ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Apocalypse Online เกมโกงวันโลกาวินาศ

    ลำดับตอนที่ #234 : Login 231: คมหอกทะลวงแห่งคำสาบาน 1

    • เนื้อหานิยายตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 117
      7
      16 พ.ค. 61

    Login 231: คมหอกทะลวงแห่งคำสาบาน 1

     

                ครืน ครืน

                เสียงดังกึกก้องคล้ายฟ้าร้องดังแว่วลงมาจากเบื้องบน

                จากจุดที่อยู่สูงขึ้นไปเหนือดวงจันทร์ของพระเจ้า

                มิ่งขวัญจ้องเขม็งขึ้นไปด้วยสายตาที่ดีเยี่ยมกับสัมผัสเหนือมนุษย์ของเผ่าพันธุ์ต่างดาวเขารู้สึกถึงความกดดันอันแปลกประหลาดจากข้างบนนั้น

                เป็นความกดดันที่ชวนให้รู้สึกอึดอัดเทียบเท่ากับพลังของลูนาริสที่อยู่ตรงนี้เลยทีเดียว

                แสงสว่าง

                นั่นมัน…แสงงั้นเหรอ”

                แสงสว่างกำลังเคลื่อนตัวลงมาจากท้องฟ้า ราวกับน้ำตกที่ไหลบ่าลงมา

                เสียงหวีดหวิวเหมือนกับมีอะไรแหวกอากาศดัง ฟ้าว แล้วพริบตาถัดมา

                ตูมมมม!! เสียงระเบิดดังขึ้นพร้อมกับการสั่นสะเทือนของลิฟต์

                เหวอ”

                กวินทร์ที่ช่วยพยุงตัวอิงศรอยู่อีกข้างส่งเสียงขณะเซถลาไปตามแรงสะเทือน แต่มิ่งขวัญจิกเท้ากับพื้นรอตั้งแต่ก่อนที่แสงสว่างจะตกกระทบใส่ลิฟต์ไปแล้ว

                แสงสว่างทะลวงผ่านพื้นที่ตรงกลางลิฟต์ลงไปด้านล่าง แสงเจิดจ้าทำให้ดวงตาพร่ามัวไปชั่วขณะ

                มิ่งขวัญยกโล่ขึ้นกำบังหลบสายตาจากแสงสว่างที่เจิดจ้าเกินไปนั่น

                “...อึก นี่มัน”

                มิ่งขวัญหวนนึกถึงเหตุการณ์ในสนามรบที่ชายหาดในความครอบครองของเมตไตรย แสงสว่างที่ตกลงมาแผดเผาทุกสรรพสิ่งเป็นเถ้าถ่านในพริบตาหลังจากที่ลูนาริสกลับไป

                มันคือแสงเดียวกัน…

                กวินทร์พูด

                นี่มันเหมือนกับที่สนามรบตอนนั้นเลยนี่”

                แล้วก็มีเสียงดังมาจากทางด้านหลัง

                ซุปเปอร์โนว่าน่ะ”

                กวินทร์หันไปถามเจ้าของเสียงซึ่งก็คือซีลอร์ดนั่นเอง

                ซ...ซุปอะไรนะ”

                ซุปเปอร์โนว่าเป็นพลังของโซลาริสมันจะลบทุกอย่างให้หายไปได้อย่างหมดจดเลยล่ะที่พวกเธอเห็นกันตอนที่อยู่บนสวนน่ะมันเป็นส่วนปลายของพลังไปแล้วเลยแค่เผาทุกอย่างจนกลายเป็นขี้เถ้าแต่ถ้าโดนอันนี้ไปล่ะก็ไม่ต้องถามถึงเรื่องชุบชีวิตเลย เป็นการลบทิ้งไปแบบที่ไม่ให้กู้ข้อมูลคืนมาได้เลยล่ะ”

                เนื้อหาที่ซีลอร์ดพูดมานั้นมิ่งขวัญสนใจอยู่เพียงแค่ ‘การชุบชีวิต’ ก่อนหน้านี้ก็เคยเห็นมาแล้วว่าหมอนี่คืนชีพให้คนตายได้จริงๆ ถ้าอย่างนั้นเหล่าครอบครัวที่ตายไป พวกพ้องที่เสียสละไปก่อนหน้านี้ก็น่าจะ…

                แต่ซีลอร์ดก็พูดขัดความคิดนั้นทันที

                เสียใจด้วยนะกรณีนั้นเป็นข้อยกเว้นน่ะแล้วถึงอยากทำผมก็ทำแบบนั้นบนระบบอาคาชิกไม่ได้ด้วยพวกเธอที่ผ่านเทอร์มินัลมาแล้วก็เหมือนถูกแปลงสภาพจากเลือดเนื้อภายในสวนเป็นข้อมูลชนิดเดียวกับตัวผมในตอนนี้ไปแล้ว”

                เพราะอ่านใจมิ่งขวัญอยู่จึงรู้ว่าตอนนี้มีความขุ่นมัวของอารมณ์เกิดขึ้น

                ถ้าพวกเธอเอาชนะเกมนี้ได้แล้วย้อนกลับไปแค่นั้นปัญหาก็จบแล้วนี่”

                สรุปก็คือไม่สามารถชุบชีวิตในระหว่างเกมได้นั่นเอง

                บนเกมฆ่าฟันกับพระเจ้าการชุบชีวิตถือว่าเป็นการโกงสินะ

                ถึงโกงไปก็ไม่ชนะอยู่ดีนั่นแหละ”

                มิ่งขวัญตัดพ้อแล้วพักเรื่องการชุบชีวิตคนที่ตายไปแล้วไว้เพียงแค่นั้นแล้วคิดถึงเรื่องที่ต้องทำ

                ต้องช่วยที่ยังเหลืออยู่ที่นี่ให้ได้ก่อน

                ต้องมีชีวิตรอดจึงจะจบเกมนี้ได้

     

                ดวงจันทร์ที่อยู่ห่างออกไปเคลื่อนตัวเข้ามาใกล้เสาแห่งแสงที่ปักอยู่ตรงกลางลิฟต์

                มันหมุนรอบตัวเองไปด้วยขณะที่มุดเข้าไปใต้ลำแสงแล้วผิวหินอันเงางามก็ทำให้เสาแสงสะท้อนออก

                การหมุนของมันทำให้แสงกระจายไปทั่วทั้งท้องฟ้ารวมถึงสาดลงมาที่ลิฟต์

                แสงแผดเผาพื้นลิฟต์ ตรงส่วนนั้นก็หายวับไปในพริบตา ที่ว่าถูกลบอย่างสมบูรณ์คือแบบนี้เอง

                ถ้าโดนเข้าไปก็คือเกมโอเวอร์เลย

                แม้แต่ศพของพวกพ้องที่เกมโอเวอร์ไปแล้วก็ถูกลบหายไปทันทีที่สัมผัสถูกแสงสว่าง เพียงแค่หายวับไปเหมือนอากาศธาตุ

                รีบหนีก่อนเถอะ”

                มิ่งขวัญพูดแล้วหุบปีกของชุดอัศวินทองคำรวมถึงสลายวงแหวนเพลิงบนหลังออก เป็นเหมือนกับการดับเครื่องชั่วคราว แล้วหิ้วปีกอิงศรเดินมุ่งหน้าเข้าไปใกล้ใจกลางของลิฟต์

                รอแปบนะ”

                กวินทร์พูดอย่างนั้นแล้ววิ่งไปอุ้มซีลอร์ดขึ้นมาจากพื้น

                เบากว่าที่คิดแหะ”

                รีบๆ เข้าเถอะน่าเดี๋ยวก็ตายหรอก”

                มิ่งขวัญเร่งแล้วเดินนำไปก่อน กวินทร์ไล่ตามมาทีหลัง

     

                แสงค่อยๆ กลืนเข้ามาจากวงนอก แค่ไม่กี่วินาทีลิฟต์ที่กว้างเหมือนสนามฟุตบอลก็หดเล็กลงเหลือแค่หนึ่งในสาม

                ยิ่งขยับหนีก็ยิ่งเข้าไปอยู่ใต้เงาของดวงจันทร์ พวกเขาเข้าไปเกือบถึงใจกลางของลิฟต์แต่ว่าตรงใจกลางนั่นก็ยังมีหลุมกลวงที่เกิดจากลำแสงที่ตกลงมากระทบตอนแรกอยู่ทำให้พื้นที่หลบมีจำกัด

                และแล้ว…

                แสงก็ขยับมาจนถึงจุดในสุดเท่าที่มันจะสะท้อนไปได้ ลิฟต์เหลือพื้นที่กว้างเท่าเงาของดวงจันทร์เท่านั้น เส้นผ่าศูนย์กลางราวๆ 20 เมตรได้

     

                กวินทร์พูด

                เอาไงต่อดีล่ะเนี่ย”

                มาถามฉันแล้วจะไปถามใครกันเล่า”

                มิ่งขวัญจ้องไปยังอิงศรที่ยังหมดสตินอนเกยคางอยู่บนไหล่ของเขาแล้วภาวนาภายในใจให้พี่ชายฟื้นเสียที

                “…”

                ไม่ไหวแบบนี้จะเสร็จมันเมื่อไหร่ก็ขึ้นกับเวลาแล้ว”

                เวลาที่ว่าก็คือจนกว่าลูนาริสจะหาวิธีเบี่ยงลำแสงลงมาใต้เงาตัวเองให้ได้หรือเร็วกว่านั้นก็คือ…

                มันมาแล้ว!”

                กวินทร์โพล่งแล้วทิ้งตัวซีบอร์ดลงพื้นไปพร้อมกับชักดาบที่เหน็บหลังออกมา

                พระจันทร์กำลังตกลงมา

                ไม่สิมันแค่หยุดลอยขึ้น แค่รอให้ลิฟต์พาพวกเขาขึ้นไปโดนบดซะเอง นั่นคือทางที่เร็วที่สุดในการกำจัดพวกเขา คือบดขยี้ไปพร้อมกับลิฟต์ที่เหลือพื้นที่เท่าเงาของดวงจันทร์

                ก่อนที่ลิฟต์จะดันพวกเขาขึ้นไปชนกับพระจันทร์ กวินทร์ก็ยกดาบขึ้นไปยันกับพื้นผิวของดวงจันทร์เอาไว้ โดยเปลี่ยนลูกแก้วพลังบนดาบเป็นสีทอง

                คมเขี้ยวทองคำตัดผ่านจันทรา มิคาสึกิ มุเนะจิกะ”

                ออร่าพลังแผ่พุ่งออกมาจากร่างของกวินทร์ ออร่าสีทองคล้ายสุนัขป่าห่อหุ้มกวินทร์ไว้

                ด้วยพลังของออร่านั่นช่วยให้กวินทร์มีพลังพอจะยืนค้ำลิฟต์กับดวงจันทร์ได้

                แบบนี้คงได้ซัก…พัก…อึ้ยยย”

                ลิฟต์หยุดแล้วก็จริง แต่ต่างกายของกวินทร์ที่เป็นเสาค้ำก็สั่นสะท้านไปหมด ดูเหมือนว่าออร่าสีทองนั่นจะช่วยเสริมให้ร่างกายแข็งแกร่งเพียงพอจะยันลิฟต์เอาไว้ได้ไม่นานนัก

                มิ่งขวัญหันไปทางซีลอร์ด

                เฮ้ นายน่ะรู้วิธีเอาเจ้านี่ลงไปข้างล่างไหม”

                กล่าวคำถามพลางตบมือไปที่พื้นลิฟต์ แต่เจ้าตัวก็ปฏิเสธอย่างไม่ลังเลเลย

                ทำไม่ได้หรอก เทอร์มินัลถ้าทำงานแล้วจะต้องขึ้นไปถึงข้างบนสุดก่อนเท่านั้นถึงจะลง”

                มิ่งขวัญสบถให้กับคำพูดนั่น

                บ้าจริง…”

                จู่ๆ ลิฟต์ก็สั่นแล้วเริ่มตกลงไป

                เหวอ”

                ทิวทัศน์รอบๆ ที่โดนอาบย้อมด้วยแสงกำลังไหลขึ้นไป พวกเขากำลังตกลงไปข้างล่าง

                เจ้านั่นมันดันลงมางั้นเรอะ”

                กร๊อบ

                เสียงกระดูกลั่นดังมาจากร่างของกวินทร์ที่เริ่มจะคานน้ำหนักของลิฟต์กับดวงจันทร์เอาไว้ไม่อยู่

                ชิ มาได้แค่นี้เอง…อั่ก”

                เสียงกระดูกลั่นร้าวดังระรัว กร๊อบ กร๊อบ กร๊อบ

                ร่างกายของกวินทร์กำลังจะถูกบดขยี้ กระดูกซี่โครงน่าจะแหลกไปบ้างแล้วลำตัวของกวินทร์ถูกกดทับจนยู่ยี่

                ที่ยังยืนค้ำได้อยู่นี่คงเป็นพลังยึดเหนี่ยวของสกิลล้วนๆ

                ถึงจะเจ็บปวดทรมานขนาดไหนแต่กวินทร์ก็กัดฟันทนเอาไว้ จนใบหน้าบิดเบี้ยวเหยเกด้วยความเจ็บปวด

                เฮ้ย ทำใจดีๆ ไว้นะ!”

                มิ่งขวัญวางอิงศรลงแล้วดันแขนขึ้นไปช่วยแบกพระจันทร์อีกแรง แต่ก็แทบไม่ช่วยอะไรเลย

                พระจันทร์กดทับลงมา ความหนักนั้นต่อให้มนุษย์ต่างดาวจะแบกตึกได้ทั้งหลังก็ยังไม่พอ

                แขนถูกดันลงมาเรื่อยๆ

                กร๊อบ กร๊อบ กร๊อบ

                “…อึก”

                กระดูกของกวินทร์ลั่นเสียงราวกับกรีดร้อง โดยที่เขาช่วยอะไรไม่ได้

                ฟังจากเสียงนั่นกระดูกซี่โครงคงแหลกไปแล้ว กวินทร์ทรุดเข่าทั้งสองข้างลงกับพื้น พยายามเหยียดแขนดันพระจันทร์ให้มีความสูงเทียบเท่าเดิม

                แต่อวัยวะในร่างกายก็เสียหายไปมาก

                อั่ก…แค่ก แค่ก”

                กวินทร์กระอักเลือดออกมา มิ่งขวัญมองดวงตาที่ใกล้จะหมดสติของกวินทร์ด้วยความเป็นห่วง

                “…”

                แล้วสบถคำราม

                โธ่เว้ย จะทำยังไงดีเนี่ย!”

                พยายามกวาดสายตามองหาสิ่งที่จะใช้ประโยชน์ได้

                แต่ว่าที่นี่ไม่มี… มันไม่มีอะไรเลยจริงๆ

                รอบด้านถูกโอบล้อมด้วยแสงมฤตยูกับความสูงที่ให้ขยับตัวมีพอแค่ให้นั่งยองๆ เท่านั้น

                มิ่งขวัญมองขึ้นไปที่ดวงจันทร์แล้วคิดว่าทางเดียวที่จะรอดก็คือทำลายมันทิ้ง

                แต่จะทำยังไง?

                ถ้าโจมตีด้วยท่าที่มีพลังงานสูงแล้วไม่ได้ผลขึ้นมา แรงสะท้อนจะเป่าเขากับกวินทร์แล้วก็จะโดนพระจันทร์ทับตายกันหมด

                ในเวลาแบบนี้ถ้าศรอยู่ด้วยล่ะก็…

                มิ่งขวัญเหลือบสายตาไปยังพี่ชายที่ยังคงไม่ได้สติ

                ถ้าเป็นศรจะทำยังไง

                เวลาแบบนี้จะคิดหาทางออกได้รึเปล่านะ

                คิดสิ คิดสิ คิดสิ

                คิดเข้าไปเซ่!

                มิ่งขวัญเร่งเร้าตัวเองแบบนั้น แต่คิดเท่าไหร่ก็คิดไม่ออก พลางก็นึกสมเพชตัวเองที่ตลอดเวลาที่ผ่านมาเอาแต่โยนหน้าที่นั้นให้พี่ชายอยู่เสมอ

                แล้วไงล่ะ ทีนี้พอต้องคิดเองก็เลยคิดอะไรไม่ออกเลย

                “…”

                มิ่งขวัญเหม่อมมองดวงจันทร์อย่างสิ้นหวัง ภายในสมองมีแต่ความสิ้นหวังหมุนวนไปมา

                จบแล้ว

                จบแล้วล่ะ

                มันจบสิ้นไปแล้ว

                มีแต่ทางตัน จะคิดหาทางออกอย่างไรก็มืดแปดด้านไปหมด ทั้งที่รอบตัวตอนนี้สว่างไสวเสียยิ่งกว่ายืนอยู่กลางแดดในช่วงเที่ยงวันเสียอีก

                พระจันทร์ยังคงหมุนไปหมุนมา เสียงเสียดสีกับดาบของกวินทร์และเสียกระดูกลั่นบรรเลงคลอกันคลอกันมาราวกับจัดคอนเสิร์ต

                ชื่อเพลงคงจะเป็น ‘ความตายสูงแค่เมตรครึ่ง’ ล่ะมั้ง ตอนนี้เหลือระยะทางก่อนโดนบดอยู่แค่นั้น

                “…”

                “…”

                “…นั่นมัน”

                ตอนนั้นเอง มิ่งขวัญก็สังเกตเห็นเข้าจนได้

                พระจันทร์ที่หมุนอยู่กำลังหันด้านของมันไปเรื่อยๆ เพื่อให้แสงสว่างสะท้อนออกไปแล้วมันก็หันด้านๆ หนึ่งที่มีตำหนิมา

                ตำหนิสีดำเล็กๆ ปรากฏอยู่บนผิวสีขาวนวลของดวงจันทร์

                รอยร้าว

                รอยร้าว ขนาดเท่ารูมดและยังแตกไม่ลึกนัก

                รอยร้าวที่สายฟ้าของอิงศรทิ้งไว้นั่นเอง

                ถ้าใช้นั่นล่ะก็...

                บางทีอาจจะใช้ได้ ถ้าทะลวงให้มันขยายรูกว้างกว่านี้ได้ล่ะก็

                ถ้าผิวสะท้อนที่ราบเรียบคือตัวทำให้แสงมฤตยูนี่ไม่สามารถลบดวงจันทร์ได้ล่ะก็

                ถ้าเกิดว่าทำรอยตำหนิขนาดใหญ่ขึ้นมาได้ล่ะก็

                ...ตอนที่มันหันด้านขึ้นไปโดนแสงสว่างก็จะโดนลำแสงทำลายเสียเอง

                “….”

                ดูเหมือนพระเจ้าจะยังไม่รู้ตัวว่าพี่ชายได้สลักรอยแผลที่จะนำพามันไปสู่ความตายลงไว้ที่ร่างแล้ว

                แต่การจะทำแบบนั้นก็จำต้องเอาตัวเข้าแลกอยู่เหมือนกัน โอกาสมีแค่เสี้ยววินาทีก่อนที่มันจะหันด้านที่มีรอยร้าวกลับขึ้นไป จะต้องทุ่มพลังทั้งหมดแหวกรูเท่ามดนั่นให้กว้างขึ้น

                “….”

                หากพลาดขึ้นมาก็จะตายเปล่าแล้วต่อให้ทำสำเร็จก็ยังเสี่ยงจะถูกแสงสว่างที่สูญเสียการควบคุมพุ่งเข้ามาเล่นงานเอาได้เหมือนกัน

                ที่พระเจ้าว่าจะร่วมมือกันกำจัดพวกตนเป็นความจริง การผสานอันสมบูรณ์แบบที่เกิดขึ้นนี้หากไม่สละชีวิตของใครซักคนก็เอาชนะไม่ได้หรือต่อให้สละไปแล้วก็ยังไม่แน่ว่าจะเอาชนะได้ด้วยซ้ำ

                ถ้างั้น....

                จะต้องตาย

                ตัวเองจะต้องตายเพื่อต่อชีวิตให้ทุกคนที่นี่

                “….”

                แต่ถ้าไม่ทำก็จะตายกันหมดเหมือนกัน

                “….”

                มิ่งขวัญก้มหน้าลง จ้องมองใบหน้าของพี่ชายที่ยังไม่ได้สติด้วยสายตาเว้าวอน

                อิงศรจะเป็นอย่างไรต่อถ้าหากว่าเขาตายขึ้นมา

                จะถูกฆ่าตายเอาทีหลังหรือจะฟื้นขึ้นมาแล้วเศร้าเสียใจและโทษตัวเองอีก

                จะอย่างไหนก็ไม่อยากให้เกิดขึ้น

                ม...ไม่...ไม่ไหวแล้ว..”

                กวินทร์ร้องครางอย่างสิ้นหวัง แขนที่แบกดาบค้ำยันดวงจันทร์เอาไว้เริ่มหักงออย่างผิดรูปผิดร่าง

                กร๊อบ กร๊อบ กร๊อบ

                กระดูกกำลังกรีดร้องอย่างทรมาน กรีดร้องว่ามันไม่อาจต้านทานน้ำหนักแห่งบาปที่พระเจ้าประทานให้ไหวต่อไปอีก

                 ผิวของดวงจันทร์บดขยี้ลงมา

                ขณะเดียวกันด้านที่มีรอยตำหนิก็ใกล้จะหมุนวนขึ้นไปข้างบน

                ถ้าหากยังมัวลังเลต่อไปนอกจากจะไม่เหลือช่องว่างความสูงพอให้ทุ่มพลังโจมตีใส่ แต่รอยร้าวนั่นยังจะหนีไปได้อีก

                ต้องรีบตัดสินใจตั้งแต่ตอนนี้

                กวินทร์”

                อะไร”

                ฉันจะเชื่อใจนาย”

                มาพูดเรื่องแบบนั้นเอาป่านนี้แค่ก

                ...เนี่ยนะ แต่ก็ดีใจที่ได้ยินก่อนตายแหละได้เป็นเพื่อนกับขวัญเนี่ย อึก...ดีใจที่สุดเลย”

                เพราะงั้นฝากศรด้วย”

                เอ๋”

                มิ่งขวัญจับหอกมั่นด้วยสองมือ กวินทร์ยังคงเรียกถามเขาอยู่

                คิดจะทำอะไร...”

                แต่มิ่งขวัญเมินเสียงนั้น กางปีกที่หุบออก เรียกวงแหวนเพลิงสีฟ้าครามให้ออกมาอยู่ตรงหน้า

                “...ขวัญ”

                อย่านะ...อย่าไปนะ”

                ขวัญญญ!!!”

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×