ตอนที่ 289 : Extra Log 285: Grand God Beast 4
Extra Log 285: Grand God Beast 4
ขณะเดียวกันอีกด้านหนึ่ง
ภายในเขตแดนของมหาเทพสัตว์เทวะลิเวียธาน
หน่วยที่มาโจมตีเขตแดนนี้คือทัพของมนุษย์ต่างดาวที่นำโดยราชครูลำดับที่สองซีเซียม
หัวใจหลักของการโจมตีครั้งนี้คือผู้ที่มีร่างไฮพีเรี่ยน ฟูและมีนา
หลังออกจากห้วงแห่งเวทเคลื่อนย้ายแล้ว เธอกับคนอื่นๆ ก็โผล่มาอยู่กลางอากาศ ท่ามกลางพายุฝน
สายตาของมีนาจับจ้องไปที่ด้านล่าง
ไม่มีพื้น…
“ไม่เห็นตรงกับที่บอกไว้นี่คะ”
ตามที่ได้รับแจ้งมาจากการประชุม ภายในเขตแดนนี้จะมีเมืองที่จมน้ำไปเกือบครึ่งแล้วให้ใบ่เป็นชัยภูมิได้บ้าง แต่ที่มองเห็นอยู่ตอนนี้คือผืนน้ำกว้างจรดขอบฟ้าทุกทิศทางและไร้ซึ่งวัตถุใดๆ โผล่พ้นเหนือคลื่นที่กำลังพัดกระหน่ำอย่างบ้าคลั่ง
มีนาพยุงร่างตัวเองไว้กลางอากาศด้วยพลังของร่างไฮพีเรี่ยน บินอยู่ท่ามกลางสภาพอากาศที่เลวร้ายดีกว่าตกลงไปในห้วงแห่งคลื่นน้ำที่ไม่รู้ว่ามีอะไรรออยู่ข้างล่าง
แต่ที่จริงคือรู้อยู่ต่างหากว่าข้างล่างนั่นต้อวมีสัตว์เทวะตัวใหญ่ ดุร้ายน่ากลัวจ้องจะเขมือบเหยื่อที่ลงไปเหยียบในถิ่นของมันจากข้างใต้น้ำอยู่แน่ เพราะว่าชื่อของมหาเทพสัตว์เทวะที่ประจำเขตแดนนี้ก็คือ ลิเวียธาน อสูรกายแห่งห้วงทะเลลึกซึ่งถูกบันทึกอยู่ในพระคัมภีร์โบราณ สัตว์ร้ายแห่งความริษยาที่ถูกพระเจ้ากำราบ
หรือถ้าพูดตามความเป็นจริงของโลกที่เป็นอยู่ในตอนนี้ก็คือ ปีศาจที่ชื่อว่า ‘ยฮวฮ’ เคยกำราบมันมาก่อน มหาเทพสัตว์เทวะที่ว่ากันว่าต้องใช้เครื่องทำสวนถึงสองเครื่องถึงจะพิชิตมันได้ตัวนั้นเคยพ่ายแพ้ให้กับปีศาจ พอคิดแบบนั้นเลแล้วก็พาลไม่เข้าใจขึ้นมาอีก
สรุปแล้ว ยฮวฮ มีพลังมากกว่าเครื่องทำสวนหรือว่าลิเวียธาน นั้นไม่ได้เก่งกาจอย่างที่ตำนานว่าเอาไว้กันแน่ แต่อีกไม่นานก็จะได้รู้กัน
“เพื่อคุณอิงศร”
…แล้วก็ทุกคนที่กำลังรอให้พวกเราเอาชนะเขตแดนทั้งหมด เปิดทางไปจัดการกับบอสตัวสุดท้าย
อย่างไรก็ตามคนที่บินได้มีแค่เธอกับฟู เด็กหนุ่มที่มาจากกลุ่มเด็กกำพร้าของอารย-สนธยา
ฟูพูด
“อะ…เฮ้ยแล้วแบบนี้พวกนั้นจะไม่เป็นอะไรเหรอ”
เขาหมายถึงพวกมนุษย์ต่างดาวที่ตกลงไปในน้ำเพราะว่าบินไม่ได้
“ไม่รู้สิคะ คงไม่เป็นไรหรอก…มั้งนะ”
“หา!?”
อย่างไรก็ตามความเป็นห่วงนั้นสูญเปล่า
พวกมนุษย์ต่างดาวที่มาด้วยกันนั้นเป็นหน่วยจู่โจมเหนือน่านน้ำที่เชี่ยวชาญพื้นที่แบบนี้อยู่แล้วทุกนายมีบิลคลาสคือ อควอฟอร์ส นั่นทำให้เมื่อลงไปถึงพื้นน้ำพวกเขาก็ยืนกันอยู่บนคลื่นเหมือนยืนอยู่บนพื้นไม่ต่างกัน
เพียงแต่ซีเซียมที่เป็นราชครูลำดับที่สองไม่ได้อยู่ในข้อกำหนดที่ว่านั่น
“ช่วยไม่ได้แฮะ เราไปช่วยคุณมะนาวต่างนุดที่หน้าเหมือนอิงศรนั่นกันเถอะค่ะ”
มีนาเตรียมจะดิ่งลงไปแล้ว แต่ซีเซียมที่กำลังร่วงอยู่นั้นก็ชักปืนออกมาจากด้านในของเสื้อโค้ท
“ฮีโร่เวิร์สทรี!!”
ร่ายสกิลพร้อมกับหันปืนเล็งไปยังด้านล่างตรงจุดที่ไม่มีพวกเดียวกันอยู่
“วอเตอร์ฟรอนซิตี้”
แล้วลั่นไกปืน
[Hero Verse 3! Waterfront City Lv(1/1)
Element: -
Attribute: Field, Hero, Kaijuu
อยู่มาวันหนึ่งสัตว์ประหลาดยักษ์ก็ผุดขึ้นมาจากใต้ทะเล นี่คือเมืองด่านหน้าที่เหล่าฮีโร่ผู้ผดุงธรรมจะต้องเผชิญหน้ากับ ‘ไคจู’ ; สร้าง Hero Verse ขึ้นมาบนพื้นที่น้ำโดยไม่จำกัดเวลาการหายไป และ ’Hero’ ที่ต่อสู้กับสัตว์เทวะที่มีเลเวลมากกว่าพลังจะเพิ่มขึ้น 10 %]
พริบตาที่กระสุนพุ่งออกจากปากกระบอก เคลื่อนตัวไปจนเกือบสัมผัสคลื่นบนผิวน้ำ กระสุนก็ระเบิดออกแล้วเนรมิตเมืองซึ่งเต็มไปด้วยตึกระฟ้าขนาดจำลองมากมาย เหมือนกับ ‘ฮีโร่เวิร์ส’ แบบทุกทีแต่มีจุดที่แตกต่างออกไปคือลักษณะของเมืองนั้นไม่เหมือนเดิม
แทนที่จะมีทะเลสาบกับปล่องภูเขาไฟตรงบริเวณรอบนอกเมืองกลับกลายเป็นมีท่าเรือยื่นยาวออกมาแทน แล้วก็มีหอคอยชมวิวตั้งตระหง่านอยู่ตรงใจกลาง เป็นเมืองที่ให้บรรยากาศแตกต่างออกไปจากเมืองที่เหมือนจะมีฮีโร่ในหนังขบวนการห้าสีออกมาเพ่นพ่านได้
ซีเซียมพลิกตัวลงจอดบนเมืองจำลองนั่น
“เราก็ไปที่นั่นกันเถอะค่ะ”
มีนาบอกฟูแล้วออกนำไปก่อน
เมื่อเหยียบเท้าลงบนถนนจำลองแล้วถึงรู้สึกได้ว่า แม้ว่าเมืองจะลอยอยู่ท่ามกลางคลื่นอันบ้าคลั่งก็ตามแต่ความมั่นคงของมันที่ไม่โยกเยกไปตามแรงลมกับคลื่นนั้นทำให้เหมือนกับหลุดออกมาอีกมิติหนึ่งเลยทีเดียว
“….”
มีนา มองดูบรรยากาศรอบๆ แล้วพิจารณาอย่างถี่ถ้วนก็รู้สึกว่า บรรยากาศแบบนี้เคยเห็นหนังมาอีกเหมือนกัน
“เอ แบบนี้มันหยั่งกับจะมียอดมนุษย์ตัวใหญ่หรือไม่ก็ไคจูออกมาเดินเพ่นพ่านได้เลยนะคะเนี่ย”
เธอจงใจพูดให้ซีเซียมได้ยินคำเหน็บแนม
“เธอ…”
ซีเซียมหันมา
“ไม่เคยเห็นฉันใช้ฮีโร่เวิร์สมาก่อนนี่”
“อ๋อ นั่นน่ะฉันเคยเห็นตอนที่คุณซ้อมกันก่อนหน้านี้มาแล้วล่ะค่ะ อีกอย่างไปถามรายละเอียด มาจากคุณอิงศรแล้วด้วย เจ้าฉากถ่ายหนังจำลองเนี่ยเป็นเงื่อนไขขั้นพื้นฐานในการใช้สกิลฮีโร่สินะคะ”
“ไม่ใช่แค่นั้นหรอกแต่วอเตอร์ฟรอนท์ซิตี้นี่น่ะเป็นฮีโร่เวิร์สแบบใช้สู้กับสัตว์เทวะโดยเฉพาะด้วย”
”นึกออกเลยล่ะค่ะ ถ้าคุณกวินทร์อยู่ที่นี่คงตาลุกวาวแน่ๆ”
“ก็นั่นแหละนะที่อยากจะถาม”
ซีเซียมทำหน้าเครียด
“เอ๋ อะไรเหรอคะ”
“นี่เธอไม่รู้สึกอะไรเลยรึไงทั้งที่มายืนอยู่บนฮีโร่เวิร์สของฉันแล้วเนี่ย”
มีนาเอียงคอเล็กน้อย เธอไม่ใจว่าซีเซียมหมายถึงเรื่องอะไร
ตอนนั้นเองก็มีเสียงดังแว่วมา เสียงของฟูที่เพิ่งตามมาถึง
“โว้วววววว! อย่างกับไฮเปอร์แมนแน่ะ”
เด็กหนุ่มตะโกนร้องอย่างฮึกเหิมพลางยกแขนโพสท่าเบ่งกล้าม เหมือนตัวละครยอดมนุษย์ตัวใหญ่ในหนังที่สู้กับสัตว์ประหลาด
ซีเซียมชี้ไปที่ฟูแล้วถามมา
“นั่นไง ไม่มีความรู้สึกว่าอยากจะไฮเปอร์หรืออะไรหน่อยเลยเรอะ”
“ก็ไม่นี่คะฉันไม่ได้ดูเรื่องยอดมนุษย์ไฮเปอร์แมนก่อนที่โลกจะแตกด้วยสิถึงเมษาจะชอบมันมากก็เถอะค่ะ”
ชื่อ ‘ไฮเปอร์แมน’ ทำให้หวนนึกถึงเรื่องสมัยก่อนขึ้นมา มันเป็นหนังการ์ตูนที่ได้รับความนิยมในหมู่เด็กผู้ชายกันมาก แต่ถึงอย่างนั้นอิทธิพลของหนังก็ไม่น่าจะทำให้ฟูแสดงท่าทางกระตือรือร้นออกมา ยิ่งที่ได้ฟังจากอิงศรมาว่าตอนที่เจอกับฮีโร่เวิร์สนั้นคนที่แสดงออกว่าตื่นเต้นไปกับมันมีแค่กวินทร์เท่านั้น
“หรือว่าที่นี่มีเอฟเฟคบางอย่างที่ส่งผลกับสภาพจิตใจด้วยเหรอคะ”
“ก็ใช่สิ”
ซีเซียมชี้ลงไปที่พื้นของเมืองแล้วพูดต่อ
“พลังของวอเตอร์ฟรอนท์ซิตี้เนี่ยทำให้เวลาโจมตีสัตว์เทวะที่เลเวลมากกว่าพลังโจมตีจะเพิ่มขึ้นสิบเปอร์เซ็นแต่ก็มีผลข้างเคียงคือจะปลุกเร้าอารมณ์ให้ฮึกเหิมด้วย”
แต่มีนาทำหน้าไม่เชื่อที่พูดมานั่น
“ไซเบอร์อายส์ยูนิทแอคทิเวท”
แล้วสั่งให้ไซเบอร์อายที่คาดอยู่บนหน้าผากเคลื่อนลงมาปิดดวงตาก่อนจะสอดส่องพื้นที่โดยรอบ ข้อมูลที่ได้จากไซเบอร์อายทำให้รู้ถึงความสามารถของสกิลที่สร้างพื้นที่พวกนี้ขึ้นมา
“แต่รายละเอียดในสกิลบอกว่าเฉพาะ ‘ฮีโร่’ นี่คะ”
“ฉันมีพาสซีฟสกิลที่ทำให้คนในปาร์ตี้เดียวกันได้รับคุณลักษณะฮีโร่ด้วยเพราะงั้นถึงได้ถามไงว่าเธอไม่รู้สึกอะไรเลยรึไง”
มีนาจ้องหน้าอีกฝ่ายเพราะยังไม่เชื่อนัก
“แต่ก็ไม่เห็นคุณซีเซียมจะทำท่าบ้าการ์ตูนขึ้นมาเลยนี่คะ”
“ยัยเซ่อเอ้ย ฉันเป็นมนุษย์ต่างดาวนะไอ้อารมณ์พรรค์นั้นน่ะไม่มีอยู่แล้ว”
“เอ แต่ทุกทีก็เห็นคุณชอบหัวเราะแบบเสีสสติอยู่บ่อยๆ นี่คะ”
“นั่นแค่เมคไว้ข่มขวัญศัตรู”
“จริงอ่ะ”
“ชักจะเยอะไปแล้วนะเธอเนี่ย นี่มันกลางดงศัตรูนะ”
“ก็คนที่เริ่มก่อนมันคุณไม่ใช่เหรอคะ”
แต่ซีเซียมเมินคำพูดแก้ตัวนั้นสนิทใจแล้วเปิดหน้าจอระบบขึ้น จิ้มลงไปบนหน้าจอสองสามทีก็โยนหน้าจอนั่นมาให้
“พวกนั้นเป็นสกิลเรียกเนโครดราก้อนที่มีคุณลักษณะฮีโร่อยู่เอาไว้ใช้กับพื้นที่นี้โดยเฉพาะฉันโอนพวกนั้นไปให้แล้วรีบๆ เรียกออกมาตอนที่มันยังไม่เจอพวกเราจะดีกว่า”
มีนาพยักหน้าแล้วก้มมองหน้าจอที่ถูกส่งมา บนหน้าจอนั้นมีรายละเอียดของสกิลที่ใบ้เรียกมังกรกระดูกออกมาเขียนเอาไว้ แต่เธอไม่เคยเห็นมังกรกระดูกแบบนี้มาก่อนเลย
“นี่มันเคยมีด้วยเหรอคะเนี่ย”
“ฉันเพิ่งสร้างมันก่อนเราจะเริ่มแผนน่ะรวมทั้งวอเตอร์ฟรอนท์ซิตี้นี่ด้วยเพราะกะว่าต้องสู้กลางน้ำแล้วคงจะได้ใช้”
“ทำได้ทุกอย่างเลยหรือไงคะเนี่ย”
มีนายิ้มเจื่อนให้กับความรอบด้านของราชครูผู้นี้ แม้ว่าเธอจะเคยได้ยินกิตติศัพท์เรื่องพวกนี้มาจากอิงศรแล้วก็ตาม แต่ได้มาเห็นของจริงเข้าก็เลยเพิ่งจะรู้สึกตัวว่า ซีเซียมนั้นเหมือนพวกนักประดิษฐ์สติเฟื่องไม่มีผิด
“ที่เขาว่าอัจฉริยะกับคนบ้ามันห่างกันนิดเดียวคงจะจริงสินะ”
มีนาพูดเบาเหมือนกระซิบ เพื่อไม่ให้เจ้าตัวได้ยินแล้วเงื้ออาวุธในมือเพื่อจะเรียกใช้สกิลตรมที่ได้รับคำสั่ง
อาวุธไฮพีเรี่ยนที่พัฒนามาจากเคียวอันเดิมกลายเป็นหอกที่มีความสามารถสนับสนุนสายอาชีพซัมมอนเนอร์ เมื่อใดก็ตามที่ใช้สกิลอัญเชิญของซัมมอนเนอร์จะทำให้เรียกสิ่งที่อัญเชิญนั้นได้ในจำนวนสองเท่า
“จีฟอร์ส (G-Force) จงออกมา”
มีนาร่ายสกิลแล้วกระแทกปลายของด้ามหอกลงไปบนพื้นถนนและตั้งแขนอีกข้างอยู่ในท่าหงายมือยื่นขึ้นไปเสมอศีรษะ
”มังกรจักรกล จีเพโรแด็คทิล (G-Pterodactyl)”
อาคมสีดำก่อตัวขึ้นในมือข้างที่หงาย ก่อตัวเป็นรูปร่างนกขนาดพอดีมือ
เมื่อดันมือขึ้นเบาๆ นกตัวนั้นก็โผทะยานขึ้นสู่ท้องฟ้า มันขยายตัวใหญ่จนกลายเป็นไดโนเสาร์ชนิดบินได้ที่ร่างกายเป็นเครื่องจักรทั้งหมด แทนที่จะเป็นกระดูกอย่างเนโครดราก้อนตามปกติ
นกอาคมตัวที่สองบินขึ้นจากมือข้างเดิม เนื่องมาจากพลังของอาวุธไฮพีเรี่ยนที่เพิ่มจำนวนสิ่งอัญเชิญเป็นสองเท่า ทำให้มี จีเทโรแด็คทิล สองตัวบินอยู่บนน่านฟ้าของเมืองจำลอง
อย่างไรก็ตามสิ่งที่ขัดใจมีนาอยู่ไม่ใช่เรื่องที่เนโครดราก้อนพวกนั้นเป็นเครื่องจักรแทนที่จะเป็นกระดูก แต่เป็นเรื่องของชื่อสกิลมากกว่า
“ว่าแต่ทำไมต้องจีด้วยล่ะคะ”
“พูดอะไรของเธอน่ะถ้าจะสู้กับ ไคจู (สัตว์ประหลาด) มันก็ต้องจีอยู่แล้วสิ”
ซีเซียมตอบหน้านิ่ง
“นี่มันเซ็ตติ้งแบบไหนกันคะ”
มีนาพูดเสียงประชดเล็กน้อย
ตอนนั้นเองก็มีการติดต่อเข้ามา หน้าจอสื่อสารเปิดตัวฉายภาพของซากิริที่อยู่ปลายสาย
‘ทางนั้นเองก็มีปัญหาเรื่องพื้นที่ไม่ตรงกับข้อมูลด้วยสินะ’
ได้ยินเพียงแค่นั้นมีนาก็พอจะคาดเดาสถานการณ์ได้
“หมายความว่าเขตแดนอื่นก็เจอปัญหาเดียวกันสินะคะ”
‘อืม ก็แบบนั้นแหละเลยอยากจะให้ช่วยส่งข้อมูลจากไซเบอร์อายยูนิทมาที่นี่หน่อยน่ะ’
มีนาพยักหน้าแล้วส่งข้อมูลให้ตามที่หล่อนขอ
‘เอาล่ะทีนี้ก็ได้บทสรุปละ ดูเหมือนว่าพวกมหาเทพสัตว์เทวะจะปรับเปลี่ยนพื้นที่ในเขตแดนช่วงที่พวกเราละสายตาไปประชุมแผนน่ะนะ พวกมันมีสัญชาตญาณคืนถิ่นที่อยากจะสร้างอาณาเขตที่คุ้นเคยขึ้นมาสำหรับเลเวียธานคงจะเป็นโลกที่จมอยู่ใต้น้ำล่ะมั้ง’
“งั้นตอนนี้มันอยู่ไหนกันล่ะคะเจ้าตัวทำน้ำท่วมนั่นน่ะ”
จนถึงตอนนี้เวลาก็ผ่านไปเนิ่นนานหลายนาทีแล้วแต่ยังคงไม่เห็นแม้แต่เงาของผู้เฝ้าเขตแดนแห่งนี้ซึ่งแบบนั้นมันแปลกเอามากๆ
“อาจจะอยู่ใต้น้ำก็ได้นะลองงมดูไหมล่ะ”
ฟูเสนอมาอย่างนั้นและไม่รอความเห็นตอบกลับเด็กหนุ่มที่ก้มตัวอยู่แถวริมฝั่งเมืองจำลองอยู่แล้วก็งมหัวจะลงไปในน้ำ
แต่ทว่า
“หืม”
บนผิวน้ำกลับมีฟองอากาศผุดขึ้นมา ผิวน้ำพูนตัวขึ้นทั้งที่ยังใสแจ๋ว ไม่มีเงาของสิ่งมีชีวิตแหวกว่ายอยู่
พริบตาที่ฟูกระพริบตา ผืนน้ำก็ยกตัวขึ้นอย่างฉับพลัน เขาถูกแรงดันน้ำเสยเข้าที่ปลายคาง
“อั่ก”
แล้วหงายหลังหมดสติไป
ผืนน้ำยังคงพูนขึ้นไป ทะยานขึ้นถึงท้องฟ้า
มีนาจ้องมองน้ำนั่นด้วยสายตาเหลือจะกล่าว
“นั่นมัน…หรือว่า”
“ตั้งกระบวนทัพซะมันมาแล้ว!”
ซีเซียมออกคำสั่งกับพวกชั้นครูที่ยืนอยู่บนผิวน้ำ พวกนั้นเริ่มตั้งแถวเป็นวงล้อมรอบจุดที่น้ำพูนตัวขึ้นมา
น้ำพุนั่นขยับส่ายไหวไปมาราวกับมีชีวิต
ครู่ต่อมามันก็แผ่ขยายเป็นรูปเป็นร่างยาวเหมือนกับเทือกเขาทั้งลูกถูกยกมาวางอยู่กลางทะเล วงล้อมของพวกต่างดาวต้องแยกออกจากกันเพราะสายน้ำที่แผ่ออก เทือกเขาน้ำผุดขึ้นมาโอบล้อมเมืองจำลองกับทัพมนุษย์ต่างดาว
วกเขาถูกล้อมเสียเอง
ดวงไฟสีแดงสุกสกาวสองดวงลอยขึ้นมาจากข้างใต้น้ำ มันเคลื่อนที่ไปจนถึงปลายของเทือกเขา น้ำบริเวณนั้นเปลี่ยนรูปร่างเป็นหัวคล้ายกับงู มันอ้าปากส่งเสียงคำรามดังกัมปนาทราวฟ้าร้อง
Grand God Beast: Leviathan Lv.400
[/////20000:20000/////]
มีนาพูด
“งูน้ำเหรอคะเนี่ย”
ถึงการปรากฏตัวกับขนาดความใหญ่จะน่าตกใจอยู่บ้างแต่ค่าพลังชีวิตนั้นกลับธรรมดาเป็นอย่างมาก พลังชีวิตหนึ่งแสนของแฟรนเซียมที่เป็นราชามนุษย์ต่างดาวยังน่าตกใจกว่าเสียอีก
แต่ไซเบอร์อายที่กำลังวิเคราะห์ความสามารถของมันทำให้ได้ข้อมูลที่พอจะเข้าใจว่าทำไมมันถึงเป็นมหาเทพสัตว์เทวะได้มาเหมือนกัน
“ยกเลิกความเสียหายทางกายภาพ ดูดกลืนธาตุน้ำ ต้านทานธาตุไฟ กับ สายฟ้า อืม…เป็นตัวยุ่งยากเหมือนกันนะคะเนี่ยก็สมกับพลังชีวิตแค่สองหมื่นอยู่หรอกแต่ถ้าใช้การโจมตีพิเศษที่ไร้ธาตุกับธาตุอื่นก็โอเคแล้วล่ะมั้ง”
“มีข้อมูลแค่นั้นใช่ไหม งั้นจะเริ่มโจมตีแล้วนะรีบไปปลุกเจ้าบื้อที่สลบโน่นด้วยล่ะ”
ซีเซียมชักปืนอีกกระบอกขึ้นมาแล้ววิ่งออกไปที่ริมฝั่ง
มีนาถอนหายใจ
“ค่าๆ ชอบใช้สาวน้อยไม่เกรงใจเหมือนใครกผ้ไม่รู้นะคะเนี่ย”
เธอหมายถึงอิงศร
หลังจากตัดพ้อความในใจแล้วจึงเดินไปหาฟูที่สลบอยู่บนพื้นเตะไปสีข้างเบาๆ ชุดเกราะไฮพีเรีย่นที่หุ้มตัวฟูส่งเสียงดังก๊องแก๊งแล้ว แต่เจ้าตัวก็ยังไม่ยอมตื่น
“รีบตื่นสิคะมันลำบากนะรู้ไหม”
มีนาตวาดแล้วกระทืบเท้าลงบนหน้าอกเด็กหนุ่มแทน
“แอ่ก”
ฟูสำลักและฟื้นสติในทันที
“รีบๆ ไปได้แล้วค่ะ”
มีนายิ้มสยองข่มขู่เด็กหนุ่มจนหัวหด
“คะ…ค้าบ”
ฟูเก็บค้อนกับโล่ที่หล่นอยู่ข้างตัวแล้วลุกขึ้นยืน
ตอนั้นเองการปะทะก็เริ่มขึ้นไปแล้ว
พวกมนุษย์ต่างดาวเริ่มการโจมตีใส่ร่างกายที่เป็นมวลน้ำของสัตว์เทวะ แต่การโจมตีส่วนใหญ่ของอควอฟอร์สเป็นการโจมตีชนิดกายภาพ ทั้งยิงฉมวก แทงหอก การโจมตีเหล่านั้นทะลุผ่านไป
เหมือนกับชกใส่ลมอย่างไรอย่างนั้น
“อย่าพยายามโจมตีให้เสียเปล่าโจมตีเฉพาะส่วนที่มันจะซัดเข้ามาก็พอ”
ซีเซียมตะโกนสั่งพวกลูกน้อง
รูปแบบของกระบวนทัพจึงแปลงไปตามคำสั่งที่ให้เน้นการป้องกันเมืองจำลอง
มังกรจักรกลที่มีนาเรียกออกมาเริ่มการโจมตีด้วยการยิงหัวรบนำวิถีจากเครื่องยิงที่แบกไว้บนหลังบ้าง แต่ก็ไม่ได้ผลหัวรบจมน้ำทันทีที่เข้าไปถูกตัวของสัตว์เทวะ
“แล้วเราจะทำยังไงกันดีล่ะเนี่ย”
ฟูถาม
“การโจมตีกายภาพใช้กับมันไม่ได้ผลค่ะไม่ทราบว่าคุณฟูมีสกิลโจมตีแบบพิเศษที่ไม่ใช่ธาตุน้ำ ไฟ แล้วก็สายฟ้าอยู่ไหมคะ”
“การโจมตีพิเศษเหรอ…พิเศษ…กายภาพ…พิเศษ
“ค่ะ มีอยู่ไหมคะ”
“อะไรคือกายภาพกับพิเศษอ่ะเจ๊ ?”
“เอ๋?”
หรือว่าเด็กคนนี้จะไม่เข้าใจหลักการทำงานของสกิลอย่างนั้นเหรอ
แต่เมื่อมองฟูอย่างถี่ถ้วนก็เข้าใจได้ทันทีว่าเป็นอย่างที่คิดจริงๆ
“เอ่อ ถ้างั้นช่วยเปิดรายการสกิลที่ติดตั้งไว้มาหน่อยสิคะเดี๋ยวจะลิสให้เองว่าอันไหนใช้ได้บ้าง”
ฟูยอมทำตามอย่างว่าง่าย มีนารับหน้าจอที่แสดงรายการสกิลทั้งหมดมาดู
“ไม่ไหวแฮะ”
แต่ก็พบว่าสกิลโจมตีเกือบทั้งหมดเป็นการโจมตี ‘กายภาพ’ ที่เหลือก็เป็นการโจมตีแบบลูกคู่ที่ออกผลทั้งทาง ’กายภาพ’ และ ‘พิเศษ’ แต่มีธาตุสังกัดเป็นสายฟ้าทั้งหมด
มีนาปิดหน้าจอรายการอย่างสิ้นหวัง
“อีแบบนี้คงต้องใช้สกิลเครื่องทำสวนอย่างเดียวแล้วล่ะค่ะ”
“งั้นจะไปกันได้ยัง”
ไม่รู้ว่าฟูที่พูดมาแบบนั้นเข้าใจหรือไม่เข้าใจกันแน่แต่คงรอไม่ได้แล้วเหมือนกันพวกเขามีเวลาจำกัดสำหรับร่างไฮพีเรี่ยนจะปล่อยเวลาเสียเปล่าไปไม่ได้
“ลุยเลยค่ะ”
“โอ้!!”
ฟูตะโกนแล้วแบกค้อนวิ่งตะลุยออกไปที่ทะเล บินทะยานออกไปทันที
“เฮ้อ”
มีนาถอนหายใจแล้วจับหอกด้วยสองมือเล็งไปยังบริเวณศีรษะของสัตว์เทวะ
เพราะเป็นน้ำทั้งตัวคงจะมีแค่บางจุดที่สามารถทำความเสียหายให้ได้ ไซเบอร์อายยูนิทสรุปออกมาแล้วว่าให้ทำลายส่วนที่สั่งการแถวศีรษะ
“โซเดียราโอ”
มีนายิงลำแสงอมฤตสีแดงชาดออกจากปลายหอก ลำแสงระเบิดหัวของมันกระจุยไปก็จริง พลังชีวิตก็ลดลงด้วย แต่แค่เดี๋ยวเดียวก็ฟื้นฟูกลับมาได้
“ให้ตายสินี่ดุดเอาน้ำเข้ามาฟื้นฟูตัวเองได้ด้วยเหรอยุ่งยากเอาเรื่องนะเนี่ย”
สถานการณ์ไม่ค่อยสู้ดีนัก
ร่างไฮพีเรี่ยนที่เป็นความหวังในการโค่นสัตว์เทวะเจอกับอุปสรรค์ในการโจมตีแถมพวกมนุษย์ต่างดาวก็ทำได้แค่คอยดึงความสนใจเท่านั้น
“พวกเรามาช่วยแล้วฮะ”
มีเสียงตะโกนดังลงมาจากด้านบน
มีนามองขึ้นไปตามเสียง
“อ้อ หน่วยโรมมิ่งมาแล้วสินะคะทันเวลาพอดีเลยเชียว”
เธอยิ้มเมื่อเห็นเด็กน้อยชายหญิงในร่างไฮพีเรี่ยนตามมาสมทบ การที่ทั้งสองมาที่นี่หมายความว่างานที่เขตแดนของเบฮีมอทเสร็จสิ้นไปแล้ว
“พอดีเลยล่ะค่ะช่วยทำอะไรกับเจ้าเยลลี่ยักษ์นี่ทีสิคะ”
เด็กชายที่ชื่อเน็กส์เงยหน้ามองสัตว์เทวะแล้วสั่งให้ไซเบอร์อายยูนิททำการวิเคราะห์ แบบนั้นคงจะได้ข้อมูลเรื่องข้อจำกัดที่จะโจมตีเจ้านั่นให้ได้ผลไปเหมือนกัน
“ถ้าให้นิวใช้สกิลเปลี่ยนธาตุพี่ฟูเป็นธาตุลมก็จะโจมตีธาตุสายฟ้าออกเป็นธาตุลมได้นะครับ”
“ถ้างั้นก็ขอรบกวนโดยด่วนเลยล่ะค่ะ”
มีนาพูดไม่ทันขาดคำ ร่างของสัตว์เทวะที่โอบล้อมเมืองจำลองนี้ก็ทำท่าโน้มเอียงจะเทลงมากลบเมืองจำลอง
ราวกับคลื่นสึนามิ
“ต้องรีบหยุดมันก่อนแล้ว”
เน็กส์บินทะยานออกไป เขารู้ว่าจะต้องทำอย่างไรในสถานการณ์เช่นนี้
เพราะเป็นสถานการณ์แบบนี้แหละบิลด์คลาส ‘ควินเอสเซนท์’ (Quintessence) ที่เชี่ยวการเวทธาตุถึงมีประโยชน์มากที่สุด
“วาโย!”
เน็กส์ปลดปล่อยสายลมจากไม้เท้าทั้งสองแล้วหมุนตัวควงสว่านพัดน้ำที่ไหลเข้ามาให้กระจายออกไป
ถึงอย่างนั้นก็ทำได้เพียงแค่ถ่วงให้น้ำไหลลงมาช้าลงเท่านั้น
พวกผู้ชายรอบตัวเอาแต่ใช้กำลังแก้ไขสถานการณ์อย่างเดียว ไม่รู้ว่าเพราะตื่นเต้นที่มันเป็นบอสเลเวลสี่ร้อยหรือว่าเพราอาณาเขตเมืองจำลองของซีเซียมกันแน่
มีนายิ้มเจื่อนให้กับสภาพที่เกิดขึ้น
“ให้ตายสิอีแบบนี้ถึงจะยุ่งยากไปหน่อยแต่คงต้องทำสินะ”
แล้วเปิดหน้าจอสื่อสารต่อสายไปหาอิงศร
‘หืม นั่นเธอเองเรอะ’
“ค่ะ ฉันเอง”
‘แล้วมีอะไร’
“คนรอบตัวพากันโง่ขึ้นมาเพราะโรมานซ์เด็กผู้ชายอะไรนี่แหละค่ะ อีกไม่ถึงนาทีฉันจะโดนสึนามิซัดแล้วจะทำไงดีคะ”
‘หา แล้วไหงเธอถึงดูชิลจังเลยล่ะฟระ’
“ก็มันรู้สึกเอือมจนไม่รู้จะทำหน้ายังไงแล้วนี่คะ ช่างเหอะที่ติดต่อมาเพราะมีของที่อยากจะขอยืมหน่อยน่ะค่ะ”
‘ยืมอะไร’
“แจ็คฟรอสค่ะ เดม่อนแอพของคุณกวินทร์น่ะค่ะต้องการใช้พลังที่ทำให้น้ำเป็นน้ำแข็งด่วนจี้เลยล่ะค่ะ ส่งมาทางนี้ได้ไหมคะ”
‘อ๋อ เธอเคยเห้นฉันส่งโอโรจิไปให้นรินทร์ตอนอยู่ที่เกาะร้างนั่นเลยเข้าใจผิดสินะ’
“หมายความว่าไม่ได้เหรอคะ”
‘ถ้าเป็นเดม่อนแอพจากอาคานาร์เท่านั้นถึงจะส่งได้น่ะ’
มีนาใช้ความคิดอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะถามต่อ
“งั้นถ้าฉันขอใช้อาคานาร์ที่มีพลังแฮกสกิลของปีศาจแฮกเอาพลังของแจ็คฟรอสมาใช้แทนล่ะคะ”
ภาพของอิงศรที่อยู่ปลายสายทุบมือดังปึก
‘จะว่าไปน่าจะได้นะ’
หลังจากนั้นอาคานาร์ เดอะ ทาวเวอร์ ก็ตกลงมาอยู่ในมือได้อย่างน่าอัศจรรย์
ราวกับมีเวทมนตร์เลยทีเดียว
เสียงของอิงศรดังมาอีกว่า
‘รอแปปหนึ่งนะ’
เด็กหนุ่มหายตัวไปจากหน้าจอแต่ก็ยังมีเสียงดังแว่วมาจากฟังนั้น
‘กวินทร์มานี่แปปหนึ่งสิ’
‘พี่ศรเรียกผมเหรอครับ’
‘ยืมตัวนายหน่อย’
‘จะทำอะไรน่ะครับ หวา’
ใบหน้าของกวินทร์แปะแผละเข้ามาที่หน้าจอ
เสียงของอิงศรดังตามมา
‘เอ้า รีบใช้อาคานาร์แฮกสกิลหมอนี่เลยสิ’
‘อาอำอาไออ่ะอับ’ (จะทำอะไรอ่ะครับ)
มีนาตีสีหน้าลำบากใจแต่ก็ทำตามที่อิงศรบอก ยื่นอาคานาร์เข้าไปใกล้หน้าจอ
ตัวไพ่เปล่งแสงสว่างแล้วหายไป จากนั้นมือของเธอเปล่งแสงสีน้ำเงินออกมาแทน
รู้สึกได้ถึงพลังที่เย็นเยียบไหลเวียนอยู่ที่มือของตนเอง
“เดม่อนแอพแจ็คฟรอส แช่แข็งทั้งหมดนี่เดี๋ยวนี้เลยค่ะ”
มีนาหันมือไปยังจุดที่หัวของสัตว์เทวะชะโงกหน้ามองดูพวกเขาถูกคลื่นสึนามิที่มันสร้างถมใส่อย่างเย็นใจ แล้วปล่อยลำแสงจากมือ
ทันทีที่ลำแสงคำสาปของแจ็คฟรอสสัมผัสถูกมัน ร่างที่เป็นน้ำก็เริ่มจับตัวแข็งเป็นก้อนน้ำแข็ง
ใช้เวลาไม่นานนักทั้งหมดก็แข็งโป๊กไปหมดกระทั่งน้ำบนผิวน้ำก็จับตัวแข็งเป็นลานสเก็ตซ์ พวกมนุษย์ต่างดาวที่ไถลอยู่บนผืนน้ำเมื่อครู่เท้าติดอยู่บนนั้นกันหมด
ทั้งที่พลังของปีศาจน้ำแข็งระดับแจ็คฟรอสของกวินทร์ไม่น่าจะทำได้ขนาดแช่แข็งทะเลทั้งหมดแบบนี้
“หรือว่าเพราะร่างไฮพีเรี่ยนของเราสนับสนุนพลังของเดม่อนแอพด้วยสินะ”
มีนาตั้งข้อสมมติฐานขึ้นมาและรู้สึกตื่นเต้นไปกับพลังที่เพิ่งจะรับรู้มาใหม่
เมื่อสัตว์เทวะกลายเป็นก้อนน้ำแข็งการโจมตีกายภาพและการโจมตีที่ไม่ได้ผลก่อนหน้านี้ก็กลับกลายเป็นได้ผลขึ้นมา ร่างน้ำแข็งที่ถูกทำลายลงส่งผลกับแถบพลังชีวิตของมัน
Grand God Beast: Leviathan Lv.400
[////.14900:20000…..]
อีกไม่นานคงจัดการสัตว์เทวะตัวนี้แล้วเริ่มการค้นหาที่ตั้งของเสาส่งพลังงานได้หลังจากนั้น
ดังนั้นเธอจึงหันไปบอกกับเน็กส์และนิว
“ทั้งสองคนไปช่วยคุณนรินทร์ที่เขตต่อไปได้เลยค่ะที่นี่เดี๋ยวพวกฉันจัดการกันเองค่ะ”
เด็กทั้งสองพยักหน้าให้แล้วบินจากไป
@@@@@@@@
“เร็วเหมือนกันเนอะ”
เน็กส์พูดกับนิวขณะที่พวกเขากำลังบินฝ่าชั้นบรรยากาศของเขตแดนสุดท้าย
บรรยากาศรอบๆ ขมุกขมัวมีแต่เมฆเต็มไปหมดจนมองไม่เห็นสภาพของเขตแดน ยังต้องดำดิ่งลงไปมากกวานี้ให้พ้นจากชั้นบรรยากาศทัศนวิสัยคงจะดีขึ้นเอง
เน็กส์จ้องมองนิวที่ทำหน้าเหมือนกลุ้มใจดังนั้นเขาเลยถาม
“นิวเหนื่อยรึยัง”
“ยังเลยที่จริงแล้วแทบจะไม่ได้ทำอะไรเลยเพราะเน็กส์เล่นจัดการอยู่คนเดียวเลยนี่นา”
เด็กสาวพูดจาตัดพ้อเล็กน้อย ดูเหมือนจะไปทำให้เธอรู้สึกน้อยใจเข้าเสียแล้ว
ทั้งที่เขาคิดว่าจะพยายามเพื่อไม่ให้เธอต้องเจอกับอันตรายแต่ดูเหมือนจะพยายามมากเกินไป
“เอาน่า ตัวต่อไปเป็นสัตว์เทวะที่เก่งมากๆ ด้วยคราวนี้แหละพลังของนิวต้องเป็นประโยชน์แน่”
เขาพยายามพูดให้กำลังใจ
ตอนนั้นเอง หน้าจอสื่อสารก็เปิดตัวขึ้น
ต่อสายมาจากนรินทร์ที่พวกเขากำลังจะตามไปสมทบ
จังหวะพอดีเอามากๆ จนน่ากลัว
น่ากลัวว่าสัตว์เทวะอาจจะถูกจัดการไปแล้วถ้าเป็นแบบนั้นนิวคงได้รู้สึกไม่ดีเข้าไปอีกแหง
ยังไม่มีเสียงพูดดังมาจากปลายสายแต่มีเสียงคลื่นรบกวนดังเอามากๆ
เสียงดัง ซ่า ซ่า ซ่า
และแล้วก็มีเสียงตะโกนดังลอดมา
‘เน็กส์! ตอนนี้อยู่ที่ไหน’
เสียงของนรินทร์ดังมา
“ครับ พวกเรากำลังจะไปถึงเดี๋ยวนี้แหละครับ”
‘ถ้างั้นรีบกลับไปเดี๋ยวนี้! อย่ามาที่นี่...’
เสียงขาดหายไปตรงนั้น มีคลื่นรบกวนดังแทรกเข้ามามาก
ไม่สิ มันไม่ใช่เสียงคลื่นรบกวนแต่เป็นเสียงลมพัดแล้วก็เป็นลมที่รุนแรงน่าจะเรียกว่าพายุได้เลย
เขานึกภาพออกแค่ว่านรินทร์ติดต่อมาโดยลอยเท้งเต้งอยู่กลางพายุหรือเปล่า แต่ถึงอยากจะถามก็ทำไม่ได้แล้วสายถูกตัดไป
เขามองหน้ากับนิว
‘ไปต่อ’ หรือ ‘หยุดตามที่พี่นรินทร์สั่งมา’
พวกเขาพยักหน้าให้กันแล้วเลือก ‘ไปต่อ’
ความอยากรู้อยากเห็นมากพอๆ กับความเป็นห่วงได้นำทั้งสองลงจากชั้นบรรยากาศที่เต็มไปด้วยเมฆ ออกมาเจอกับสภาพของเขตแดน
“ว้าย!!”
“อุ๊บ!”
ทั้งสองกรีดร้องเพราะมีสายลมพัดกระหน่ำมาทำเอาร่างทบจะปลิวไปตามแรงลม
เน็กส์พยายามลืมตาท่ามกลางลมแรงนั่นโดยเอามือป้องกันดวงตาแล้วเปิดใช้งานไซเบอร์อาย
ทัศนวิสัยรอบตัวเปิดโล่งไม่มีเมฆหมอกก็จริงแต่ลมพัดแรงมากจนแทบลืมตาไม่ได้
ภายในเขตแดนนี้นอกจากลมแรงแล้วก็มีแผ่นดินลอยเคว้งอยู่กลางท้องฟ้ากว้างไร้ขอบเขต
เป็นแค่เศษซากแผ่นดินที่ไม่รู้เคยเป็นอะไรมาก่อน สภาพแวดล้อมของที่นี่ก็เปลี่ยนไปจากข้อมูลตอนประชุมแผนเหมือนกัน ทีแรกที่นี่เป็นเมืองถูกลมหอบเอาไว้กลางอากาศเท่านั้นสมรภุมิรบเลยตั้งใจว่าจะรบกันทางอากาศถึงได้ส่งทัพมนุษย์ต่างดาวที่มีบิลด์คลาสแอร์ฟอร์ซมา แต่ว่าช่วงที่พวกเขาไม่จับตาดูกันเมืองคงถูกฉีกเป็นชิ้นจนเหลือเพียงแค่หย่อมแผ่นดินลอยเคว้งคว้างอยู่แค่นี้
เน็กส์พยายามติดต่อไปหานรินทร์ใหม่
“พี่รินฮะมันเกิดอะไรขึ้น พี่รินตอบหน่อยฮะ”
แต่ไม่มีการตอบกลับมาจากหน้าจอสื่อสาร
‘.....’
“พี่ริน”
เน็กส์พยายามเรียกต่อไปแล้วก็สอดส่ายสายตามองหาภายในเขตแดนไปด้วยแต่ก็ไม่พบวี่แววของใครทั้งนั้น
จู่ๆ ก็มีสายซ้อนเข้ามา เป็นสายจากพลอยที่เขตแดนของเบฮีมอท กับ มีนาจากเขตแดนของเลเวียธาน
‘เน็กส์ นิวกลับมาช่วยทางนี้ได้ไหมสัตว์เทวะมัน...’
เสียงของพลอยดูกระวนกระวายเป็นอย่างมาก ขณะเดียวกันเสียงของมีนาก็ดูร้อนรนมากด้วยเช่นกัน
‘ทางนี้ก็อยากได้กำลังเสริมเหมือนกันค่ะ...’
ตอนท้ายของการสื่อสารก็มีเสียงกรีดร้องของทั้งคู่ดังออกมาแล้วสายก็ตัดไป
“พี่พลอย พี่มีนา”
นิวถามมาด้วยสีหน้าไม่สู้ดีนัก
“เน็กส์มันเกิดอะไรขึ้นน่ะพวกพี่ๆ เขาเป็นอะไรไป”
เด็กสาวยังใช้แขนเสื้อบังสายตาจากลมเอาไว้ทำให้มองไม่เห็นสิ่งที่เกิดขึ้น
“ไม่รู้สิ จะลองถามที่เรือก่อนก็แล้วกัน”
เน็กส์เริ่มต่อสายใหม่อีกครั้ง ซากิริที่อยู่บนเรือรับสายพวกเขา
‘พวกเธอสองคนปลอดภัยดีงั้นเหรอ’
“นี่มันเกิดอะไรขึ้นน่ะครับ”
‘เรื่องนั้นช่างมันก่อนเถอะพวกเธอสองคนรีบออกมาเดี๋ยวนี้เลยกลับมาตั้งหลักที่นี่ก่อน’
“เอ่ ทำไมล่ะครับ”
‘หน่วยจู่โจมที่อยู่ที่เขตแดนของซิสถูกทำลายไปหมดแล้วน่ะสิ’
“ไม่จริงน่า พี่รินกับพี่มิกซ์น่ะเหรอฮะ”
‘นี่เรื่องจริงนะแล้วก็เขตแดนอีกสองที่ก็ขาดการติดต่อไปเหมือนกันตอนนี้เรายังไม่รู้สถานการณ์แน่ชัดเพราะงั้นรีบ...’
เสียงของซากิริถูกกลบไปด้วยเสียงคำราม
เสียงคำรามอันน่าสะพรึงของสิ่งมีชีวิตขนาดมหึมา
“อะไรน่ะ”
เน็กส์พยายามมองออกไปข้างหน้า
“เหวอ!”
แล้วเด็กชายก็ตระหนักถึงตัวตนที่ทำลายหน่วยจู่โจมของนรินทร์กับมิกซ์
สิ่งนั้นคือ ‘ลม’ นั่นเอง
ลมซึ่งพัดหอบเอาซากปรักมากมายมาหมุนวนอยู่บนร่างที่เป็นลมทั้งตัวของมันเป็นลมพายุที่มีชีวิต
พายุนั่นก่อตัวเป็นวิหกขนาดมหึมา
Grand God Beast: ZIZ
[/////20000:20000/////]
***อากาศเปลี่ยนทีไรท์ภูมิคุ้มกันก็บ้างบางซะเหลือเกิน หวัดกินอีกแย้วง่า~~~ ตอนต่อไปน่าจะลงวันพุธทันเพราะงานหลักเคลียไปเยอะแล้วเหมือนกัน รอลุ้นกันเนอะแต่ใครขี้เกียจลุ้นก็รออ่านวันพฤหัสแทนเลยก็ได้ โอเมก้า***
นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ

318 ความคิดเห็น
-
#280 อสูรไร้ลักษณ์ (จากตอนที่ 289)วันที่ 10 ธันวาคม 2561 / 09:50อืม.....ก็สมเป็นระดับมหาภัยภิบัติทั้งสามล่ะนะ(ขอให้กลับมาสุขภาพดีไวๆนะครับ)(ทำไมไรต์ชอบลงท้ายว่า "โอเมก้า!" ด้วยนา......)#2801
-
#280-1 R@ji(จากตอนที่ 289)10 ธันวาคม 2561 / 12:13วันนี้ดีขึ้นนิดหน่อยละฮับ ซู้ดดด(สูดน้ำมูก) ส่วนทำไมถึงโอเมก้าน่ะรึ ก็เพราะว่าโอเมก้าคือโอเมก้ายังไงล่าะฮับ โอเมก้าาา#280-1
-
-
#278 maruchan (จากตอนที่ 289)วันที่ 10 ธันวาคม 2561 / 08:27หายป่วยไวๆนะครับ#2781
-
#278-1 R@ji(จากตอนที่ 289)10 ธันวาคม 2561 / 12:10ขอบคุณครับ#278-1
-