย้ายไปที่เมษาแทน
“ศร”
เมษาตะโกนมาพลางถีบตัวเพื่อลากไฟออกไปให้ห่างมากขึ้น
“....”
“นึกให้ออกเซ่ สัญญาที่ให้ไว้ก่อนจะมาที่นี่น่ะ!”
ไฟครอกร่างเมษาเสียงกรีดร้องทรมานดังลั่นออกมาจากกองเพลิง
“เมษา!!”
ไฟไหม้อยู่ครู่หนึ่งก็ดับมอดสลายไปเหลือไว้แต่เมษาที่บาดเจ็บสาหัส
อิงศรวิ่งเข้าไปรับร่างนั้นไว้ช่วยพยุงไม่ให้ล้ม
“เมษา!”
แถบพลังชีวิตของเมษาว่างเปล่าไปแล้วร่างกายก็เริ่มจะแตกสลายแล้วด้วย
เมษา Lv. 144
[.....0:77000.....]
“ย....อย่า.....”
เมษาเค้นแรงฝืนพูดออกมา
“อย่าเอาแต่เห็นหัวชาวบ้านสิฟระ...หัดมองหัวตัวเองบ้างเสะ...ไอ้บ้า”
หลังจากสั่งเสียแล้วร่างกายของเมษาก็แตกสลายไปทั้งหมด
ยังไม่ตาย
เมษายังไม่ตายแค่ถูกส่งไปที่เพลนัลตี้บ็อกซ์เท่านั้น
เขาพร่ำบอกตัวเองเช่นนั้น
ถ้าเอาชนะราหูได้ก็จะพาทุกคนกลับมาได้ ...แต่ว่า
แต่ว่ามองไม่เห็นทางชนะเลย
ถ้าอย่างนั้นทุกคนก็ต้องตายกันหมด
ทั้งที่ต้องให้พวกพ้องมาปกป้องให้
ทั้งที่สูญเสียไปมากขนาดนี้
แต่กลับไม่รู้สึกเศร้าโศกเลยภายในหัวใจมีแต่ความขลาดกลัวอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน
อีกฝ่ายพูดเรื่องสัญญาที่ให้ไว้ก่อนหน้านี้แล้วก็....
คำพูดที่บอกว่าอย่าเอาแต่เห็นหัวคนอื่น
นั่นหมายถึงให้เลิกเกรงใจที่จะใช้พวกพ้องได้แล้ว เขาเองก็คิดว่ามันถึงเวลาที่จะต้องทำแบบนั้นเพราะไม่สามารถยื้อการต่อสู้ไปด้วยจำนวนเพียงแค่นี้มากไปกว่านี้ได้อีก
แล้วก็...
“มองหัวตัวเองบ้าง...เหรอ”
อิงศรพยายามขบคิดว่าคำพูดนั้นหมายถึงอะไร
หัวตัวเอง
ให้มองหัว
“บนหัวเราเองเรอะ”
อิงศรเงยหน้าขึ้น
แหงนหน้ามองขึ้นไปมองเห็นแถบพลังชีวิตของตัวเอง
อิงศร Lv.144 (หวาดกลัว)
[/////48000:48000/////]
แล้วก็เจอสถานะผิดปกติที่ไม่รู้ว่าติดมาตั้งแต่เมื่อไหร่และเพราะตัวหนังสือของสถานะเป็นสีดำสนิททำให้แทบจะกลืนไปกับสภาพแวดล้อมรอบๆ
จนไม่มีพวกพ้องคนไหนสังเกตเห็น
“ตั้งแต่เมื่อไหร่กัน”
เป็นเพราะสถานะผิดปกตินี่เองทำให้เขาไม่เป็นตัวของตัวเอง
มันเริ่มขึ้นตั้งแต่เมื่อไหร่กัน
ตั้งแต่ตอนไหนกันที่เริ่มกลัวจนหัวหดแบบนี้
“ตอนนั้นน่ะเอง”
ที่ฆ่ากฤษณะที่เอาตัวเข้ามากันไมเซอร์ที่เล็งยิงไทเทเนียม
จากนั้นก็มีเสียงดังมาจากด้านหน้า
“ความแตกแล้วก็ช่วยไม่ได้ล่ะนะ”
“เป็นฝีมือแกสินะราหู”
อิงศรมองไปทางมังกรแดง
“ฝีมือของกฤษณะหรอกเจ้านั่นมีสกิลติดตัวเมื่อถูกทำลายจะสร้างสภาวะหวาดกลัวที่ทำให้ความสามารถโดยรวมลดลง”
ตอนนั้นเอง
ผนึกที่ขังแฟรนเซียมไว้ก็คลายออก
“ชิ เป็นถึงขนาดนี้แล้วเหรอเนี่ย”
ราชามนุษย์ต่างดาวทำความเข้าใจต่อสถานการณ์หลังจากที่ตัวเองถูกผนึกไปได้อย่างรวดเร็ว
อันที่จริงแล้วสถานการณ์มันแทบไม่ต่างจากเดิมพวกเขายังคงเสียเปรียบศัตรูทุกทาง
ทั้งจำนวนและพลัง
“อิงศรนายคงไม่ได้คิดอยู่หรอกนะว่าจะใช้คนเพียงแค่นี้โค่นเจ้านั่นได้จริงๆ
น่ะ”
“....”
“อิงศร!!!”
เขารู้มาตั้งแต่แรกแล้ว
รู้มาตั้งแต่ที่เตรียมใจจะเหยียบเท้าลงสู่สนามรบสุดท้าย
รู้อยู่แล้วว่าทุกคนอาจจะไม่ได้กลับไปพร้อมกันทั้งหมดในการต่อสู้คราวนี้
แต่ถึงจะทำใจแข็งอย่างไร
ถึงจะกัดฟันทำเป็นเข้มแข็งก็ตาม
“ฉันไม่อยากเสียพวกนายไป!”
อิงศรตะโกนแล้วลุกขึ้น
แต่ถ้าไม่เดินหน้าออกไปในตอนนี้อาจจะต้องสูญเสียหมดทุกอย่าง
บ้าเอ้ย
บ้าเอ้ย
ทั้งที่รู้เรื่องนั้นดีอยู่แล้วแท้ๆ
“เพราะงั้นแล้วช่วยมาเป็นพลังให้ฉันด้วยทุกคน!!”
แล้วล้วงมือลงไปในกระเป่าเสื้อหยิบไพ่ทั้งหมดกางออก
เรียกพวกพ้องออกมายังสนามรบ
“นรินท์ เน็กส์ ลิเธียม ออกมา!”
***ตอนที่ต้องลงเมื่อวันพฤหัสรู้สึกว่าถ้าลงไปแล้วอารมณ์มันจะไม่ต่อเนื่องกันเลยจับรวบกับตอนของวันอาทิตย์ซะเลยอาจจะยาวไปบ้าง
สำหรับตอนนี้พยายามตัดทอนส่วนที่รู้สึกว่าเวิ้นเว้อ ออกไปพอสมควรแล้วแต่ก็ยังเยอะอยู่ดี
=w=’ ตัวละครมันเยอะล่ะนะก็พยายามจะให้บทให้ครบทุกตัวแล้วไหนยังจะเสียเวลาไปนั่งหาข้อมูลมาทำสกิลบ้าๆบอๆ
ให้ราหูอีกแอ่ววว เลยลากมาลงซะวันนี้เลยโอเมก้า เลยกะว่าจะแปะภาคผนวกเกี่ยวกับข้อมูลที่ใช้ในตอนนี้แต่ทำไม่ทันซะแล้วสิ
=w=’ เลยสรุปย่อแทนละกันฮะ อ่านที่ข้างล่างนี่เลยเน่อ****
คัมภีร์เวทปีศาจ ไนอะลาโทเทป 4:3 :
ไพ่ที่ราหูใช้ใบนี้ เป็นการเอาชื่อจากตำนานคธูลูมาผนวกกับวรรคตอนของพระคัมภีร์
เป็นธีมสกิลที่คิดขึ้นมาไว้ให้ผู้รุกรานใช้ซึ่งคอนเซปแต่แรกคือ คธูลู อย่างเดียวครับส่วนวรรคตอนที่เลือกมา
4:3 นั้นมาจาก
มาระโก 4:3 “จงฟังเถิด
มีคนหนึ่งออกไปหว่านเมล็ดพืช”
ความสามารถที่ทิ้งไปแล้วได้ไพ่เพิ่มเลยเหมือนเป็นการหว่านเมล็ดพืชแล้วเก็บเกี่ยวผลในภายหลังนั่นเอง
แต่เอาจริงๆ ในวรรคตอนของพระคัมภีร์นั้นเป็นการอุปมาเรื่องการเผยแพร่พระวจนะเพราะงั้นตรงนี้ไม่ได้เอาความเชื่อมโยงมาใช้อะไรเลยนอกจากท่อนที่ว่าแค่วรรคเดียวเลยฮะ
เวทมนตร์เคลื่อนย้ายต่างมิติ ’4HL1’ ทรัคซัง :
คิดว่ารีดหลายๆ
ท่านน่าจะรู้จักมุกนี้มาบ้างกับการข้ามไปต่างโลกจากนิยายหลายๆ
เรื่องในนี้เองหรือจะมาจากอนิเมะ หรือสื่อใดๆ ก็ตาม
มุกการไปต่างโลกที่มักจะถูกพูดถึงหรือใช้พูดแซวอยู่ตลอดมักจะเป็นมุกโดนรถบรรทุกชนตายเลยไปเกิดใหม่เป้นอะไรต่อมิอะไรที่ต่างโลกบ้าง
ซึ่งส่วนมากจะพบเจอแนวนี้จากสื่อญี่ปุ่นซะเยอะก็เลยเรียกรถบรรทุกที่พาไปต่างโลกกันแบบขำๆ
ว่า ’ทรัคซัง’ นั่นเองส่วน 4HL1
นั้นเป็นชื่อรุ่นของเครื่องยนต์รถบรรทุกยี่ห้อหนึ่งครับ
ดาราจุติมังกรคัดสรรต้นกำเนิดกงฟู่ :
"การสูญพันธ์คือต้นทุนของวิวัฒนาการความว่างเปล่าคือต้นทุนของทุกสรรพสิ่งพวกเจ้าจงวิวัฒนาการเป็นเทิร์นบริงเกอร์"
"จงสูญสิ้นเพื่อวิวัฒนาการ
แล้วจงดับสูญเพื่อเป็นหนึ่งเดียวกับความว่างเปล่า Evolution Extinction"
หนึ่งในเก้าแม่ทัพVoid Dragon แห่งกองกำลังดาราจุติ
หรือที่เรียกขานกันว่า Nano Dragon(มังกรด้านลบทั้ง9) กงฟู่ควบคุมปัจจัยในการพัฒนาหรือวิวัฒนาการได้ ว่ากันว่ามันมีพลังฟื้นตัวที่วิวัฒนาการแล้วทุกครั้งที่มันถูกกำจัดก็จะฟื้นคืนชีพกลับมาแล้ววิวัฒนาการ
จนกว่าจะโค่นล้มศัตรูได้
ความคิดเห็น