คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #195 : Login 192: พงศาวดารแห่งเทวาสุรสงคราม (ความจริง)
Login
192: พงศาวดารแห่งเทวาสุรสงคราม (ความจริง)
ณ
ล็อบบี้ที่ชั้นหนึ่งของตึกพักอาศัยในรีสอร์ท
อิงศรกำลังเดินลงบันไดมาจากชั้นสอง
เขาเพิ่งจะเช็ดตัวให้มิ่งขวัญเสร็จจึงลงมาที่ล็อบบี้เพราะนัดกับซีเซียมเรื่องที่คุยค้างไว้กันเมื่อคืนแล้วก็...
“คุณอิงศรทางนี้ค่า”
มีนาซึ่งนั่งอยู่บนโซฟาสีหยกหันหน้าเข้าหากับซีเซียมที่โต๊ะรับรองในมุมหนึ่งของล็อบบี้กำลังโบกมือเรียก
“…”
ห้องล็อบบี้ค่อนข้างกว้างและมีมุมกับเสาที่สร้างขึ้นมาอย่างจงใจเพื่อให้ใช้เป็นที่นั่งจับเข่าคุยกันของบรรดาแขก
แต่ตอนนี้มีแค่พวกเขาที่เข้าพักทำให้ล็อบบี้แห่งนี้ดูโหรงเหรงเกินไปสำหรับลูกค้าแค่สิบกว่าคน
เขานัดกับมีนาเอาไว้เหมือนกันว่าจะคุยกันเรื่องความฝันแปลกๆ
เมื่อคืน
แต่อิงศรก็ยังไม่เดินตรงไปทันที
เขาแวะไปที่โต๊ะซึ่งอยู่ไม่ห่างจากบันไดนัก
ที่นั่นฟูกับเมษากำลังใช้พื้นที่ตรงนั้นออกกำลังกาย
ทั้งเมษาและฟูต่างก็ถอดเสื้อที่เป็นชุดซึ่งหามาจากร้านขายของในรีสอร์ทกองไว้ข้างๆ
จุดที่กำลังแข่งขันกัน
“เก้าสิบแปด”
“หนึ่งร้อย”
“เก้าสิบ…เก้า”
ทั้งสองกำลังแข่งกันวิดพื้นและดูเหมือนเมษาจะทำเสร็จก่อนเพราะเพิ่งจะนับหนึ่งร้อยไป
ส่วนฟูที่เหลืออีกรอบเดียวกลับฟุบหน้าลงกับพรม
เมษาพูด
“ฮะฮ่า ฉันชนะ”
“โธ่เว้ยยย!”
ฟูสบถด้วยความเจ็บใจแล้วพลิกตัวนอนแผ่หลาอย่างหมดแรงพลางหอบหายใจอยู่บนพื้นนั่น
“…”
อิงศรไม่แน่ใจว่าควรจะแทรกเข้าไปถามตอนนี้เลยดีรึเปล่าจึงยืนดูสถานการณ์ไปก่อน
ที่ตรงนั้นไม่ได้มีแค่ฟูกับเมษา แต่กวินทร์กับมิกซ์กำลังนั่งคุยกันอยู่ข้างๆ
ถัดไปอีกหน่อยถึงจะมีแผ่นไม้ประดับกับเสาค้ำที่คั่นแบ่งมุมที่นั่งขวางอยู่แต่ก็มองเห็นหลังศีรษะของพลอยและดูเหมือนจะนั่งอยู่กับนิว
“นรินทร์ยังไม่ลงมาอีกเหรอ”
เขาไม่ได้มีธุระอะไรกับนรินทร์แล้วแต่ก็นึกว่าจะอยู่ที่นี่กับพวกเด็กกำพร้าจากอารย-สนธยาจึงอดสงสัยไม่ได้
ในตอนนั้นเอง…
“พี่ศรมีอะไรรึเปล่าครับ”
กวินทร์ก็ทักมา
เหมือนจะสังเกตเห็นว่าเขากำลังรอจะหาโอกาสเข้ามาพูดคุยด้วย
“มีเรื่องอยากจะถามฟูน่ะ”
ฟูที่นอนแผ่หลาอยู่นั้นพอได้ยินเข้าก็ชันตัวลุกขึ้นมา
“มี…อะไรเหรอพี่ศร”
แล้วถามโดยที่ยังหอบหายใจอยู่
“คือว่า…”
อิงศรพยายามเรียบเรียงคำพูดเนื่องจากเรื่องที่จะถามนั้นค่อนข้างประหลาดแต่ก็อยากจะให้แน่ใจจึงคิดว่าถามไปตรงๆ
เลยก็ได้
“เมื่อคืนนายหอนรึเปล่า”
“หา?”
ฟูทำหน้าไม่เข้าใจคำถาม
“เมื่อคืนเหมือนจะได้ยินเสียงหมาหอนน่ะนายละเมอหอนรึเปล่าฟู”
ฟูส่ายหน้าเร็วๆ
“เปล่านะพี่ศร
ว่าแต่ผมไม่ใช่หมานะแล้วถึงครึ่งหนึ่งจะเห็นหมาก็ละเมอแล้วหอนหรอก”
”เหรอ”
อิงศรคอยจ้องจับพิรุธอยู่ตลอดแต่ก็ไม่พบปฏิกิริยาที่ว่าฟูจะพูดโกหกเลย
ทว่า…
“อ้าวเมื่อคืนไม่ใช่ว่าเป็นเสียงฟูหรอกเหรอ”
จู่ๆ มิกซ์ก็พูดแบบนั้น
แล้วกวินทร์กับเมษาก็ยืนยันมาเหมือนๆ กัน
“พวกเราก็คิดว่าเป็นเสียงนายนะ”
เด็กหนุ่มผู้ถูกปรักปรำเบ้หน้า
“เฮ้เฮ้
ผมไม่ได้หอนจริงๆ นะแล้วเมื่อคืนก็หลับสนิทไม่รู้เรื่องอะไรเลยด้วย”
แต่ดูเหมือนคนอื่นๆ
นอกจากเจ้าตัวจะได้ยินเสียงหอน
“พวกนายก็ได้ยินเสียงหมาหอนเหมือนกันเหรอ”
ทุกคนยกเว้นฟูพยักหน้า
กวินทร์เล่าว่า
“มันน่าสยดสยองมากเลยล่ะครับผมงี้หลับตาปี๋เลยล่ะ”
เมษาพูด
“สำหรับฉันมันหนวกหูจนพาลนอนไม่หลับเอาน่ะสิ”
มิกซ์พูด
“ผมนอนอยู่ข้างๆ
ก็ได้ยินเหมือนกันแต่พอมาคิดอีกทีถึงจะสะลึมสะลือก็เถอะแต่เสียงที่ได้ยินมาจากข้างนอกห้องมากกว่าแหะ”
มิกซ์เป็นคนที่นอนอยู่กับฟูจึงเชื่อได้มากที่สุด
ถ้าอย่างนั้นเสียงก็มาจากที่อื่นเท่ากับไม่รู้อะไรเพิ่มเติมเลย
เพียงแต่มีเรื่องหนึ่งที่ยืนยันได้
“งั้นพวกนายก็ได้ยินเสียงหอนกันจริงๆ
สินะ”
ทุกคนพยักหน้าให้
ถ้าอย่างนั้นก็ไม่ใช่ความฝันแต่มันเกิดขึ้นจริงเพราะทุกคนต่างก็ได้ยินเสียงหอน….
มิ่งขวัญที่เริ่มแปลกไปตั้งแต่เย็นเมื่อวานรวมถึงออกไปข้างนอกตอนกลางดึก
เสียงหอนลึกลับที่ไม่รู้ที่มา
อะไรบางอย่างที่เหมือนกับจะมีอำนาจสะกดทำให้เขาไม่สามารถลุกขึ้นมาจากเตียงได้...
ถ้ายืนยันได้แล้วว่าไม่ได้ฝันไปเองก็จำเป็นต้องหาสาเหตุให้ได้
แต่จะไปถามขวัญเอาตอนนี้คงไม่ยอมตื่นมาเล่าแน่
“ถ้างั้นก็ต้องถามผู้เชี่ยวชาญดูสินะ”
อิงศรหันเหสายตาไปยังโต๊ะที่มีนานั่งรออยู่
อาชีพพื้นฐานของยัยนั่นคือซัมมอนเนอร์และบิลด์คลาสเป็นเนโครแมนเซอร์
ถ้าอย่างนั้นด้วยความถนัดทางสายอาชีพน่าจะพอมีความรู้เรื่องไสยศาสตร์บ้างล่ะมั้ง
อิงศรผละตัวไปหามีนาที่โต๊ะ
พอมาถึงก็ถูกจัดให้ไปนั่งฟากกึ่งกลางระหว่างหล่อนกับซีเซียม
โต๊ะไม้รูปวงกลมถูกขนาบด้วยโซฟาสามด้าน
“…”
อิงศรพยายามนึกทบทวนเรื่องที่คุยค้างไว้
พวกเขากำลังถูกซีลอร์ดทดสอบหรือไม่ก็ใครซักคนในฝ่ายพระเจ้าที่กำลังทดสอบพวกเขาให้ไปรวมตัวกันยังสถานที่
ที่มีชื่อว่าบาเบลซึ่งเป็นทางขึ้นไปสู่อาคาชิกเรคคอร์ด
อาคาชิกเรคคอร์ดที่ว่าน่าจะเป็นสถานที่ซึ่งรูนรูมตั้งอยู่
สถานที่ซึ่งข้อมูลของโลกที่โดนลบไปจะไปปรากฏอยู่ที่นั่น
แล้วก็ต้องแสดงคำตอบให้ชัดเจนอีกครั้งหนึ่ง
“งั้นต่อจากเมื่อคืนเลยนะซีเซียมที่ตั้งของเทอร์มินัลนั่นน่ะพอจะมีข้อมูลบ้างรึเปล่า”
“รู้แค่ว่าอยู่ที่ไหนซักแห่งในประเทศที่ชาวโลกเรียกว่าประเทศจีนรวมถึงบริเวณรอบๆ
นั้นด้วย”
พอได้ฟังที่ซีเซียมพูดปริศนาก็เหมือนจะกระจ่างขึ้นมาเรื่องหนึ่ง
“จะว่าไปประเทศที่ถูกพวกนายรุกรานเป็นที่แรกก็คือจีนนี่นะแต่ว่าทำไมอาณาเขตมันถึงกว้างขนาดนั้นล่ะระบุให้ลึกกว่านี้ไม่ได้เหรอ”
“ไม่ได้
พวกฉันมีความทรงจำถึงแค่ตอนที่เริ่มการเจรจาไปจนถึงตอนที่เริ่มการรุกรานเท่านั้น
ยัยรูบิเดียมคงไม่ได้ใส่ความทรงจำที่ไม่จำเป็นไว้ให้หรือไม่ก็กระทั่งร่างต้นของฉันเองก็ยังไม่รู้ล่ะมั้ง”
จะว่าไปแล้วเขาเองก็เกือบจะลืมไปว่าซีเซียม
โพแทสเซียม รวมถึง ลิเธียม
และมนุษย์ต่างดาวเกือบทั้งหมดนั้นแท้จริงแล้วเป็นมนุษย์ต่างดาวเทียมที่รูบิเดียมหรือกุมภา
ธุวดารกะ เป็นผู้สร้างขึ้นมาตามคำสั่งของแฟรนเซียมโดยอ้างอิงจากตัวจริงของทุกตนที่ถูกแฟรนเซียมฆ่าไป
“แต่ประเทศจีนน่ะมันกว้างขนาดไหนนายรู้รึเปล่า”
“ถ้าไม่รู้คงไม่มานั่งปวดหัวแบบนี้หรอก
แถมเวลายังไม่ค่อยจะมีด้วยลองคิดดูก็แล้วกันว่าพวกฉันเองใช้เวลาหามาตั้งเป็นปียังหากันไม่เจอเลย”
“หมายความว่ายังไงที่ว่าหามาเป็นปีแล้ว”
“เป็นคำสั่งของแฟรนเซียมน่ะพวกฉันยึดประเทศจีนก็เพื่อตามหาบาเบลนี่แหละแต่ก็ไม่รู้ว่าทำไปทำไมหรอกนะเพราะถูกควบคุมความทรงจำ”
“แบบนี้ก็เหมือนไม่รู้อะไรเลยไม่ใช่เรอะ”
“อย่ามาโทษฉันเซ่ไปโทษไฮโดรเจนโน่นชอบทำอ้อมค้อมอยู่เรื่อยเลยหมอนั่นน่ะ”
ซีเซียมพูดจบก็กระแทกหลังเข้ากับโซฟาแล้วไปชนเข้ากับผนังจนเกิดเสียงดัง
ปึง ก้องไปทั้งล็อบบี้
“…”
ดูเหมือนอีกฝ่ายก็โดนซีลอร์ดปั่นหัวมาอีกทีเหมือนกัน
ลงท้ายแล้วการประชุมหารือก็แทบจะไม่มีความหมายเลย
ไม่มีใครมีข้อมูลที่มีประโยชน์ แล้วในตอนนั้นเอง
คนที่ดูเหมือนจะมีข้อมูลที่มีประโยชน์ก็โผล่หน้ามาทันที
“ไฮฮ้าย ซุงอิง
ซุงมี แล้วก็ท่านซีเซียมอยู่กันครบเลยน้า~”
โพแทสเซียมยื่นหน้าเข้ามาร่วมวงสนทนาจากทางด้านหลังโซฟาของอิงศร
“คุยเรื่องดูน่าสนุกจังเลยขอผมเข้าร่วมด้วยซี่”
แล้วพูดกลั้วยิ้มมาแบบนั้น
จังหวะนั้นเองคิ้วของซีเซียมก็เชิดขึ้น
อีกฝ่ายดึงหลังตัวเองขึ้นมาจากโซฟาแล้วขับไล่ราชครูผู้ไร้มารยาททันที
“เกะกะ
โพแทสเซียม”
มองเห็นใบหน้าตัวเองกำลังโกรธขึงบนหัวคนอื่นแล้วรู้สึกสะดุ้งไปเหมือนกัน
ชวนให้คิดว่าเวลาเขาโกรธหน้าตาหน้ากลัวขนาดนั้นเลยหรือ
อิงศรละสายตาจากใบหน้าโกรธขึงของซีเซียมแล้วหันไปถามโพแทสเซียมว่า
“แล้วไงเสนอหน้ามาแบบนี้หรือว่ารู้เรื่องอะไรด้วย”
ถึงจะไม่ได้รู้จักอีกฝ่ายดีนักแต่เขาก็โดนหมอนี่ป่วนมามากจนพอจะจับทางเจ้าตัวตลกตัวนี้ได้อยู่
การที่เสนอหน้ามาแบบนี้แสดงว่าจะต้องรู้อะไรแน่ๆ
“อะฮ้า
ซุงอิงเนี่ยเข้าใจอะไรง่ายจังน้าต่างกับอีกคนลิบลับเลย”
พอโพแทสเซียมพูดก็แอบเหล่สายตาไปที่ซีเซียม
“คนที่ว่าน่ะมันใครเรอะ”
ซีเซียมกล่าวพลางวางข้อศอกลงบนโต๊ะเพื่อใช้เป็นจุดค้ำยันร่างกายจะได้ลุกได้ทันทีที่ต้องการ
บรรยากาศเริ่มร้อนระอุ
แต่โพแทสเซียมก็ไหวตัวถอยฉากออกทันทีแล้วกล่าวว่า
“เกี่ยวกับเรื่องสถานที่ตั้งนั่นน่ะ”
หรือว่า…
“นายรู้เรอะ”
โดยไม่รู้ตัวอิงศรทำหน้ามีความหวังขึ้นมา
ท่าทางแบบนั้นทำให้โพแทสเซียมปรายยิ้มอย่างพอพอกพอใจ
“เปล่า
ผมไม่รู้เหมือนกันครับ”
“ไอ้บ้านี่!” “โพแทสเซียม!”
อิงศรกับซีเซียมพากันกระแทกตัวลุกขึ้นมาจากโซฟาแทบจังหวะเดียวกัน
“ว้าว
ปฏิกิริยาน่าดูชมทีเดียวเชียวครับ”
โพแทสเซียมปรบมือแล้วกล่าวต่อ
“ดังนั้นเพื่อตอบแทนที่ทำให้ได้เห็นสีหน้านั่นผมจะบอกเรื่องที่ไปแอบสืบมาจากรูบิเดียมให้ก็แล้วกันครับ
“ว่าไงนะ”
อิงศรพูด
“ถ้าตอบไม่สวยเรื่องไม่จบแน่โพแทสเซียม”
ซีเซียมพูด
แล้วตัวตลกก็หัวเราะ
“ฮะฮะฮะ
ใจเย็นก่อนสิคร้าบ ที่จะบอกน่ะมีแค่เบาะแสที่จะช่วยให้หาสถานที่ที่ว่าเจอเท่านั้นเอง
ดูเหมือนว่ารูบิเดียมจะรู้ถึงที่ตั้งของเทอร์มินัลที่ว่าเพราะเธอลงทุนจัดการพวกเทวทูตของเมตไตรยเองกับมือเพื่อรีดข้อมูลเลยนะนั่นน่าเสียดายที่ผมอยู่สืบนานกว่านั้นไม่ได้เพราะโดนท่านแฟรนเซียมพบตัวเข้าซะก่อนเลยโดนซัดตกทะเลเปียกโชกไปทั้งตัวเหมือนที่ซุงอิงเจอกันที่อารย-สนธยานั่นแหละ”
เพราะอย่างนั้นตอนที่เจอกับโพแทสเซียมที่เอาเฮลิคอปเตอร์มารับถึงได้ตัวเปียกโชกแบบนั้นสินะ
อิงศรพยักหน้าแล้วพูดข้อสรุปการประชุม
“ถ้างั้นก็มีแต่ต้องไปจับตัวรูบิเดียมมารีดข้อมูลเท่านั้น”
หรืออีกนัยหนึ่งก็คือต้องเผชิญหน้ากับแฟรนเซียมที่พวกเขายังเอาชนะไม่ได้
พลังอันแปลกประหลาดที่เรียกว่า
มังกรเทวะแห่งจุดจบ ของหมอนั่นแข็งแกร่งเกินไป
บางทีนี่อาจจะเป็นเหตุผลที่พวกเขาถูกซีลอร์ดทดสอบอีกก็เป็นได้
จงใจจะให้คนที่เลือกมาห้ำหั่นกันเองจนถึงที่สุดเพื่อให้เหลือทางเลือกที่เป็นไปได้มากที่สุดอย่างนั้นสินะ
“แบบนี้เท่ากับว่าต้องเอาชนะแฟรนเซียมให้ได้ไปด้วยน่ะสิเจ้าซีลอร์ดนี่ตกลงมันจะอยู่ฝ่ายใครกันแน่”
อิงศรท้าวสะเอวด้วยความหงุดหงิด
แต่ซีเซียมก็ขัดขึ้นมา
“เรื่องนั้นเอาไว้ก่อนเถอะตอนนี้ฉันเพิ่งนึกขึ้นมาได้ว่าไฮโดรเจนฝากข้อความมาให้ด้วย”
“ข้อความอะไร”
“ฝากให้เล่านิทานให้นายฟัง”
“อะไรล่ะนั่น”
“ยังอยู่กับไฮโดรเจนมาไม่พอรึไงน่ะ
นายเองก็เป็นคนที่เขาถูกใจน่าจะโดนแบบนี้มาบ้างแล้วนะไอ้เรื่องที่ควรจะต้องบอกแต่ไม่ยอมบอกตรงๆ
น่ะ”
ที่ซีเซียมพูดมานั้นเหมือนกับว่าจะเคยเจอมาจริงๆ
ไอ้การที่เล่าตำนานหรือเรื่องเล่าโยงไปศาสนาบ้างเทพนิยายบ้างของซีลอร์ดเพื่อที่จะพูดเรื่องสำคัญบางอย่างโดยแอบแฝงเอาไว้
“เออ
ก็จริงเจอซะจนเบื่อแล้วเพราะงั้นช่วยพูดใจความมาเลยได้ไหม”
แต่ซีเซียมส่ายหน้า
“โทษทีเถอะหนนี้ฉันเองก็ตีความไม่ออกเพราะงั้นจะเล่าทั้งหมดเลย”
ได้ยินดังนั้นอิงศรก็รู้สึกเซ็งขึ้นมา
เด็กหนุ่มกอดอกแล้วลดตัวลงนั่งโซฟาจากนั้นก็รอให้ซีเซียมนั่งแล้วเริ่มเล่านิทานที่ซีลอร์ดฝากมาให้
ความคิดเห็น