คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #197 : Login 194: พงศาวดารแห่งเทวาสุรสงคราม (ทางลับ)
Login
194: พงศาวดารแห่งเทวาสุรสงคราม (ทางลับ)
ภายในห้องนอนของอิงศร
มีนาที่เข้าห้องมาพร้อมกับเขาก็ตรงเข้ามานั่งที่ข้างเตียงของมิ่งขวัญแล้วเลิกผ่าห่มที่คลุมร่างน้องชายออกดู
ก่อนหน้านี้เขาเพิ่งจะเช็ดตัวและเปลี่ยนเสื้อให้ต้องบอกว่าโชคดีไปที่นรินทร์แนะนำให้ทำไว้ก่อนไม่อย่างนั้นคงเสียเวลากว่าจะแต่งตัวให้มิ่งขวัญเสร็จแล้วถึงเรียกมีนาเข้ามาได้
อิงศรถาม
“เป็นไงมั่ง”
แต่มีนาส่ายหน้า
“ไม่ไหวค่ะเท่าที่ดูนี่ก็เหมือนคนเป็นไข้ธรรมดาๆ
ยังฟันธงไม่ได้ว่าโดนคำสาปรึเปล่าแต่ถ้าเอาตามเรื่องที่คุณอิงศรเล่ามาแล้วบางทีอาคมที่คนร้ายใช้เมื่อคืนอาจจะเป็นแบบที่มีพลังต่ำเลยมีผลกับคนที่ร่างกายอ่อนแอเพราะสภาพจิตใจจะอ่อนแอตามไปด้วยน่ะค่ะ”
“แล้วไม่มีวิธีรับมือเลยเหรอ”
“มีสิคะโดยเฉพาะพวกเราเนี่ยมีกันทุกคนเลยล่ะค่ะ”
“หมายความว่ายังไง”
“หนามยอกก็ต้องเอาหนามบ่งในเมื่ออีกฝ่ายใช้อาคมนอกรีตก็เท่ากับเป็นปีศาจถ้างั้นเราก็เอาปีศาจไปสู้ไงคะเดม่อนแอพที่พวกเราถือครองกันอยู่เนี่ยแหละมีฟังชันก์ปกป้องผู้ใช้งานอยู่ด้วย”
นี่เป็นเรื่องที่เพิ่งจะรู้เป็นครั้งแรก
“ถ้างั้นทำไมเมื่อคืนมันถึงไม่ปกป้องฉันล่ะ”
”ต้องถืออาวุธที่ติดตั้งปีศาจเอาไว้ด้วยสิคะ”
“แปลว่าคืนนี้ต้องนอนกอดธนูงั้นสิแบบนี้เอาอาวุธให้ขวัญกอดด้วยก็....”
แต่แอพพลิเคชั่นปีศาจของมิ่งขวัญได้กลายเป็นอาคานาร์ไปแล้วถ้าเจ้าตัวไม่เรียกออกมาก็ใช้งานไม่ได้
ตอนนั้นเองมีนาก็...
“แล้วก็เรื่องสำคัญที่สุดถ้าเป็นปีศาจที่มีความเข้ากันได้สูงก็จะช่วยคุ้มครองได้ดียิ่งขึ้นค่ะเพราะฉะนั้นเอลิกอร์...”
พูดมาอย่างนั้น
อิงศรจึงต้องพูดขัด
“ไม่อยู่แล้วล่ะ....เจ้าเอลิกอร์นั่นน่ะ
ฉันยังไม่ได้บอกสินะว่าโอดินที่เรียกออกมาให้เห็นก่อนหน้านี้ที่จริงแล้วเป็นปีศาจที่ฉันเอาเอลิกอร์ไปรวมร่างกับสเลปเนียร์”
“เอ๋...รวมร่างเหรอคะ”
มีนาทำหน้าสงสัย
อิงศรพยักหน้า
“ใช่
ก่อนหน้านี้เคยบอกเรื่องอาคานาร์ไปแล้วสินะ
มันคือพลังที่ได้รับมาเมื่อฉันสามารถต่อต้านคำทำนายที่จะเกิดขึ้นตามที่ระบุไว้ในเมล์ตัวจับเวลาความตายแต่ว่านั่นน่ะเป็นการคิดที่ผิด
ก่อนหน้านี้ฉันไม่เคยบอกเรื่องที่คิดเอาไว้ให้ใครรู้เลยแม้แต่พวกพ้อง”
แต่มีนาก็พูดขัดเขาบ้าง
“ฉันเข้าใจดีค่ะว่าคุณอิงศรไม่ได้มีเจตนาจะปิดบังหรอกแต่เพราะว่าพวกเราอยู่ในเมตไตรยอยู่ในความจับตาดูของพี่สิงห์แล้วก็ยังจะมีพี่กุมภาอีกก็ไม่แปลกหรอกค่ะที่จะระแวงเพราะงั้นถ้าคุณอิงศรพร้อมแล้วฉันก็จะรับฟังค่ะทุกคนเขาก็คงคิดแบบเดียวกัน
พวกเราน่ะรู้จักคุณดีกว่าที่คุณรู้จักพวกเราซะอีกนะคะ”
คำพูดนั้นช่างน่าขัน
มันเหมือนกำลังบอกว่าเขานั้นด้อยกว่าจนต้องเก็บงำไพ่ในมือเอาไว้ตลอด
....แต่ว่า
“อืม
ก็คงจะเป็นอย่างที่เธอว่าฉันน่ะก่อนหน้าจะได้ขวัญกลับคืนมาก็ไม่เคยสนใจอะไรเลยเพราะแบบนั้นถึงได้ไม่เข้าใจหลักการของอาคานาร์
กว่าจะรู้ว่ามันคืออะไรก็เกือบจะสายไปแล้วเกือบจะต้องสูญเสียทุกอย่างไป”
“งั้นตอนนี้ก็จะบอกแล้วสินะคะ”
“อืม”
อิงศรคิดว่าตอนนี้มันสมควรแก่เวลาที่เขาจะเปิดเผยทุกอย่าง
จากนี้ไปเมื่อบอกเรื่องนี้กับมีนาแล้วเขาจะไปเล่าให้คนอื่นฟังด้วยแล้วก็จะขอความเห็นกับหนทางที่จะเดินหน้ากันต่อแล้วก็เอาไปบอกซีเซียมแล้วขอความร่วมมือ
ทั้งหมดนี่ก็เพื่อทางเลือกที่อยากจะก้าวเดินไป
ทั้งหมดนี่ก็เพื่อความปรารถนาของตัวเอง
“อาคานาร์คือสายสัมพันธ์กับผู้คนดังนั้นเมื่อฉันเข้าไปก้าวก่ายโชคชะตาตามที่เมล์ตัวจับเวลาตายบอกก็เท่ากับว่าฉันได้เข้าไปสร้างสายสัมพันธ์กับพวกเธอด้วยแล้วเธอ
เมษา กวินทร์ นรินทร์ ทุกคนที่มีสายสัมพันธ์กับฉันก็จะสานสายสัมพันธ์ให้แผ่ขยายออกไปเพราะแบบนั้นทั้งฉัน
ทั้งขวัญ
แล้วก็กวินทร์ถึงได้ปลุกอาคานาร์ที่แท้จริงออกมาได้สิ่งนั้นก็คือมหาโชคชะตาที่ซีลอร์ดเคยพูดไว้”
“แล้วก็ด้วยพลังนั่นพวกคุณอิงศรถึงรอดมาจากการต่อสู้ที่อารย-สนธยาได้เหมือนที่เล่าให้ฉันฟังเมื่อวานสินะคะ”
“ตามนั้นเลยแล้วอาคานาร์แต่ละใบที่ฉันได้มาก็มีพลังแตกต่างกันไปอาคานาร์ที่ได้มาตอนช่วยกวินทร์จากสัตว์เทวะในเรดที่กรุงเทพคราวนั้นทำให้ฉันสามารถรวมร่างปีศาจที่ครอบครองได้เป็นเพราะฉันรู้สึกว่าเข้ากันกับเอลิกอร์ไม่ได้ซะทีเลยเอาหมอนั่นมาเป็นหนูลองยาน่ะ”
“เพราะแบบนั้นถึงได้พยายามโดดตรวจสอบเดม่อนแอพเมื่ออาทิตย์ที่แล้วสินะคะ”
มันก็เป็นอย่างที่หล่อนพูดแต่มันยังมีเรื่องมากกว่านั้นอีก
“แต่ที่โดดไปน่ะเพราะอยากไปหาความจริงบางอย่าง”
“ความจริงเรื่องอะไรล่ะคะ”
อิงศรหยุดคิดไปพักหนึ่ง
เขากำลังชั่งใจว่าเรื่องนี้ควรจะต้องพูดแล้วรึเปล่า
เรื่องที่พ่อแม่ของเขาเป็นคนของอารย-สนธยามาตั้งแต่ก่อนโลกจะล่มสลาย
ถึงก่อนหน้านี้คนอื่นในกลุ่มนอกจากมีนาจะพอรู้กันเลาๆ
แล้วจากที่ซีลอร์ดปากโป้งพูดความลับของทุกคนออกมาที่วัดอารย-สนธยาก็ตาม
ไม่มีประโยชน์ที่จะเก็บงำเอาไว้อีกสิ่งสำคัญสำหรับเวลานี้คือต้องกระจายข้อมูลที่หามาได้ทั้งหมดให้กับพวกพ้องทุกคน
“พ่อกับแม่ของฉันเป็นนักวิจัยของอารย-สนธยาแล้วก็คิดจะใช้ฉันกับขวัญเป็นวัตถุดิบทำการทดลองเหมือนกับที่สิงห์ตั้งใจจะทำเพื่อให้ฉันหรือขวัญเป็นคนเรียกเมอร์คาบาห์ที่จะพาขึ้นไปพบแอดมินิสเทรเตอร์”
เมื่อพูดจบเขาก็มองหน้าเด็กสาวโดยคาดล่วงหน้าว่าหล่อนจะทำหน้าเหวอแต่กลับไม่เป็นแบบนั้น
มีนาพูดมาด้วยสีหน้ากับน้ำเสียงที่เป็นปกติ
“แล้วยังไงต่อคะ”
“ไม่คิดจะตกใจหน่อยรึไงนี่เธอตั้งใจฟังฉันอยู่รึเปล่าเนี่ย”
“ก็ไม่เห็นจะต้องตกใจเลยนี่คะก็แค่คุณอิงศรกับน้องชายโชคร้ายมาเกิดในครอบครัวแบบนี้สำหรับฉันที่อยู่กับเมตไตรยก็คงไม่ต่างอะไร
ที่สำคัญคือปัจจุบันตอนนี้พวกเราเป็นพวกเดียวกันและไม่ได้ขึ้นตรงกับฝ่ายไหนๆ
แล้วนั่นแหละค่ะ”
ดูเหมือนว่ามีนาจะยอมรับได้เกินกว่าที่คาดเอาไว้
หล่อนมีความเป็นผู้ใหญ่กว่าเมษาตอนที่รู้ความจริงเรื่องนี้เสียอีก
มีนาพูด
“เรื่องที่เหลือไว้ไปเล่าตอนช่วงอาหารเย็นคืนนี้ดีกว่าค่ะ
ยังไงก็ตั้งใจจะบอกกับทุกคนอยู่นี่คะจะได้ไม่ต้องเล่าซ้อนหลายทีให้เมื่อยปากด้วย”
อิงศรเห็นด้วยกับความคิดนั้น
เขาเปิดหน้าจอคลัง
“ถ้างั้นเรื่องคืนนี้ฉันก็ควรจะเอาปีศาจซักตัวมานอนกอดสินะ”
แล้วดึงเอาคันธนูออกมา
ถึงจะบอกว่ารวมร่างเอลิกอร์ไปแล้วแถมโอดินที่ได้มาก็ถูกใช้ผสมไปตอนที่เรียกเมอร์คาบาห์ด้วยแต่ว่า…
เมื่อเรียกหน้าจอรายละเอียดของคันธนูขึ้นมาก็มีรายชื่อของปีศาจที่ติดตั้งเอาไว้เรียงกันลงมา
เอลิกอร์
โอดิน
สเลปเนียร์
“…”
แอพพลิเคชั่นทั้งสามยังถูกเก็บเอาไว้ในคันธนู
มีนาชะเง้อหน้ามาดูแล้วพูด
“ไหนบอกว่าเอาไปรวมร่างแล้วไงคะ”
ก่อนหน้านี้ซีลอร์ดได้คืนทั้งหมดมาให้เพื่อต่อสู้ในบททดสอบที่จะฟื้นคืนชีพให้นรินทร์เรื่องนั้นยังไม่ได้เล่าให้มีนาฟังอย่างละเอียด
“พอดีได้คืนมาจากคนที่ไม่อยู่ที่นี่น่ะ”
หากเล่าทั้งหมดคงจะยาวเกินไปแล้วเจ้าหล่อนเองก็ไม่ได้เซ้าซี้จะถามแต่เปลี่ยนหัวข้อคุยไปเป็น…
“ถ้าอย่างนั้นคุณอิงศรช่วยรวมร่างปีศาจให้ดูหน่อยได้ไหมคะ”
มีนาจ้องมองเขาด้วยสายตาซุกซนเหมือนเด็กเห็นของเล่น
“แล้วทำไมต้องกะทันหันแบบนี้เล่า”
“ถ้าไม่เตรียมตัวก่อนจะทำไม่ได้เหรอคะงั้นไว้ให้พร้อมก่อนก็ได้ค่ะ”
“…”
ดูเหมือนหล่อนต้องการจะเห็นเขารวมร่างปีศาจเอามากๆ
นั่นเป็นเพราะสัญชาตญาณของสายอาชีพซัมมอนเนอร์ของหล่อนรึเปล่านะ
”มีปีศาจที่อยากได้เป็นพิเศษรึไง”
“ก็ทำนองนั้นแหละค่ะ”
“แล้วเธอรู้เหรอว่าต้องรวมตัวอะไรกับตัวอะไรน่ะ”
“ไม่รู้หรอกค่ะ”
หล่อนตอบแบบนั้นแต่กลับเผยรอยยิ้มเจ้าเล่ห์
มันเป็นไปไม่ได้หรอกที่จะบอกว่าไม่รู้แต่ขอให้ทำ
“…”
“ที่จริงคือแค่เดาเอาค่ะมีปีศาจอยู่ตัวหนึ่งที่มีคำอธิบายว่าเป็นซาลามันเดอร์สองหัวเพราะงั้นถ้าเอาซาลามันเดอร์ที่ฉันมีอยู่แล้วสองตัวมารวมร่างกันอาจจะได้มาก็ได้ค่ะมันแข็งแกร่งแล้วก็หายกว่าซาลามันเดอร์ปกติ”
เมื่อพูดสิ่งที่อยากพูดเสร็จมีนาก็เปิดหน้าจอคลังแล้วหยิบเอาเคียวที่เป็นอาวุธประจำตัวออกมา
เรียกหน้าจอรายละเอียดของมันแล้วพลิกหน้าจอนั้นให้ดู
บนหน้าจอเขียนบอกรายชื่อของปีศาจที่ติดตั้งเอาไว้เรียงรายเป็นแถวมีอยู่ประมาณสิบรายการได้
“นี่เธอมีเดม่อนแอพเยอะขนาดนี้เชียว”
“นอกจากเวตาลที่ได้ตอนเข้ากองทัพแล้วที่เหลือก็ซื้อเอาหลังจากแพทซ์อัพเดททั้งนั้นแหละค่ะดูเหมือนว่าถ้าเป็นซัมมอนเนอร์แล้วจะมีปีศาจให้เลือกซื้อมากกว่าอาชีพอื่นๆ
แต่ส่วนใหญ่ก็เป็นพวกอ่อนแอที่ใข้ประโยชน์ไม่ค่อยได้เวลาสู้แต่ว่ามันถูกดีเลยกว้านซื้อมาเก็บไว้ค่ะ”
พอเห็นแบบนั้นแล้วอิงศรก็เริ่มอยากจะรู้ว่าภายในร้านค้าของตัวเองมีปีศาจแบบไหนให้ซื้อขึ้นมาอีกบ้างรึเปล่า
ครั้งล่าสุดที่ดูไปมันก็ประมาณอาทิตย์ที่แล้วดังนั้นอาจจะยังไม่ได้เปลี่ยนแปลงไปมากก็ได้
ในครั้งนั้นร้านค้าปีศาจของเขาไม่มีอะไรขายอยู่เลยและถ้าจำไม่ผิดของกวินทร์ก็มีแต่ปีศาจที่มีอยู่แล้วคือแจ็คฟรอส
กับ แจ็คโอแลนเทิร์น
มีนาเคยพูดไว้ว่ามันเป็นเพราะร้านจะจัดหาปีศาจที่เข้ากันได้กับคนๆ
นั้นมาขายเท่านั้น
ทั้งแบบนั้นแล้วเขาก็ไม่เคยเห็นเอลิกอร์วางขายอยู่ในร้านค้าทั้งที่มันถูกกำหนดให้เป็นปีศาจที่เข้ากับตัวเขาได้มากที่สุด
…ถึงจะไม่คิดแบบนั้นก็เถอะ
เว้นแต่ความเข้ากันได้ที่ว่าจะหมายรวมถึงความพยายามจะยึดครองร่างกายของเอลิกอร์ด้วย
เพราะเข้ากันได้ดีปีศาจเลยมีพลังมากเกินไปจนควบคุมไม่ได้หรือไม่ก็…
เขานี่แหละที่จิตใจแท้จริงแล้วอาจจะวิปริตเหมือนปีศาจ
ที่ไหนซักแห่งในจิตใจอาจจะเหมือนกับเอลิกอร์ก็เป็นได้
“…”
อิงศรเปิดหน้าจอร้านค้าปีศาจของตัวเองบ้างแต่ภายในนั้นว่างเปล่าเหมือนเดิม
มีนาซึ่งดูอยู่ก็พูดว่า
“ปีศาจที่มีขายมีแต่พวกชั้นกลางลงไปอย่างพวกภูตหรือไม่ก็วิญญาณธาตุทั้งนั้นแหละค่ะเอลิกอร์ที่เข้ากับคุณอิงศรนั้นถือเป็นปีศาจชั้นสูงระดับเจ็ดสิบสองขุนนางปีศาจแห่งโซโลม่อนคงไม่มีวางขายง่ายๆ
อยู่แล้วบางทีคุณอิงศรอาจจะระดับสูงมากจนไม่มีปีศาจระดับกลางถึงต่ำที่เข้ากันได้เลยก็ได้ค่ะ
ถ้าดูจากปีศาจที่ออกมาจากอาคานาร์ที่คุณอิงศรมีก็ล้วนแต่เป็นปีศาจชั้นสูงเทพเจ้าไม่ก็สัตว์มายาทั้งนั้นเลย”
“แล้วไอ้แบบนั้นควรจะดีใจรึเปล่าล่ะ”
“ก็พูดยากค่ะการที่สามารถใช้ปีศาจเก่งๆ
ได้นับเป็นพรสวรรค์ที่หาได้ยากแต่ถ้าพูดเรื่องประสิทธิภาพแล้วมันก็ทำให้ใช้งานยากไปด้วย”
สรุปตามคำพูดของหล่อนแล้วก็คือควรภูมิใจแต่ไม่น่าดีใจอย่างนั้นสินะ
“งั้นเรื่องรวมร่างปีศาจน่ะออกไปข้างนอกกันเถอะเดี๋ยวขวัญมันตื่นเอา”
เขาเสนอโดยที่คิดว่าคงเลี่ยงไม่ทำให้มีนาไม่ได้
แล้วไหนๆ
ก็ถือเป็นการทดลองเรื่องพลังของอาคานาร์ไปในตัวเลยก็ได้ยังมีเรื่องเกี่ยวกับอาคานาร์อีกมากที่ยังไม่รู้ได้โอกาสหาข้อมูลทั้งทีก็ควรจะคว้าไว้ก่อน
มีนาเห็นด้วยกับข้อเสนอนั้น
แล้วพวกเขาก็พากันออกไปจากห้อง
การทดลองรวมร่างซาลามันเดอร์สองตัวผลที่คือความล้มเหลว
มีนาเสียแอพพลิเคชั่นปีศาจไปเปล่าๆ สองอันแต่หล่อนก็มีสำรองอยู่อีกมาก
พวกเขาจึงสรุปเรื่องการทดลองรวมร่างว่ามีโอกาสสำเร็จและล้มเหลวโดยถ้าล้มเหลวปีศาจวัตถุดิบจะหายไปเลย
@@@
ช่วงหัวค่ำของวันเดียวกันนั้นเอง
จนถึงตอนนี้ฝนก็ยังคงโปรยปรายลงมา
เน็กซ์ เด็กชายซึ่งมีอายุน้อยที่สุดในกลุ่มออกตามหานรินทร์ซึ่งนัดกันไว้ว่าจะมาปรึกษาเรื่องสกิลกันแต่รอจนกระทั่งเย็นย่ำแล้วนรินทร์ก็ไม่มาหาที่ล็อบบี้เสียทีจึงเริ่มออกตามหา
โดยอาศัยตัวระบุตำแหน่งจากระบบปาร์ตี้
พี่อิงศรจับทุกคนที่อยู่ที่นี่ใส่รายชื่อเข้ากลุ่มปาร์ตี้เอาไว้เพื่อให้สามารถติดตามกันได้นั่นรวมถึงพวกมนุษย์ต่างดาวด้วย
แต่ก็มีข้อจำกัดตรงที่มันทำได้เพียงแค่ระบุตำแหน่งอย่างหยาบๆ
เท่านั้นไม่สามารถรู้รูปพรรณของสถานที่ในบริเวณรอบๆ
รวมไปถึงความสูงต่ำของพื้นที่ด้วยจึงไม่รู้ว่าตอนพี่นรินทร์อยู่ที่ไหน
รู้เพียงแค่ว่ายังมีสัญญาณระบุว่าอยู่ภายในอาคารพักอาศัยหลังนี้
เมื่อมีเบาะแสอยู่แค่นั้นสิ่งที่ทำได้ก็คือไล่หาตั้งแต่ชั้นหนึ่งไปจนถึงชั้นบนสุด
เน็กส์ตามหาไล่ขึ้นมาจนถึงชั้นที่สี่แล้วก็พบกับความแปลกประหลาดเข้า
เป็นความรู้สึกที่เกิดขึ้นทันทีที่มายืนอยู่ตรงจุดเดียวกันในแผนที่บนหน้าจอซึ่งระบุตำแหน่งของพี่นรินทร์ไว้
“….”
ตอนที่สำรวจไล่ขึ้นมาจากชั้นหนึ่งตรงจุดนี้มักจะเป็นเสาค้ำเพดานที่สร้างยื่นออกมาจากผนังเป็นอย่างนี้อยู่สามชั้นจนกระทั่งขึ้นมาถึงชั้นที่สี่ที่ตรงนี้กลับกลายเป็นพื้นที่ว่างอย่างจงใจ
เน็กส์ลองขึ้นไปสำรวจที่ชั้นห้ามาแล้วและพบว่าในบริเวณเดียวกันที่ชั้นห้าเป็นระเบียงทางเดินโล่งๆ
ที่ไม่มีอะไรเลยเหมือนจะเป็นจุดสำหรับเดินชมวิวเสียด้วยซ้ำ
ถ้าอย่างนั้นเสาค้ำเพดานติดผนังที่สร้างยื่นออกมานั่นก็ดูจะจงใจเกินไปหน่อยลักษณะเหมือนสร้างขึ้นมาปกปิดอะไรบางอย่าง
เน็กส์เคยอ่านเจออะไรแบบนี้ในนิยายแนวไขปริศนาสมัยที่ยังอยู่ในศูนย์เลี้ยงเด็กกำพร้าของอารย-สนธยา
ในนิยายเรื่องนั้นตัวเอกเจอทางเข้าไปสู่ห้องลับซึ่งถูกปกปิดด้วยสภาพแวดล้อมที่ไม่เป็นธรรมชาติ
เหตุการณ์ในตอนนี้ช่างละม้ายคล้ายกันจนเกิดความคิดแบบเด็กๆ
ขึ้นมา...
บางทีพี่นรินทร์อาจจะไปเจอห้องลับเข้าแล้วออกมาข้างนอกไม่ได้
“…”
เน็กส์ยืนจ้องมองผนังเปล่าๆ
อยู่พักหนึ่งโดยที่ยังไม่สำรวจอะไรเพิ่ม
ถ้าหากไปโดนอะไรที่ทำให้เส้นทางสู่ห้องลับปรากฏขึ้นมาก็อาจจะเข้าไปติดเหมือนพี่นรินทร์
เด็กชายคิดอย่างนั้นเพราะมีตัวอย่างในหนังสือเหมือนกันที่ตัวประกอบหลงเข้าไปติดอยู่ในทางลับจนอดตายอยู่ในนั้น
ในที่สุดเน็กส์ก็ตัดสินใจได้
“ไปเรียกพวกพี่อิงศรมาดีกว่าแหะ”
ยังไงพี่อิงศรก็หัวดีและเก่งน่าจะจัดการเรื่องนี้ได้ดีกว่าอีกอย่างข้างนอกก็เริ่มมืดแล้วป่านนี้พี่พลอยคงจะเริ่มเป็นห่วง
ตอนที่หันหลังกลับไปนั่นเองก็พบว่ามีคนมายืนรออยู่ข้างหลัง
น่าแปลกมาก
ผิดปกติสุดๆ
ผู้ที่ยืนรออยู่นั้นไม่มีกลิ่นอายที่ทำให้เขารู้สึกถึงตัวตนเลยแต่ก็เป็นแค่ผู้หญิงแก่หลังค่อมเส้นผมที่หงอกขาวตามวัยยาวปะบ่า
ใส่เสื้อสีดำและนุ่งผ้าถุงหรืออาจจะเป็นกระโปรงที่ยาวปิดเท้ามิดชิด
ถ้าเป็นในช่วงโลกก่อนจะล่มสลายหญิงแปลกหน้าคนนี้คงจะทำให้เขารู้สึกกลัวและต้องระวังเป้นอย่างมาก
มีการสอนอยู่บ่อยภายในกลุ่มเด็กกำพร้าด้วยกันว่าให้ระวังคนแปลกหน้า
แต่ที่นี่คือโลกหลังการล่มสลาย
เน็กส์รู้จักปารป้องกันตัวและผ่านการฝึกฝนต่อสู้มาเหมือนกับพวกพี่ๆ
เด็กกำพร้าที่ถูกจับกลับไปยังอารย-สนธยาโดยอวโลกิตะ
ทั้งที่อีกฝ่ายเป็นเพียงหญิงชราท่าทางอ่อนแอและไร้พิษสง
น่ากลัว...
เน็กส์รู้สึกแบบนั้น
รู้สึกได้ว่าดวงตาของหญิงชรากำลังคุกคามเขาและแฝงไว้ด้วยความลึกลับที่บอกไม่ถูก
แล้วยังมีจุดที่แปลกอยู่อีก
จุดสำคัญที่ทำให้เน็กส์ระวังตัวแจขึ้นมาก็คือหญิงชราผู้นี้ไม่มีแถบพลังชีวิตลอยอยู่บนศีรษะ
“คุณยายเป็นใครกันปีศาจเหรอหรือว่าคนที่โดนทำให้เป็น NPC”
เน็กส์ดึงเอาไม้เท้าออกมาจากพร้อมกับตั้งท่าเตรียมพร้อมพลางทบทวนอาคมสกิลอยู่ภายในหัวให้สามารถร่ายได้ทันทีที่ต้องตอบโต้การจู่โจมของอีกฝ่าย
หญิงชราผู้นั้นยิ้ม
ฉีกยิ้มกว้างจนแทบจะถึงใบหู
แค่จ้องมองเฉยๆ ก็รู้สึกหวาดกลัวรู้สึกได้ว่าถูกคุกคาม
“อะ”
รู้สึกตัวอีกทีเขาก็ถูกหญิงชราที่เข้ามาประชิดตอนไหนไม่รู้ผลักมือใส่หน้าอกจนเซถอยไปชนกำแพง
มีเสียงเหมือนสวิตซ์หรืออะไรบางถูกกดดังกริ๊กขึ้นมาแล้วผนังยุบตัวลง
ก่อนที่จะตกลงไปด้านหลังผนังเน็กส์รวบรวมสมาธิทั้งหมดแล้วร่ายสกิล
“วินด์วาร์ป!!”
สายลมพัดโหมโอบล้อมกายแล้วเน็กส์ก็หายตัวไปโผล่ข้างหลังหญิงแก่
“คุณยายเป็นใครกันถ้าไม่ตอบผมจะโจมตีแล้วนะ!”
เน็กส์ข่มขู่ไปแต่สายตาก็จับจ้องไปยังจุดที่เป็นผนัง
ที่ตรงนั้นยุบลงไปเป็นช่องทางลับอย่างที่คาดเดาเอาไว้และดูเหมือนจะเป็นหลุมลึกเลยทีเดียว
ขณะเดียวกันยายแก่ก็หันกลับมา
หันมาแต่หัวในแบบที่มนุษย์ธรรมดาไม่มีทางทำได้
“มึงไม่ใช่คนเรอะไอ้หนู”
“เหวอ!!”
ด้วยความตกใจเน็กส์กระโจนตัวถอยหลังจนชนกับราวกั้นระเบียง
ในหัวทั้งสบสนและหวาดกลัวจนนึกรวมสมาธิร่ายสกิลไม่ได้เลย
“ช่วย...”
สิ่งที่เน็กส์คิดได้คือร้องตะโกนขอความช่วยเหลือแต่ทว่าเสียงกลับหายไป
ไม่ว่าจะพยายามตะโกนมากเท่าไหร่เสียงก็ไม่เล็ดลอดออกมาจากปากเลย
ช่วงที่ตื่นตระหนกอยู่นี้เขาก็ถูกหญิงแก่ยื่นมือมาจับที่หัวไหล่แล้วถูกโยนด้วยกำลังมหาศาลเข้าไปในช่องทางลับ
เมื่อผนังที่ยุบลงไปพลิกกลับขึ้นมาแล้วหญิงชราก็หายตัวไปจากที่แห่งนั้น…
ความคิดเห็น