คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #216 : Login 213: Operation Root Break 2
Login 213: Operation Root Break 2
รูบิเดียมพูดว่า
‘โอเปอเรชั่นรูทเบรก’
คือชื่อของแผนการที่พวกเขาทั้งสิบเอ็ดคนตรงนี้โดนชักใยให้วิ่งเต้นมาตลอดสี่ปีหลังจากโลกล่มสลาย
ไม่สิแผนการน่าจะเริ่มมาตั้งเนิ่นนานแล้ว ตั้งแต่ยุคโบราณที่เหล่าเทวทูตยังคอยเป่าหูมนุษย์ต้นตระกูลของธุวดารกะ
‘รูทเบรก’ รูทที่ว่านั่นจะมีความหมายเดียวกับรูทที่กฤษณะพูดถึงหรือเปล่า?
คำว่า รูท นั่นคงจะสะกดแบบนี้ ‘Root’ ซึ่งแปลว่าราก
คำที่เกี่ยวข้องกับรากซึ่งลอยขึ้นมาก็มี รากแห่งอาคาชิก นั่นก็มีส่วนเกี่ยวข้องด้วยรึเปล่า
อิงศรคิดแล้วก็ได้แต่ดึงสติตัวเอง เพราะคนที่พูดคือรูบิเดียมจะให้เชื่อทั้งหมดไม่ได้เด็ดขาด
ดังนั้นอิงศรจึงถามเพื่อจะยืนยันบางอย่าง
“แล้วมีหลักการคัดเลือกยังไง”
“จะอยากรู้ไปทำไมกันล่ะ”
“อย่างน้อยทางฉันก็มีข้อมูลในเรื่องนั้นอยู่ถ้าเธอบอกมาไม่ตรงกับที่เรารู้ก็แปลว่าโกหกไง”
แน่นอนว่าเขาไม่มีข้อมูลที่ว่าอยู่เลย ตอนนี้ต้องเสี่ยงไปก่อนว่าฝ่ายนั้นจะเดินหมากกันยังไง เสี่ยงเพื่อให้รู้ว่าว่าฝ่ายนั้นมองพวกเขาอย่างไร
จะเชื่อคำโกหกของเขาแล้วเล่าความจริงมา
หรือโกหกต่อเพราะรู้อยู่แล้วว่าพวกเขาไม่มีข้อมูล
รูบิเดียมคือคนๆ เดียวกับ กุมภา ธุวดารกะ พันเอกหญิงผู้เพียบพร้อมและฉลาดเป็นกรด ดังนั้นคำโกหกจึงไม่น่าจะใช้กับหล่อนได้ แต่ว่าอิงศรมีแต้มต่ออยู่อย่างหนึ่ง
หล่อนกำลังอับจนหนทางเรื่องไม่มีกุญแจสำหรับบาเบลซึ่งก็คือเมอร์คาบาห์ของเขา เรื่องนั้นเป็นเรื่องจริงที่พิสูจน์แล้ว
“ชิ”
รูบิเดียมจิกปาก การแสดงท่าทางแบบนั้นมาน่าจะเป็นอย่างแรกสินะ
หล่อนอาจจะพูดความจริงหรือไม่ก็จนถึงตอนนี้รวมถึงต่อจากนี้ไป ก็ยังอยู่ในบทละครของหล่อนรึเปล่า
“หลักการคัดเลือกเป็นไงไม่รู้หรอกเพราะคนที่คัดเลือกคือพวกเทวทูต ส่วนฝั่งนี้แฟรนเซียมเป็นคนคัดเลือกเองอย่างไทเทเนียมเองก็ถูกเก็บมาเพราะเรื่องนี้”
ไทเทเนียม... พี่สาวของกวินทร์ก็ถูกนับรวมอยู่ด้วยอย่างนั้นหรือ ?
ถ้าอย่างนั้นสาเหตุที่แฟรนเซียมเก็บหล่อนไว้ก็ไม่ใช่แค่เพราะต้องการความสามารถด้านเกมเมอร์เท่านั้นแต่ยังมีเหตุผลในเรื่องนี้ด้วยสินะ
กรณีของมิ่งขวัญเองก็น่าจะเหมือนกันไม่ได้ถูกเก็บไปเพราะเรื่องฟันเฟืองเพียงอย่างเดียว
แล้วก็...เพราะดันพูดแบบนั้นมาก็เลยเกิดเรื่องขึ้นจนได้
กวินทร์ที่ได้ยินคำพูดนั่นคงคิดได้เหมือนที่เขากำลังคิด ต่อให้รุ่นน้องคนนี้จะซื่อแค่ไหนแต่ก็ไม่ได้โง่ขนาดจะไม่รู้ว่าพี่สาวของตนโดนมองเป็นสิ่งของเหมือนกับที่ตัวเองกำลังโดนด้วย แล้วก็โพล่งเสียงดังออกมา
“พี่สาวน่ะเหรอ หรือว่าที่ทำให้พี่กลายเป็นมนุษย์ต่างดาวก็เพราะเรื่องนี้ด้วยน่ะ”
แล้วตั้งท่าจะพุ่งไปหารูบิเดียม
ไม่รู้ว่าจะไปทำอะไรแต่อิงศรก็ใช้ตัวบังขัดไม่ให้กวินทร์พุ่งออกไป ไม่ใช่ว่าเขาเป็นห่วงรูบิเดียมแต่เป็นห่วงกวินทร์มากกว่า ฝ่ายนั้นคือราชครูอันดับสามถ้าปล่อยกวินทร์วู่วามลงมือไปคงได้ตายเองแน่
“ก็บอกว่าให้เลิกสะกิดจุดผิดที่ผิดทางซักทีไงเล่า”
ดูท่าการจะร่วมมือกับรูบิเดียมจะเป็นเรื่องยากจริงๆ นั่นแหละ ฝ่ายนั้นสร้างความบาดหมางเอาไว้มากจริงๆ แล้วถ้าเกิดต้องปะทะกันขึ้นมาล่ะก็
กลุ่มของเขาตอนนี้มีแต่คนที่เหนื่อยล้าและบาดเจ็บจากการต่อสู้กับกฤษณะคงสู้ไม่ไหวแน่ ต่อให้ทางนี้มีราชครูอันดับสองอย่างซีเซียมเป็นตัวช่วยก็ไม่แน่ว่าจะเอาชนะได้ง่ายๆ
พวกเขาที่บาดเจ็บล้วนเป็นตัวถ่วงถ้าต้องสู้กันขึ้นมาคงไม่พ้นโดนใช้เป็นตัวประกัน ไหนยังจะมีกองทัพที่หล่อนพามาด้วยล้อมอยู่รอบเกาะอีก
ดังนั้นต้องหลีกเลี่ยงการต่อสู้ให้มากที่สุด
กว่าจะสงบสติอารมณ์ของกวินทร์ลงได้ก็ต้องให้เมษากับฟูมาช่วยดึงตัวออกไป
อิงศรจึงเริ่มสอบหล่อนอีกครั้ง
”เมื่อกี้บอกว่าหลักการคัดเลือกเหมือนกับตำแหน่งเดือนของธุวดารกะสินะ งั้นก็ยังขาดไปอีกคนน่ะสิมันน่าจะมีสิบสองคนถ้านับตามเดือนแล้วก็ตามจำนวนเครื่องทำสวนแบบไม่นับนายส่วนเกินด้วยสินะ”
รูบิเดียมกล่าว
“อืม”
ดูเหมือนจะเข้าใจว่านายส่วนเกินนั่นหมายถึงซีลอร์ด
ดูจากเงื่อนไขพวกนั้นเป็นไปได้ว่าอีกคนที่เหลือจะเป็นหล่อนเองนั่นแหละ
“ก็พอจะเข้าใจอยู่หรอกว่าจะรวบรวมกำลังรบเพราะแผนการเดิมของเธอมันคือการขึ้นไปทำสงครามกับพระเจ้าใช่ไหมล่ะ แต่เธอเองก็เป็นธุวดารกะไม่ใช่เหรอถ้างั้นเข้าไปเองก็ได้นี่ใช้พวกธุวดารกะที่มีอยู่แล้วก็ได้ ทำไมยังจะต้องมาประนีประนอมพวกฉันอีกเล่า”
“ตอนแรกก็ตั้งใจเอาไว้แบบนั้น แต่ธุวดารกะน่ะจบสิ้นไปแล้วเจ้าพวกนั้นถูกออร์ทิเกสซาร์ฆ่าตายหมดตอนนี้เหลือแค่ฉันกับกรกฎ สองคนแล้วคนที่จะขึ้นไปก็มีได้แค่สิบสองคนเท่านั้นถ้าเป็นไปได้ก็อยากจะได้บุคลากรที่มีพลังมากกว่าตอนนี้”
ด้วยเหตุผลแบบนั้นน่ะเหรอที่ทำให้หล่อนถึงกับอับจนหนทาง...อิงศรยังรู้สึกเชื่อไม่ลงซักเท่าไหร่
“เดี๋ยวก่อนเซ่!”
เมษาพูด
จู่ๆ เจ้านี่ก็ทักขึ้นมาเสียงดังแบบนี้คงไม่ใช่เรื่องดีนัก ถ้าแค่กวินทร์เขายังพอจะหยุดได้แต่ถ้าเมษามาคลั่งเอาตอนนี้ด้วยคงจะวุ่นวาย
เมษาพูด
“แล้วพี่กรกฎล่ะ พี่เขาอยู่กับพี่กุมภาไม่ใช่เหรอ”
“ก็ใช่ แล้วมันจะทำไมล่ะ”
“ถ้าอย่างนั้น...”
แต่รูบิเดียมก็พูดขัดคำพูดเมษา
“แล้วไงจะบอกว่าฉันโกหกเพราะไม่นับกรกฏเป็นกำลังรบงั้นเหรอ หมอนั่นน่ะใช้ไม่ได้หรอกเพราะว่าเป็นเดโมนอยด์นายเองก็น่าจะเห็นนะว่าต่อหน้าพระเจ้าแล้วพลังของปีศาจไร้ความหมายไปเลย”
รูบิเดียมรู้ว่าน้องชายต่างสายเลือดตั้งใจจะพูดอะไรแล้วชิงพูดมาทั้งหมดก่อน เมษาเลยได้แต่อ้ำอึ้งอยู่อย่างนั้น
อิงศรพูด
“ถ้างั้นกลุ่มของพวกฉันที่มีเดโมนอยด์ตั้งห้าคนแถมยังหมดท่าตอนที่แอพพลิเคชั่นปีศาจหยุดการทำงานไปเหมือนกันจะต่างอะไรเล่า”
“ที่ฉันมาก็เพราะเหตุนั้นนั่นแหละ”
“หมายความว่ายังไง”
รูบิเดียมปรายยิ้มแล้วตอบคำถามอย่างคล่องแคล่ว
“ไฮโดรเจนไหว้วานฉันเอาไว้ บอกว่าพวกนายในตอนนี้ยังอ่อนแอเกินไปก็เลยจะช่วยทำให้เป็นแบบมิ่งขวัญแบบนั้นน่าจะเก่งขึ้นมาอีกหน่อย”
นั่นหมายความว่าจะทำให้พวกเขาตรงนี้ทั้งหมดกลายเป็นมนุษย์ต่างดาว...
หล่อนพูดเรื่องเหลือเชื่อแบบนั้นด้วยหน้าชื่นมื่นได้ยังไง นี่คงกำลังสนุกกับการทำพวกเขาตกใจอยู่สิท่า
อิงศรคิดแล้วก็รู้สึกเหนื่อยขึ้นมาเพราะรู้ว่าจะมีคนในกลุ่มพวกพ้องร้อนตัวจะออกมาฉะกับหล่อนอีกแน่
คราวนี้เป็นคนใกล้ตัวมากๆ มิ่งขวัญที่ยืนอยู่เคียงข้างตวัดเรเปียใส่รูบิเดียมพร้อมกับแยกเขี้ยวคำรามด้วยความโกรธ
“นี่แกคิดจะทำให้ทุกคนกลายเป็นแบบฉันงั้นเรอะ!”
หนนี้เอาไม่อยู่แล้ว ถ้าขวัญอาละวาดล่ะก็การเจรจาก็จบแค่นี้ แล้วมันก็เป็นความผิดของยัยนั่นเองที่ไม่เลิกสะกิดแผลใจของพวกเขา
แต่รูบิเดียม...
“ฟังกันก่อนสิ ไม่ได้จะทำให้เป็นมนุษย์ต่างดาวซักหน่อย”
รับเรเปียด้วยนิ้วชี้กับนิ้วนาง แค่คีบมันไว้อย่างสบายๆ
“แค่จะช่วยเพิ่มขีดจำกัดของเลเวลให้เท่านั้นเองเลเวลแค่เก้าสิบเก้าน่ะคงทำอะไรไม่ได้อย่างน้อยถ้าเพิ่มขีดจำกัดเท่ากับมนุษย์ต่างดาวแล้วไปสุดที่เลเวลหนึ่งร้อยสี่สิบสี่เลยแบบนั้นน่าจะมีประโยชน์บ้างเรื่องนี้ไฮโดรเจนเป็นคนพูดเอาไว้เอง”
ที่จริงมันก็แปลกๆ ตั้งแต่ที่บอกว่าซีลอร์ดเป็นคนไหว้วานเธอมาแล้วนั่นแหละ ถ้าเป็นการทำให้เป็นมนุษย์ต่างดาวจริงคงสรุปได้แค่ว่าการเจรจาทั้งหมดเป็นแค่เรื่องหลอกลวง
“แล้วไง ไม่เห็นจะเกี่ยวกับว่าเธอมีกำลังรบหรือไม่มีเลยนี่ สรุปแล้วที่ยอมมาประนีประนอมกับพวกฉันก็เพราะซีลอร์ดบอกให้ทำอย่างนั้นสินะ”
รูบิเดียมท้าวสะเอวแล้วตอบด้วยใบหน้ายู่ยี่เหมือนกับรำคาญ
“ถึงไม่ต้องให้หมอนั่นมาบังคับตอนนี้ฉันเองก็ไม่มีทางเลือกเหมือนกัน พวกนายเองคงไม่อยากโดนลบหายไปโดยที่เอาแต่ยืนเถียงกันอยู่แบบนี้หรอกใช่ไหมล่ะ”
“แต่ให้โดนเธอหลอกแล้วหักหลังเอาอีกรอบฉันก็ไม่อยากเหมือนกันนั่นแหละ”
“แล้วต้องทำยังไงถึงจะเชื่อกันได้ล่ะ”
ที่จริงแค่ให้เขาติดต่อกับซีลอร์ดเพื่อยืนยันก็จบแล้วถ้ามันเป็นเรื่องจริง
แต่ว่า ตั้งแต่วันนั้นที่สนามรบก็ติดต่อกับหมอนั่นไม่ได้แล้วรูบิเดียมก็ไม่แสดงท่าทีว่าจะเอาหลักฐานแนวๆ นั้นออกมาเลย ตรงนี้เองที่ทำให้น่าสงสัย ทำไมถึงเลือกจะเล่าทุกอย่างให้ฟังเอาตอนนี้ล่ะ
คิดได้อย่างเดียวว่าตอนนี้รูบิเดียมเองก็จนมุมแล้วซีลอร์ดที่ให้ที่อยู่พวกเขาเพื่อให้หล่อนมาหาก็น่าจะไม่ได้ให้อิสระในการเลือก นั่นหมายความว่าหล่อนโดนซีลอร์ดบังคับมาซึ่งแบบนั้นมันจะแปลกเกินไปหน่อยละ
นิสัยปกติของซีลอร์ดจะไม่บังคับใคร หมอนั่นไม่เคยบีบบังคับใครตรงๆ แต่จะให้ทางเลือก
ทางเลือกที่จะทำหรือไม่ทำก็ได้ แต่ถ้าไม่ทำจะต้องเสียใจมันก็มีทางเลือกแบบนั้นเหมือนกันในช่วงที่ผ่านมา
ถ้างั้นจะลองเชื่อดีไหมนะ?
หรือใช้โอกาสนี้ล้วงข้อมูลอีกซักนิดแล้วค่อยตัดสินใจ ตอนนี้เขามีเรื่องที่อยากจะรู้เพิ่มเติมจากรูบิเดียมที่เป็นผู้เกี่ยวข้องกับแฟรนเซียม ดังนั้นน่าจะรู้เรื่องของอารย-สนธยาด้วยรวมถึงตัว ฟาวเดชั่นอี
อิงศรพูด
“จะว่าไปเมื่อกี้ฟังเรื่องการสร้างมนุษย์ต่างดาวจากเธอแล้วฉันก็เลยอยากจะถามอะไรหน่อยรู้จักกฤษณะจากฟาวเดชั่นอีรึเปล่า”
ทันทีที่พูดจบ รูบิเดียมก็ถลึงตาแสดงออกว่าตกใจอย่างชัดเจน
“นี่เจอหมอนั่นมาแล้วเรอะ”
ท่าทางจะรู้จริงๆ แฮะ
“เออสิ แถมโดนพ่วงปัญหาขบไม่แตกอย่างตัวตนของมันอาจจะมาจากโลกคู่ขนานอื่นด้วย ฟังแล้วเหมือนกับหลักการกำเนิดของมนุษย์ต่างดาวที่เธอเล่าให้ฟังเลยนะ”
ไม่รู้ทำไมพอพูดเรื่องนี้ไปแล้วรูบิเดียมก็ทำทาครุ่นคิด แถมยังรำพึงเบาๆ เหมือนพูดกับตัวเอง
“งั้นเหรอ อย่างนี้นี่เองเพราะงั้นหมอนั่นถึงได้”
“หืม เป็นอะไรไป นึกอะไรออกรึไง”
พอถามไปรูบิเดียมก็เบี่ยงสายตาไปยังมีนากับเมษา
“รู้ไหมว่าทำไมสิงห์ถึงเปลี่ยนไปหลังจากได้นรสิงห์มา”
แน่นอนว่าจู่ๆ ถามแบบนั้นปฏิกิริยาของสองพี่น้องอดีตธุวดารกะก็เลยได้แต่จ้องหน้ากันก่อนจะตอบว่าไม่รู้
แต่สำหรับอิงศรแล้ว สิงห์เคยบอกกับเขาเองว่าที่ใจดีกับมีนาเป็นเพียงละครหมอนั่นเป็นคนเลือดเย็นมาตั้งแต่แรก ...ไม่สิ เดี๋ยวก่อน
จู่ๆ ก็รู้สึกเหมือนกับว่ามีบางอย่างที่ตัวเองมองข้ามไป
อะไรกันนะ เรามองข้ามอะไรไปรึเปล่า
อิงศรย้อนนึกถึงบทสนทนาที่เคยโต้ตอบกับสิงห์เมื่อตอนนั้น ในคืนก่อนที่จะเดินทางกลับไปที่บ้านแล้วเจอเงื่อนงำของพ่อที่มีความเกี่ยวข้องกับอารย-สนธยา
‘ฉันฟังจากมีนามาแล้วนะเธอบอกว่านายโดนปีศาจที่ชื่อนรสิงห์กัดกินจิตใจอยู่เป็นผลมาจากการทดลองเดม่อนแอพก่อนโลกจะล่มสลาย’
‘แล้วไง”
‘ฉันไม่เชื่อหรอกนะว่านายจะกลายเป็นหุ่นเชิดของปีศาจด้วยเรื่องแค่นั้นเพราะฉันเองก็ยังโดนปีศาจที่นายให้มารังแกเอาเลยแต่ฉันก็ไมได้สูญเสียตัวตนไปยังคงเป็นตัวเองอยู่ งั้นหมายความว่าตอนที่โลกยังไม่ล่มสลายนายก็เล่นละครหลอกคนอื่นตลอดเวลาเลยงั้นเหรอ’
‘ถ้าใช่แล้วมันหนักหัวนายรึไง’
พอมาคิดๆ ดูแล้วคนที่บอกว่าเป็นละครคือเขาเอง สิงห์อาจจะแค่ยอมรับว่าตัวเองไม่ได้เป็นคนใจดีแบบที่พวกมีนารู้จัก หรืออาจจะยอมรับว่าเล่นละครก่อนโลกจะล่มสลายจริงแต่ไม่ได้บอกว่าเล่นเมื่อไหร่
ถ้าอย่างนั้น…
ถ้าเกิดว่าสิงห์กับแฟรนเซียมที่จริงแล้วเป็นคนละคนกันล่ะ
อิงศรลองตั้งสมมติฐานแบบนั้น แล้วรูบิเดียมก็กล่าวออกมาในตอนนั้นเอง
“ไม่ใช่เพราะว่าโดนนรสิงห์ควบคุมหรือโดนผลกระทบจากแอพพลิเคชั่นปีศาจหรอกนะ แต่สิงห์ไม่ใช่สิงห์ แฟรนเซียมที่เป็นสิงห์คือสิงห์จากอีกโลกหนึ่งหมอนั่นถูกส่งตัวมาจาก ฟาวเดชั่นอี ”
ความคิดเห็น