ตอนที่ 170 : Login 167: ความสมบูรณ์แบบที่มากเกินพอ
Login 167: ความสมบูรณ์แบบที่มากเกินพอ
“เมื่อซัลฟูลเรี่ยนหนึ่งตัวถูกทำลายข้าจะได้รับพลังงานจากพวกมันทำให้ยิงโซเดียแมททีเรียลเกย์เซอร์ได้หนึ่งครั้ง ห้าตัวก็ห้าครั้งปกติแล้วมันกินพลังงานเยอะล่ะนะแต่สำหรับการยิงด้วยวิธีนี้ไม่สิ้นเปลืองพลังงานเลยแม้แต่หยดเดียวนี่แหละโซเดียแมททีเรียลเกย์เซอร์โอเวอร์ไดรฟ์”
ออร์ทิเกสซาร์พูดหลังจากที่เพิ่งเผาแผ่นดินและทะเลจนเดือดไปด้วยเพลิงโลกันตร์
กองหนุนของมนุษย์ต่างดาวรวมถึงยานแกรนครุยเซอร์ตอนนี้ก็จมลงไปในทะเลเป็นที่เรียบร้อย
พินาศหมดแล้ว... สิงห์ซึ่งมองสถานการณ์จากภายในค๊อกพิทของเซปทรูสตาร์ขบกรามแน่นด้วยความโกรธ
“ทำแบบนี้แกเตรียมใจจะพังไว้แล้วสินะ”
เสียงของเขาดังออกไปจากเครื่องทำสวน
ออร์ทิเกสซาร์ได้ยินเช่นนั้นก็หัวเราะชอบใจ
“ฮะฮะฮะ ยังจะทำปากเก่งได้อีกเหรอเจ้าเนี่ยทำให้ข้าสนุกได้เสมอเลยนะ โซเดียมิราจ”
แล้วคำราม เสียงคำรามของมันทำให้อนุภาคทองคำที่ล่องลอยอยู่รอบๆ กลั่นตัวกลายเป็นสัตว์เทวะ ซัลฟูลเรี่ยนห้าตัวคืนชีพกลับมาอีกเป็นครั้งที่สอง
“เอ้า ทำลายพวกมันอีกสิสวนของเจ้าจะได้ล่มสลายเร็วยิ่งขึ้นไปอีก”
สิ้นคำ สัตว์เทวะทั้งหมดก็พุ่งเข้าจู่โจมเซปทรูสตาร์ของแฟรนเซียม
“หมายความว่าแค่โจมตีแกอย่างเดียวก็พอสินะ”
แฟรนเซียมพูดพร้อมกับบังคับให้เครื่องบินหลบและฟาดปีกใส่ตัวหนึ่งที่พุ่งเข้ามากระเด็นตกทะเลไป
ซัลฟูลเรี่ยนตัวนั้นลงไปคลุกน้ำทะเลก็ยังไม่เป็นอะไรอยู่ดีแม้ว่าร่างกายของมันจะเป็นก๊าซก็ตาม ยังคงพุ่งทะยานกลับขึ้นมาบนฝั่งแล้วร่วมกับฝูงจู่โจมเซปทรูสตาร์ต่อ
แฟรนเซียมเห็นดังนั้นก็ตะโกนเรียกกำลังเสริมที่น่าจะซุ่มรออยู่ในทะเลที่กำลังเดือดไปด้วยเพลิงโลกันตร์
“หลาม โจมตีพร้อมกับฉัน!”
ตอนนั้นเองที่ทะเล ผิวน้ำพูนตัวสูงขึ้น
หัวจำนวนหนึ่งของพญาอสรพิษในตำนาน อนันตนาคราชก็โผล่พ้นออกมาจากผิวน้ำที่พูนตัวนั่น
บนหัวข้างหนึ่ง ข้าวหลามยืนอยู่บนนั้นด้วยร่างที่หุ้มไปด้วยเกล็ดและใบหน้าที่ยื่นยาวคล้ายงูในมือกระชับปืนไรเฟิลที่เป็นเทคนิคัลเวพ่อนซึ่งประกอบจาหปืนสั้นสองกระบอกเล็งไปยังออร์ทิเกสซาร์
เครื่องทำสวนลอยอยู่ในกล้องเล็งเป้าปืนของเขามาซักพักแล้วเหลือก็แค่รอคำสั่งยิงจากสิงห์ หรือ แฟรนเซียม
“คนเขาแอบอยู่ใต้น้ำแต่มันเล่นเผาทะเลซะเหี้ยน เจอแบบนี้นี่เล่นเอาสั่นไปถึงกระดูกเลยนะเนี่ย”
“มันจะมาแล้วนะตักษกะ”
น้ำเสียงแหบห้าวเรียกชื่อของปีศาจที่ฝังพันธุกรรมอยู่ในร่างของข้าวหลาม อนันตาได้เตือนถึงภัยจากพวกซัลฟูลเรี่ยนที่กำลังมุ่งตรงมาทางนี้
เพราะออร์ทิเกสซาร์สังเกตเห็นพวกเขาจากบนฝั่งแล้วถึงได้สั่งให้พวกมันมาเล่นงาน
แต่ข้าวหลามก็ตอบอนันตาไปว่า
“ไม่เป็นไรตั้งสมาธิกับการเชือดเจ้าสิงโตนั่นก็พอ อ้อหมายถึงสิงโตจริงๆ นะ ไม่ใช่สิงห์”
“หมายถึงอาวุธของพระเจ้าที่ยืนอยู่บนพื้นพิภพนั่นสินะ”
“เออ นั่นแหละๆ”
พอข้าวหลามตอบไปแบบนั้น พญาอสรพิษก็อ้าปากทั้งหมดรวบรวมลมหายใจไปสร้างพิษเอาไว้ในลำคอ มองเห็นพิษที่กำลังกลั่นตัวจากอากาศที่ไหลเข้าไปเป็นแสงสว่างสุกสกาวเปล่งประกายออกมาจากปากนับสิบ
ตอนนั้นเองเซปทรูสตาร์ที่อยู่บนฝั่งก็ปล่อยลำแสงจากร่างอาบใส่สัตว์เทวะเหล่านั้นสาปพวกมันกลายเป็นหินจนร่วงตกทะเลไป
เมื่อล็อกเป้าไปที่หัวของออร์ทิเกสซาร์ได้แล้วข้าวหลามก็เปิดหน้าจอไอเทมดึงเอายันต์อาคมออกมาหลายสิบใบ
“ทางนั้นมีน้ำพุเพลิง งั้นเราก็เอาน้ำพุฉลามดับหัวร้อนๆของเจ้านั่นกันดีกว่า ชาร์คเกย์เซอร์ !”
พอลั่นไกแล้วยันต์ก็เผาไหม้ตัวเอง ข้าวหลามลั่นไกต่อเนื่องไม่หยุดเท่ากับจำนวนของยันต์ที่ใช้เพราะมันเป้นสกิลที่กำหนดให้ยิงซ้ำๆ กันได้ตามจำนวนยันต์อาคมที่มี
เขายิงออกไปสิบสองครั้งด้วยกัน คลื่นน้ำรูปฉลามพุ่งออกจากปากกระบอกปืนไปเป็นสายต่อเนื่อง กันเหมือนน้ำพุมันเป็นสกิลที่พัฒนาขึ้นมาจากชาร์คชู้ตอีกขั้นนั่นเอง
พร้อมกันนั้นอนันตาก็ปล่อยลำแสงจากทั้งสิบหัวไล่ตามน้ำพุฉลามไป ขณะเดียวกันแฟรนเซียมที่อยู่บนฝั่งก็ยื้อให้ออร์ทิเกสซาร์อยู่กับที่และกะจังหวะให้การโจมตีของพวกเขาไปถึงจึงโจมตีเสริมเข้าไปด้วยลำแสงสีแดงที่ยิงจากดวงตาของเครื่องทำสวนเซปทรูสตาร์
การโจมตีเข้าเป้าทั้งหมด ถึงจะเห็นไปแวบหนึ่งก่อนที่การโจมตีจะเข้าปะทะออร์ทิเกสซาร์ได้กางแผงคอสร้างบาเรียเอาไว้
“แต่ยังไงมันก็ต้องเจ็บบ้างล่ะน่า”
ข้าวหลามพูดแล้วลดกล้องไรเฟิลลง ทว่า...
ทันทีที่ไอควันซึ่งเกิดจากกระสุนน้ำของเขาปะทะพร้อมกับลำแสงของสิงห์จางหายไปร่างที่ไร้ซึ่งรอยขีดข่วนของออร์ทิเกสซาร์ก็เปล่งประกายเงางามให้เห็น
“บ้าน่า!”
ข้าวหลามสบถ
ออร์ทิเกสซาร์ที่อยู่บนฝั่งเหมือนจะได้ยินหรือไม่ก็อ่านสีหน้าได้จากระยะนั้น แน่นอนว่าต้องอ่านทะลุผิวเกล็ดที่ปกคลุมร่างกายไปด้วยซึ่งมันเป็นไปไม่ได้ แต่ว่า
“ชิ เจ้านั่นยิ้มน้อยยิ้มใหญ่เชียวนะ”
ข้าวหลามเดาะลิ้นด้วยความเจ็บใจแต่ก็ต้องยอมรับว่าเมื่อกี้เป็นการโจมตีสุดกำลังเท่าที่จะทำได้จากระยะขนาดนี้แล้วต่อให้เข้าไปใกล้กว่านี้เพื่อโจมตีให้หนักหน่วงขึ้นก็อาจจะเจาะทะลุการป้องกันอันสมบูรณ์แบบนั่นไม่ได้
ตอนนั้นเองแฟรนเซียมก็พูดดังมาจากฝั่งว่า
“งั้นโจมตีแกจากด้านหลังที่ไม่มีแผงคอนั่นคอยขวางก็คงได้สินะ”
“…”
ไม่เข้าใจ...ข้าวหลามรู้สึกแบบนั้น รู้สึกสับสนว่าทำไมสิงห์ถึงได้บอกกลยุทธ์สุดท้ายที่อาจจะได้ผลกับศัตรูออกไป ถ้าเป็นปกติแล้วคงแอบส่งสัญญาณให้เขากับอนันตาโจมตีไปอีกครั้งแล้วเจ้าตัวก็จะดึงเครื่องทำสวนนั่นให้หันหลังให้พวกเขา หรือไม่ก็วิธีที่ว่านี่อาจจะไม่ได้ผลเหมือนกัน
บางทีสิงห์คงรู้ผลลัพธ์อยู่แล้วหรืออาจจะคาดเดาได้เลยจงใจพูดออกไป
เจ้าเครื่องทำสวนพอได้ยินแบบนั้นก็หันหลังให้อย่างง่ายดายพร้อมกับพูดมาว่า
“ถ้ายังมีซัลฟูลเรี่ยนอยู่บาเรียของข้าจะไร้เทียมทานครอบคลุมทั้งร่างนั่นแหละมีแต่ต้องทำลายพวกมันทิ้งก่อน”
แต่ถ้าทำแบบนั้นมันก็จะยิงไอ้ของที่ทำให้ทะเลเดือดได้นั่นมาอีกน่ะสิ ขืนมันยิงมาอีกคราวนี้ทั้งสิงห์ ทั้งเขากับอนันตาคงได้ตายจริงๆ แน่
“บัดซบ!”
ข้าวหลามสบถแล้วเหลือบสายตามองไปยังกลุ่มสัตว์เทวะที่กลายเป็นหินแช่อยู่ในทะเล พลางคิดหาวิธี
หากเขาทำลายพวกมันแล้วให้อนันตากับสิงห์โจมตีพร้อมกันก็พอจะเป็นไปได้อยู่แต่พลังโจมตีที่ลดลงก็ไม่แน่ว่าจะเจาะทะลุบาเรียของมันได้รึเปล่า หรือต่อให้สิงห์ช่วยจับมันหันหลังให้พลังโจมตีก็จะลดลงไปอีก
แค่พลังของอนันตาอย่างเดียวไม่พอแน่
ออร์ทิเกสซาร์ยังคงพูดท้าทายมาอีก
“ ความสิ้นหวังกำลังรอเจ้าอยู่นะจงรีบใช้ความหวังกรุยทางที่ซัลฟูลเรี่ยนพวกนั้นยืนขวางแล้วเข้ามารับความสิ้นหวังไปจากข้าสิ”
แล้วหัวเราะอย่างน่าหมันไส้
“ทำอะไรมันไม่ได้เลยงั้นเรอะ”
ข้าวหลามได้แต่จ้องมองมันสลับกับสัตว์เทวะอย่างสิ้นหวัง แต่แล้วหน้าจอสื่อสารก็กระเด้งตัวเปิดขึ้นมา ใบหน้าของรูบิเดียมฉายอยู่บนนั้น ตอนนี้หล่อนกำลังยืนอยู่บนหาดทราย พอมองไปที่ฝั่งก็เห็นเงากลุ่มคนลางๆ อยู่กระจุกหนึ่งกำลังขึ้นจากทะเลไปที่หาดซึ่งห่างจากจุดปะทะระหว่างเครื่องทำสวนประมาณหนึ่ง คงเป็นตรงนั้น
ด้านหลังหล่อนมองเห็นกลุ่มมนุษย์ต่างดาวอีกหลายนายแล้วก็ กรกฎ ธุวดารกะ ที่มีบาดแผลถูกอะไรแฉลบเข้าให้บนไหล่ซ้ายหมอนั่นเอามือกดแผลนั่นห้ามเลือดที่กำลังไหลออกมาด้วยสีหน้าเฉยเมยเหมือนไม่รู้สึกอะไรกับมันทั้งที่เป็นแผลค่อนข้างใหญ่ มีเลือดไหลออกมาเยอะจนเสื้อเครื่องแบบที่สวมอยู่ชุ่มเป็นสีแดงจางๆ ในบริเวณนั้น
“รอดจากไอ้นั่นมาได้ด้วยเรอะ”
ข้าวหลามถาม ที่จริงแอบคิดไปแล้วด้วยซ้ำว่าทุกคนในยานลำนั้นน่าจะจมน้ำตายกันหมด แต่ก็นึกขึ้นมาได้ว่าตอนนี้โลกกลายเป็นเกมจึงสามารถหายใจใต้น้ำได้
รูบิเดียมที่อยู่อีกฟากของหน้าจอชักสีหน้านิดหน่อย
“กรกฏ ช่วยเอาไว้น่ะแล้วก็มีคนอื่นรอดกันมาอีกราวยี่สิบตนได้ชั้นครูกันทั้งหมด”
ยี่สิบคน... ถือเป็นจำนวนที่เยอะราวกับเกิดปาฏิหาริย์ ที่รอดจากการโจมตีกวาดล้างขนาดนั้นมาได้ถึงจะมีจำนวนแค่หนึ่งในสามสิบบนยานนั่นก็ตาม
รูบิเดียมชักอาวุธที่หน้าตาเหมือนผลึกทรงหลายเหลี่ยมออกมาแล้วพูดว่า
“เดี๋ยวทางฉันจะช่วยสนับสนุนเรื่องโจมตีเองทางนั้นน่าจะมีแผนแล้วใช่ไหม”
“…”
ข้าวหลามไม่ค่อยแน่ใจนักว่าควรจะบอกสิ่งที่ตัวเองกำลังคิดเอาเองว่าสิงห์ก็น่าจะคิดแบบเดียวกันด้วยออกไปดีหรือเปล่า
มีเสียงดังปิ๊บสั้นๆ แล้วหน้าจอสื่อสารก็เปิดขึ้นอีกหน้าหนึ่ง เป็นสายจากสิงห์
“ฉันจะดึงความสนใจเอาไว้ให้พวกรูบิเดียมกับอนันตาโจมตีมันจากข้างหลังฝากนายไปจัดการพวกสัตว์เทวะที่จมทะเลนั่นที”
เหมือนที่คิดเอาไว้เป๊ะ...ข้าวหลามหรี่ดวงตาลงเล็กน้อย
“เออ กำลังคิดเหมือนกันเลย”
แล้วหันไปทางจอของรูบิเดียม แต่พอจะอ้าปากพูดทางนั้นก็ตอบกลับมาเสียก่อนเหมือนรู้ว่าจะพูดอะไร
“ได้ยินแล้วอีกเดี๋ยวจะอ้อมหาดไปราวสองร้อยเมตรช่วยดึงอย่าให้มันหันหน้าไปทางนั้นด้วยล่ะ”
เพียงแค่นั้นการสื่อสารจากทางสองช่องทางก็ปิดตัวลง
ข้าวหลามถอนหายใจเล็กน้อยแล้วมองไปยังจุดที่สัตว์เทวะจมอยู่ด้วยสีหน้าเหนื่อยหน่าย
“โดนใช้ทำงานยากๆ อีกแล้วแฮะ”
ถึงจะบอกว่าแค่ทำลายรูปปั้นที่กระดุกกระดิกไม่ได้ห้าตัวก็ตาม แต่ต้องกะจังหวะให้พอดีกับตอนที่ทุกหน่วยประจำที่เตรียมพร้อมแล้ว
“อนันตาแกไปทางนั้นเดี๋ยวทางนี้ฉันมีธุระต้องจัดการไปช่วยสนับสนุนพวกมนุษย์ต่างดาวที”
ข้าวหลามพูดพร้อมกับชี้ไปทางเดียวกับที่พวกรูบิเดียมกำลังอ้อมหาดไป ตรงนั้นมี่อ่าวเล็กๆ อยู่ถ้าเข้าไปใกล้ขึ้นอีกหน่อยอานุภาพพลังโจมตีของอนันตาน่าจะทำอะไรเครื่องทำสวนได้บ้าง
จากนั้นจึงกระโดดลงจากหัวของพญาอสรพิษลงไปในในน้ำเอาปืนพาดไว้บนไหล่ข้างหนึ่งแล้วดำผุดดำว่ายไป
ตอนที่อนันนตาเริ่มเคลื่อนตัวออกไปก็สัมผัสได้ถึงคลื่นที่ลอยมากระแทกหลัง
เขาถูกคลื่นซัดไปหยุดอยู่หน้ากองเพลิงที่ตกค้างอยู่บนผิวน้ำที่มาจากการโจมตีของอร์ทิเกสซาร์
ไฟนั่นร้อนขนาดทำให้อุณหภูมิน้ำรอบๆ อุ่นขึ้นมาได้แถมยังลุกไหม้ทั้งที่ไม่มีเชื้อเพลิงอย่างน่าอัศจรรย์
ข้าวหลามว่ายอ้อมไฟนั่นไปจนถึงจุดที่สัตว์เทวะพวกนั้นจมอยู่
ใต้เท้าของเขามีสัตว์เทวะขนาดใหญ่ที่แข็งเป็นรูปปั้นหินนอนแยกเขี้ยวจ้องจับเขากิน แค่คิดแบบนั้นก็ชวนให้ขนลุกขนพองแล้ว ไม่รู้ว่าพวกมันจะแหกพันธนาการของออกมาได้เมื่อไหร่ หากหน่วยปฏิบัติการบนบกไม่รีบก่อนจะเป็นแบบนั้นเขาอาจจะกลายเป็นของขบเคี้ยวของเจ้าพวกนี้ไป
“เกลียดงานยากชะมัดเลย”
ข้าวหลามพูดสบถก่อนจะดำลงไปข้างล่าง แยกปืนไรเฟิลกลับเป็นปืนสั้นสองกระบอกเพื่อให้แยกกันจัดการกับพวกมันทั้งห้าตัวพร้อมๆ กันได้ โดยที่รอสัญญาณจากสิงห์ผ่านทางหน้าจอ
สิบวินาทีผ่านไป
สามสิบห้าวินาที
หนึ่งนาที...
‘ตอนนี้เลย!’
แฟรนเซียมตะโกนผ่านมาจากหน้าจอที่กระเด้งตัวเปิดออกพร้อมกันนั้นข้าวหลามก็ลั่นไกปืนอย่างต่อเนื่อง กระสุนทุกนัดแหวกผ่านกระแสน้ำทะลวงศีรษะของพวกมันพรุนในครั้งเดียว
“…”
เกิดระเบิดขึ้น ร่างหินของพวกมันแตกกระจุยเป็นเสี่ยงๆ แรงระเบิดคว้านเอาทรายบนพื้นขึ้นมาจนน้ำขุ่น ทัศนวิสัยดำมืดไปหมด
ต้องรีบขึ้นไปบนผิวน้ำ…เขาบอกกับตัวเองอย่างนั้นแล้วตะเกียกตะกายขึ้นไปบนผิวน้ำ
@
@
@
“พวกเจ้ากำลังต่อสู้ด้วยความหวังที่ยิ่งใหญ่สินะ”
ออร์ทิเกสซาร์พูดขณะที่เหยียบอยู่บนปีกของเซปทรูสตาร์
แฟรนเซียมเสียท่าให้ในจังหวะที่กำลังดึงความสนใจด้วยการบินอ้อมไปข้างลำตัวของออร์ทิเกสซาร์โดยหวังโจมตีจากด้านข้างที่ไม่มีบาเรียเสริมจากแผงคอถึงแม้อีกฝ่ายจะบอกมาแล้วว่าตราบใดที่ซัลฟูลเรี่ยนยังไม่ถูกทำลายการโจมตีใดๆ ก็ไร้ผลก็ตาม
แต่เจ้านั่นก็ยังมีปฏิกิริยาตอบโต้กับการทำแบบนั้น ดูเหมือนเรื่องพูดจะแค่บลัฟกันเท่านั้น…
ใช่ แค่บลัฟกันกระทั่งท่าทีตอบโต้กับการเคลื่อนไหวที่แสดงเป็นนกต่อของเขาก็ด้วย พริบตาที่เริ่มแสดงความคาดหวังว่าด้านข้างจะเป็นจุดอ่อนของมัน
วินาทีนั้นเองออร์ทิเกสซาร์ก็เก็บแผงคอแล้วสำแดงพลังฝีเท้าออกมา
มันพุ่งตัวออกจากจุดเดิมที่มันย่ำอยู่มาซักพักแล้ว กระโจนทีเดียวข้ามหัวเครื่องทำสวนของเขาแล้วจับลากลงมาบนพื้นด้วยคมเขี้ยวที่ฟังลงบนคอของเซปทรูสตาร์
ความเสียหายจากเครื่องทำสวนส่งผลมายังร่างกายด้วย คอของแฟรนเซียมจึกเป็นแผลเหมือนถูกกัด โลหิตไหลเป็นสายอาบชโลมพื้นค๊อกพิทที่เป็นกระจกใสจนแดงฉาน
จากนั้นออร์ทิเกสซาร์ก็ขึ้นมายืนคร่อมตัวเครื่องของแฟรนเซียมแล้วก็มาอยู่ในสภาพปัจจุบัน
“แต่ความสิ้นหวังเองก็เช่นกันดูเหมอนว่าที่ปะทะกันเมื่อกี้เจ้าจะสั่งให้บริวารไปทำลายซัลฟูลเรี่ยนแล้วสินะ”
ใช่ เขาเพิ่งสั่งให้ข้าวหลามทำลายพวกสัตว์เทวะนั่นตอนที่โดนลากลงมาจนถึงตอนที่โดนจึ้นมาคร่อมตัวอยู่แบบนี้ พวกรูบิเดียมก็ไปเตรียมตัวอยู่ที่จุดนัดหมายแล้ว ซึ่งมันกำลังหันหลังให้พอดี
แต่แล้ว
“เอ้าต่อสู้เข้าไปอีกสิมีความหวังให้มากกว่านี้ ความสิ้นหวังจะกัดกินสวนของเจ้ามากขึ้นไปเช่นกัน”
มันกลับพูดอย่างนั้นโดยไม่มีความเกรงกลัวเลยแม้แต่น้อย
ตอนที่พวกรูบิเดียมเริ่มการโจมตีตามแผนนั่นเอง แผงคอของออร์ทิเกสซาร์ก็กางออกแล้วปล่อยวงแหวนแสงออกมาห้าวง
วงแหวนที่ปลดปล่อยคลื่นพลังซึ่งเผาแผ่นดินและทะเลจนเดือดพล่านนั่น
“โซเดียแมททีเรียลเกย์เซอร์โอเวอร์ไดร์ฟ น่ะจะยิงไปทางไหนก็ได้”
สิ้นคำคลื่นบ่วงเพลิงก็ยิงตรงไปที่หาดด้านหลัง
อนันตาที่อยู่ในบริเวณนั้นถูกไฟแผดเผา ส่งเสียงร้องโหยหวนดังก้องไปทั้งหาดก่อนจะไหม้เป็นเถ้าธุลี
ฆ่าปีศาจระดับนั้นได้ด้วยการโจมตีเพียงครั้งเดียว เครื่องทำสวนทุกตัวทำแบบนั้นได้หรือว่ามีแค่ออร์ทิเกสซาร์กันนะ
แฟรนเซียมประเมินพลังของอีกฝ่ายเทียบกับตัวเองแล้วก็ยิ่งรู้สึกว่าพลังมันต่างชั้นกันเกินไป
บางทีอาจจะเป็นอย่างที่มันว่า
มนุษย์ที่ควบคุมเครื่องทำสวนกับเครื่องทำสวนที่เคลื่อนไหวด้วยอัตตาของตัวเองทำให้ช่วงของพลังห่างชั้นกันมาก
สาเหตุนั่นเป็นเพราะตัวจำกัดพลังที่ใส่เอาไว้ในโปรแกรมควบคุมฟันเฟืองซึ่งไม่มีในตัวมีนาที่ขับเคลื่อนออร์ทิเกสซาร์อยู่ ดังนั้นถ้ามันยังอาละวาดต่อไปแบบนี้มีนาที่อยู่ในนั้นก็จะทนรับพลังที่ฟันเฟืองส่งออกมาไม่ไหวและตาย ถึงตอนนั้นมันก็จะขยับไม่ได้อีก
ผลตัดสินศึกนี้ขึ้นอยู่กับเวลามาตั้งแต่แรก
ทว่า ออร์ทิเกสซาร์ก็ทำได้ดี มันต้อนพวกเขาจนมุมอย่างง่ายดายและเจ้าเล่ห์อย่างที่สุด
“…”
ไม่รู้ตอนนี้พวกรูบิเดียมเป็นยังไงกันบ้าง ไม่มีใครติดต่อเข้ามาเลย
ออร์ทิเกสซาร์กล่าว
“เจ้าเป็นคนรอบคอบเสมอสิงห์ แต่นี่ไม่ใช่สิ่งที่อยู่ในแผนของเจ้าดังนั้นจึงวางแผนรับมือไม่ได้”
มันเอาหน้าเข้ามาใกล้จนกระแทกถูกส่วนใบหน้าของเครื่องทำสวน ทำเอาภายในค๊อกพิทสั่นสะเทือน
“ข้ารู้เรื่องนั้นดีแล้วก็ลุ้นให้เจ้ารู้เรื่องที่จ้าจะหักหลังด้วยเช่นกัน น่าเสียดายนะเจ้าสอบตกเพราะเชื่อมั่นมากเกินไป เชื่อสิ่งที่เหนือหัวบอกมากจนเกินไปกระทั่งเลือดต้องคำสาปนั่นเจ้าก็ยังรับมาโดยไม่คิดสงสัยใดๆ”
“สงสัยไปแล้วต่างหาก”
“หา?”
“แกเองนั่นแหละที่ไม่นึกสงสัยเลยรึไงว่าฉันอาจจะแอบวางยาเอาไว้ในฟันเฟืองที่กำลังขับเคลื่อนแกอยู่ก็ได้”
นั่นเป็นเพียงคำพูดบลัฟกันเท่านั้น ถึงจะมีการวางยาเอาไว้จริงๆ ก็เถอะแต่กว่าจะส่งผลออกมาพวกเขาคงเสร็จมันก่อน แต่ว่า…
“ว่ายังไงนะ…นี่เจ้าทำอะไรกับตัวข้ากันแน่”
บลัฟนั่นกลับได้ผลเสียอย่างนั้น ออร์ทิเกสซาร์ทำท่าตื่นตูม
“…”
แต่มันมากเกินไป ออกอาการมากเกินไปจนเชื่อไม่ลง
“ซะเมื่อไหร่ล่ะ”
เครื่องทำสวนคำรามแล้วยกอุ้งเท้ากระแทกลงมาบนเครื่องทำสวนของเขาจนสะเทือนไปทั้งร่าง
“ข้าเป็นคนช่วยเจ้าสร้างของพวกนี้ขึ้นมาทำไมจะไม่รู้ เรื่องที่ไม่มีตัวจำกัดพลังอยู่ในเฟืองจะทำให้เจ้าของร่างฟันเฟืองตายได้น่ะแต่ดูเหมือนเจ้าจะลืมเรื่องสำคัญไปนะสิงห์ผู้ถูกฟันเฟืองเลือกไม่มีวันตายแม้จะเป็นของที่สร้างขึ้นมาก็ตามเพราะว่าเจ้าทำได้สมบูรณ์แบบเกินไปยังไงล่ะ”
นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ
