ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Apocalypse Online เกมโกงวันโลกาวินาศ

    ลำดับตอนที่ #195 : Login 192: พงศาวดารแห่งเทวาสุรสงคราม (ความจริง)

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 169
      7
      17 ม.ค. 61

    Login 192: พงศาวดารแห่งเทวาสุรสงคราม (ความจริง)

     

                ณ ล็อบบี้ที่ชั้นหนึ่งของตึกพักอาศัยในรีสอร์ท

                อิงศรกำลังเดินลงบันไดมาจากชั้นสอง

                เขาเพิ่งจะเช็ดตัวให้มิ่งขวัญเสร็จจึงลงมาที่ล็อบบี้เพราะนัดกับซีเซียมเรื่องที่คุยค้างไว้กันเมื่อคืนแล้วก็...

                “คุณอิงศรทางนี้ค่า

                มีนาซึ่งนั่งอยู่บนโซฟาสีหยกหันหน้าเข้าหากับซีเซียมที่โต๊ะรับรองในมุมหนึ่งของล็อบบี้กำลังโบกมือเรียก

                “…”

                ห้องล็อบบี้ค่อนข้างกว้างและมีมุมกับเสาที่สร้างขึ้นมาอย่างจงใจเพื่อให้ใช้เป็นที่นั่งจับเข่าคุยกันของบรรดาแขก แต่ตอนนี้มีแค่พวกเขาที่เข้าพักทำให้ล็อบบี้แห่งนี้ดูโหรงเหรงเกินไปสำหรับลูกค้าแค่สิบกว่าคน

                เขานัดกับมีนาเอาไว้เหมือนกันว่าจะคุยกันเรื่องความฝันแปลกๆ เมื่อคืน

                แต่อิงศรก็ยังไม่เดินตรงไปทันที เขาแวะไปที่โต๊ะซึ่งอยู่ไม่ห่างจากบันไดนัก ที่นั่นฟูกับเมษากำลังใช้พื้นที่ตรงนั้นออกกำลังกาย

                ทั้งเมษาและฟูต่างก็ถอดเสื้อที่เป็นชุดซึ่งหามาจากร้านขายของในรีสอร์ทกองไว้ข้างๆ จุดที่กำลังแข่งขันกัน

                “เก้าสิบแปด

                “หนึ่งร้อย

                “เก้าสิบเก้า

                ทั้งสองกำลังแข่งกันวิดพื้นและดูเหมือนเมษาจะทำเสร็จก่อนเพราะเพิ่งจะนับหนึ่งร้อยไป

                ส่วนฟูที่เหลืออีกรอบเดียวกลับฟุบหน้าลงกับพรม

                เมษาพูด

                “ฮะฮ่า ฉันชนะ

                “โธ่เว้ยยย!

                ฟูสบถด้วยความเจ็บใจแล้วพลิกตัวนอนแผ่หลาอย่างหมดแรงพลางหอบหายใจอยู่บนพื้นนั่น

                “…”

                อิงศรไม่แน่ใจว่าควรจะแทรกเข้าไปถามตอนนี้เลยดีรึเปล่าจึงยืนดูสถานการณ์ไปก่อน

    ที่ตรงนั้นไม่ได้มีแค่ฟูกับเมษา แต่กวินทร์กับมิกซ์กำลังนั่งคุยกันอยู่ข้างๆ ถัดไปอีกหน่อยถึงจะมีแผ่นไม้ประดับกับเสาค้ำที่คั่นแบ่งมุมที่นั่งขวางอยู่แต่ก็มองเห็นหลังศีรษะของพลอยและดูเหมือนจะนั่งอยู่กับนิว

                “นรินทร์ยังไม่ลงมาอีกเหรอ

                เขาไม่ได้มีธุระอะไรกับนรินทร์แล้วแต่ก็นึกว่าจะอยู่ที่นี่กับพวกเด็กกำพร้าจากอารย-สนธยาจึงอดสงสัยไม่ได้

                ในตอนนั้นเอง

                “พี่ศรมีอะไรรึเปล่าครับ

                กวินทร์ก็ทักมา เหมือนจะสังเกตเห็นว่าเขากำลังรอจะหาโอกาสเข้ามาพูดคุยด้วย

                “มีเรื่องอยากจะถามฟูน่ะ

                ฟูที่นอนแผ่หลาอยู่นั้นพอได้ยินเข้าก็ชันตัวลุกขึ้นมา

                “มีอะไรเหรอพี่ศร

                แล้วถามโดยที่ยังหอบหายใจอยู่

                “คือว่า…”

                อิงศรพยายามเรียบเรียงคำพูดเนื่องจากเรื่องที่จะถามนั้นค่อนข้างประหลาดแต่ก็อยากจะให้แน่ใจจึงคิดว่าถามไปตรงๆ เลยก็ได้

                “เมื่อคืนนายหอนรึเปล่า

                “หา?”

                ฟูทำหน้าไม่เข้าใจคำถาม

                “เมื่อคืนเหมือนจะได้ยินเสียงหมาหอนน่ะนายละเมอหอนรึเปล่าฟู

                ฟูส่ายหน้าเร็วๆ

                “เปล่านะพี่ศร ว่าแต่ผมไม่ใช่หมานะแล้วถึงครึ่งหนึ่งจะเห็นหมาก็ละเมอแล้วหอนหรอก

                ”เหรอ

                อิงศรคอยจ้องจับพิรุธอยู่ตลอดแต่ก็ไม่พบปฏิกิริยาที่ว่าฟูจะพูดโกหกเลย

                ทว่า

                “อ้าวเมื่อคืนไม่ใช่ว่าเป็นเสียงฟูหรอกเหรอ

                จู่ๆ มิกซ์ก็พูดแบบนั้น แล้วกวินทร์กับเมษาก็ยืนยันมาเหมือนๆ กัน

                “พวกเราก็คิดว่าเป็นเสียงนายนะ

                เด็กหนุ่มผู้ถูกปรักปรำเบ้หน้า

                “เฮ้เฮ้ ผมไม่ได้หอนจริงๆ นะแล้วเมื่อคืนก็หลับสนิทไม่รู้เรื่องอะไรเลยด้วย

                แต่ดูเหมือนคนอื่นๆ นอกจากเจ้าตัวจะได้ยินเสียงหอน

                “พวกนายก็ได้ยินเสียงหมาหอนเหมือนกันเหรอ

                ทุกคนยกเว้นฟูพยักหน้า

                กวินทร์เล่าว่า

                “มันน่าสยดสยองมากเลยล่ะครับผมงี้หลับตาปี๋เลยล่ะ

                เมษาพูด

                “สำหรับฉันมันหนวกหูจนพาลนอนไม่หลับเอาน่ะสิ

                มิกซ์พูด

                “ผมนอนอยู่ข้างๆ ก็ได้ยินเหมือนกันแต่พอมาคิดอีกทีถึงจะสะลึมสะลือก็เถอะแต่เสียงที่ได้ยินมาจากข้างนอกห้องมากกว่าแหะ

                มิกซ์เป็นคนที่นอนอยู่กับฟูจึงเชื่อได้มากที่สุด ถ้าอย่างนั้นเสียงก็มาจากที่อื่นเท่ากับไม่รู้อะไรเพิ่มเติมเลย เพียงแต่มีเรื่องหนึ่งที่ยืนยันได้

                “งั้นพวกนายก็ได้ยินเสียงหอนกันจริงๆ สินะ

                ทุกคนพยักหน้าให้

                ถ้าอย่างนั้นก็ไม่ใช่ความฝันแต่มันเกิดขึ้นจริงเพราะทุกคนต่างก็ได้ยินเสียงหอน….

                มิ่งขวัญที่เริ่มแปลกไปตั้งแต่เย็นเมื่อวานรวมถึงออกไปข้างนอกตอนกลางดึก

                เสียงหอนลึกลับที่ไม่รู้ที่มา

                อะไรบางอย่างที่เหมือนกับจะมีอำนาจสะกดทำให้เขาไม่สามารถลุกขึ้นมาจากเตียงได้...

                ถ้ายืนยันได้แล้วว่าไม่ได้ฝันไปเองก็จำเป็นต้องหาสาเหตุให้ได้ แต่จะไปถามขวัญเอาตอนนี้คงไม่ยอมตื่นมาเล่าแน่

                “ถ้างั้นก็ต้องถามผู้เชี่ยวชาญดูสินะ

                อิงศรหันเหสายตาไปยังโต๊ะที่มีนานั่งรออยู่

                อาชีพพื้นฐานของยัยนั่นคือซัมมอนเนอร์และบิลด์คลาสเป็นเนโครแมนเซอร์ ถ้าอย่างนั้นด้วยความถนัดทางสายอาชีพน่าจะพอมีความรู้เรื่องไสยศาสตร์บ้างล่ะมั้ง

                อิงศรผละตัวไปหามีนาที่โต๊ะ พอมาถึงก็ถูกจัดให้ไปนั่งฟากกึ่งกลางระหว่างหล่อนกับซีเซียม

                โต๊ะไม้รูปวงกลมถูกขนาบด้วยโซฟาสามด้าน

                “…”

                อิงศรพยายามนึกทบทวนเรื่องที่คุยค้างไว้

                พวกเขากำลังถูกซีลอร์ดทดสอบหรือไม่ก็ใครซักคนในฝ่ายพระเจ้าที่กำลังทดสอบพวกเขาให้ไปรวมตัวกันยังสถานที่ ที่มีชื่อว่าบาเบลซึ่งเป็นทางขึ้นไปสู่อาคาชิกเรคคอร์ด

                อาคาชิกเรคคอร์ดที่ว่าน่าจะเป็นสถานที่ซึ่งรูนรูมตั้งอยู่ สถานที่ซึ่งข้อมูลของโลกที่โดนลบไปจะไปปรากฏอยู่ที่นั่น

                แล้วก็ต้องแสดงคำตอบให้ชัดเจนอีกครั้งหนึ่ง

                “งั้นต่อจากเมื่อคืนเลยนะซีเซียมที่ตั้งของเทอร์มินัลนั่นน่ะพอจะมีข้อมูลบ้างรึเปล่า

                “รู้แค่ว่าอยู่ที่ไหนซักแห่งในประเทศที่ชาวโลกเรียกว่าประเทศจีนรวมถึงบริเวณรอบๆ นั้นด้วย

                พอได้ฟังที่ซีเซียมพูดปริศนาก็เหมือนจะกระจ่างขึ้นมาเรื่องหนึ่ง

                “จะว่าไปประเทศที่ถูกพวกนายรุกรานเป็นที่แรกก็คือจีนนี่นะแต่ว่าทำไมอาณาเขตมันถึงกว้างขนาดนั้นล่ะระบุให้ลึกกว่านี้ไม่ได้เหรอ

                “ไม่ได้ พวกฉันมีความทรงจำถึงแค่ตอนที่เริ่มการเจรจาไปจนถึงตอนที่เริ่มการรุกรานเท่านั้น ยัยรูบิเดียมคงไม่ได้ใส่ความทรงจำที่ไม่จำเป็นไว้ให้หรือไม่ก็กระทั่งร่างต้นของฉันเองก็ยังไม่รู้ล่ะมั้ง

                จะว่าไปแล้วเขาเองก็เกือบจะลืมไปว่าซีเซียม โพแทสเซียม รวมถึง ลิเธียม และมนุษย์ต่างดาวเกือบทั้งหมดนั้นแท้จริงแล้วเป็นมนุษย์ต่างดาวเทียมที่รูบิเดียมหรือกุมภา ธุวดารกะ เป็นผู้สร้างขึ้นมาตามคำสั่งของแฟรนเซียมโดยอ้างอิงจากตัวจริงของทุกตนที่ถูกแฟรนเซียมฆ่าไป

                “แต่ประเทศจีนน่ะมันกว้างขนาดไหนนายรู้รึเปล่า

                “ถ้าไม่รู้คงไม่มานั่งปวดหัวแบบนี้หรอก แถมเวลายังไม่ค่อยจะมีด้วยลองคิดดูก็แล้วกันว่าพวกฉันเองใช้เวลาหามาตั้งเป็นปียังหากันไม่เจอเลย

                “หมายความว่ายังไงที่ว่าหามาเป็นปีแล้ว

                “เป็นคำสั่งของแฟรนเซียมน่ะพวกฉันยึดประเทศจีนก็เพื่อตามหาบาเบลนี่แหละแต่ก็ไม่รู้ว่าทำไปทำไมหรอกนะเพราะถูกควบคุมความทรงจำ

                “แบบนี้ก็เหมือนไม่รู้อะไรเลยไม่ใช่เรอะ

                “อย่ามาโทษฉันเซ่ไปโทษไฮโดรเจนโน่นชอบทำอ้อมค้อมอยู่เรื่อยเลยหมอนั่นน่ะ

                ซีเซียมพูดจบก็กระแทกหลังเข้ากับโซฟาแล้วไปชนเข้ากับผนังจนเกิดเสียงดัง ปึง ก้องไปทั้งล็อบบี้

                “…”

                ดูเหมือนอีกฝ่ายก็โดนซีลอร์ดปั่นหัวมาอีกทีเหมือนกัน

                ลงท้ายแล้วการประชุมหารือก็แทบจะไม่มีความหมายเลย ไม่มีใครมีข้อมูลที่มีประโยชน์ แล้วในตอนนั้นเอง

                คนที่ดูเหมือนจะมีข้อมูลที่มีประโยชน์ก็โผล่หน้ามาทันที

                “ไฮฮ้าย ซุงอิง ซุงมี แล้วก็ท่านซีเซียมอยู่กันครบเลยน้า~”

                โพแทสเซียมยื่นหน้าเข้ามาร่วมวงสนทนาจากทางด้านหลังโซฟาของอิงศร

                “คุยเรื่องดูน่าสนุกจังเลยขอผมเข้าร่วมด้วยซี่

                แล้วพูดกลั้วยิ้มมาแบบนั้น

                จังหวะนั้นเองคิ้วของซีเซียมก็เชิดขึ้น อีกฝ่ายดึงหลังตัวเองขึ้นมาจากโซฟาแล้วขับไล่ราชครูผู้ไร้มารยาททันที

                “เกะกะ โพแทสเซียม

                มองเห็นใบหน้าตัวเองกำลังโกรธขึงบนหัวคนอื่นแล้วรู้สึกสะดุ้งไปเหมือนกัน

                ชวนให้คิดว่าเวลาเขาโกรธหน้าตาหน้ากลัวขนาดนั้นเลยหรือ

                อิงศรละสายตาจากใบหน้าโกรธขึงของซีเซียมแล้วหันไปถามโพแทสเซียมว่า

                “แล้วไงเสนอหน้ามาแบบนี้หรือว่ารู้เรื่องอะไรด้วย

                ถึงจะไม่ได้รู้จักอีกฝ่ายดีนักแต่เขาก็โดนหมอนี่ป่วนมามากจนพอจะจับทางเจ้าตัวตลกตัวนี้ได้อยู่ การที่เสนอหน้ามาแบบนี้แสดงว่าจะต้องรู้อะไรแน่ๆ

                “อะฮ้า ซุงอิงเนี่ยเข้าใจอะไรง่ายจังน้าต่างกับอีกคนลิบลับเลย

                พอโพแทสเซียมพูดก็แอบเหล่สายตาไปที่ซีเซียม

                “คนที่ว่าน่ะมันใครเรอะ

                ซีเซียมกล่าวพลางวางข้อศอกลงบนโต๊ะเพื่อใช้เป็นจุดค้ำยันร่างกายจะได้ลุกได้ทันทีที่ต้องการ

                บรรยากาศเริ่มร้อนระอุ แต่โพแทสเซียมก็ไหวตัวถอยฉากออกทันทีแล้วกล่าวว่า

                “เกี่ยวกับเรื่องสถานที่ตั้งนั่นน่ะ

                หรือว่า

                “นายรู้เรอะ

                โดยไม่รู้ตัวอิงศรทำหน้ามีความหวังขึ้นมา ท่าทางแบบนั้นทำให้โพแทสเซียมปรายยิ้มอย่างพอพอกพอใจ

                “เปล่า ผมไม่รู้เหมือนกันครับ

                “ไอ้บ้านี่!” “โพแทสเซียม!

                อิงศรกับซีเซียมพากันกระแทกตัวลุกขึ้นมาจากโซฟาแทบจังหวะเดียวกัน

                “ว้าว ปฏิกิริยาน่าดูชมทีเดียวเชียวครับ

                โพแทสเซียมปรบมือแล้วกล่าวต่อ

                “ดังนั้นเพื่อตอบแทนที่ทำให้ได้เห็นสีหน้านั่นผมจะบอกเรื่องที่ไปแอบสืบมาจากรูบิเดียมให้ก็แล้วกันครับ

                “ว่าไงนะ

                อิงศรพูด

                “ถ้าตอบไม่สวยเรื่องไม่จบแน่โพแทสเซียม

                ซีเซียมพูด

                แล้วตัวตลกก็หัวเราะ

                “ฮะฮะฮะ ใจเย็นก่อนสิคร้าบ ที่จะบอกน่ะมีแค่เบาะแสที่จะช่วยให้หาสถานที่ที่ว่าเจอเท่านั้นเอง ดูเหมือนว่ารูบิเดียมจะรู้ถึงที่ตั้งของเทอร์มินัลที่ว่าเพราะเธอลงทุนจัดการพวกเทวทูตของเมตไตรยเองกับมือเพื่อรีดข้อมูลเลยนะนั่นน่าเสียดายที่ผมอยู่สืบนานกว่านั้นไม่ได้เพราะโดนท่านแฟรนเซียมพบตัวเข้าซะก่อนเลยโดนซัดตกทะเลเปียกโชกไปทั้งตัวเหมือนที่ซุงอิงเจอกันที่อารย-สนธยานั่นแหละ

                เพราะอย่างนั้นตอนที่เจอกับโพแทสเซียมที่เอาเฮลิคอปเตอร์มารับถึงได้ตัวเปียกโชกแบบนั้นสินะ

                อิงศรพยักหน้าแล้วพูดข้อสรุปการประชุม

                “ถ้างั้นก็มีแต่ต้องไปจับตัวรูบิเดียมมารีดข้อมูลเท่านั้น

                หรืออีกนัยหนึ่งก็คือต้องเผชิญหน้ากับแฟรนเซียมที่พวกเขายังเอาชนะไม่ได้

                พลังอันแปลกประหลาดที่เรียกว่า มังกรเทวะแห่งจุดจบ ของหมอนั่นแข็งแกร่งเกินไป บางทีนี่อาจจะเป็นเหตุผลที่พวกเขาถูกซีลอร์ดทดสอบอีกก็เป็นได้

                จงใจจะให้คนที่เลือกมาห้ำหั่นกันเองจนถึงที่สุดเพื่อให้เหลือทางเลือกที่เป็นไปได้มากที่สุดอย่างนั้นสินะ

                “แบบนี้เท่ากับว่าต้องเอาชนะแฟรนเซียมให้ได้ไปด้วยน่ะสิเจ้าซีลอร์ดนี่ตกลงมันจะอยู่ฝ่ายใครกันแน่

                อิงศรท้าวสะเอวด้วยความหงุดหงิด

                แต่ซีเซียมก็ขัดขึ้นมา

                “เรื่องนั้นเอาไว้ก่อนเถอะตอนนี้ฉันเพิ่งนึกขึ้นมาได้ว่าไฮโดรเจนฝากข้อความมาให้ด้วย

                “ข้อความอะไร

                “ฝากให้เล่านิทานให้นายฟัง

                “อะไรล่ะนั่น

                “ยังอยู่กับไฮโดรเจนมาไม่พอรึไงน่ะ นายเองก็เป็นคนที่เขาถูกใจน่าจะโดนแบบนี้มาบ้างแล้วนะไอ้เรื่องที่ควรจะต้องบอกแต่ไม่ยอมบอกตรงๆ น่ะ

                ที่ซีเซียมพูดมานั้นเหมือนกับว่าจะเคยเจอมาจริงๆ ไอ้การที่เล่าตำนานหรือเรื่องเล่าโยงไปศาสนาบ้างเทพนิยายบ้างของซีลอร์ดเพื่อที่จะพูดเรื่องสำคัญบางอย่างโดยแอบแฝงเอาไว้

                “เออ ก็จริงเจอซะจนเบื่อแล้วเพราะงั้นช่วยพูดใจความมาเลยได้ไหม

                แต่ซีเซียมส่ายหน้า

                “โทษทีเถอะหนนี้ฉันเองก็ตีความไม่ออกเพราะงั้นจะเล่าทั้งหมดเลย

                ได้ยินดังนั้นอิงศรก็รู้สึกเซ็งขึ้นมา เด็กหนุ่มกอดอกแล้วลดตัวลงนั่งโซฟาจากนั้นก็รอให้ซีเซียมนั่งแล้วเริ่มเล่านิทานที่ซีลอร์ดฝากมาให้

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×