คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #219 : Login 216: มหาเทพแห่งแสงสว่างและความมืด 3
Login 216: มหาเทพแห่งแสงสว่างและความมืด 3
“จงอาบย้อมสวรรค์ให้มืดมิด
อนธกาล มังกรสัมบูรณ์กาล อาซี-ดาฮาคา-อหุราคา”
เมื่อชายผิวสีกล่าว
ดาบมังกรเทวะที่ลอยขึ้นไปเพราะเขาโยนมันก็ระเบิดออก
ดาบกลายเป็นของเหลวสีดำมะเมื่อม
คล้ายเมือกหรืออะไรซักอย่างขยายตัวอย่างรวดเร็ว
เพียงแค่อึดใจเดียวก็บดบังท้องฟ้าในอาณาบริเวณนี้จนมืดมิด
มีเพียงแสงจากดวงอาทิตย์สะท้อนเข้ามาอ่อนๆ
ทำให้พอจะมองเห็นทิวทัศน์อันวิจิตรศิลป์ที่มันสร้างขึ้นมา
ทิวทัศน์ที่จะเกิดขึ้นเมื่อเกิดสุริยุปราคาหรือจันทรุปราคา
ทิวทัศน์สองอย่างซึ่งแตกต่างกันมากถูกผนวกรวมกันด้วยพลังของดาบมังกรเทวะที่เปลี่ยนรูปร่างไป
ดูเหมือนจะมีชื่อเรียกที่บ่งบอกถึงทิวทัศน์ที่เกิดขึ้นหลังจากสำแดงพลัง
ทิวทัศน์ซึ่งเกิดจาก
‘คราสอสูร’
อหุราคา…ช่วงเวลาซึ่งอสุราปกครองสวรรค์
ดั่งเช่นคราสทมิฬที่บดบังท้องฟ้าจากแสงตะวัน
ไม่เพียงเท่านั้น
แต่เมื่อ ‘อหุราคา’ ปรากฏขึ้นมาเหล่าเครื่องทำสวนก็ออกอาการอ่อนแรงกันทันที
พวกมันเคลื่อนไหวช้าลงๆ จนกระทั่งหยุดนิ่ง
เมือกสีดำที่กางปกคลุมท้องฟ้าไหลย้อยตกใส่เครื่องทำสวน
มันเคลื่อนไหวราวกับมีชีวิต แผ่ขยายปกคลุมเครื่องทำสวนเหมือนอสรพิษกลืนกินเหยื่อ
ทันทีที่เครื่องทำสวนถูกปกคลุมจนมิดก็ไอร้อนลอยขึ้นมาพร้อมกับส่งเสียงดัง
ฉู่ฉ่า ดูเหมือนเครื่องทำสวนที่อยู่ข้างในกำลังหลอมละลาย
ขนาดอันใหญ่โตถูกกัดกร่อนและหดเล็กลงจนกระทั่ง สสารที่อยู่ใต้เมือกดำหายไปสิ้น
จากนั้นเมือกดำก็ไหลย้อนกลับ
มันหดตัวจนกลับไปมีขนาดเท่าเดิมและคืนสภาพเป็นดาบมังกรเทวะ
ชายผิวเข้มยื่นมืออกไปแล้วดาบก็ลอยเข้ามาอยู่ในมือราวกับสุนัขวิ่งหาเจ้าของ
“แล้วเป็นยังไงบ้างล่ะ แฟรนเซียม”
อีกฝ่ายหันมาพร้อมกับถามคำถามที่ไม่เข้าใจว่าหมายถึงเรื่องใด
“...”
“งั้นเหรอ กำลังกลัวสินะว่าข้าจะลงโทษที่ทำเรื่องไว้มากมาย”
โดนล่วงรู้สิ่งที่กำลังคิดอยู่ในหัวได้
อีกฝ่ายคงจะมีความสามารถในการอ่านใจได้เหมือนกับซีลอร์ด
“แกเป็นใครกันแน่”
พอถามไปอีกฝ่ายก็ตอบนอกเรื่อง
“อะไรกัน อะไรกัน ไม่ต้องร้อนรนขนาดนั้นก็ได้ความคิดในหัวเจ้ามันตีกันมั่วไปหมดแล้วนะจะหวาดกลัวไปทำไมข้าส่งเจ้ามาที่นี่ก็ไม่ได้กำหนดไว้ซักหน่อยว่าจะต้องทำอะไรและไม่ทำอะไร...”
แฟรนเซียมจึงตะคอกแทรกตัดบทพูดอันยาวเหยียดที่ทำเป็นไม่สนใจนั่น
“ตอบคำถามฉันมาเดี๋ยวนี้!”
ชายผิวเข้มชะงักฝีปากไปแล้วควงดาบมังกรเทวะไปมาราวกับเป็นของเล่น
เดิมทีมันก็เป็นของของหมอนั่นอยู่แล้ว
บางทีอาจจะจบที่นี่จริงๆ
ถูกฆ่าแน่...
“ไม่ฆ่าหรอก”
โดนอ่านใจอีก..
“ไม่ต้องอ่านก็รู้อยู่ดีจะความนึกคิดของเจ้าหรือจะระบบความคิดของจักรวาลนี้ก็ล้วนมาจากข้าทั้งสิ้น”
“…”
“งั้นจะตอบคำถามเมื่อกี้ให้ก็ได้ข้าเป็นใครน่ะหรือ
ที่โลกใบนี้ประมาณหลายพันปีก่อนมนาย์เรียกข้าว่า อหุระมาซดะ”
นั่นมันชื่อของพระเจ้าสูงสุดในโซโรอัสเตอร์...
“ข้าเป็นผู้ก่อตั้งมันขึ้นมาเอง จะบงการมนุษย์จำนวนมาก
จำเป็นต้องมีเครื่องมือแล้วเครื่องมือที่ว่าก็ต้องสร้างความปั่นป่วนและสับสนได้ด้วย
มนุษย์รบราฆ่าฟันกันด้วยระบบที่ว่าทั้งหมดก็เพื่อกระตุ้นให้เจ้าพวกที่เอาแต่ชะโงกหน้ามองลงมาจากข้างบนให้รู้จักตื่นตัวกันเสียบ้าง”
“แปลว่าแกเล็งเป้าไปที่แอดมินิสเทรเตอร์แต่แรกแล้วงั้นสิ”
“ก็นะ นั่นเป็นส่วนหนึ่งของแผนแน่นอนว่ารวมไปถึงการที่มนุษย์จะก่อตั้งอาณาจักรพันปีขึ้นมาก็ด้วย
ข้าลองแหย่เจ้าพวกนั้นดูแล้วแจ็คพ็อตก็แตกพวกปีศาจที่แกเรียกกันว่าเทวทูตตกลงมาที่นี่ทำให้ความปั่นป่วนยิ่งแผ่ขยายแล้วมนุษย์ที่น่ารักของข้าก็ช่วยแพร่กระจายมันออกไป”
ชายผิวเข้มกล่าวแล้วเดินเข้ามาใกล้
ไม่รู้ทำไม
ทั้งที่คิดว่าควรจะหนีแต่ขากลับก้าวไม่ออก
แฟรนเซียมได้แต่ยืนรออยู่อย่างนั้นจนชายดังกล่าวมาหยุดยืนที่ตรงหน้าแล้วปักดาบมังกรเทวะลงกับพื้นก่อนจะปล่อยมือจากมัน
“เอาล่ะมาทบทวนเรื่องเมื่อสิบสองปีกันอีกครั้งดีกว่า สิงห์ ธุวดารกะ
ตัวตนที่ข้าตระเตรียมไว้ให้เจ้าได้ตายลงแล้วก็เอาเจ้ามาแทนที่
ข้าได้มอบอาซีดาฮากาและวิญญาณของออร์ทิเกสซาร์ไว้กับเจ้าแล้วก็คอยจับตาดูว่าเจ้าจะเคลื่อนไหวอย่างไร
จะใช้เหล่าตัวหมากที่ข้าตระเตรียมไว้ได้ถึงขนาดไหน ขอประเมินเลยนะว่าเจ้าทำได้อย่างน่าพึงพอใจเอามากๆ
แต่ดูเหมือนว่าเจ้าจะยังเข้าไปแทนที่ตัวแปรทั้งสี่ไม่ได้สินะ”
ตัวแปรทั้งสี่ที่ว่าก็คือ
อิงศร มิ่งขวัญ แล้วก็รูบิเดียม และอีกคนที่เพิ่งจะรู้เมื่อไม่นานมานี้ว่าเป็น
กวินทร์
ทั้งสี่คนนี้คือเป้าหมายที่ฟันเฟืองเลือกมาอยู่ด้วย
แน่นอนว่าของรูบิเดียมนั้นเขาชิงตัดหน้าเอามาเองก่อนที่หล่อนจะรู้เรื่องทำให้ถูกคิดไปว่าเขาเป็นผู้ถูกเลือก
สี่คนนี้ผูกมัดกับเมอร์คาบาห์ด้วยเหตุผลบางอย่างที่ทำให้โลกแต่ละใบเคลื่อนไหวไปตามสภาพของเมอร์คาบาห์
ก่อนหน้านี้ตอนที่เจอกับอิงศรหมอนั่นทำให้เมอร์คาบาห์กลายเป็นร่างที่ไม่เคยเห็นมาก่อน
ไม่เหมือนกับในโลกบ้านเกิดของตัวเอง
เมอร์คาบาห์ฮันเซลลัชช่า
คงจะมีความหมายบางอย่างเกี่ยวพันกับการเปลี่ยนแปลงของเส้นทางที่โลกใบนี้จะก้าวไป
แต่สรุปแล้วตัวต้นเหตุที่ทำให้ฟันเฟืองแยกเป็นสี่ส่วนคือหมอนี่
ซึ่งมีพลังขนาดแทรกแซงบททดสอบของแอดมินิสเทรเตอร์ได้
‘มหาเทพราหู ราหูราลิส’
พลังของเจ้านี่น่าจะเทียบขั้นได้กับแอดมินิสเทรเตอร์
“แกมีเป้าหมายอะไรกันแน่”
แฟรนเซียมถาม
เขาไม่ได้คาดหวังคำตอบเพราะถึงรู้ไปก็ทำอะไรไม่ได้อยู่ดี
ที่ถามก็เพราะอีกฝ่ายเหมือนจะปูทางให้เขาถามคำถามนี้มาตั้งนานแล้ว
ชายผิวเข้มยิ้ม
“…”
นั่นเป็นเครื่องยืนยันว่าความคิดของเขาถูก
“เป้าหมายเหรอ”
อีกฝ่ายเปรยขึ้นพร้อมกับดึงผ้ากันเปื้อนขึ้น
“ นี่ก็แค่เกมฆ่าเวลาเท่านั้นเองเพราะมันนานน่ะกว่าจะถึงช่วงเริ่มแผนการ
เพราะยังไงซะมันจะต้องมาถึงอย่างแน่นอนโปรแกรมได้ถูกตั้งเอาไว้แบบนั้น
ยังไงซะมนุษย์จะดำเนินมันไปจนถึงช่วงเวลานั้นเองข้าแค่รออย่างเดียวมันก็น่าเบื่อ จริงสิมาลองเดิมพันกันหน่อยไหม”
แล้วหยิบเอาบางสิ่งออกมาจากกระเป๋าด้านหลังผ้ากันเปื้อนขึ้นมาแสดงต่อหน้าเขา
บางสิ่งที่ทำให้หัวใจเต้นระทึก
บางสิ่งที่มีอำนาจขนาดเปลี่ยนแปลงผลลัพธ์อันน่าอดสูในตอนนี้ให้พลิกกลับได้
“อิงศรโอบกอดความหวังแล้วมุ่งหน้าสู่ความสิ้นหวัง”
สิ่งนั้นคือไพ่...
ไพ่ที่อิงศรเรียกว่าอาคานาร์...แม้แต่พลังลึกลับของหมอนั่นก็ยังมีเจ้านี่เป็นผู้บงการชักใยอย่างนั้นหรือ
“ส่วนเจ้าโอบกอดความสิ้นหวังมุ่งหน้าสู่ความหวังอย่างนั้นสินะ”
“สำหรับแกจะความหวังหรือความสิ้นหวังมันก็แค่คนละด้านของไพ่ใบเดียวกันไม่ใช่รึไง”
แฟรนเซียมกล่าวอย่างเข้าใจในตัวอีกฝ่าย
เข้าใจดีว่าเทพมารตรงหน้ามีสันดานอย่างไรจากสิ่งที่มันทำกับ
‘สวนแห่งที่หนึ่ง’
โลกในรอบที่แล้วซึ่งถูกมันทำลายลงในปลายทาง
ชายผิวเข้ม..ไม่สิ
มหาเทพกล่าวราวกับจะตอบรับความนึกคิดที่หวาดระแวงในตัวมันของแฟรนเซียม
“เมื่อดวงสุริยันต์และจันทรา ร่วงหล่นจากสวรรค์
ความมืดมน
อนธกาลจึงอาบย้อม
คราสดำทะมึนจะกลืนกินทุกสรรพสิ่ง
เจ้าไม่เคยลืมสิ่งที่เกิดขึ้นในวันนั้นเลย
เพราะงั้นถึงได้เลือกคนที่เข้าใจอะไรได้ง่ายอย่างเจ้าแล้วส่งมาที่โลกนี้ไงล่ะ”
มหาเทพกล่าวแล้วยื่นไพ่อาคานาร์มา
อาคานาร์ปีศาจ
เดอะ เดวิล (The Devil)
“อยากจะฝากคนเข้าใจง่ายอย่างแกเอาสิ่งนี้ไปให้ผู้ถูกเลือกทีสิ
คงเข้าใจนะว่าจะฝากไปยังไง”
แฟรนเซียมมองไพ่ในมืออีกฝ่าย
ตอนนี้ชีวิตของตัวเองก็เหมือนกับไพ่ใบนั้น
ได้แต่เต้นไปบนฝ่ามือของมหาเทพ
หากไม่รับเงื่อนไขนี้ก็จะถูกกำจัดทันทีแต่ถ้ารับไว้ก็จะได้รับโอกาส
แน่นอนว่ามันคือโอกาสสุดท้ายสำหรับแก้ไขทุกอย่าง
แฟรนเซียมเข้าใจในเรื่องนั้น
เมื่อได้เห็น
เดวิลอาคานาร์ มันก็บ่งบอกบทสรุปของตัวเองออกมาแล้ว
ถ้าจะส่งสิ่งนี้ให้อิงศรได้ก็ต่อเมื่อตัวเองพ่ายแพ้และโดนหมอนั่นฆ่า…การรับอาคานาร์นี้มีความหมายแบบนั้น
หากรับอาคานาร์นี้ไว้จะต้องฆ่าฟันกับหมอนั่นแบบเอาชีวิตเป็นเดิมพัน
นั่นคือเรื่องที่ชายตรงหน้าพยายามจะบอก
อิงศร...
หมอนั่นจะเป็นแสงสว่างที่มุ่งไปยังอนาคต
ดังนั้นเขาก็จะต้องเป็นความมืดที่มุ่งหน้าไปยังอนาคตด้วยเช่นกัน
ที่ปลายทางนั้นคนที่ไปถึงจะได้เป็นผู้กำหนดทุกอย่าง
“ก็เอาสิ”
แฟรนเซียมกล่าวรับเดิมพันนั้นแล้วคว้าอาคานาร์มา
คว้าเอาโชคชะตาที่จะกลายเป็นชะตากรรมผูกมัดตนเองมาด้วยมือที่แปดเปื้อนนั่น
***ที่จริงคิดว่าไม่ต้องแจ้งอาจจะเดากันได้อยู่แล้วว่าทำไมในสัปดาห์สามตอนบางตอนมันสั้นจัง
คือเมื่อก่อนประมาณตอนที่ 1-20 ไรท์เขียนโดยใช้เวลาตอนละสองสัปดาห์ก่อนจะเริ่มเปลี่ยนเป็นระบบลงต่อเนื่อง
ทีนี้เพื่อให้มีตอนที่ลงอย่างต่อเนื่องก็เลยหั่นตอนหนึ่งเป็นแต่ละส่วนของทั้งสัปดาห์นั้นๆ
ครับ ในช่วงภาคแรกกับภาคสองจะเห็นว่าคงความยาวกับบทได้ดีนั่นเพราะไรด์เขียนดองไว้ก่อนแล้วเป็นเนมสั้นๆ
เลยเอามาเขียนได้ไว ยกเว้นช่วงศึกกับ ยฮวฮ อันนั้นเขียนลำดับพล็อตผิดเลยต้องเขียนแก้กันยาวเลยแต่ก็ลากกลับเข้าเส้นเรื่องได้ในที่สุดนั่นเอง
แต่มาภาคสามนี่ไรท์มีเวลาเตรียมตัวน้อยมากบวกกับเวลาว่างมันลดลงทำให้คุณภาพกับความยาวมันลดลงไปบ้าง
เรื่องเวลาในการลงพยายามทำให้ตรงเวลาอยู่ฮะแต่ในส่วนของตอนที่อัพในวันเสาร์-อาทิตย์คิดว่ามันต้องคลาดเคลื่อนหน่อยเพราะกะจังหวะไม่ได้จริงๆ
เนื่องจากวันหยุดสุดสัปดาห์ไรท์ต้องช่วยงานทางบ้านด้วย อาทิตย์หน้าสัปดาห์ลงสองตอนก็จะปิด
Act เทวาสุรสงครามกันซะที จากนั้นว่าจะหยุดอาทิตย์หนึ่งครับเพื่อเตรียมเนื้อเรื่องส่วนสุดท้ายให้พร้อมสำหรับบทสรุปของเรื่องนี้
สำหรับทุกท่านที่ติดตามมาจนถึงตรงนี้ก็ขอขอบคุณเป็นอย่างมากครับ***
ความคิดเห็น