คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #227 : Login 224: Nemesis Dragon (มังกรสัมบูรณ์กาล)
Login
224: Nemesis Dragon (มังกรสัมบูรณ์กาล)
กึง กึง กึง
เกิดเสียงสั่นสะเทือนแบบนั้นมาได้ซักพัก
มนุษย์ต่างดาวที่เฝ้าอยู่หน้าทางเข้าหอคอยก็วิ่งแจ้นเข้ามาข้างในด้วยท่าทางตื่นตระหนก
รูบิเดียมถาม
“เกิดอะไรขึ้น”
“เครื่องทำสวนครับ...ดูจากเงาของมันแล้วกำลังมุ่งหน้ามาทางนี้ครับ!”
“เตรียมพร้อมรบซะ!
บอกให้ทุกคนเตรียมต่อสู้ถ่วงเวลา”
“รับทราบ!”
แล้วมนุษย์ต่างดาวตนนั้นก็วิ่งกลับออกไป
ได้ยินเสียงสั่งการดังแว่วเข้ามาเป็นระยะดูเหมือนจะเตรียมตัวกันแล้ว
รูบิเดียมหันกลับมายังวงพิธีที่พวกเขายืนอยู่คงเพราะได้ยินเสียงขยับตัวจากบรรดาพวกพ้องที่อาจจะกำลังคิดไปช่วย
ดังนั้นหล่อนจึงกล่าวเพื่อหยุดพวกเขาไว้
“พวกนายล่วงหน้ากันไปเลยที่นี่ปล่อยให้ฉันจัดการเอง”
ซีลอร์ดพูด
“ถ้างั้นก็มาต่อกันเลยไหม”
แล้วสบตาอิงศรเป็นนัยว่าจะให้เขาสั่งพวกพ้องในฐานะหัวหน้า
ทุกคนที่ยืนอยู่บนวงสัญลักษณ์
11 วงจากทั้งหมด 12 วง
มิ่งขวัญ กวินทร์
มีนา เมษา นรินทร์ ฟู มิกซ์ พลอย เน็กส์ นิว
วันนี้จะช่วยมนุษยชาติด้วยพวกพ้องเหล่านี้
“เออ จัดการเลย”
พอพูดไป
ซีลอร์ดก็ขว้างบางอย่างมา
“รับนี่ไปสิ”
สิ่งที่รับมานั้นคือไพ่
...คือ อาคานาร์
“นี่มัน”
“เดอะ ฟูลน่ะ”
พอซีลอร์ดพูดเขาก็พลิกหน้าไพ่ขึ้นมาดู
ไพ่รูปนักเดินทางแบกไม้เท้าที่มีห่อผ้าบรรจุสัมภาระผูกติดกับสุนัขตัวหนึ่งเดินตามหลัง
เป็นรูปแบบของเมเจอร์อาคานาร์ลำดับแรกสุด เดอะ ฟูล นั่นเอง
“อันนี้เพิ่งได้มาเหรอ”
“เปล่า
ได้มาตั้งนานแล้วมันอาคานาร์ของผม”
อิงศรไม่แน่ใจว่าฟังผิดหรือไม่จึงถามทวนอีกครั้ง
“ของนาย?”
“เธอเคยพูดไว้ใช่ไหมว่าอาคานาร์คือสายสัมพันธ์ระหว่างผู้คนแต่ว่าอาคานาร์ใบนั้นน่ะไม่ได้เกิดขึ้นมาจากสายสัมพันธ์ระหว่างเธอกับใครเลยผมได้มันมาเพราะมีใครที่ผมเองก็ไม่รู้ตัวตนที่แท้จริงมอบให้แต่ว่าผมก็เอามันมาใช้ไม่ได้เพราะงั้นขอฝากไว้ที่เธอก็แล้วกัน”
“เดี๋ยวสิอธิบายมาแค่นั้นใครมัสนจะไปเข้าใจกันฟระ”
แต่ซีลอร์ดไม่รอแล้ววางมือลงบนแท่นหินที่ตั้งอยู่ตรงกลางห้องแล้วทำให้แท่นหินเปล่งแสง
“เอาเมอร์คาบาห์ออกมาสิ”
ไม่รู้ทำไมซีลอร์ดถึงรีบร้อนขนาดนั้นแต่ดูท่าอีกฝ่ายจะไม่อยากพูดไปมากกว่านี้
อีกอย่างจากสถานการณ์ที่ไม่รู้ว่าข้างนอกกำลังจะเกดอะไรขึ้นก็ควรจะรีบๆ
ไปแล้วจริงๆ นั่นแหละ
“….”
ดูเหมือนข้อสรุปจะมีแค่นั้น
ซีลอร์ดไม่ยอมตอบอะไร ดังนั้นอิงศรจึงพยักหน้าแล้วเรียกไพ่อาคานาร์ออกมา อาคานาร์
เดอะ แชริออท สีทองคำ เขาบีบอาคานาร์นั้นเมื่อมันตกลงในมือ อาคานาร์แตกกระจายและเรียกปีศาจออกมา
เทวทูตผมสีทอง
ใบหน้าเหมือนลอกแบบมาจากตัวเขา
ปรากฏตัวพร้อมกับใบมีดสีเลือดฝาดล่องลอยอยู่ข้างๆ
แขน
มหาโชคชะตา
รูปแบบแห่งการทำลายกฎเกณฑ์ ‘รูลเบรกเฟส เมอร์คาบาห์ ฮันเซลลัชช่า’
เมื่อเมอร์คาบาห์ปรากฏออกมามันก็เริ่มทำหน้าที่ด้วยตัวเองราวกับรู้อยู่ก่อนโดยที่เขาไม่ต้องบอก
เทวทูตลอยไปลงที่แท่นหินตรงกลาง
ซีลอร์ดจึงปล่อยมือจากแท่นหินแล้วหลีกทางให้
เมอร์คาบาห์เข้าไปประทับมือทั้งสองลงบนแท่นหิน
จากนั้นแสงสว่างบนแท่นหินก็ไหลบ่าลงไปตามร่องที่สลักไว้บนพื้นราวกับสายธาร
ไหลกระจายไปยังวงสัญลักษณ์ทั้งสิบสองวงที่เชื่อมต่อกันอยู่แล้วทำให้วงเหล่านั้นเปล่งประกายด้วยแสงสว่าง
ฟุ่บ
เกิดเสียงประหลาดขึ้น
ทุกคนที่ยืนอยู่บนวงสัญลักษณ์รวมถึงซีลอร์ดก็อันตรธานหายไปสิ้น
แสงสว่างบนวงสัญลักษณ์แต่ละดวงทยอยดับลงเหลือเพียงสัญลักษณ์รูปสิงโตกับเสือยืนสองขาประกบอุ้งเท้าหน้าให้กัน
สัญลักษณ์ประจำเดือนสิงหาคมเท่านั้นกับแท่นหินตรงกลางที่ยังเปล่งแสงอยู่
เพราะมันไม่ได้ถูกใช้งานจึงยังมีพลังงานเคลื่อนย้ายตกค้างอยู่
ราวกับรอใครซักคนที่ไม่มีวันมาถึง
“…”
แต่อีกซักพักมันก็จะดับไปเองเมื่อพลังงานที่ซีลอร์ดกับเมอร์คาบาห์ให้ไว้หมดลง
รูบิเดียมบอกกับตัวเองอย่างนั้น
“นี่”
โดโกบาร์ส่งเสียงเรียก
ซึ่งคนที่เหลืออยู่ในหอคอยนอกจากสองแฝดจูเนอร์มินาร์ที่ยืนอยู่ด้วยกันแล้วก็เหลือแค่เธอ
ดังนั้นจึงแน่ใจว่าโดโกบาร์กำลังเรียกอยู่
“ที่ว่าเครื่องทำสวนกำลังมุ่งหน้ามาที่นี่น่ะคิดว่ายังไงบ้าง”
“อยากจะพูดอะไรกันแน่”
รูบิเดียมถามไปตามความหมาย
ไม่เข้าใจว่าเครื่องทำสวนตั้งใจจะสื่อสารอะไรมา
“ข้าไม่อยากไปขัดซีลอร์ดก็เลยไม่ได้พูดไป
แต่ว่าจนถึงตอนนี้เครื่องทำสวนที่ยังยืนยันสัญญาณได้เหลือแค่ข้า จูเนอร์มินาร์
แล้วก็ซีลอร์ด มีอยู่แค่นั้นเมื่อวานสัญญาณของแจนนูวาร์มมาร์ที่เราสวนกันระหว่างเดินทางมาที่นี่ก็เพิ่งจะหายไปด้วยแล้วทำไม
เครื่องทำสวนศักดิ์สิทธิ์ที่น่าจะหายไปแล้วถึงมาปรากฏตัวที่นี่ล่ะเจ้าไม่แปลกใจบ้างรึ”
คำพูดของโดโกบาร์ทำให้เกิดข้อสงสัยขึ้นมา
หลังจากที่ส่งพวกอิงศรขึ้นไปแล้วตนเองก็คิดว่าคงไม่มีเรื่องต้องขบคิดมากไปกว่านี้อีก
ตั้งใจว่าจะรออยู่ที่นี่จนกว่าเรื่องจะจบแต่ดูเหมือนจะทำแบบนั้นไม่ได้แล้วจริงๆ
“งั้นเหรอ
ฉันเองก็เพิ่งจะรู้ถ้างั้นไม่ออกไปดูด้วยกันซะเลยล่ะแล้วก็คงไม่ต้องถ่วงเวลามากไปกว่านี้แล้วด้วยหลังจากนี้ฉันจะหลบหนีไปพร้อมกับพวกที่เหลือ”
“….”
ดูเหมือนจะตกลงกันได้
พวกตนที่ตกค้างอยู่ที่นี่ไม่ได้ส่งผลต่อการกำหนดเส้นทางของโลกอีกแล้วดังนั้นคงจะปล่อยไป
รูบิเดียมสรุปเอาเองแล้วเดินไปที่ประตูทางออก
“…”
ราชครูสาวยืนค้างอยู่ตรงบันไดหน้าประตู
สายตาจดจ้องมองสิ่งที่เกิดขึ้นด้านนอก
โดโกบาร์เพิ่งจะตามออกมาพร้อมกับคู่แฝดจูเนอร์มินาร์
แล้วพวกเขาก็เพ่งสายตาไปรอบๆ
ยอดเขาซึ่งมีหมอกหนาทึบ
มองเห็นเงาเลือนรางขนาดใหญ่มหึมาเทียบเท่าภูเขาทั้งลูกกำลังเคลื่อนไหวอุ้ยอ้ายอยู่เบื้องหลังม่านหมอก
แล้วก็ไม่ได้มีแค่หนึ่งหรือสองเงา
แต่มีถึงเจ็ดด้วยกัน พวกมันล้อมเข้ามาใกล้หอคอยจากทุกทิศทาง
ไม่ได้มีแค่ที่เดินมาอย่างเดียวยังมีเงาที่ลอยอยู่สูงกว่าหมอกกำลังบินตรงมาที่นี่ด้วย
โดโกบาร์ซึ่งเพ่งสายตามองมาซักพักแล้วก็อุทานว่า
“นั่นมัน”
ดวงตาของเด็กชายเบิกกว้างเพราะ
รูปร่างของเงาเหล่านั้นดูคุ้นตาเป็นอย่างมาก ยิ่งเข้ามาใกล้ก็ยิ่งเด่นชัด
ดีเซมแมร์
เอพบรูอาร์ โนเวมโบอาร์ เอกาพริลุสซาร์ เมยอกซาร์ เวโนมาชาร์ และ แจนนูวาร์มมาร์
เหล่าพวกพ้องเครื่องทำสวนศักดิ์สิทธิ์ที่คิดว่าหายไปแล้ว
แต่กลับมาปรากฏตัวขึ้นที่นี่พร้อมกันทั้งหมด
จะต้องมีสาเหตุอะไรอย่างแน่นอน แล้วตัวต้นเหตุจะต้องเกี่ยวข้องกับการหายไปของสัญญาณเครื่องทำสวนก่อนหน้านี้ด้วย
จูเนอร์มินาร์คนพี่ดึงตัวน้องชายฝาแฝดที่ซุกซนไปหลบข้างหลังแล้วถามโดโกบาร์เหมือนกับจะยืนยันอะไรบางอย่าง
“โดโกบาร์เจ้าว่ามันแปลกๆ
ไหม”
“ข้าเองก็ว่าอย่างนั้น”
โดโกบาร์ตอบ
พวกเครื่องทำสวนดูท่าทางกระสับกระส่ายเหมือนไม่เข้าใจสถานการณ์เช่นเดียวกับที่เธอเองก็กำลังสับสนอยู่
“นี่มันกำลังจะเกิดอะไรขึ้นกันแน่”
รูบิเดียมพูด
แต่กลับมีเสียงตอบดังมาจากที่อื่นแทน
“มนุษย์กำลังทำให้พระเจ้าหวาดกลัวยังไงล่ะรูบิเดียม”
ทันใดนั้นเอง
ก็มีคนตกลงมาจากท้องฟ้า ลงจอดบนพื้นเบื้องหน้าหอคอยอย่างรุนแรง
เกิดระเบิดขึ้น
แรงระเบิดพัดพวกมนุษย์ต่างดาวชั้นครูสิบตนที่อยู่รอบๆ
กระเด็นไปพร้อมกันแถมพลังชีวิตยังกลายเป็นศูนย์ในพริบตารวมถึงร่างกายแยกเป็นส่วนๆ
นั่นมันสัตว์ประหลาดพรรค์ไหนกัน
สัตว์ประหลาดที่ชั้นครูระดับสูงถึงสิบตนตายอย่างง่ายดาย
ลานหน้าหอคอยกลาดเกลื่อนไปด้วยอวัยวะมนุษย์ต่างดาว
ไม่นานมันก็ละลายเป็นของเหลวคล้ายปรอท
ถ้าหากพวกที่โดนฆ่าเป็นมนุษย์พื้นที่ตรงนี้คงถูกย้อมเป็นสีแดงฉานไม่ต่างจากทุ่งกุหลาบ
รูบิเดียมพยายามเพ่งสายตามองลอดกลุ่มควันที่ลอยขึ้นมาเพราะแรงจากการตกใส่พื้นนั่นพยายามมองหาลักษณะเด่นของศัตรูเพื่อวิเคราะห์
การมีข้อมูลของศัตรูเอาไว้จำเป็นมากกับเทคนิคต่อสู้ด้วยท่าไม้ตายล้วนๆ
จำเป็นต้องรู้ว่าอีกฝ่ายอาชีพอะไรและมีท่าไม้ตายสวนกลับหรือไม่
แต่ไม่จำเป็นต้องคาดเดา
เพราะเสียงก่อนหน้านี้รวมกับพลังที่แสดงให้เห็นนั้นมีอยู่คนเดียวที่เธอรู้จัก
ผู้ชายที่ตกลงมาเพิ่งจะยืดขายืนตรงในมือถือดาบสีดำที่ยืดออกไปคล้ายโซ่
ดาบมังกรเทวะ
อาซี-ดาฮากา นั่นเอง
“…แฟรนเซียม”
รูบิเดียมพึมพำด้วยเสียงแผ่วเบา
เคยคิดอยู่เหมือนกันว่ามีโอกาสที่แฟรนเซียมจะยังไม่ตาย
แต่เปอร์เซ็นต์มันก็น้อยเอามากๆ แล้วยิ่งสิ่งที่สังหารคือไฟชำระของพระเจ้า
ของแอดมินิสเทรเตอร์ที่บริหารจัดการความเป็นไปของโลกด้วยแล้วยิ่งไม่เห็นทางจะรอด
แต่ดูเหมือนจะลืมคิดไปว่าพวกอิงศรก็ยังรอดตายทั้งที่ยืนอยู่ในจุดที่ไฟชำระตกลงมาเหมือนกัน
ถ้าไม่ใช่เพราะไฮโดรเจนบอกเธอเองก็คิดว่าพวกอิงศรตายไปแล้วแต่ก็คิดไปเองเรียบร้อยว่าคงได้ไฮโดรเจนช่วยเอาไว้
แล้วก็ถามย้ำกับหมอนั่นไปแล้วด้วยว่าได้ช่วยแฟรนเซียมด้วยหรือเปล่า
เจ้านั่นบอกว่าไม่ได้ยื่นมือเข้าไปเลย
งั้นการที่แฟรนเซียมมาอยู่ที่นี่ได้ก็คงจะยื่นมือเข้าไปยุ่งกับวิธีเอาตัวรอดของพวกอิงศรจนรอดชีวิต....
คิดได้แต่คำตอบแบบนั้น
เธอจ้องร่างของแฟรนเซียม
พวกเครื่องทำสวนที่อยู่ฝ่ายนี้ก็คืนร่างกลับเป็นเครื่องจักรขนาดมหึมาแล้วลงไปจากยอดเขา
ภูเขาก็เหมือนถูกย่อส่วนลงไปเลยเมื่อเทียบกับขนาดของพวกมัน
เครื่องทำสวนรูปสุนัขแบกคันชั่ง
เครื่องทำสวนหนูที่หน้าตาเหมือนกันสองเครื่อง
ขนาดของพวกหล่อนเล็กกว่าเครื่องทำสวนเครื่องอื่น น่าจะเล็กที่สุดในบรรดาทั้งหมด
โดโกบาร์พูด
“ทุกท่านได้โปรดฟังข้าก่อน
ท่านแจนนูวาร์มมาร์
ท่านเองก็ฟังด้วยเถิดการตัดสินของแอดมินิสเทรเตอร์เป็นคำขาดก็จริงแต่ว่าครั้งนี้มันยังมีสิ่งที่ไม่ชัดเจนอยู่อีกหลายๆ
เรื่องข้าอยากจะ...”
แต่แฟรนเซียมก็พูดขัดขึ้นมา
“ไม่มีประโยชน์หรอกน่าเจ้าพวกนั้นไม่ใช่เครื่องทำสวนอีกต่อไปแล้ว”
แล้วตวัดดาบ
ทันใดนั้นก็ลมพายุกระจากออกไปโดยมีแฟรนเซียมเป็นศูนย์กลางพัดหอบเอาหมอกหายไปทั้งหมด
เครื่องทำสวนทั้งเจ็ดเครื่องจึงปรากฏขึ้น
ไม่สิ
ไม่ใช่เครื่องทำสวน สิ่งที่ยืนล้อมบาเบลอยู่เป็นเพียงวัตถุสีดำสนิทที่มีรูปร่างเหมือนเครื่องทำสวนเท่านั้น
พวกมันตอนที่ซ่อนอยู่ในหมอกทำให้คิดว่าเป็นเงาของเครื่องทำสวนแต่ที่จริงไม่ใช่
ลักษณะของวัตถุพวกนั้นดูคล้ายคลึงกับตัวดาบมังกรเทวะ
“นี่มันยังไงกันแน่แฟรนเซียมแล้วฆ่าเจ้าพวกนั้นทำไม
คิดจะทำอะไรกันแน่”
รูบิเดียมถามพลางยกคริสตัลเอ็กซีดขึ้นมาถือ
“ฉันไมได้เป็นคนฆ่า
เจ้าพวกนั้นแค่ทนไอพลังปีศาจที่ปล่อยออกจากร่างฉันไม่ได้เลยตายเรื่องมันก็แค่นั้น”
แฟรนเซียมพูด
ตอนนั้นเองที่เริ่มจะมองเห็นออร่าสีดำจางๆ
เด่นชัดขึ้นมา ออร่าพวกนั้นลอยออกมาจากร่างของแฟรนเซียม
ไม่เคยเห็นอะไรแบบนี้มาก่อนไม่ใช่พลังที่แฟรนเซียมเคยมีเพราะไม่เคยเห็นเอาออกมาใช้
ลักษณะดำหม่นของออร่าที่ปล่อยออกมาน่าจะเป็นลักษณะพลังของ ‘ปีศาจ’
“เดม่อนแอพเหรอ?”
เธอพูดสมมติฐานออกมา
ตอนนั้นเองแฟรนเซียมก็ตวัดดาบ
“สองเครื่องสุดท้ายที่นี่ขอเลยก็แล้วกัน”
ดาบมังกรเทวะหดตัวกลับเป็นใบดาบตรงแล้วถูกชูขึ้นไปยังท้องฟ้าที่อากาศปลอดโปร่งขึ้นมาเพราะสายลมเมื่อครู่
ท้องฟ้าปลอดโปร่งไร้เมฆหมอก
ดวงตะวันดวงโตลอยเคว้งอยู่กลางท้องฟ้า
แล้วที่ตรงนั้นเอง
ก็บังเกิด ‘คราส’ ขึ้นมา
“ไม่สิ
ไม่ใช่ดวงอาทิตย์นี่”
รูบิเดียมพูด
ไม่ใช่ดวงอาทิตย์ที่ถูกคราสกลืนแต่เป็นท้องฟ้าเหนือหอคอยต่างหากที่ถูกบดบังโดยเมือกสีดำที่แผ่ขยายออกจากจุดที่ดาบของแฟรนเซียมชี้ขึ้นไป
“จงชโลมสรวงสวรรค์ให้มืดมิด
อนธกาล มังกรสัมบูรณ์กาล อาซี ดาฮากา อหุราคา!!”
ก่อนที่แฟรนเซียมจะลงมือทำอะไรไปมากกว่านี้
เขี้ยวเล็บของเครื่องทำสวน ปืนใหญ่ของโดโกบาร์ก็ลั่นไกยิงไปแล้ว
“หายไปซะวัชพืช”
แต่สิ่งที่หายไปกลับกลายเป็นลูกกระสุนปืน
ถูกเมือกสีดำที่หยดย้อยลงมาจากข้างบนกลืนเข้าไปก่อนจะเข้าถึงตัวแฟรนเซียม
“ที่ต้องหายไปน่ะ
มันแกต่างหาก”
แฟรนเซียมกล่าวแล้วเมือกดำก็ไหลบ่าเทบ่าลงมาจากสวรรค์
อาบย้อมชโลมกายของเครื่องทำสวนทั้งสองที่ยังยืนหยัดอยู่ที่นี่
ทั้งที่ความเร็วในการร่วงลงมาของเมือกดำไม่ได้รวดเร็วหวือหวาอะไรแต่ทำไมเครื่องทำสวนจึงไม่ยอมขยับหลบหลีก
รูบิเดียมคิดว่าสาเหตุคงจะมาจากเมือกที่บดบังท้องฟ้า อาจจะมีคุณสมบัติในการชะลอความเคลื่อนไหวเฉพาะเครื่องทำสวนเพราะตัวเธอที่ยืนอยู่ตรงนี้เหมือนกันไม่รู้สึกถึงอะไรเลย
ทันทีที่โดนเมือกตกใส่เครื่องทำสวนก็หยุดเคลื่อนไหว
หยุดนิ่งอยู่อย่างนั้นจนกระทั่งโดนเมือกกลืนเข้าไปทั้งตัว
ถูกละลายอยู่ภายในเมือกจนขนาดหดเล็กลงราวกับว่าขนาดมหึมานั่นเป็นเรื่องโกหก
เมือกที่ละลายเครื่องทำสวนจนหมดแล้วก่อตัวขึ้นใหม่กลายเป็นรูปร่างเดียวกับเครื่องทำสวนที่มันกลืนเข้าไป
ทีนี้ก็มีเครื่องทำสวนดำเพิ่มขึ้นเป็นเก้าตัว
ความคิดเห็น