ตอนที่ 267 : Extra Log 263: ราชสีห์ผู้มีหัวใจ
Extra Log 263: ราชสีห์ผู้มีหัวใจ
ท่ามกลางซากเมืองที่ลุกดชนด้วยเพลิงไฟ
ไฟไหม้
ไฟไหม้
ซากอาคาร
ไฟไหม้
ไฟไหม้
รอบตัวมีแต่ซากปรักหักพังกับเปลวเต็มไปหมด ไม่มีสิ่งมีชีวิตอื่นอยู่ที่นี่เลย ที่นี่มีแค่แฟรนเซียมกับ...
“เอาไปกินซะเจ้าเครื่องทำสวน”
แฟรนเซียมตวัดดาบที่บรรจุสายฟ้าจากสกิลขึ้นไปด้านบน สายฟ้าพุ่งออกไปแต่สลายตัวทันทีก่อนจะเข้าถึงตัวมังกรจักรกลที่บินฉวัดเฉวียนอยู่บนท้องฟ้า
แจนนูวาร์มมาร์ ผู้ที่วัชพืชหวาดหวั่น เป็นถึงหัวหน้าของเหล่าเครื่องทำสวนมีพลังสู้รบมากที่สุดเลยก็ว่าได้ ต่อให้ทางนี้เป้นราชามนุษย์ต่างดาวระดับก็ยังแตกต่างราวฟ้ากับเหว แค่เอาชีวิตรอดมาได้สองชั่วโมงก็นับเป็นปาฏิหาริย์แล้ว
แฟรนเซียมเดาะลิ้น
“ชิ”
เมื่อการโจมตีไม่เป็นผลเขาจึงหันหลังหนี พยายามก้มตัวให้ต่ำเพื่อหลบจากเปลวไฟที่มังกรพ่นลงมา
ไอร้อนพุ่งเฉียดหัวเขาไปเล็กน้อย แฟรนเซียมเกลี่ยสาตามองรอบตัวเพื่อหาที่หลบ
“เจอแล้ว”
แฟรนเซียมถีบตัวพุ่งไปด้านข้าง มุดตัวลอดผ่านโพรงที่เกิดจากซากของอาคารถล่มลงมาซ้อนทับกันตอนนี้จึงหลบเลี่ยงสายตาของเครื่องทำสวนไปได้ซักพักหนึ่ง
แฟรนเซียมหอบหายใจ เขาเพิ่งจะได้มีเวลาพักหายใจ แต่ปริมาณออกซิเจนที่มีเหลืออยู่ในพื้นที่ก็ลดน้อยลงเพราะเปลวไฟและควันไฟที่ลอยคลุ้งไปทั่วจนแทบจะหายใจเอาออกซิเจนเข้าไปไม่ได้ ถ้าหากว่าร่างมนุษย์ต่างดาวไม่กรองอากาศดีได้เองแล้ว เขาคงได้หมดสติไปเพราะอากาศไม่พอแบบมนุษย์ธรรมดาคนหนึ่ง
แล้วทีนี้จะเอาไงต่อ...
เขาเฝ้าคิดหาคำตอบให้คำถามนั้นมาสองชั่วโมงตั้งแต่เริ่มการทดสอบ การทดสอบล้างแค้น ที่ไม่มีทางเอาชนะได้
ถ้าหากว่ามีอาซีดาฮากาอยู่ในมือตอนนี้ล่ะก็ผลลัพธ์คงจะต่างออกไปนิดหน่อย แต่มัวพร่ำเพ้ออยู่กับของที่มันไม่มีนั้นไม่สมกับเป็นตัวเขาเอาซะเลย
เพราะว่าพ่ายแพ้ให้อิงศรไป พอถูกซีลอร์ดชุบชีวิตพลังที่ได้มาจากราหูดันไม่ได้กลับคืนมาด้วยมีแต่พลังดั้งเดิมของตัวเอง แล้วในสถานการณ์แบบนี้ก็ยังโดนให้อาวุธที่ไม่ได้ติดตั้งแอพพลิเคชั่นปีศาจมาเลยซักตัวอีก
แฟรนเซียมเริ่มมองหาทางอื่นนอกจากการต่อสู้ อย่างไรเสียนี่ก็คือบททดสอบไม่ใช่การต่อสู้กันจริงๆ
“นั่นสิ ถ้านี่เป็นของจริงป่านนี้เราตายไปนานแล้ว”
เพราะพลังที่แตกต่างกันมากแถมเครื่องทำสวนก็โกรธแค้นในสิ่งที่เขาทำลงไปก่อนจะมาถึงตอนนี้ โกรธจนแทบอยากจะฆ่าเขาให้ตาย ซึ่งก็คงทำได้ง่ายๆ แต่จนถึงตอนนี้เขายังคงไม่ถูกฆ่า
นั่นหมายความว่าการทดสอบนี้ให้แก้โจทย์หรือตีความอะไรบางอย่างเพื่อหาคำตอบ แล้วคำใบ้ที่มีก็คือชื่อของการทดสอบ ‘การทดสอบล้างแค้น’
นั่นมันหมายความว่ายังไงกันแน่
เจ้ามังกรนั่นอยากจะล้างแค้นเขาถ้าอย่างนั้นเพื่อให้ผ่านการทดสอบก็ต้องยอมให้มันฆ่าอย่างนั้นรึเปล่า สถานการณ์ตอนนี้มันชวนให้คิดแบบนั้น ถ้ายอมออกไปให้มันฆ่ามันจะปรบมือแล้วบอกว่า ‘ยินดีด้วยคุณผ่านแบบทดสอบแล้ว’ อย่างนั้นหรือเปล่า
ไม่มีทางเป็นแบบนั้นอยู่แล้ว ถ้าจะทำก็ต้องหาเหตุผลสนับสนุนที่ดีกว่านี้หรือไม่ก็แผนที่จะทำอย่างนั้น เช่นการหลอกล่อให้ตายใจให้คิดว่าเขายอมจำนนแล้วอาศัยเวลาในเสี้ยววินาทีที่อีกฝ่ายเผลอจัดการในทีเดียว มันคงจะเป็นไปได้ถ้าพลังกับระดับฝีมือไม่ต่างกันเกินไปนัก ซึ่งตัวเขาตนนี้เทียบอีกฝ่ายไม่ได้เลย
“บ้าจริง มันอยากให้ฉันรับผิดชอบยังไงกันแน่”
แฟรนเซียมสบถด้วยความหัวเสีย
“เดี่ยว..รับผิดชอบเรอะ”
เขาทวนคำพูดของตัวเอง แล้วก็เหมือนจะนึกอะไรขึ้นมาได้
“…”
เหลือเรี่ยวแรงพอให้หลบหนีต่อไปได้อีกมากถ้าไม่จบการทดสอบนี้ทันทีทุกอย่างก็จบ
“วัดดวงเอาสินะ”
แฟรนเซียมกระชับดาบในมือแล้วมุดโพรงที่เข้ามากลับออกไปด้านนอก แล้วเมื่อเงยหน้ามองขึ้นไปก็เห็นเครื่องทำสวนลอยอยู่
เครื่องทำสวนเองก็เห็นเขาแล้วเหมือนกัน มันอ้าปากเตรียมจะพ่นไฟลงมา แต่แฟรนเซียมไม่ขยับเท้า เขายืนเผชิญหน้ากับอีกฝ่ายอย่างตรงไปตรงมา
เปลวไฟพวยพุ่งออกมาจากปากของมังกร ไฟครอกร่างเขา แต่กว่าร่างกายของมนุษย์ต่างดาวจะรับรู้ถึงความเจ็บปวดก็ผ่านไปเกือบสามวินาทีได้ เมื่อเริ่มรู้สึกว่าทรมานแฟรนเซียมก็ยกดาบชูขึ้นไปข้างบนแล้วร่ายสกิลด้วยเสียงอันดัง
“อควอเชิร์ก (Aqua Surge)”
สายน้ำพวยพุ่งจากปลายดาบ น้ำย้อนตกลงมาตามแรงโน้มถ่วงดับไฟที่ครอกร่างลงไป แต่ถึงจะดับไฟได้ความเสียหายที่ได้รับก็ยังคงมีอยู่
Francium Lv. 144 [/////960450:100000//...]
พลังชีวิตลดลงไปพอสมควรแต่ยังไม่อยู่ระดับที่เป็นอันตราย ถึงอย่างนั้นในสถานการณ์แบบนี้ก็ควรจะหนี...
แต่แฟรนเซียมยังคงยืนอยู่ที่เดิม ช้อนสายตาจ้องเขม็งไปที่เครื่องทำสวน
แน่นอนว่าถึงทำแบบนั้นไปก็ข่มขู่หรือทำให้มันหยุดไมได้ มังกรพ่นไฟลงมาอีก แฟรนเซียมถูกไฟครอกแล้วเขาก็ใช้สกิลเรียกน้ำมาดับไฟอีก วนกันอยู่อย่างนั้น
สิ่งที่ลดลงไปเรื่อยๆ คือพลังชีวิตของแฟรนเซียมที่กระเถิบลงมาจนถึงขีดจำกัด
Francium Lv. 144 [/....1500:100000…..]
แฟรนเซียมทรุดเข่าลงไปข้างหนึ่ง ร่างกายเหลือเรี่ยวแรงไม่พอจะทรงตัวแล้ว
ครั้งต่อไปที่ถูกโจมตีอีกคงต้องตายอย่างแน่นอน
“ในที่สุดก็สำนึกในความผิดของตัวเองแล้วสินะ”
เครื่องทำสวนกล่าว
ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไมมันถึงได้หยุดมือเอาตอนที่จะฆ่าเขาได้ แต่แฟรนเซียมก็ตอบคำถามนั้นกลับไปตามความจริง
“อา สำนึกแล้ว”
เขานึกสำนึหความผิดบาปของตัวเองตั้งแต่ตอนที่คืนชีพกลับมาแล้ว
“ถ้างั้นก็จงตายชดใช้ความผิดซะ”
มังกรกล่าวแล้วอ้าปากเตรียมจะพ้นไฟปลิดชีพเขา
แต่ว่า ตรงนี้เองที่แฟรนเซียมเล็งเอาไว้
เขามองแบบทดสอบนี้ออกแล้ว การที่เครื่องทำสวนหยุดมือแล้วพูดคุยกับเขาก่อนจะลงดาบสุดท้ายมันช่วยยืนยันแล้วว่าความคิดนี้ถูกต้อง เขารีบแสดงคำตอบออกไปทันที
“แต่ฉันจะไม่ตาย”
ได้ผล มังกรชะงักไปแวบหนึ่ง มันหุบปากลงแล้วส่งเสียงครางคำรามมาแทน
“ว่าไงนะ!!”
แฟรนเซียมยันตัวลุกขึ้นทั้งที่สะบักสะบอมจนน่าจะยืนไม่ไหวแล้วด้วยซ้ำ แต่เขาก็ยืนขึ้นแล้วช้อนสายตาประจันหน้ากับอีกฝ่ายที่มองลงมา
“เครื่องทำสวน แกบอกว่าการทดสอบนี่คือการทดสอบแห่งการล้างแค้นสินะ ถ้าจะล้างแค้นก็คือถามหาความรับผิดชอบจากฉันงั้นสินะ ถ้างั้นฉันจะแสดงความรับผิดชอบนั่นโดยการให้แกทำร้ายจนกว่าจะพอใจแต่ว่าฉันจะไม่ยอมตายเด็ดขาด”
“แล้วถ้าข้าบอกว่าการตายของเจ้าถึงจะชดใช้ความผิดทั้งหมดที่ก่อไว้ได้เจ้าจะว่ายังไง”
เมื่อมังกรกล่าวมาอย่างนั้น แฟรนเซียมก็ฉีกยิ้มอย่างเยือกเย็น
เขาตอบมังกรไปว่า
“ผิดแล้วเครื่องทำสวน ถ้าฉันตายไปความรับผิดชอบนี้จะไม่ถูกสานต่อ”
“…”
มังกรขยับส่วนหัวของมันเล็กน้อย ดูเหมือนจะมีปฏิกิริยากับคำพูดเมื่อครู่อยู่จริงๆ
แฟรนเซียมเดินหน้าต่อทันที คิดว่าตัวเองมาถูกทางแล้ว
“ฉันแพ้อิงศรไปแล้วครั้งหนึ่งแล้วก็ได้หมอนั่นช่วยชีวิตเอาไว้ ฉันที่คิดว่าสูญเสียหัวใจไปหมดแล้วไม่คิดจะเข้าใจเรื่องความรับผิดชอบอะไรนั่นหรอกเพราะว่าตัวฉันคือความถูกต้องสูงสุดในตอนนั้นมันมีแค่นั้นเอง แต่หมอนั่นก็ทำให้ฉันได้หัวใจกลับคืนมามันทำให้ฉันเข้าใจขึ้นมาด้วยว่าการแสดงความรับผิดชอบไม่ใช่การตายไปอย่างไร้ค่าแบบนี้ หัวใจของฉันมันบอกว่าทางเดียวที่จะแสดงความรับผิดชอบต่อสิ่งที่ฉันก่อเอาไว้ก็คือการต่อสู้เพื่อให้โลกนี้ก้าวต่อไปข้างหน้า ต่อสู้ร่วมกับหมอนั่นในทางที่ถูกต้องตามที่หัวใจชี้นำ”
มังกรได้ฟังดังนั้นก็ส่งเสียงฮึดฮัด พลางปล่อยไอร้อนระอุจากปาก ไอร้อนลอยขึ้นด้านบนไม่ได้ปล่อยมาเป็นการโจมตีแต่อย่างใด
“ดี”
เสียงคำรามของมันดังกึกก้องราวกับฟ้าร้อง
“ข้า แจนนูวาร์มมาร์ ผู้ที่วัชพืชหวาดหวั่น ไม่มีวัชพืชต้นใดจะยืนต้นอยู่ได้ต่อหน้าข้าผู้นี้เว้นแต่ วัชพืชที่มีหัวใจ เจ้าแสดงสิ่งที่ข้าอยากจะเห็นออกมาแล้ว คำตอบของการทดสอบการล้างแค้นในครั้งนี้คือ ‘ความรับผิดชอบ’ ซึ่งมีแต่ผู้ที่หัวใจเท่านั้นถึงจะมีมันได้ ความรับผิดชอบจะเกิดขึ้นจากหัวใจที่เข้าอกเข้าใจผู้อื่น เจ้าผ่านการทดสอบแล้ว”
ได้ยินดังนั้นแฟรนเซียมก็แค่นเสียงอย่างเซ็งๆ
“เหอะ ถ้ารู้แล้วก็อย่าทำให้เสียเวลานักเลยน่า”
เป็นการทดสอบที่เสียเวลาไปอย่างเปล่าประโยชน์เสียจริง แฟรนเซียมคิดอย่างนั้น
หากว่าเอาเวลาทำแบบนี้ไปเพิ่มโอกาสในการเอาชนะสงครามกับราหูได้คงจะดีกว่ามาหวังพึ่งพาพลังของพวกเครื่องมือของพระเจ้าที่ตรรกะแข็งทื่อเป็นไม้บรรทัดพวกนี้เป็นไหนๆ
ทว่าแจนนูวาร์มาร์ก็ได้พูดตักเตือนมา
“แต่จงจำเอาไว้ในหัวใจของเจ้าด้วยเมื่อใดที่เจ้าหันดาบไปผิดทางอีก เมื่อตอนนั้นข้านี่แหละที่อยู่ต่อหน้าดาบของเจ้า!!”
เสียงคำรามนั้นแทบจะทำเอาตัวเขาปลิวไปกับลมที่พุ่งออกมาจากปากของมัน
....ขณะเดียวกันอีกด้านหนึ่ง....
ในการทดสอบของฟูซึ่งถูกตั้งโจทย์โดยชายร่างกำยำคนนึ่ง
ชายคนนั้นแต่งตัวอย่างชาวไร่ชาวสวน สวมหมวกงอบที่สานจากไม้
จมูกบานใหญ่ เขี้ยวงอกขึ้นจากฟันด้านล่างยาวโง้งจนเก็บไว้ในปากไม่ได้
หางแมงป่องส่ายไปมาอยู่ด้านหลัง
เขาคือร่างจำแลงของเครื่องทำสวนที่ควบรวมจักรราศีแมงป่องและปีนักษัตรหมู เข้าไว้ด้วยกัน
โนเวมโบอาร์ ผู้ขุดค้นแห่งสวนศักดิ์สิทธิ์
สถานที่ทดสอบคือแปลงดินที่เพิ่งจะพรวนดินใหม่ๆ มีแม่น้ำไหลผ่านอยู่ข้างๆ ถัดไปจากนั้นก็คือภูเขาและทิวทัศน์ของธรรมชาติ
สิ่งที่ฟูกำลังเพ่งเล็งความสนใจในตอนนี้คือหลุมตรงหน้า หลุมลึกซึ่งถูกขุดโดยฝีมือของโนเวมโบอาร์ ข้างใต้หลุมนั่นมีหัวมันสองสามลูกที่ถูกโยนตามลงไปหลังจากนั้น
โจทย์ที่ได้รับมาให้ทำการทดสอบก็คือเอาหัวมันขึ้นมาจากหลุมโดยที่ห้ามปีนลงไปในหลุม และไม่มีอุปกรณ์อะไรให้
หลังจากใช้ความคิดอยู่นาน ฟูก็นึกคำตอบออก เขาเปลี่ยนร่างตัวเองเป็นมนุษย์หมาป่าแล้วมุ่งหน้าไปที่แม่น้ำใช้มือที่กลายเป็นอุ้งเท้าตะกุยดินบริเวณนั้นด้วยพลังมหาศาลจากความเป็นครึ่งปีศาจ ใช้เวลาไม่นานนักฟูก็ขุดดินจากริมแม่น้ำเป็นทางจนมาเชื่อมกับหลุมที่มีหัวมัน
น้ำไหลมาตามร่องดินที่ขุดไว้ไหลทะลักลงไปจนเอ่อล้นออกจากหลุม รวมถึงหัวมันที่ลอยตามน้ำขึ้นมาด้วย ฟูคืนร่างกลับเป็นมนุษย์แล้วใช้มือมนุษย์เก็บหัวมันพวกนั้นขึ้นมาส่งให้โนเวมโบอาร์
“เอ้า แค่นี้ก็พอใช่ป่ะ”
โนเวมโบอาร์พยักหน้า
“การทดสอบของเจ้าคือการทดสอบไหวพริบ สิ่งที่ข้าต้องการให้เจ้าแสดงออกมาคือความหลักแหลมในการ ‘ประยุกต์’ การที่สามารถเอาสิ่งรอบตัวมาใช้ได้แม้แต่พลังของธรรมชาติคือสิ่งที่ ผู้ขุดค้นแห่งสวนศักดิ์สิทธิ์อยากจะเห็น”
“ถ้างั้น”
“อืม เจ้าผ่าน…”
.....ขณะเดียวกันอีกด้านหนึ่งนั่นเอง...
“คำตอบคือ คันเร่ง”
มิกซ์พูดพร้อมกับชูป้ายไวท์บอร์ดขนาดพกพาที่เขียนคำว่า ‘คันเร่ง’ ปากกาเมจิกสีน้ำเงินที่ได้รับมาจากเครื่องทำสวนที่ทำการทดสอบเขา
สถานที่ทดสอบคือห้องที่ไม่มีทั้งประตูและหน้าต่าง มีเฟอร์นิเจอร์แค่เก้าอี้ตัวที่เขานั่งอยู่เท่านั้น
เขานั่งหันหน้าเข้าหาเด็กผู้หญิงที่สวมชุดนอนปาจามา(Pajama) สีชมพูและยืนกอดหมอนข้างพลางสัปหงกต่อหน้า
เด็กผู้หญิงผิวสีขาวผุดผ่อง เส้นผมนุ่มยาวและหยิกหยอยเหมือนขนแกะ
ใบหูเรียวแหลมและมีเขาม้วนงอกบนศีรษะ
ใบแก้มอวบอิ่ม รูปร่างค่อนข้างท้วมนิดหน่อย ส่วนสูงเท่าเด็กเจ็ดขวบเห็นจะได้
‘เอกาพริลุสซาร์ ผู้ขับกล่อมแห่งสวนศักดิ์สิทธิ์’
คิดว่าเธอพูดไว้แบบนั้นก่อนจะให้ป้ายไวท์บอร์ดกับปากกาเมจิกมา บอกให้เขาแก้ปริศนาทายคำจากรูปบนหน้าจอระบบเกมที่ลอยอยู่ข้างหลังหล่อนแล้วผลอยหลับไปทั้งที่ยังพูดอยู่ แต่หล่อนเองก็พูดไปหลับตาไปเหมือนคนนอนละเมออยู่แล้ว บางทีอาจจะตื่นอยู่ก็ได้
“งึมงำ งึมงำ”
เด็กหญิงส่งเสียงครางหลังจากที่มิกซ์แสดงคำตอบได้ไม่นาน
“เอ่อ ถูกไหมครับ”
มิกซ์ถาม ถึงจะรู้สึกไม่ดีที่ต้องปลุกคนกำลังนอนแต่ว่านี่เป็นการทดสอบถ้าเธอไม่ตื่นขึ้นมาเฉลยเขาก็จะไม่ผ่านมัน
เอกาพริลุสซาร์มีปฏิกิริยา ปากของเธอเริ่มจะขยับแม้ว่าจะยังหลับตาและหนุนหัวพิงหมอนข้างที่กอดอยู่ก็ตาม
“แบะแบะ การทดสอบแห่งปัญญา เอกาพริลุสซาร์ ได้เห็นปัญหาอันกว้างขวางของเจ้าแล้ว การทดสอบผ่าน…”
“ควรจะดีใจ ดีไหมนะ”
มิกซ์รู้สึกลังเล ถึงแม้จะยินดีกับการผ่านบททดสอบก็ตามแต่แบบนี้มันก็ออกจะ....
“ง่ายไปรึเปล่าน้า~”
เขาพูดกับตัวเองทีได้แต่ยิ้มแห้งๆ แทนที่จะแสดงความยินดีออกมาอย่างเต็มที่
.....ขณะเดียวกันอีกด้านหนึ่งนั่นเอง...
พลอยก็ถูกทดสอบเช่นกันโดยหญิงสาวผู้งดงามคนหนึ่ง
หญิงสาวไว้ผมยาว เรือนผลสีดำมีความมันเงา
ใบหน้าเรียวได้รูปดูงดงามเป็นอย่างยิ่ง แต่ผิวซีดขาวราวกับไม่มีเลือด
มือเป็นพังพืด ในปากมีเขี้ยวงอกจากฟันด้านบน แล้วครั้งที่ได้พบก็เห็นหล่อนฉีกปากกว้างขณะกำลังหาว ซึ่งปากนั้นอ้าได้ราวกับไม่มีขากรรไกรเหมือนกับงูไม่มีผิด
เวโนมาชาร์ ผู้ไหลเวียนแห่งสวนศักดิ์สิทธิ์ ได้มอบบททดสอบแห่งการ ‘แยกแยะ’ แก่เธอ
สถานที่ทดสอบเป็นห้องปิด มีโต๊ะยาวที่วางกระบะเหล็กอยู่สองอัน ใบหนึ่งใส่ต้นสมุนไพรหลากหลายชนิดรวมกันอยู่ ส่วนอีกกระบะนั้นว่างเปล่า บททดสอบที่พลอยได้รับมาคือให้แยกสมุนไพรออกมาไว้ที่อีกกระบะซึ่งว่างเปล่า เมื่อทำเสร็จแล้วเวโนมาชาร์จะปรุงยาโดยใช้สมุนไพรจากกระบะทั้งสองทำเป็นยากระบะละขวด
สิ่งที่พลอยต้องทำก็คือคัดแยกสมุนไพรที่ถ้าอยู่ด้วยกันจะแย่ แต่ถ้าอยู่รวมกันจะดี ออกไปวางในแต่ละกระบะ เนื่องจากอาชีพรองของเธอคือนักปรุงยาจึงมีความรู้เรื่องพวกนี้เป็นทุนเดิม เหมือนกับอิงศรที่มีอาชีพรองเป็นนักประดิษฐ์จึงมีความรู้ในการสิ่งประดิษฐ์ต่างๆ เพราะว่าเกมมอบความรู้ติดตัวพวกนี้ให้นั่นเอง
เมื่อพลอยแยกสมุนไพรเสร็จ เวโนมาชาร์ก็นำสมุนไพรจากแต่ละกระบะยัดใส่หน้าจอผสมยาซึ่งเป็นระบบสร้างยาพื้นฐานที่มีอยู่แล้ว ซึ่งใครก็สามารถเรียกหน้าจอนี้ได้ถ้ามีสกิลของอาชีพรองที่เกี่ยวกับการปรุงยาสมุนไพร
ยาที่ออกมาแต่ละขวดมีสีของเหลวเป็นสีเขียว นั่นหมายถึงเป็นยาที่ใช้งานได้ หากนับแยกตามระบบของเกมแล้ว สีส้มจะผลข้างเคียงในการใช้งานเช่นถ้ากินเข้าไปแล้วความเร็วเพิ่มขึ้นก็อาจจะติดสภาวะ ‘สับสน’ หรือ ‘อัมพาต’ และถ้าเป็นสีแดงหมายถึง ยาที่สร้างออกมาเป็นยาพิษ ถ้าบริโภคเข้าไปจะได้รับผลเสียจากตัวยานั้นๆ โดยมากแล้วยาพิษพวกนี้จะถูกขายให้กับสายอาชีพที่เอาไปใช้เป็นอาวุธ หรืออะไรก็ตามที่สายอาชีพนั้นๆ จะเอาไปประยุกต์ใช้ได้
เวโนมาชาร์กล่าว
“การทดสอบการแยกแยะนี้ เวโนมาชาร์ ผู้ไหลเวียนแห่งสวนศักดิ์สิทธิ์ได้เห็นพลังในการแยกแยะของเธอแล้ว การไหลเวียนคือความคล่องตัวของระบบ ในการที่จะทำให้สิ่งต่างๆ ไหลเวียนจนเกิดเป็นวัฎจักรได้นั้นจำเป็นต้องพึ่งพาการแยกแยะเพื่อให้สรรพสิ่งทำงานร่วมกันและไหลไปข้างหน้าได้ เจ้าผ่านแล้ว”
พลอยยิ้มให้กับผลลัพธ์นั้นอย่างยินดี และรู้สึกเห็นด้วยกับคำพูดของเวโนมาชาร์
พลอยรู้สึกว่าตัวเองเข้าใจความหมายของมันโดยที่ไม่ต้องคิดเลย เพราะเมื่อก่อนเวลาที่เธอเผลอสร้างยาพิษขึ้นมาเพราะการผสมล้มเหลว ก็ยังให้อิงศรเอาไปใช้ทำลูกธนูพิษได้การ ‘แยกแยะ’ ไม่เพียงแค่ใช้กับการปรุงยาเท่านั้น ทุกสิ่งล้วนมีทั้งข้อดีและข้อเสียหากแยกแยะที่จะใช้งานข้อดีกับข้อเสียนั้นอย่างไรย่อมทำให้เกิดผลลัพธ์ที่แตกต่างออกไปได้ นั่นคือเกิดการ ‘ไหลเวียน’ ขึ้นนั่นเอง
สามเกลอแห่งกลุ่มเด็กกำพร้าแยกกันทดสอบอยู่คนละสถานที่และผู้ทดสอบก็เป็นคนละคนกัน แต่เวลาที่จบบททดสอบนั้นเท่ากัน...
ทันใดนั้นเองผู้ทดสอบทั้งสามก็พูดขึ้นพร้อมกันในแต่ละที่
“...แต่ว่าผ่านแค่บททดสอบแรกนะ”
พลอย มิกซ์ และ ฟู พูดขึ้นตามลำดับ
“ห๊ะ” “หา” “ห๊า!!!”
พริบตานั้นเองพื้นที่พวกเขายืนอยู่ก็กลายเป็นความว่างเปล่า ทำให้ตกลงไปข้างล่าง
“กรี้ดดด!!!” “หวา!!” “เหวอออ!”
อึดใจต่อมา ฟู มิกซ์ พลอย ก็ตกลงมาอยู่บนพื้นสีขาวที่อ่อนนุ่ม
ฟูซึ่งลุกขึ้นมาได้ก่อนก็ถามกับทั้งสองคนว่า
“นี่พวกนายมากันได้ยังไงเนี่ย”
มิกซ์ที่ลุกตามมาทีหลังช่วยฉุดพลอยขึ้นมาก็พูด
“จู่ๆ ก็พื้นก็หายไปแล้วก็ตกลงมาน่ะสิ”
ได้ยินเข้าพลอยก็พูดตาม
“มิกซ์ก็ด้วยเหรอ”
ฟูพูดต่อ
“ทางฉันก็เหมือนกันนี่มันยังไงกันแน่เนี่ย พอเจ้านั่นบอกว่าผ่านการทดสอบแรกปุ๊บก็ร่วงลงมานี่เลย”
มิกซ์พูด
“ของผมก็ด้วย...เดี๋ยวก่อนนะหรือว่ายังจะมีบททดสอบต่ออีกน่ะ”
พลอยพูด
“คราวนี้จะให้ทดสอบเป็นกลุ่มเหรอ”
ทันใดนั้นห้องมืดทึมที่ขังพวกเขาเอาไว้ด้วยกันก็พลันสว่างขึ้นด้วยไฟจากสปอตไลท์
มิกซ์เงยหน้ามองขึ้นไปพลางใช้มือป้องสายตาจากแสงสว่าง เขาเห็นแผ่นป้ายอันมหึมาประดับด้วยหลอดไฟ LED หลากสีสันแขวนห้อยลงมาจากโครงเหล็กที่ยึดกับเพดานห้อง
มิกซ์อ่านสิ่งที่เขียนอยู่บนแผ่นป้ายนั้น
“ทรี . ออฟ . ไลฟ์ วาไรตี้เกม”
‘Tree of Life Variety Game’
จู่ๆ ก็มีเสียงตะโกนราวกับจะขานรับการอ่านออกเสียงของเขามา
“ใช่แล้ว ขอต้อนรับสู่วาไรตี้เกมสุดฮิตแห่งสวนศักดิ์สิทธิ์ ทรีออฟไลฟ์วาไรตี้เกม”
เจ้าของเสียงเป็นชายชาวไร่ร่างกำยำตัวสูงใหญ่สวมหมวกงอบ
ฟูมีปฏิกิริยากับชายคนนั้น เขาชี้ไปที่ชายคนดังกล่าว
“เฮ้ย นี่มันเรื่องอะไรกันน่ะอธิบายมาเดี๋ยวนี้นะ”
แล้วก็ไม่ใช่แค่ชายคนนั้นคนเดียว ยังมีคนอื่นอยู่อีกสองคนเป็นหญิงงามผิวขาวซีดคนหนึ่งกับเด็กผู้หญิงในชุดนอนท่าทางขี้เซาที่เป็นผู้ทดสอบเขาก่อนหน้านี้อีกคนหนึ่ง ดูจากรูปร่างของอีกสองคนที่มีอะไรแปลกๆ ยื่นออกมาจากร่างกายแล้วคงจะเป็นเครื่องทำสวนศักดิ์สิทธิ์ แล้วก็อาจจะเป็นผู้ทดสอบของฟู กับ พลอย เพราะทั้งคู่มีปฏิกิริยาทันที่เจอ
มิกซ์เพิ่งสังเกตเห็นด้วยว่าที่ฝั่งพวกเขายืนกันอยู่นั้นมีแท่นยาวเหมือนที่เคยเห็นในเกมโชว์ทางโทรทัศน์ตั้งขวางอยู่ ส่วนทางฝั่งเครื่องทำสวนเป็นแท่นที่คล้ายกันแต่เหมือนจะเป็นแบบที่พิธีกรผู้ดำเนินรายการใช้มากกว่า
นั่นหมายความว่าพวกเขาถูกกำหนดให้เป็นผู้ท้าชิงของอะไรบางอย่าง อย่างนั้นหรือเปล่า
มิกซ์ไม่ค่อยแน่ใจในความคิดตัวเองนักแต่ลางสังหรณ์บอกว่าเรื่องเป็นเรื่องกำลังจะเกิดขึ้น แล้วเขาก็ไม่ค่อยจะเชื่อลางสังหรณ์สั่วๆ ที่ตัวเองมีอยู่ด้วยสิ
มิกซ์ยิ้มเจื่อน สีหน้าไม่ค่อยสู้ดีเท่าไหร่แต่ก็ถามกับเครื่องทำสวนทั้งสามไปว่า
“อย่าบอกนะว่าจะให้เล่นเกมโชว์เป็นบททดสอบน่ะ”
เครื่องทำสวนทั้งสามเดินไปนั่งแท่นพิธีกร แล้วหนึ่งในสามคนนั้น คนที่เป็นชายร่างสูงก็ตอบเขามาว่า
“แค่เห็นก็เดาได้แล้วใช่ไหมล่ะคงไม่ได้คิดไปเองใช่ไหมว่าการทดสอบง่ายๆ ก่อนหน้านี้จะเป้นการทดสอบจริงๆ น่ะ”
คนที่เป็นผู้หญิงซีดพูด
“แน่นอนว่าถ้าตอบผิดแม้แต่ข้อเดียวก็ตกยกก๊วนนะ เออ”
ส่วนผู้ทดสอบของเขา...เอกาพริลุสซาร์นั้นพอหัวกับหมอนถึงโต๊ะก็นอนหนุนหลับสนิทไม่พูดไม่จาอะไร
ในตอนนั้นเอง เพลงที่มีจังหวะทำนองชวนให้ตื่นเต้นก็บรรเลงขึ้น เป็นเพลงที่ใช้ประกอบเกมโชว์ตอบคำถาม
ทั้งสามได้แต่นิ่งเงียบ เพราะตกตะลึงกับสถานการณ์ที่กลายมาเป็นแบบนี้ได้อย่างไรก็ยังไม่เข้าใจด้วยซ้ำ จนเมื่อสติเหมือนจะกลับคืนมา ทั้งหมดก็สบถออกมาเป็นคำเดียวกัน
“แบบนี้ก็ได้เร้อออออออออออออ!!!”
นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ
