คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #165 : Login 162: สุนัขต้อนหมาป่า
Login
162: สุนัขต้อนหมาป่า
“งั้นก็มาใช้อีกครั้งกันเถอะ
อิงศรฟอร์เมชั่นนีโอน่ะ”
มนุษย์ต่างดาวที่หน้าเหมือนกับอิงศรพูดมาแบบนั้น
ตอนที่ยืนอยู่ท่ามกลางกลุ่มมนุษย์ต่างดาวหน้าเหมือนคนรู้จักอีกสี่คน
เจ้าพวกนั้นเหมือนกับพวกอิงศรไม่มีผิด
เมื่อเห็นดังนั้นข้าวหลามก็ตอบไปว่า
“นายสินะที่แฟรนเซียมฝากให้มาน่ะ”
“ใช่
เพราะงั้นเลยต้องมาเตี้ยมแผนให้แกหนีไปแบบเนียนๆ
ก่อนน่ะสิเพราะจะต้องหลอกเจ้าตัวที่หน้าเหมือนฉันอีกคนด้วย
ว่าแต่ขอถามหน่อยเหอะทำไมแฟรนเซียมจะต้องลงทุนทำอะไรอ้อมค้อมขนาดนี้ด้วยอย่างแกพอจะรู้อะไรบ้างรึเปล่า”
มนุษย์ต่างดาวหน้าเหมือนอิงศรถามกลับมา
ดูเหมือนอีกฝ่ายจะได้รับคำสั่งมาจริงๆ คำสั่งจากสิงห์
หรือตัวจริงก็คือแฟรนเซียมราชาของมนุษย์ต่างดาว
“ไม่รู้สิ
หมอนั่นน่ะไม่เคยบอกอะไรฉันเลย บอกแค่ให้ตามมาเหมือนทุกทีนั่นแหละ”
เขาตอบไปตามความจริง
หลังจากนั้นซีเซียมก็ให้เล่นละครหนังหลอกเด็กแกล้งทำเป็นว่าตัวเองกับอนันตาโดนจัดการแล้วหนีไปโดยใช้เส้นทางที่เตรียมไว้
ข้าวหลามคิดถึงเรื่องที่เกิดขึ้นตอนที่อยู่วัดอารย-สนธยาเมื่อราวหกชั่วโมงก่อน
ตอนนี้ตัวเขานั่งทอดน่องอยู่บนโขดหินใหญ่บนชายหาดของเกาะร้างที่สิงห์นัดให้มาพบ
หรือก็คือเขารู้เรื่องตัวจริงของสิงห์มานานแล้ว...ไม่สิต้องบอกว่ารู้ตัวจริงของพวกมนุษย์ต่างดาวมาตั้งแต่แรก
ส่วนใหญ่เป็นข้อมูลที่ได้เห็นมากับตาตัวเองแต่ไม่ได้ทำความเข้าใจถึงรายละเอียดทั้งหมด
ข้อมูลที่มีเป็นแค่การไปเห็นด้วยตาของตัวเองเท่านั้นเพราะว่าตนอยู่เคียงข้างสิงห์มาตลอด
“ตั้งแต่ตอนนั้นผ่านมากี่ปีแล้วนะ”
ข้าวหลามลองรำพึงดูแต่ก็นึกจำนวนปีที่แน่นอนไม่ได้
เท่าที่พอจะจำได้ก็คือตัวเขาในวัยเด็กไม่ได้มีชีวิตที่ราบเรียบหรือสวยหรูเลย
เขาอาศัยอยู่กับพ่อที่เป็นชาวประมงซึ่งถูกกดขี่โดยเจ้าหนี้ที่มาหลอกให้กู้ยืมเงินไปซื้อเรือด้วยดอกเบี้ยแพงมหาศาล
ส่วนแม่นั้นเขาไม่เคยเห็นหน้าเลยตั้งแต่จำความได้ แต่เคยฟังพ่อบ่นว่าหนีไปกับเศรษฐีชาวต่างชาติหลังจากคลอดเขาแล้วด้วยเหตุผลที่ว่า
‘พ่อเป็นไอ้ขี้แพ้’
เขาจำเรื่องของพ่อได้ไม่มากนัก
คร่าวๆ คือพ่อเป็นคนที่ไม่ชอบมีเรื่อง แค่อยากจะอยู่อย่างสงบๆ
กับเขาที่เป็นลูกสองคนเท่านั้น ซึ่งตัวข้าวหลามเองก็ปรารถนาแบบนั้นเช่นกัน
แต่ด้วยความที่พ่อเป็นคนแบบนั้นเลยถูกเอาเปรียบอยู่บ่อยครั้งจน
สุดท้ายก็โดนผู้มีอิทธิพลซึ่งต้องการไล่ที่ตรงบ้านตัวเองออกไปเพื่อทำรีสอร์ท
ผู้มีอิทธิพลคนนั้นบีบเจ้าหนี้ค่าเรือของพ่อให้มาหลอกให้ออกเรือไปทั้งที่จะมีพายุเข้าโดยเอาเรื่องหนี้มาบีบพ่อ
พ่อกับข้าวหลามจึงออกเรือไปและคาดเอาไว้แค่จะหาปลาใกล้ๆ
ฝั่งไปใช้หนี้แก้ขัดตามข้อเสนอของเจ้าหนี้ แต่พายุมาถึงเร็วกว่าที่คิดเรือจึงโดนคลื่นซัดจนคว่ำ
หลังจากนั้นสามวันเขาก็ลอยมาถึงฝั่งได้คนเดียว
แต่พ่อหายไปในทะเล
“…”
ข้าวหลามชะงักความคิดเอาไว้เพราะตอนนั้นคลื่นสาดเข้ามากระทบโขดหินอย่างแรงจนน้ำลอยกระเด็นขึ้นมาถึงจุดที่เขานั่งอยู่จึงกระโดขึ้นมาจากท่านั่งทั้งแบบนั้น
หลบหยดน้ำที่กระจายเข้ามาลงไปบนหาด
“น้ำจะขึ้นแล้วเหรอเนี่ย”
ข้าวหลามแหงนหน้ามองท้องฟ้า
อากาศแจ่มใสเป็นอย่างมากดูไม่มีเค้าของพายุเลย ถึงทะเลจะแปรปรวนได้ง่ายเหมือนอารมณ์ของผู้หญิงก็เถอะ
ว่าไปแล้วตั้งแต่ออกมาทำภารกิจแสร้งทำเป็นหัวหน้าของอารย-สนธยาก็ยังไม่ได้เสพผู้หญิงเลยนี่นะ
เพราะร่างกายที่ดัดแปลงเป็น
‘ดิวินิแดด’
มีความต้องการกิเลสที่เพิ่มสูงขึ้นตามไปด้วยพอไม่ได้เติมเต็มกิเลสแล้วร่างกายก็รู้สึกอ่อนเพลียเล็กน้อย
บนท้องฟ้าที่แจ่มใสนั่นกลับมองเห็นเงาของดวงจันทร์ลางๆ
แสงแดดก็อ่อนจนไม่ค่อยร้อนนัก คงไม่ใช่เพราะว่าโลกใกล้ถึงจุดจบแล้วธรรมชาติเลยเพิ่งจะมาแปรปรวนหรอกนะ
“จะว่าไปที่กลายเป็นปีศาจแบบนี้ก็ตั้งแต่วันนั้นด้วยนี่นะ”
ข้าวหลามพึมพำพลางก็นึกถึงเรื่องราวต่อจากที่ค้างไว้
เหตุผลที่ทำให้ตัวเองกลายเป็นปีศาจก็เพราะได้ทำสัญญากับ
‘ปีศาจ’
‘ปีศาจ’ ที่สวมหนังมนุษย์
ซึ่งอ่อนโยนเสียยิ่งกว่าพระเจ้าอีก นั่นทำให้เขายอมถวายตัวหมดหัวใจเพื่อ ‘ปีศาจ’ ตนนั้นซึ่งเรียกเขาว่า ‘เพื่อน’
หลังจากลอยมาติดฝั่งในวันนั้น พอกลับไปบ้านด้วยความหวังเพียงน้อยนิดว่าอาจจะพบพ่อไปรออยู่ที่นั่นแล้ว
แต่ความหวังอันเลื่อนลอยพรรค์นั้นก็พังทลายในพริบตา
บ้านถูกทำลายไปเรียบร้อยตอนที่กลับไปถึงจุดที่บ้านเคยอยู่ก็กลายเป็นเขตก่อสร้างรีสอร์ทไปเรียบร้อย
ข้าวหลามในวัยเด็กจึงต้องร่อนเร่อยู่ข้างถนน
ตอนที่กำลังจะอดตายอยู่นั่นเอง
‘ปีศาจ’ ก็ปรากฏตัวขึ้น
ปีศาจที่เป็นเด็กเหมือนกับตนเอง
ผิวพรรณขาวผุดผ่อง สายตาปราดเปรื่องดุเฉลียวฉลาดกว่าตัวเองเป็นไหนๆ
ตัวเองไม่อาจเทียบอีกฝ่ายได้ติด
เขาที่กำลังจะหมดสติเพราะความหิวและความกระหายอยู่นั่น
ก็โดนเด็กคนนั้นเอาน้ำรดหัวใส่ แต่ด้วยความกระหายเลยแย่งขวดในมือเด็กคนนั้นมาดื่มจนหมด
พอดับกระหายได้ก็มีสติพอจะเห็นว่าเด็กคนนั้นมากับพวกผู้ใหญ่อีกหลายคนที่แต่งตัวด้วยสูทสีดำดูน่ากลัวเหมือนเป็นพวกมีอิทธิพล
ชาวบ้านแถวนั้นพากันมองมาทางนี้กันหมดด้วยความตื่นตระหนก
ตอนนั้นเองก็มีชายแก่คนหนึ่งที่แต่งตัวเหมือนพ่อบ้านเดินถือถุงร้อนที่ใส่ข้าวหลามซึ่งแกะจากกระบอกแล้วเข้ามาหา
“ท่านสิงห์ครับสิ่งที่สั่งได้มาแล้วครับ”
เด็กที่เอาน้ำรดหัวเขาหันไป
“เอามา”
พูดแบบนั้นแล้วคว้าถุงข้าวหลามจากมือพ่อบ้านแล้วยื่นให้เขาดู
ด้วยความหิวทำให้สายตาของตัวเองเอาแต่จดจ้องข้าวหลามในมืออย่างควบคุมไม่ได้
แต่สติยังรั้งตัวเองเอาไว้ไม่อย่างนั้นเขาคงได้ฉกเอาของในมือเด็กคนนั้นมา
‘สิงห์’ คือชื่อที่พ่อบ้านเรียกเด็กคนนี้
คงเป็นลูกคุณหนูที่ไหนล่ะมั้ง แล้วทำไมถึงมายุ่งกับเขาล่ะ
ตอนที่ความสงสัยกำลังพองตัวขยายมากขึ้นสิงห์ก็พูดมาว่า
“จะกินรึเปล่า”
ถึงจะยัง
งงๆ แต่เขาก็พยักหน้าแล้วรับมากินอย่างมูมมาม
อาหารอย่างแรกที่ตกถึงท้องในรอบสัปดาห์
จากนั้นเขาก็ถูกสิงห์ถามอีก
“นายน่ะจะมากับฉันรึเปล่า มาเปลี่ยนแปลงโลกอันเน่าเฟะนี่ มาเป็น’เพื่อน’ของฉัน”
เขาเงยหน้าสบตาอีกฝ่ายโดยที่ปากยังเคี้ยวข้าวหลามอยู่
“…”
แม้จะไม่เข้าใจแต่ก็ตอบรับไป
ใบหน้าของเด็กหนุ่มตอนที่พูดหลังจากนั้นไม่ได้แสดงอารมณ์ออกมาเลย
“งั้นจากนี้ไปชื่อของนายคือข้าวหลามจงยอมรับมันแล้วไปเข้ารับการทดสอบเพื่อเป็นเพื่อนของฉันซะ”
ตั้งแต่นั้นมาเขาก็กลายเป็น ‘ข้าวหลาม’
โดนตั้งชื่อเหมือนของที่เอาให้กินราวกับเป็นสุนัขแล้วถูกเก็บไปเลี้ยงทั้งที่บอกว่าให้เป็น
‘เพื่อน’
กว่าจะเข้าใจว่า
‘เพื่อน’ คืออะไร ความหายของคำพูดนั้นคืออะไร ก็สองวันต่อมาหลังจากตามสิงห์กลับมาที่ธุวดารกะ
ตนเองถูกบังคับให้เข้าร่วมโปรแกรมการฝึกสุดโหดที่มีคนตายในการฝึกทุกวัน
การฝึกฝนนั้นรวมเอาการผ่าตัดดัดแปลงเป็นครึ่งปีศาจเอาไว้ด้วยและการฆ่ากันเองเพื่อทดสอบพลังก็เป็นเรื่องธรรมชาติเอามากๆ
ในสถานที่ซึ่งกฎหมายและศีลธรรมลงมาไม่ถึง
มีผู้เข้ารับการทดสอบมากมายที่คล้ายๆ
กับตัวเองคือกำพร้า ถูกทิ้ง หรือไม่ก็พวกมือฉมังที่ถูกตั้งความคาดหวังว่าจะฆ่าพวก ‘ขี้แพ้’ อย่างตัวเองได้ทั้งหมดและเป็นผู้ผ่านการฝึกฝนนี้
ตอนนั้นเองจึงได้เข้าใจว่าความช่วยเหลือที่ตอบรับมานั้นคือคำสาปของปีศาจ
แต่ก็เพราะปีศาจตนนั้นเขาถึงได้ยังมีชีวิตอยู่ดังนั้นจึงพยายามมีชีวิตจนรอดจากการฝึกฝนนั่นมาได้
เขาฆ่าพวกที่โดนตราหน้าว่า
‘ขี้แพ้’
พวกที่ถูกทิ้งเหมือนตัวเองแล้วก็พวกมือฉมังไปมาก
บางคนก็ไม่รอดตั้งแต่การฝ่าตัดดัดแปลงแล้ว
จนในที่สุดรอดชีวิตเป็นคนสุดท้ายและได้เข้าพบสิงห์
ธุวดารกะ เพื่อกลายเป็น ‘เพื่อน’ หรือในอีกความหมายก็คือเป็นนักฆ่าสุนัขรับใช้ที่พร้อมจะทำทุกอย่างเพื่อสิงห์
และเพื่อธุวดารกะ
แล้วก็ได้รับทราบเหตุผลที่สิงห์เลือกตัวเองมาหลังจากเข้าพบด้วย...
เหตุผลที่ตัวเองได้มีชีวิตต่อมานั้นก็แค่
‘จะเป็นใครก็ได้’
ในตอนนั้นสิงห์เห็นเขาไม่ต่างไปจากหมาจรจัดใกล้ตายเท่านั้น
เป็นเศษขยะที่ไม่มีใครต้องการจึงเก็บมารีไซเคิล อารมณ์คงประมาณนั้นแหละ
แต่ยังไงซะเรื่องที่สิงห์ช่วยตัวเองเอาไว้ชีวิตถึงได้เปลี่ยนมาขนาดนี้ก็ยังเป็นเรื่องจริงดังนั้นตนจึงพยายามทำหน้าที่
‘เพื่อน’ อย่างเต็มที่
พยายามเข้าใจสิงห์
พยายามเข้าใจธุวดารกะ เพื่อทำประโยชน์ให้มากที่สุด
แต่ก็โอนเอียงเข้าสิงห์มากกว่าเสมอมาจนกลายเป็นคนที่ได้รับความไว้วางใจสูงสุด
แต่แล้ว...
อยู่มาวันหนึ่งกลับได้ล่วงรู้ความจริงอันน่าเหลือเชื่อ
ความจริงที่ว่ามนุษย์นั้นถูกบงการโดยเทวทูตมาตั้งแต่สมัยโบราณ
ได้เห็นโลกล่มสลายลงต่อหน้า
โลกที่โหดร้ายกับตนเองเสมอมา
แต่ถึงอย่างนั้นก็ไม่ได้ช่วยให้รู้สึกดีขึ้นเลย ถึงพวกคนที่ฆ่าพ่อจะพากันตายไปหมดเพราะรับอมฤตไม่ไหวหรือไม่ก็ถูกสัตว์เทวะกินไปแล้วอยู่ที่ไหนซักแห่งก็ไม่ได้ช่วยให้รู้สึกดีทั้งนั้น
เพียงแต่…
เพียงแต่
สิงห์มองโลกอันสิ้นหวังนี้ด้วยใบหน้าที่เปล่งประกายสดใสอย่างที่หามิได้
ใบหน้าที่แข็งทื่อจนรู้สึกว่ามันอาจจะเย็นเยียบเหมือนน้ำแข็งนั่นกลับปล่อยความรื่นรมย์ผ่านออกมาเป็นเพราะ
‘ขวากหนามอันยิ่งใหญ่ต่อโลกที่ปรารถนา’ ได้หายไปแล้วนั่นเอง
ชอบใบหน้าแบบนั้นของสิงห์
ไม่รู้ทำไมแต่มันรู้สึกประทับใจที่ได้เห็นสิงห์ทำหน้าแบบนั้นเป็นครั้งแรก
ความรู้สึกของตัวเองพองโตขึ้นอย่างควบคุมไม่ได้
ไม่ใช่ผลจากากรฝึกฝนเพื่อให้จงรักภักดีอย่างแน่นอน
แต่เป้นความรู้สึกของตัวเอง เป็นความปรารถนาที่ต้องการด้วยตัวเอง
เขาอยากจะเห็นอีก
เห็นรอยยิ้มของ ‘เพื่อน’ คนนี้ต่อให้จะต้องสังเวยคนทั้งโลกก็ตาม
อยากจะช่วยสิงห์ให้บรรลุความหวังอันสูงสุดนั้น
“ไม่ได้เห็นนายยิ้มแบบนั้นมานานแล้วนะมีเรื่องอะไรดีๆ เกิดขึ้นเรอะไง”
ข้าวหลามหันไปทักทาย
‘เพื่อน’ ที่เพิ่งเดินออกมาจากแนวป่าลงมาที่ชายหาดด้วยวาจาจิกกัดอย่างเคยๆ
กุมภา
ธุวดารกะ ในรูปลักษณ์ของมนุษย์ต่างดาวราครูลำดับที่สอง
รูบิเดียมก็ตามหลังมาด้วยเช่นกัน
ใบหน้าของสิงห์
ธุวดารกะ แฟรนเซียมราชามนุษย์ต่างดาวกำลังทำหน้าอารมณ์ดีอยู่ถึงจะไม่ยิ้มเลยหรือมีสีหน้าแบบนั้นให้เห็น
แต่เขาก็รู้ใจ ‘เพื่อน’
เป็นอย่างดี
แฟรนเซียมกำลังดีใจที่ความสำเร็จของแผนใกล้จะเป็นจริงแล้ว
ที่เหลือก็แค่ทดสอบให้สำเร็จและรออิงศรซึ่งจะกลายเป็นกุญแจสำหรับปลายทางมารวมตัว
ถึงตอนนั้นทุกอย่างก็จะตกอยู่ในกำมือของแฟรนเซียม
จะได้เห็นนายยิ้มแบบนั้นอีกครั้งแล้วสินะ
“ถ้ารู้แล้วก็ไม่ต้องถามสิอย่างนายน่าจะเดาสาเหตุได้อยู่แล้วนี้”
แฟรนเซียมพูดอย่างที่เขาคาดเดาเอาไว้ไม่มีผิด
ข้าวหลามหัวเราะ
“ฮะฮะฮะ นั่นสินะแล้วจะให้ทำอะไรต่อไปดีล่ะ”
พอถามแบบนั้นไปแฟรนเซียมก้หันไปคุยกับรูบิเดียมแทน
“ทางนั้นล่ะไปถึงไหนแล้ว”
ถามสถานการณ์ที่ชายฝั่งซึ่งตอนนี้น่าจะกำลังรบกันดุเดือด
สงครามระหว่างเมตไตรยกับกองกำลังมนุษย์ต่างดาวทั้งหมด
“เห็นว่ากำแพงโดนทำลายแล้วล่ะมีพวกของเราที่บุกเข้าไปในตัวเมืองได้แล้วด้วย
ความห่างชั้นของพลังมีนต่างกันเกินไป”
“แล้วไม่มีพวกเทวทูตออกมาเลยรึไง”
รูบิเดียมที่โดนแฟรนเซียมถามแบบนั้นเข้าก็เปิดหน้าจอระบบขึ้นมาเพื่อตรวจสอบสถานการณ์
“ไม่มี”
“พวกมันคงทิ้งเมตไตรยไปแล้วสินะ คงไปรอเราอยู่ที่บาเบลแล้ว
ช่างเถอะแบบนั้นจะทำให้ทดลองได้ง่ายขึ้น ช่วยเพิ่มกำลังรบให้เจ้าพวกที่กำลังจะแพ้ตอนนี้เลย”
คำพูดของแฟรนเซียมนั่นหมายถึงให้เดินเครื่องทำสวนศักดิ์สิทธิ์ที่หลับใหลอยู่ใต้ฐานของเมตไตรย
“เราจะมอบความหวังให้กับมันแล้วจากนั้นก็เปลี่ยนมันเป็นความสิ้นหวังซะ”
สิ้นคำแฟรนเซียม รูบิเดียมก็ใส่คำสั่งลงในหน้าจอเพื่อเดินเครื่องที่ว่า
เพื่อถอนรากถอนโคนคนหนุนหลังพวกเทวทูตที่เหลือ
เพื่อทดสอบพลังของเฟืองที่สร้างขึ้นมา
จำเป็นต้องสังเวยความรู้สึกเป็นจำนวนมากเพื่ออาคานาร์ฟอร์ซที่จะทำให้จิตใจของมีนาเสถียรพอไม่อย่างนั้นจะถูกความบ้าคลั่งของเครื่องทำสวนกลืนกินแล้วพังจนใช้งานไม่ได้เอา
เรื่องของอาคานาร์ฟอร์ซเองก็เป็นสิ่งที่เพิ่งได้มาจากการวิจัยเกี่ยวกับอิงศร
หมอนั่นมีสิ่งที่สิงห์ต้องการเก็บซ่อนเอาไว้มากมายจนน่าอิจฉาเล็กน้อย
สิงห์ต้องการอิงศรมากกว่าตนเอง
แต่เพราะรู้ว่าความต้องการนั้นเป็นเพียงแค่ความต้องการเครื่องมือเท่านั้น
ดังนั้นสุนัขรับใช้อย่างเขาก็มีหน้าที่สยบหมาป่าอย่างอิงศรให้เชื่องอยู่ใต้อาณัติของเจ้านาย
เพื่อสิงห์
เพื่อแฟรนเซียมเขายอมทำทุกอย่าง
***อาทิตย์นี้กะว่าถ้าทันจะอัพให้สามตอนครับเพื่อวนกลับมาเป็นรอบปกติให้ได้จากปกติอาทิตย์นี้จะมีแค่สองตอนวันจันทร์นี้กับวันพุธ
จะพยายามงอกตอนลงวันศุกร์มาให้อีกตอนแล้วอาทิตย์หน้าก็จะวนเป็นสองตอนของวันอังคารกับพฤหัสและสามตอนของวันจันทร์พูธศุกร์นั่นเองครับ***
ความคิดเห็น